ในงานพิมพ์ตัวหนึ่งที่ลูกค้าได้พูดคุยกับดีไซร์เนอร์ และดีไซร์เนอร์ก็ได้ถ่ายภาพสมุดสีแพนโทนให้ลูกค้าดูสี แล้วทำการเลือกค่าสีที่ถูกใจ เมื่อเลือกได้แล้ว ดีไซร์เนอร์ก็ส่งภาพถ่ายมาให้โรงพิมพ์ พร้อมทั้งแจ้งว่าลูกค้าเลือกสีเบอร์ใด ซึ่งสรุปกันว่าเลือกสี 435U ด้วยเหตุผลว่าเป็นค่าสีเทาที่ไม่ค่อยอมเหลืองมากนัก
ดูจากภาพที่ดีไซร์เนอร์ส่งมา โรงพิมพ์ก็จัดการเตรียมพิมพ์งาน แล้วในขั้นตอนการเลือกค่าสีไปบอกช่างให้ผสมสีตามตัวอย่าง ก็เห็นว่า สีที่ลูกค้าเลือกยังคงอมเหลืองอยู่ เพราะโรงพิมพ์ตรวจค่าสีจากสมุดแพนโทน ซึ่งลูกค้าปลายทางไม่ได้เห็นสมุดสีตัวจริง แต่เห็นจากภาพถ่ายที่ดีไซร์เนอร์ถ่ายด้วยโทรศัพท์มือถือให้ ก็เลยเริ่มรู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติแน่นอน
หลังจากโทรคุยกับดีไซร์เนอร์เรียบร้อยแล้วว่าสีที่ลูกค้าเลือกนั้นยังคงเป็นสีที่ผิด เพราะมันอมสีเหลืองชัดเจนมาก ทางดีไซร์เนอร์ก็ยืนยันว่าเลือกมาอย่างดีแล้ว ทำให้ฉุกคิดไปว่า มือถือถ่ายภาพแล้วให้สีเทาไม่ตรงกับความเป็นจริง ก็เลยสั่งหยุดทุกอย่างเสียก่อนเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายแล้วเริ่มหาเหตุผลที่สีไม่ตรงกับที่ต้องการ
สิ่งน่าสงสัยก็คือ โทรศัพท์ถ่ายภาพแล้วสีเพี้ยน ทำให้ทุกอย่างผิดพลาด ลูกค้าเห็นสีที่เพี้ยน แล้วเข้าใจว่าสีถูกต้อง แบบนี้ทำให้งานไม่จบแน่นอน เพราะงานพิมพ์จริงจะสีไม่เหมือนหน้าจอแน่นอน เลยตัดสินใจถ่ายภาพสมุดสีให้ดีไซร์เนอร์ดูอีกครั้ง พอลองถ่ายเองด้วยแท็ปเบล็ตก็ปรากฏว่า สีของตัวอย่างออกมาเหมือนของดีไซร์เนอร์เลย เลยทำให้เข้าใจได้ว่า มือถือและแท็ปเบล็ตต่างก็ถ่ายแล้วสีเพี้ยนทั้งคู๋ เลยเปลี่ยนไปใช้กล้องตัวใหญ่ cano eos m พร้อมเลนส์ 22f2 ที่เป็นกล้องคุณภาพระดับ DSLR ซึ่งน่าจะเก็บรายละเอียดสีต่างๆได้ดีโดยความเพี้ยนต่ำกว่ามือถือ
และมันก็เป็นจริง ภาพจากกล้อง eos m สามารถถ่ายทอดความแตกต่างของสีได้ ระหว่างสีที่ผิดกับสีที่ควรจะเป็นถูกถ่ายออกมาแล้วได้คนละสี สามารถแยกแยะได้เป็นอย่างดี ค่าสีที่เลือกครั้งแรกกลายเป็นสีอมม่วง อมเหลืองมากกว่าปกติ แต่สีที่ลูกค้าอยากได้คือสีเทา งานนี้ทำให้เราค้นพบว่า กล้องมือถือเชื่อไม่ได้ ส่งภาพที่สีต่างกันให้ดีไซร์เนอร์ดู สักพักดีไซร์เนอร์ก็คอนเฟิร์มตามสีที่โรงพิมพ์เลือกให้
Discover more from Pockethifi's Blog
Subscribe to get the latest posts sent to your email.

