ออกแบบสติ๊กเกอร์สบู่ แชมพู ครีมนวดผม

โรงแรมแห่งหนึ่งย่านสุขุมวิทกำลังจะติดตั้งตัวจ่ายสบู่ แชมพู และครีมนวดผมในห้องน้ำ เจ้าของแจ้งว่าตัวอุปกรณ์กำลังจะติดตั้ง จะทำสติ๊กเกอร์คำว่า Soap Shampoo และ Conditioner มาติดที่ด้านหน้าตัวเครื่อง มีเพียงภาพสเป็คจากคนขายให้

281894

ทางโรงพิมพ์ก็เลยให้กราฟิคจัดการวางข้อความและโลโก้ให้ตามที่เจ้าของอยากได้ เอาโลโก้มาจากสิ่งพิมพ์ตัวอื่นที่เคยผลิตให้มาวางร่วมกับคำว่า Soap Shampoo และ Conditioner โดยเมื่อวาดอาร์ตเวิร์ค กำหนดขนาดแล้ว ก็จัดการรีทัชภาพตัวเครื่องให้มีข้อความด้วย จะได้ดูตำแหน่งการติดสติ๊กเกอร์บนของจริงเพื่อให้เข้าใจตรงกัน

Print

การติดสติ๊กเกอร์บนผลิตภัณฑ์ในห้องน้ำควรใช้สติ๊กเกอร์เนื้อพลาสติกที่สามารถโดนน้ำได้ สติ๊กเกอร์จะไม่เปียก ไม่ซึมน้ำ ไม่เปื่อย สามารถติดอยู่บนวัสดุได้นาน เนื้อสติ๊กเกอร์ที่เราเลือกให้คือสติ๊กเกอร์ PP แบบใส พิมพ์ด้วยระบบดิจิทัลเพราะงานมีจำนวนไม่มาก

โรงพิมพ์ของเราสามารถทำงานจำนวนน้อยด้วยราคาไม่แพง และหากจะต้องการผลิตจำนวนมากเพื่อให้ราคาต่อหน่วยถูกลงก็สามารถทำได้

โรงพิมพ์จอมทอง

รีวิวเครื่องพิมพ์ Ricoh Sp220nw และหมึกเติม

เครื่องพิมพ์เลเซอร์ปริ๊นเตอร์ราคาประหยัด ผมซื้อเครื่องนี้มาหลายปีแล้ว และก็เพิ่งรู้ว่าไม่ได้รีวิวไว้เลย จังหวะวันนี้หมึกหมดจนเครื่องไม่ทำงาน เลยหาข้อมูลเกี่ยวกับเครื่องพิมพ์ตัวนี้พร้อมกับหาหมึกราคาถูกมาใช้ เลยรีวิวเก็บไว้อ่าน แม้จะช้าไปหลายปี แต่ก็เชื่อว่าจะมีประโยชน์กับคนที่ใช้เครื่องพิมพ์รุ่นนี้

Ricoh SP220nw เป็นเครื่องพิมพ์เลเซอร์หมึกดำ ความเร็ว 23 แผ่นต่อนาที ราคาประหยัดมาก ผมจำราคาไม่ได้ว่าเท่าไหร่ รู้แค่ว่าประมาณพันกว่าบาท ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่ถูกมากสำหรับเครื่องพิมพ์ที่มีความสามารถระดับนี้ เพราะในอดีตยี่สิบกว่าปีก่อน ผมซื้อเครื่องพิมพ์เลเซอร์ปริ๊นเตอร์ตัวแรกราคาหมื่นสองพันบาท เป็นเลเซอร์ขาวดำเหมือนกัน ความเร็วหกแผ่นต่อนาที โดยตอนนั้นทองคำราคาประมาณบาทละห้าพันเท่านั้น

ricoh sp220 nw

สเป็คเครื่องพิมพ์เลเซอร์ Ricoh SP220Nw

  • ความละเอียดในการพิมพ์งาน 1,200 × 600 dpi.
  • ความเร็วในการพิมพ์ 23 แผ่น/นาที
  • การเชื่อมต่อ USB 2.0, 10BASE-T/100BASE-TX Ethernet, IEEE802.11 b/g/n.
  • ภาษาเครื่อง GDI.
  • หน่วยความจำ 128 MB.
  • รองรับ Windows, Mac OS, Linux, iOS, Android.
  • ขนาดสินค้า (กว้าง x ลึก x สูง ) : 40 × 36 x 16.5 ซม.
  • น้ำหนัก 7 กก.

ดูจากสเป็คก็ต้องบอกว่าเครื่องพิมพ์ตัวนี้มีการเชื่อมต่อครบทุกชนิดที่อ๊อฟฟิศสำนักงานหรือบ้านคนจะต้องใช้งาน เรียกได้ว่ายกเข้าบ้านไหนตึกไหนก็เชื่อมต่อเข้ากับการทำงานของทุกที่ได้แน่นอน จะขาดก็เพียงอย่างเดียวที่ไม่สามารถเสียบ usb หรือ เมมโมรี่การ์ดแล้วสั่งพิมพ์รูปโดยตรงเท่านั้น ซึ่งเครื่องพิมพ์สำนักงานในโลกนี้ก็ไม่มีใครที่มีลูกเล่นนี้อยุ่แล้ว มีแต่เครื่องพิมพ์ภาพถ่ายที่อยู่ในเครื่องพิมพ์พกพาที่รองรับระบบนี้

ตอนที่ได้เครื่องมาก็พิมพ์ข้อมูลไปได้หลายร้อยแผ่นหมึกก็หมด เลยต้องหาหมึกมาใส่ ตลับหมึกของเครื่องพิมพ์ตัวนี้จะประกอบไปด้วยโทนเนอร์และดรัม โดยโทนเนอร์คือผงหมึก และดรัมคือหน่วยสร้างภาพเป็นลูกกลิ้งยาง ทั้งสองอย่างนี้อยู่รวมกันในตลับเดียวกัน ดังนั้น การซื้อหมึกก็คือการซื้อโทนเนอร์พร้อมดรัมตัวใหม่นั่นเอง

หมึกตลับแท้ผมไม่รู้ราคาป้ายว่าขายเท่าไหร่ ผมเคยเห็นในห้างขายยี่ห้ออื่นที่ใช้แทนกันได้ในราคา 1200 บาท สามารถพิมพ์เอกสารได้ประมาณ​2000 แผ่น แต่ผมรู้สึกว่าเครื่องพิมพ์ราคาถูกมาก ตลับหมึกก็ควรจะราคาต่ำกว่า 50 % ของราคาเครื่องใหม่ ก็เลยอยากได้ของที่ราคาไม่เกิน750 บาท เพราะผมเดาว่าเครื่องพิมพ์ราคา 1500 บาท

ค้นหาในเน็ต ในเว็บช็อปปิ้งต่างๆ พบข้อมูลเต็มไปหมด ตลับหมึก sp200 ที่จะใช้กับเครื่องพิมพ์ sp220nw ตัวนี้ผมพบราคาตั้งแต่ 350 ไปถึง พันกว่าบาท เลยลองเสี่ยงซื้อรุ่นถูกราคา350 บาทดู แล้วก็พบว่ายี่ห้อนี้ใช้งานได้ดี การซื้อหมึกเติมคือการซื้อในปี 2021 ราคาปัจจุบันปี 2024 มีการปรับขึ้นไปแล้ว

IMG_20210118_183045

Product details of SP200 / S200 / P200 / 200 / สีดำ / 2600 แผ่น / 1 ตลับ / ตลับหมึกเลเซอร์ 

IMG_20210118_183343

สเป็คของตลับหมึก(ดรัมพร้อมโทนเนอร์)เป็นดังนี้

  • SP200 / S200 / P200 / 200 / สีดำ / 2600 แผ่น / 1 ตลับ / ตลับหมึกเลเซอร์ LASER TONER FOR Ricoh SP202 SP210 SP200Q SP201Q SP210Q SP201 SP220NW SP220SFNW SP201N/SP201NW P203S SP204SF8 SP204SFN SP204SFNW
  • ตลับหมึก สีดำ
  • ไม่ใช่สินค้าREMANUที่นำตลับที่ผ่านการใช้งานมาแล้วมารีไซเคิลใหม่ แต่เป็นสินค้าที่ผลิตขึ้นใหม่ 100%
  • ช่วยลดต้นทุนการพิมพ์ได้ถึง 30%-70%
  • ตลับหมึกห่อหุ้มชั้นนอกด้วยบับเบิ้ลกันกระแทก และห่อหุ้มด้วยถุงพลาสติกปิดผนึก

สั่งซื้อที่ลิงค์นี้

ร้านขายหมึกเติมก็มีวิธีเติมหมึกในตลับเดิมเหมือนกัน โดยการซื้อผงหมึกเป็นขวดแล้วมาเทใส่ตลับเลย การเติมแต่หมึกจะทำให้เราใช้ตลับเดิม ซึ่งก็อาจจะมีผลเสียในแง่ดรัมหรือตัวสร้างภาพจะไม่ได้โดยเปลี่ยน ถ้าดรัมตัวเดิมเริ่มมีปัญหาเราก็จะไม่ได้คุณภาพที่ดี ราคาตลับที่มาทั้งหมึกและดรัมก็ไม่ได้แพงมาก คิดว่าเปลี่ยนทั้งตลับน่าจะดีกว่า

และอีกเรื่องหนึ่งก็คือที่ตลับจะมีชิปประมวลผล เป็นแผ่นวงจรอิเล็คทรอนิกส์ที่เอาไว้ป้องกันการใช้ของเทียม ของเทียบ หรือ เอาไว้นับเวลาเพื่อแสดงสถานะหมึกหมด ชิปตัวนี้ถ้าไม่ได้เป็นชิปใหม่จากตลับใหม่ เช่นเป็นชิปตัวเดิม อาจจะสั่งการให้เครื่องไม่ทำงานก็ได้ เพราะผู้ผลิตเลือกใช้วิธีนี้ป้องกันการเติมหนึก หรือทำให้ลูกค้าจำเป็นต้องซื้อของแท้จากยี่ห้อโดยตรง การใช้ตลับเทียบราคาไม่แพง เราจะได้ชิปตัวใหม่ติดตลับมาด้วย ผมไม่แน่ใจว่าผู้ผลิตอื่นที่ไม่ใช่ยี่ห้อเขาได้ชิปมาจากไหน แต่ตัวเดิมที่เคยซื้อเปลี่ยนก็มาพร้อมชิปติดตลับมาทำให้เราได้เปลี่ยนชิปไปด้วย

แล้วเวลาก็ผ่านมาถึงปี 2024 เครื่องพิมพ์ยังทำงานได้ แต่หมึกหมด โปรแกรม smart monitor ของ Ricoh แจ้งว่าหมึกเหลือน้อยมาก นับรวมแล้วเครื่องพิมพ์ขึ้นสถานะนับจำนวนหน้าที่พิมพ์ไปแล้วไว้ที่ 1529 หน้า ตอนนี้เครื่องหยุดทำงานเป็นระยะๆ พอมีงานด่วนอยากพิมพ์ก็พิมพ์ไม่ได้ เลยเป็นที่มาของการหาหมึกเติมอีกครั้ง เลยมาบันทึกและเขียนไว้ในนี้

หาข้อมูลแล้วก็สั่งซื้อ ปีนี้ 2024 ผมหาข้อมูลได้ราคา 375 บาท ก็ได้สั่งไปแล้ว รอของมาส่ง

ทีแรกผมหาลิงค์เดิมร้านเดิมที่เคยซื้อหมึกเติมไม่พบ เลยลองไปซื้อกับร้านใหม่ เป็นหมึกที่ใส่เครื่องพิมพ์ได้แต่คนละยี่ห้อ กล่องก็คนละแบบ ได้มาก็ทดลองใช้แล้วก็เกิดปัญหา หมึกมีอาการรั่ว ทำให้กระดาษมีรอยเปื้อนหมึกเป็นดวงๆกลางกระดาษ และดูท่างทางจะเยอะขึ้นเรื่อยๆ เลยหยุดการใช้งาน ถอดตลับหมึกออก แล้วสั่งซื้อใหม่

คราวนี้พยายามหาข้อมูลเก่าว่าซื้อร้านไหน แล้วก็ตามไปสั่งซื้ออีกครั้ง และครั้งนี้หมึกมาส่งถึงบ้านแล้วก็ทดลองใช้ ก็พบว่าใช้งานได้ดี ดังนั้น ใครจะเลือกใช้หมึกเติม ควรจะเลือกร้านที่ดีไว้ก่อน หรือเลือกร้านเดิมไปเลยก็ได้


note

ถ้าเครื่องพิมพ์มีปัญหาลองอ่านลิงค์ด้านล่างนี้
https://pantip.com/topic/37829845

ถ้าเครื่องพิมพ์ไม่รับคำสั่งและมีแสดงผลไฟ 2 ดวงล่างคู่กัน ให้ลองแก้ไขตามนี้
1. Control Panel  ——> Devices and Printers
2. คลิกขวาที่ Printer ที่ต้องการ ——>Printer Properties
3. คลิกที่ปุ่ม Preferences… ด้านล่าง
4. คลิกที่ปุ่ม Smart Organizeing Monitor…
5. เลือกแถบ User Tools ——>คลิกปุ่ม Printer Configulation
6. Access Code : Admin074 —> คลิก OK
7. เลือกแถบ SP Mode 1 ——> เลือกปุ่ม Reset Fusing Unit SC —-> คลิก OK

—————————–END—————————

Testimonial จากลูกค้า

ตัวอย่าง testimonial จากลูกค้าที่ใช้บริการงานโรงพิมพ์ เวลาที่เรารับทำงานเราใส่ความตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่เหมือนเป็นงานของตัวเอง ทำงานกับลูกค้าราวกับว่าเราเป็นคนในบริษัทของลูกค้า เพราะลูกค้าเชื่อใจเราก็ต้องพยายามที่จะจบงานอย่างเรียบร้อยและทันเวลา

20240120103522_IMG_1136

งานที่ต้องการความเร่งด่วน เราจะแนะนำวิธีการทำให้รวดเร็ว การเตรียมข้อมูลดิบอย่างไรให้ส่งไปทำต่อในโรงพิมพ์ได้ทันทีโดยใช้เวลาน้อย การเลือกเทคนิคการพิมพ์แบบใด จบงานพิมพ์ในรูปแบบใด จะประหยัดเวลาที่สุด และเมื่อเริ่มงานแล้วเราก็เฝ้าติดตามทุกขั้นตอนงานพิมพ์เพื่อป้องกันความผิดพลาด งานจะได้เสร็จทันกำหนด

narrow calendar testimonial-page-001

บางงานเราก็นำเสนอไอเดียน่ารัก ทำงานพิมพ์คัสต้อม ลูกค้าอยากได้ความแตกต่าง เราก็ทดลองทำทุกไอเดียที่น่าจะผลิตได้ ทดลองทำจนจบขั้นตอน ทดลองให้เจ้าของงานได้หยิบ ได้จับ ได้ทดลองใช้ เมื่อแน่ใจในชิ้นงานแล้วก็เริ่มผลิต งานที่ส่งมอบ จะตรงวัตถุประสงค์อย่างแน่นอน

จม. ขอบคุณโรงพิมพ์จอมทอง testimonial

งานพิมพ์เกือบทุกชนิดสามารถพิมพ์ได้ตามจินตนาการของลูกค้า อะไรก็เป็นไปได้ แต่ถ้าเรามีข้อจำกัดในด้านงบประมาณ เราก็ต้องให้โจทย์กับโรงพิมพ์เพื่อให้เลือกวิธีผลิตที่จำกัดงบ หรือถ้างานมีข้อจำกัดเรื่องระยะเวลา การขอให้โรงพิมพ์แนะนำวิธีการที่เร็วที่สุดสำหรับการมีงานพิมพ์ไปใช้ก็เป็นเรื่องที่ควรทำ โรงพิมพ์ที่ชำนาญและมีประสบการ์ที่ยาวนานจะสามารถแก้ปัญหาให้ลูกค้าได้ 

รีวิวเครื่องพิมพ์พกพา mbrush

เครื่องพิมพ์เป็นความสะดวกสบายอย่างหนึ่งของการทำงาน หากเราสามารถพิมพ์สิ่งที่ต้องการพิมพ์ได้ในทุกสถานที่ก็เป็นเรื่องสนุกมากสำหรับคนทำงานทุกคน การจะพิมพ์ข้อความ หรือ ภาพบางลักษณะ เราต้องการพิมพ์แค่ส่วนเล็กๆ อาจจะใช้พิมพ์ชื่อ พิมพ์ข้อมูลแค่บรรทัดเดียว หรือ พิมพ์แค่โลโก้บริษัท หากมีเครื่องพิมพิมพ์ขนาดเล็กมารองรับงานเหล่านี้ก็จะดีมาก

mbrush เป็นเครื่องพิมพ์ inkjet ขนาดเล็ก พกพาได้ มีแบตเตอรี่ในตัว สามารถพิมพ์ข้อความและรูปภาพได้ไม่ต่างจากเครื่องพิมพ์ตัวใหญ่ ลักษณะการทำงานจะเป็นหัวพิมพ์พ่นหมึกที่เราคุ้นเคยกันดีถูกครอบด้วยตัวถังสี่เหลี่ยมขนาดกระทัดรัด ขนาดตัวเครื่องเล็กกว่ากำมือ พื้นที่พิมพ์มีความสูง 14 มม. เท่านั้น สามารถใช้พิมพ์งาน 1 บรรทัดได้ทันที การสั่งการก็ไม่ยากมาก

IMG_0991

อุปกรณ์ที่มากับกล่องก็จะมี

1 เครื่องพิมพ์ mbrush 

2 ตลับหมึก inkjet รุ่น 3 สี cmy 

3 สายชาร์จ usb to type c

4 คู่มือ

5 แผ่นเหล็กเจาะรู 

6 กระดาษแข็งมีรอยพับอีก 1 แผ่น ซึ่งไม่รู้ว่าเอาไว้ทำอะไร 

IMG_0997

การทำงานของตัวเครื่องก็คือตัวเครื่องจะรับข้อมูลที่จะพิมพ์ แล้วผู้ใช้ก็กดปุ่มบนเครื่องเพื่อเริ่มพิมพ์ ลากเครื่องพิมพ์จากซ้ายไปขวา เครื่องก็จะทำการพ่นหมึกเพื่อพิมพ์ออกมา ภาพก็จะติดอยู่บนกระดาษ การทำงานไม่ต่างจากเครื่องพิมพ์อิงค์เจ๊ตในสำนักงานเลย ต่างกันแค่ขนาดเครื่องและไม่มีชิ้นส่วนเคลื่อนที่ใดๆ เพราะเครื่องพิมพ์เคลื่อนที่ด้วยมือคนนั่นเอง

Screenshot_2024-01-17-20-07-03-088_com.android.chrome

เครื่องพิมพ์พกพา mbrush จะรับคำสั่งจากทาง wifi โดยเมื่อเปิดเครื่องขึ้นมา เครื่องพิมพ์จะเปิดตัว wifi ในตัวเองให้เป็น hotspot เพื่อรอให้อุปกรณ์ตัวอื่นเชื่อมต่อเข้ากับ wifi ของเครื่องพิมพ์ ผู้ใช้งานจะใช้คอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือเชื่อมต่อเข้า wifi ก็ได้ทั้งสิ้น เครื่องพิมพ์ mbrush จะมี web app ภายในเพื่อรอให้เข้าไปสั่งการ โดย ip addrerss ของเครื่องพิมพ์จะอยู่ที่ตัวเลข 192.168.44.1 เมื่อเราเข้าไปที่ address นี้ เราจะพบหน้าจอเว็บสั่งการของเครื่องพิมพ์

Screenshot_2024-01-17-20-07-14-984_com.android.chrome

ที่หน้าเว็บของเครื่องพิมพ์ เราจะสามารถสั่งการได้หลายอย่าง เราจะต้องสร้างข้อมูลใหม่เพื่อสั่งพิมพ์ได้ ผมลองพิมพ์คำว่า ข้าวมันไก่ แล้วก็กดสั่งพิมพ์ในหน้าเว็บ ตัวประมวลผลก็จะทำการสร้างข้อมูลสำหรับพิมพ์ เมื่อหน้าจอขึ้นว่าพร้อมหรือ upload 100% แล้ว เราก็พร้อมที่จะพิมพ์

IMG_20240117_200558

วางกระดาษบนพื้นโต๊ะ วางเครื่องพิมพ์บนกระดาษให้ชิดซ้าย กดปุ่มบนเครื่องพิมพ์ 1 ครั้งจะได้ยินเสียงติ๊ด แล้วเราก็ลากมือเพื่อเคลื่อนเครื่องพิมพ์ไปทางขวา เราก็จะได้ข้อความบนกระดาษ เครื่องพิมพ์จะพิมพ์ได้ทีละบรรทัดเท่านั้น ซึ่งลองทำแล้วก็จะได้ตามภาพตัวอย่าง มีคำว่า ข้าวมันไก่ อยู่บนกระดาษเรียบร้อย 

2015-09-06 10.49.59

ทดลองพิมพ์ภาพดูบ้าง ในหน้าจอสั่งการ ให้เราเพิ่มภาพไปบนโปรเจ๊ค แล้วก็สั่งให้มีส่วนการพิมพ์เป็นช่องสี่เหลี่ยมมาครอบภาพไว้ เราทำให้มีแถบสี่เหลี่ยมสี่แถบเพื่อทำให้ครบส่วนของภาพที่ต้องการ แล้วก็นำไปพิมพ์

Screenshot_2024-01-24-22-07-43-301_com.android.chrome
IMG_20240124_224953

ตอนพิมพ์ก็วางเครื่องพิมพ์บนกระดาษ กดปุ่มแล้วลาก แล้วก็ยกขึ้นบรรทัดใหม่ กดปุ่มแล้วลาก ทำซ้ำกัน 4 รอบก็ได้ภาพที่ต้องการ

IMG_20240119_172007

คุณภาพการพิมพ์ภาพถ่ายออกมาไม่ดีนัก อาจจะเพราะเป็นหัวพิมพ์ที่ไม่ได้ละเอียดมาก และการลากด้วยมือก็ไม่ได้มีความแม่นยำ ภาพที่เกิดขึ้นดูเป็นภาพคุณภาพต่ำ แต่ถ้าข้อมูลเป็นตัวหนังสือ เป็นภาพกราฟิคที่ไม่ได้ไล่ระดับอ่อนแก่ เราก็จะได้คุณภาพที่ดี แม้จะไม่ได้คมกริปเหมือนงานสิ่งพิมพ์ แต่ก็ได้ข้อมูลที่ต้องการอยู่บนกระดาษ เราอาจจะประยุกตไปพิมพ์ข้อความบนวัสดุอื่นๆได้ เช่นพิมพ์บนกล่อง พิมพ์บนสมุด พิมพ์บนแก้วกระดาษ ขอให้เป็นวัสดุที่รับหมึกอิงค์เจ๊ตได้ก็น่าจะได้งานทั้งหมด

ลองเอาไปพิมพ์บนวัสดุผิวมันอย่างเช่น แก้ว กระเบื้อง พลาสติก พบว่าหมึกไม่เกาะเลย กลายเป็นเลอะเทอะ 

ข้อดี

พิมพ์งานด่วน พิมพ์ข้อความด่วนได้
พิมพ์ชื่อ พิมพ์โลโก้ บนชิ้นงานได้หลากหลาย

ข้อเสีย

คุณภาพงานพิมพ์ไม่สูง

บางทีก็พิมพ์ไม่ตรงตำแหน่งที่ต้องการ

บางทีก็ลากแล้วภาพเอียง

บางทีพิมพ์ไม่ติด โดยเฉพาะวัสดุมันวาว

สรุป

เครื่องพิมพ์ mbrush เป็นเครื่องพิมพ์ขนาดเล็ก พกพาง่าย มีแบตในตัว สามารถพิมพ์ข้อความเร่งด่วนได้ดี ใช้พิมพ์โลโก้หรือสโลแกนอะไรก็ได้แค่บรรทัดเดียว ไม่ควรเอาไปพิมพ์ภาพ เพราะคุณภาพออกมาไม่สวยเลย ใช้ทำงานเป็นตรายางได้ 

สั่งซื้อ Mbrush ได้ที่นี่ https://shope.ee/3L2fp5NYT6

หมายเหตุ

ผมเดาว่า ตลับหมึกพร้อมหัวพิมพ์ที่ mbrush ใช้คือของ Hp รุ่น 62 ซึ่งเป็นรุ่น 3 สี cmy หากหมึกหมดก็ลองหาซื้อมาใช้แทน น่าจะได้ หรือแม้แต่จะหาหมึกเติมก็น่าจะได้เช่นกัน ของพวกนี้ไม่ต้องกลัวพัง เพราะการซื้อตลับหมึกใหม่ก็คือการเปลี่ยนหัวพิมพ์ใหม่ด้วย เพราะหมึกของ hp หัวพ่นหมึกอยู่ติดกับหมึก หมึกหมด ก็คือทิ้งตลับเก่าและหัวไปพร้อมกันเลย 

Screenshot_2024-01-30-08-27-18-934_com.android.chrome
IMG_20240130_081103

เอาไปพิมพ์ภาพก็พอใช้ได้ครับ


สั่งซื้อ Mbrush ได้ที่นี่ https://shope.ee/3L2fp5NYT6

เปรียบเทียบภาพถ่ายจากหลายระบบ

การถ่ายภาพเป็นเรื่องง่ายสำหรับทุกคนแล้วในยุคอินเทอเน็ต 5G เพราะโทรศัพท์มือถือทุกเครื่องมีกล้องติดมาด้วย และส่วนมากก็จะมีคุณภาพดีพอใช้ได้ทั้งสิ้น ผู้คนถ่ายภาพกันเป็นจำนวนมาก และบางทีก็อยากจะพิมพ์ภาพออกมาเป็นกระดาษบ้าง อาจจะใช้ใส่อัลบั้มเพื่อดูในเวลาอื่นๆ อาจจะใช้แจกเป็นที่ระลึก ซึ่งเมื่ออยากจะพิมพ์ภาพถ่ายดิจิทัลออกมา เราก็จะเป็นจะต้องไปอัพภาพที่ร้านรูปตามห้าง และบางคนมีเครื่องคอมพิวเตอร์ มีปริ๊นเตอร์สีเอาไว้ทำงาน ก็อาจจะพิมพ์ภาพเองเลย และนอกจากเครื่องพิมพ์สำหรับสำนักงานแล้ว โลกเราก็มีเครื่องพิมพ์ภาพถ่ายโดยเฉพาะ ซึ่งส่วนมากจะพิมพ์ภาพขนาดเล็ก 

เทคโนโลยีการพิมพ์ภาพถ่ายสำหรับใช้ในบ้านที่มีให้เราใช้ในยุคปัจจุบันเท่าที่เหลืออยู่ก็จะเป็นระบบ

1 Zink paper ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาโดยบริษัท Polaroid เพื่อทดแทนระบบการพิมพ์ภาพดั้งเดิมที่ใช้มานานหลายสิบปี ส่วนระบบดั้งเดิมที่ Polaroid สร้างจนมีชื่อเสียงแต่ไม่ยอมทำตลาดต่อ ก็ถูก Fuji นำไปทำตลาด นำเทคโนโลยีไปไปใช้ในกล้อง instant ของตัวเอง

2 Fuji instax ระบบถ่ายภาพลงบนแผ่นฟิล์ม เป็นสิ่งที่เกิดจากบริษัท Polaroid  ที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก จนปัจจุบันยังคงมีกล้องระบบ instax ของ Fuji ออกมาให้ใช้อย่างต่อเนื่อง และมีหลายขนาดให้เลือกใช้

P_20160505_143122
กล้อง Polaroid ที่ใช้ระบบการพิมพ์ภาพแบบ Zink paper

3 Canon Selphy การพิมพ์ภาพถ่ายของ Canon โดยใช้ระบบการพิมพ์ Dye-Sublimation ซึ่งเป็นระบบการพิมพ์ที่มีคุณภาพสูงและใช้อยู่ในเครื่องพิมพ์ Canon selphy ที่ขายอยู่ราคาไม่แพง และได้รับความนิยมในกลุ่มช่างภาพที่อยากได้ภาพคุณภาพสูง มีทั้งแบบเครื่องพกพา และเครื่องตั้งโต๊ะ

2018-03-15_12-37-38
ซ้ายคือภาพจากระบบ zink ขวาคือภาพจาก Dye-Sublimation

แต่ละระบบจะมีจุดเด่นไม่เหมือนกัน และมีจุดด้อยของใครของมันที่ทำให้ผู้ใช้งานต้องปวดหัวและต้องเสียเงินซื้อหลายระบบ เพราะไม่มีอะไรที่สมบูรณ์แบบไปทุกอย่าง ทำให้คนรักการพิมพ์รูปแทบจะต้องเสียเงินซื้อทุกอย่าง

Zink ย่อมาจาก Zero ink เป็นระบบที่สะดวก ทำให้เล็กได้ สามารถยัดเข้าไปอยู่ในกล้องถ่ายรูปได้ และทำเป็นเครื่องพิมพ์แยกอิสระได้ การพิมพ์ระบบนี้ต้องใช้ไฟล์ดิจิทัลเท่านั้น ความคมชัดและคุณภาพสีอยู่ในระดับปานกลาง ความคงทนอยู่ในระดับต่ำ คือในเวลาไม่เกินสองปีภาพจะเกิดอาการสีซีด ไม่เหมาะกับการเก็บภาพชั่วลูกชั่วหลาน ถ้าเราถ่ายภาพแม่ไว้ วันนึงในอีกหลายปีข้างหน้าภาพแม่จะจางหายไป

Fuji instax เป็นระบบถ่ายภาพทันใจอีกชนิด ต้นกำเนิดเกิดจากบริษัท Polaroid แต่เสื่อมความนิยมไปพักใหญ่ แล้ว Fuji ก็นำมาทำตลาดต่อ เป็นระบบการพิมพ์ภาพแบบอนาลอก ฟิล์มแผ่นที่ผ่านการถ่ายจะไหลออกมาจากกล้อง รอเวลาสักครู่ก็จะปรากฏเป็นภาพที่สวยงาม ระบบนี้ได้รับความนิยมมากเพราะสะดวก รวดเร็ว ถ่ายแล้วภาพไหลพรวดออกจากกล้อง แม้จะต้องรอเวลาสัก 1 นาทีเพื่อให้ภาพขึ้นชัดเจนแต่ก็เป็นความสนุกที่น่าลองใช้งาน เมื่อก่อนเป็นอนาลอก ปัจจุบัน Fuji พัฒนาให้เป็นเครื่องพิมพ์ภาพ ทำให้สร้างภาพดิจิทัลไว้บนแผ่นฟิล์ม instax ได้ ทำให้เรามีเครื่องพิมพ์ระบบ instax และทำให้ Fuji ทำกล้องดิจิทัลที่ยัดเครื่องพิมพ์ภาพ instax ไว้ข้างในออกมาขายด้วย ข้อดีคือเร็ว ข้อเสียคือภาพเล็ก เพราะขนาดที่นิยมและขายดีทั่วโลกก็มีขนาดแค่บัตรเครดิตเท่านั้น แม้จะมีขนาดจตุรัสออกมาบ้างก็ยังไม่ได้รับความนิยม 

Canon Selphy เป็นระบบ Dye-Sublimation ที่ให้ภาพสวยที่สุด ระบบการพิมพ์ให้ภาพขนาด 4×6นิ้ว ต้องใช้เครื่องพิมพ์โดยเฉพาะ ไม่สามารถทำให้เล็กได้ ทำให้เราไม่สามารถยัดระบบการพิมพ์แบบนี้เข้าไปในกล้องถ่ายภาพ ข้อดีคือภาพสวยคุณภาพสูงมาก ข้อเสียคือ ใหญ่ เทอะทะ ต้องทำงานในสภาพของปริ๊นเตอร์ คือพกพาลำบาก แต่จะเก็บภาพได้ยาวนานที่สุด canon เลยบอกว่าสามารถเก็บภาพได้ถึง 100 ปี ถ่ายภาพพ่อแม่ไว้ พ่อแม่จะอยู่ในกระดาษไปจนเราตาย ภาพก็ยังไม่จืด อันนี้เรียกว่าดีมาก

สรุป

การเลือกระบบการพิมพ์ภาพขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของการใช้ภาพ ถ้าเราต้องการความเร็ว เช่นงานปาร์ตี้ ถ่ายแล้วได้ภาพทันที คุณภาพไม่ต้องดีที่สุด เราก็ใช้ระบบของ fuji instax ที่เป็นอนาลอกได้เลย คือถ่ายแล้วไหลพรวด

ถ้าเราอยากได้ภาพสวย สีสันยอดเยี่ยม มีคำตอบเดียวคือ canon selphy ให้ภาพขนาด 4×6นิ้ว

ถ้าเราอยากได้เครื่องพิมพ์ภาพจากไฟล์ดิจิทัลที่พกพาได้ เรามีทางเลือกคือ zink paper กับ ระบบ fuji instax printer ทั้งสองแบบเป็นเครื่องพิมพ์พกพา สามารถเลือกภาพดิจิทัลมาสั่งพิมพ์ได้ 

ถ้าเราอยากได้กล้องดิจิทัลที่ถ่ายแล้วเลือกภาพแล้วค่อยพิมพ์ เราก็มีทางเลือกที่เป็นกล้องระบบ zink ใช้กระดาษ zink paper กับกล้อง fuji รุ่นดิจิทัลที่พิมพ์ภาพบนแผ่นฟิล์ม instax ได้


แถมให้

ระบบ Zink เทียบกับ instax อันไหนดีกว่ากัน เพราะทั้งสองระบบเป็นระบบการพิมพ์ที่ยัดไว้ในกล้องได้ ก็ขอให้ดูภาพตัวอย่างด้านล่าง ภาพแรกถ่ายสิ่งของพร้อมกัน ได้ภาพออกมาพอใช้ได้ทั้งคู่ zink จะใหญ่กว่าเพราะขนาดที่ใช้คือ 2×3นิ้ว ส่วน instax เล็กกว่าเพราะขนาดเท่าบัตรเครดิต

P_20160505_175002
ซ้าย Zink paper จากกล้อง Polaroid Z340 ขวาคือ Fuji instax จากกล้อง Mini8

เมื่อเวลาผ่านไป16 เดือน เอาภาพทั้งสองใบมาเทียบกันอีกครั้ง เราจะเห็นว่าภาพจาก zink จะซีดลงไปเยอะมาก สีสันจริงของวัตถุในภาพอาจจะดูไม่รู้แล้วว่าเคยเป็นสีอะไร ข้อมูลภาพอาจจะค่อยๆหายเมื่อเวลาผ่านไปหลายปี ส่วน instax ยังคงอยู่ดีดูไม่ค่อยแตกต่างจากปีแรก คาดว่า instax จะอยู่ได้อีกหลายปี แต่ก็ไม่รู้ว่าจะถึง 20 ปีไหม

IMG_0206
ซ้ายคือ Fuji instax ที่เวลาผ่านไป 16 เดือน ขวาคือ Zink paper


สิ่งที่ต้องทำเมื่อจะพิมพ์โบรชัวร์

โบรชัวร์ หรือ สื่อแผ่นพับ เป็นตัวกลางในการให้ข้อมูลแก่ลูกค้าหรือผู้ใช้งาน อาจจะเป็นตัวบอกข้อมูลสเป็คต่างๆของสินค้า ใช้บอกคุณสมบัติหรือความสามารถ ไม่ว่าจะยุคสมัยไหนโบรชัวร์ก็เป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องมีไว้คู่กับสินค้า อดีตมันคือสื่อส่งเสริมการขายที่จะส่งให้ว่าที่ลูกค้า ปัจจุบันแม้เราจะอยู่ในยุคอินเทอเน็ตที่เอกสารต่างๆสามารถทำเป็นไฟล์ดิจิทัลและให้เปิดดูได้ในโทรศัพท์หรือคอมพิวเตอร์ แต่ลองนึกภาพดูว่า ถ้าคุณขายบ้าน คอนโด หรือรถยนต์ หรือสินค้าราคาสูง คุณจะไม่มีโบรชัวร์เป็นกระดาษส่งให้ลูกค้าถือหรือเปิดดูเลยหรือ 

หากต้องการพิมพ์โบรชัวร์เป็นกระดาษเพื่อใช้งานสิ่งที่จำเป็นต้องทำคือการสั่งผลิตกับโรงพิมพ์ และในการทำงานร่วมกับโรงพิมพ์ก็มีรายละเอียดต่างๆที่ควรทำ ไม่ว่าคุณจะเป็นเจ้าของสินค้า หรือ เป็นเอเจนซี่โฆษณาที่รับจ้างเจ้าของสินค้าทำสื่อ ขั้นตอนการสื่อสารกับโรงพิมพ์มีดังนี้

IMG_0088

1 คุยกับโรงพิมพ์

คุณจะทำใบปลิวหรือโบรชัวร์กระดาษ คุณต้องคุยกับโรงพิมพ์ที่จะผลิตสิ่งนั้น โรงพิมพ์ที่ทำงานกระดาษก็จะมีระบบการพิมพ์ที่ทันสมัยอย่างดิจิทัลปริ๊นท์ที่สามารถใช้ทำปรู๊ฟหรือใช้ผลิตสื่อจำนวนน้อยได้ หรือหากจะพิมพ์โบรชัวร์ยอดเยอะ เพื่อแจกคนจำนวนมาก ก็ต้องใช้ระบบการพิมพ์อ๊อพเซ็ทเพื่อให้ต้นทุนต่อใบต่ำลง หรือแม้แต่คุณอยากจะทำป้ายไวนิลไปแขวนโชว์ คุณก็ต้องใช้โรงพิมพ์ที่มีเครื่องพิมพ์อิงค์เจ๊ต ซึ่งเป็นเครื่องพิมพ์ขนาดใหญ่สำหรับทำงานไวนิลโดยเฉพาะ ดังนั้น สื่อของคุณจะออกมาในรูปแบบใด ให้คุยเบื้องต้นกับโรงพิมพ์ที่ทำสื่อตัวนั้นได้เสียก่อน เพื่อสอบถามถึงวิธีการเตรียมข้อมูลที่จะส่งให้โรงพิมพ์ จะได้ทำไฟล์อาร์ตเวิร์คได้ถูกต้องและทำงานร่วมกันได้

2 ตรวจสอบอาร์ตเวิร์คให้ละเอียด

ไฟล์งานที่จะใช้สั่งพิมพ์จะต้องถูกจัดวางในโปรแกรมจัดหน้า ซึ่งในยุคปัจจุบันเราก็มีโปรแกรมจัดหน้าหลายตัวให้เลือกใช้ได้ตามความถนัด เราอาจจะใช้ adobe illustrator ออกแบบโปสเตอร์ก็ได้ จะใช้โปรแกรม canva ช่วยออกแบบและจัดวางก็ได้ สิ่งสำคัญคือเมื่อจัดหน้าแล้วต้องตรวจสอบให้ละเอียดว่าภาพครบถ้วน ตัวหนังสือไม่ตกหล่น สะกดคำไม่ผิด ภาพและข้อความต้องถูกต้องตามการออกแบบ ต้องผ่านการตรวจละเอียดก่อนจะจัดส่งโรงพิมพ์

3 ตรวจสอบขนาดภาพที่ใช้ในอาร์ตเวิร์ค

เมื่อมีการใช้ภาพวางในอาร์ตเวิร์ค เราจะต้องใช้ภาพที่มีคุณภาพสูงและมีความละเอียดเพียงพอ เมื่อก่อนภาพถ่ายจะอยู่บนฟิล์ม การสแกนภาพจากฟิล์มจะต้องเลือกความละเอียดให้สูงเพียงพอต่อการทำงานสิ่งพิมพ์ ยุคสมัยของฟิล์มจึงเป็นจุดเริ่มต้นของการตรวจสอบขนาดภาพ ต่อมาเมื่อกล้องดิจิทัลได้รับความนิยม และกล้องดิจิทัลสามารถถ่ายภาพความละเอียดสูงได้เกิน 10ล้านพิกเซลกันแล้วก็ทำให้ประเด็นขนาดภาพในสิ่งพิมพ์ดูไม่สำคัญมาก เพราะขนาดภาพจากกล้องดิจิทัลทะลุความต้องการขั้นต่ำไปไกลแล้ว แต่ก็ต้องระวังเรื่องการคร็อปภาพมาใช้ เพราะถ้าเราถ่ายภาพมาใหญ่เพียงพอ แต่เราเลือกคร็อปบางส่วนมาใช้ มันคือการลดขนาดภาพ ลดจำนวนพิกเซลลง มันทำให้ขนาดอาจจะเล็กเกินไปเมื่อนำมาพิมพ์ในงานพิมพ์บนกระดาษ หรือบางภาพที่ส่งต่อกันในโปรแกรมไลน์ หรือ โหลดจากโซเชียลเน็ตเวิร์คก็อาจจะได้ภาพขนาดเล็ก เราต้องตรวจสอบอย่างรอบคอบ 

ตัวเลขคร่าวๆคือ ถ้าเราต้องการพิมพ์ภาพขนาดเต็มกระดาษ A4 ที่ดูคมชัดสวยงามระดับภาพถ่าย เราก็ควรจะใช้ภาพที่มีความละเอียด 300dpi หรือ 300จุดต่อนิ้ว   จำนวนพิกเซลที่ต้องการตามขนาดกระดาษ A4 (21×29.7cm.) คือขนาด 2480×3508 พิกเซล หรือเทียบกับกล้องดิจิทัล 8.7ล้านพิกเซลนั่นเอง 

4 ตรวจสอบเรื่องระบบสีของภาพ

ภาพในจอคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือ และภาพจากกล้องดิจิทัลจะเป็นภาพในโหมดสี RGB ซึ่งใช้งานได้ดีในจอภาพ แต่การพิมพ์ด้วยเครื่องพิมพ์ออกมาเป็นกระดาษจะใช้หมึกพิมพ์ระบบสี CMYK ดังนั้นไฟล์ภาพ RGB จะต้องถูกแปลงให้เป็นไฟล์ชนิด CMYK เสียก่อน การจัดหน้าอาร์ตเวิร์ค การตั้งค่าซอร์ฟแวร์จัดหน้า เมื่อเราตั้งใจจะส่งพิมพ์ในโรงพิมพ์ เราต้องตั้งค่าซอร์ฟแวร์จัดหน้าให้เป็นค่า CMYK  งานถึงจะมีคุณภาพ ซอร์ฟแวร์สมัยใหม่จะมีโหมดการแปลงค่าสีให้เป็น CMYK ในขั้นตอนสุดท้ายก่อนจะบันทึกเป็นไฟล์สำหรับโรงพิมพ์ แต่เราก็ควรตรวจสอบไฟล์ภาพและงานอาร์ตเวิร์คให้ดีว่าเราจบงานเป็นระบบสี CMYK จริงๆ

Screen Shot 2565-10-10 at 11.16.07

5 ต้องมีตัดตก

คำว่าตัดตกคือการตัดขอบทิ้ง ถ้าเราต้องการงานนามบัตรขนาด 55×90 มิลลิเมตร ซึ่งเป็นขนาดมาตรฐานที่นิยมใช้กับนามบัตร ไฟล์อาร์ตเวิร์คที่เราทำส่งโรงพิมพ์ก็ควรจะทำมาให้ใหญ่กว่าขนาดที่ต้องการด้านละ 3 มิลลิเมตร นั่นก็คือขนาดไฟล์นามบัตรที่ส่งโรงพิมพ์ควรจะใหญ่ 61×96 มิลลิเมตร คือการบวกเข้าไปด้านละ 3 มิลลิเมตรทุกด้าน ไฟล์ที่มีตัดตกจะผ่านการพิมพ์และตัดขอบออกด้านละ 3 มิลลิเมตร ทำให้ได้ขนาดตามที่ต้องการ

6 บันทึกเป็นไฟล์ pdf 

ถ้าเราออกแบบและตรวจสอบทุกอย่างถูกต้อง ผ่านมาแล้ว 5 ข้อด้านบน เราก็จะพร้อมที่จะส่งไฟล์ให้โรงพิมพ์แล้ว การบันทึกไฟล์ชนิด pdf จะเป็นไฟล์ที่โรงพิมพ์นำไปใช้พิมพ์งานได้ หากจะพิมพ์ด้วยระบบอ๊อฟเซ็ทดั้งเดิมโรงพิมพ์จะใช้ไฟล์ pdf ไปทำเพลทหรือแม่พิมพ์ หากจะพิมพ์ด้วยระบบดิจิทัลปริ๊นท์ไฟล์สำหรับสั่งพิมพ์จะต้องใช้ pdf ตัวนี้เช่นกัน แต่ถ้าเราไม่ได้ตรวจบางอย่างที่ต้องตรวจ หรือละเลยบางข้อไป ไฟล์ pdf ก็จะเป็นไฟล์ที่บรรจุข้อผิดพลาดไปด้วยเช่นกัน ดังนั้น ตรวจสอบให้แน่ใจทุกข้อแล้วค่อย export หรือ save as ไฟล์ชนิด pdf เพื่อส่งโรงพิมพ์

นี่คือขั้นตอนคร่าวๆที่เราจำเป็นจะต้องตรวจสอบและแก้ไขให้ถูกต้องก่อนที่จะส่งไฟล์ให้โรงพิมพ์ ผลลัพธ์งานพิมพ์จะออกมาอย่างที่เราต้องการ ตัวหนังสือไม่ตกหล่น ภาพถ่ายคมชัด สิ่งพิมพ์มีคุณภาพสูงสุด แต่หากรู้สึกว่าลำบาก งานเหล่านี้ก็ยกให้เอเจนซี่ หรือ นักออกแบบที่มีประสบการณ์ทำงานส่งโรงพิมพ์แทนก็ได้



กระดาษโน้ตสำหรับสัมมนา

กระดาษสำหรับใช้จดในงานสัมมนา ส่วนมากเป็นกระดาษขาวความหนาประมาณ 80g ที่นิยมผลิตกันก็จะมีแบบ 1 สี แต่หากบางโรงแรมบางสถานที่อยากจะพิมพ์โลโก้ด้วยสีจริงของบริษัท ก็อาจจะเป็นสเป็ค 2 สี หรือ 4 สีเลยก็มี ตัวอย่างในภาพนี้คือไบเทค ซึ่งเป็นผู้ให้เช่าสถานที่จัดงานรายใหญ่ เขาเลือกพิมพ์ด้วยสีเทาซึ่งเป็นสีที่ตรงกับ CI (Corporate Identity) ของบริษัทด้วย

P_20150731_164031

นอกจากการผลิตเป็นใบแล้ว เรายังสามารถผลิตให้ออกมาเป็นเล่มบางๆได้ ตัวอย่างงานของไบเทคก็จะผลิตเป็นแบบ 5 ใบต่อเล่ม เวลาแจกก็หยิบแจกที่ละเล่มบางๆได้เลย สะดวกกับคนทำงานมาก

IMG_0112


การเลือกผลิตกระดาษโน้ตควรสั่งเป็นจำนวนมาก เพราะเป็นสิ่งที่สถานที่จัดงานจะต้องใช้งานตลอดปีและแต่ละงานก็มีคนเข้าร่วมใช้หลายสิบหลายร้อยคน ดังนั้นกระดาษโน้ตจะต้องใช้จำนวนมากแน่นอน ควรจะติดต่อโรงพิมพ์และขอราคาผลิตที่ละเป็นแสนใบไปเลยเพื่อที่จะได้ราคาต่อหน่วยที่ถูกมากๆนั่นเอง

P_20150731_095227


ภาพถ่ายช่วยให้ธุรกิจเติบโตได้

หนึ่งภาพแทนความหมายเป็นพันเป็นหมื่นคำคือสิ่งที่เป็นจริง  ทั้งภาพถ่ายเพื่อเก็บความทรงจำ  ภาพบันทึกเหตุการณ์  และภาพถ่ายสินค้าต่างๆเพื่อใช้ช่วยทำการตลาดให้กับธุรกิจ   หากเราจะขายสินค้าสักอย่าง หรือแม้แต่จะทำธุรกิจบริการ  เราก็ควรจะเลือกใช้ภาพเพื่อทำสื่อออกมา   พลังของภาพถ่ายช่วยให้ธุรกิจเติบโตได้จริง ดังเหตุผลต่อไปนี้

20231214065752_IMG_0488

1 ภาพสินค้าใช้เพื่อขายสินค้า  ถ้าเรามีสินค้าที่อยากขาย การใช้ภาพถ่ายสินค้าเป็นสิ่งจำเป็นที่สุด  เพื่อให้ลูกค้ารู้ว่าเราขายอะไร  ลูกค้าซื้อแล้วจะได้อะไร  การจัดแสงและจัดองค์ประกอบของภาพที่ดีจะทำให้สินค้าออกมาดูสวยงามน่าซื้อ

20220607121643_IMG_0875

2 ใช้ภาพถ่ายเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ  การมีภาพคนหรือทีมงานของเราปรากฏอยู่ในสื่อการขาย จะอยู่ในแค็ตตาล๊อค ใบปลิว หรือในเว็บไซต์   ทุกภาพจะช่วยทำให้ลูกค้าเกิดเชื่อมั่นในตัวสินค้าหรือบริการมากขึ้น  สร้างภาพจำได้  เหมือนกับที่เราจำนางแบบโฆษณาสินค้าบางตัวได้

3 ภาพถ่ายช่วยนำเสนอความสมบูรณ์แบบ หรือแสดงโลกในฝันที่อยากให้ลูกค้าได้เห็น  เมื่อจัดวางสินค้าอย่างลงตัว ท่ามกลางองค์ประกอบอื่นๆที่ช่วยทำให้ลูกค้าเห็นไลฟสไตล์  จะทำให้ลูกค้ารู้ว่าสามารถมีแบบนี้ได้  แม้การจัดถ่ายแนวนี้จะใช้งบประมาณสูง แต่ก็ทำให้ลูกค้าเชื่อได้ว่าเขาเลือกสิ่งเหล่านี้ไปเพื่ออะไร  และมันจะยิ่งเป็นผลดีในการชักชวนให้ลูกค้าซื้อสินค้าอื่นๆที่เกี่ยวข้องให้มากขึ้นด้วย

IMG_8577

4 ภาพถ่ายช่วยเล่าเรื่อง  สินค้าหรือบริการบางอย่างจะมีลักษณะเฉพาะ  การมีภาพการใช้งานสินค้าหรือภาพที่กำลังทำกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับสินค้าจะทำให้เกิดความน่าเชื่อถือยิ่งขึ้น  ภาพจะช่วยสร้างการรับรู้ร่วมกันว่าเราทำอะไร ขายอะไร  นอกจากภาพนิ่งแล้ว  วิดีโอก็สามารถนำมาใช้ร่วมด้วย  ยิ่งในเว็บไซต์ยิ่งควรใช้ทั้งภาพนิ่งและวิดีโอ

IMG_4250

5 ภาพถ่ายนำเสนอเทคนิคเฉพาะ   บางสินค้า บางกิจกรรมมีรายละเอียดวิธีใช้ที่เฉพาะเจาะจง  เราสามารถลงรายละเอียดเพื่อให้ลูกค้าเกิดความเข้าใจ   อย่างเช่นภาพถ่ายการปรับแต่งอุปกรณ์   ภาพที่อธิบายวิธีใช้ วิธีติดตั้งที่จำเป็นต้องเห็นตัวอย่าง  ภาพแนวนี้มักจะต้องการความคมชัด สีสันปกติ  ถ่ายทอดความตรงไปตรงมา  โดยจะต้องหลีกเลี่ยงการใช้ฟิลเตอร์หรือการใส่สีที่เกินจริง 

เราหลีกเลี่ยงไม่ได้เลยที่การนำเสนอทางธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นพรีเซ้นเทชั่น หรือ สิ่งที่ปรากฏอยู่ในใบปลิว หนังสือหรือคู่มือ จะต้องมีภาพถ่ายเพื่อช่วยให้การสื่อสารต่างๆครบถ้วน และทำหน้าที่ได้ตามที่เจ้าของสินค้าต้องการ   ในยุคสมัยของอินเทอเน็ตที่เบ่งบานสุดขีด เรามีตัวช่วยในการสร้างสรรค์ภาพถ่ายมากมายหลายวิธี  นอกจากจะถ่ายเองแล้ว  เราก็มีแหล่งสต๊อคภาพที่ให้โหลดมาใช้ได้แบบฟรี  บางแหล่งอาจจะเป็นแบบเสียเงินเพียงเล็กน้อย  หรือแม้แต่การใช้ระบบ AI ช่วยสร้างภาพที่ต้องการขึ้นมาก็ทำได้ไม่ยากโดยค่าใช้จ่ายต่อภาพจะต่ำมากเมื่อเทียบกับการต้องลงทุนจ้างทีมงานถ่ายทำเต็มรูปแบบ

หากเราขายของโดยไม่เคยถ่ายภาพอะไรในธุรกิจของเราเลย ก็ลองถ่ายภาพแล้วโพสท์ในโซเชียลเน็ตเวิร์คดู    มีภาพแล้วลองตั้งชื่อ หรือใส่ข้อความกำกับเล็กน้อย  ก็ดูดีมีพลังแล้ว

การทำตัวอย่างกล่องก่อนผลิตจริง

การออกแบบแพ็คเกจจิ้งหรือออกแบบกล่องเพื่อจัดจำหน่ายเป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องพิถีพิถัน เราอาจจะต้องจ้างนักออกแบบกราฟิคที่มีความเชี่ยวชาญในการออกแบบกล่องโดยเฉพาะ เพราะงานกล่องจะเป็นงานที่ต้องมีการตัดไดคัทเป็นรูปทรงด้วย มันมีความซับซ้อนกว่าการออกแบบใบปลิวทั่วไป

912281

การออกแบบกล่องที่สมบูรณ์ควรจะจบถึงการออกแบบเส้นไดคัท หรือเส้นตัดที่จะใช้สำหรับประกอบเป็นกล่องออกมา เส้นไดคัทนี้จะต้องมีรายละเอียดของส่วนพับ ส่วนติดกาว ภาพหรือข้อความที่ปรากฏบนกล่องที่จะแสดงผลแต่ละด้านต้องจัดวางแต่ละหน้าให้สอดคล้องกัน ด้านบนและด้านล่างกล่องอาจจะต้องกลับภาพหันหัวคนละทาง และต้องเลือกว่าจะทำฝากล่องเปิดด้านไหน ปิดด้านไหนของข้อความด้วย

20220609181802_IMG_0921

เมื่อได้อาร์ตเวิร์คกล่องที่สมบูรณ์แล้วก็ต้องพิมพ์ตัวอย่างพร้อมตัดออกมาเป็นทรงเหมือนจริง ต้องเลือกความหนากระดาษให้เหมาะสม และที่สำคัญต้องทดลองทำกล่องขนาดเท่าจริงออกมา เจ้าของงานควรจะเห็นกล่องขนาดเท่าจริง และถ้าเป็นไปได้ตัวอย่างกล่องก็ควรทำจากกระดาษจริงด้วย เพื่อที่จะนำไปใช้ทดลองใส่สินค้าจริงเพื่อให้มั่นใจว่าใส่สินค้าไปแล้วกล่องจะรับน้ำหนักสินค้าได้ หากเลือกกระดาษบางเกินไปแล้วสินค้าเป็นของหนักก็จะทำให้กล่องเสียรูปทรง ไม่สามารถคงรูปกล่องไว้ได้ กระดาษหนาเกินไปก็จะมีข้อเสียในเรื่องของต้นทุนการผลิต และการได้ตัวอย่างขนาดเท่าจริงก็ยังใช้ไปเป็นแบบถ่ายภาพเพื่อทำงานโฆษณาต่อได้ด้วย


เจ้าของสินค้าอยากออกแบบกล่อง
หรือ นักออกแบบอยากทำตัวอย่างกล่อง
ติดต่อได้ที่ โทร 0819373130 หรือ
https://line.me/ti/p/vGR_HrU7Cd

ทำที่คั่นหนังสือ

การอ่านหนังสือที่ชอบหรือแม้แต่การอ่านหนังสือเรียนเพื่อเตรียมสอบก็เป็นสิ่งที่ต้องการความต่อเนื่อง หากเราได้อ่านหนังสือที่ชอบที่มาพร้อมกาแฟสักแก้ว ที่นั่งดีๆ แสงสว่างพอเหมาะ เราก็เหมือนได้อยู่ในสวรรค์ มันเป็นช่วงเวลาแห่งความสุข และจะต้องการความต่อเนื่อง แต่เมื่อมีธุระหรือจะพักชั่วคราว จะเติมกาแฟ หรือ เข้าห้องน้ำ เราก็ต้องการที่คั่นหนังสือ

IMG_5433

ปกติหนังสือที่ซื้อจากร้าน มักจะได้แถมที่คั่นหนังสือมาด้วย แต่ของแถมก็จะเป็นแค่เศษกระดาษโปรโมชั่น บ้างก็เป็นของแถมจากหนังสือบางเล่มในร้าน ซึ่งมันก็ทำหน้าที่คั่นหนังสือได้ แต่ไม่สวย และดูไม่มีกาลเทศะที่จะให้ใช้เลย และหลายๆครั้งผมก็หาเศษกระดาษใกล้ตัวมาคั่นหนังสือแทน บางครั้งก็หยิบรูปภาพที่อัดเป็นกระดาษเอาไว้มาคั่นหนังสือ การใช้งานที่คั่นหนังสือไม่มีอะไรพิเศษ แค่กระดาษมาวางสอดไว้ แต่มันก็คงดีถ้ามีที่คั่นหนังสือที่เราชอบ หรือ เราทำเอง

ที่คั่นหนังสือจะมีขนาดพอเหมาะสำหรับใช้งานประมาณ 1.25×8 นิ้ว ซึ่งเป็นขนาดที่ดูแล้วสวยงาม นอกจากจะใช้คั่นแบบปกติแล้วหากจะใช้สอดในหนังสือให้จมหายไปกับเล่มหนังสือ A5 ก็ได้ เพราะหนังสือ A5 จะมีความสูงประมาณ 8.25 นิ้ว นั่งคิดเลือกรูปที่จะนำมาทำ แล้วก็ตัดสินใจว่าจะทำที่คั่นหนังสือที่มีตัวเลขปฏิทินของเดือนปัจจุบันที่ทำที่คั่นหนังสือ ก็เลยไปหาไฟล์ในอินเทอเน็ต ค้นหาคำว่า calendar 2023 vector แล้ว google ก็ส่งลิงค์มาให้ เข้าไปโหลดไฟล์ปฏิทินที่มีแจกฟรี

Screenshot 2566-08-27 at 08.07.28

โหลดไฟล์ตัวเลขปฏิทินชนิด pdf หรือ ai ก็ได้ จากนั้นก็เอาไปวางประกอบกับภาพในโปรแกรม illustrator เพื่อให้ได้อาร์ตเวิร์คที่คั่นหนังสือที่ต้องการ แล้วก็ส่งไปพิมพ์ที่โรงพิมพ์ เลือกกระดาษเนื้อหนามีความสากเล็กน้อย เป็นกระดาษเนื้อปอนด์หนา ปกติกระดาษตัวนี้จะใช้ทำการ์ดแต่งงาน ผมมีเศษกระดาษตัวนี้เหลืออยู่จำนวนมาก ใช้ทำงานตัวอย่างให้ลูกค้า บางทีก็หยิบมาทำตัวอย่างงานอื่น เอามาพิมพ์ภาพถ่ายก็สวย ตอนนี้ก็ใช้ทำที่คั่นหนังสือ

IMG_5458

IMG_20230813_171614_128

เลือกทำที่คั่นหนังสือเป็นปฏิทินเดือนสิงหาคม เพราะเป็นเดือนที่ผมเพิ่งจะเที่ยวทะเลกับครอบครัว และทำที่คั่นหนังสือในเดือนนี้ก็เลยเลือกตัวเลขของเดือนสิงหาคมปีนี้เพื่อให้เป็นที่ระลึกถึงช่วงเวลานี้ ปฏิทินเดือนเดียวก็เป็นปฏิทินได้ เราไม่จำเป็นต้องทำปฏิทินรายปีที่มี 12 เดือนก็ได้ มันเรื่องของเรา

การเลือกที่เก็บภาพ online

การใช้รูปประกอบบทความเป็นสิ่งที่ทำให้บทความน่าอ่าน wordpress สามารถใส่ภาพได้ง่าย และเก็บภาพเหล่านั้นไว้ในระบบได้  ข้อดีคือทุกอย่างอยู่ในระบบเดียวกัน  แต่ข้อเสียคือ หากเราเขียนอย่างต่อเนื่องหลายปี บทความและรูปจะเยอะมาก และทำให้พื้นที่ใน wordpress เต็มได้ง่าย  เพราะ wordpress แบบฟรี จะมีพื้นที่จำกัด  ส่วนแบบจ่ายเงินก็จะได้พื้นที่เก็บข้อมูลเยอะขึ้น ยิ่งจ่ายต่อปีแพงขึ้นก็ยิ่งได้พื้นที่มากขึ้น  การเขียนบทความที่ยาวนาน มีเนื้อหาจำนวนมาก ภาพประกอบก็จะมากตามไปด้วยทำให้การแบ็คอัพก็จะทำยากขึ้น นานขึ้น

การหาที่เก็บภาพแบบ online แล้วนำไปใช้ใน wordpress จะเป็นสิ่งที่ช่วยให้เราประหยัดพื้นที่ใน wordpress ได้ และเรายังคงได้ใช้ความสามารถของระบบเก็บภาพเพื่อวัตถุประสงค์อื่นได้อีกด้วย  อย่างเช่น เราอาจจะมีเว็บไซต์หลายเว็บ และหลายเว็บใช้คลังภาพเดียวกัน  การแยกคลังภาพไปเก็บไว้ต่างหากนอก wordpress ก็เป็นสิ่งที่เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับการใช้งานหลายวัตถุประสงค์

Flickr-Logo-700x394

แนะนำการใช้คลังภาพเป็นระบบของ flickr เพราะว่าเป็นระบบการเก็บภาพที่พัฒนามายาวนานมาก  มีการจัดระเบียบ หมวดหมู่  สามารถสั่งให้เรียงลำดับตามวันเวลาที่บันทึกภาพก็ได้ หรือ เรียงลำดับตามวันที่อัพโหลดเข้า flickr ก็ได้  ความยืดหยุ่นในการจัดเรียงไฟล์ภาพทำให้เราสามารถย้อนดู หรือ ย้อนหาภาพที่ต้องการได้เร็วมากหากเราจำเหตุการณ์หรือวันเวลาที่ต้องการย้อนไปดูได้  การหาภาพในคลังของ flickr เราจะใช้เวลาไม่นานเพื่อเข้าถึงภาพนั้น  และ flickr ยังมีความสามารถในการนำภาพออกไปแชร์ได้หลายรูปแบบ  ซึ่งดีกว่า google photo  ดีกว่าเก็บไว้ใน cloud ระบบอื่นๆ  เพราะ cloud ของ flickr ออกแบบให้บริหารจัดการภาพได้ดีกว่ายี่ห้ออื่น

image

การส่งรูปภาพเข้า flickr สามารถทำได้ทีละหลายร้อยรูป และทุกรูปมีความละเอียดสูงเท่าต้นฉบับ  flickr จึงเป็นแหล่งแบ็คอัพหรือคลังเก็บภาพที่ดีมาก  แถมยังสามารถจัดกลุ่มแยกเป็นอัลบั้มได้อิสระ  ตั้งค่าให้แต่ละภาพเป็น private หรือ public ได้ด้วย  ต่อให้เราไม่ทำเว็บไซต์ เราก็ยังสามารถใช้ flickr เป็นที่เก็บภาพบนอินเทอเน็ตได้  ถือว่าเป็นเว็บเก็บภาพที่ทรงพลังมาก  ในตอนที่ผมเริ่มเขียนบทความก็ได้ทดลองใช้ระบบเก็บภาพบางแห่ง และสุดท้ายก็ต้องเลิกใช้ในที่สุดเนื่องจากระบบนั้นปิดตัวเองลง  การเลือก cloud เพื่อเก็บข้อมูลก็จะมีความเสี่ยงอยู่ในเรื่องเหล่านี้  การเลือกระบบที่ชำนาญเรื่องภาพถ่ายและอยู่มายาวนานก็เป็นวิธีคิดที่ถูกต้องที่สุด

External-Harddisk-WD-My-Passport-5TB

แต่อย่างไรก็ตาม เราก็ยังคงต้องมีแบ็คอัพรูปภาพทั้งหมดเอาไว้ในบ้านด้วย  เราควรเลือกใช้ external harddisk สักตัวเพื่อเก็บภาพทุกภาพเอาไว้ถือเป็นช่องทางเก็บอีกระบบหนึ่ง  ความแน่นอนที่สุดที่ไฟล์ภาพจะไม่หายคือการมีภาพนั้นไว้ในฮาร์ดดิสก์และวางฮาร์ดดิสก์ก้อนนั้นไว้ในบ้านและขณะเดียวกันไฟล์นี้ก็ต้องอัพโหลดเข้าไปอยู่ใน cloud ที่ดีด้วย เพื่อให้เราได้ใช้งานในการเขียนบทความและทำเว็บไซต์ สรุปสั้นๆก็คือไฟล์ที่เราอยากเก็บควรมีไว้ทั้งในฝั่ง online และ offline

การเขียน content ให้ต่อเนื่อง 10ปี

การเขียน content ให้ต่อเนื่อง 10ปี  และนำไปสู่การรวมเป็นเล่มหนังสือได้ถ้าอยากทำ

การเขียนเป็นการแสดงความคิดเห็น  เป็นการบันทึกความคิดของเรา บ่งบอกว่าเรามองโลกอย่างไร มีทัศนคติอย่างไรในช่วงเวลาที่เราเขียน

การเขียนบทความที่ดีไม่ใช่เรื่องยาก แต่การเขียนให้ต่อเนื่องยาวนาน  มีความสม่ำเสมอ จนกลายเป็นคลังความรู้เป็นสิ่งที่ทำได้ยากกว่า   มี 2 ปัจจัยที่จำเป็นคือ ข้อ1 ความหลงใหลในการเขียนต้องมีมากพอ และ ข้อ2 ต้องเลือกใช้เครื่องมือที่เหมาะสมในการเขียน

pexels-picjumbocom-210661

เครื่องมือการเขียนที่เหมาะสม ที่จะช่วยให้การเขียนเป็นไปอย่างง่ายดายก็คือ เครื่องมือที่ทำให้เราเขียนได้ง่าย บันทึกได้ง่าย  และถ้าสามารถแสดงผลได้สวยงามบนทุกสายตายิ่งดี  นั่นก็คือเครื่องมือออนไลน์  เพราะคนอ่านจะอ่านได้จากโทรศัพท์มือถือ  คอมพิวเตอร์ แท็บเบล็ต  และการเขียนเป็นดิจิทัลไฟล์ในออนไลน์ยังง่ายต่อการจัดหมวดหมู่ และง่ายต่อการรวบรวมไปทำเป็นเล่มอีกด้วย

การจดบันทึกลงเล่มไดอารี่หรือสมุดในอดีตเป็นจุดเริ่มต้นของการเขียน  การเขียนจากสิ่งที่สังเกตุเห็น เขียนบันทึกความคิด  เขียนเพื่อตอบคำถาม  ต่างเป็นจุดที่ทำให้เกิดเป็นบทความ  แต่การเขียนบนกระดาษ ก็จะมีข้อจำกัดคือ แก้ไขลำบาก  ลายมือไม่คงที่  และนำไปเผยแพร่ลำบาก  และส่วนมากไม่สวยในเวอร์ชั่นแรกที่เริ่มเขียน

การจดเป็นไฟล์ในคอมพิวเตอร์ ใช้โปรแกรมไมโครซอร์ฟเวิร์ด ก็เป็นสิ่งที่ทำให้ง่ายขึ้น  เรียบเรียงง่าย  พิมพ์ผิดก็แก้ไขง่าย  แต่ก็จะยังคงเผยแพร่ไม่สะดวก  ส่งให้คนอ่านเป็นร้อยเป็นพันไม่ได้    และหน้าตาก็ยังไม่น่าอ่าน ยังไม่รวมการจัดหมวดหมู่ที่ทำได้ยากอีกด้วย

การจดบันทึกบนระบบออนไลน์เป็นคำตอบที่ดีในปัจจุบัน  เพราะจะทำให้เราสามารถเขียนจากเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องไหนก็ได้  จะใช้โทรศัพท์มือถือก็ทำได้ถ้าชำนาญ  แต่ก็ต้องคิดถึงระบบหรือแพล็ตฟอร์มที่เราเลือกเขียนด้วย  การเลือกเขียนลงเฟสบุ๊คแม้จะมีพื้นที่การเขียนแบบยาวได้   แต่ก็จะมีข้อเสียก็คือ บทความของเราจะมีความเสี่ยงต่อการสูญหาย  ย้อนกลับไปแก้ไขบทความเก่าลำบากมาก หรือ อาจหาไม่เจอ  ในบางครั้งเราอาจโดนแฮ็คหรือขโมย account  การใช้ระบบโซเชียลเน็ตเวิร์คตัวใดตัวหนึ่งเป็นตัวเก็บข้อมูล จะมีความเสี่ยงต่อการโดนปิด  โดนขโมย  หรืออาจจะทะเลาะกับเจ้าของแพลตฟอร์มแล้วเราถูกปิด 

pexels-canva-studio-3153199

เราจึงควรเขียนบทความลงเว็บไซต์  เพราะเว็บไซต์มีความเป็นอิสระมากกว่า  แต่เมื่อเปิดใช้งานแล้วก็จะปิดยากมาก  เพราะกฏระเบียบทุกอย่างของเว็บไซต์เป็นของเราเอง  เราจะไม่โดนรีพอร์ต จะไม่โดยแจ้งว่าน่ารำคาญ   ต่อให้เราโกหกอะไรไว้ในเว็บของเราก็ไม่มีใครมาสั่งปิดได้  ขอเพียงแค่บทความไม่ผิดกฏหมาย ไม่ละเมิดสิทธิ์ของใคร บทความนั้นก็จะคงกระพัน อยู่บนเว็บไซต์รอคนเข้ามาอ่านแทบจะตลอดไป

การเขียนในเว็บไซต์ แนะนำให้ใช้ระบบของ wordpress เพราะว่าเป็นเครื่องมือการทำ content ที่เหมาะกับการทำเป็นเว็บไซต์  ดังที่เราจะเห็นว่ามีสำนักข่าวจำนวนมากใช้ระบบของ wordpress ในการสร้างช่องทางในออนไลน์ 

การเขียนบทความใน wordpress มีข้อดีดังนี้

1 เขียนจากคอมพิวเตอร์เครื่องไหนก็ได้ที่เชื่อมต่อกับอินเทอเน็ต

2 เขียนจากโทรศัพท์มือถือก็ได้  ถ้าขยันพิมพ์ยาวๆด้วยโทรศัพท์ ก็สามารถใช้เป็นเครื่องมือเขียนได้

3 เราสามารถเลือกวิธี ส่งอีเมลแล้วไปโผล่เป็น content ใน wordpress ได้

4 wordpress มี theme จำนวนมากให้เลือก ใช้  เลือกหน้าตา เลือกเลย์เอ๊าท์สวยระดับมืออาชีพได้เลย

5 แต่ละโพสท์ที่เขียนใน wordpresss มีตัวนับยอดวิวแยกแต่ละโพสท์เลย  โพสท์ไหนนิยมมากเราจะรู้

6 สามารถจัด category ได้อิสระ  ใส่ tag หรือ keyword ได้ละเอียด  จัดหมวดหมู่อัตโนมัติ

7 หน้าตาสวยงาม คนอื่นเข้ามาอ่านได้จากอินเทอเน็ต ไม่จำกัดแพลตฟอร์ม เหมาะกับเว็บสำนักข่าวและใช้เป็นเว็บรวมรวมความรู้ได้

8 สามารถแบ็คอัพได้ง่ายและสามารถนำไปขึ้นระบบอื่นได้ง่ายเช่นกัน บทความเราไม่ตายแน่นอน

9 สามารถปรับปรุงบทความได้ตลอดเวลา  แม้เวลาหลายเดือนผ่านไปก็ยังกลับไปอัพเดทข้อมูลในบทความเก่าได้

10 การรวมเล่มทำได้ง่าย  หากเรามีบทความยาวเกิน 10 บทความ ก็พร้อมจะทำเป็นเล่มแล้ว

11 ทุกบทความเป็นตัวหนังสือ ทุกคำคือคีย์เวิร์ด บางทีเราไม่ต้องใส่tag กูเกิ้ลก็ยังหาเราเจอ

12 มีการรวบรวมสถิติการเขียนบทความ เห็นอัตราการเจริญเติบโตอย่างเข้าใจง่าย ช่วยให้พัฒนาตัวเองได้

13 มีเครื่องมือที่ทันสมัย  โลก online เราฮิตความสามารถอะไร wordpress จะมีซัพพอร์ต เสมอ

14 บทความใน wordpress สามารถนำไปแชร์ในโซเชียลมีเดียอื่นๆได้ง่าย