เครื่องกรองอากาศเป็นสิ่งที่ไม่มีอะไรซับซ้อน ต้องการเพียงให้มีลมพัดผ่านฟิลเตอร์ก็ทำงานได้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเครื่องกรองอากาศระดับเทพแค่ไหนก็จะมีหลักการไม่ต่างกัน ในช่วงเดือนมกราคม2562 เป็นช่วงที่ฝุ่น pm2.5 ปกคลุมประเทศไทยหนักมาก หลายคนตื่นตัวเรื่องการป้องกัน หาซื้อหน้ากากกันจนขาดตลาด และเครื่องฟอกอากาศหรือเครื่องกรองอากาศก็ขายดีมากจนหลายๆห้างของหมดกันเลย
ผมเองก็ซื้อเครื่องกรองอากาศใช้เช่นกัน และก็ศึกษาหาข้อมูลว่ามันทำงานอย่างไร เมื่อรู้หลักการพื้นฐานแล้วก็รู้สึกว่าอยากทำเอง แต่เราก็ไม่ได้มีฟิลเตอร์ดีๆ และไม่ได้มีพัดลมเงียบๆให้ใช้ หรือมีเราก็ไม่รู้แหล่งผลิตในไทย
แต่สถานการณ์ฝุ่นยังไม่ได้ดีขึ้น โรงเรียนประกาศหยุดเรียน รัฐบาลก็แก้ปัญหาไม่ตรงจุด เราก็ต้องดูแลตัวเอง และในบ้านก็มีห้องหลายห้อง แม้ว่าเราจะซื้อเครื่องกรองอากาศวางในห้องนอน แต่ห้องอื่นๆก็ยังอยากมีระบบกรองอากาศ จะให้ซื้อเครื่องกรองสำหรับทุกห้องก็ใช้เงินเยอะมาก ไม่สามารถจะจ่ายได้ขนาดนั้น เลยลองทำเองดีกว่า
ใน youtube มีตัวอย่างการดัดแปลงง่ายๆหลายอย่าง หลักการก็เพียงแค่นำฟิลเตอร์มาติดกับพัดลม ผมก็เลยลองหาอุปกรณ์เหลือใช้ในบ้านมาลองทำบ้าง ก็ไปรวบรวมของเก่ามาดังนี้
- พัดลม ถอดจากคอมพิวเตอร์เก่าๆ เป็นพัดลมระบายความร้อน cpu ใช้ไฟ 12v
- กล่องกระดาษได้จากกล่องใส่นมกล่อง uht ที่ลูกกินทุกวัน
- หม้อแปลง 5 v หรือ 12v ก็ได้ ซึ่งได้จากอุปกรณ์เก่าๆที่ตัวเครื่องเสียหรือเลิกใช้แล้ว
- ฟิลเตอร์กรองฝุ่นใช้ของเหลือจากหน้ากากกันฝุ่นที่มีอยู่
นำกล่องกระดาษมาเจาะรูด้านหน้าเพื่อใส่พัดลม ด้านหลังเจาะรูเพื่อเป็นช่องอากาศเข้า นำฟิลเตอร์หรือหน้ากากกันฝุ่นมาบังรูด้านหลังไว้ ทำที่คล้องให้กับสายคล้อง เพื่อให้เราเปลี่ยนหน้ากากกันฝุ่นได้สะดวก ต่อไฟเลี้ยง 5v ให้กับพัดลม 12v ซึ่งพัดลมก็ทำงานได้ หมุนเบาลงกว่าสเป็คเต็มกำลัง ลมยังคงพัดและดูดอากาศผ่านฟิลเตอร์ได้ ข้อดีของการใช้ไฟเลี้ยงต่ำลงก็คือ พัดลมจะมีเสียงการทำงานที่เบาลงมาก หากเราใช้งานเต็มกำลังเสียงลมจะดังมาก ดังจนรำคาญเลย
ส่วนหน้ากากที่ใช้เป็นฟิลเตอร์ก็ใช้ของเหลือที่กำลังจะทิ้ง เนื่องจากหน้ากากอนามัยไม่ทน หากโดนน้ำลาย โดนลมหายใจชื้นๆของผู้ใช้งานมันก็จะหมักหมมและไม่น่าใช้แล้ว เป็นของที่เตรียมทิ้ง ผมก็หยิบมาใช้งานแทน เพราะมันไม่เปื้อน และลมเป่าจากพัดลมก็ทำให้มันแห้งไปแล้ว หากเราอยากกรองฝุ่นระดับ pm2.5 เราก็สามารถเลือกใช้หน้ากากที่กันฝุ่น pm2.5 มาใส่ได้เลย แต่ผมเลือกใช้หน้ากากอนามัยแบบธรรมดาซ้อนกัน 2 ชั้น ผู้รู้หลายๆท่านแนะนำไว้ว่าใช้2ชั้นก็จะกรองฝุ่น pm2.5 ได้ 90% นั่นเอง
ประกอบเสร็จก็ทดลองใช้ เสียงพัดลมจากไฟ 5v ให้ความเงียบได้น่าพอใจ คือไม่ดังมาก เราสามารถเปิดเครื่องกรองแล้วฟังเพลงในห้องได้ไพเราะเหมือนเดิม ไม่รำคาญแบบพัดลมแรงๆ ส่วนค่าฝุ่นที่ผ่านเครื่องกรองตัวนี้ก็ลดลงจริง เราดูได้จากมิเตอร์วัดฝุ่นรุ่น Xiaomi air detector
สรุป ระบบกรองอากาศเป็นระบบที่ไม่ได้มีเทคโนโลยีซับซ้อน ต้องการเพียงแค่ระบบพัดลมกับฟิลเตอร์เท่านั้น บริษัทผู้ผลิตในไทยควรจะพัฒนาและทำผลิตภัณฑ์เพื่อกรองอากาศออกมาให้เพียงพอกับความต้องการในประเทศ จะได้ไม่ต้องซื้อของนอกให้เงินตรารั่วไหล
ผลการทดลองใช้เครื่องกรองในห้องทำงาน เป็นห้องมีประตูมิดชิด ไม่เปิดแอร์ เปิดไว้ประมาณ 8 ชั่วโมง ใช้ Xiaomi air detector เป็นตัววัดค่อยเก็บค่าทุกชั่วโมง เร่ิมต้นการวัดที่ค่าฝุ่น39 ได้ผลตามภาพนี้
สรุปผลคือ ตัวเครื่องกรองอากาศรุ่น DIY นี้ ลดฝุ่นได้เล็กน้อย เพราะผลการวัดมีค่าฝุ่นลดลงจริงๆ แต่ประสิทธิภาพต่ำกว่าเครื่องที่ทำขายอยู่มาก ด้วยเหตุที่ใช้พัดลมตัวเล็ก และฟิลเตอร์มีพื้นที่อากาศไหลผ่านไม่มาก ถ้าอยากเพิ่มความสามารถให้เครื่องกรองรุ่นนี้ จะต้องใช้พัดลมขนาดใหญ่ขึ้น และใช้ฟิลเตอร์กรองที่ใหญ่ขึ้นเช่นกัน ผมคิดว่าถ้าใช้ในพื้นที่เล็กๆ กรองแค่บนโต๊ะทำงาน หรือ หัวเตียง ก็น่าจะทำให้เรารับฝุ่นน้อยลง ถ้าเราได้เครื่องนี้มาฟรีๆจากเศษวัสดุเหลือใช้ ทำใช้ก็ดีกว่าไม่มีใช้
Discover more from Pockethifi's Blog
Subscribe to get the latest posts sent to your email.












Pingback: ปรับปรุงเครื่องกรองฝุ่น ใส่ฟิลเตอร์คุณภาพสูง | Pockethifi's Blog