การซื้อสินค้าหรือของขวัญให้ใครสักคนหนึ่ง เราก็สามารถไปเลือกหาได้จากในห้างทั่วไป ร้านค้าต่างๆ ยิ่งสินค้าที่เป็นแนวเครื่องเขียนยิ่งมีทางเลือกมหาศาล ทั้งในห้างใหญ่ ห้างเล็ก ในร้านบีทูเอส ร้านอ๊อฟฟิศเมท ร้าน loft ร้าน สมใจ ร้านค้าเหล่านี้มีเครื่องเขียนหลากหลายให้เราตื่นตาตื่นใจตลอดทั้งปี ทั้งแนวถูก แนวแพง แนวแปลก
แล้วทำไมเราถึงเข้าร้าน muji ซึ่งเป็นร้านชื่อญี่ปุ่น หน้าตาญี่ปุ่น สินค้าดูญี่ปุ๊นญี่ปุ่น และราคาแพงกว่าร้านในย่อหน้าแรกทุกร้าน แน่นอนว่าเราเข้าไปดู ไปเปิดหูเปิดตา ถ้าเรางก เราก็จะไปดูความสวยงามของสินค้า muji แล้วออกไปซื้อร้านอื่น ในหน้าตาอื่นๆ แต่ทำหน้าที่เดียวกัน ทำให้เราได้ใช้แต่สมุดโน้ตหน้าตางั้นๆมาตลอดชีวิต
แล้ววันหนึ่ง ก็ลองซื้อ muji ใช้ เมื่อเลือกสิ่งที่ต้องการแล้ว ก็ให้พนักงานห่อของขวัญไปให้ ระหว่างที่รอห่ออยู่นั้น สายตาก็สอดส่องไปเจอมุมประหลาดอยู่มุมหนึ่งที่ไม่ค่อยเข้าใจว่ามันคืออะไร ดูอยู่นานก็พอจะนึกออกว่ามันคือ ตรายางสารพัดแบบ มีตัวหนังสือภาษาอังกฤษครบทุกตัว มีสัญลักษณ์ที่ใช้บ่อยในการทำป้ายห่อของขวัญ และเมื่อถามพนักงานว่า เอาไว้ทำอะไร พนักงานขายก็อธิบายแบบที่เราเข้าใจ


เมื่อเราได้ห่อมาแล้ว เราก็เอามาพิมพ์ข้อความด้วยตรายางต่างๆด้วยตัวเอง มีสัญลักษณ์ได้นิดหน่อย เป็นการทำให้ห่อของขวัญของเราดูเฉพาะเจาะจงมากยิ่งขึ้น เป็นการสร้างความประทับใจให้กับผู้รับของอีกระดับหนึ่ง ซึ่งอะไรก็ตามที่มีชื่อคนอยู่ มักจะเป็นของที่ดูมีคุณค่า ผู้รับไม่อยากทิ้ง
แล้วสุดท้าย ผมก็เดินออกจากร้าน muji แบบที่ได้เลือกปั๊มตัวหนังสือตามใจเรียบร้อย การช็อปปิ้งครั้งนี้ให้ประสบการณ์และความรู้ใหม่หลายอย่าง อย่างแรก ผมเพิ่งรู้ว่า muji พยายามขนาดนี้ พยายามที่จะออกแบบทั้งสินค้าและวิธีขายที่สร้างความประทับใจได้ดีแบบนี้ ซึ่งผมยังไม่เคยพบกับสินค้ายี่ห้ออื่นๆ เวลาเราไปหาซื้อสินค้าในห้าง อย่างมากเราก็ขอให้ร้านห่อของขวัญให้ แล้วเราก็ไปเขียนการ์ดในกระดาษสักใบมาติด แค่นี้ก็ปลื้มมากแล้ว มาเจอห่อของขวัญมีพิมพ์ชื่อคน ยิ่งปลื้มเข้าไปใหญ่
อย่างที่สองคือ เครื่องเขียน กระดาษ ดินสอ ปากกา ของใช้ธรรมดาเหล่านี้ จะไม่ธรรมดาได้ด้วยวิธีการขายนั่นเอง การสร้างคุณค่า การเพิ่มมูลค่า คือความคิดสร้างสรรค์ที่จะทำให้ธุรกิจไม่ล่มสลายไปในยุคไทยแลนด์ 4.0 อันเป็นคำหวานจากภาครัฐฯ
4.0 ในความหมายของรัฐบาลคงหมายถึงการเพิ่มมูลค่าด้วยนวัตกรรม ส่วนในความหมายของมาเก็ตติ้งชีวิตดิ้นรนอย่างผม ขอเรียกว่า ยุค 4.0 คือ ยุคที่การขายของธรรมดาจะมีคู่แข่งทั่วประเทศตามพื้นที่ครอบคลุมของอินเทอเน็ตและระบบขนส่ง ถ้าอยากอยู่รอดต้องทำมากกว่าคนอื่นนิดนึง
Discover more from Pockethifi's Blog
Subscribe to get the latest posts sent to your email.