โลกเรามีระบบ AI หรือ Artificial Inteligent มานานหลายสิบปีแล้ว แต่ในช่วงสองปีนี้มีการพัฒนา AI ให้ใช้งานกันได้ง่ายดายบนอินเทอเน็ต การมาถึงของเทคโนโลยี AI เข้ามาสู่คนเราในหลายทิศทาง หลายการใช้งาน มีตั้งแต่การคุยผ่านการพิมพ์ข้อความ Chat สามารถสั่งให้ AI สร้างภาพจากข้อความได้ แค่เพียงพิมพ์บอกว่าเราอยากได้อะไร มีลักษณะอย่างไรก็ได้ภาพมาใช้งานโดยไม่ต้องไปถ่ายภาพเองหรือไปแต่งภาพเอง จนมาถึงสั่งการแก้ไข ปรับแต่ง ภาพ ตัดต่อคลิปวิดีโอ ทุกสิ่งที่อย่างที่คนเราเคยทำในคอมพิวเตอร์สามารถใช้ระบบ AI ช่วยทำได้เกือบทั้งหมดแล้ว
ผมมีภาพเก่าอยู่ชุดหนึ่งที่เคยถ่ายไว้ด้วยฟิล์มขาวดำ งานขาวดำก็ต้องถ่ายเอง ล้างฟิล์มเองทุกขั้นตอน เมื่อต้องการดูภาพจากฟิล์มขาวดำก็ต้องอัดลงกระดาษ หรือไม่ก็สแกนภาพให้เป็นไฟล์ดิจิทัล สแกนแล้วก็เก็บไว้ในคอมพิวเตอร์ แบ็คอัพไว้ใน cloud อยากดูภาพก็ดูผ่านโทรศัพท์มือถือ และภาพนี้ถ่ายประมาณปี คศ 2004 กล้อง FM2N เลนส์ Nikon 135f2.8. ฟิล์ม Kodak Tmax100
พอรู้ว่าระบบ AI พัฒนาไปไกลมากแล้ว มีความสามารถในการแต่งภาพ สามารถใส่สีให้ภาพได้ ก็เลยทดลองดู เป็นระบบ AI ที่ใช้งานผ่านเว็บไซต์ บนเว็บของ Capcut ซึ่งเป็นผู้ผลิตซอร์ฟแวร์ตัดต่อวิดีโอที่ได้รับความนิยมมาก และบริการแต่งภาพก็เป็นลูกเล่นเล็กๆในระบบซอร์ฟแวร์ทั้งหมดของบริษัท เลยทดลองให้ AI ใส่สีให้ ก็ได้ภาพด้านล่างนี้
ผมคิดว่า AI ทำงานได้ดีมาก ใส่สีของวัตถุธรรมชาติอย่างต้นไม้ใบหญ้าและก้อนหินได้สมจริง ลักษณะแสง สีเข้มอ่อนดูเหมาะสมกับบรรยากาศในภาพอย่างมาก ผมจำไม่ได้แล้วว่าในวันนั้นเพื่อนแต่ละคนใส่เสื้อสีอะไรกันบ้างเพราะมันนานนับยี่สิบปี แต่ดูจากภาพสีที่ปรับแต่งแล้วก็ดูดีและน่าเชื่อถือพอใช้ได้เลย สีหน้า สีเสื้อผ้าดูกลมกลืนกับบรรยากาศของสถานที่ ผมคิดว่าประสบการณ์ของ AI จะเก่ง ถูกต้อง แม่นยำขึ้นเรื่อยๆ เพราะดูเหมือน AI จะรู้จักก้อนหิน มนุษย์ สีผิว ต้นไม้ ต้นหญ้า ดีมากถึงทำสีออกมาได้สมเหตุสมผลและสวยงามน่ามอง
ทดลองกับภาพเก่าอีกภาพหนึ่ง เป็นภาพแม่ลูกที่ผมชอบที่สุดภาพหนึ่งในชีวิตของผมเลย เป็นช่วงเวลาที่ลูกอายุไม่กี่เดือนและแม่ต้องดูแลอาบน้ำปะแป้งแต่งตัวให้เด็กน้อย
สั่งให้ AI ใส่สีให้ ก็ได้โทนภาพออกมาดูสวยงาม มีบรรยากาศแห่งความอบอุ่น ภาพสีน่าจะเหมาะกับภาพที่ต้องการสื่อถึงความรู้สึกที่ละมุนละมัย
แม้หลายคนจะมีความกังวลว่า AI จะเข้ามาแย่งงานจากมนุษย์ แต่ผมไม่คิดอย่างนั้น ผมรู้สึกว่า AI เหมือนเป็น supertool หรือเป็นเครื่องมือวิเศษที่ช่วยให้คนทำงานได้เร็วขึ้น มีคุณภาพการทำงานที่ดีขึ้น ผิดพลาดน้อยลง ความสามารถของ AI จะทำให้มนุษย์เก่งขึ้นโดยเฉพาะคนที่เรียนรู้การใช้งาน AI แน่นอนว่าอาจมีบางคนที่ได้รับผลกระทบจากการเลิกจ้างงานบ้าง เพราะงานซ้ำซากไม่มีมูลค่าเพิ่มนั้นจะถูกโยกไปให้ AI หรือ ระบบอัตโนมัติช่วยทำแทน ซึ่งก่อนจะมี AI ที่แพร่หลายแรงงานคนก็ถูกท้าทายด้วยหุ่นยนต์มาก่อนแล้ว แต่ถ้าคิดให้ดี งานที่หุ่นยนต์ทำมันไม่เคยเป็นของคนมาก่อนเลย เช่น การผลิตรถยนต์ล้านคัน งานนี้ไม่ใช่งานของคนตั้งแต่ต้น งานผลิตรถเดือนละ 5 คัน หรือ 10 คัน นั่นคืองานคน แต่เดือนละแสนคัน ปีละล้านกว่าคัน มันเป็นงานหุ่นยนต์มาตั้งแต่การตัดสินใจทำระดับล้านคันแล้ว เมื่อ AI พัฒนาจนใช้งานง่าย คนเราก็จะมีโอกาสทำงานใหม่ๆที่ท้าทายมากขึ้น จากที่เคยทำไม่ได้ก็กลายเป็นทำได้เพราะมี AI มาช่วย คนจะเป็นผู้ใช้ AI เสมอ เราสร้างงานที่น่าทึ่งได้เพราะเรามี AI เป็นเครื่องมือ และในที่สุด AI ก็จะเป็นแค่เครื่องมือเท่านั้น สมองและจินตนาการของมนุษย์ต่างหากที่จะเป็นสารตั้งต้นของทุกสิ่งหลังจากนี้