ผมมีลูกค้างานพิมพ์ท่านหนึ่งเป็นอดีตนักการทูตติดต่อเข้ามาเพื่อทำการ์ดเชิญ ระหว่างช่วงเวลาที่ติดต่อ ตรวจข้อมูล และพิมพ์งาน นอกจากเรื่องงานแล้ว ก็ได้มีโอกาสพูดคุยเรื่องอื่นด้วย และได้ค้นพบว่า ลูกค้าท่านนี้มีบุคคลแวดล้อมที่เป็นนักเขียนและช่างภาพฝีมือดีหลายคน หนึ่งในคนที่ท่านเอ่ยชื่อ ธีรภาพ โลหิตกุล และเมื่อผมได้ยิน ภาพนี้ก็ลอยมาในหัว
ผมอ่านหนังสือของนักเขียนท่านนี้มาตั้งแต่สมัยทำงานใหม่ๆ ในช่วงอายุยี่สิบต้นผมหัดถ่ายภาพ เรียนรู้จากหนังสือ หนังสือถ่ายภาพมีกี่เล่มกี่ยี่ห้อผมซื้ออ่านทั้งหมด หัดถ่ายภาพไปตามบทความที่หนังสือแนะนำไว้ เมื่ออ่านหนังสือทุกเล่มจนหมด ลองทุกเทคนิคที่หนังสือเล่า ผมทำได้ทั้งหมด แต่ภาพก็ยังไม่สวยงาม ด้วยความเบื่อหน่ายกับผลงานตัวเอง รู้สึกว่าต้องหาอย่างอื่นมาอ่าน เลยไปอ่านหนังสือแนวอื่นนอกจากหนังสือถ่ายภาพ
เมื่อสอดส่องแผงหนังสือ หนังสือที่ขึ้นกำแพงในร้านที่โชว์ว่าขายดีในเวลานั้น มีหนังสือเล่มหนึ่งภาพปกสวยมาก เป็นภาพหัวรถจักรสีดำ ผมเลยหยิบมาเปิดอ่านดูคร่าวๆ แล้วก็มึนงงไปกับภาพและตัวหนังสือ ผมได้ค้นพบว่า ลำพังเพียงภาพถ่ายยังไม่สมบูรณ์แบบที่สุดในการสื่อสาร บทความประกอบ เนื้อหาที่มุ่งเน้นในบางอย่างต่างหากที่เป็นพระเอก เป็นสิ่งที่เชื่อมโยงกับภาพ ใช้ภาพถ่ายอย่างถูกวัตถุประสงค์ ใช้ภาพถ่ายเป็นเครื่องมือประกอบเจตนา ทั้งในแง่ของสาระ และในแง่ของความเพลิดเพลิน ผมเร่ิมสนุกกับการอ่านหนังสือสารคดี และเริ่มอ่านนิตยสารและพ็อกเก็ตบุ๊คแนวนี้ และมันเป็นที่มาของการหัดถ่ายภาพเพื่อเล่าเรื่อง และหัดเขียน
ภาพถ่ายที่ดีต้องมีเรื่องราว บอกเล่าในบางสิ่งบางอย่าง ภาพขึ้นปกนิตยสารต่างๆมักมีสิ่งนี้เป็นองค์ประกอบหลัก ภาพหัดถ่ายของเด็กมือใหม่คนหนึ่งแม้ว่าจะถูกต้องตามหลักทฤษฎีถ่ายภาพ แต่ถ้าสอบตกในแง่ของความหมาย มันก็ไม่น่าสนใจ
ตัดกลับมาที่การสนทนากับลูกค้า ผมอยากจะหอบหนังสือไปฝากให้คุณธีรภาพเซ็นชื่ออย่างมาก แต่ก็เลือกปล่อยวางไว้ดีกว่า เพราะว่า ถ้าชะตาพาลูกค้ามาเจอผม พาผมมาคุยเรื่องถ่ายภาพที่เกี่ยวข้องกับนักขียนได้ วันข้างหน้า ผมเชื่อว่าวันหนึ่งข้างหน้าผมจะได้พบกับคุณธีรภาพด้วยตัวเอง สุดท้าย ผมฝากลูกค้าไปบอกว่า ผมติดตามอ่านหนังสือของคุณธีรภาพมาหลายเล่ม ขอบคุณที่เขียนงานคุณภาพออกมาให้อ่านครับ
Discover more from Pockethifi's Blog
Subscribe to get the latest posts sent to your email.

nice
LikeLike