วิธีแก้ไข Printer Error 0x00000709 Window 11 และ 10

ที่ทำงานซื้อเครื่องพิมพ์ inkjet มาใช้งาน เป็นรุ่น hp ink tank 315 ซึ่งเป็นเครื่องที่ต่อกับคอมพิวเตอร์ได้แค่ทางสาย usb เท่านั้น ต้องต่อกับคอมฯตัวหลักแล้วแชร์ให้คนอื่นในเน็ตเวิร์คใช้ เครื่องวินโดวส์อื่นๆในอ๊อฟฟิศทำงานได้ปกติ สามารถเพิ่มเครื่องพิมพ์ใหม่ได้ แต่เครื่องคอมฯของผมเอง โน้ตบุ๊ค asus วินโดส์11 ไม่สามารถทำได้

ปัญหาคือ ตอน add printer ตัววินโดส์หาไม่เจอ ตอนคลิกที่ my network คลิกไปที่เครื่องคอมฯที่แชร์ได้ คลิกไปที่โฟลเดอร์ในเครื่องแชร์ได้ แต่คลิกไปที่เครื่องพิมพ์ไม่ได้ วินโดส์แจ้ง error ตามภาพใน youtube เลยหาวิธีแก้ไข และเจอวิธีการ ขอบคุณเจ้าของคลิปที่ช่วยแก้ปัญหาครับ

ผมแปลกใจที่ทำไมวินโดส์ต้องเพี้ยนและมั่ว ทั้งที่เป็นวินโดส์แท้ เครื่องอื่นดูไม่มีปัญหาเลย แต่เครื่องที่ผมใช้ดันมีปัญหา จริงๆปัญหาของโน้ตบุ๊คเครื่องนี้มีอีกหลายอย่างที่ไม่ปลื้ม ในอนาคตจะไม่ซื้อยี่ห้อนี้แล้ว ย้อนไปดูรีวิวตัวนี้ได้ที่นี่

เปลี่ยนไฟหรี่หน้า ฮอนด้าฟรีด Honda Freed

เปลี่ยนไฟหรี่หน้า ฮอนด้าฟรีด Honda Freed

20240423161911_IMG_1984
Screen Shot 2567-04-23 at 16.33.35
Screen Shot 2567-04-23 at 16.33.12

ไฟหรี่ด้านหน้า ฮอนด้าฟรีด เป็นหลอดไส้ชนิด t10 สเป็คหลอดที่ใช้ได้คือ 12v5w เป็นหลอดไฟขนาดเล็ก เวลาหาซื้อในเว็บมักจะเจอว่าขายทีละ 10 หลอด เวลาไฟหรี่เสียมันก็ดับไปเลย แล้วด้านซ้ายขวาจะเสียไม่พร้อมกัน หากหาซื้อมาเปลี่ยนก็ซื้อเกินไว้เผื่อเปลี่ยนหลายๆครั้งก็ได้ ราคาไม่แพง

ซื้อได้ที่นี่ https://shope.ee/2foeYQaHhV

ดูหลอดไฟทั้งหมดที่ใช้กับรถฮอนด้าฟรีดที่นี่

อ่านหนังสือ เทียบกับดูหนัง April come she will

ข่วงหยุดยาวสงกรานต์ปีนี้เป็นปีที่ได้หยุดประมาณ 7 วัน ได้ใช้เวลากินและนอนกันจนอิ่มเลย และมีโอกาสได้ลองดูโปรแกรมหนัง พบว่ามีหนังเรื่องหนึ่งน่าสนใจ เป็นหนังญี่ปุ่น ชื่อไทยว่า เมษายนพาใครบางคนกลับมา ชื่ออังกฤษคือ April come she will.

messageImage_1713145065624

ดูใบปิดหนังก็คิดไปแล้วว่าน่าจะเป็นเรื่องของความรักและการถ่ายรูป ยิ่งดูโฆษณา ก็มีตัวอย่างหนังที่มีกิจกรรมถ่ายรูป มีวิวสวยมาก ตัดสินใจทันทีว่าจะเข้าไปดูหนังเรื่องนี้ในช่วงหยุดยาว ลองใช้เวลาตะลุยอ่านรีวิวเกี่ยวกับหนังตัวนี้ ก็เลยพบว่า มันเป็นหนังสือมาก่อน ขายดีในญี่ปุ่นจนมีการแปลไปหลายประเทศ และมีภาษาไทยแล้วด้วย

dpp-14apr2024-IMG_9063

เดินห้างผ่านร้านหนังสือก็เลยจัดมาเล่มนึง เพราะรู้สึกว่าอยากลองอ่านนิยายดูสักครั้ง จำไม่ได้เลยว่าอ่านนิยายครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ หนังสืออยู่กับตัวแล้วแต่ตั๋วหนังยังไม่ได้ซื้อ เพราะหนังไม่ได้ฮิตมาก โรงฉายเลยไม่เยอะ ต้องดั้นด้นไปดูในห้างที่ห่างไกลจากบ้าน

01

เหตุผลหนึ่งที่ซื้อหนังสืออ่านก็เพราะว่าอยากอ่านนิยาย และเคยได้คุยกับลูกเรื่องการอ่านหนังสือเทียบกับการดูหนัง เพราะลูกผมอ่านหนังสือแฮรี่พอตเตอร์อย่างติดหนึบ พอลองให้เขาได้ดูหนัง เขาก็บอกว่า หนังไม่ละเอียด หนังสือละเอียดกว่ามาก ผมหาหนังแฮรี่พอตเตอร์ให้เขา 7 ภาค เขาดูไปภาคเดียวแล้วไม่ดูอีกเลย แสดงว่าหนังสือคงละเอียดกว่ามากจริงๆ จนทำให้หนังไม่น่าสนใจ สำหรับลูกผมกับเรื่องแฮรี่พ็อตเตอร์

Screenshot 2567-04-22 at 21.53.24

หลังจากดูหนัง

เนื้อหาดูงงๆนิดหน่อย แต่อาศัยประสบการณ์ที่อยู่มาจนหัวเริ่มหงอก ตีความและอนุมานเอา ก็พอจะเข้าใจเนื้อเรื่องบ้าง เรื่องนี้เฉียดการถ่ายรูปไปนิดหน่อยให้พอมีรสชาติ เนื้อหาเป็นเรื่องของชีวิตรักของพระเอกที่เกี่ยวข้องกับแฟนสองคน คนเก่าเมื่อหลายปีก่อน และคนปัจจุบันที่กำลังจะแต่งงานกัน วิวในหนังก็พอมีให้ดูตามตัวอย่างหนัง ไม่ได้สวยตาแตกอย่างที่คาดหวัง และดูแล้วไม่ต้องใช้วิวเหล่านั้นก็ได้ แต่ถ้าเราไม่ได้สนใจทิวทัศน์หรือภาพแนวท่องเที่ยวธรรมชาติ แนวเนชันแนลจีโอกราฟิค แต่สนใจภาพถ่ายผู้คน บรรยากาศรอบตัวคน เราก็พอจะใช้หนังเรื่องนี้เป็นหนังรวมภาพสวยได้ คนหัดถ่ายภาพใช้หนังเรื่องนี้เป็นแนวทางการเรียนรู้ได้ จะว่าไป ภาพที่ปรากฏให้เห็นมันก็คล้ายๆจะเป็นภาพแนวสตรีทที่มาในโทนอบอุ่น ละมุน โรแมนติค องค์ประกอบภาพส่วนมากจะเรียบง่ายตรงไปตรงมา แต่ความเรียบง่ายนี่แหละที่ยากที่สุดในการถ่ายภาพ เพราะความเรียบง่ายนั้นดูรู้เรื่องและสื่อสารได้ทรงพลัง

หลังจากอ่านหนังสือ

พอดูหนังจบแล้ว อีกสองวันก็ลองอ่านหนังสือดู ใช้เวลาหลายวันอยู่เพราะว่าอ่านนานๆก็ง่วง เนื้อหาในหนังสือค่อนข้างช้า พรรณาเยอะ เนื้อหาต่างๆในหนังสือเยอะกว่าในหนังมาก และเนื้อหาก็สลับไปสลับมาชวนให้งง ต้องใช้สมาธินิดหน่อยที่จะลำดับเหตุการณ์ต่างๆเอง ซึ่งการสลับช่วงเวลาในหนังก็ทำแบบนี้แหละ อยู่ๆก็ตัดไปอดีต อยู่ๆก็เป็นปัจจุบัน จนบางครั้งในหนัง มีฉากที่พระเอกวิ่ง เราไม่รู้เลยว่าวิ่งในอดีต หรือ วิ่งในปัจจุบัน เรื่องราวต่างๆ บุคลิกตัวละคร และเนื้อหาบางส่วนชวนคิดลึก มีบทบรรยายเหมือนเป็นหนังสือโป๊เลย ผมแปลกใจอยู่ แต่ก็ไม่แน่ใจว่า มันเป็นเรื่องปกติของเลิฟซีนที่อยู่ในหนังสือหรือเปล่า เพราะไม่เคยอ่านนิยายรักมาก่อน

1712137683_April Come She Will-030424-1 (1)

สรุปเอง

รู้สึกว่า การอ่านหนังสือคือสิ่งที่จะได้อรรถรสมากที่สุด ส่วนหนังที่เข้าฉายก็เหมือนเป็นการเซอร์วิสคนอ่าน หนังเป็นเหมือนการทำภาพหน้าตาพระเอกนางเอกและตัวละครอื่นๆให้เห็นเป็นรูปธรรม แสดงสถานที่ต่างๆในจินตนาการ เหมือนเป็นนิทรรศการโชว์ภาพในหัวคนแต่งนิยาย มันเป็นตัวขยายรายละเอียดของหนังสือ ถ้าเราดูแค่ส่วนขยายหรือดูแค่ตัวหนังโดยไม่อ่านหนังสือเลย เราก็จะไม่ได้อรรถรสที่แท้จริง เพราะหนังข้ามรายละเอียดไปเยอะมาก เหมือนที่ผมเกิดความรู้สึกอิหยังวะตอนที่เดินออกจากโรงหนัง มันเหมือนไม่ได้ซึมซับอะไรจากหนังเลย เหมือนเคี้ยวอาหารแล้วไม่ได้กลืนยังไงอย่างงั้น แนะนำให้ไปอ่านหนังสือก่อน และเมื่ออ่านจบแล้ว ก็ลองแวะไปดูหนังอีกที เพื่อขยายรายละเอียดของหนังสือ

ลองกาแฟดริป สตาร์บัค starbuck origami

IMG_20240421_105537

เช้าวันอาทิตย์มีภารกิจไปส่งลูกเรียนพิเศษที่ห้างมาบุญครอง ห้างแห่งนี้เป็นห้างอายุเยอะแล้ว สมัยก่อนก็คนเยอะมาก หลังๆมีห้างเกิดใหม่อื่นๆมาแบ่งลูกค้าไป มาบุญครองก็ค่อยๆกลายเป็นแหล่งเรียนพิเศษ มีติวเตอร์มาเช่าพื้นที่ชั้น6 จำนวนมาก น่าจะเรียกว่าเป็น Education Hub ของกรุงเทพได้เลย

20240428105107_IMG_2021

ที่ชั้นสองมีห้าง Donki มาเปิดทำการ เป็นซุปเปอร์มาเก็ตของญี่ปุ่นที่มีสินค้าญี่ปุ่นหลากหลายมาก กาแฟสตาร์บัคแบบดริปก็มีขาย 1 กล่องมีกาแฟดริป 5 ชิ้น ผมสนใจตรงคำว่า origami นี่แหละ แต่ก็แปลกใจตรงข้างกล่องที่มีตัวหนังสือภาษาไทยด้วย

20240421134933_IMG_1977

ต้องดริปด้วยน้ำร้อน ปริมาณ 140 ml จริงๆก็แค่กะประมาณเอาก็ได้ รสชาติก็เป็นกาแฟดำ รสขมปกติ ไม่ได้มีความเปรี้ยวหรือผสมกลิ่นผลไม้ ลักษณะโครงสร้างกระดาษแบบ Origami ทำให้ซองดริปใช้งานง่าย สามารถแกะด้านบนของซองแล้วจัดวางบนแก้วได้ทันที สิ่งที่ดูดีก็คือ ตัวถุงกาแฟจะลอยอยู่เหนือแก้ว แตกต่างจากถุงดริปยี่ห้ออื่นที่พบบ่อยๆ ยี่ห้ออื่นที่ว่าก็คือ ถุงดริปจะมีการจมหรือหย่อนอยู่ในแก้ว ถ้าเราใช้แก้วไม่ลึก การดริปถุงกาแฟก็จะจมน้ำในแก้ว มันดูแล้วเหมือนออกแบบยังไม่จบ ทำให้ถุงดริปยี่ห้อทั่วไปจะต้องเลือกใช้กับแก้วทรงสูงเท่านั้น

20240421134625_IMG_1971

ส่วนถุงดริปแบบ Origami ก็จะยกตัวถุงลอยอยู่เหนือแก้ว ทำให้เราไม่ต้องใช้แก้วทรงสูงก็ได้ แต่ผมก็มีแก้วประจำตัวเป็นแก้วทรงสูงไว้กินกาแฟ แก้วยี่ห้อ pantone เป็นแก้วที่สวยและจุกาแฟได้เยอะ ก็เลยเอามาเป็นนายแบบในการดริปกาแฟจากสตาร์บัคตัวนี้

IMG_20240421_195544

ซ้ายคือถุงดริปหรือซองดริปกาแฟทั่วไปที่นิยมทำขาย ส่วนทางขวาก็เป็นถุงดริปกาแฟของสตาร์บัคโอริกามิ

อยากลองชิมก็ลองแวะซื้อดู หรือ ซื้อออนไลน์ในลิงค์นี้ก็ได้ คลิกได้เลย

เปลี่ยนแบตเตอรี่ suzuki swift หลักกิโล 156956

เปลี่ยนแบตเตอรี่ suzuki swift หลักกิโล 156956

ซูซูกิสวิฟท์หรือ swift2012 เป็นรถที่ใช้งานมาเกิน 10 ปีแล้ว หลักกิโลขึ้นไปถึง 156956 กม. มีอาการสตาร์ทนานกว่าปกติมาเกือบเดือน แม้ว่าจะขับรถทุกวัน แต่บางวันที่กดปุ่มสตาร์ทก็เหมือนแบตอ่อน ทำให้ค่อนข้างมั่นใจว่าแบตเริ่มเสื่อมแล้ว แต่ก็ยังสตาร์ทได้ทุกวันเลยรอเวลาว่างในวันหยุดยาวค่อยเปลี่ยนแบตเตอรี่

ตรวจสอบกับโพสท์เก่าๆที่เคยเปลี่ยนแบตเตอรี่คันนี้ ครั้งที่แล้วเปลี่ยนแบตตอนเดือน 6ปี2021 ซึ่งบนแบตเตอรี่ก็มีสติ๊กเกอร์ลงวันที่เอาไว้ นับเวลาดูก็เท่ากับใช้งานมาประมาณ 2ปี กับ 10 เดือน ถือว่านานเกินค่าเฉลี่ย2ปีไปเยอะแล้ว ก็เลยโทรเรียกร้านแบตเตอรี่มาเปลี่ยนให้ที่บ้านเลย

IMG_1940

โทรเรียกร้านเดิม เบอร์เดิม ช่างใช้เวลาเดินทางประมาณ 15 นาทีเท่านั้น เพิ่งรู้ว่าแบตเตอรี่ในปัจจุบันไม่ต้องประจุไฟที่ร้านแล้ว เพราะแบตมีไฟมาจากโรงงานเลย ทำให้สามารถยกมาเปลี่ยนได้ทันที แตกต่างไปจากสมัยก่อนที่จะต้องเติมน้ำกลั่นแล้วอัดไฟที่ร้านก่อนใช้

IMG_1952

ของเดิมเป็นแบตเตอรี่ยี่ห้อ Panasonic แต่ทางร้านแจ้งว่ายี่ห้อเดิมเลิกผลิตแล้ว ตอนนี้เป็นยี่ห้อ FB รุ่น S-46B24 กำลังไฟ 45Ah พอช่างยกมาเปลี่ยน ถอดของเก่ามาวางเทียบของใหม่ พบว่า เหมือนกันเป๊ะ เหมือนทุกมุม ตัวถังต่างๆเหมือนออกจากแม่พิมพ์เดียวกัน โรงงานเดียวกัน ช่างเล่าให้ฟังว่า แบตเตอรี่มันออกจากโรงงานเดียวกัน แปะป้ายหลายยี่ห้อแต่ข้างในเหมือนกัน

IMG_1944

ติดตั้งเข้าไปแทนของเก่า ตรวจเช็คไฟจากไดชาร์ทในรถว่าทำงานปกติ บนแบตตัวใหม่มีสติ๊กเกอร์ร้านติดพร้อมวันที่เปลี่ยน และช่างได้วัดค่า CCA ให้ดูด้วย เลยให้ลองวัดค่าของแบตเก่า และแบตใหม่ให้ดู ช่างบอกว่า CCA เยอะ ยิ่งดี ถ้า CCA ต่ำเกินไปจะสตาร์ทไม่ติด ซึ่งก็จะหมายถึงแบตเสื่อมด้วย

IMG_1948
IMG_1955

ค่า CCA ของแบตใหม่ แสดงผลไว้ 650 CCA Healthy 100% ตัวมิเตอร์วัดขึ้นคำว่า Good-Recharge

IMG_1954

ส่วนแบตเก่าวัดออกมาได้ 65 CCA Healthy 2% ขึ้นหน้าจอ Replace

ดูผลการวัดแล้วรู้สึกอยากได้มิเตอร์มาใช้งานบ้างเลย

Cr. บทความ Trevlyn Mayo Palframan

IMG_1290
dpp-footballป5-IMG_9025

ได้อ่านบทความของคุณแม่ต่างชาติท่านหนึ่ง
ซึ่งเขียนถึงเหตุผลที่เธอทุ่มเทเงินทองและเวลามากมาย
เพื่อส่งลูกเรียนกีฬา
รู้สึกประทับใจกับแนวคิดของคุณแม่ท่านนี้จังเลย
จึงอยากจะแปลเพื่อนำมาแชร์กันนะคะ
.
เพื่อนคนหนึ่งของฉันถามว่า
“ทำไมเธอจึงยอมจ่ายเงินตั้งมากมายเพื่อให้ลูกเล่นกีฬา”
อืม มันก็จริง ฉันยอมรับ
แต่ฉันไม่ได้จ่ายเงินเพื่อให้ลูกเล่นกีฬาหรอกนะ
จริงๆ ฉันไม่ได้ให้ความสนใจในกีฬาที่เด็กๆ เล่นเท่าไหร่นักหรอก
อ้าว แล้วถ้าฉันไม่ได้จ่ายเพื่อกีฬา แล้วฉันจ่ายเงินเพื่ออะไรกันล่ะ
.
ฉันจ่ายเพื่อช่วงเวลาที่ลูกจะได้รู้สึกถึงความเหน็ดเหนื่อยจนอยากจะเลิกทำ แต่เขาก็ไม่ล้มเลิก
.
ฉันจ่ายเพื่อวันเวลาที่ลูกๆ ของฉันกลับมาจากโรงเรียนด้วยความเหน็ดเหนื่อยเกินกว่าจะไปซ้อมกีฬา แต่พวกเขาก็ยังไปอยู่ดี
.
ฉันจ่ายเพื่อที่ลูกของฉันจะได้มีวินัย focus และทุ่มเท
.
ฉันจ่ายเพื่อให้ลูกของฉันเรียนรู้ที่จะดูแลร่างกายของเขา,
อุปกรณ์กีฬาและสิ่งของต่างๆ ของเขาเอง
.
ฉันจ่ายเพื่อให้ลูกของฉันเรียนรู้ที่จะทำงานร่วมกับผู้อื่นและเป็นสมาชิกที่ดีของทีม เรียนรู้ที่จะแพ้และถ่อมตัวเมื่อชนะ
.
ฉันจ่ายเพื่อให้ลูกของฉันได้เรียนรู้ที่จะรับมือกับความผิดหวัง
เมื่อเขาไม่ได้ตำแหน่งที่เขาต้องการ
แต่เขาก็ยังคงกลับไปฝึกซ้อมวันแล้ววันเล่าอย่างดีที่สุด
.
ฉันจ่ายเพื่อให้ลูกของฉันได้เรียนรู้ที่จะพิชิตเป้าหมาย
.
ฉันจ่ายเพื่อให้ลูกของฉันได้เรียนรู้ไม่เพียงที่จะเคารพตัวเอง
แต่เคารพคู่แข่ง, โค้ชและเจ้าหน้าที่
.
ฉันจ่ายเพื่อให้ลูกของฉันได้เรียนรู้ว่า
ความสำเร็จหรือการเป็นแชมเปี้ยนนั้น
มันต้องแลกมาด้วยการทุ่มเททำงานหนัก
ฝึกฝนวันละหลายๆ ชั่วโมง ปีแล้วปีเล่า
พวกเขาจะเรียนรู้ว่ามันไม่มีความสำเร็จชั่วข้ามคืน
.
ฉันจ่ายเพื่อให้ลูกของฉันได้ภูมิใจในความสำเร็จเล็กๆ
และฝึกฝนเพื่อเป้าหมายใหญ่ของเขา
.
ฉันจ่ายเพื่อให้ลูกของฉันได้มีโอกาสสร้างมิตรภาพที่ยั่งยืน,
ความทรงจำที่มีค่า, และภูมิใจในความสำเร็จของพวกเขา
แบบที่ฉันก็รู้สึกเช่นกัน
.
ฉันจ่ายเพื่อให้ลูกของฉันได้ไปอยู่ในสนามแทนที่จะอยู่หน้าจอ
.
ฉันสามารถเขียนได้อีกยืดยาว แต่ขอสรุปสั้นๆ นะว่า
ฉันไม่ได้จ่ายเพื่อกีฬาหรอก
แต่ฉันจ่ายเพื่อ “โอกาส” ที่กีฬาสามารถให้กับลูกๆของฉันได้
กีฬาช่วยพัฒนาคุณลักษณะที่ดีรอบด้าน
ในการดำรงชีวิตอยู่เพื่อตัวเองและผู้อื่น
จากที่ฉันสังเกต ฉันคิดว่ามันเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามากๆ ทีเดียว
Cr. บทความ Trevlyn Mayo Palframan

สนามบินดอนเมืองมีอาหารถูกขาย

ปกติการไปทำธุระที่สนามบิน ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางด้วยตัวเอง หรือไปส่งคนอื่น เรามักจะเจอกับค่าอาหารในสนามบินที่แพงมาก น้ำเปล่า 1 ขวดอาจจะราคา 50-100 บาทก็ได้ อาหารต่างๆที่เคยเห็นในห้างทั่วไป พอไปอยู่ในสนามบินก็ราคาสูงขึ้นหลายเท่าตัว เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องน่าเบื่อสำหรับคนเดินทาง แต่เราก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะร้านค้าเขาตั้งราคาแบบนั้น เราจะไปบังคับให้เขาขายถูกก็ทำไม่ได้

แต่ก็พอจะมีร้านอาหารขายถูกอยู่บ้าง ซึ่งได้เจอโดยบังเอิญ เพราะว่า ผมไปสนามบินไม่บ่อย เคยจ่ายราคาแพง และปีนี้ ก็ได้เห็นร้านราคาถูกตั้งอยู่ ก็เลยมาบันทึกไว้ว่าเจอร้านราคาประหยัดในสนามบิน ซึ่งสนามบินแห่งนี้คือ สนามบินดอนเมือง

ตำแหน่งร้านนี้ตั้งอยู่ในอาคาร 1 ซึ่งเป็นอาคารที่เชื่อมต่อกับอาคารจอดรถ. เมื่อเราจอดรถที่อาคารจอดรถที่รถไม่ค่อยว่างได้แล้ว เราก็ต้องขึ้นลิฟท์ไปที่ชั้น 3 ของอาคารจอดรถ แล้วเดินเข้าอาคาร 1 โดยที่ทางเข้านี้ก็จะมีร้านอาหารตั้งอยู่

IMG_20240413_081250
IMG_20240413_081238

สองร้านนี้ขายราคาไม่แพง ถือว่าถูกมากด้วยหากเทียบกับร้านทั่วไป และยังมีร้านกาแฟอยู่ข้างๆร้านนี้อีกด้วยที่ราคาไม่แพง ก็ลองแวะอุดหนุนกันได้

ทำหนังสือยินยอมให้ผู้เยาว์เดินทางต่างประเทศ

ขอหนังสือยินยอมให้ผู้เยาว์เดินทาง

IMG_20240405_142854

ถ้าลูกจะเดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศโดยที่พ่อแม่ไม่ได้ไปด้วย หรือ ไม่ได้ไปพร้อมกันทั้งพ่อและแม่ ก็จะต้องมีเอกสารยินยอมให้ผู้เยาว์เดินทางที่ทำโดยพ่อหรือแม่ หรือผู้ปกครองซึ่งออกโดยสำนักงานเขตติดตัวไปด้วย เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองขาออก(ฝั่งเรา) ตรวจสอบและอนุญาตให้เดินทาง ซึ่งเป็นข้อกำหนดของสากลเพื่อป้องกันการลักพาตัวและการค้ามนุษย์ ส่วนปลายทางที่เป็นขาเข้าของประเทศอื่นก็ยังไม่ทราบว่าจะตรวจอีกครั้งไหม บางประเทศอาจไม่ตรวจเลย ดังนั้นเตรียมไว้ก่อนชัวร์กว่า

เช่นถ้าแม่ไปเที่ยวต่างประเทศพร้อมกับลูก แต่พ่อไม่ได้ไปด้วย ก็จะต้องให้พ่อทำเอกสารยินยอมให้ลูกเดินทางไปต่างประเทศได้ โดยพ่อจะต้องไปที่สำนักงานเขตเพื่อทำเอกสารยินยอม และเอกสารที่ต้องใช้ประกอบการทำเรื่องมีดังนี้
1 สำเนาบัตรประชาชนคนทำ(พ่อ)
2 สำเนาบัตรประชาชนเด็ก
3 สำเนาสูติบัตรเด็ก
4 สำเนาทะเบียนบ้านคนทำ (พ่อ)
5 สำเนาทะเบียนบ้านเด็ก
6 บัตรประชาชนจริงของคนทำ (พ่อ)อีก 1 ใบ


เอกสารที่เป็นสำเนาให้คนทำ(พ่อ)เซ็นรับรองสำเนาทุกใบ สำเนาบัตรประชาชนของเด็กก็ให้พ่อรับรองสำเนาแทน ส่วนสำเนาบัตรประชาชนคนทำ(พ่อ) เจ้าหน้าที่จะให้เขียนเบอร์โทรของพ่อไว้บนสำเนาด้วย

แบบฟอร์มไม่ต้องหาไปเอง ที่สำนักงานเขตมีแบบฟอร์มในคอมพิวเตอร์บริการเลย เจ้าหน้าที่จะกรอกในคอมพิวเตอร์แล้วพิมพ์ออกมาให้พร้อมประทับตราด้วย และทั้งหมดไม่มีค่าใช้จ่าย ใช้เวลาทำประมาณ 5 นาที

หากคุณหาข้อมูลในอินเทอเน็ต กูเกิ้ลจะส่งลิงค์ที่คนเข้าเยอะมาให้คุณอ่าน บางลิงค์ ถามเรื่องหนังสือยินยอมให้ผู้เยาว์เดินทาง แต่คนตอบกลับตอบวิธีทำหนังสือเดินทาง ก็ทำให้คนอ่านสับสน ผมก็เป็นคนที่มึนงงกับคำตอบนั้น สุดท้ายใช้วิธีเตรียมเอกสารเท่าที่มีแล้วเดินทางไปสำนักงานเขตเพื่อติดต่อทำเลยจึงได้ข้อมูลที่ถูกต้องมาเขียนในโพสท์นี้

สิ่งที่ต้องระวังคือบัตรประชาชนต้องไม่หมดอายุ ใครไม่ได้หยิบบัตรประชาชนมานานแล้วลองดูวันหมดอายุก่อนจะไปทำเรื่อง เพราะบัตรผมหมดอายุไปสองเดือน ต้องไปทำบัตรประชาชนใหม่ก่อน แล้วก็ถ่ายสำเนาบัตรใหม่แทนสำเนาบัตรเก่าที่เตรียมไปด้วย เสียเวลาทำบัตรประชาชนอีก 80 นาที และได้ภาพถ่ายในบัตรใหม่เป็นภาพเสื้อผ้าหน้าผมที่ไม่ได้เตรียมพร้อมจะถ่ายรูป ต่ออายุบัตรประชาชนครั้งนี้ผมก็ยังไม่สามารถมีภาพที่ถูกใจในบัตรประชาชนได้ ครั้งหน้าว่ากันใหม่

ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย

นอกจากจะเป็นเรื่องของคนที่ไม่คาดเข็มขัดนิรภัยตอนขับรถแล้ว ยังเป็นการโชว์โง่ของคนบางประเภทอีกด้วย

พาลูกเที่ยวพิพิธภัณฑ์ของเก่าต้องถึงวัยที่เหมาะสม

ขึ้นชื่อว่าพิพิธภัณฑ์จะเป็นสถานที่รวมข้อมูลความรู้เฉพาะทางเอาไว้ เมื่อก่อนตอนลูกเล็กระดับ 3-4 ขวบ พาไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ก็รู้สึกสนุก เพราะเหมือนได้เดินสวนสัตว์ เดินเข้าพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ก็เหมือนเดินดูของเล่น พอพาเข้าพิพิธภัณฑ์ของเก่าลูกก็เหมือนจะไม่เข้าใจ มีแต่พ่อแม่ที่อยากจะเดินดูนานๆ เพราะเด็กในวัยเล็กเกินไปจะยังไม่รู้ว่าสิ่งของโบราณคืออะไร

IMG_0271
IMG_0058
IMG_0050

แต่พอลูกอายุเกิน 10 ขวบ เขาเริ่มมีความทรงจำและความรู้ เริ่มรู้จักถาม เริ่มใช้สิ่งของต่างๆในยุคสมัยปัจจุบัน โทรศัพท์มือถือแบบหน้าจอสัมผัสคือสิ่งที่เขาเห็นมาตั้งแต่เกิด พอมาเจอโทรศัพท์บ้านยุคสามสิบปีที่แล้วก็ถึงกับใช้ไม่เป็น ได้แต่ถามว่ามันใช้ยังไง ตอนนี้นี่เองที่พ่อแม่ได้อธิบายหลักการ วิธีใช้ ทำให้เด็กเกิดการเรียนรู้ว่า คนสมัยก่อนพยายามอย่างมากที่จะสื่อสารให้ได้ โทรศัพท์บ้านที่ดูแล้วไม่รู้จะกดไปหาใคร ไม่มีหน้าจอแสดงผลทำไมถึงคุยกับคนอื่นได้ คุยข้ามประเทศได้

ไปเจอเครื่องพิมพ์ดีด เด็กก็รู้ทันทีว่านี่คือญาติของคีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์ พ่อแม่ก็รออธิบาย ว่ามันคือพ่อของคีย์บอร์ดแบบที่เราใช้ทุกวันนี้ มีการเรียงตัวหนังสือเหมือนกัน ตัวหนังสือแถวบนมีเรียงเป็นตัว qwerty เหมือนกัน เด็กยืนมองแต่ก็ยังไม่เข้าใจว่ามีตัวหนังสือบนกระดาษได้ยังไง เลยต้องอธิบายกลไกการทำงาน มีสปริง มีก้านเหล็กที่จะคอยเด้งไปพิมพ์บนกระดาษ เสียดายตรงที่เครื่องพิมพ์ดีดอยู่ในสภาพใช้งานไม่ได้ เด็กเลยยังไม่รู้ว่ากระดาษถูกพิมพ์ได้อย่างไร คงต้องหาคลิปใน youtube ให้ดู

DSC00827
พิพิธภัณฑ์บ้านครูกัง จ.ระยอง
DSC00819
เครื่องพิมพ์ letterpress แบบมือโยก ปัจจุบันยังมีบางโรงพิมพ์ใช้งานอยู่
แท่นเติมน้ำมัน
DSC00830
ร้านถ่ายภาพติดบัตร กล้องตัวใหญ่ ฟิล์มใหญ่ งานถ่ายภาพด้วยฟิล์มที่นักเรียนปัจจุบันไม่เคยใช้งานแล้ว
DSC00849
เกมส์วินนิ่งเมื่อก่อนมาเป็นโต๊ะเลย
DSC00898
ครกและสาก ปัจจุบันยังคงเดิม ยังใช้งานอยู่ในร้านอาหารทุกแห่ง ร้านส้มตำยังใช้อยู่ และยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ
DSC00927
ร้านขายของชำ ต้นแบบเซเว่น
DSC00956
เครื่องเล่นแผ่นเสียงยุคแรก ใช้ไขลาน เสียงอู้อี้แค่พอรู้เรื่อง
เครื่องพิมพ์ดีด พ่อแม่ของคีย์บอร์ด
DSC01002
โทรศัพท์บ้านระบบมือหมุน
DSC01027
โทรศัพท์สาธารณะระบบเสียบบัตร
DSC01014
กระติกเก็บน้ำร้อน ต้นแบบของแก้วเยติ กระติกเก็บอุณหภูมิ

DSC01026

การพาเด็กเที่ยวพิพิธภัณฑ์ในตอนที่เด็กสามารถรับข้อมูลได้ สามารถตั้งคำถามได้ ก็จะเกิดการเรียนรู้ รับรู้อดีต รู้หลักการทำงาน เป็นการเที่ยวพิพิธภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ใครมีลูกอยู่ในวัยประถมปลาย ลองพาเด็กเที่ยวพิพิธภัณฑ์ที่แสดงของเก่าดู ช่วงเวลาแบบนี้จะเป็นจังหวะที่ดี พ่อแม่ได้โชว์ภูมิปัญญาสมัยเก่าที่ส่งต่อมาถึงสมัยใหม่ เด็กก็อยากรู้อยากเห็น พ่อแม่ก็ได้หายคิดถึง ได้เล่าให้ลูกฟัง

ถ่ายคลิปในที่ลมแรง ต้องมีตัวป้องกันเสียงลม windscreen

การถ่ายคลิปวิดีโอในปัจจุบันเป็นเรื่องง่าย เพราะทุกคนสามารถใช้สมาร์ทโฟนถ่ายคลิปวิดีโอได้อยู่แล้ว และกล้องดิจิทัลก็มีความสามารถในการถ่ายวิดีโอมาตั้งแต่ต้น ปัจจุบันความสามารถในการถ่ายวิดีโอก็สูงขึ้นเรื่อยๆ ความละเอียดมากขึ้น มีระบบกันสั่นที่ดีขึ้น แต่สิ่งหนึ่งที่พัฒนาไม่ทันคือเทคโนโลยีการป้องกันเสียงลม

s-l1600

การบันทึกคลิปวิดีโอจะมีปัญหาทันทีถ้ามีลมแรงพัดผ่านไมโครโฟนบนกล้อง ทั้งลมจากปาก และลมจากสิ่งแวดล้อม ไมโครโฟนจำนวนมากที่ต้องใช้กับปากคนจะต้องมีตัวฟองน้ำหุ้มเอาไว้ เราจะเรียกตัวฟองน้ำนี้ว่า windscreen เพราะเสียงลมจากปากจะทำให้เกิดเสียงพรึ่บพรั่บ

819U9cS8Z+L._AC_SX522_

ไมโครโฟนอีกหลายตัวจะมีตัวป้องกันลมเป็นแบบมีขน คนไทยก็เรียกขนแมว ฝรั่งก็เรียก dead cat ซึ่งมันก็คือ windscreen ชนิดหนึ่งนั่นเอง

กล้อง Sony Zv-1F เป็นกล้องคอมแพ็คที่ออกแบบมาให้ใช้บันทึกวิดีโอเป็นหลัก เน้นการใช้งานวิดีโอ และไมโครโฟนที่ติดอยู่บนกล้องก็เป็นไมค์คุณภาพดี แต่อย่างไรก็ตาม การใช้งานในที่ลมแรงก็จะมีปัญหาเรื่องเสียงเสมอ การป้องกันเสียงลมที่ดีที่สุดยังคงต้องใช้ตัวป้องกันแบบดั้งเดิม คือ ต้องมี windscreen ซึ่งเราก็จะเห็นตัวขนแมวสีขาวติดอยู่บนกล้อง หากไม่ใช้ก็สามารถถอดเก็บได้ ดังนั้น เมื่อเราจะใช้ Zv-1F ถ่ายคลิปวิดีโอก็ควรติดตัวป้องกันเสียงลมไว้เสมอ

ภาพด้านล่าง คลิปแรกจะเป็นการสาธิตการไม่ใช้ตัวป้องกันเสียงลม ส่วนคลิปด้านล่างจะใส่ตัวป้องกันเข้าไปด้วย ลองฟังเสียงคลื่นริมทะเลเปรียบเทียบกัน แล้วจะรู้ได้ว่า เสียงลมกระแทกไมโครโฟน หรือ เสียงพรึ่บพรั่บเป็นอย่างไร

คลิปบันทึกริมทะเล ลมแรง ไม่ใช้ windscreen

คลิปบันทึกริมทะเล ลมแรง ใช้ windscreen