เมื่อวานซืนผมได้รับอีเมลจากเพื่อนกลุ่มช่างภาพที่เคยเรียนด้วยกัน ช่างภาพอาวุโสท่านหนึ่งซึ่งเป็นเพื่อนนักเรียนรุ่นเดียวกันได้เสียชีวิตลงด้วยอาการหัวใจวาย ซึ่งคงเป็นวิธีตายของคนมีบุญ เพราะคงไม่ได้เจ็บปวดอะไร น่าจะเหนื่อยแล้วหลับไปเอง พอผมได้ข่าวก็แวะไปร่วมงานศพเมื่อวานนี้ เป็นงานศพที่มีภาพผลงานของเขาวางโชว์อยู่ ขาตั้งแสดงภาพมีจำนวนพอๆกับขาตั้งพวงหรีด เป็นงานศพอีกรูปแบบหนึ่งที่ไม่ค่อยได้เห็น
ช่างภาพท่านนั้นชื่อ นายชาตรี อังอัจฉริยะ อายุ 63 ปี งานหลักเขาเป็นช่างซ่อมรองเท้า มีแผงประกอบการอยู่แถวถนนท่าดินแดง งานอดิเรกคือการถ่ายภาพ โดยเฉพาะภาพขาวดำ และมีกิจกรรมออกทริปเดินทางท่องเที่ยวถ่ายภาพอยู่บ่อยมาก ผมเรียกเขาว่า “ป๋า” เป็นเพราะป๋าอายุเยอะกว่าเพื่อนนักเรียนทุกคนอย่างมาก เรามีอาจารย์คนเดียวกัน และอาจารย์ก็เรียกเขาว่า”ป๋า”เหมือนผม ตอนนั้นป๋าหัดทำงานขาวดำ โดยมีอาจารย์เป็นคนให้คำแนะนำ งานขาวดำเป็นมากกว่าการหัดถ่ายรูป เพราะผมหัดถ่ายรูปจนผมมีภาพที่ดีที่ผมพอใจ แต่ผมอัดภาพขาวดำได้แย่กว่าป๋า เพราะผมไม่ได้หัดทำงานขาวดำอย่างจริงจัง ไม่ได้พยายามทำงานขาวดำเหมือนอย่างช่างภาพงานขาวดำจริงๆเขาทำกัน ผลงานขาวดำของป๋าเมื่อสิบปีที่แล้ว กับวันนี้ที่แสดงหน้าศพ เป็นผลงานที่แทบจะไม่ใช่คนเดียวกัน
การอัดภาพขาวดำเป็นงานศิลปะ ถ้าทำไปอย่างไม่ค่อยรู้เรื่อง ไม่พิถีพิถัน มันจะดูว่าเป็นงานธรรมดา ไม่มีแรงดึงดูดอะไรเลย ผมเห็นภาพที่โชว์ในงานนี้แล้วรู้สึกได้คิด การเรียนรู้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ตลอดชีวิต ผลของการเรียนรู้จะส่งผลในอีกหลายปีต่อมา
ภาพผลงานเหล่านี้เป็นงานขาวดำเกรดสูง เป็นงานชั้นดี เป็นงานที่ผมยังไม่สามารถทำได้เทียบเท่า ด้วยเป็นเพราะประสบการณ์และชั่วโมงบินต่ำกว่าเยอะ การเรียนรู้สะสมทีละเล็กละน้อยเป็นสิ่งจำเป็นของช่างภาพ และอาจจะเป็นสิ่งจำเป็นของงานศิลปะทุกแขนง ออกจากงานศพนี้แล้วมีเรื่องให้คิดเยอะเลย “การพอใจในผลงานของตนเองเท่ากับเป็นการเลือกที่จะอยู่อย่างคนโง่” ผมคิดแบบนี้
Discover more from Pockethifi's Blog
Subscribe to get the latest posts sent to your email.


