เช้าวันที่ 4 ที่โรงแรม Pullman วันนี้ตื่นแบบไม่ต้องรีบ เราค่อยๆกินข้าว แล้วมาเดินเล่นแถวๆหาดทราย และมาหยุดเล่นหมากรุกยักษ์ที่ข้างสระน้ำ หมากรุกสากลมีรูปแบบการเดินคล้ายๆหมากรุกไทย ผมก็ไม่ค่อยแม่นในกฏกติกา เล่นหมากรุกไทยได้ ก็เลยเล่นหมากรุกฝรั่งแบบปนมั่วในบางตัว
เล่นจบแบบมึนงง กลับจากทริปนี้ขอบฟ้าก็ขอให้แม่ซื้อกระดานหมากรุกสากลให้ แล้วก็หัดเล่นกันอย่างจริงจัง ระหว่างที่เล่นก็ได้พบนักท่องเที่ยวชาวอินเดียที่เดินผ่านมาดูพวกเราเล่น แล้วเขาก็ช่วยเล่นนิดหน่อย พูดคุยกันพอรู้ว่า บ้านเขา อุณหภูมิ 50 องศา เขามาเที่ยวเมืองไทยสบายกว่าอยู่บ้านเขา
สายๆวันนี้เราเดินทางไปเที่ยวอควอเรี่ยม หรือ ศูนย์แสดงพันธุ์สัตว์น้ำที่อยู่ท้ายถนน สุดถนนที่ใต้สุดของเกาะภูเก็ตเป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ มีปลาหลายชนิด แม่กับขอบฟ้าไปเดินดูว่าตอนดำน้ำเจอปลาตัวไหนบ้าง ค่าบัตรเข้าชมสำหรับคนไทย 50 เด็ก 20 บาท ถูกมาก
เราอยู่ในพิพิธภัณฑ์ที่แอร์เย็นสบาย หลบแดดข้างนอกที่อุณหภูมิสัก 40 องศา อยู่ถึงกลางวันก็เลือกไปกินอาหารที่ในเมืองภูเก็ต เราขับรถเข้าถนนรัษดา ถนนดีบุก ถนนพังงา วนเวียนอยู่ย่านนี้สักพัก หาที่จอดรถยากมาก การเดินทางมาเที่ยวภูเก็ตแล้วจะขับรถมาแวะร้านที่อยากแวะในเมืองเป็นเรื่องที่ทำไม่ได้เลย เทียบแล้วเหมือนขับรถเข้าถนนเยาวราช คิดเหรอว่าจะได้จอดหน้าร้านอาหารสักร้าน ไม่มีทางเลย เราขับรถวนเวียนอยู่สักสองรอบก็โชคดีเจอรถที่กำลังเลี้ยวออก เลยได้ที่จอด ได้แวะกินเสียที เราเลือกที่จะกินร้านราดหน้าเจ้าดัง ร้านนี้ผมเคยมากินแล้วเมื่อหลายปีก่อน เป็นร้านที่ดังมานาน มาวันนี้ดังยิ่งกว่าเดิม มีลูกค้ารอคิวนานมาก ร้านเต็มแทบตลอดเวลา ผมกับลูกต้องยืนรอสิบห้านาทีกว่าจะได้โต๊ะ
รสชาดอาหารอยู่ในเกณฑ์ที่ดี กินอร่อย แนะนำเพื่อนให้มากินได้ แต่ไม่ได้รสเด็ดระดับห้ามพลาด ผมแอบคิดไปว่าร้านนี้คนเยอะเพราะมีแอร์มากกว่า ร้านอื่นๆที่คนน้อยก็ไม่เปิดแอร์ บางร้านก็ไม่มีแอร์ อากาศร้อนสุดๆได้นั่งกินห้องแอร์ใครๆก็ชอบ ร้านราดหน้าร้านนี้ก็เลยแน่นตลอดเวลา
อิ่มแล้วก็เดินเล่นดูวิวเมืองเล็กน้อย สอดส่องแนวตึกแถว เดินอ้อมสี่แยกวนกลับมาที่รถ เราได้เห็นร้านอาหารอีกมากมาย แต่ดูไม่ค่อยมีคนแวะกิน ได้เห็นร้านกาแฟน่านั่งหลายแห่ง แต่เราไม่ใช่นักท่องเที่ยวที่เวลาเหลือเฟือ เราไม่อยากนั่งเสพกาแฟในร้านค้าที่ดูดาดดื่นเหล่านี้ แม้ว่าจะรู้สึกอยากแวะ แต่ลูกอาจไม่สนุก และเรามีโปรแกรมต้องไปแวะที่อื่นอีกหลายแห่ง
ที่ตึกแถวใกล้ๆร้านราดหน้ามีงานวาดภาพบนผนังให้ดูด้วย น่าสนใจสำหรับการพัฒนาให้เป็นจุดแวะถ่ายรูป ถ้าทำให้ถึงมากกว่านี้จะเป็นแม่เหล็กดูดคนได้อีกจุดหนึ่ง แต่ว่าต้องแก้ปัญหาจุดจอดรถให้ได้ด้วย
ร้านกาแฟจำนวนมากที่เราขับรถผ่านดูแล้วก็คล้ายๆกัน คือเป็นร้านที่เปิดขึ้นมาเพื่อรับนักท่องเที่ยว แต่ผมก็ไม่เห็นว่านักท่องเที่ยวจะสามารถแวะร้านเหล่านี้ได้เลย เพราะจอดรถยากมาก เราขับรถออกจากย่านเมืองภูเก็ต ภรรยาอยากให้แวะซื้อกาแฟสักแก้วก่อนจะไปแหลมพรหมเทพ ก็เลยลองเลือกร้านกาแฟที่มีคนรีวิวว่ากาแฟเจ๋งมากๆร้านหนึ่ง เป็นร้านที่อยู่ในซอกหลีบ กาแฟคร้าฟของที่นี่เป็นสิ่งที่ต้องลอง รีวิวบอกเราอย่างนี้ เราเปิดหาเส้นทางจาก googlemap แล้วลองไปดู กะว่ากาแฟเจ๋งๆจะตกถึงท้องบ้าง แล้วเราก็พบว่าร้านหน้าตาเป็นแบบนี้
ลักษณะเหมือนบ้านพักคนงานก่อสร้าง ผมค้นพบครั้งที่สองในทริปนี้ว่า คนที่เคยรีวิวร้านอาหารและกาแฟ เขาไม่ได้มีรสนิยมเดียวกับเรา บางครั้งเราก็เสียความรู้สึกกับข้อมูลที่เกินจริง โชคดีที่ร้านนี้ปิด เราเลยได้ไปแหลมพรหมเทพเร็วกว่าเดิม แต่กว่าจะถึงเราก็เดินทางค่อนข้างนาน ระยะทางไม่ไกล แต่ภูเก็ตรถติด ติดจนขอบฟ้าหลับไปเลย ลูกหลับในรถเราตัดสินใจไม่ปลุก ขอบฟ้าเลยไม่ได้เห็นแหลมพรหมเทพ
หลังจากแวะถ่ายรูปที่แหลมพรหมเทพแล้วเราก็ขับเลยไปอีกประมาณ 5 นาที เป็นสถานีติดตั้งกังหันลม ที่มีนักเล่น paragliding กำลังเล่นสนุก เราไปจอดรถบนสถานีไฟฟ้าใต้กังหันลมแล้วมานั่งดูฝรั่งเล่นเครื่องเล่นน่าสนุก
แรงลมที่ประทะกับภูเขาแห่งนี้ช่วยหมุนกังหัน และช่วยให้เล่นร่มได้ นักเล่นบังคับให้ร่มลอยไปลอยมา บินขึ้นลงและย้ายไปมาได้เหมือนมีพลังวิเศษ บางครั้งก็ลอยอยู่นิ่งๆได้ด้วย ดูแล้วน่าสนุกมาก
แค่เพียงการต้านลมก็บังคับร่มให้ลอยไปลอยมาได้ดังใจ ผมเริ่มเข้าใจแล้วว่า นกบินอพยพจากขั้วโลกเหนือไปขั้วโลกใต้ หรือ พวกที่อพยพข้ามทวีปนั้น ไปด้วยแรงลมเท่านั้น ไม่ได้บินไปด้วยการกระพือปีกแบบที่ผมเข้าใจมาตลอด และมันก็คงมีลมแรงระดับที่พาข้ามทวีปได้แค่ปีละไม่กี่ครั้ง มันถึงมีฤดูอพยพที่แน่นอน ไม่ใช่อพยพได้ตามอำเภอใจ
เราเลยขอถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึกสักหน่อย ฝรั่งนักเล่นก็บังคับร่มให้ลอยมาเข้าเฟรมเพื่อให้ได้ภาพที่สมบูรณ์ แล้วก็เป็นภาพที่เห็น มุมนี้เมื่อสัก 10 ปีก่อนผมกับภรรยาเคยมาถ่ายรูปร่วมกันแล้ว เป็นภาพตอนยังไม่แต่งงาน
ภาพด้านบนนี้เป็นภาพที่ถ่ายเมื่อปี 2009
แล้วเราก็กลับมาห้องพักที่โรงแรม แต่เราแวะกินขนมเค้กที่ถนนท้ายเกาะเสียก่อน เป็นร้านเค้ก kantary ที่มีชื่อเสียงอยู่เหมือนกัน รีวิวบอกว่าร้านนี้ขนมอร่อย เราเลยลองแวะดูหน่อย ประเมินด้วยสายตาแล้วน่าจะอร่อยจริง และร้านก็ตกแต่งได้สวยมาก
เราซื้อเค้ก ไอติม กาแฟ แล้วก็นั่งกินเย็นๆในร้าน หามุมถ่ายรูปไปเรื่อย ร้านแต่งโทนสีขาว มีแอร์เย็นๆน่านั่ง เรานั่งแล้วไม่อยากลุกเลย เพราะอากาศข้างนอก 40 องศา
กินอิ่ม เย็น อารมณ์ดี กลับโรงแรมเล่นน้ำ เดินชายหาด ดูปูเดินไปเดินมา จับเล่นยังได้เลย และวันนี้ได้ดูพระจันทร์เต็มดวงที่โรงแรมด้วย พระจันทร์ดูใหญ่และชัดเจน ตอนขึ้นใหม่ๆที่ขอบฟ้าจะมีสีแดงมาก แล้วค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีส้ม และสีเหลืองตอนที่ลอยสูงขึ้นพ้นแนวภูเขาและตึก
เราจบวันนี้เร็วกว่าปกติ เลือกที่จะกินมื้อเย็นเป็นข้าวกล่องที่ซื้อจากร้านตรงข้ามโรงแรม ข้าวกล่องที่นี่ขนาดใหญ่มาก ราคาก็ไม่แพงเลย คิดว่าฝรั่งแถวนี้คงเป็นลูกค้าประจำของร้านค้าย่านนี้
กลางคืนเข้านอนเร็ว และอัพโหลดรูปเข้าเว็บได้เรียบร้อย ผลจากการอัพเกรด os ในโน้ตบุ๊ค เน็ตที่นี่แรงและเสถียรดีมาก ที่สำคัญ ไม่เรื่องมาก การเชื่อมต่อไม่มีอะไรซับซ้อนให้รำคาญใจ อยากรู้จริงๆว่าใครวางระบบเน็ตเวิร์คให้โรงแรมแห่งนี้
Discover more from Pockethifi's Blog
Subscribe to get the latest posts sent to your email.

























