การเปลี่ยนแปลงทุกครั้งต้องใช้ความรู้


ในชีวิตการทำงาน  เจมส์จะทำงานในบริษัทหลายแห่ง ทั้งแบบที่เป็นลูกน้อง และแบบที่เป็นเจ้าของ  แต่ละครั้งก็จะมีความคาดหวังในตอนต้น  และเมื่อดำเนินกิจการไปเรื่อยๆ  ก็จะเริ่มพบกับปัญหาที่ค่อยๆก่อตัวขึ้น  อย่างเช่นการทำอีเว้น  ก็มีช่วงเวลาที่คึกคัก  และ ช่วงเวลาที่งานน้อยซึ่งมีหลายสาเหตุ  และทุกสาเหตุมันก็คือปัญหาที่ทำให้บริษัทเกิดผลกระทบ  และนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง  

ช่วงการทำอีเว้นมีการพบปะผู้คนจำนวนมาก  และโชคดีที่เจมส์เป็นคนเรียนรู้เร็ว  ระหว่างที่อยู่กับออแกไนเซอร์ก็ได้เรียนรู้การทำธุรกิจทีวีไปด้วย  จนในที่สุดบริษัทก็ตัดสินใจรับงานผลิตรายการทีวี  โดยอาศัยคอนเน็คชั่นที่ผู้บริหารรู้จักกับบริษัทใหญ่ที่ซื้อเวลาในสถานีโทรทัศน์ไว้แล้ว  การผลิตรายการใหม่โดยบริษัทยักษ์ใหญ่เป็นเรื่องที่เจ้าใหญ่จะต้องทำเป็นประจำ และบริษัทเล็กๆของเจมส์ก็นำเสนอโปรเจ๊คเพื่อขอทำรายการใหม่  และในที่สุดก็ได้รับโอกาส

Actor in front on the camera in an audition

รายการทอล์คโชว์รายการใหม่จึงได้เกิดขึ้นในการดูแลของทีมงานเจมส์  การเข้าสู่งานสาขาใหม่ทำให้เกิดการเรียนรู้ใหม่อีกหลายอย่าง  การเป็นครีเอทีฟที่ระดมความคิดสร้างสรรค์ทำตัวอย่างสตอรี่บอร์ดไปของานนั้นเป็นสิ่งที่ทำผ่านแล้ว  การได้งานมาทำมันแปลว่าได้รับการยอมรับ  ได้รับความไว้วางใจ  เนื้อหาที่คิดเพื่อนำเสนอผ่านการคัดกรอง ปรับแต่งและออกแบบอย่างดีที่สุด  พอมาถึงโปรดักชั่นหรือการผลิต  มือใหม่อย่างเจมส์ก็จ้างทีมโปรดักชั่นเฮ้าส์มาช่วยกันทำ  มันคือการเรียนรู้อย่างไม่รู้ตัวเกี่ยวกับทีมงานโปรดักชั่น  ซึ่งในภายหลังเจมส์ก็หลงใหลการทำโปรดักชั่นมากขึ้นจนนำไปสู่การออกมาเปิดบริษัทเอง

รายการที่ต้องออกฉายทางทีวีเป็นประจำนับว่าเป็นสิ่งที่ท้าท้ายมาก  การวางสคริปต์  การเช่าโรงถ่าย  การนัดหมายกับทีมแสง  ทีมเสียง การนัดหมายดาราแขกรับเชิญ การตัดต่อ   ทุกอย่างเป็นงานประจำสัปดาห์ที่หนักหนามากสำหรับคนประสบการณ์ระดับเริ่มต้น  การระดมคนดูเข้าโรงถ่ายเพื่อส่งเสียงเชียร์  การกำกับเสียงหัวเราะของคนดูก็เป็นเรื่องใหม่ที่เพิ่งเคยเห็น  แต่ก็ค่อยๆเรียนรู้ไปทีละนิด  จนทำรายการให้ออกมาเป็นประจำได้

พอทำได้พักใหญ่จนสามารถควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างในการผลิตรายการทีวีได้แล้วก็เริ่มนึกถึงรายการใหม่  มองหาเนื้อหาแนวอื่นที่น่าสนใจ  เพราะความอยากทำรายการที่เลือกเองเจมส์กับทีมงานบางส่วนจึงต้องออกมาเปิดบริษัทเอง  เป็นเจ้าของธุรกิจเอง  ลงทุนด้วยเงินตัวเอง  และผลิตงานที่คิดเอง  ย่างก้าวนี้สำคัญมาก ผลของการได้เรียนรู้เรื่องการผลิตรายการทีวีทำให้สร้างบริษัทของตัวเองได้  และโปรเจ๊คใหม่กับรายการตัวใหม่เจมส์เลือกทำแนวสารคดี  งานสารคดีทางดนตรีคือแพสชั่นที่ฝันอยากทำมาตั้งแต่เด็ก  เจมส์เป็นแฟนเพลงที่ซื้อเทปศิลปินที่ชอบ  ถ้ามีโอกาสก็จะต้องทำรายการเกี่ยวกับเพลงให้ได้   เจมส์บอกว่า อยากฝากรอยแผลไว้ในประวัติศาสตร์วงการเพลงไทยว่าเจมส์เคยทำสารคดีทางดนตรีออกทีวี

Cinematography Elements Template

บริษัทผลิตรายการทางดนตรีดำเนินไปอย่างดี  เจมส์ได้ทำรายการที่คิดเอง  ประสบการณ์การทำงานโปรดักชั่นก็เก่งกล้ามากขึ้นเรื่อยๆ ขณะเดียวกันการลงทุนในเครื่องมือก็มากขึ้นเช่นกัน  พอทำอะไรได้ ก็ซื้ออุปกรณ์ไว้ทำเอง  อุปกรณ์กล้อง ไมโครโฟน เครื่องตัดต่อ คอมพิวเตอร์ตัวแรงๆ  ทุกอย่างที่รายการทีวีต้องใช้เจมส์ซื้อหมดเลย   รายการเดิมกำลังผลิตและฉาย รายการใหม่ก็ต้องคิดไปนำเสนอช่อง  พอผ่านไปเรื่อยๆทุกสิ่งเริ่มไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้

รายได้จากการทำรายการลดลง  เพราะสถานีที่เป็นผู้ว่าจ้างให้งบน้อยลง  แต่ค่าตัวทีมงานและเงินเดือนลูกน้องสูงขึ้น  อุปกรณ์ก็ต้องอัพเกรดลงทุนเพิ่มตลอดเวลา  รายได้ที่ลดลงสวนทางกับรายจ่ายที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับการทำสารคดีทางดนตรีที่เจมส์อยากทำงานในระดับมาสเตอร์พีช คือใส่ให้สุดทุกอย่าง  อย่างเช่น การได้สัมภาษณ์บุคคลสำคัญในวงการเพลง  แต่คิวนัดหมายไม่ลงตัว  แขกรับเชิญอยู่ต่างประเทศจะกลับเมืองไทยเดือนหน้า  กว่าจะรอนัด  ถ่ายทำ ตัดต่อ แล้วส่งออกฉายต้องใช้เวลารวมกันสามเดือน   ผลคือรายได้เข้าช้าไปหลายเดือน  แต่เงินเดือนลูกน้องจ่ายทุกเดือน  จึงเป็นเหตุผลที่ต้องรับงานเล็กๆ  งานโฆษณา  งานวิดีโอโพรไฟล์ของบริษัทต่างๆมาช่วยแบ่งเบาค่าใช้จ่ายในบริษัท

ตอนนี้เจมส์เริ่มรู้แล้วว่าทำรายการทีวีอย่างเดียวไม่พอ  เพราะรายการทีวีเคยเป็นลูกค้าทีละ 12 ตอน  เหมือนมีลูกค้าประจำที่ซื้อ 12 ครั้ง  ต้องเปลี่ยนมารับงานบริษัทเล็กๆรับเงินทีละโปรเจ๊คทีละครั้ง  ปัญหานี้ค่อยๆเกิดขึ้น  นานวันเข้าก็ค่าใช้จ่ายสูงกว่ารายรับ  ในที่สุดมันกลายเป็นปัญหาที่ใหญ่โตจนทำให้บริษัทต้องปิดตัวลง  ปิดตัวแบบเป็นหนี้ด้วย

ในแง่ของบริษัทแม้จะเป็นหนี้  แต่ในแง่ผลงานนั่นเป็นเลิศ  เพราะเจมส์ทำงานแบบลงเต็มที่ ใส่สมองกับทุกรายละเอียด   การทำงานที่ปราณีตทำให้มีลูกค้าหลายรายเห็นความสามารถ  และก็มีโอกาสใหม่ๆเกิดขึ้น  หนึ่งในโอกาสที่ดีที่สุดคือการได้ทำมาเก็ตติ้งให้กับคอนเสิร์ต  ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ได้เรียนรู้เรื่องใหม่  คำว่ายิงโฆษณา  คำว่า ดิจิทัลมาเก็ตติ้ง  คำว่าเข้าถึงผู้คน  หลายคำเหล่านี้คือเรื่องราวใหม่ๆ

Beautiful shot of a live concert performance with a yellow light show and a big crowd cheering

เจมส์ลงทุนบินไปดูคอนเสิร์ตที่จัดเต็มรูปแบบที่ประเทศอังกฤษ  และผู้จัดงานในไทยก็ตั้งใจจะนำเข้าคอนเสิร์ตนี้มาจัดให้คนไทยได้ดู  คนที่ชอบวงการเพลงอย่างเจมส์ย่อมไม่พลาดที่จะเก็บประสบการณ์ครั้งนี้  นี่เป็นเหตุการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิตที่ความชอบนำไปสู่ธุรกิจ  การลงมือบริหารจัดการทีมงานเพื่อขายตั๋วให้ได้ตามเป้าเป็นสิ่งที่ได้เรียนรู้  เทคโนโลยีในมือมีอะไรบ้าง เราจะเข้าถึงคนฟังเพลง จะเข้าถึงคนชอบคอนเสิร์ตด้วยวิธีการไหน ช่องทางไหน  ทุกโจทย์คือเรื่องใหม่ของคนทำโปรดักชั่น  เจมส์เริ่มเรียนรู้เกี่ยวกับการยิงโฆษณา การสร้างแบรนด์  การทำดิจิทัลมาเก็ตติ้ง    ขณะเดียวกันในด้านคอนเท้นท์เจมส์มีทุนสำรองในสมองอยู่แล้วว่าวงการเพลงและสื่อชอบคอนเท้นท์แบบไหน  การยิงโฆษณาที่ตรงจุดคือสิ่งที่กำหนดรายได้ในโจทย์นี้ 

หลังจบงานคอนเสิร์ต  เจมส์เริ่มเรียนรู้เกี่ยวกับการโฆษณาในเฟสบุ๊คอย่างจริงจัง  ในวงการเฟสบุ๊คและดิจิทัลมาเก็ตติ้งมีคอร์สอะไรบ้างเจมส์หาที่เรียนไปหลายแห่ง  จนไปเจอกับครูคนหนึ่งที่ตอบคำถามหลายอย่างได้ดีนั่นคือครูมิ้น  เมื่อได้เรียนร่วมกับครูมิ้นแล้ว เจมส์ถามครูมิ้นตรงๆว่าอยากเก่งแบบครูต้องทำอย่างไรบ้าง  ครูตอบว่า ไปสอบเอาใบ cerificate ของเฟสบุ๊คที่ชื่อว่า เฟสบุ๊คบลูปริ๊นท์ให้ได้  แล้วเดี๋ยวจะเก่งขึ้น

ตอนนี้ก็งงแล้ว เฟสบุ๊คบลูปริ๊นท์คืออะไร  พอหาข้อมูลประกอบก็พอเข้าใจ  แล้วก็ลงทะเบียนสอบเลย  ผลคือ ไม่ผ่าน  พอสอบไม่ได้ก็มาสะสมความรู้ใหม่  อ่านหนังสือใหม่ ดูวิดีโอคอนเท้นท์ที่สอนเกี่ยวกับการทำโฆษณาในเฟสบุ๊ค ลงเรียนคอร์สอีกหลายอย่าง คอร์สไทยก็เรียน คอร์สต่างประเทศเรียนทางออนไลน์ก็เรียน สะสมความรู้ไปอีก 1ปี และระหว่างนี้บริษัทโปรดักชั่นที่เคยเปิดไว้ก็ตัดสินใจเลิกทำ เปลี่ยนธุรกิจมาเป็นการรับจ้างทำดิจิทัลมาเก็ตติ้ง หนี้สินที่มีอยู่ก็เจรจา ประนอมหนี้ ค่อยๆจ่าย  

เจมส์มีคติชีวิตอยู่อย่างหนึ่งที่เคร่งครัดคือ ต้องใช้ชีวิตให้ถูกต้อง  ซื่อสัตย์กับผู้คนและลูกค้า มีหนี้ก็ต้องใช้  แต่ดีเลย์ได้  แม้ชีวิตจะมีปัญหาแต่เราก็เลือกอยู่ในเส้นทางที่แก้ปัญหาได้  เจมส์วางแผนไว้ว่าจะต้องพัฒนาตัวเองขึ้นมาเป็นดิจิทัลเอเจนซี่  แล้วรับจ้างยิงโฆษณาให้ลูกค้า  แล้วเมื่อมีรายได้เพิ่มขึ้นก็ค่อยทะยอยใช้หนี้   ตอนรับจ้างยิงโฆษณาในเฟสบุ๊คก็พบกับโอกาสใหม่อีกเรื่องหนึ่งที่ต่อเนื่องกันคือ ลูกค้าไม่เข้าใจการโฆษณาในเฟสบุ๊คและการทำธุรกิจออนไลน์  นั่นจึงเป็นที่มาว่า เจมส์ต้องสอนยิงโฆษณาเฟสบุ๊คด้วยเพื่อให้ลูกค้ารู้ว่าการคิดและการวางแผนโฆษณาในเฟสบุ๊คต้องคิดอย่างไร ทำอย่างไร เจ้าของธุรกิจควรเข้าใจคำศัพท์ทุกคำที่เกี่ยวข้องกับการยิงโฆษณาออนไลน์  ตอนนี้ลูกค้าจ้างยิงโฆษณา กับลูกศิษย์เรียนยิงโฆษณาช่วยทำให้รายได้ของบริษัทดีขึ้น  และในที่สุดก็ครบปี เวลาสำคัญก็มาถึง  เจมส์สอบผ่านเฟสบุ๊คบลูปริ๊นท์ได้ในที่สุด

ข้อมูลโดย
James 062 394 9265

https://www.facebook.com/GoldfingerDigital


Discover more from Pockethifi's Blog

Subscribe to get the latest posts sent to your email.

Leave a comment