รีวิวหูฟัง หูฟัง QKZ X HBB

เมื่อพูดถึงหูฟังผมจะนึกถึงหูฟังทรง earbud ที่ใส่สบาย พกง่าย เป็นรูปแบบที่คุ้นเคยตั้งแต่สมัยเด็ก และอีกรูปแบบคือหูฟังทรงครอบหูหรือ Full size ที่ดูใหญ่โต และบีบหัว เสียงอาจจะดีมากแต่ก็ใหญ่เกินกว่าจะพกพา ใส่เดินเล่นนอกบ้านก็คงดูแปลกตา

IMG_5494

ความชอบในหูฟังที่มีมาตั้งแต่เด็ก ทำให้เวลามีข่าวว่าหูฟังอะไรได้รับความนิยม หรือ มีหูฟังตัวไหนเสียงดีก็จะพยายามหามาฟัง มีบางครั้งที่ทดลองเสี่ยงซื้ัอโดยไม่ได้ลองฟังก็มีทั้งผิดหวังและสมหวัง แต่ส่วนมากจะผิดหวัง เพราะเสียงไม่ดีอย่างที่คาดหวัง

หูฟังชนิด inear เป็นหูฟังพกพาอีกรูปแบบหนึ่งที่ได้รับความนิยมขึ้นมาในช่วงสิบกว่าปีนี้ หูฟังที่เริ่มแถมมากับโทรศัพท์ก็เปลี่ยนมาเป็นหูฟัง in ear กันหมดแล้ว ไม่มีใครแถม earbud อีกแล้ว และแทบไม่มีคนขายหน้าใหม่ที่ทำหูฟัง earbud ออกมาเลย 90% ในตลาดจะเป็นหูฟังแบบ inear

IMG_5480

หูฟัง inear เคยมีราคาสูง แต่ก็ค่อยๆมีราคาต่ำลง คงเป็นเพราะผลิตเยอะมากจนราคามันต่ำลงได้ และหูฟังจากประเทศจีนก็ทำตลาดในเมืองไทยได้เยอะมาก มีหูฟังยี่ห้อจากจีนเข้ามาให้คนไทยซื้อหลายยี่ห้อ และหนึ่งในหลายยี่ห้อที่ราคาถูกอย่างน่าประหลาดใจก็คือยี่ห้อ QKZ ซึ่งมีที่มาอย่างไรผมก็ไม่ได้หาข้อมูลเพิ่ม ผมเห็นว่ามีคนพูดถึงก็เลยลองสั่งมาทดลองใช้ดู แล้วก็พบว่ามันก็ดีน่าใช้

หูฟัง QKZ X HBB เป็นหูฟัง inear ส่วนมาก QKZ ที่พบจะราคาไม่ถึง 100 บาท แต่ตัวที่ทดลองนี้ราคาอยู่ที่ 469 บาท ซึ่งถือว่าแพงกว่าตัวอื่นเกือบห้าเท่า แต่ก็ยังราคาถูกอยู่ดีเมื่อเทียบกับหูฟังเสียงดีในอดีตที่ผ่านมา สายหูฟังเป็นพลาสติกมีรอยหยักเกลียวเล็กน้อย ทำให้สายไม่พันกันเวลาเก็บยัดๆไว้ในเป้ สายหูฟังถอดเปลี่ยนได้ มีไมโครโฟนมาด้วย สามารถใช้คุยโทรศัพท์ได้ ส่วนฟังเพลงทำได้อยู่แล้วและค่อนข้างดีเสียด้วย

qkzhbb-in1

คุณภาพเสียง

หูฟัง QKZ X HBB ให้น้ำเสียงที่มีเสียงกลางชัด เบสลึก และมีปริมาณที่เยอะแต่ยังไม่ล้นบวม เสียงในย่านทุ่มมีพลัง แต่ก็ต้องอาศัยการใส่หูฟังให้ได้มุมที่เหมาะสมกับหูด้วย เพราะจะช่วยทำให้เสียงเบสมีความคมชัดมากขึ้น เสียงสูงมีประกายที่ชัดและลากยาวได้ไกล ไม่ทึบ ไม่ห้วน ถือว่าเป็นเสียงทุ้มกลางแหลมที่มาครบทุกเสียงและมาแบบพอดีน่าฟังด้วย

ส่วนไมค์ที่ติดอยู่บนสายก็พบว่ามีอาการเสียงเบาเกินไป คู่สนทนาไม่ค่อยได้ยินเสียงของเราที่พูดเข้าไป อาจจะเป็นอาการเสียเฉพาะตัวที่บังเอิญอยู่ในหูฟังเส้นนี้ก็ได้

จุกยางที่แถมมาพร้อมหูฟังมีหลายขนาด ให้ลองเปลี่ยนขนาดที่เหมาะกับหูของเราดู เพราะผมต้องเปลี่ยนขนาดจุกยางถึงจะได้เสียงที่พอใจ ถ้าขนาดจุกยางเล็กเกินไปเสียงจะเล็กบาง เบสหาย ถ้าจุกยางใหญ่เกินไปเบสจะล้นไม่น่าฟัง ดังนั้นจุกที่ให้เสียงพอดีเราต้องทดลองเปลี่ยนดูเพื่อหาขนาดที่ให้เสียงที่เราชอบ

ระบบสายหูฟังที่เป็นแบบต้องแขวนคล้องใบหูก็เป็นการออกแบบที่เน้นให้หูฟังไม่หลุดออกจากหู แต่ก็ทำให้ถอดใส่ยากไปหน่อย

ทดลองฟังเพลง I can’t hide ของ Jennifer warn เป็นเพลงช้าโชวเสียงร้อง เสียงกลองหลายแบบ มีทั้งกลองใหญ่ทุ้มลึก และ เสียงเคาะขอบสแนร์ที่คมชัดหนักแน่น เบสที่เล่นประคองก็โอบล้อมเพลงให้ความรู้สึกอลังการ ทุกเสียงถ้าได้ยินผ่านลำโพงวางพื้นในห้องฟัง คงต้องเดาราคาว่าหลายหมื่น

ลองฟังเพลง Enter sandman ของวง Metalica. อัลบั้ม Black อินโทรเสียงกลองที่เป็นเอกลักษณ์ขึ้นมาก็รู้สึกสนุกทันที เสียงกลองใหญ่โต และมีขอบเขตที่ชัดเจน ไม่ได้ดังอื้ออึงฟังไม่รู้เรื่อง แต่ละเสียงขึ้นและจบในพื้นที่ของมันเอง เสียงกีต้าร์ไฟฟ้าเล่นเพาเวอร์คอร์ด แผดขึ้นมาไม่เสียดหู เสียงสแนร์ เสียงฉาบ มีเนื้อละเอียด ทอดยาว ไม่ทึบ หูฟังตัวนี้ให้เสียงผู้ดีมากๆ คือฟังทุกเสียงแล้วไม่แสบหูเลย

ไม่ว่าจะฟังเพลงโชว์เสียงร้อง หรือ เสียงกีต้าร์อคูสติก ทุกเสียงเหล่านี้จะมีมิติคมชัด เสียงร้องฟังออกเลยว่ามีเทคนิคการร้องยังไง ลองฟังเพลงเธอคือของขวัญ ของสิงโต นำโชค ผมว่าเพลงนี้เป็นเพลงที่สิงโตทำได้ดีที่สุดเลยสำหรับความไพเราะ และคุณภาพการบันทึกเสียง

สามเพลงที่ยกมาเป็นตัวอย่างผมฟังจากไฟล์ที่ริบจากแผ่นต้นฉบับเก็บไว้ฟังเอง แผ่นก็ยังอยู่ แต่ไม่มีเครื่องเล่นซีดีแล้ว อาศัยเปิดเพลงด้วยคอมพิวเตอร์ โปรแกรมเปิดเพลงใช้ music ในเครื่อง macbookair m1

สิ่งที่น่าประทับใจก็คือการให้โฟกัสเสียงที่นิ่งและแม่นยำ ปกติหูฟังคุณภาพต่ำจะให้เสียงไม่คมชัด คือเสียงหูซ้ายและขวาไม่ทับซ้อนกันในตำแหน่งที่เหมือนกัน ทำให้เสียงร้องเหมือนมีสองเสียง ส่วนหูฟังคุณภาพดี จะให้โฟกัสเสียงร้องที่ทับกันพอดี คมชัด ระบุตำแหน่งได้ชัดเจน QKZ HBB ตัวนี้ให้เสียงชัดเป๊ะ มิติเสียงร้องอยู่กลางหัวเลย ดนตรีแต่ละชิ้นที่จัดวาง ซ้ายบ้าง ขวาบ้าง ใกล้ ไกล แยกแยะ จัดวางได้ตำแหน่งต่างๆอย่างแม่นยำ ไม่มีเงาเสียงซ้อนกันเลย

b1e9715b-2803-479f-9c1c-23ced183a56d

ข้อดี

ราคาถูกแต่ให้เสียงดี โฟกัสเสียงคมชัด ตำแหน่งของเสียงต่างๆเป๊ะมาก

ข้อเสีย

หูฟัง QKZ X HBB มีรูปทรงที่อ้วนใหญ่ เป็น inear ที่มีบอดี้ของตัวมันค่อนข้างใหญ่ การใส่ inear ตัวใหญ่เข้าไว้ในหูนานๆจะทำให้ปวดหูได้ ถ้าจะใส่เล่นเกมส์ดูหนัง ก็อย่าใส่นานเกินไป 2-3 ชม. ก็รู้สึกอยากจะถอดออกแล้ว ความอึดอัดเป็นความรู้สึกส่วนตัว แต่ละคนไม่ได้รู้สึกเหมือนกัน ให้ทดลองใส่เองดู

สรุป

หูฟัง QKZ X HBB เป็นหูฟัง inear ที่ให้น้ำเสียงน่าฟัง แนวเสียงไฮไฟ ให้มิติเสียงต่างๆคมชัด ใช้ฟังดนตรีก็เพลิน ใช้เล่นเกมส์ก็ได้ แต่ต้องเลือกจุกยางให้เหมาะสมกับหูของเราซึ่งแต่ละคนจะมีความเหมาะสมไม่เหมือนกัน หูฟังตัวนี้ใส่นานๆแล้วรู้สึกอึดอัด อาจจะเพราะบอดี้ของหูและจุกยางที่ใหญ่เกินไป เพราะตอนใส่หูเราต้องทำให้จุกยางดันหูเล็กน้อยเพื่อปิดรูหูให้มิด เบสจะได้มีเยอะตามที่ต้องการ คิดว่าใช้งานฟังเพลงเพลินๆสัก 1-2 ชม. ก็พอทนถือว่าทำงานได้ดี คุ้มราคาค่าตัว ส่วนเรื่องไมค์รับเสียงในตัวผมว่าไม่ผ่าน เสียงเบาเกินไป แต่อาจจะเป็นความเสียหายเฉพาะเส้นนี้ก็ได้

รีวิวหูฟังไร้สาย Apple Airpod Gen1 Gen2

IMG_5404

หูฟังชนิดไร้สายที่ส่งสัญญาณผ่านระบบบลูทูธได้รับความนิยมอย่างมาก ใครที่ต้องการหูฟังสำหรับฟังเพลง หรือ สำหรับการพูดคุยโทรศัพท์และการประชุมจะพยายามหาหูฟังไร้สายเป็นลำดับแรก หูฟังไร้สายระบบบลูทูธที่มาพร้อมกล่องเก็บป้องกันหายและยังเป็นกล่องที่ชาร์จไฟได้ในตัวกลายเป็นแพ็คเกจมาตรฐานของหูฟังบลูทูธในยุคนี้ไปเสียแล้ว และผู้ที่นำเสนอหูฟังไร้สายพร้อมกล่องชาร์จไฟได้ในตัวเป็นเจ้าแรกก็คือ Apple นั่นเอง โดยหูฟังไร้สายรุ่นแรกของค่ายนี้ที่มาพร้อมกล่องชาร์จก็คือ Apple Airpod ซึ่งภายหลังเราจะเรียกเพิ่มเติมว่า Airpod Gen1 เพราะว่าในอีกหลายปีต่อมาก็มี Gen2 ออกมา และมี Airpod pro ตามออกมาด้วย

20220116171445_IMG_0795

Apple Airpod Gen1 เป็นหูฟังที่นำหูฟัง Earpod ดั้งเดิมที่เป็นรุ่นมีสายมาตัดสายออก แล้วยัดแบตเตอรี่ไว้ในหูฟัง พร้อมทั้งออกแบบกล่องเก็บหูฟังให้มีแบตเตอรี่ในกล่อง ทำให้ตอนเก็บหูฟัง ตัวกล่องสามารถส่งพลังงานไฟฟ้าเข้าไปชาร์จหูฟังได้ และตัวกล่องก็มีช่องเสียบสาย lightning แบบเดียวกับ iphone เอาไว้ชาร์จไฟเข้ากล่อง

IMG_5402

คุณภาพเสียงของหูฟัง Earpod เป็นหูฟังเสียงดี ให้ความเป็นกลาง มีเบสชัดเจน มีปลายแหลมพอใช้ สามารถใช้ฟังดนตรี ฟังเสียงทั่วไปได้เป็นอย่างดี และคุณสมบัติทางเสียงเหล่านี้ก็ได้รับการถ่ายทอดไปสู่หูฟังไร้สายอย่าง Airpod ด้วยเช่นกัน เราคาดหวังว่า Earpod จะให้เสียงเป็นอย่างไร หูไร้สายก็เสียงเหมือนแบบมีสายแทบไม่ต่างกันเลย มันจึงเป็นหูฟังไร้สายที่จัดว่าเสียงดีมาก นักฟังเพลงที่ชอบดนตรีชัดๆ น่าจะชอบหูฟังอย่าง Airpod ได้ไม่ยาก เจ้าของ iphone ทุกคนก็จะคุ้นเคยกับเสียงเดิมนี้เช่นกัน

20220116171144_IMG_0790

ด้วยความที่ได้รับความนิยมล้นหลาม และขายดีทั่วโลก ก็มีผลทำให้มีอุปกรณ์เสริมอย่างเคสสำหรับใส่กล่องชาร์จออกมาขายจำนวนมาก และผมก็เลือกซื้อเคสหน้าตาเหมือนแอมป์กีต้าร์มาใช้ มันก็ดูน่ารักดี ผมซื้อ Airpod Gen1 มาก่อนหลายเดือนให้ภรรยาใช้ และซื้อ Airpod Gen2 มาเพิ่มเติม ทั้งสองรุ่นหน้าตาเหมือนกัน ถ้าวางปนกันจะแยกไม่ออกเลย และกล่องชาร์จของทั้งคู่ก็ยังมีรูปร่างและขนาดเหมือนกันอีก ถ้าไม่ใส่เคสที่แตกต่างกันจะดูไม่ออกเลย สิ่งที่แตกต่างระหว่าง Airpod Gen1 กับ Gen2 ก็คือ กล่องชาร์จของรุ่น Gen2 จะเป็นกล่องที่ชาร์จระบบไร้สายได้ นั่นคือเราสามารถวางกล่องชาร์จของ Gen2 บนที่ชาร์จไร้สายได้เพื่อชาร์จไฟเข้ากล่อง เป็นความสะดวกที่มาตามยุคสมัย

IMG_4829

ผลการทดลองฟัง

น้ำเสียงของ Airpod ให้ความสมดุลย์ของเสียงทุกย่านพอกัน เป็นแนวทางของเสียงที่เราเรียกว่าเสียงมอนิเตอร์ เราสามารถใช้หูฟังตัวนี้ในการฟังเปรียบเทียบ หรือ ฟังตรวจสอบงานบันทึกเสียงได้ดี มันให้เสียงกลางที่ชัด ให้น้ำหนักแรงประทะของเสียงกลองได้กระชับ ให้เบสได้ลงลึกและไม่มากเกินไป เสียงย่านต่ำไม่บวม เป็นสัดส่วนทุ้มกลางแหลมที่ลงตัวมาก หูฟังไร้สายยี่ห้ออื่นมักจะมีเสียงไม่โปร่ง ไม่ใส ไม่ชัด ขาดบ้าง เกินบ้าง บางยี่ห้อก็เบสเยอะมาก บางยี่ห้อก็ใส่ไม่สบาย Airpod ของ Apple นี่แหละที่ใส่ได้สบายที่สุด ใส่หลายๆชั่วโมงก็ยังไม่รู้สึกรำคาญหรืออึดอัด

ผมทดลองใช้งานกับโทรศัพท์ android ของ Xiaomi ซึ่งก็เชื่อมต่อได้ดี แต่มีปัญหาหนึ่งที่พบก็คือ Airpod Gen1 ต่อกับ Android แล้วเสียงฟังเพลง รวมถึงดู Youtube ต่างก็ให้เสียงที่เบามาก แต่เสียงพูดคุยตอนโทรศัพท์ยังดังปกติ ส่วน Airpod Gen2 ให้เสียงที่ดังปกติทั้งการฟังเพลงและคุยโทรศัพท์ ไม่พบอาการเสียงเบาแบบ Gen1 ซึ่งเป็นเรื่องที่แปลกอยู่ ดังนั้น ใครใช้ Android เมื่อจะหาหูฟัง Airpod มาใช้ ต้องระวังอย่าไปเลือกใช้ Gen1 เพื่อจะได้ไม่ต้องพบปัญหาเสียงเพลงเบา ความเบานี้เป็นระดับ่ที่เบาจนฟังแทบไม่รู้เรื่องถ้าไม่อยู่ในที่เงียบจริงๆ ถ้าเราเดินอยู่ในที่สาธารณะ หรือ ขับรถ นั่งรถอยู่ เราจะฟังเสียงเบาๆนี้ไม่รู้เรื่องเลย คือเบาจนใช้งานไม่ได้นั่นเอง

แต่กับการใช้ Airpod ทั้ง Gen1 และ Gen2 กับโทรศัพท์ iphone กลับไม่มีปัญหาใดๆเลย ทั้งคู่ให้เสียงที่เหมือนกันมากจนแยกแยะไม่ออกว่าตัวไหนเป็น Gen1 หรือ Gen2 ผมพยายามหาข้อมูลในเน็ตแล้วว่าจะทำยังไวให้ตั้งค่า Gen1 กับมือถือ Android ให้มีระดับเสียงที่ดังปกติ แต่ก็ไม่พบวิธีทำที่ได้ผล

สรุป Apple Airpod ทั้ง Gen1 และ Gen2 ให้คุณภาพเสียงที่ดีมาก ให้น้ำหนักเสียงทุ้มกลางแหลมที่พอดีทุกย่าน สามารถใส่เพื่อฟังเป็นเวลานานก็ได้ การชาร์จไฟเต็มกล่องชาร์จแล้วหมั่นใช้หมั่นวางหูฟังเก็บเข้ากล่องก็จะทำให้หูฟังสามารถใช้งานได้หลายชั่วโมง บางครั้งหากธุระการพูดคุยไม่มาก เราก็พกหูฟังพร้อมกล่องโดยไม่ต้องเสียบชาร์จตัวกล่องได้หลายวัน แต่ถ้าเล่นโทรศัพท์เยอะ ใช้งานทั้งวันก็ทำให้เราต้องชาร์จไฟเข้ากล่องประมาณวันเว้นเว้น และหากใครจะซื้อเพื่อใช้งานกับโทรศัพท์ระบบ Android ควรได้ทดลองก่อนซื้อ เพื่อป้องกันกรณีเสียงเบาเร่งไม่ขึ้นด้วย

รีวิวหูฟังไร้สายเสียงดี ฟังค์ชั่นครบ Logitech g435

IMG_20220604_074425

การใช้งานคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์ในยุคสมัยนี้อยู่กับชีวิตเราแทบตลอดเวลา เป็นยุคที่เรามีโทรศัพท์มือถือกันแทบทุกคน มือถือจะฟังเพลงจากระบบสตรีมได้ ข้อมูลภาพและเสียงมาจากอินเทอเน็ต เราแทบจะไม่มีใครเก็บไฟล์เพลงไว้ในเครื่องอีกแล้ว และหูฟังนอกจากทำหน้าที่ฟังเพลง ก็ยังทำหน้าที่สำหรับการสื่อสารด้วย ใช้ฟัง ใช้พูดคุยผ่านระบบอินเทอเน็ต หูฟังจึงเป็นสิ่งจำเป็นมากยิ่งขึ้น


หูฟังแบบครอบหูเป็นหูฟังที่ดูอลังการ ใหญ่โตและดูจริงจัง เมื่อก่อนเราจะพบเห็นการใช้งานหูฟังแนวนี้ในสตูดิโอระดับมืออาชีพ แต่การใช้งานในปัจจุบัน ยุคสมัยของการสื่อสารหลังโควิด เราใช้หูฟังพร้อมไมค์โครโฟนกันมากขึ้น การเล่นเกมส์ผ่านคอมพิวเตอร์ก็นิยมใช้หูฟังมานานแล้ว ทุกวันนี้เราพบหูฟังขนาดใหญ่หรือ Full Size เป็นเรื่องปกติ

ScreenClip

Logitech g435 เป็นหูฟังครอบหูขนาด full size ออกแบบมาให้เป็นหูฟังระบบไร้สาย 2 ระบบ คือเป็นไร้สายแบบรับสัญญาณไร้สายคลื่นความถี่ 2.4gHz ผ่านตัวส่งสัญญาณ usb ที่มีมากับชุดหูฟังเลย และแบบที่สองคือรับสัญญาณผ่านบลูทูธ นั่นหมายความว่า เราใช้งานหูฟังตัวนี้กับโทรศัพท์ผ่านบลูทูธได้ ใช้กับคอมพิวเตอร์ที่มีพอร์ต usb ก็ได้ ซึ่งเป็นความยืนหยุ่นที่ดีมาก

การใช้งานกับคอมพิวเตอร์ผ่านพอร์ต usb จะมีตัวเสียบ usb เอาไว้รับส่งสัญญาณไร้สายโดยเฉพาะ จะทำให้คุณภาพเสียงดีที่สุดตามสเป็คของหูฟัง เพราะการสื่อสารผ่าน 2.4 gHz จะเป็นการสื่อสารที่เน้น sound quality หากต้นฉบับเสียงของเราเป็นสัญญาณระดับ cd quality เราก็จะได้ยินเสียงคุณภาพสูงเกือบเท่าต้นฉบับ Logitech ยังไม่ได้เปิดเผยว่า protocal ในตัวส่ง usb นั้นเป็นการสื่อสารชนิดใด แต่เดาว่าจะเป็นระบบที่ออกแบบให้ดีเลย์ต่ำและมีบิทเรทที่สูงเพียงพอสำหรับการเน้นเรื่องคุณภาพเสียง ส่วนการใช้งานผ่านระบบ Bluetooth จะเป็นการส่งสัญญาณแบบบีบอัด เพราะแบนด์วิดธ์การสื่อสารข้อมูลหรือ bite rate ของ bluetooth จะน้อยในระดับ 300-990bps แล้วแต่มาตรฐาน แม้เราจะเล่นเพลงจากไฟล์คุณภาพสูง แต่การที่ต้องแปลงข้อมูลให้บิทเรตน้อยลงเพื่อให้วิ่งผ่าน bluetooth ก็จะทำให้ข้อมูลเพลงถูกลดทอนและมีการสูญเสียไปในการแปลงข้อมูลกลับไปกลับมา

ScreenClip

หูฟัง g435 มีพอร์ต usb-c บนตัวมันเพื่อเอาไว้ชาร์จไฟ แบตเตอรี่ในตัวสามารถถอดเปลี่ยนได้โดยดูจากคู่มือ นับว่าเป็นการออกแบบหูฟังไร้สายที่ใส่ใจกับสิ่งแวดล้อมมาก เพราะหลายๆค่ายที่ทำหูฟังไร้สาย มักจะไม่ค่อยบอกว่าเปลี่ยนแบตได้ไหม จริงๆต้องบอกว่าหลายยี่ห้อไม่ได้คิดจะให้ลูกค้าเปลี่ยนแบตเตอรี่ภายในเลยด้วยซ้ำ

Driver Type40mm 
Impedance45 Ohms
Frequency Response20 – 20,000 Hz
Microphone TypeDual-beamforming on-cup; 100Hz – 8,000 Hz frequency response
Connectivity OptionsLightspeed wireless (2.4 GHz USB Type-A dongle), Bluetooth
CablesUSB Type-C to Type-A charging cable (6 feet/ 1.8 m)
Weight0.36 pounds /165 g 
สเป็ค

ทดลองฟัง

ต่อตัวส่งสัญญาณเข้าทางพอร์ต usb บนคอมพิวเตอร์ ใช้ระบบไร้สายแบบ 2.4gHz ฟังเพลงป๊อปทั่วไปทำได้ดีมาก เสียงกลางชัด เสียงแหลมใสมีประกาย เสียงเบสมีเพียงพอ ติดไปทางอิ่มๆหนาๆเล็กน้อย แต่เสียงเบสไม่ได้บังเสียงกลางแหลมให้รู้สึกทึบห้วน เป็นเบสใหญ่ๆที่ทำให้ฟังเสียงกลอง เสียงเครื่องเคาะต่างๆมีพละกำลังมาก หากฟังเพลงร็อคที่เน้นจังหวะกลองสนุกๆก็ทำได้สนุกจริงๆ เสียงแหลมที่เป็นเครื่องเคาะโลหะไม่มีอาการเสียดหูหรือทิ่มแทง เสียงแนวอบอุ่นฟังสบายเป็นเสียงที่ทำให้เราใช้งานหูฟังได้นานโดยที่เราไม่ปวดหู แต่หูฟังแนวครอบหูมักจะมีข้อจำกัดเรื่องความรู้สึกเมื่อใส่นานๆแล้วจะร้อนใบหู เพราะตัวครอบหูมันคลุมใบหูไว้ทั้งใบ

หากเทียบกับหูฟังอย่าง AKG K701 ที่เป็นหูฟังเกรดมอนิเตอร์ นิยมใช้ในห้องบันทึกเสียงและนักเล่นเครื่องเสียงที่เน้นเสียงสดเป็นธรรมชาติ เสียงของAKG จะใสกว่า กลางแหลมจะชัดกว่า เบสจะคมและไม่ได้มีบรรยากาศห่อหุ้มใหญ่เท่า G435 ถ้าเทียบเฉพาะเสียงกลาง G435 จะสู้ไม่ได้ แต่ G435 ก็ทำได้ดีน่าทึ่งมากๆ ยิ่งเป็นระบบไร้สายยิ่งมีความน่าสนใจ เพราะทำให้เราใช้งานได้สะดวกมากยิ่งขึ้น

1687522970057

ใช้เชื่อมต่อกับโทรศัพท์ผ่านระบบ Bluetooth ก็ทำได้ดีเช่นกัน รองรับ codec ชนิด AAC เสียงคู่สนทนาได้ยินชัดเจน เสียงไมโครโฟนที่เราพูดเข้าไปปลายทางได้ยินชัดเจน แม้ว่าหูฟังจะไม่ได้มีก้านไมค์ยื่นออกมารับเสียง แต่มันก็มีระบบการรับเสียงพูดที่ดีมากเรียกว่าระบบ beam forming ที่จะช่วยให้การรับคลื่นเสียงทำได้อย่างชัดเจนและมีคุณภาพสูง

เราสามารถใช้ไมโครโฟนของ g435 เพื่อทำ content ได้เลย เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ด้วย usb แล้วบันทึกเสียงด้วยไมค์ในตัวของหูฟังตัวนี้ ให้เสียงดีมาก มีความเป็นธรรมชาติมาก สามารถทำรายการแนวพูดคุย แนวเล่าเรื่องได้เลยไม่ต้องปรับแต่ง ยิ่งเมื่อเทียบกับราคาค่าตัวประมาณ 2000 บาท ก็ทำให้มันเป็นหูฟังที่ดีเลิศในระดับราคานี้และแทบไม่ต้องไปค้นหาหูฟังที่คุ้มค่ายิ่งกว่านี้เลย เพราะตลอดเวลาที่ติดตามข้อมูลเกี่ยวกับหูฟังมา ก็มีตัวนี้นี่แหละที่ให้คุณภาพสูง ราคาต่ำ และฟังค์ชั่นเยอะมาก

ให้ลูกลองบันทึกการเล่มเกมส์แบบนักสตรีมเกมส์ ก็เก็บเสียงพูดได้ชัดถ้อยชัดคำ น้ำเสียงเป็นธรรมชาติ ส่วนใครชอบเสียงแนวใหญ่ หรือแนวแหลมเพื่อให้ฟังชัดเจนยิ่งขึ้นก็ไปปรับแต่งในซอร์ฟแวร์ได้ สิ่งสำคัญคือไมโครโฟนของหูฟังเก็บเสียงที่ดีให้เราได้จริงๆ ลองฟังเสียงพูดในคลิปนี้ดูครับ

อยู่บ้านก็ใช้ g435 กับคอมพิวเตอร์ ออกนอกบ้านเราก็เปลี่ยนไปใช้ g435 กับโทรศัพท์ ก็ทำงานได้กับอุปกรณ์ที่หลากหลาย การเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์เป็นมาตรฐานของ usb หมายความว่า เครื่องคอมพิวเตอร์หรือเครื่องเล่นเกมส์ หรือเครื่องฟังเพลงเครื่องไหนที่รองรับการเชื่อมต่อ usb เราเอา g435 ไปเสียบใช้งานได้เลย ผมลองกับกล่องดูทีวีของ ais play เมื่อเสียบเข้าไปที่พอร์ต usb ด้านหลังกล่อง เราก็ได้ยินเสียงในหูฟังเลย ใครใช้กล่อง android เพื่อดูหนังฟังเพลง ก็เชื่อว่าใช้งานกับ g435 ได้ทันทีไม่ต้องลงไดรเวอร์ใดๆ

g435 ไม่ได้มีซอร์ฟแวร์ใดๆแถมมาด้วย นั่นก็หมายความว่ามันไม่มีลูกเล่นการสร้างเสียงรอบทิศทางในหูฟัง หรือไม่มีระบบ virtual 7.1 สำหรับหูฟัง ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะวัตถุประสงค์ของหูฟังตัวนี้คือเน้นความเป็นหูฟังที่ใช้งานง่ายในระบบไร้สาย และมันทำได้ดีมาก

ข้อดี

1 ระบบไร้สายทางพอร์ต usb เป็นการเชื่อมต่อคุณภาพสูง ให้เสียงเต็มสเป็ค ทำให้ได้คุณภาพเสียงที่ดี

2 การเชื่อมต่อบลูทูธกับโทรศัพท์ แท็ปเบล็ต คอมพิวเตอร์ ก็ทำได้ดี ใช้พูดคุยได้ เสียงดังฟังชัด ไมโครโฟนรับเสียงพูดได้ชัดเจน คู่สนทนารู้เรื่อง

3 ระบบการชาร์ตไฟด้วยพอร์ต usb-c มาตรฐาน สะดวกในการชาร์จมาก

4 แบตเตอรี่ในตัวเป็นแบบเปลี่ยนเองได้ คู่มือก็สอนวิธีเปลี่ยน

ข้อเสีย

1 ปุ่มเปิดปิดอยู่ในตำแหน่งที่มักจะโดนกดเมื่อใส่หรือถอดหูฟังจากหัว บางครั้งเราแค่อยากหยิบใส่ หยิบออกชั่วคราว แต่ก็เผลอไปกดปุ่มแล้วเปลี่ยนโหมด

2 ปุ่มกดเพื่อเข้าฟังค์ชั่นพิเศษทำได้ลำบาก ซับซ้อน ถ้าไม่มีคู่มือจะไม่สามารถใช้ลูกเล่นพิเศษได้เลย

3 ขนาดใหญ่ พกพาในกระเป๋าใหญ่ๆเท่านั้้น ไม่สามารถยัดหูฟังไว้ในกระเป๋าเสื้อหรือกางเกงได้


สรุป

หูฟังไร้สาย Logitech G435 เป็นหูฟังไร้สายทำงานได้ 2 ระบบ สามารถใช้กับคอมพิวเตอร์ทางพอร์ต usb ได้ สามารถใช้กับโทรศัพท์มือถือทาง bluetooth ได้ มีคุณภาพเสียงในการฟังเพลงที่ดี ใช้ฟังเพลงเพื่อทำงานหรือเพื่อความบันเทิงได้ มีความสามารถในการรับเสียงพูดคุยได้ดี ใช้สื่อสารพูดคุยกันได้ชัดเจน ใช้บันทึกเสียงเพื่อทำรายการพอดคาสท์ได้ เป็นหูฟังที่คุ้มค่ามากๆในราคาแค่สองพันบาท ถ้าต้องเดินทาง อยู่หอพัก และอยากได้อุปกรณ์การทำงานและการดูหนังฟังเพลงตัวเดียวครบทุกความต้องการ ก็ต้องตัวนี้เท่านั้น

พาดพิงหูฟัง Akg K701 ลองกลับไปอ่านรีวิวได้ครับ

สั่งซื้อ logitech g435 เชิญที่นี่ครับ

https://shope.ee/AUPVMPa8ay

https://s.lazada.co.th/s.Qesro?cc

รีวิว หูฟัง Hifiman Re400a

หูฟัง Hifiman Re400a เป็นหูฟังที่ออกมาภายหลังจากที่ Re400 ทำตลาดมาระยะหนึ่ง เนื่องจาก Re400 เป็นหูฟังที่เน้นการฟังเพลงจากเครื่องเล่นเพลงโดยเฉพาะ ส่วน Re400a เป็นหูฟังที่มีส่วนของไมโครโฟนด้วย คงตั้งใจทำออกมาให้ใช้กับโทรศัพท์ระบบปฏิบัติการ android เป็นหลัก โดยใช้ขั้วต่อแจ๊คชนิด Trrs ซึ่งเป็นแจ๊ค 3.5 มม. ที่มีขีดดำ 3 ขีด หรือ มีขั้วเชื่อมต่อทางไฟฟ้า 4 ขั้วนั่นเอง ส่วนฝั่ง iphone ก็จะมีรุ่น Re400i ออกมาด้วยเช่นกัน

ระบบการฟังเพลงในยุคปี 2022 กระแสหลักคือการฟังผ่านสมาร์ทโฟน หูฟังไร้สาย และหูฟังที่ต้องเสียบกับโทรศัพท์เป็นอุปกรณ์สำคัญสำหรับการฟังเพลงไปแล้ว และแหล่งโปรแกรมก็จะเป็นบริการ streaming จากหลายๆยี่ห้อ หูฟังที่ถูกทำขายในตลาดใหญ่ๆจะต้องรองรับการใช้งานกับโทรศัพท์เต็มรูปแบบ

20220111174222_IMG_0773

Hifiman Re400a เป็นหูฟังชนิด inear ในกล่องจะมีอุปกรณ์แถมมาจำนวนมาก นั่นคือมี จุกยางสำหรับเปลี่ยนขนาดให้พอดีกับหูของผู้ใช้ ในกล่องมีจุกยางจำนวน 7 คู่ รวมกับที่ติดมากับหูฟังด้วยอีก 1 รวมเป็น 8 คู่ ซึ่งจุกยางที่ติดมาจากโรงงานจะเป็นจุกยางสีดำ นอกจากนี้ยังแถมซองใส่หูฟังหรือกระเป๋าใส่หูฟัง ที่เป็นเหมือนกระเป๋าขนาดเล็กๆ รูปร่างกลม ขึ้นรูปเป็นทรงค่อนข้างแข็ง

20220111174249_IMG_0774

พอสินค้าตัวนี้มาถึงผม ก็ทดลองฟังทันที โดยหยิบหูฟังแกะออกจากกล่อง แล้วลองฟังเลย คุณภาพเสียงที่ได้ยินก็ตรงกับที่คาดไว้เหมือนเมื่อครั้งที่ทดลองฟังกับ Re400 รุ่นที่ยังไม่มีไมโครโฟน นั่นคือ เสียงไม่ได้เรื่องเมื่อฟังผ่านจุกยางสีดำที่ติดมาจากโรงงาน ผมก็ไม่รอช้า ลองเปลี่ยนทันที โดยเลือกเอาจากจุกยางอีก 7 คู่ที่มีให้ ผมรู้สึกว่าถ้าใช้จุกยางเล็กเกินไปเสียงเบสจะบาง ถ้าใช้จุกยางใหญ่เกินไปเบสจะหนาและทำให้กลางแหลมทึบ ส่วนจุกยางที่มีความยาวจะทำให้ตัวส่งเสียงถูกวางตัวห่างจากรูหูมากกว่าปกติก็จะทำให้เบสบางและเสียงกลางแหลมหดหาย ดังนั้นการเลือกจุกยากที่เหมาะกับรูปร่างของหูเราเองเป็นสิ่งสำคัญมาก ลองทดลองเปลี่่ยนให้ครบทั้ง7 คู่เพื่อหาเสียงที่ชอบที่สุด

20220216110128_IMG_0649

ผมเลือกเปลื่ยนจากจุกยางสีดำที่ติดมาจากโรงงานเป็นจุกสีขาวที่ขนาดเล็กที่สุดในกลุ่ม ผลการทดลองฟังได้บาลานซ์เสียงที่พอใจแล้ว ก็เลยเลือกจุกขาวคู่นี้เป็นหลักและใช้งานตั้งแต่วันที่ได้มา ระยะเวลาใช้บ้างไม่ใช้บ้างประมาณสองสัปดาห์ ผมก็เริ่มฟังอย่างจริงจัง

20220216110401_IMG_0654

Specification

Frequency Response : 15Hz-22KHz
Sensitivity : 102dB
Impedance : 32 Ohms+/- 3.2
Weight : 13.5g ( 0.47Oz )
Plug : 3.5mm
Maximum Input : 30mW

คุณภาพเสียง

re400a เป็นหูฟังอินเอียร์ ที่ให้ความสมดุลย์ของเสียงที่ดี ใช้เป็นตัวมอนิเตอร์ในการบันทึกเสียงพูดคุยต่างๆได้ดีเยี่ยม การถ่ายทอดเสียงในการฟังเพลงทำได้น่าฟัง เสียงกลางชัดมาก แต่ไม่ขึ้นขอบแหลมๆเสียดหู เสียงสูง เสียงเครื่องเคาะต่างๆทำได้เป็นธรรมชาติน่าฟัง ประกายแหลมที่ดังขึ้นแล้วค่อยๆจางไปทำได้ดีไม่รำคาญหู เสียงเบสก็มีให้ได้ยินเพียงพอ เสียงโซโล่เบส ก็ชัดเจนและมีความคม แน่น ไม่ยาน ไม่ล้น การเลือกจุกยางจะมีผลกับเสียงเบสชัดเจน เมื่อเลือกได้จุกที่ชอบแล้ว ก็ทำให้เราฟังเพลงต่างๆได้เพลิดเพลินมาก เสียงกลางที่ชัดเหมือนลำโพงบ้านทำให้เราถูกใจ เพราะมันเป็นแนวทางของเครื่องเสียงบ้านคุณภาพดี ส่วนการนำไปใช้คุยโทรศัพท์ก็ทำได้ดีไม่มีปัญหา คู่สนทนาน่าจะได้ยินเสียงที่เราพูดลงไปได้ชัดเจน เพราะใช้คุยไปกับหลายคน ทุกคนก็ไม่มีใครบ่นว่าเสียงเบาหรือเสียงบี้แบน แสดงว่าไมค์รับเสียงทำงานได้ปกติ

20220111174608_IMG_0779

จุดด้อยที่พบคือ หูฟังมีขนาดเล็กทำให้ไม่สามารถส่งเสียงย่านต่ำพิเศษได้ เสียงกลองตัวใหญ่ๆความถี่ต่ำมากๆในบางเพลงเราจะไม่ได้ยินเลย ผมรู้สึกได้ชัดกับเพลงของ Rachael Yamagata อัลบั้ม Acoustic Happenstance – 2016 ในเพลง Paper doll ให้ลองฟังนาทีที่ 2.20 เป็นต้นไป ดนตรีจะมีเสียงกลองที่ต่ำลึกมากๆ หูฟังเล็ก หูฟังยัดหูทุกตัวที่ผมมีแทบจะไม่ได้ยินเลย แต่จังหวะกลองมันมีอยู่ เพราะผมฟังผ่านหูฟังครอบหูไดรเวอร์ใหญ่ๆจะได้ยินชัดเจน หูฟังที่ได้ยินชัดก็อย่างเช่น Akg K701 หรือหูฟังออนเอียร์อย่าง Audio Technica Ath-250M ที่ใช้ไดรเวอร์ขนาด 40มม. ก็ได้ยินแต่น้อยลงกว่า K701 เล็กน้อย หรืออย่างหูฟังอย่าง Koss Ksc35 ก็ได้ยินเสียงต่ำลึกแผ่วๆ ซึ่งการที่เราฟังผ่านหูฟังอินเอียตัวเล็กๆไดรเวอร์เท่าเม็ดถั่วแบบนี้ การไม่ได้ยินเสียงความถี่ต่ำลึกก็คงเป็นข้อจำกัดทางกายภาพของหูฟังที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

สรุป

หูฟัง Hifiman Re400a เป็นหูฟังที่ออกมาเพื่อทำงานเหมือน Re400 แต่เพิ่มความสามารถเรื่องไมโครโฟนเข้ามาเพื่อให้ใช้กับโทรศัพท์มือถือ สามารถใช้สื่อสารพูดคุยได้ คุณภาพเสียงเหมือน Re400 มาก ใครเคยใช้งาน Re400 แล้วอยากให้มันมีไมค์เพื่อใช้คุยโทรศัพท์ไปด้วยเลยก็จะสมหวังกับ Re400a ตัวนี้แล้ว น้ำเสียงแนวเดียวกับลำโพงบ้านชั้นดี เป็นหูฟังให้เสียงดีที่สามารถใช้ฟังเพลงใช้ติดตัวไปกับโทรศัพท์ได้ทุกวัน ราคาพันต้นๆนับว่าเป็นราคาที่ชักชวนให้เสียเงินจริงๆ

หากสนใจซื้อ คลิกลิงค์นี้ครับ https://shope.ee/A9qoN3hNwg

รีวิว soundcard Epos gsx300

เมื่อประมาณเกือบสองปีก่อนผมได้มีโอกาสได้รีวิวหูฟังตัวนึง เป็นหูฟังสำหรับเล่นเกมส์ เป็นหูฟังครอบหูและมีไมค์โครโฟนสำหรับสื่อสาร ในตอนนั้นได้ลองเล่นแล้วก็ได้ค้นพบความสามารถบางอย่างของระบบที่ใช้ในหูฟัง นั่นคือระบบเสียง 7.1 ซึ่งเป็นระบบเสียงรอบทิศชนิดหนึ่งที่มีใช้ในวงการหูฟัง และดูเหมือนจะได้รับความสนใจในวงการเกมส์อย่างมาก

IMG_20220208_203654

หูฟังตัวนั้นคือ Sennheiser Gsp350 ซึ่งเป็นหูฟังแบบครอบหู เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ทางพอร์ต usb โดยตัวมันเองมี usb soundcard ในตัว และไม่สามารถใช้ฟูฟังตัวนี้กับพอร์ต 3.5มม. ได้ เพราะตัวมันไม่มีแจ็คชนิดนี้ สิ่งหนึ่งที่ประทับใจกับหูฟังตัวนี้คือระบบเสียงรอบทิศที่มีตราสัญลักษณ์ของดอลบี้ปรากฏอยู่บนสาย มีคำว่า Dolby Audio อยู่ด้วย และวงจรเสียงรอบทิศที่จำลองในหูฟังตัวนี้ก็น่าจะจัดการโดยเทคโนโลยีของบริษัท Dolby และผลการใช้งานก็ยอดเยี่ยม หูฟังสามารถให้เสียงใกล้เคียงกับการดูหนังในโรงหนังมาก เสียงพูดอยู่ตรงกลางด้านหน้าเหมือนมีลำโพงเซ็นเตอร์ เสียงซ้ายและขวาถูกดันไปอยู่ด้านหน้าคล้ายลำโพงคู่หลักของระบบเสียงโฮมเธียเตอร์จริงๆ มันเป็นประสบการณ์การฟังเสียงรอบทิศในหูฟังที่น่าตื่นเต้นมาก เพราะมันสมจริงทั้งตำแหน่งและอรรถรสการดูหนัง

ในช่วงเวลานั้นผมสนใจที่จะหาคำตอบต่อว่า ถ้าผมไม่ใช้หูฟังตัวนี้ แล้วผมอยากจะใช้ระบบเสียงรอบทิศกับหูฟังตัวอื่นที่ชอบได้หรือไม่ หลังจากที่ได้ลอง gsp350 จบไปแล้ว หลายเดือนต่อมาผมก็ได้ทดลองซื้อหูฟังราคาไม่แพงที่มีคำว่า 7.1 อยู่บนกล่อง และเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ด้วยพอร์ต usb มาลองใช้ ก็พบว่า มันไม่เหมือนกับ gsp350 เลย ไม่มีความใกล้เคียงเลย เหมือนไม่ได้ใช้เทคโนโลยีเดียวกัน แสดงว่า 7.1 มีแบบไม่ได้เรื่องด้วย

IMG_0581

ในใจก็ยังคงหาวิธีการต่อไป จนได้มาพบกับ Gsx300 ซึ่งเป็นซาวการ์ดตัวหนึ่งที่เป็นรุ่นเล็กของอนุกรม gsx โดยแปะยี่ห้อ EPOS ทำให้เข้าใจได้ว่า EPOS คือบริษัทในเครือเดียวกับ Sennheiser ที่เน้นทำตลาดวงการเกมส์ เพราะปกติ Sennheiser จะมีชื่อเสียงในวงการออดิโอวิดีโอ ระบบไมค์ ระบบหูฟัง ระดับมืออาชีพ Gsx300 เป็นน้องเล็ก มีรุ่นกลางเป็น Gsx1000 และ มีรุ่นใหญ่เป็น Gsx1200

ในเว็บ EPOS ให้ข้อมูลไว้ว่า GSX1200 และ Gsx1000 จะมีกำลังขับที่มากกว่า และเป็นอุปกรณ์ที่มีอินเทอเฟสบนตัวเครื่องที่มากกว่า สามารถสั่งการเปลี่ยนโหมดได้โดยตรง และสามารถชื่อต่อกับหูฟังและไมโครโฟนได้หลากหลายกว่า แต่สิ่งที่เหมือนกันกับ Gsx300 ก็คือ ทุกตัวมีระบบเสียง 7.1 คุณภาพเดียวกัน นั่นทำให้ผมสนใจ Gsx300 และเป็นที่มาของรีวิวนี้

gsx300back

ข้อมูลผลิตภัณฑ์

General
USB standard USB 2.0
Total harmonic distortion < 0.01%
Cable length 1200 mm
Connector plugs
3.5 mm headset socket
3.5 mm microphone socket
Micro USB
Compatibility PC
Warranty 2 years, international
Supported sample rates Main Audio 24 bit 96 kHz 7.1 @ 16 bit 48 kHz with EPOS Gaming Suite
Audio outputs Headphones
Recommended headphone impedance 25 – 75 Ω
Packaging Dimension of product packaging (L x W x H) 168 x 144 x 57 mm
Package weight (incl. complete product and packaging) 309 g
Dimension of master carton (L x W x H) 350 x 310 x 310 mm
Units in distributor master carton 20
Languages English, German, French, Spanish, Russian, Chinese Content of delivery
What’s in the box USB cable, Quick Start Guide, Safety Guide

Gsx300 เป็น external soundcard ที่เชื่อมต่อเข้าคอมพิวเตอร์ด้วยพอร์ต usb บนตัวมันมีช่อง micro usb 1 ช่อง มีช่องเสียบหูฟัง 3.5mm ชนิด TRS และช่องเสียบไมค์ 3.5 มม. อีก 1 ช่อง มีปุ่มหมุนวอลลุ่มอยู่ด้านหน้า มีปุ่มโหมดอีก 1 ปุ่มเอาไว้เปลี่ยนโหมดการทำงาน ทั้งหมดมีเท่านี้ วงจรภายในทำงานยังไง ใช้ชิปเสียงอะไรก็ไม่ได้บอกไว้ แม้แต่กำลังขับก็หาไม่เจอว่ามีกี่วัตต์ รู้แค่มันถอดรหัสเสียงได้ระดับ 24bit 96K ในแบบสเตอริโอ และทำงานได้ที่ 16bit 48k ในแบบเสียงรอบทิศ

13337_0

Gsx300 ออกแบบมาสำหรับการใช้งานกับคอมพิวเตอร์เท่านั้น และซอร์ฟแวร์ที่ประมวลผลละเอียดที่ต้องลงเพิ่มก็จะทำงานบนวินโดน 10 และ 11 เท่านั้น ไม่มีซอร์ฟแวร์สำหรับ osx และวินโดส์เก่าๆเลย หมายความว่าถ้าจะใช้ระบบเสียง 7.1 จาก Gsx300 ต้องใช้บนระบบปฏิบัติการวินโดส์ 10 หรือ 11 เท่านั้น ส่วนถ้าจะต่อคอมฯแล้วไม่ลงซอร์ฟแวร์เฉพาะทาง คือจะใช้แค่ไดรเวอร์กลางๆ เราก็สามารถใช้มันเป็น soundcard usb ได้ และสามารถใช้กับคอมพิวเตอร์ทั่วไปได้เลย มันทำงานได้บนวินโดส์ 7 ทำงานได้กับโทรศัพท์มือถือ android และคาดว่าจะใช้กับ osx ได้ หากใช้แค่ไดรเวอร์พื้นฐาน

ทดลองฟัง

ผมต่อ Gsx300 เข้ากับคอมพิวเตอร์ระบบปฏิบัติการ windows11 และทดลองฟังเพลง ทดลองดูหนัง ทดลองระบบเสียง 7.1 รวมถึงไปลองต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์ระบบปฏิบัติการ windows7 ด้วย ซึ่งเป็นเครื่องทำงานหลักตัวหนึ่งที่ใช้ดูข้อมูลในเว็บ ดูภาพ และฟังเพลง ซึ่งการต่อกับ windows7 จะไม่สามารถลงซอร์ฟแวร์เฉพาะทางได้ และผมก็ตั้งใจจะใช้ฟังเพลงเป็นหลักอยู่แล้ว

กับการฟังเพลง Gsx300 ให้เสียงที่กระฉับกระเฉง เสียงคมชัด เบสใหญ่ กลางชัด แหลมเพราะ ทุกอย่างดีกว่าการฟังผ่านช่องแบบออนบอร์ด เสียงเพลงสวิงขึ้นลง ดังและเบาในช่วงที่กว้างยิ่งกว่าเดิม คอนทราสต์ของเสียงมีน้ำหนักที่จะแจ้งอย่างมาก เสียงฟาดกลอง เสียงดีด เสียงเคาะ ทุกเสียงเหล่านี้มีความฉับไว มีความเร็วที่สมกับธรรมชาติของเครื่องดนตรี ซึ่งหาไมไ่ด้กับเสียงชนิด on board ที่ติดกับกับเครื่อง การอัพเกรดระบบเสียงในคอมพิวเตอร์ด้วย Gsx300 เป็นช่องทางที่ให้เสียงดีในทันที ความแตกต่างรับรู้ได้ชัดเจนมาก

epos-soft-3

Gsx300 สามารถขับหูฟังได้หลากหลาย หูฟังเกือบทุกตัวที่ผมมีก็ได้ทะยอยนำมาลองไปทีละตัว Hifiman re400a , Audio Technica Ath-250m, Koss Ksc35, Akg K701 หูฟังเหล่านี้ทำงานได้ดีกับ Gsx300 เหมือนกับว่า Gsx300 เป็น Dac-amp ที่มาอัพเกรดระบบเสียงให้กับคอมพิวเตอร์เลย ซึ่งจริงๆมันก็คือ Dac-amp นั่นเอง เสียงย่านความถี่ต่ำบนหูฟังตัวใหญ่ๆอย่าง Akg K701 ทำให้ประทับใจมาก การส่งเสียงกลองกระเดื่องอย่างทรงพลังยังคงมีให้อยู่อย่างชัดเจน ไม่จม ไม่หลบ ไม่ผ่อนกับเสียงเลย คุณภาพเสียงใกล้เคียงกับการต่อผ่าน Headphone amp ที่ใช้อยู่อย่างมาก แต่จะเปิดดังมากเหมือนแอมป์หูฟังก็จะไม่ได้ เพราะแอมป์หูฟังที่ผมใช้อยู่เป็นแอมป์ทำเอง ใช้ไฟเลี้ยงสูงกว่า usb นั่นทำให้แอมป์หูฟังแบบ Diy ให้เสียงสวิงขึ้นลงได้มันส์กว่า

20220205181547_IMG_0607

สัญญาณรบกวนในวงจรของ Gsx300 อยู่ในระดับต่ำ สามารถใช้กับหูฟังความไวสูงได้โดยไม่ได้ยินเสียงซ่า หูฟังเล็กๆทั้งหลายก็จะสามารถใช้งานร่วมกันได้ไม่ต้องทนฟังเสียงซ่า บางเพลงที่มีเสียงเครื่องดนตรีความถี่ต่ำ Gsx300 ก็ผลักดันหูฟังตัวใหญ่อย่าง Akg K701 ให้ส่งเสียงย่านต่ำได้ไม่คลุมเครือ เราติดตามโน้ตต่ำๆ หรือเครื่องดนตรีย่านต่ำได้อย่างสนุกสนานน่าฟัง นับว่ามันสามารถใช้งานเป็นอุปกรณ์ฟังเพลงตัวหลักของระบบเครื่องเสียงได้เลย สเป็คแบบนี้ หากเป็นสักสิบปีก่อน เราอาจจะต้องจ่ายเงินกัน 5000-10000 บาท สำหรับ Dac-amp ที่ขับหูฟังใหญ่ๆได้ แต่ในวันนี้มันอยู่ในอุปกรณ์ตัวเล็กๆน่ารักแต่คุณภาพไม่ธรรมดาเลย

ลองฟังเสียง 7.1

การฟังเสียงรอบทิศผมฟังจากการดูหนังผ่าน netflix และ ดูจากไฟล์ Mkv ที่เคยโหลดเก็บไว้โดยเปิดผ่านโปรแกรมเล่นไฟล์ VLC พบกว่า เสียงรอบทิศแบบ 7.1 ให้คุณภาพเสียงที่ดี ไม่มีอาการเฟสเสียงแปลกๆหลอนหูในแบบที่เคยได้ยินกับโปรแกรมเสียง 3d แบบเกือบยี่สิบปีก่อน ในเว็บและในคู่มือ ไม่ได้บอกว่าการถอดรหัสเสียงของ Gsx300 ใช้ซอร์ฟแวร์หรือตัวถอดรหัสเสียงรอบทิศของใคร เพราะไม่ได้มีคำว่า Dolby Digital หรือ Dts ในซอร์ฟแวร์และในกล่อง ในคู่มือในเว็บ ไม่มีบอกเลย เข้าใจว่าการถอดรหัสเสียงรอบทิศ 7.1 ของ Gsx300 จะเป็นถอดรหัสตามใจ EPOS เอง ก็คือออกแบบระบบการจำลองเสียงเองไม่ได้อ้างอิงมาตรฐาน dolby

กับการดูหนัง เสียงพูด เสียงที่ควรจะอยู่กับลำโพงเซ็นเตอร์ในโรงหนัง ก็ให้เสียงที่อยู่ตรงกลางหัว ดันออกไปด้านหน้าเล็กน้อย ไม่ได้ผลักออกไปอยู่ไกลแบบที่เคยได้ยินใน Gsp350 ซึ่งถ้าให้สิ่งที่เคยได้ยินนั้นเทียบเป็น 100% เสียงรอบทิศของ Gsx300 จะดันเสียงออกไปได้ระดับประมาณ 70-80% เท่านั้น ตรงนี้น่าเสียดายมากที่ไม่สามารถทำได้เท่าระบบของ Dolby Audio ความแตกต่างของ 7.1 ใน Gsx300 จะต่างกันที่ความรู้สึกของตำแหน่งลำโพงหน้า คือหน้าซ้าย หน้าขวา และลำโพงเซ็นเตอร์เป็นหลัก ส่วนเสียงแวดล้อม หรือ แอมเบี้ยนส์ ที่โอบล้อมคนฟังนั้นมีครบถ้วน ถือว่าทำได้ดีเลย เสียงแวดล้อมมันทำให้บางครั้งเราต้องหันหลังกลับไปมองว่ามันเป็นเสียงคนเดินในห้องหรือเป็นเสียงในหูฟัง

ท่ามกลางเสียงโอบล้อม แล้วมีเสียงพูด เสียงหลักที่เหมือนจะออกมาจากลำโพงหน้า มันผสมเสียงกันอย่างลงตัว เสียงพูดลอยเด่นท่ามกลางเสียงโอบล้อม มันปล่อยเสียงออกมาอย่างกลมกลืน ถือว่าการจำลองเสียงรอบทิศแบบ 7.1 จาก Gsx300 ทำได้ดีสมราคาคุย และดีเกินราคาไปมากเมื่อเทียบกับเทคโนโลยีที่หยิบยื่นให้ ดูเหมือนพลังการประมวลผลเสียงรอบทิศที่อยู่ใน Gsx300 จะมีความสามารถสูงลิบ คงเป็นเพราะฮาร์ดแวร์รุ่นใหม่มันทำงานได้รวดเร็วและไร้รอยต่อ ประสบการณ์การฟังเสียงสามมิติในอดีตที่เคยลองใช้ วันนี้มันเปลี่ยนไปหมดเลย

ผมไม่ได้เป็นคนเล่มเกมส์ แต่อาศัยลองเปิด youtube ในคลิปที่เป็นเกมส์แนว fps และ openworld ซึ่งจะเป็นคลิปทดสอบเสียงรอบทิศในเกมส์ เข้าใจว่าเสียงในเกมส์จะไม่ได้รองรับระบบเสียง 5.1 แบบหนังทั่วไป คือเสียงรอบทิศที่ไม่ใช่ dolby digital ไม่ใช่ dts มันน่าจะเป็นเสียงรอบทิศแบบตัวใครตัวมัน อย่างมากก็คล้ายๆ dolby surround หรือ binaural recording ซึ่งผมก็ไม่ได้รู้รายละเอียดในเกมส์มากนัก แต่ฟังเสียงคลิปทดสอบแล้ว การแยกแยะทิศทางทำได้พอใช้ เสียงโอบล้อมและความกระหึ่มของเสียงนั้นจัดเต็มและฟังสนุกมาก พอฟังคลิปเกมส์แล้วรู้สึกได้เลยว่าเสียงในเกมส์มันโอบล้อมยิ่งกว่าเสียงจากหนังฮอลีวู้ดเสียอีก เหมือนกับว่ามันเสกเสียงดีๆแน่นๆให้เราฟังกันเลย เสียงฝีเท้าชัดขึ้นเมื่อเทียบกับเสียงออนบอร์ด ความแม่นยำในการเดาทิศทางนั้นทำได้ง่ายขึ้น เสียงปืนยิงแล้วมีเบส มีน้ำหนักของการระเบิดที่คมชัด ถ้าเปิดดังมากๆอาจจะตกใจได้

20220205181227_IMG_0592

สรุป

Gsx300 เป็น external soundcard ที่มีคุณภาพเสียงที่ดีมาก สามารถส่งสัญญาณความละเอียดสูงระดับ 24bit 96kHz ออกมาได้ ใช้เป็น Dac-amp สำหรับหูฟังได้ดีมาก หากทำงานในแบบ 7.1 หรือระบบเสียงรอบทิศก็ให้ความกลมกลืนของเสียงรอบทิศและเสียงหลักของหนังได้ดี หากย้อนไปสักสิบปีที่แล้ว การจะหา Dac+Amp ที่ใช้งานกับหูฟัง เน้นคุณภาพระดับ 24bit 96K จะต้องใช้เงินหลายพันหรือเป็นหมื่นบาทเลยก็มี ซึ่ง Dac เหล่านั้นจะเน้นแค่การแปลงเสียงสำหรับฟังเพลงเท่านั้น ไม่ได้มีการรับสัญญาณไมค์ และ ไม่ได้มีเสียงรอบทิศให้ใช้ Gsx300 เป็นอุปกรณ์ขนาดเล็กที่หน้าตาน่ารักและใช้งานได้คุณภาพ เป็นของที่น่าใช้อีกชิ้นหนึ่งจริงๆ

หากต้องการซื้อ เชิญที่นี่ครับ
https://shope.ee/99wMP5U8Pw?share_channel_code=6

รีวิว eyewear แว่นตาติดลำโพง

เมื่อสักหลายปีก่อนผมพบว่ามีแว่นตาติดลำโพงวางขายแล้ว นั่นคือยี่ห้อ Bose และมีเพื่อนได้ซื้อไว้ใช้ ผมได้มีโอกาสลองไม่กี่นาทีเพราะเกรงใจเพื่อน ซึ่งในวันนั้นรู้สึกว่าราคาสูงเกินไป และคุณภาพเสียงไม่ได้ดีแบบที่คาดหวัง เนื่องจาก Bose ทำลำโพงเสียงดีไว้เยอะมาก และหูฟัง Bose ก็เสียงดีเช่นกัน พอลำโพงถูกติดตั้งไว้ในแว่นตา ก็แอบคิดว่าเสียงจะดี แต่ลองแล้วก็ไม่อยากซื้อ

20211008111714_IMG_0003

ผ่านมาถึงปีนี้ แว่นตาติดลำโพงอยู่ในเว็บขายของ ราคาระดับ 800บาท ซึ่งถูกกว่า Bose ถึง 10 เท่า ผมลืมไปแล้วว่าเสียง Bose เป็นยังไง แต่พอเห็นว่าราคาไม่ถึงพันก็เลยตัดสินใจซื้อมาใช้ โดยคาดหวังว่าเสียงจะดีขึ้นกว่ารุ่นแรกๆเมื่อหลายปีก่อน แต่ก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะเหมือนเสียงจากหูฟังแท้ๆ

20211008111752_IMG_0006

ลักษณะทั่วไป

แว่นตาสีดำ ติดกระจกพลาสติกเกรดต่ำ ตัวกรอบแว่นทำจากพลาสติก จุดที่ใช้ชาร์จไฟเป็นขั้วไฟฟ้าแบบมีแม่เหล็กดูด สายชาร์จจะถูกดูดติดกับแว่นเมื่อเสียบชาร์จไฟ สายชาร์จที่แถมมาด้านหนึ่งเป็นแม่เหล็ก ส่วนอีกด้านเป็น usb เพื่อเสียบกับอแด๊ปเตอร์ กำลังไฟสำหรับชาร์จระบุไว้ที่ 100ma เท่านั้น หลังจากได้ลองชาร์จก็พบว่า หากเราชาร์จแว่นด้วยเพาเวอร์แบงค์ เมื่อเริ่มชาร์จได้สักพักไม่กี่นาที เพาเวอร์แบงค์ก็จะตัดการทำงาน เพราะว่ากระแสไฟไหลน้อยเกินไป น้อยจนเพาเวอร์แบงค์ตัดสินใจหยุดจ่ายไฟ ดังนั้นหากเราจะชาร์จเราควรชาร์จผ่านอแด๊ปเตอร์จ่ายไฟจริงๆ

20211008111656_IMG_0002

น้ำเสียงของแว่นตาพร้อมลำโพงจะให้น้ำเสียงไม่ดีมาก อาการเสียงเหมือนเปิด speaker phone แล้วเอาโทรศัพท์มาวางไว้ใกล้ๆหู ฟังเสียงกลางรู้เรื่อง เสียงสูงมีให้ได้ยิน แต่เสียงต่ำแทบไม่มีเลย ซึ่งมันคงเป็นข้อจำกัดอย่างหนึ่งของลำโพงเล็กๆบางๆที่ซ่อนอยู่ในขาแว่น

ไมโครโฟนรับเสียงก็อยู่บนขาแว่น จากการสอบถามคู่สนทนาก็ได้ความว่า เสียงพูดของเราปลายทางได้ยินปกติ ไม่ได้รู้สึกว่าเสียงเบาหรือดังเกินไป เสียงที่ได้ยินเหมือนเกิดขึ้นอยู่กลางศรีษะ นั่นก็พอจะคาดเดาได้ว่า เสียงข้างซ้ายและขวาออกมาใกล้เคียงกันมาก ทำให้มิติเสียงอยู่ตรงกลางในหัวเราเป๊ะๆ หากเราใช้ฟังเสียงเพลงสเตอริโอทั่วไป เราก็จะได้ยินมิติเสียง รับรู้ตำแหน่งซ้าย กลาง ขวา ได้แม่นยำตามเจตนาของเพลง ระบบสเตอริโออิมเมจของหูฟังทำได้ดีมาก มันติดแค่เสียงเบสไม่มีเหมือนหูฟังทั่วไปเท่านั้น

การใช้งานหูฟังบนแว่นตาจะไม่มีอะไรไปอุดหูเลย ดังนั้น เสียงดังจากภายนอก เสียงบรรยากาศต่างๆจะยังคงวิ่งเข้าหูเรา เรายังได้ยินเสียงแวดล้อมเป็นปกติ ถ้าเราไปยืนอยู่ใกล้เครื่องจักร หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าที่กำลังส่งเสียงดังน่ารำคาญ ก็จะทำให้เราไม่ได้ยินเสียงจากหูฟังเลย ดังนั้นการใช้งานหูฟังตัวนี้จะต้องเลือกสถานที่คุยด้วย การได้ยินเสียงภายนอกเล็ดลอดเข้าไป และสามารถรบกวนการพูดคุยกับปลายทางด้วยนั้น ทำให้เราปลอดภัยมากยิ่งขึ้นจากการใส่หูฟัง ถ้ามีคนเรียกเราก็หันไปหาได้ มีรถวิ่งผ่านก็ได้ยิน เราใช้ชีวิตปกติได้แม้จะฟังเสียงข่าวอยู่ในหูฟัง

เมื่อใช้ประชุมออนไลน์ก็ทำงานได้ปกติ ประสิทธิภาพการสื่อสารทำได้เต็มร้อย ใช้ทำงานได้เลย ใครคิดจะนำกรอบไปใส่เลนส์สายตาสำหรับตัวเองจริงๆก็ทำได้ มันเป็นอุปกรณ์ของใช้ที่ใช้งานได้ตามหน้าที่หลักของมัน

ทดสอบไมค์สำหรับการประชุม online

การเรียน การทำงาน การสอนหนังสือ ในยุคโควิด เราต้องทำผ่านคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์ นั่นคือการทำ video conference และสิ่งสำคัญในการสือสารผ่านช่องทางนี้ก็คือ ไมค์โครโฟนและลำโพง ซึ่งบางคนก็ใช้หูฟังแทนลำโพง เราจะมาลองทดสอบการใช้งานไมค์ในรูปแบบต่างๆ รวมถึงหูฟังที่มีไมค์โครโฟนในตัวด้วย

รีวิว Apple USB-C to headphone jack 3.5mm

โทรศัพท์มือถือในยุคปัจจุบันเริ่มออกแบบให้ไม่มีช่องเสียบหูฟังแบบ 3.5mm โดยคงเหลือไว้แต่พอร์ตชนิด usb-c แค่เพียงพอร์ตเดียวเท่านั้น เป็นผลให้หูฟังระบบเก่าที่เป็นแจ็ค 3.5mm ไม่สามารถใช้งานกับเครื่องรุ่นใหม่ได้ หลายยี่ห้อก็จะผลิต accessory ออกมาทดแทน คือ ทำตัว usb-c to headphone jack 3.5mm ออกมา คนที่จะใช้โทรศัพท์รุ่นใหม่กับหูฟังรุ่นเก่าก็ต้องพึ่งอแด๊ปเตอร์ตัวนี้เท่านั้น และเมื่อมันเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยส่งเสียงเข้าหูฟัง ก็เลยมีประเด็นเรื่องคุณภาพเสียงออกมาให้พิจารณาด้วย

Apple usb-c to 3.5mm

ค่าย apple ก็มีพอร์ตเฉพาะของตัวเองเป็น lightning มือถือและแท็ปเบล็ตอย่าง ipad ก็ใช้พอร์ตชนิดนี้ แต่ก็ดันมีรุ่นหนึ่งอย่าง ipad pro ที่เลือกใช้พอร์ต usb-c ออกมา และไม่มีช่องเสียบหูฟัง การจะใช้หูฟังกับ ipad รุ่น usb-c ก็เลยจำเป็นต้องมีตัวแปลง usb-c to headphone jack 3.5mm ตัวนี้ เราก็เลยมี apple usb-c to 3.5mm ให้ใช้

(เพิ่มเติม oct2023 มือถือ iphone15 ที่เปิดตัวในปี 2023 ก็เปลี่ยนมาใช้พอร์ต usb-c แล้ว)

IMG_20200612_130433

google ทำอแด๊ปเตอร์ usb-c to 3.5mm มาใช้กับมือถือ nexus ราคาเส้นละ 20 ดอลล่าร์ พอ apple ทำบ้าง แต่ตั้งขาย 10ดอลล่าร์ ก็เป็นประเด็นให้สาวกค่าย google บ่นว่า google ทำของแพง และยิ่งมีคนเทียบคุณภาพเสียงแล้ว พบกว่า apple ทำเสียงออกมาดีกว่า google ก็เลยยิ่งเป็นประเด็น และในที่สุด google ก็ลดราคาอแด๊ปเตอร์ของตัวเองลงมาอยู่ในระดับราคาเดียวกับ apple

ด้วยข้อมูลที่ฝรั่งหลายเว็บบอกไว้ว่าคุณภาพเสียงของ apple ทำออกมาดี ผมก็เลยสนใจสั่งซื้อมาลองกับโทรศัพท์ของตัวเองด้วย โดยโทรศัพท์ที่ใช้ก็คือ Redmi Note7 ที่ใช้พอร์ต usb-c และเมื่อได้ทดลองเสียบอแด๊ปเตอร์ของ apple เข้าใช้งานกับมือถือ android พบว่าทำงานได้ดี ก็เลยจัดการทดสอบจริงจัง และ อยากจะทดลองใช้ร่วมกับคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คด้วย เลยหาตัวแปลงพอร์ต usb-c to usb-a มาใช้ร่วมกัน

คุณภาพเสียงของ apple usb-c to 3.5mm ตัวนี้ถือว่าน่าสนใจ มันให้ความโปร่งฟังสบาย เสียงใส และมีเสียงย่านเบสที่ลงลึก ติดตามการเล่นโน้ตเบสได้ง่าย และฟังเสียงกลองแยกแยะเสียงกระเดื่องได้ชัดเจน เทียบเสียงที่ต่อหูฟังตรงกับโทรศัพท์ กับเสียงที่เสียบผ่านอแด๊ปเตอร์เส้นนี้ เสียงตรงจากโทรศัพท์จะให้เสียงโดยรวมเหมือนนักดนตรียืนทับซ้อนกัน ชิ้นดนตรีแต่ละชิ้นจะอยู่ชิดติดกัน แต่เสียงที่ผ่านอแด๊ปเตอร์เส้นนี้จะแยกแยะช่องไฟได้ห่างและชัดเจนกว่า การทับซ้อนกันของแต่ละชิ้นดนตรีไม่มีเลย แบบนี้ถือว่าเสียงจาก apple ทำได้ดีน่าชื่นชมมาก ยิ่งเมื่อดูจากราคาขายในไทย ราคาเพียง 390 บาท ก็ทำให้รู้สึกดียิ่งขึ้นไปอีก เพราะเราใช้เงินแค่นี้ก็อัพเกรดเสียงโทรศัพท์มือถือให้ดีมากๆได้แล้ว

ทดลองเอาอแด๊ปเตอร์ apple usb-c เส้นนี้ไปใช้กับคอมพิวเตอร์และโน้ตบุ๊ค ก็ทำงานได้ดี โน้ตบุ๊คระบบปฏิบัติการวินโดส์ 10 สามารถใช้งานได้เลย ผมมีโน้ตบุ๊ค asus ใช้ cpu ryzen ก็ทำงานได้ แต่ใช้กับคอมพิวเตอร์ที่เป็นระบบปฏิบัติการ windows 7 ไม่ได้ กับเครื่องที่ใช้ได้เสียบตรงเข้ากับพอร์ต usb-c ก็ทำงานได้เลย ถือว่าเป็น external soundcard ก็ได้ คุณภาพเสียงก็ดีขึ้นกว่าเสียงจากฮาร์ดแวร์ติดเครื่องมา น้ำเสียงสดใส ช่องไฟแต่ละชิ้นดนตรีก็จัดวางห่างกันไม่ทับซ้อน เป็นการอัพเกรดคุณภาพที่ราคาแค่หลักร้อยบาท ฟังแล้วอยากซื้อมาติดกับคอมฯทุกตัวในบ้าน

Screen Shot 2563-07-22 at 8.25.36 AM

ทดลองใช้ร่วมกับโน้ตบุ๊ค Macbookair ปี 2010 โดยหาตัวแปลงพอร์ต usb-a to usb-c มาใช้ร่วมด้วย ระบบปฏิบัติการ osx ก็จัดการติดตั้งฮาร์ดแวร์ให้เสร็จสรรพ ไม่ต้องใช้ไดรเวอร์ใดๆ คุณภาพเสียงของฮาร์ดแวร์ติดเครื่อง macbookair รุ่นนี้ให้น้ำเสียงที่ดีมากอยู่แล้วตั้งแต่ต้น ถือว่าเป็นคอมพิวเตอร์ที่มีคุณภาพเสียงที่ดี เสียงผ่านอแด๊ปเตอร์ usb-c to 3.5mm ก็ให้แนวเสียงไปในทิศทางเดียวกัน จะบอกว่าเสียงเหมือนกันเลยก็ได้

ทดลองใช้กับ mac mini ก็ทำงานได้ราบรื่นไม่มีปัญหา อแด๊ปเตอร์เส้นนี้สามารถส่งเสียงไมค์ได้ด้วย ทำให้เราสามารถใช้หูฟังพร้อมไมค์กับสายเส้นนี้ได้ และใช้พูดคุยในโปรแกรม chat หรือ โปรแกรมประชุมใดๆก็ได้ เป็นความสะดวกที่เพิ่มเติมขึ้นมา

ปกตินักเล่นเครื่องเสียงจะหาซื้อ usb dac มาต่อกับคอมพิวเตอร์เพื่ออัพเกรดคุณภาพเสียงของคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะให้ดียิ่งขึ้น usb-dac จากจีนที่เป็นยี่ห้อประหลาดพูดไปก็ไม่มีคนรู้จักก็มักจะมีราคาขายกันอยู่ในระดับหลัก 500 บาทขึ้นไป และ บางยี่ห้อที่มีสเป็คสูงขึ้น หรือ มีแอมป์หูฟังด้วย ก็จะมีระดับราคาหลักพันบาท ขึ้นไปจนถึงเป็นหมื่นบาท ไปถึงหลายๆหมื่นบาทก็มี ใครที่อยากอัพเกรดแต่ไม่อยากจ่ายแพง เลือก apple usb-c to 3.5mm ก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะราคาถูกมาก

ถ้าเราใช้หูฟังรุ่นที่มีไมค์ด้วย ในคอมพิวเตอร์ก็จะมีไมค์ โผล่เข้ามาเป็น 2 ตัว คือไมค์จากตัวเครื่องคอมพิวเตอร์เอง และ ไมค์จาก usb-c หรือหูฟังนั่นเอง ภาพด้านล่างนี้เป็นหูฟังมีไมค์ของ sony

IMG_20200722_082652
Screen Shot 2563-07-22 at 8.26.29 AM

ถ้าเราใช้หูฟังที่ไม่มีไมค์ ในคอมพิวเตอร์ก็จะมีแค่ไมค์จากคอมฯ เท่านั้น ไม่มีไมค์จากช่อง usb-c ภาพด้านล่างนี้คือหูฟัง AKG K701

IMG_20200722_082716
Screen Shot 2563-07-22 at 8.27.20 AM

ข้อดี

ประหยัดและเสียงดี

ข้อเสีย

ทำงานได้ในระดับ cd quality หรือ 16bit 44.1kHz เท่านั้น และพลังเสียงเบาเกินไปเมื่อใช้กับหูฟัง AKG K701 อยากให้ดังกว่านี้สักเท่าตัวจะดีมาก

สรุป

น้ำเสียงเป็นกลาง ย่านเสียงทุ้มกลางและแหลมมาพอดีๆกัน เราสามารถต่อกับหูฟังได้หลากหลาย และทดลองใช้กับหูฟังขนาดใหญ่อย่าง AKG K701 ก็ให้น้ำเสียงได้นุ่มนวลกลมกล่อม ถือว่าเป็นการอัพเกรดแบบประหยัดแต่คุณภาพเสียงดีเทียบกับโน้ตบุ๊คราคาแพงจากค่าย apple เลย

สนใจสั่งซื้อได้ที่ https://shope.ee/5AS8OHI8Yc


เพิ่มเติมเรื่องระดับเสียง

apple usb-c to 3.5mm ตัวนี้ให้เสียงเบาเมื่อใช้งานกับโทรศัพท์ android อย่าง redmi note7 และคาดว่ากับ ยี่ห้ออื่นก็อาจจะให้ผลเสียงเบาเช่นกัน แต่เมื่อเอา adaptor ตัวนี้ไปใช้กับโน้ตบุ๊คระบบปฏิบัติการ windows10 จะได้เสียงที่ดังกว่ามาก สามารถเปิดเสียงได้ดังกว่าใช้งานบนโทรศัพท์เกิน 2 เท่า เรียกได้ว่า เปิดให้เสียงดังจนไม่อยากทนฟังก็ยังได้ อาจจะเป็นเพราะระบบปฏิบัติการในโทรศัพท์มีการจำกัดระดับความดังไว้ ส่วนใน windows10 ให้เสียงที่ดังเพียงพอต่อการใช้งาน

สนใจสั่งซื้อได้ที่ https://shope.ee/5AS8OHI8Yc

รีวิวหูฟังสำหรับ Work from Home และประชุม Online

ในสถานการณ์ไวรัสโควิด19 ระบาดจนเป็นสาเหตุการเสียชีวิตทั่วโลกไปแล้วเป็นหมื่นคน มีผู้ติดเชื้อทั่วโลก สามแสนกว่าคน และประเทศไทยก็อยู่ในการระบาดที่กำลังมากขึ้นเรื่อยๆ รัฐบาลมีคำสั่งให้หยุดอยู่กับบ้าน อย่าออกไปไหนโดยไม่จำเป็น อย่าไปอยู่ในที่คนเยอะ มีคำสั่งปิดห้าง ร้านอาหาร สถานที่อีกจำนวนมากที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อก็โดนสั่งให้หยุดทำการ แม้แต่โรงเรียน มหาวิทยาลัยก็ปิดด้วยเช่นกัน

ผลจากการจำกัดบริเวณ การสื่อสารผ่านระบบ online ก็กลายเป็นความจำเป็นพื้นฐานขึ้นมาทันทีทันใด ระบบการประชุมทางไกลผ่านอินเทอเน็ตถูกพูดถึงจนกลายเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องเรียนรู้ นอกจากคนทำงานแล้ว นักเรียนนักศึกษาก็เป็นกลุ่มที่ต้องใช้งาน รีวิวในครั้งนี้ก็จะนำหูฟัง 3 ตัวมาทดสอบ เพื่อดูว่าแต่ละตัว แต่ละสเป็คมีความเหมาะสมต่อการใช้งานอย่างไร

CORSAIR-HS50-STEREO-Headphone-red-right

หูฟัง Corsair รุ่น HS50 pro

เป็นหูฟังครอบหูตัวหนึ่งที่มีไมค์โครโฟนดูกระทัดรัด ใช้การเชื่อมต่อด้วยสาย mini 3.5 แบบ 4 ขั้ว หรือ แบบเดียวกับที่ใช้กับโทรศัพท์นั่นเอง เป็นแจ็คแบบรวมไมค์และหูฟังไว้ด้วยกัน ในกล่องจะมีอแด๊ปเตอร์สำหรับใช้เสียบกับคอมพิวเตอร์รุ่นเก่าที่แยกช่องไมค์และหูฟังเป็นคนละช่องเสียบ แจ็ค 3.5มม.นี้ทำให้เราใช้ HS50 pro ร่วมกับโทรศัพท์ แท็บเบล็ต และโน้ตบุ๊ครุ่นใหม่ๆได้อย่างสะดวก แต่จะใช้กับ iphone ที่ไม่มีช่อง 3.5มม.แล้วไม่ได้ รวมถึงโทรศัพท์ androids รุ่นท๊อปที่ตัดช่อง 3.5มม.ออกไปแล้วก็ใช้ไม่ได้เช่นกัน น้ำหนักตัวชั่งด้วยเครื่องชั่งที่ผมใช้ประจำ 318g

ตอนใช้งานเราจะได้ฟังเสียงสเตอริโอที่ชัดเจน และมีเสียงกลางที่ชัดพอสมควร หูฟัง HS50 pro เป็นหูฟังที่ใช้ตัวขับเสียงข้างละ 1 ตัว เพื่อทำหน้าที่ส่งเสียงเต็มย่าน น้ำเสียงออกไปในแนวทางเดียวกับหูฟังสำหรับการฟังเพลง แต่ไดนามิคจะไม่จะแจ้งเท่า ความสด ความใสเป็นรองหูฟังสำหรับงานดนตรี แต่มันก็ดีกว่าหูฟังสมอลทอล์คที่แถมมากับโทรศัพท์ แล้วไมค์ที่ติดอยู่ก็สามารถรับเสียงได้ดี สามารถดัดก้านไมค์ให้งอเข้ามาอยู่ใกล้ปากได้ ทำให้สามารถใช้คุยแทนโทรศัพท์ได้ทันที คนที่มีนิสัยพูดเสียงเบาก็จะสามารถปรับไมค์เข้าใกล้ปากได้มากกว่าปกติ ตัวหูฟังมีปุ่มหมุนปรับเพื่อเพิ่มหรือลดเสียง มีปุ่มสำหรับปิดไมค์ หูฟังตัวนี้เหมาะกับการใช้งานกับคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์ทั่วไป เสียงพูดผ่านไมค์เน้นกลางแหลม ฟังชัดเป็นหลัก ไม่มีเนื้อเสียงย่านทุ้มแบบวงการเพลงออดิโอไฟล์ การออกแบบไมค์เน้นการพูดแล้วฟังรู้เรื่องเป็นหลัก มันเหมาะกับการคุยผ่าน internet อย่างมาก

corsair Void-USB-1

หูฟัง corsair Void Elite RGB USB

หูฟังรุ่น Void Elite RGB เป็นหูฟังพร้อมไมค์ที่มีตัวครอบหูค่อนข้างใส่สบาย ช่องหูกว้างทำให้ไม่หนีบโดนใบหู ตัวสายเสียบเป็นชนิด usb นั่นหมายความว่ามันถูกออกแบบมาให้ใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์เท่านั้น เมื่อเสียบกับคอมพิวเตอร์เราก็สามารถใช้งานได้ทันที แต่หากอยากได้ลูกเล่นเพิ่มเติมเราต้องลงซอร์ฟแวร์ ชื่อ iCue เพิ่มด้วย โดยความสามารถต่างๆที่ได้เพิ่มขึ้นมาจะมีหลายอย่างเช่น มีไฟแสดงโลโก้ที่เปลี่ยนสีได้ รองรับการทำงานระบบเสียงรอบทิศ 7.1 แบบซิมูเลท ปรับโทนเสียงต่างๆได้ ปรับระดับความไวของไมค์ได้ น้ำหนักตัวชั่งได้ 373g

เสียงจากหูฟังเมื่อฟังเพลงให้ความชัดเจน ลักษณะเสียงจะคล้าย HS50pro บุคลิกเน้นเสียงกลางที่มากกว่าปกติ เสียงเบสลึกจะน้อยและเบลอนิดๆ เสียงสูงก็มีเยอะ ทำให้มันกลายเป็นหูฟังที่เน้นเสียงพูดที่ฟังได้รู้เรื่องดีมาก ไดนามิคของหูฟังจะน้อย ฟังดนตรีจะธรรมดาเกินไป หูฟังมีปุ่มปรับระดับเสียงเป็นแบบดันขึ้นดันลง มีปุ่มปิดไมค์กดใช้งานได้สะดวก ทำให้เหมาะกับการเล่นเกมส์และประชุม online มาก ปิดไมค์สะดวก ที่ปุ่มปรับเสียงสามารถกดเพื่อเลือกใช้ความสามารถทางด้าน surround เมื่อใช้งานเสียงรอบทิศ ก็จะเป็นการผลักดันเสียงต่างๆให้กระจายตัวออกไปรอบๆหัว เป็นประสบการณ์การฟังเพลงที่ดี ใช้ดูหนังสนุก เล่นเกมส์ได้ดี ทำให้ฟังเสียงรอบตัวได้สมจริงมากกว่าหูฟังที่ไม่มีลูกเล่นเสียงรอบทิศ ตัวครอบหูหรือฟองน้ำมีความนิ่ม ใส่แล้วไม่รู้สึกหนัก เสียงไมค์จะรับเสียงกลางเป็นหลัก ไม่เน้นแหลมและทุ้ม ระดับเสียงผ่านไมค์จะเบากว่าตัวอื่นอย่างชัดเจน แต่ให้คุณภาพเสียงพูดที่เป็นกลาง เป็นธรรมชาติมากกว่า

Sennheiser-GSP-350-Headphone

Sennheiser GSP350

เป็นหูฟังระบบเสียงรอบทิศ 7.1 แบบ Virtual ก้านไมค์โครโฟนเป็นแบบยกขึ้นยกลงได้ หากยกขึ้นจะเป็นการปิดไมค์ ยกลงก็จะเป็นการเปิดไมค์ อีกด้านที่ไม่มีก้านไมค์จะมีปุ่มวอลลุ่มหมุนได้ เพื่อปรับระดับความดังของหูฟัง หูฟังตัวนี้เป็นสาย usb ซึ่งตัวมันเองมี โปรเซสเซอร์แยกมาเลย ดูแล้วเหมือนเป็น External soundcard อีกทอดหนึ่ง มีปุ่มอยู่บนตัวโปรเซสเซอร์ กดเพื่อใช้งานระบบ DSP และ ยกเลิก DSP ได้ น้ำหนักตัวชั่งได้ 274g ซึ่งเบาที่สุดในกลุ่มนี้ แม้หน้าตาจะดูเหมือนหนักกว่าทุกตัว แต่ชั่งแล้วกลับเบาที่สุด

คุณภาพการฟังเพลงสเตอริโอไม่ใช้ DSP อยู่ในระดับมาตรฐานของราคาช่วงนี้ เสียงนุ่มน่าฟัง แต่เมื่อกดใช้งาน DSP ให้ทำงานในระบบ 7.1 มันก็จะดันเสียงดนตรีให้ลอยอยู่ด้านหน้าเหมือนนั่งฟังผ่านลำโพงคู่หน้า มิติที่สร้างขึ้นก็ลอยออกจากหูเราไปจริงๆ แต่ไม่ได้เหมือนนั่งฟังในห้องฟัง แค่มันกระจายตัวเสียงเสมือนว่าลำโพงอยู่ด้านหน้าศรีษะเล็กน้อย การดูหนังผ่าน GSP350 ให้เสียงรอบทิศที่ยอดเยี่ยม สนุกกว่าการฟังแบบสเตอริโอ บรรยากาศโอบล้อมในโหมดเสียงรอบทิศทำได้ดีเหมือนอยู่ในโรงหนังจริงๆ ถ้าใช้ดูหนังก็ถือว่าถูกเรื่อง ถ้าใช้เล่นเกมส์ก็น่าจะดีเช่นกันเพราะทำให้เราได้ยินเสียงรอบทิศ เกมส์แนวต่อสู้หรือแนว FPS ก็น่าจะได้ประโยชน์ต่อการฟังเสียงที่มาจากหลายๆทิศทาง ไมค์รับเสียงคุณภาพดีมาก ให้น้ำเสียงผ่านไมค์ที่ครบย่านความถี่ที่เหมาะกับเสียงพูด น้ำเสียงพูดจากไมค์ตัวนี้จะเพราะกว่าหูฟังตัวอื่นๆ ในการทดสอบครั้งนี้ เหมือนมีการปรับปรุงเสียงพูดให้กังวาลและอิ่มชัด ระดับความดังของเสียงจากไมค์ก็ดังที่สุด

สรุปการทดสอบ

การประชุมหรือสอนหนังสือ หรือเรียนหนังสือผ่าน internet จำเป็นต้องมีไมโครโฟนและหูฟังแบบสาย เราไม่สามารถใช้หูฟังไร้สายไปกับภารกิจได้เพราะหูฟังไร้สายมักจะทำมาใช้งานต่อเนื่องได้ไม่เกิน 2 ชม. แบตเตอรี่ก็จะหมด ซึ่งการเรียนการสอนเราจะใช้เวลาเยอะกว่านั้น ดังนั้นหูฟังพร้อมไมค์ระบบมีสายจึงเป็นสิ่งที่เหมาะสมกว่า และที่ได้ทดสอบ 3 ชนิดในครั้งนี้ต่างก็เป็นหูฟังที่น่าใช้ในสถานการณ์ไม่เหมือนกัน ดังนี้

หากเราต้องการหูฟังที่ใช้กับอุปกรณ์ได้หลากหลายเป็นหลัก ใช้กับคอมพิวเตอร์ได้ ใช้กับโทรศัพท์ที่มีช่อง 3.5มม.ได้ ให้เลือก HS50pro

ถ้าจะเสียบช่อง usb ต้องเลือก Elite RGB หรือ Gsp350

หากต้องการเสียงรอบทิศงบน้อย เลือก Elite RGB

หากเราต้องการใช้ดูหนังเป็นหลัก คุยเป็นรอง และใช้กับคอมพิวเตอร์เท่านั้นเลือก Gsp350

หากเน้นฟังเพลงเป็นหลักใช้ HS50pro

หากเน้นสีสันไฟกระพริบ เลือก Elite RGB

หากเป็นคนพูดเสียงเบา งบน้อยเลือก HS50pro

หากชอบเสียงไมค์ที่บันทึกเสียงได้ระดับไฮไฟ อยากได้เสียงพูดชัดๆมีคุณภาพ เลือก Gsp350

หากชอบเสียงผ่านไมค์ที่ฟังชัด เน้นเสียงพูดต้องฟังได้ใจความ เลือก HS50pro

ถ้าจะเล่นเกมส์ที่ต้องใช้ระบบเสียง 7.1 เลือก Gsp350

หากต้องการตัวที่เบาที่สุดก็ต้องเลือก Gsp350


ลิงค์ไปซื้อ HS50Pro

ลิงค์ไปซื้อ Gsp350

ลิงค์ไปซื้อ Elite RGB

ขอขอบคุณร้านมั่นคงแก็ดเจ็ทที่เอื้อเฟื้ออุปกรณ์ในการทดสอบครับ



สำหรับคนอยากได้ของราคาประหยัด ให้ลองอ่านรีวิว Logitech H111 ดูครับ

รีวิวหูฟัง 3 รุ่น ราคาเบาๆ แต่เอาจริง

หูฟังแถมมากับโทรศัพท์หรือเครื่องเล่นเพลงมักจะไม่ค่อยดี หรือเครื่องเล่นเพลงบางรุ่นก็ไม่แถมหูฟังแล้ว นั่นเป็นสาเหตุให้บางคนคิดจะอัพเกรด หาของที่เสียงดีกว่าของแถมมาใช้ ในการทดสอบรวมรอบนี้เราเลยหาหูฟังที่มีราคาขายในตลาดประมาณ 2000 -2500 บาท เป็นเกณฑ์เพื่อดูว่ามีตัวไหนน่าสนใจบ้าง

IMG_0086

ผมได้หูฟัง 3 รุ่นในงบประมาณที่ต้องการมาทดสอบ บางตัวอาจมีราคาตั้งที่สูงกว่าแต่ก็มีส่วนลด มีโปรโมชั่นที่ทำให้มันอยู่ในงบ และหูฟังเหล่านี้ก็คือ Sony IER-H500A , Zero Audio Carbo Mezzo ZH-DX220 และ Hifiman Re400 ซึ่งต่อไปจะเรียกสั้นๆว่า H500 Mezzo และ Re400 ตามลำดับ

อุปกรณ์ที่ใช้ทดสอบ

โทรศัพท์ Red mi note7

เครื่องเล่นเพลง ipod shuffle Gen1

คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค

เครื่องเล่นเพลง Aune M1

IMG_0053

H500 เป็นหูฟัง in-ear ตอบสนองความถี่ 5-40000 Hz มีไมค์ ใช้คุยโทรศัพท์ได้ ให้สายยาว 1.2 เมตร ขั้วเสียบ 3.5มม แบบมีขีดดำ 3 ขีด ให้น้ำเสียงที่ฟังสนุกตั้งแต่นาทีแรก เสียงเบสแน่นเหมือนมีลาวเนสหรือวงจรยกเสียงเบสช่วยนิดๆ เสียงสูง ตัว S ตัว ซ จะชัดเจน ทำให้เสียงกลางคม และฟังชัด แต่ไม่นุ่มนวลแบบออดิโอไฟล์ ความคึกคักเป็นจุดเด่น ใช้ฟังเสียงพูด เสียงพิธีกรได้ชัดถ้อยชัดคำ เสียงดนตรีต่างๆมาครบแต่จะมีเสียงสูงที่ดังล้ำออกมานิดๆ ตัวจุกยางของหูฟังค่อนข้างนิ่ม ใส่สบาย ผมไม่แน่ใจว่าในแพ็คเกจให้จุกยางมาเปลี่ยนกี่ขนาด ถ้าเลือกขนาดหูฟังให้เหมาะจะช่วยปรับระดับเสียงเบสได้ ผมชอบจุกยางของโซนี่มากกว่าของยี่ห้ออื่นที่ทดลอง ฟังเพลงอคูสติกจะสนุกมาก เพราะให้เสียงกลาง เสียงบรรยากาศที่ชัด และมีเสียงเบสที่พร้อมจะผลักดันทุกเสียงให้ออกมามีสีสัน เป็นการปรุงแต่งที่น่าฟัง

IMG_0058

Mezzo เป็น in-ear ให้สายยาว 1.2 เมตร ตอบสนองความถี่ 6-40000Hz ขั้วต่อชนิด 3.5มม. แบบสเตอริโอดั้งเดิม หรือ มีขีดดำ2 ขีด ไม่มีไมค์ ดังนั้นใช้คุยโทรศัพท์ไม่ได้ ลักษณะสายแบนทำให้การแกะคลี่สายทำได้ง่าย น้ำเสียงของ Mezzo เป็นหูฟังที่ให้เบสใหญ่โต เป็นหูฟังซุปเปอร์เบส เสียงเบสในเพลง เสียงกลองในเพลง จะฟังแล้วโดนยกให้ดังทั้งหมด เหมือนเอาหูฟังแบบแฟลตมายก Equaliser หรือ ปรับความถี่แบบ ยกเบส ยกแหลม ถ้าเป็น Graphic Eq ก็จะเหมือนยกให้เป็นตัว V คือ เสียงสูง ตัว S ตัว ซ ชัดเจนจนรู้สึกว่าดังเกินไป ฟังเพลงร็อคได้มันส์มาก เพราะกลองกับเบสโดนยกจนรู้สึกว่ามันเกิดมาเพื่อปั๊มเบสเลย ฟังให้เสียงกลางฟังได้เรื่อยๆ แต่เสียงเบสจะดังมาก เหมาะกับคนชอบเบสตรงๆเลย เสียงเบสที่ดังปานนี้ แต่เสียงก็ยังไม่แป๊ก ไม่ออกอาการพล่า จุกยางที่ติดมากับหูค่อนข้างใหญ่เกินไปสำหรับหูผม ถ้าเปลี่ยนจุกยางให้เหมาะน่าจะลดเสียงเบสลงได้ และน่าจะใส่สบายขึ้น

IMG_0054

Re400 เป็นหูฟัง in-ear ขั้วต่อ 3.5มม แบบสเตอริโอปกติ มีขีดดำ 2 ขีด ดังนั้นจะไม่มีไมค์ ใช้คุยโทรศัพท์ไม่ได้ สายมีผิวสัมผัสเหมือนเชือก ตอบสนองความถี่ 15-22000Hz น้ำเสียงสดเป็นธรรมชาติ ถือเป็นจุดเด่นมากๆของหูฟังตัวนี้ แต่ต้องได้ใส่กับจุกยางที่พอเหมาะจริงๆถึงจะได้น้ำเสียงที่ดี ความโปร่งของเสียงกลางเป็นแนวเสียงที่โชว์เพลงร้องได้อย่างยอดเยี่ยม เสียงเบสที่มีพอดี ไม่ล้น ไม่บวม ไม่ทับเสียงกลาง และเสียงสูงก็ไม่เน้นตัว s ตัว ซ จนมากเกินไป เป็นเสียงแนวแฟลตอย่างแท้จริง หากฟังทดสอบด้วยเพลงร้อง หูฟังตัวนี้จะชนะเลิศเลย ความพอดีของทุกย่านความถี่ทำให้เราฟังหูฟังเส้นนี้ได้นานมาก เสียงเบสคมและมีน้ำมีนวลแต่ไม่อ้วนเบลอ มีเสียงดังขึ้นมาแล้วจบลงอย่างกระชับ เป็นบุคคลิกเสียงที่นักฟังเครื่องเสียงค่อนข้างชอบ ผมได้หูฟังตัวนี้มาพร้อมจุกยางที่ไม่พอดีกับหู ใส่ฟังครั้งแรกนึกว่าเป็นหูฟังเสีย คือเป็นเสียงโทรโข่ง ไม่มีเบส ไม่มีแปลายแหลม นาทีแรกที่ได้ยินยังสงสัยว่าหูฟังเสียงแบบนี้ได้รับความนิยมได้ยังไง แต่เมื่อลองเปลี่ยนจุกยางแล้ว พอเราเจอจุกยางที่พอดี เราจะได้เสียงที่สุดยอดมาก ยิ่งรู้ว่าราคาขายอยู่ในระดับ 2 พันบาทยิ่งน่าซื้อใช้ จุดเด่นอีกอย่างที่พบคือ หูฟังตัวนี้ใส่สบาย เมื่อเลือกจุกยางที่เหมาะสมแล้วน้ำเสียงจะเหมือน earbud คุณภาพดี เราควรใช้เวลาทดลองเปลี่ยนจุกยาง หาขนาดที่พอดีกับหูเรา แล้วเราจะได้หูฟังคุณภาพสูงในราคาเบาๆ

ข้อสังเกต

ผมใช้หูฟัง Re400 แล้วเปลี่ยนจุกยางเป็นของ sony h500 ได้น้ำเสียงที่ถูกใจที่สุด เสียงกลางมีเนื้อ มีมวล มีปลายเสียงที่ชัดแต่ไม่คมไม่บาดหู เสียงเบสลึกมีความฉ่ำและไม่กระแทกกระทั้นหูแบบ in-ear ทั่วไป ผมไม่ได้มีแพ็คเกจจุกยางของ Re400 ทั้งกล่อง เพราะเคยรู้มาว่า Re400 แถมจุกยางเยอะมาก น่าจะมีจุกยางให้เปลี่ยนได้ละเอียด น่าจะทำให้คนฟังได้เสียงที่ดีกับหูตัวเองจริงๆ

IMG_0092

สรุป

ถ้าใช้กับโทรศัพท์เป็นหลัก ใช้คุยด้วย ต้องเลือก Sony H500 เราจะได้หูฟังที่ฟังสนุก ฟังค์ชั่นครบ ใช้ได้ทุกโอกาส

ถ้าใช้ฟังเพลงออดิโอไฟล์ เพลงบันทึกดี ใช้ฟังนอกบ้าน ที่บ้านมีเครื่องเสียงขั้นเทพอยู่แล้ว เลือก Hifiman Re400 ไปเลย แล้วเสียเวลาลองจุกยางอย่างละเอียด หาจุกที่พอดีกับหูเรา ฟังไปฟังมา เดี๋ยวจะโดนเครื่องเล่นเพลงเครื่องใหม่อีกเครื่อง

ถ้าชอบร็อค ชอบเบส ชอบอะไรที่จัดจ้าน ก็เลือก Mezzo

ขอขอบคุณร้านมั่นคงแก็ดเจ็ทที่เอื้อเฟื้ออุปกรณ์ในการทดสอบครับ

รีวิว Mi True wireless Earphones

Xiaomi ทำอะไรขายบ้างในตอนนี้เราคงไม่สามารถบอกได้แล้ว เพราะมีสินค้าหลากหลายชนิดออกมาในยี่ห้อนี้ นอกจากสินค้าเทคโนโลยีแล้วก็ยังมีสินค้าเครื่องใช้ในบ้านอีกด้วย แต่ละเดือน แต่ละสัปดาห์ที่ผ่านไปเราก็พบสินค้าใหม่ของยี่ห้อนี้อยู่เรื่อยๆ และหูฟังที่ใช้งานกับโทรศัพท์ก็มีทำขายด้วยเช่นกัน มีทั้งแบบสาย และแบบไร้สาย แบบไร้สายก็มีหลายรุ่น และในครั้งนี้เราก็จะทดสอบหูฟังไร้สายรุ่นหนึ่งชื่อว่ารุ่น Mi True Wireless Earphones กัน

2020-02-24_10-03-59

ข้อมูลทั่วไป

  • ไดรเวอร์ขนาด 7 มม.
  • เชื่อมต่อ Bluetooth 4.2
  • ระบบสัมผัสเพื่อควบคุมการทำงาน
  • กันน้ำ IPX4
  • กล่องมีช่องเสียบสายชาร์จ usb-C , จุกซิลิโคนติดหูฟังมา1 คู่ มีในกล่องอีก 2 คู่ รวมได้ 3 คู่
  • ใช้งานต่อเนื่องได้ 3 ชั่วโมง กล่องเก็บไฟจะชาร์จแล้วใช้ได้รวมเป็น 10 ชั่วโมง
  • ชาร์จไฟเข้ากล่องจนเต็มใช้เวลา 1 ชั่วโมง
  • ใช้ได้ทั้ง iOS / Android
  • น้ำหนัก 5.8 กรัม
IMG_20200226_080923
IMG_0235

ทดลองฟัง

หูฟัง Truewireless ยุคนี้มาพร้อมกล่องชาร์จไฟ การหยิบหูออกจากกล่องทำได้ลำบากมาก เพราะว่าหูฟังมีแม่เหล็กในกล่องดูดเอาไว้เพื่อกันหลุด ทำให้การหยิบออกเป็นเรื่องยาก

IMG_0243

คุณภาพเสียงเมื่อฟังเพลง ทำได้ดีน่าประทับใจมาก เสียงโดยรวมมีความเป็นกลาง ไม่เน้นย่านเสียงใดเป็นพิเศษ เสียงทุ้มจะบางกว่าหูฟังอินเอียร์ทั่วไปอย่างชัดเจน แนวทางเสียงจะไปทางหูฟัง earbud มากกว่า เสียงกลางชัด เสียงสูงใส และไม่เสียดหู ฟังนานๆไม่ล้า ความฉ่ำหวานมีน้อยไปหน่อย หูไร้สายแบบนี้ฟังนานๆสักสองชั่วโมงก็แบตเกือบหมดแล้ว ดังนั้นเราก็จะเหมือนโดนบังคับให้หยุดฟังเพื่อถอดหูไปชาร์จไฟ ทำให้ใส่นานๆไม่ได้อยู่แล้ว

ความสามารถที่น่าทึ่งของหูฟังคู่นี้คือการเชื่อมต่อสัญญาณที่ไม่สะดุดเลย ปกติจากที่เคยลองหูฟัง truewireless คู่ละ 3000 บาท ก็ทำคุณภาพเสียงไว้ได้ดี แต่ที่แย่คือ การเชื่อมต่อมีอาการสะดุดเมื่อผ่านสถานที่ที่มีคนเยอะ แต่ earphones ตัวนี้ไม่มีอาการเสียงหายหรือเสียงขาดตอน จะมีเพียงแค่อาการดีเลย์เล็กน้อยตอนดูคลิปเท่านั้น

กล่องชาร์จไฟสามารถเก็บไฟแล้วทำให้ชาร์จซ้ำใส่ตัวหูฟังได้หลายรอบ ระยะเวลาฟังทั้งหมดที่ใช้ไฟจนหมดกล่องจะได้ประมาณ 10 ชม. ช่องเสียบสายชาร์จไฟของกล่องเป็นชนิด usb-C

IMG_0233

การคุยโทรศัพท์ผ่านหูฟัง Earphones คู่นี้ให้เสียงดีมาก เสียงที่ได้ยินมีความใหญ่และชัด ส่วนปลายทางที่คุยด้วยก็ได้ยินเสียงของเราชัดเจน และแม้จะคุยผ่าน App อย่าง Line ก็ให้คุณภาพการคุยที่รู้เรื่องไม่ต่างกัน สิ่งที่ประทับใจก็คือเสียงเรียกเข้าที่ได้ยินในหูฟังเป็นเสียงกรุ๊งกริ๊งที่ไม่ทำให้สะดุ้ง เสียงดังในหูทำให้เรารู้ตัวแต่ไม่ตกใจ ถือว่าคุณภาพในด้านการใช้เพื่อคุยโทรศัพท์ทำได้ดีมาก

ระบบสัมผัสของหูฟังคู่นี้มีสองข้างที่รับการสัมผัสได้ เคาะสองครั้งที่หูขวาเป็นการเล่นเพลงและหยุดเพลง ส่วนเคาะ 2 ครั้งที่หูซ้าย จะเป็นการเรียก Assistant ขึ้นมา ส่วนการเคาะแบบอื่นๆผมไม่ได้ลองเลย

จุดเด่น

กล่องชาร์จไฟใช้งานรวมได้ 10 ชม.

สัญญาณไม่สะดุดในที่คนเยอะ

คุยโทรศัพท์ฟังเสียงได้ชัดมาก และปลายทางก็ได้ยินเสียงเราไม่ติดขัด

คุณภาพเสียงในด้านการฟังเพลงให้น้ำเสียงเป็นกลางไม่เน้นย่านใดเป็นพิเศษ

จุดด้อย

หยิบหูฟังออกจากกล่องยากมาก

สรุป

Mi Earphones เป็นหูฟัง Truewireless ที่มีราคาย่อมเยา แต่มีคุณภาพดี หน้าที่การเป็นหูฟังไร้สายที่ดีก็คือการเชื่อมสัญญาณบลูทูธต้องไม่สะดุด หูฟังตัวนี้ก็ไม่สะดุด แม้จะใส่ไปเดินในห้างที่มีคนเยอะก็ไม่สะดุด แม้จะใส่มือถือไว้ในกระเป๋ากางเกงก็ตาม น้ำเสียงที่เป็นกลางไม่เน้นย่านใดย่านหนึ่งอาจไม่ถูกใจนักฟังเพลงที่ชอบเพลงที่มีสีสันหรือมีแนวทางที่จัดจ้าน แต่ความเรียบง่ายของเสียงแบบนี้ทำให้เราใส่หูได้นาน สามารถฟังสิ่งที่ต้องการได้นาน

รีวิว หูฟังไร้สาย Happy Plugs Air1

หูฟังสำหรับการฟังเพลงได้รับการพัฒนามาตลอดหลายปี ตั้งแต่เริ่มต้นเป็นหูฟังชนิด ear bud ที่แถมมากับเครื่องเล่นเพลง และพัฒนาต่อมาให้เป็นหูฟังที่ใช้งานกับโทรศัพท์มือถือ การใช้งานหูฟังกับโทรศัพท์ก็จะมีหลายวัตถุประสงค์ ตั้งแต่ใช้ฟังเพลง กับ ใช้พูดคุยซึ่งจะต้องทำหน้าที่กดรับสายหรือวางสายได้ด้วย หูฟังที่ใช้กับโทรศัพท์จะถูกเรียกว่าสมอลทอล์คและคำว่าสมอลทอล์คก็กลายเป็นคำศัพท์ทั่วไป เป็นตัวแทนของสายหูฟังไปในที่สุด

ในยุคแรกหูฟังสมอลทอล์คจะเป็นหูฟังคุณภาพต่ำพร้อมไมโครโฟนบนตัวสาย ใช้เสียบกับโทรศัพท์เพื่อการพูดคุยกัน ไม่ได้ออกแบบเอาไว้ฟังเพลง และพอโทรศัพท์เริ่มพัฒนาคุณภาพเสียงให้พอฟังเพลงได้ เราก็มีหูฟังสมอลทอล์คสำหรับคุยและฟังเพลงได้ แต่ยังเป็นแบบมีสายอยู่ และหูฟังสมอลทอล์คที่มีคุณภาพดีระดับพอใช้ได้ก็คือหูฟังที่แถมมากับโทรศัพท์ราคาสูงอย่าง iphone นับได้ว่าบริษัท apple ได้วางรากฐานอุปกรณ์ด้านนี้เอาไว้หลายอย่าง

IMG_0465

ส่วนหูฟังที่เน้นการพูดคุยแต่เพียงอย่างเดียวก็ถูกพัฒนาออกมาเป็นหูฟังบลูทูธ เป็นหูฟังข้างเดียวที่ใช้คุยเป็นหลัก โลกเราใช้หูฟังบลูทูธข้างเดียวอยู่เกือบ 20 ปี จนมีคนเริ่มทำหูฟังสำหรับฟังเพลงแบบไร้สายให้คุยโทรศัพท์ได้ พวกเราเลยมีหูฟังสำหรับฟังเพลงและพูดคุยในชิ้นเดียวกัน และสามารถทำเป็นระบบสเตอริโอสำหรับใช้งานสองหูได้ด้วย

จากการพัฒนาการไม่หยุดยั้งของโทรศัพท์มือถือ ก็ผลักดันให้หูฟังกลายเป็นระบบไร้สาย และ apple ก็ออกแบบหูฟังไร้สายออกมาขาย หน้าตาเป็น earbud แบบเดิมที่เคยมีขาย แต่กลายเป็นไร้สาย หรือ ไม่มีสายแล้ว เอา earbud มาถอดสายออกหน้าตาจะดูตลก แต่ใช้งานได้ดีมาก คุณภาพเสียงดีเหมือนเดิม แถมได้มีการออกแบบวิธีการใช้เสียใหม่ ลดความยุ่งยากที่เคยพบกับการเปิดปิด ลดปัญหาการการเชื่อมต่อลงไปหมดสิ้น แม้แต่การชาร์จไฟก็ออกแบบวิธีใหม่ให้ด้วย

เราเรียกหูฟังไร้สายที่ใช้สำหรับฟังเพลงและคุยโทรศัพท์ว่าเป็นหูฟังชนิด true wireless และจากการใช้งานแสนยุ่งยากของหูฟังบลูทูธในอดีต apple ก็ปรับปรุงวิธีการใช้ วิธีการพก วิธีการชาร์จไฟเสียใหม่ กลายมาเป็นหูฟ้งไร้สายที่มีกล่องใส่ มีแบตเตอรี่ในตัวหูฟังและมีแบตเตอรี่ในตัวกล่องใส่ กล่องนี้ทำงานเหมือนเพาเวอร์แบ๊งค์คอยจ่ายไฟชาร์จตัวหูฟัง เมื่อใช้งานหูฟังจนแบตลดต่ำลงเกือบหมด เราก็แค่เอาไปวางเก็บไว้ในกล่อง กล่องก็จะชาร์จไฟให้กับตัวหูฟัง และเมื่อใดที่เราหยิบหูฟังออกจากกล่อง หูฟังก็จะไปเชื่อมตัวเองเข้ากับโทรศัพท์โดยอัตโนมัติ และกล่องใส่หูฟังที่มีไฟในตัวก็เป็นกล่องที่ต้องอาศัยการเสียบสายชาร์จด้วย วิธีการออกแบบแนวนี้ทำให้หูฟังชนิดนี้น่าใช้งานมาก และลดปัญหาการลืมชาร์จไฟให้กับหูฟังได้อย่างยอดเยี่ยมเลย

apple ออกแบบหูฟังไร้สายใหม่ แล้วก็ขายได้ถล่มทลาย ทุกคนที่เปลี่ยนจากหูฟังแบบสายมาเป็นไร้สายก็จะชอบทุกคน เพราะสะดวกและไม่ต้องปวดหัวกับการต่อสาย ทำให้มีผู้ผลิตรายอื่นเข้ามาร่วมออกแบบ ร่วมผลิตเพื่อแบ่งยอดขายกันเป็นจำนวนมาก และยี่ห้อ Happy plugs ก็ทำหูฟัง true wireless หน้าตาเหมือนของ apple ออกมาขายเช่นกัน โดยใช้ชื่อรุ่นหูฟังนี้ว่า Air1

ลักษณะทั่วไป

หูฟัง Air1 เป็นหูฟังชนิด earbud มีแบตเตอรี่ในตัว เชื่อมต่อกับโทรศัพท์หรือเครื่องเล่นเพลงด้วยระบบ Bluetooth ในเว็บผู้ผลิตมีผลิตภัณฑ์ให้เลือกหลายสีหลายลาย ส่วนในการทดสอบครั้งนี้เราได้สีดำมาลอง การหยิบออกจากกล่องจะเป็นการเปิดการทำงาน และเมื่อวางกลับลงไปในกล่องก็จะเป็นการปิดสวิตซ์ และเข้าสู่การชาร์จไฟอัตโนมัติ ในการควบคุมสั่งการหูฟังรุ่นนี้ ต้องใช้วิธีแตะที่ก้านหูฟัง เป็นการสั่งงานด้วยระบบสัมผัส โดยมีวิธีแตะอยู่หลายรูปแบบ แต่ละแบบก็จะไปทำงานแตกต่างกัน บนตัวกล่องจะมีช่องเสียบสาย micro usb เอาไว้ชาร์จไฟด้วย

IMG_0477

Specification

การเชื่อมจต่อ Bluetooth Version: 5.0

ระยะเวลาการใช้งานรวม 14h

ระยเวลาการใช้งานต่อการชาร์จหูฟัง 1 ครั้ง 3.5ชั่วโมง

Standby Time: 90h

ความจุแบตเตอรี่ในหูฟัง 30mAh

ความจุแบตเตอรี่ในกล่อง 400mAh

ขนาดดอกลำโพง 12mm

ควาไว 95dB ± 3dB

การตอบสนองความถี่ 20-20kHz

ความต้านทาน 16Ω

ขนาดกล่อง 51x63x20mm

น้ำหนักหูฟัง 3.75g

น้ำหนักกล่อง 35g

IMG_0467

ทดลองฟัง

โทรศัพท์ที่ใช้ทดสอบเป็นรุ่น Redmi note7pro และ โน้ตบุ๊ค asus Asus ใช้ซีพียูรุ่น Ryzen5

การสวมใส่กับหูทำได้ดีมาก สบายมาก เพราะพื้นฐานของรูปทรงของ Air1 เป็นหูฟัง earbud ดังนั้นใครคุ้นเคยกับการใช้ earbud ก็จะใช้ Air1 ได้สบายๆ ใส่นานเป็นชั่วโมงก็ไม่รู้สึกหูร้อนหรืออึดอัด ส่วนคุณภาพเสียงก็อยู่ในระดับที่เรียกว่าเสียงดี ลักษณะเสียงจะโปร่งฟังสบาย โทนเสียงย่านเบสมีให้ได้ยินพอดีๆ การตอบสนองของทุกย่านเสียงมีความดังพอๆกัน เสียงกลางเป็นเสียงที่ฟังได้ง่าย เสียงกลางจาก Air1 เป็นเสียงกลางที่ชัด ใส ราบรื่น ส่วนเสียงย่านแหลมก็มีประกาย และไม่เสียดหู

คุณภาพเสียงที่ได้ยินจะคล้ายกับหูฟัง earpod ที่แถมมากับ iphone แต่เพิ่มเบสและความกระฉับกระเฉงขึ้นไปอีกนิด ซึ่งโดยส่วนตัวผมชอบเสียงของหูฟัง earpod อยู่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ฟังเสียงจากคลิป youtube ก็ให้น้ำเสียงพูดของคนเป็นธรรมชาติ ฟังเพลงก็ได้ความโปร่งและชัด น้ำหนักเสียงเบสจะเหมาะกับการฟังเพลงป๊อป และอคูสติก

IMG_0471

ฟังเพลงร็อคหรือเพลงที่โชว์เสียงย่านต่ำเราจะได้เสียงต่ำที่กระชับ ไม่ล้น ไม่บวม Air1 เป็นหูฟังที่ให้เนื้อเบสไม่ใหญ่ แต่มีความรวดเร็วและไว เสียงกีต้าร์อคูสติกมีความใสและแรงประทะที่ชัด น้ำเสียงของนักร้องผู้หญิงหวานและไม่มีความรู้สึกบีบหรือเสียงอยู่ในกล่อง สามารถติดตามฟังเสียงลม เสียงเอื้อน เสียงลูกคอและเทคนิคการร้องต่างๆได้ชัดเจน มิติเสียงร้องทำได้ดีมาก

ใช้งานหูฟังตัวนี้จะฟังคลิปต่างๆได้เพลินมาก เผลอแป๊ปเดียวหมดเวลาไปเป็นชั่วโมง การสั่งการจะใช้วิธีการสัมผัส วิธีการสัมผัสมีหลายวิธี และหูด้านซ้ายและขวาต่างก็แยกกันรับคำสั่ง จะให้ดีอ่านคู่มือการใช้งานจากผู้ผลิตให้เข้าใจเสียก่อนจะดีที่สุด

การพูดคุยก็ทำได้ดีไม่มีปัญหา ระหว่างที่ฟังเพลง หากมีสัญญาณโทรเข้า เราสามารถแตะที่หูขวา 1 ครั้งเพื่อรับสายได้ และการพูดคุยก็ทำได้รู้เรื่อง ไมโครโฟนที่ติดกับหูฟังรับเสียงคนพูดได้ชัดเจน

touch control air1

มีข้อสังเกตุเรื่องคุณภาพสัญญาณบลูทูธ ตลอดเวลาที่ได้ทดสอบหูฟังตัวนี้ในบ้าน ในรถ ก็พบว่าเป็นหูฟังที่ใช้งานได้ง่าย สะดวก และสัญญาณค่อนข้างดี อาการสายหลุดหรือเสียงหายจะมีน้อย แทบจะไม่ผิดพลาดเลย แต่พอนำหูฟังตัวนี้ติดไปเดินห้าง โดยเสียบหูฟังเพื่อฟังเพลง แล้วเครื่องเล่นหรือโทรศัพท์อยู่ในกระเป๋ากางเกง เสียงจากหูฟังจะติดๆดับๆ มีอาการเหมือนสัญญาณหาย แนะนำว่า หูฟังตัวนี้ไม่เหมาะกับห้าง และไม่เหมาะที่จะใช้ในบริเวณที่มีคนจำนวนมาก ยิ่งหากเราใช้งานในบริเวณที่ขายเครื่องใช้ไฟฟ้า หรือ ขายสมาร์ททีวีเยอะๆ อาการสะดุดจะยิ่งชัด หากเจอสถานการณ์เสียงสะดุดจะต้องใช้วิธีถือโทรศัพท์แทนการใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกง เพื่อให้โทรศัพท์กับหูฟังไม่มีสิ่งใดกั้นไว้ จะช่วยให้รับสัญญาณในที่คนเยอะมากๆได้

ส่วนการนั่งกินอาหารในห้าง เราวางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะ ก็ทำงานได้ปกติดี อาการเสียงสะดุดหรือสัญญาณหาย จะเกิดกับบริเวณที่มีคนเยอะมากๆ เข้าใจว่าเป็นเพราะโทรศัพท์ของคนอื่นๆมีการส่งสัญญาณคลื่นความถี่ที่รบกวนหูฟังที่เราใช้งานอยู่ ผมลองโทรถามเพื่อนที่ใช้งานหูฟังบลูทูธเป็นประจำว่าเวลาเดินห้างมีปัญหาแบบนี้ไหม เพื่อนบอกของเขาก็มีอาการเดียวกัน เปลี่ยนมาหลายยี่ห้อก็ยังไม่หาย เชื่อว่าการรบกวนในห้างเป็นสิ่งที่เลี่ยงได้ยากมากสำหรับหูฟัง true wireless

ทดลองให้ภรรยาไปใช้ลองดูซีรีส์จากมือถือ iphone 6s ภรรยาแจ้งว่า เสียงดี และเสียงไม่ดีเลย์ ส่วนการฟังเพลงมีความเห็นว่า เสียงไม่แบน ปกติหูฟังสายที่ใช้ดูหนังฟังเพลงจะให้เสียงแบน ฟังเอาข้อความไม่ได้ฟังเอาความไพเราะ (ผมให้เขาใช้ oker ds300 เส้นละ 120บาท ไม่ใส่ฟองน้ำ) แต่กับ Air1 เขาได้ยินเสียงร้อง แยกจากเสียงดนตรี ตำแหน่งดนตรีมีซ้าย กลาง ขวา มีตัวตน ไม่แบน พอรู้ราคาว่าประมาณสามพันบาท เขาบอก “ไม่แพง ซื้อได้”

ข้อดี

เสียงดี โปร่ง ฟังสบาย ฟังได้นานไม่อึดอัด ใช้ดูหนังได้ไม่ดีเลย์ แบตใช้ได้นาน คุยโทรศัพท์รู้เรื่องดี

ข้อด้อย

สัญญาณสะดุดในที่ชุมชนคนเยอะ ต้องแก้ปัญหาด้วยการถือโทรศัพท์ด้วยมือ แทนที่การใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกง

สรุป

หูฟัง Air1 เป็นหูฟัง earbud ระบบไร้สาย หรือ true wireless ที่สวมใส่ได้สบายมาก คุณภาพน้ำเสียงตอบสนองได้ราบลื่น น้ำเสียงน่าฟัง เสียงร้องหวานใส เสียงเบสกระชับ สามารถฟังได้นานโดยไม่ล้าหู สามารถสั่งการได้ด้วยระบบสัมผัส คุณภาพเสียงดีสำหรับการฟังดนตรี ใช้พูดคุยได้รู้เรื่อง มันยอดเยี่ยมมากสำหรับการใช้งานระหว่างขับรถและระหว่างการทำงาน ส่วนการใช้งานในที่มีคนเยอะหรือมีอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์เยอะอย่างในห้างก็จะมีอาการเสียงสะดุด แต่ก็แก้ปัญหาเฉพาะหน้าโดยการถือโทรศัพท์ไว้ในมือได้ เมื่อเดินผ่านจุดที่สร้างปัญหาเราจะกลับมาได้ยินเสียงที่ปกติ

ขอขอบคุณร้าน ร้านมั่นคงแก็ดเจ็ท ที่เอื้อเฟื้อให้ยืมสินค้ามาทดสอบนะครับ