ธุรกิจโรงพิมพ์
นักฟิสิกส์ที่มีชื่อเสียงอย่าง สตีเฟ่น ฮอบกิ้นส์ ผู้ซึ่งได้รับรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ และเป็นบุคคลที่ได้รับการยกย่องว่าน่าจะเก่งกว่า ไอสไตล์ เคยให้สัมภาษณ์โดยสำนักพิมพ์แห่งหนึ่งเกี่ยวกับเทคโนโลยีในโลกนี้ เขาถูกถามว่าเทคโนโลยี หรือ ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ใดๆที่เขาคิดว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุด หรือ ยอดเยี่ยมที่สุดในความเห็นของเขา เขาตอบว่า เทคโนโลยีทางการพิมพ์ โดยให้เหตุผลว่า การพิมพ์ทำให้การค้นคว้าทางวิทยาศาสตร์สามารถจดบันทึกและเผยเแพร่ และสามารถส่งต่อไปให้คนอื่นได้ ทำให้คนใหม่สามารถต่อยอดความรู้เดิม นำไปสู่การพัฒนาทางวิทยาศาสตร์ที่ต่อเนื่อง
ครอบครัวของผมได้รับธุรกิจโรงพิมพ์มาแบบไม่ได้ตั้งใจ มีคนมาขอความช่วยเหลือทางการเงินจากพ่อ โดยการเสนอขายหุ้นในธุรกิจโรงพิมพ์ พ่อก็ใจดีจ่ายเงินช่วยแล้วถือหุ้น 50 เปอร์เซ็น สุดท้ายพอธุรกิจอยู่รอด ก็แยกทางกัน พ่อผมก็เลยซื้อหุ้นเอาไว้ทั้งหมด แล้วก็เริ่มธุรกิจโรงพิมพ์แบบไม่มีความรู้ทางการพิมพ์เลย
การทำธุรกิจโรงพิมพ์ด้วยระบบเถ้าแก่ และไม่มีพื้นฐานเป็นเรื่องยากมาก โรงพิมพ์จอมทองรับผลิตงานพิมพ์ตามสั่ง เครื่องจักรมีอะไรอยู่ เคยทำงานอะไรก็ทำไปอย่างนั้น ยุคแรกไม่ได้มีการวางแผนพัฒนา ไม่ได้มีเทคโนโลยีอะไรมาช่วยลดต้นทุน แต่การทำแบบลูกทุ่งของพ่อ คือลุยทำไป เจอปัญหาก็ไปถามคนที่มีประสบการณ์มากกว่า พ่อก็ดิ้นรนจนอยู่ได้ และส่งลูกเรียนจนจบทุกคน เคล็ดลับการทำงานของพ่อก็คือ ทำงานทุกวัน ได้รับเงินทุกวัน ไม่มีเวลาไปใช้เงิน เอาเงินไปลงทุนเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตได้ มันทำให้โรงพิมพ์สามารถเพิ่มเครื่องจักรได้เท่าตัวในทุกห้าปี และรับงานได้เยอะขึ้น
โรงพิมพ์มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เคยมีปัญหาเรื่องคนงานขโมยเงิน เคยมีปัญหาเรื่องการป่วยจนนอนโรงพยาบาลของพ่อ ทำให้แม่ต้องเข้ามาช่วยงาน จากระบบเถ้าแก่ก็กลายเป็นระบบเถ้าแก่กับเมีย ปัญหาไม่มีเงินหมุนเวียนจากการปล่อยเครดิตนานเกินไปเป็นปัญหาใหญ่ทำให้แม่พยายามแก้ไขเป็นสิ่งแรก เงินที่รอการเก็บก็ตามเก็บมาอย่างรัดกุม เราได้เคล็ดลับการทำงานเพิ่มขึ้นอีกอย่างหนึ่งที่ทำให้โรงพิมพ์พัฒนาได้เร็วขึ้นก็คือ ทำงานทุกวัน รับเงินทุกวัน และออมเงินทุกวัน โรงพิมพ์จอมทองไม่เคยมีหนี้สินอีกเลยตั้งแต่ช่วงสิบปีแรกที่เราเริ่มควบคุมเครดิตของลูกค้าให้เป็นไปตามกำหนด
ในช่วงเวลาตั้งแต่เด็กจนโต ผมสนใจเรื่องราวสารพัดเรื่อง อยากมีงานทำ อยากมีอาชีพ อยากมีความสนุกในการทำงาน มีคนเคยให้แนวคิดไว้ว่าถ้าคุณเจอสิ่งที่คุณชอบ คุณจะทำมันได้โดยไม่เหน็ดเหนื่อย ถ้าคุณเจองานที่คุณชอบ คุณจะไม่ต้องอดทนทำงาน เพราะมันเป็นสิ่งที่คุณชอบ ตอนประถมผมเคยอยากได้กล้องถ่ายรูปและยังคงสงสัยว่าทำไมถึงถ่ายรูปแล้วมีรูปอยู่บนฟิล์ม ก็เลยไปชวนให้พี่สาวหุ้นซื้อกล้องถ่ายภาพด้วยกัน แล้วตอนถ่ายเล่นก็ลองเปิดฝาหลังดู ฟิล์มสีน้ำตาลในกล้องที่ถ่ายไปแล้วน่าจะมีภาพอยู่บนฟิล์ม แต่ก็ไม่มี นึกขึ้นได้ว่า เขาต้องเอาฟิล์มไปล้างก่อน ผมก็เลยถอดฟิล์มไปล้าง เอาไปล้างในอ่างล้างจาน ฟิล์มก็ยังไม่มีภาพ นึกขึ้นได้อีกครั้งว่า เราน่าจะล้างด้วยน้ำร้อน ก็เลยต้มน้ำ แล้วเอามาราดบนแผ่นฟิล์มเลย ผลก็คือฟิล์มสีน้ำตาลค่อยๆเปลี่ยนสีไป จนกลายเป็นฟิล์มใส พลาสติกใสๆ สีน้ำตาลที่เคยมีมันหลุดละลายลงท่อน้ำไปแล้ว จบการล้างฟิล์ม ผมไม่ได้ภาพ และผมสรุปผลว่า ล้างฟิล์มเป็นเรื่องยาก ล้างฟิล์มด้วยน้ำเปล่าไม่ได้ ล้างฟิล์มด้วยน้ำร้อนก็ไม่ได้
ตอนตัดสินใจเรียนมหาวิทยาลัย ผมเลือกเรียนวิศวะ ด้วยความเชื่อว่า การสอบเข้ามหาวิทยาลัยในยุคของผมคนเก่งจะเลือกหมอกับวิศวะ ถ้าผมไม่ติดอย่างใดอย่างหนึ่งในสองชนิดนี้ แสดงว่าผมไม่เจ๋งจริง เป็นความคิดโง่ๆที่ไม่มีครูแนะแนวมาพูดคุยด้วย และแล้วผมก็ติดวิศวะ แล้วเราก็รู้ว่าโลกกว้าง คนเก่งมีอยู่เต็มไปหมด ผมเรียนสาขาระบบควบคุมและเครื่องมือวัด ซึ่งพูดไปหลายคนก็จะไม่เข้าใจชัดเจน ผมก็เป็นแบบนั้นในปีแรกที่เข้าไปเรียน ผมมักจะบอกทุกคนว่าผมเรียนอิเล็คทรอนิกส์เพื่อจะได้ไม่ต้องอธิบายต่อว่าระบบควบคุมคืออะไร เครื่องมือวัดทำไมต้องเรียน มันมีแค่ตราชั่งกับมิเตอร์รึเปล่า
ผมสนใจเครื่องเสียง การเรียนวิศวะสาขานี้ทำให้ผมกระตือรือล้นที่จะเรียนในบางวิชา เพราะบางวิชาเหล่านั้นจะทำให้ผมสามารถออกแบบและสร้างเครื่องเสียงใช้เอง นั่นเป็นแรงจูงใจเดียวที่ทำให้ผมเรียนจนจบ ตอนปีสี่ที่นักศึกษาวิศวะต้องทำโปรเจ๊คเพื่อจบ มีการจับกลุ่มกันทำสามคนต่อหนึ่งโปรเจ๊ค ห้องผมมี28 คน หารสามแล้วเหลือเศษหนึ่ง ผมยกมือขออาจารย์ทำคนเดียวเลย โดยผมให้เหตุผลกับอาจารย์ว่า ผมอยากรู้ว่าจะทำคนเดียวได้ไหม สามคนก็ทำกันหืดขึ้นคอ ถ้าทำคนเดียวได้ ผมคงภูมิใจมาก ผมอยากให้คนจำว่าผมไม่เหมือนคนอื่น ผลก็คือเพื่อนส่งงานจบกันก่อนกำหนดเล็กน้อยและมีเวลาไปเที่ยวเล่นที่ต่างจังหวัดกันทั้งห้อง แต่ผมจบงานช้ากว่าคนอื่นไปสองสัปดาห์ ทำให้ไม่ได้ไปเที่ยวยกกลุ่มในทริปสุดท้ายก่อนออกจากมหาวิทยาลัย และไม่มีใครพูดถึงโปรเจ๊คอีกเลย และผมไม่ได้ดังหรือถูกพูดถึงอีกเลยเช่นกัน
มีเหตุผลหลายอย่างที่ทำให้ผมจบช้า เรื่องตัวงานไม่ได้มีปัญหา แต่สิ่งที่เป็นปัญหาก็คือ ผมทำเล่มวิทยานิพนธ์ด้วยหน้าตาของนิตยสาร ไม่ได้เป็นรูปเล่มมาตรฐานบัณฑิตวิทยาลัย ไม่ได้ใช้ฟ้อนต์อังสนาตามระเบียบ ไม่ได้เว้นวรรคขึ้นหน้าใหม่แบบมาตรฐานของมหาวิทยาลัย ไม่ได้กั้นหน้าซ้ายและกั้นหน้าขวาตามกฏ ไม่ได้เรียงลำดับชื่อรูปภาพ นั่นเป็นเหตุผลเดียวที่ทำให้ผมจบช้าและไม่ได้เที่ยวกับเพื่อน เพราะต้องมานั่งทำรูปแบบวิทยานิพนธ์ให้ถูกกติกาของมหาวิทยาลัย
ตอนเรียนวิศวะ ผมสนใจแต่เรื่องการทำเครื่องเสียง ไม่ได้สนใจคอมพิวเตอร์เลย และวิชาเขียนโปรแกรมที่มีในคณะวิศวะก็เป็นเรื่องที่ผมไม่เคยเข้าใจ ผมสอบได้คะแนนต่ำสุดในมหาวิทยาลัย ซึ่งผมเผลอคิดไปว่าผมคงโง่เรื่องเขียนโปรแกรม จนกระทั่งวันที่ผมเรียนจบผมได้งานทำเป็นโปรแกมเมอร์ เขียนซอร์ฟแวร์ระบบตอบรับโทรศัพทอัตโนมัติ มีระบบฝากข้อความ มีระบบฐานข้อมูลที่ต้องเก็บวอยซ์เมลของคลิปเสียงของคนนับพันคน ผมสามารถเขียนโปรแกรมเป็นอาชีพได้เพราะมีเจ้านายใจดี อธิบายว่าการเขียนโปรแกรมคืออะไร อธิบายโครงสร้างและวิธีคิดของคอมพิวเตอร์มันเป็นอย่างไร แค่การอธิบายภาพรวมไม่นาน ผมก็เข้าใจและสามารถพัฒนาโปรแกรมต่างๆได้เอง และในอีกไม่กี่เดือนต่อมาซอร์ฟแวร์ที่เขียนขึ้นมาก็ทำเงินเลี้ยงบริษัทได้ นี่เป็นเรื่องที่สองที่ผมเรียนรู้ว่าโลกเรามีอาจารย์มากมาย แต่ทุกคนไม่ได้มีความสามารถในการสอน
ผมกลับมาหัดล้างฟิล์มอีกครั้งตอนที่เรียนจบมหาวิทยาลัย และได้เริ่มหัดถ่ายรูปอีกครั้ง ครั้งนี้ตั้งใจจะล้างฟิล์มและอัดภาพให้เป็น และผมก็ใช้เวลาประมาณสองปีที่หัดถ่ายภาพ และมีความสามารถพอที่จะรับงานถ่ายภาพได้ เมื่อถ่ายภาพมาถึงจุดหนึ่งผมเริ่มอยากเรียนต่อเพื่อให้ผมถ่ายภาพได้ดียิ่งขึ้น ผมก็เลยไปเรียนคณะวิทยาศาสตร์ของจุฬาฯ ในหลักสูตรปริญญาโท ชื่อคณะ เทคโนโลยีทางภาพ หรือ imaging technology
ทีนี่เรียนเกี่ยวกับการถ่ายภาพ และเรียนเกี่ยวกับเทคโนโลยีทางการพิมพ์ ซึ่งระบบการพิมพ์ก็เป็นระบบการสร้างภาพชนิดหนึ่งและเป็นพระเอกของคณะนี้ด้วยซ้ำ ความฝันที่จะเรียนถ่ายภาพของผมหยุดลงชั่วคราวเพราะนักศึกษาที่เรียนคณะนี้ไม่ได้ซีเรียสกับการถ่ายภาพ ผลงานภาพถ่ายของกลุ่มนักเรียนไม่ได้เน้นไปที่ความสวยงามในแบบที่ผมชอบ ในขณะที่นักศึกษานิเทศฯ และสถาปัตย์ฯถ่ายภาพได้ถูกใจกว่า ซึ่งผมพบว่าในคณะนี้ไม่ได้สอนให้ถ่ายภาพสวยชวนฝัน แต่สอนให้เข้าใจขั้นตอนการเกิดภาพ เน้นเรื่องการผลิตภาพให้ได้คุณภาพ เน้นการทำซ้ำให้ได้ผลลัพธ์ที่เหมือนเดิม ผมเลยเลือกที่จะไปหาที่เรียนเกี่ยวกับถ่ายภาพจากที่อื่น เลยไปเรียนที่โรงเรียนสารพัดช่าง ในหลักสูตรตอนเย็นวันละสามชั่วโมง เป็นคอร์สระยะสั้น 150 ชั่วโมง ค่าเล่าเรียนชั่วโมงละ 1 บาท ผมได้ความรู้เกี่ยวกับการถ่ายภาพขาวดำ การล้างอัดภาพขาวดำอย่างเต็มระบบจากโรงเรียนสารพัดช่าง แต่ผมก็เรียนจุฬาฯจนจบและได้ความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีการพิมพ์ต่างๆ เป็นความรู้แบบที่เถ้าแก่โรงพิมพ์ไม่เคยได้รับ และไม่มีทางรู้เลยถ้าไม่เดินเข้ามหาวิทยาลัย ผมใช้เวลาช่วงนี้หัดล้างอัดภาพขาวดำ หัดถ่ายภาพ หัดวิจารณ์ภาพจากอาจารย์ที่สารพัดช่าง และเรียนรู้เกี่ยวกับการพิมพ์ระบบต่างๆ ในทางวิทยาศาสตร์กับอาจารย์ที่จุฬาฯ
ก่อนผมเรียนจบปริญญาโทผมก็เริ่มงานโรงพิมพ์เต็มตัว พ่อผมมีเหตุต้องนอนโรงพยาบาลนานสองเดือน เถ้าแก่ป่วยโรงงานก็แทบเจ๊ง ผมเร่ิมงานโรงพิมพ์แบบทันทีทันใด รับช่วงต่อแบบไม่คาดฝัน ซึ่งเมื่อวานนี้ยังขับรถไปเที่ยวถ่ายรูปอยู่เลย ผมเรียนจบโทช้ากว่าปกติ เพราะต้องทำงานเต็มตัว และ ผมมีปัญหากับการทำเล่มเอกสารอีกแล้ว คือวิทยานิพนธ์เขาไม่ยอมให้ผมพิมพ์รูปแบบตามใจ ผมจบโทด้วยโปรเจ๊คการบีบอัดข้อมูลให้เล็กลงเพื่อใช้เก็บไฟล์ภาพที่อยู่ในขั้นตอนการผลิตแม่พิมพ์ ถ้าเรียกให้หรูหรา ก็ต้องบอกว่า ผมเป็นเจ้าของระบบการบีบอัดข้อมูลชนิดหนึ่ง ที่เป็นการบีบอัดแบบ lossless compression มันช่วยให้อุตสาหกรรมการพิมพ์สามารถพัฒนาไปต่อไปได้ในอีกหลายอย่างถ้ามีคนนำไปต่อยอด
โรงพิมพ์จอมทองพัฒนาหลายอย่างขึ้นมาใหม่ ตั้งแต่วิธีการคิดราคาที่สมเหตุสมผล การผลิตที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น การเก็บข้อมูลลูกค้าที่สามารถสืบค้นได้ง่าย หลายอย่างเปลี่ยนแปลงไปพร้อมกับเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ที่ดีขึ้น ราคาถูกลง มีเครื่องพิมพ์ดิจิทัลเข้ามาให้ใช้ โรงพิมพ์ยุคใหม่ต้องมีระบบปรู๊ฟสีก่อนพิมพ์จริง ความแม่นยำของสีต้องถูกต้องมากกว่าระบบลองผิดลองถูก โรงพิมพ์ขยายธุรกิจได้ด้วยเงินออม เราไม่มีหนี้สินกับธนาคาร เราไม่ได้จ่ายดอกเบี้ยให้ใคร และเราลงทุนกับเครื่องพิมพ์ดิจิทัลขนาดย่อมๆแต่ราคาเท่ารถเบนซ์ ขณะที่เจ้าของยังขับรถญี่ปุ่นอยู่
โรงพิมพ์ในมุมมองของผมนั้น เป็นที่รวมของความรู้หลากหลายที่ผมสะสมมา ผมชอบอ่านหนังสือ ชอบหนังสือที่มีภาพสวย ผมก็มีโอกาสได้ผลิตสิ่งพิมพ์เอง ผมชอบถ่ายภาพ ภาพสวยๆในโบรชัวร์ผมก็มีส่วนร่วมกับมัน บางงานผมถ่ายภาพด้วยตัวเอง ผมเคยทำงานกับฐานข้อมูล เคยเป็นโปรแกรมเมอร์ โรงพิมพ์จึงมีงานพิมพ์ชนิดพิเศษตัวหนึ่งที่สามารถเปลี่ยนชื่อ หรือเปลี่ยนข้อมูลของงานพิมพ์ได้โดยที่ไม่ต้องทำเพลทใหม่ นั่นคือการพิมพ์ดิจิทัลที่ใช้ข้อมูลจากในคอมพิวเตอร์มาเป็นข้อมูลหลักที่แตกต่างกันในแต่ละใบ เราเรียกการพิมพ์ฐานข้อมูลนี้ว่าเป็นงาน Variable data printing
งานพิมพ์ที่อาศัยฐานข้อมูลที่เราพบบ่อยก็คือ บิลค่าน้ำ ค่าไฟ ในบิลแต่ละใบจะมีรายชื่อเจ้าของบ้านที่ไม่เหมือนกัน มีที่อยู่แตกต่างกัน มีตัวเลขที่ต้องจ่ายไม่เท่ากัน บ้าน 1 ล้านหลัง ก็มีบิล 1 ล้านใบที่มีชื่อไม่ซ้ำ นั่นคืองานพิมพ์ฐานข้อมูลที่เราพบได้ในทุกวัน ทุกบ้าน ทุกคนเคยจับมาแล้ว โรงพิมพ์ของผมก็มีความสามารถในการผลิตงานเหล่านี้เช่นกัน แต่เราทำในรูปแบบของใบปลิว การ์ดเชิญ การ์ดโปรโมชั่น ของขวัญ ปฏิทิน โปสการ์ด ซึ่งสิ่งพิมพ์เหล่านี้เรามักจะไม่ค่อยเจอว่ามีการพิมพ์ชื่อและข้อมูลของลูกค้าแต่ละคนลงไป เพราะมันเป็นสิ่งใหม่กับวงการพิมพ์ในประเทศไทย มีโปรแกรมเมอร์มากมายที่ทำงานกับฐานข้อมูลได้ มีเถ้าแก่โรงพิมพ์มากมายที่รับงานใบปลิว งานสคส งานการ์ดเชิญ แต่ไม่เคยมีโรงพิมพ์ที่มีคนสองคนนี้อยู่ในที่เดียวกัน มีโรงพิมพ์ที่สามารถพิมพ์งานดาต้าเบสได้ไม่กี่คนในประเทศนี้ คนนึงก็กำลังพิมพ์บิลค่าน้ำอยู่ คนนึงก็กำลังพิมพ์บิลค่าไฟอยู่ อีกคนก็กำลังพิมพ์บิลค่าโทรศัพท์อยู่ ทุกคนมีงานใหญ่อยู่ในมือแล้ว แต่ไม่มีใครทำพิมพ์ สคส บัตรอวยพร ใบปลิว การ์ดเชิญ หรือใบโปรโมชั่นที่ระบุชื่อและคัสต้อมข้อมูลเลย โรงพิมพ์ของผมสามารถรองรับงานที่กล่าวมา แล้วทำไมต้องเป็นโรงพิมพ์จอมทอง ที่อื่นทำได้ไหม ไปหาคนที่พิมพ์บิลค่าไฟเลยดีไหม เราสามารถไปหาเขาได้ แต่เขาจะพิมพ์ให้หรือเปล่า บางครั้งโรงพิมพ์ทำคุกกี้มาแจกโดยที่ฉลากพิมพ์ชื่อผู้รับไว้แตกต่างกัน เราทำแค่แจกสมาชิก ถ้าเราอยากได้งานแบบนี้ คนที่ทำบิลค่าน้ำ บิลค่าไฟ เขาไม่รับงานแนวนี้ แล้วมีโรงพิมพ์ไหนทำแบบนี้ได้บ้าง ถ้าหาเจอโทรบอกผมด้วย
นอกจากงานพิมพ์ที่อาศัยเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ที่ทันสมัยแล้ว เรายังมีงานพิมพ์ที่กำลังสูญหายอยู่อีกตัวหนึ่งด้วย นั่นคืองานพิมพ์ letterpress ซึ่งเป็นเทคโนโลยีทางการพิมพ์ตัวแรกที่เกิดขึ้นในโลก เครื่องพิมพ์เครื่องแรกถูกคิดค้นด้วยคนชื่อโยฮันเนิส กูเทินแบร์ค เป็นคนเยอรมัน งานพิมพ์ชิ้นแรกของโลกในระดับอุตสาหกรรมคืองานพิมพ์คัมภีร์ไบเบิ้ล งานพิมพ์ letterpress คือการเอาวัสดุแข็งมาแกะสลักเป็นตัวหนังสือที่เราต้องการเราจะเรียกว่าแม่พิมพ์ แล้วก็เอาหมึกมาทาบนแม่พิมพ์ แล้วก็เอากระดาษมาสัมผัสกับหมึกบนแม่พิมพ์ มันคือเทคนิคเดียวกับตรายางที่เราใช้กันอยู่ในปัจจุบัน งานพิมพ์ letterpress จะให้สีที่เข้มเท่ากันทั้งหน้า ไม่สามารถทำสีเข้มสีอ่อนในบล๊อกเดียวกันได้ ไม่สามารถพิมพ์ภาพเหมือนจริง หรือภาพถ่ายได้ งานพิมพ์ letterpress เสื่อมความนิยมไปแล้วตั้งแต่โลกเรามีเครื่องพิมพ์อ๊อพเซ็ท 4 สี งานอ๊อพเซ็ทคืองานที่มีภาพจริงสวยงาม หนังสือ นิตยสาร หนังสือพิมพ์ ใบปลิวแจกหน้าห้าง งานพิมพ์ 99 เปอร์เซ็นที่เราเห็นเป็นงานอ๊อพเซ็ททั้งสิ้น
งาน letterpress กำลังได้รับความนิยมในกลุ่มของคนทำการ์ดแต่งงาน มันสามารถพิมพ์บนกระดาษหนาได้ มันให้น้ำหนักกดทับที่จมลึก หรือ นูนป่องออกมาได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่งานอ๊อพเซ็ท และงานพิมพ์ดิจิทัลให้ไม่ได้ งานกระดาษหนาเหล่านี้ได้รับความนิยมมากขึ้น ในขณะที่มีผู้ผลิตงานแบบนี้น้อยลงเรื่อยๆ ในประเทศไทยถ้าคุณจะทำงานพิมพ์การ์ดเชิญระบบ letterpress เมื่อคุณเข้าไปหาข้อมูลในอินเทอเน็ต กูเกิ้ลหน้าแรกจะให้คำตอบกับคุณว่าคุณมีทางเลือกให้ติดต่อแค่ไม่กี่บรรทัด หนึ่งในหลายบรรทัดจะพบ thailetterpress ที่นี่คือโรงพิมพ์ของผมเอง โรงพิมพ์เรามีเครื่องพิมพ์ letterpress ที่ยังทำงานได้ ช่างพิมพ์มีประสบการณ์การทำงานแนวนี้มาอย่างยาวนาน และเราชอบทำงานสวยแปลกตาอย่าง letterpress ด้วยเช่นกัน
แม้ว่าโลกเราจะพัฒนาไปสู่โซเชียลเน็ตเวิร์คกันแล้ว หนังสือพิมพ์ นิตยสารทะยอยปิดตัว แต่สิ่งพิมพ์ยังคงมีอยู่และค่อยๆขยายตัวในบางอุตสาหกรรม อย่างเช่น ในกลุ่มแพ็คเกจจิ้ง สินค้ายังต้องการกล่อง คู่มือ ในกลุ่มอาหารและการท่องเที่ยว เรายังต้องการสติ๊กเกอร์หรือฉลากติดบนกล่องอาหารหรือซองบรรจุอาหาร ในกลุ่มหนังสือเรียน นักเรียนยังต้องใช้ตำรา หนังสือพ็อกเก็ตบุ๊คเราก็มีคนอ่านเพิ่มขึ้น รายชื่อหนังสือในทำเนียบของร้านขายหนังสือก็เพิ่มขึ้น มีนักอ่านเพิ่มขึ้น มีนักเขียนเพิ่มขึ้น สินค้าราคาสูงทั้งหลายต่างก็ต้องการใบปลิวหรือแค็ตตาล๊อค เพราะคนที่จะซื้อของราคาสูงเหล่านั้นย่อมเป็นคนที่ถือโบรชัวร์อยู่ในมือ เพราะคงไม่มีใครซื้อรถยนต์โดยไม่หยิบเอกสารแค็ตตาล๊อคมาอ่าน หรือ คงไม่มีใครซื้อรถด้วยการกดสั่งผ่านระบบมาเก็ตเพลสในเว็บช็อปปิ้งต่างๆ สิ่งพิมพ์ยังคงมีบทบาทและหน้าที่ โรงพิมพ์ก็ต้องปรับตัวทำงานในรูปแบบที่ตลาดต้องการ