content commerce 2023

Slide2

ในอดีตที่ผ่านมาในยุคที่ยังไม่มีอินเทอเน็ต  สิ่งแรกที่คนทำธุรกิจต้องคิดก่อนจะเริ่มขายก็คือต้องหาที่ทางในการเปิดร้าน  จะขายอะไรสักอย่างหนึ่งเราก็ต้องหาทำเล  เราจะไปเปิดร้านที่ไหนที่ลูกค้าถึงจะคิดถึงและแวะไปหาเราได้  ถ้าเราจะขายต้นไม้  คนซื้อจะแวะไปดูที่ไหน  ก็คงเป็นสวนจตุจักร  ถ้าเราจะขายคอมพิวเตอร์  คนซื้อก็มักจะไปดูที่ห้างไอที  สมัยก่อนก็พันทิพย์  ฟอร์จูน    ถ้าลูกค้าอยากได้ของแห้งจากต่างประเทศเขาก็น่าจะแวะไปดูแถวเยาวราช เจริญกรุง  ถ้าจะซื้อเครื่องดนตรีก็แวะไปเวิ้งนครเกษม  ถ้าซื้ออุปกรณ์สังฆภัณฑ์ก็น่าจะไปย่านเสาชิงช้า  ลูกค้าจะถามจากคนเคยซื้อว่าต้องไปดูที่ไหน  คนทำธุรกิจก็ต้องตามไปเปิดร้านที่นั่น  โลกเราถึงมีคำว่าทำเลทอง 

ลูกค้าสนใจจะซื้อของก็จะเดินทางไปยังทำเลทองของสินค้าตัวนั้น  เมื่อไปถึง ลูกค้าจะเลือกสุ่มเดินเข้าไปสักร้าน  ร้านค้าในย่านทำเลทองก็จะมีสินค้าแนวเดียวกัน แวะร้านไหนก็ได้  ลูกค้าสุ่มเข้าสักร้าน แล้วก็คุยกับคนขาย  ถ้าถามตอบคุยกันไม่ถูกใจ ก็ออกมา แวะร้านต่อไป  ถ้าคุยกันดี ตอบคำถามดี ก็ค่อยตัดสินใจซื้อ

แนวทางการขายของก่อนจะมีอินเทอเน็ต  ลูกค้าจะพบกับคนขายก่อน แล้วก็เกิดการพูดคุย  การพูดคุยที่เกิดขึ้นมันก็คือ Content ข้อมูลสินค้า  ข้อดี ข้อเสีย  เรื่องเล่า รีวิวจากคนอื่นๆที่เล่าต่อๆกันมา  เจ้าของร้านยกตัวอย่างการใช้งานของลูกค้าคนอื่นให้ฟัง  นี่คือขั้นตอนที่เกิดการแสดง Content เจ้าของร้านกำลังแสดง Content และลูกค้ากำลังเสพ Content  ซึ่งๆหน้า  จนกระทั่งเกิดความพอใจ ได้รับข้อมูลที่ถูกใจจึงตัดสินใจซื้อ

ถ้ามีลูกค้าห้าคนเข้ามาที่ร้าน เจ้าของร้านก็แสดง Content 5 ครั้ง  ถ้ามา 20 คน ก็แสดง Content 20 ครั้ง  พอปิดร้านก็บ่นให้ลูกเมียคนในบ้านฟังว่า วันนี้ทำงานหนัก ลูกค้าเข้าไม่หยุดเลย 

พอเปลี่ยนมาเป็นยุคอินเทอเน็ตในแบบปัจจุบัน ทุกคนสามารถสั่งซื้อสินค้าได้จากโทรศัพท์มือถือ  ทุกคนซื้อของจากใครก็ได้  โอนเงินให้ใครก็ได้  วิธีการซื้อจะมีลักษณะขั้นตอนดังนี้ คือ  เมื่อเกิดความสนใจสินค้า  เกิดความรู้สึกว่าอยากได้  อยากมี  ก็จะค้นหาข้อมูลก่อน  หาจาก search engine  ว่าสินค้าที่เราอยากได้มีใครขาย  เราจะดูแลหรือใช้งานสินค้านี้ยังไง  มีข้อดี ข้อเสียอย่างไร  ถ้าเป็นสัตว์เลี้ยงต้องระวังเรื่องอะไร  มันกินอะไร  ห้ามกินอะไร คนอื่นที่เคยใช้เขาเคยชมว่าอย่างไร เคยบ่นว่าอย่างไร    ขั้นตอนที่ลูกค้ากำลังเสพข้อมูลเหล่านี้ก็คือการ เสพ Content 

เมื่อเสพ Content ได้ถึงระดับที่พอใจ ก็ตัดสินใจ  ใครตอบคำถามดี ให้ข้อมูลแวดล้อมได้ถูกใจ ก็ลองดูว่าเขาขายอยู่ใช่ไหม  ตัดสินใจซื้อจาก Content ที่เราชอบ  เพราะเจ้าของเว็บ เจ้าของร้าน น่าจะรู้เรื่องดี คงบริการเราได้  ตัดสินใจได้แล้วก็เดินทางไปซื้อ  หรือ สั่งซื้อออนไลน์เลย  กรณีนี้  ลูกค้าตัดสินใจซื้อก่อนเจอหน้าเจ้าของร้าน

Slide3

การที่ใครสักคนจะซื้อของจากเรา  จะมีเหตุผลแค่ 3 อย่างที่เขาคิดในหัว  มีแค่ข้อใดข้อหนึ่งก็ทำให้เกิดการซื้อได้แล้ว  ยิ่งมีหลายข้อยิ่งดีนั่นคือ ลูกค้าซื้อเราเพราะ

1 รู้จักกันมาก่อน  รู้จักมานาน รู้จักมาตั้งแต่สมัยเรียน ตั้งแต่สมัยทำงานด้วยกัน  เป็นความสนิทสนมที่เคยเกิดขึ้นในอดีต 

2 ถูกชะตา คุยกันถูกคอ  ลูกค้าแวะมาคุยกับคนขายแล้วรู้สึกว่าร้านนี้ตอบคำถามดี มีข้อมูลละเอียด

3 แก้ปัญหาได้ ช่วยเหลือลูกค้าได้  เข้าใจสินค้าและเข้าใจความต้องการของลูกค้า รู้ข้อดี ข้อเสีย ข้อจำกัดของสินค้า และแนะนำสิ่งที่เป็นประโยชน์ให้ลูกค้าได้

Slide5

ซึ่ง 3 ข้อนี้คือสิ่งที่เราต้องพยายามทำให้เกิดขึ้น เพื่อให้ลูกค้าเลือกเรา  เราต้องทำให้ลูกค้าเห็นเรามานาน  เราต้องเป็นคนนิสัยดี คุยดี อัธยาศัยดี  เราต้องให้ความรู้เกี่ยวกับสินค้าตัวนี้ได้เป็นอย่างดี  แก้ปัญหาตอบข้อสงสัยได้ครบถ้วน  และ 3 อย่างนี้เราต้องทำโดยที่เรายังไม่พบลูกค้า  เพราะลูกค้าจะตัดสินใจก่อนเจอเรา  นั่นหมายความว่าเราต้องแสดง 3 อย่างนี้ก่อนที่ลูกค้าจะทักมาหาเรา  ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำไม่ได้เลยในยุคอดีต  แต่ปัจจุบันเราทำได้ ผ่านสิ่งที่เรียกว่า Content นั่นคือการทำ Content

ลูกค้ามาซื้อเราวันนี้ เพราะลูกค้าเสพ content ของเราเมื่อวาน  หรืออาจจะอ่านเรื่องที่เราเขียนเมื่อสัปดาห์ก่อน หรืออาจจะดูรีวิวเมื่อเดือนก่อน  เหมือนกับที่เรามีผลไม้กินเพราะมีคนลงมือปลูก  และการทำ Content ให้ลูกค้าอ่านหรือดู ก็จะเป็นการทำให้คนเป็นพันเป็นหมื่นคนได้ดู  อัดคลิปครั้งเดียว  เขียนข้อมูลครั้งเดียว มีคนอ่านคนดูซ้ำเป็นหมื่นคน  เราไม่ต้องพูดซ้ำๆ วันละ 20 เที่ยวอีกแล้ว  เราเล่าเรื่องที่ต้องเล่าแค่ครั้งเดียว แล้วอินเทอเน็ตจะนำพาทุกอย่างต่อจากเรา  อินเทอเน็ตจะพาลูกค้ามาหา Content ของเรา  และพา Content ของเราไปผ่านสายตาลูกค้า 

การทำ Content จึงเป็นหนทางที่ธุรกิจควรทำ เป็นสิ่งจำเป็นที่สุดในยุคปัจจุบัน  คนทำ Content คือคนที่จะถูกมองเห็นโดยลูกค้าทั่วประเทศและทั่วโลก  คนที่ไม่ทำ Content จะเป็นอย่างไร ก็ให้ดูร้านค้าที่นั่งตบยุง  อยู่ในทำเลทองที่ไม่ทองอีกต่อไป  ลูกค้าไม่เข้า แล้วก็บ่นว่า เศรษฐกิจไม่ดี  ดูสิ ไม่มีใครเดินเลย วันนี้ขายไม่ได้เลย

จริงๆแล้วสังคมมนุษย์ ประชากรเพิ่มขึ้น การบริโภคเพิ่มขึ้น อาหาร เสื้อผ้า สินค้าต่างๆ บริการต่างๆมีคนต้องการเพิ่มขึ้น เพราะคนเยอะขึ้นทุกวัน  แต่เขาไม่ได้มาซื้อร้านเรา เพราะเขาตัดสินใจซื้อกับคนที่เขาชอบ และเขาชอบใคร เขาชอบคนเขียน Content ที่เขาได้เสพ  ดังเช่นทุกวันนี้ที่เราหาที่พัก ที่เที่ยว ที่กินจากอินเทอเน็ต  ที่พักห้าดาววิวหลักล้านไม่ได้ถูกค้นพบจากการขับรถไปมั่วๆ  ทุกคนปักหมุดเลือกมาแล้วจากที่บ้าน  โดยลูกค้าอ่าน Content หรือ อ่านรีวิวมาแล้ว นั่นเอง

Slide6

พอเรารู้ว่าเราต้องมี Content เราถึงจะมีลูกค้า แต่ติดปัญหาตรงที่ส่วนมากเราจะนึกไม่ออกว่าจะทำ Content เรื่องอะไรดี ให้ลองคิดแบบนี้ครับ มี 5 ข้อที่แนะนำ

1 เปลี่ยนจากเรื่องของเราเป็นเรื่องของลูกค้า เลิกบอกว่าเราขายอะไร เลิกบอกว่าเราดีอย่างไร แต่ให้เปลี่ยนศูนย์กลางเป็นลูกค้า สนใจสิ่งที่ลูกค้าอยากรู้ ทำ Content ที่ไขข้อข้องใจ หรือ แก้ปัญหาให้ลูกค้าได้

2 ค้นหาว่าลูกค้ามีปัญหาอะไรบ้าง ลองรวบรวมคำถามออกมา ลูกค้าเคยถามอะไรเรา ตอนเราไปนำเสนองานเราโดนถามอะไรบ้าง

3 ลูกค้าเก่าคือที่มาของ Content เช่นกัน ลูกค้าจะมีปัญหาบางอย่าง แล้วเราแก้ปัญหาให้ได้ จนเขาอุดหนุนเรา เขาถึงเป็นลูกค้าเก่าของเรา ลองสำรวจหรือสอบถามลูกค้าไปเลยว่า เลือกเราเพราะอะไร

4 อยู่กับกลุ่มคนที่มีพลังงานล้นเหลือ มีไฟในการทำงาน อย่าอยู่กับกลุ่มที่อยู่อย่างหมดอาลัยตายอยาก หาความสดใส สดชื่นตลอดเวลา

5 ตั้งเป้าหมายว่าจะทำเพจหรือเว็บจนมีคนติดตาม

ใน 5 ข้อนี้คือสิ่งที่จะทำให้เราคิด Content ออก ลองทำทีละข้อไปเรื่อยๆ ทำซ้ำไปเรื่อยๆ เดี๋ยวเราก็จะได้ Content ที่ดีมีพลัง เปลี่ยนคนอ่านเป็นลูกค้าได้ไม่ยากเลย

รีวิวหูฟัง หูฟัง QKZ X HBB

เมื่อพูดถึงหูฟังผมจะนึกถึงหูฟังทรง earbud ที่ใส่สบาย พกง่าย เป็นรูปแบบที่คุ้นเคยตั้งแต่สมัยเด็ก และอีกรูปแบบคือหูฟังทรงครอบหูหรือ Full size ที่ดูใหญ่โต และบีบหัว เสียงอาจจะดีมากแต่ก็ใหญ่เกินกว่าจะพกพา ใส่เดินเล่นนอกบ้านก็คงดูแปลกตา

IMG_5494

ความชอบในหูฟังที่มีมาตั้งแต่เด็ก ทำให้เวลามีข่าวว่าหูฟังอะไรได้รับความนิยม หรือ มีหูฟังตัวไหนเสียงดีก็จะพยายามหามาฟัง มีบางครั้งที่ทดลองเสี่ยงซื้ัอโดยไม่ได้ลองฟังก็มีทั้งผิดหวังและสมหวัง แต่ส่วนมากจะผิดหวัง เพราะเสียงไม่ดีอย่างที่คาดหวัง

หูฟังชนิด inear เป็นหูฟังพกพาอีกรูปแบบหนึ่งที่ได้รับความนิยมขึ้นมาในช่วงสิบกว่าปีนี้ หูฟังที่เริ่มแถมมากับโทรศัพท์ก็เปลี่ยนมาเป็นหูฟัง in ear กันหมดแล้ว ไม่มีใครแถม earbud อีกแล้ว และแทบไม่มีคนขายหน้าใหม่ที่ทำหูฟัง earbud ออกมาเลย 90% ในตลาดจะเป็นหูฟังแบบ inear

IMG_5480

หูฟัง inear เคยมีราคาสูง แต่ก็ค่อยๆมีราคาต่ำลง คงเป็นเพราะผลิตเยอะมากจนราคามันต่ำลงได้ และหูฟังจากประเทศจีนก็ทำตลาดในเมืองไทยได้เยอะมาก มีหูฟังยี่ห้อจากจีนเข้ามาให้คนไทยซื้อหลายยี่ห้อ และหนึ่งในหลายยี่ห้อที่ราคาถูกอย่างน่าประหลาดใจก็คือยี่ห้อ QKZ ซึ่งมีที่มาอย่างไรผมก็ไม่ได้หาข้อมูลเพิ่ม ผมเห็นว่ามีคนพูดถึงก็เลยลองสั่งมาทดลองใช้ดู แล้วก็พบว่ามันก็ดีน่าใช้

หูฟัง QKZ X HBB เป็นหูฟัง inear ส่วนมาก QKZ ที่พบจะราคาไม่ถึง 100 บาท แต่ตัวที่ทดลองนี้ราคาอยู่ที่ 469 บาท ซึ่งถือว่าแพงกว่าตัวอื่นเกือบห้าเท่า แต่ก็ยังราคาถูกอยู่ดีเมื่อเทียบกับหูฟังเสียงดีในอดีตที่ผ่านมา สายหูฟังเป็นพลาสติกมีรอยหยักเกลียวเล็กน้อย ทำให้สายไม่พันกันเวลาเก็บยัดๆไว้ในเป้ สายหูฟังถอดเปลี่ยนได้ มีไมโครโฟนมาด้วย สามารถใช้คุยโทรศัพท์ได้ ส่วนฟังเพลงทำได้อยู่แล้วและค่อนข้างดีเสียด้วย

qkzhbb-in1

คุณภาพเสียง

หูฟัง QKZ X HBB ให้น้ำเสียงที่มีเสียงกลางชัด เบสลึก และมีปริมาณที่เยอะแต่ยังไม่ล้นบวม เสียงในย่านทุ่มมีพลัง แต่ก็ต้องอาศัยการใส่หูฟังให้ได้มุมที่เหมาะสมกับหูด้วย เพราะจะช่วยทำให้เสียงเบสมีความคมชัดมากขึ้น เสียงสูงมีประกายที่ชัดและลากยาวได้ไกล ไม่ทึบ ไม่ห้วน ถือว่าเป็นเสียงทุ้มกลางแหลมที่มาครบทุกเสียงและมาแบบพอดีน่าฟังด้วย

ส่วนไมค์ที่ติดอยู่บนสายก็พบว่ามีอาการเสียงเบาเกินไป คู่สนทนาไม่ค่อยได้ยินเสียงของเราที่พูดเข้าไป อาจจะเป็นอาการเสียเฉพาะตัวที่บังเอิญอยู่ในหูฟังเส้นนี้ก็ได้

จุกยางที่แถมมาพร้อมหูฟังมีหลายขนาด ให้ลองเปลี่ยนขนาดที่เหมาะกับหูของเราดู เพราะผมต้องเปลี่ยนขนาดจุกยางถึงจะได้เสียงที่พอใจ ถ้าขนาดจุกยางเล็กเกินไปเสียงจะเล็กบาง เบสหาย ถ้าจุกยางใหญ่เกินไปเบสจะล้นไม่น่าฟัง ดังนั้นจุกที่ให้เสียงพอดีเราต้องทดลองเปลี่ยนดูเพื่อหาขนาดที่ให้เสียงที่เราชอบ

ระบบสายหูฟังที่เป็นแบบต้องแขวนคล้องใบหูก็เป็นการออกแบบที่เน้นให้หูฟังไม่หลุดออกจากหู แต่ก็ทำให้ถอดใส่ยากไปหน่อย

ทดลองฟังเพลง I can’t hide ของ Jennifer warn เป็นเพลงช้าโชวเสียงร้อง เสียงกลองหลายแบบ มีทั้งกลองใหญ่ทุ้มลึก และ เสียงเคาะขอบสแนร์ที่คมชัดหนักแน่น เบสที่เล่นประคองก็โอบล้อมเพลงให้ความรู้สึกอลังการ ทุกเสียงถ้าได้ยินผ่านลำโพงวางพื้นในห้องฟัง คงต้องเดาราคาว่าหลายหมื่น

ลองฟังเพลง Enter sandman ของวง Metalica. อัลบั้ม Black อินโทรเสียงกลองที่เป็นเอกลักษณ์ขึ้นมาก็รู้สึกสนุกทันที เสียงกลองใหญ่โต และมีขอบเขตที่ชัดเจน ไม่ได้ดังอื้ออึงฟังไม่รู้เรื่อง แต่ละเสียงขึ้นและจบในพื้นที่ของมันเอง เสียงกีต้าร์ไฟฟ้าเล่นเพาเวอร์คอร์ด แผดขึ้นมาไม่เสียดหู เสียงสแนร์ เสียงฉาบ มีเนื้อละเอียด ทอดยาว ไม่ทึบ หูฟังตัวนี้ให้เสียงผู้ดีมากๆ คือฟังทุกเสียงแล้วไม่แสบหูเลย

ไม่ว่าจะฟังเพลงโชว์เสียงร้อง หรือ เสียงกีต้าร์อคูสติก ทุกเสียงเหล่านี้จะมีมิติคมชัด เสียงร้องฟังออกเลยว่ามีเทคนิคการร้องยังไง ลองฟังเพลงเธอคือของขวัญ ของสิงโต นำโชค ผมว่าเพลงนี้เป็นเพลงที่สิงโตทำได้ดีที่สุดเลยสำหรับความไพเราะ และคุณภาพการบันทึกเสียง

สามเพลงที่ยกมาเป็นตัวอย่างผมฟังจากไฟล์ที่ริบจากแผ่นต้นฉบับเก็บไว้ฟังเอง แผ่นก็ยังอยู่ แต่ไม่มีเครื่องเล่นซีดีแล้ว อาศัยเปิดเพลงด้วยคอมพิวเตอร์ โปรแกรมเปิดเพลงใช้ music ในเครื่อง Macbookair M1

สิ่งที่น่าประทับใจก็คือการให้โฟกัสเสียงที่นิ่งและแม่นยำ ปกติหูฟังคุณภาพต่ำจะให้เสียงไม่คมชัด คือเสียงหูซ้ายและขวาไม่ทับซ้อนกันในตำแหน่งที่เหมือนกัน ทำให้เสียงร้องเหมือนมีสองเสียง ส่วนหูฟังคุณภาพดี จะให้โฟกัสเสียงร้องที่ทับกันพอดี คมชัด ระบุตำแหน่งได้ชัดเจน QKZ HBB ตัวนี้ให้เสียงชัดเป๊ะ มิติเสียงร้องอยู่กลางหัวเลย ดนตรีแต่ละชิ้นที่จัดวาง ซ้ายบ้าง ขวาบ้าง ใกล้ ไกล แยกแยะ จัดวางได้ตำแหน่งต่างๆอย่างแม่นยำ ไม่มีเงาเสียงซ้อนกันเลย

b1e9715b-2803-479f-9c1c-23ced183a56d

ข้อดี

ราคาถูกแต่ให้เสียงดี โฟกัสเสียงคมชัด ตำแหน่งของเสียงต่างๆเป๊ะมาก

ข้อเสีย

หูฟัง QKZ X HBB มีรูปทรงที่อ้วนใหญ่ เป็น inear ที่มีบอดี้ของตัวมันค่อนข้างใหญ่ การใส่ inear ตัวใหญ่เข้าไว้ในหูนานๆจะทำให้ปวดหูได้ ถ้าจะใส่เล่นเกมส์ดูหนัง ก็อย่าใส่นานเกินไป 2-3 ชม. ก็รู้สึกอยากจะถอดออกแล้ว ความอึดอัดเป็นความรู้สึกส่วนตัว แต่ละคนไม่ได้รู้สึกเหมือนกัน ให้ทดลองใส่เองดู

สรุป

หูฟัง QKZ X HBB เป็นหูฟัง inear ที่ให้น้ำเสียงน่าฟัง แนวเสียงไฮไฟ ให้มิติเสียงต่างๆคมชัด ใช้ฟังดนตรีก็เพลิน ใช้เล่นเกมส์ก็ได้ แต่ต้องเลือกจุกยางให้เหมาะสมกับหูของเราซึ่งแต่ละคนจะมีความเหมาะสมไม่เหมือนกัน หูฟังตัวนี้ใส่นานๆแล้วรู้สึกอึดอัด อาจจะเพราะบอดี้ของหูและจุกยางที่ใหญ่เกินไป เพราะตอนใส่หูเราต้องทำให้จุกยางดันหูเล็กน้อยเพื่อปิดรูหูให้มิด เบสจะได้มีเยอะตามที่ต้องการ คิดว่าใช้งานฟังเพลงเพลินๆสัก 1-2 ชม. ก็พอทนถือว่าทำงานได้ดี คุ้มราคาค่าตัว ส่วนเรื่องไมค์รับเสียงในตัวผมว่าไม่ผ่าน เสียงเบาเกินไป แต่อาจจะเป็นความเสียหายเฉพาะเส้นนี้ก็ได้

ไปหยอดเหรียญซักผ้าห่มผืนใหญ่

ปัญหาใหญ่ของการใช้งานผ้าห่มนวมก็คือตอนซัก แม้ว่าจะนานๆซักสักที ไม่ได้ซักถี่เหมือนเสื้อผ้า แต่ตอนซักก็เป็นปัญหามาก เพราะยิ่งผ้าห่มผืนใหญ่ ก็ยิ่งต้องการพื้นที่ซักและตากขนาดใหญ่มาก กะลามังที่จะแช่ผ้าห่มทั้งผืนนี่คงหายากมาก ผมก็ได้แต่สงสัยว่าผ้าห่มผืนใหญ่เขาซักกันยังไง

IMG_7339

นั่งรถผ่านเจอร้านซักผ้าหยอดเหรียญ เห็นเครื่องซักผ้าหลายขนาดก็เลยนึกได้ว่าน่าจะใช้เครื่องพวกนี้ซักได้ เพราะว่าดูใหญ่โตดี ก็เลยมาลองหัดใช้งาน ลองซักเสื้อผ้าก่อนสักรอบให้รู้ว่าต้องสั่งเครื่องยังไง ถือโอกาสสำรวจเครื่องด้วยว่ามีเครื่องขนาดเท่าไหร่ และยังได้ค้นพบว่ามีเครื่องอบผ้าด้วย นั่นแปลว่าซักแล้วอบต่อเลย ไม่ต้องง้อแดด

IMG_7314

ผ้าห่มผืนใหม่สั่งซื้อจากในเว็บ เมื่อได้รับแล้วก็จัดการส่งซักก่อนใช้งาน ผ้านวมมีความฟูมาก น้ำหนักไม่มากแต่มันยุบเป็นก้อนแล้วก็ยังใหญ่มาก อุ้มไปส่งซักก็คาดว่าจะน้ำหนักไม่น่าเกิน 5 กก. ถ้าเป็นเสื้อผ้าน้ำหนักเท่านี้สามารถซักตู้เล็กสุดได้เลย แต่ผ้าห่มนวมมันฟูเป็นก้อนใหญ่ ยัดเข้าตู้เล็กไม่ได้ สุดท้ายเลยต้องใช้ตู้ขนาด 18 กิโลเพื่อซัก

IMG_7316
IMG_7318

ร้านซักผ้าหยอดเหรียญ 24wash ใช้เครื่องซักผ้าขนาด 18 กิโล ใส่น้ำยาซักผ้า 1ซอง 5 บาท
ใส่น้ำยาปรับผ้านุ่ม 1ซอง 5 บาท ทั้งน้ำยาซักผ้าและน้ำยาปรับผ้านุ่มกดซื้อจากตู้หยอดเหรียญในร้านเลย เมื่อใส่ผ้า ใส่น้ำยาเรียบร้อยแล้วก็หยอดเหรียญ 60 บาท. เลือกโหมด ซักผ้าปกติ กดสตาร์ท แล้วก็รอ หน้าจอบอกว่าให้รอประมาณ 28 นาที

พอซักเสร็จ เครื่องซักมีระบบปั่นแห้งให้ด้วย แต่มันไม่แห้ง ถ้าเป็นเสื้อผ้าก็ต้องเอาไปตากแดดซ้ำให้แห้งสนิท ร้านนี้มีเครื่องอบผ้าด้วย และก็เคยได้ยินเรื่องเล่ามาว่าเครื่องอบผ้าจะอบได้แห้งสนิทพร้อมใช้งานเลย ก็เลยลองอบที่นี่ซะเลย

ใช้เครื่องอบผ้า 14กิโล (เล็กสุดในร้าน) ใส่ผ้า ปิดฝา แล้วก็หยอดเหรียญ 40 บาท เครื่องทำงานแล้วแสดงผลบนหน้าจอให้รอ 28 นาที พอจบขั้นตอน หยิบผ้าออกมา ก็พบว่า แห้งสนิทพร้อมใช้งานจริงๆ ยังมีความร้อนสะสมอยู่ในผ้าห่มอยู่ ขนกลับบ้านเอามาวางบนเตียงความร้อนยังเหลืออยู่ในผ้าห่มอยู่ ต้องกางออกแล้วรอในห้องนอนอีกเกือบชั่วโมงกว่าจะอุณหภูมิปกติ

สรุปว่า เครื่องซักผ้าหยอดเหรียญเป็นทางออกสำหรับคนอยากซักผ้าห่มผืนใหญ่มากๆ และให้ใช้เครื่องอบผ้าต่อเลย เพื่อให้ผ้าห่มแห้งสนิทพร้อมใช้งาน

รีวิว mouse ไร้สาย ถูกและดี Nubwo NM98 แต่ไม่ทน

แทรกอัพเดทครั้งที่ 3. วันที่ 19dec2023 ไปรับเม้าส์เคลมจาก itcity เจ้าหน้าที่แจ้งว่า บริษัทซ่อมบอร์ดให้ ได้เม้าส์ตัวเดิมที่ผ่านการซ่อมกลับมา

แทรกอัพเดทครั้งที่ 2. วันที่ 5dec2023. โทรไปติดตามที่ร้าน itcity เจ้าหน้าที่แจ้งว่า ของเคลมยังไม่ถูกส่งเข้ามาที่สาขา

แทรกอัพเดท วันที่ 18nov2023 หลังจากใช้เม้าส์ตัวนี้มาเกือบเดือน ก็มีอาการรวน ลงไปอ่านที่ข้อเสีย

อุปกรณ์สั่งการคอมพิวเตอร์ที่จำเป็นต้องมีก็คือ เม้าส์ หรือ mouse หลักการคือจะใช้เคลื่อนเคอร์เซอร์บนหน้าจอไปกดคลิกยังส่วนต่างๆของหน้าจอ คนที่ใช้คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะต้องมีแน่นอน คนที่ใช้โน้ตบุ๊คบางคนก็เลือกที่จะซื้อมาใช้เพิ่มเพราะมันช่วยให้ทำงานได้สะดวกรวดเร็วมากขึ้น

ในความทรงจำยุค 90 เม้าส์ที่ดีที่สุดสมัยยังเรียนอยู่ เป็นเม้าส์ของไมโครซอร์ฟราคาประมาณ 1500 บาท ยุคนั้นเม้าส์ราคาตลาดแถมมากับคอมพิวเตอร์จะราคาประมาณ 200-300 บาท เป็นเม้าส์สาย มีลูกบอลยางอยู่ภายใน ใครใช้ไมโครซอร์ฟเม้าส์เราจะยกให้เป็นเทพ หรู รวย เพราะมันแพงมากเมื่อเทียบกับยี่ห้ออื่น แต่มันก็ทนทานมากเพราะอายุการใช้งานยาวนาน ผ่านไป 5 ปียังใช้งานได้ ส่วนเม้าส์ราคาถูกยี่ห้ออื่นก็จะพังแทบทุกปี ไม่เคยเห็นว่ามีตัวไหนอายุยืนเลย หากใครใช้ยี่ห้ออื่นแล้วอยู่รอดเกิน 1 ปี จะภูมิใจมาก ตามประสาคนงบน้อย

IMG_7303

ช่วงเวลาหลังปี 2000 โลกเราเริ่มมีเม้าส์ใช้เซนเซอร์แสงหรือ optical mouse เพื่อจับการเคลื่อนที่ผ่านการสะท้อนแสงใต้เม้าส์ ไม่ได้ใช้ลูกบอลกลิ้งไปกลิ้งมาด้านในแล้ว พอมีระบบแสงสะท้อนเม้าส์ก็เริ่มมีราคาถูกลง มีผู้ผลิตหน้าใหม่ที่ทำเม้าส์ออกมาขาย เริ่มมีระบบเม้าส์ไร้สาย และการใช้งานอุปกรณ์ไร้สายผ่านคลื่นสัญญาณบลูทูธก็เริ่มได้รับความนิยม โน้ตบุ๊คเริ่มราคาต่ำลง เม้าส์ที่ซื้อเพื่อใช้กับโน้ตบุ๊คก็เริ่มต้องการการเชื่อมต่อแบบไร้สาย ในฝั่งของนักเล่นเกมส์ก็มีความต้องการเม้าส์ที่ทนมากๆ สามารถคลิกได้เป็นแสนเป็นล้านครั้งแล้วยังไม่พัง เริ่มมีไฟประดับ RGB กับผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเกมส์ จนในที่สุดเม้าส์ก็มีไฟศาลพระภูมิ

เม้าส์ในปัจจุบันมีหลายลักษณะ มีปัจจัยหลายอย่างให้ต้องตัดสินใจ ไม่ว่าจะเป็น

มีสายหรือไร้สาย

ขนาดเล็กหรือใหญ่ หรือทรงแบนๆ

ถ้าเป็นสายต้องเป็นสายแบบไหน

ถ้าเป็นไร้สายต้องเป็นระบบไร้สายแบบไหน

ถ้าไร้สายจะต้องมีแบตเตอรี่ จะเป็นแบบใส่ถ่าน หรือ มีแบตในตัว

น้ำหนักเบาหรือน้ำหนักเยอะ

ลื่น หรือ ฝืดระดับไหนเมื่อทำงานบนแผ่นรอง

ใช้กับพื้นทั่วไป หรือ แผ่นรองเม้าส์เท่านั้น

ต้องมีไฟ RGB ไหม หรือเรียบๆ

ต้องมีกี่ปุ่ม ต้องมีปุ่มด้านนิ้วโป้งไหมพิเศษ ปุ่มมาโครต้องมีไหม

ความละเอียด dpi เท่าไหร่ ต้องเปลี่ยน dpi ได้ไหม

ปุ่มคลิกเป็นแบบมีเสียง หรือ ปุ่มไร้เสียง

ความทนทาน คลิกได้กี่ล้านครั้ง

NM-98-web-9

ทุกปัจจัยที่กล่าวมาจะมีเรื่องให้ต้องพิจารณาเยอะมาก และมันก็ทำให้โลกของเรามีเม้าส์ตั้งแต่ราคา 59 บาท ไปจนถึงหลายพัน หรือ บางรุ่นก็ราคาเกินหมื่นบาท มันแทบจะแพงเกินราคาเครื่องคอมพิวเตอร์ระดับเริ่มต้นไปแล้ว ถ้าคุณเป็นนักเล่นเกมส์ ทุกสิ่งทุกอย่างที่กล่าวมาจะต้องคิดทั้งหมด ถ้าคุณไม่ได้เล่นเกมส์ ก็ซื้อตามที่ชอบจากหน้าตาและงบประมาณที่คุณอยากจ่ายเลย

IMG_7306

บังเอิญเม้าส์ที่ผมใช้งานอยู่มันเสีย ลูกกลิ้งมันส่งคำสั่งเพี้ยนๆ กลิ้งลงมันก็เลื่อนหน้าจอลงบ้างขึ้นบ้างเหมือนเม้าส์เสียสติ มันคงเป็นเพราะเซ็นเซอร์ส่วนลูกกลิ้งเสียแล้ว ซ่อมก็ไม่คุ้มเพราะเม้าส์ราคาไม่แพงจะมาเสียค่าซ่อมหลายร้อยก็เกินราคาซื้อใหม่ไปแล้ว ดังนั้นซื้อใหม่เลยจะประหยัดกว่า

NM-98-web-3

Nubwo NM98 ตัวนี้แขวนโชว์อยู่ในร้านคอมฯตามห้างทั่วไป มีให้เลือก 3 สี ดูราคาแล้วก็ไม่แพงมาก แปะป้ายไว้ 390 บาท รับประกัน 1 ปี มีความสามารถดังนี้

1 เป็นเม้าส์ทรงตัวใหญ่มาตรฐานตั้งแต่โลกเรามีเม้าส์มา เป็นขนาดที่เหมาะมือสำหรับคนมือใหญ่ และไม่สนใจกับความเล็กบาง ไม่ได้ใช้กระเป๋าโน้ตบุ๊คบางๆที่อยากจะใส่แต่ของบาง

2 เชื่อมต่อไร้สายได้ 2 ระบบ สามารถเลือกได้ว่าจะเชื่อมทาง Bluetooth หรือ usb แบบไร้สายก็ได้ ตัวส่งสัญญาณ usb สามารถเก็บไว้ในตัวเม้าส์ได้ ป้องกันการทำหาย

3 มีแบตในตัว ไม่ต้องซื้อถ่านใส่เอง เมื่อแบตหมดก็สามารถเสียบชาร์จไฟได้ พอร์ตชาร์จเป็นแบบ usb-c แบบเดียวกับโทรศัพท์มือถือยุคใหม่ ดังนั้นใช้สายชาร์จเส้นเดียวกันกับโทรศัพท์ก็จะสะดวกมาก และถ้าคุณใช้โน้ตบุ๊คที่สามารถชาร์จด้วยสาย usb-c ได้ด้วยล่ะก็ มันก็เท่ากับว่า สายเส้นเดียวชาร์จได้ทุกสิ่ง ทำให้ไม่ต้องพกสายเยอะหลายเส้น

4 ฝาหรือตะแกรงด้านสัมผัสกับมือสามารถถอดเปลี่ยนได้ มีอะไหล่แบบฝาทึบแถมมาด้วย

5 น้ำหนักเบา เพราะใช้แบตเตอรี่ก้อนไม่ใหญ่มาก

6 มีไฟ RGB ดูสวยงาม เปลี่ยนสีและลักษณะการกระพริบได้ ผมเรียกว่าไฟศาลพระภูมิ หากไม่ชอบแสงสี ก็ปิดได้

7 เม้าส์ถูกออกแบบมาเพื่อเล่นเกมส์ คาดหวังเรื่องความทนทานได้ ตัวสวิตซ์คลิกสามารถทำงานได้ 10 ล้านครั้ง ไม่รู้ว่ามากหรือน้อย แต่ก็คิดว่าน่าจะเป็นจุดขายถึงพิมพ์สเป็คนี้ไว้ที่กล่อง

หลังจากใช้งานไปได้พักใหญ่ก็รู้สึกพอใจกับคุณภาพ สิ่งที่ชอบที่สุดก็คือ มันมีสวิตซ์เปิดปิดที่เลื่อนไปด้าน bluetooth ก็ทำงานกับโน้ตบุคที่เชื่อมบลูทูธกันเอาไว้ เลื่อนไปด้าน 2.4GHz ก็เชื่อมกับตัวส่งสัญญาณไร้สายที่เสียบกับกับคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ นั่นทำให้การใช้งานค่อนข้างสะดวก เมื่อนั่งทำงานกับคอมฯและโน้ตบุ๊คพร้อมกัน เราสามารถใช้เม้าส์ตัวเดียวกับคอมฯสองเครื่องได้เลย พื้นที่โต๊ะทำงานจะได้ไม่ต้องวางเม้าส์สองตัว อยากสั่งโน้ตบุ๊คก็เลื่อนสวิตซ์เปิดไปที่ Bouetooth อยากสั่งงานเครื่องตั้งโต๊ะ ก็เลื่อนสวิตซ์เปิดไปที่ 2.4GHz

เมื่อเม้าส์เชื่อมต่อผ่านระบบ bluetooth เราสามารถดูระดับแบตเตอรี่ได้ การชาร์จไฟทำได้ค่อนข้างเร็ว ทดสอบตอนแบตเหลือ 3% ก็เสียบชาร์จไว้กับตัว usb power กำลังไฟ 2.1A ใช้เวลา 30 นาที สามารถชาร์จไฟไปได้ที่ 65% ก็ถือว่าชาร์จไฟได้ค่อนข้างเร็ว คือชาร์จ 30นาที น่าจะทำให้ใช้งานเม้าส์ไปได้อีก 1-2 วัน

ที่ด้านบนของเม้าส์มีปุ่มเปลี่ยน dpi ทำให้เลือกความเร็วในการเลื่อนบนหน้าจอได้สะดวก ไม่ต้องไปหาที่ตั้งค่าในคอมพิวเตอร์ NM98 ให้ระดับการเปลี่ยน dpi ด้วยปุ่มมา ประมาณ 3 ระดับตามความรู้สึกที่มองเห็น แต่ตามสเป็คระบุมาว่าเปลี่ยนได้ 6 ระดับ ตอนใช้งานก็คลิกเปลี่ยน dpi แล้วลากทดสอบไปเรื่อยๆ ระยะการเคลื่อนที่ช้าหรือเร็วแบบไหนก็ทดลองเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เจอความไวที่ถูกใจก็ใช้ค่านั้นเลย

ตะแกรงรูพรุนรูปแบบรังผึ้งที่ให้มาสามารถแกะเปลี่ยนได้ อะไหล่ที่เป็นแผ่นทึบแถมมาด้วยในกล่อง การแกะก็แค่ใช้เล็บมือสะกิด เพราะตะแกรงติดกับตัวเม้าส์ด้วยแม่เหล็กเท่านั้น แกะง่าย เปลี่ยนง่าย พื้นที่ด้านในเป็นวงจร เป็นแบตเตอรี่ และเป็นช่องว่างสี่เหลี่ยมเอาไว้สำหรับเสียบตัวส่งสัญญาณ usb ป้องกันการวางแยกกันแล้วลืม

ปุ่มคลิกซ้าย คลิกขวา รวมถึงปุ่มด้านข้างตำแหน่งนิ้วโป้งมีเสียงคลิกที่ดังมาก ถ้าใช้งานในห้องทำงานที่เงียบสักหน่อย หรือใช้งานในห้องประชุม หรือ โคเวิร์คกิ้งสเปซที่ค่อนข้างเงียบ เสียงคลิกต่างๆอาจจะสร้างความรำคาญให้คนในห้องได้

มีปุ่มกดด้านใต้เม้าส์เพื่อเปลี่ยนลักษณะไฟกระพริบ มันสามารถเลือกเปลี่ยนการแสดงผลแสงไฟได้ 14 แบบ ผมเลือกแบบที่มีไฟออกเยอะที่สุดและมีการไล่เปลี่ยนสีไปเรื่อยๆ ดูสวยดี เหมือนมีไฟศาลพระภูมิ แรกๆก็ไม่ได้คิดว่ามันสวย แต่ดูไปนานๆก็สวยขึ้น

ข้อเสีย

เสียงคลิกค่อนข้างดังชัดเจน ไม่เหมาะกับการใช้งานในห้องที่มีคนนอนอยู่ เพราะจะทำให้คนอื่นนอนไม่หลับ

รับประกัน 1 ปี น้อยไป อยากให้รับประกันสัก 5 ปี แต่ก็เข้าใจว่าของราคาไม่แพง

แทรกข้อเสีย หลังใช้งาน 1 เดือน เม้าส์มีอาการเสีย ปุ่ม scholl มีปัญหา หมุนเลื่อนหน้าจอลง ดันขึ้นบ้างลงบ้างมั่วๆ

สินค้าซื้อวันที่ 18oct2023 เริ่มมีปัญหาหลังจากนั้นประมาณ 2 สัปดาห์

IMG_20231023_160844

ข้อดี

ราคาถูก มีระบบไร้สายสองแบบ ชาร์จไฟได้ ไฟกระพริบสวย เปลี่ยน dpi ได้

สรุป

ผมเลือกซื้อเม้าส์ตัวนี้เพราะข้อดีตามที่บอกไป และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือมีขนาดที่ใหญ่แบบที่คุ้นเคยมาตั้งแต่สมัยเรียน

เรื่องเม้าส์มีอาการลูกกลิ้งทำงานผิดพลาด และส่งเคลม ผมนำไปส่งที่ it city และมีพนักงานรับข้อมูลและอุปกรณ์เอาไว้ บอกด้วยปากว่าจะใช้เวลาเคลม 2 สัปดาห์ และไม่มีเอกสารอะไรให้ผมถือกลับเลย ผมกลับมาบ้านและเริ่มทำงานอื่นๆในคอมพิวเตอร์โดยไม่มีเม้าส์ ผมก็รู้สึกว่า ทำไมผมต้องเสียเงินแล้วไม่ได้ใช้ของ คุณภาพสินค้าที่ไม่ทนทานสร้างความลำบากให้กับการทำงานจริง ถ้าได้เลือกอีกครั้ง จะไม่เลือกยี่ห้อนี้แล้ว

ผ่านไป 2 สัปดาห์หลังส่งเคลม สินค้าตัวใหม่ยังไม่เข้าที่สาขา มันน่าผิดหวังมากที่จ่ายเงินแล้วไม่ได้ใช้ของ ไม่ว่าสินค้าจะราคาเท่าไหร่ ถ้าจ่ายแล้วใช้ไม่ได้ มันคือของแพงมากๆ ตอนนี้ผมเริ่มรู้สึกแล้วว่า เม้าส์ราคาหลายพัน อย่าง Logitech G-pro แม้ราคาจะสูงกว่ากันหลายเท่า แต่ถ้าได้ใช้ มันก็กลายเป็นของถูกเลยเมื่อเทียบกับ Nubwo. ที่ผมนึกถึงยี่ห้อ Logitech ก็เพราะมีเม้าส์ยี่ห้อนี้แบบมีสายที่ใช้งานอยู่ และผ่านไปเป็นปีแล้วก็ยังไม่รวน ไม่เสียเลย

เที่ยวเขาค้อสามวันสองคืน

ทริปปิดเทอมของบ้านเรารอบนี้เลือกกันว่าจะไปภูเขากันบ้าง เพราะปกติจะวนเวียนอยู่แถวทะเลเป็นส่วนใหญ่ ก็เลยจิ้มไปที่เขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งเป็นเป้าหมายที่ลูกยังไม่เคยไป คุณภรรยาก็จัดแจงเลือกที่พัก โดยเน้นไปที่การพักในจุดที่วิวสวยและได้ดูทะเลหมอก ทริปของเรารอบนี้เดินทางกันสามคนพ่อแม่ลูก กับรถคันเดิม ฮอนด้าฟรีดที่ใช้มายาวนาน

เราเลือกออกเดินทางหกโมงเช้าวันพุธ ซึ่งเป็นวันกลางสัปดาห์เพื่อที่จะไม่ต้องพบกับคนเยอะ เนื่องจากปลายสัปดาห์นี้เป็นวันหยุดยาว ผู้คนคงเดินทางออกต่างจังหวัดกันเป็นจำนวนมาก การออกไปเที่ยวก่อนแล้วกลับตอนที่คนอื่นกำลังไปเที่ยวก็ทำให้ไม่ต้องพบกับคนเยอะที่แย่งกันเที่ยว สังเกตุได้ว่า ปั๊มน้ำมันแต่ละจุด ร้านกาแฟแต่ละแห่งที่เราได้แวะจะไม่ค่อยแน่นมาก มีที่ให้จอดเพียงพอ จะกินจะแวะก็ง่ายไปหมด

IMG_20231018_162159

เลือกใช้เส้นทางกรุงเทพ ปทุมธานี สระบุรี ลพบุรี เพชรบูรณ์ โดยขับรถไปจอดพักเที่ยวที่แรกที่อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพซึ่งเป็นสถานที่ประวัติศาสตร์ที่เพิ่งได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกหมาดๆไม่ถึงเดือน ที่นี่ดูไปก็คล้ายอยุธยา แต่มีรถนำเที่ยวบริการ ภายในเป็นสิ่งก่อสร้างทรงโบราณที่ผุพัง ดูเหมือนวัด ดูเหมือนวัง สถานที่นี้มีพื้นที่ไม่มาก อากาศเย็นสบาย เดินเล่น 1 ชม ก็ครบแล้ว ค่าเข้าชมโบราณสถาน ผู้ใหญ่คนละ 20 เด็กไม่คิดเงิน ค่าจอดรถ 50 บาทต่อคัน

20231011113710_IMG_7744
20231011115231_IMG_7778
20231011115726_IMG_7789

หากเราค้นหาเส้นทางใน google maps ระบบจะปักหมุดให้เราไปที่ศาลเจ้า ไม่ใช่ส่วนที่เป็นอุทยานประวัติศาสตร์ คนปักหมุดคนแรกคงทำผิดพลาดและไม่มีใครแก้ไขด้วย

เมื่อออกจากอุทยานเราก็มุ่งหน้าเดินทางต่อเพื่อไปเขาค้อ ใช้ถนนหมายเลข 21 เป็นหลัก โดยพวกเราตัดสินใจแวะซื้อกาแฟที่ร้าน ร้านกาแฟ chanan เป็นร้านที่ตกแต่งได้สวย ภายนอกก็มีมุมถ่ายรูป ภายในก็มีจุดนั่งชมวิวสวนต้นไม้ ลักษณะกาแฟที่ร้านนี้มีทั้งกาแฟชงเป็นแก้วปกติ และมีกาแฟดริ๊ป แหล่งที่มาของกาแฟก็มีหลายพื้นที่ หลายประเทศ ดูที่ซองก็สวยดีแต่ไม่ได้ชิม เพราะรู้สึกไม่อยากนั่งนานเกินไป อยากจะรีบเดินทางมากกว่า

20231011133006_IMG_7840

20231011134308_IMG_7872
20231011133420_IMG_7858

20231011134607_IMG_7877

ออกเดินทางต่อมุ่งหน้าเขาค้อ ปักหมุดไปที่รีสอร์ตที่จองไว้ชื่อ wide space farm โดยแวะเติมน้ำมันที่ถนนใกล้ๆที่พัก ลักษณะถนนตอนที่ใกล้ที่พักจะเป็นทางขึ้นเขา ระหว่างที่ขับก็รู้สึกว่าเครื่องยนต์จะใช้กำลังเยอะกว่าทางราบ บางจุดบางมุมก็เป็นทางชันที่ทำความเร็วไม่ได้ มีจังหวะให้ใช้เกียร์ต่ำช่วยวิ่งอยู่หลายครั้ง ห้ากิโลเมตรสุดท้ายเป็นทางวิ่งบนเขา ทางเล็ก แคบ เลี้ยวไปเลี้ยวมา รถทำความเร็วไม่ได้เลย และแทบจะต้องใช้เกียร์ต่ำตลอดเวลา มีช่วงใกล้ถึงที่พักรถเราวิ่งเกียร์ต่ำมานานหลายนาที หน้าปัดรถยนต์ก็มีไฟความร้อนโชว์ขึ้นมา รถกำลังบอกเราว่าเครื่องยนต์มีอาการฮีท หรือความร้อนขึ้น ไฟโชว์โผล่มาเตือนเราอยู่ประมาณ 1 นาที พอสังเกตุเห็นก็รีบชะลอ หาที่จอด รอรถระบายความร้อนนิดหน่อย ไฟเตือนดับก็วิ่งต่อ ทำเอากังวลกันไปทั้งคันรถ ระหว่างทางเข้าที่พักมีจุดชมวิวกังหันลมด้วยก็ถือโอกาสพักรถดูสถานการณ์นิดหน่อย ไฟความร้อนดับแล้ว เราจอดรถถ่ายรูปเล่นซะเลย

IMG_20231011_211807
20231011163306_IMG_7933

วิวกังหันก็ควรจะถ่ายแล้วเห็นกังหันลมบ้าง เห็นวิวที่ตีนเขาบ้าง เป็นจุดที่ลมพัดเย็นสบาย ถ่ายรูปสนุก ท้องฟ้ามีเมฆเป็นหย่อมๆที่ถูกลมพัด เมฆลอยให้เห็น เงาเมฆเคลื่อนตัวไปตามแรงลม ดูเพลินสายตาดีมาก

ที่พักวันนี้อยู่ติดกับกังหันลม ลักษณะเป็นเต๊นท์ขนาดใหญ่ แน่นหนา มีแอร์ในเต๊นท์ด้วย แต่อากาศวันนี้เย็นสบาย และลมแรง นั่งนานๆก็หนาวใช้ได้เลย ตอนเย็นๆจะอาบน้ำก็เย็นมาก เครื่องทำน้ำอุ่นของที่นี่เป็นระบบแก๊ส เพราะว่าไฟฟ้าบนเขามีจำกัด และไม่เพียงพอจะใช้กับเครื่องทำน้ำร้อนแบบไฟฟ้า เพิ่งรู้ว่ามีเครื่องทำน้ำอุ่นแบบใช้แก๊สด้วย

20231011171446_IMG_7957
20231011171426_IMG_7956
20231011171415_IMG_7955

ที่นี่ยิ่งเย็นยิ่งอากาศหนาว ประกอบกับมีลมพัดตลอดเวลา ทำให้หนาวจนต้องใส่เสื้อกันหนาว และมื้อเย็นเราก็สั่งหมูกระทะมากินกัน เป็นการกินหมูกระทะบนดอยที่ต้องใส่เสื้อกันหนาวด้วย มันเป็นความเย็นที่น่าประทับใจมากๆ หลังจากอิ่มกันแล้วก็นั่งดูวิว สัมผัสความเย็นไปเรื่อยๆ ดูวิวจนแสงหมด และทุกคนไม่กล้าอาบน้ำในอ่างที่รีสอร์ตเตรียมไว้ให้ เพราะมันเย็นเกินไป เราทุกคนอาบน้ำผ่านฝักบัวเครื่องทำน้ำอุ่นแล้วรีบเข้าเต๊นท์ อากาศมันเย็นมาก เย็นจนไม่ต้องเปิดแอร์ เย็นจนไม่ต้องเปิดหน้าต่างของเต๊นท์เลยด้วย เปิดผ้าใบเต๊นท์แค่พอให้อากาศถ่ายเทได้ก็เย็นมากแล้ว ดูอุณหภูมิจากโทรศัพท์ก็เห็นตัวเลขประมาณ 25 องศา แต่ลมพัดตลอดเวลา มันเลยหนาว

20231011184708_IMG_8022
IMG_20231011_212147
20231011193657_IMG_8063

วันที่สอง เราตื่นมาตอนเช้ามืด ดูวิวท้องฟ้าค่อยๆสว่าง พระอาทิตย์ขึ้นอยู่หลังแนวภูเขา มีเมฆบังเล็กน้อย หยิบกล้อง Gopro9 มาตั้งถ่ายภาพพระอาทิตย์ขึ้นแบบ Timelapse ขณะเดียวกัน กล้อง Dslr อีกตัวอย่าง Eos 6d ก็ทำหน้าที่เก็บภาพนิ่งตอนเช้ามืดนี้ ท้องฟ้าค่อยๆมีสีสัน ภาพคน ภาพแม่ลูก ภาพครอบครัวเราสามคนก็ค่อยๆถ่ายกัน แสงเช้าก่อนจะสว่างเต็มที่จะมีนาทีแสงสวยมากเพียงแค่สั้นๆ ต้องรีบถ่ายให้ทัน โดยรวมเราได้ภาพสวยถูกใจ คลิปวิดีโอจาก Gopro9 ก็ดูน่าตื่นเต้นมาก สิ่งเดียวที่ขาดไปในเช้านี้คือหมอก วันนี้เราไม่เห็นหมอก ไม่มีทะเลหมอก

20231012072806_IMG_8074
20231012072614_IMG_8072

20231012073143_IMG_8080

รีสอร์ตที่นี่ให้กาแฟจริงจังมาก มีทั้งแบบซอง 3 in 1 และแบบดริ๊ป ตัวกาแฟดริ๊ปจะเป็นกาแฟบดจากดอยปางขอน กาต้มน้ำปากแหลมก็มีให้ใช้ มีเทอโมมิเตอร์สำหรับวัดน้ำในกาด้วย มีเตาให้ลูกค้าต้มน้ำกันสนุกเลย

20231012091720_IMG_8119
IMG_20231012_191342

หลังจากกินข้าวเช้าและนั่งมองวิว เรานั่งเล่นเน็ตท่ามกลางสายลมบนดอยอยู่พักใหญ่จากนั้นก็เก็บกระเป๋าเดินทางต่อ แวะถ่ายรูปคนกับรถกับจุดชมวิวกันอีกครั้ง ทุ่งกังหันอยู่บนดอย แม้ทางจะไม่โหดร้ายเหมือนภูทับเบิกแต่ก็อาจจะทำให้รถที่แบกน้ำหนักเยอะวิ่งขึ้นมาแล้วความร้อนขึ้น คนขับรถต้องสังเกตุหน้าจอของรถให้ดี ป้องกันรถพังกลางทาง

20231012121258_IMG_8172

จากนั้นก็ไปเที่ยวที่ฟาร์มดอกไม้ ไฮเดรนเยีย คาเฟ่ เขาค้อ – Hydrangea Cafe ที่นี่คือทุ่งดอกไม้ขนาดใหญ่ ดอกไม้สีสวยได้รับการดูแลอย่างดี คนที่นี่เขาเอาภูเขาทั้งลูกไปปลูกดอกไม้เพื่อให้นักท่องเที่ยวแวะมาถ่ายรูป เงินค่าเข้าสถานที่สามารถนำไปใช้เป็นส่วนลดค่าเครื่องดื่มได้

IMG_20231012_182016
20231012123929_IMG_8239
20231012121429_IMG_8181
20231012124337_IMG_8254
20231012125135_IMG_8287

เราไปแวะกินมื้อเที่ยงกันที่ร้าน pinolatte ซึ่งเป็นร้านอาหาร ร้านกาแฟ ที่ตกแต่งได้สวยราวกับเป็นร้านย่านทองหล่อ วิวภูเขาสวย ที่นั่งชมวิวมีคนเต็มแทบตลอดเวลา อาหารสไตล์ฝรั่ง มีอาหารไทยอยู่บ้าง มีกระเพราเนื้อให้สั่งด้วย ส่วนราคาอาหารก็ระดับกรุงเทพกลางเมืองเลย

dpp-IMG_8288
20231012141541_IMG_8298
20231012135806_IMG_8296
20231012135735_IMG_8292

อิ่มแล้วก็แวะมาไหว้พระที่พระธาตุผาซ่อนแก้วซึ่งอยู่ไม่ห่างกัน เรามองเห็นวัดตั้งแต่นั่งชมวิวที่ร้านอาหารแล้ว วัดแห่งนี้นักท่องเที่ยวเยอะมาก คาดว่าถ้าเป็นวันหยุดยาว หรือแค่เสาร์อาทิตย์ก็คงคนเยอะมากระดับน่าเบื่อเลย เพราะแค่วันธรรมดาที่เราแวะมาก็ดูมีคนเยอะ จุดเด่นของวัดนี้คือมีพระพุทธรูปรูปร่างประหลาด มีการประดับตัวตึกด้วยกระจกกระเบื้องเยอะจนดูเหมือนเป็นของแปลก

20231012145137_IMG_8330
20231012145721_IMG_8345
20231012150102_IMG_8354
20231012150249_IMG_8360

สิ่งที่ผมไม่ชอบเลยกับวัดแห่งนี้คือเขาบังคับให้เดินเท้าเปล่าในพื้นที่วัด ซึ่งตอนบ่ายสองแดดแรงๆ เราจะไม่สามารถยืนบนกระเบื้องตรงๆได้เลย มันร้อนมาก

ออกจากวัดเราก็เข้าที่พักอีกจุดคือโรงแรม the sense ที่นี่เป็นโรงแรมระดับห้าดาว ห้องพักสวย วิวสวย และที่นี่คือจุดที่เราคาดหวังไว้ว่าจะดูทะเลหมอกและถ่ายรูปมุมสวยๆที่เราเลือกมาแล้วจากกรุงเทพ คุณภรรยาเลือกจองห้องที่คาดว่าจะให้ภาพสวย

IMG_8592
dpp-IMG_8378
dpp-IMG_8424
2023-10-14_08-56-45
dpp-IMG_8429
dpp-IMG_8444

มื้อเย็นเรากินอาหารในที่พัก ห้องอาหารดูดี วิวสวยเช่นกัน คุณภาพอาหารระดับโรงแรม ราคาก็โรงแรม แต่มันก็สมราคา นอกจากวิวแล้วผมชอบอินเทอเน็ตที่โรงแรมนี้มาก ระบบ wifi ของโรงแรมทำได้ครอบคลุมทั่วทุกพื้นที่ดีมากและก็ข้อมูลวิ่งเร็วมากเช่นกัน หลังจากมื้อเย็นพอแสงหมดแล้วเราก็ใช้เวลาในห้องพัก เล่นเกมส์ เล่นเน็ต และลุ้นกันว่าพรุ่งนี้จะมีทะเลหมอกไหม

20231013061737_IMG_8479

เช้ามืดตื่นขึ้นมาตีห้า เราได้เห็นทะเลหมอกกันเต็มตา นั่งมองนั่งดูกันจนสว่างเลย ถ่ายรูปกันหลายมุม เก็บภาพกันให้คุ้มกับที่อุตส่าห์ดั้นด้นมาที่นี่ วิวทะเลหมอกอยู่กับเรานานเป็นชั่วโมง มีเวลาให้ค่อยๆชื่นชม เปลี่ยนเลนส์ถ่ายรูปเล่นกัน เลนส์วาย เลนส์เทเล่สลับกันทำหน้าที่

dpp2-IMG_7274
dpp-IMG_8507
dpp-IMG_8554

ที่โรงแรมแห่งนี้ก็มีระเบียงสำหรับนั่งชมทะเลหมอก มีเสื่อเตรียมไว้สำหรับใช้ปูนอนหน้าระเบียง เขาออกแบบมาแล้วว่าอยากให้แขกมีประสบการณ์แบบนี้ และบ้านเราก็เลือกมาแล้วว่าห้องพักห้องนี้ ริมระเบียงของห้องนี้ที่เราจะใช้เก็บภาพกัน แนะนำสำหรับนักท่องเที่ยวเลยว่าห้องพักหมายเลข9 คือวิวริมระเบียงที่สวยสำหรับการถ่ายรูป ผมไปยืนถ่ายรูปจากทางเดินห่างห้องพักไปสัก 20 เมตรเลย

dpp-IMG_8587

อาหารเช้าแบบสั่งได้ไม่อั้น เลือกจากเมนู คุณภาพอาหารดีมาก แต่ผมก็ยังชอบกินข้าวกะเพราไข่ดาวอยู่ดี มันไม่ใช่เมนูสิ้นคิด แต่มันเป็นเมนูระดับวัฒนธรรมแห่งชาติของคนไทย

dpp-IMG_8624

ก่อนกลับก็ถ่ายรูปที่ริมระเบียงกันอีกสักหน่อย โรงแรมนี้ราคาไม่ถูก และคนเข้าพักก็เต็มตลอดวันหยุด ขับรถเข้าถึงได้ไม่ยาก เส้นทางถนนดีตลอดทาง ไม่ต้องขึ้นเขาชันๆด้วย

ขากลับเราแวะซื้อของฝากไร่บีเอ็น มีกาแฟร้าน taproot ที่ออกแบบร้านสวยมาก ดูแล้วอยากนั่งนานๆเลย

dpp-IMG_8627
dpp-IMG_8670
dpp-IMG_8632
dpp-IMG_8645

แนะนำให้ลองชิมกาแฟลิ้นจี่ เป็นการรวมกันที่อร่อยมาก ผมว่ามันน่าสนใจไม่แพ้กาแฟน้ำส้มที่ฮิตกัน และเมนูนี้ก็เป็นเมนูเด่นของที่นี่ ซึ่งก็คงเป็นเพราะไร่บีเอ็นปลูกลิ้นจี่ด้วยนั่นเอง

dpp-IMG_8673

ออกจากที่นี่เราก็ขับรถมั่งหน้ากลับกรุงเทพ เส้นทางขากลับก็รถไม่ติด เพราะรีบชิงเที่ยวก่อน กลับก่อน หลบนักท่องเที่ยวช่วงวันหยุดยาวได้เยอะมากเลย

ทริปนี้ระยะทางรวมทั้งหมด 1118 กิโลเมตร  เราเติมน้ำมัน e20 ไปทั้งหมด  91 ลิตร  คิดเป็นอัตราสิ้นเปลือง  12.28 กิโลเมตรต่อลิตร คำนวณด้วยค่าน้ำมันประมาณ ลิตรละ 36 บาท ก็จะเป็นเงิน 3276 บาท

IMG_20231016_172257_311

การทำตัวอย่างกล่องก่อนผลิตจริง

การออกแบบแพ็คเกจจิ้งหรือออกแบบกล่องเพื่อจัดจำหน่ายเป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องพิถีพิถัน เราอาจจะต้องจ้างนักออกแบบกราฟิคที่มีความเชี่ยวชาญในการออกแบบกล่องโดยเฉพาะ เพราะงานกล่องจะเป็นงานที่ต้องมีการตัดไดคัทเป็นรูปทรงด้วย มันมีความซับซ้อนกว่าการออกแบบใบปลิวทั่วไป

912281

การออกแบบกล่องที่สมบูรณ์ควรจะจบถึงการออกแบบเส้นไดคัท หรือเส้นตัดที่จะใช้สำหรับประกอบเป็นกล่องออกมา เส้นไดคัทนี้จะต้องมีรายละเอียดของส่วนพับ ส่วนติดกาว ภาพหรือข้อความที่ปรากฏบนกล่องที่จะแสดงผลแต่ละด้านต้องจัดวางแต่ละหน้าให้สอดคล้องกัน ด้านบนและด้านล่างกล่องอาจจะต้องกลับภาพหันหัวคนละทาง และต้องเลือกว่าจะทำฝากล่องเปิดด้านไหน ปิดด้านไหนของข้อความด้วย

20220609181802_IMG_0921

เมื่อได้อาร์ตเวิร์คกล่องที่สมบูรณ์แล้วก็ต้องพิมพ์ตัวอย่างพร้อมตัดออกมาเป็นทรงเหมือนจริง ต้องเลือกความหนากระดาษให้เหมาะสม และที่สำคัญต้องทดลองทำกล่องขนาดเท่าจริงออกมา เจ้าของงานควรจะเห็นกล่องขนาดเท่าจริง และถ้าเป็นไปได้ตัวอย่างกล่องก็ควรทำจากกระดาษจริงด้วย เพื่อที่จะนำไปใช้ทดลองใส่สินค้าจริงเพื่อให้มั่นใจว่าใส่สินค้าไปแล้วกล่องจะรับน้ำหนักสินค้าได้ หากเลือกกระดาษบางเกินไปแล้วสินค้าเป็นของหนักก็จะทำให้กล่องเสียรูปทรง ไม่สามารถคงรูปกล่องไว้ได้ กระดาษหนาเกินไปก็จะมีข้อเสียในเรื่องของต้นทุนการผลิต และการได้ตัวอย่างขนาดเท่าจริงก็ยังใช้ไปเป็นแบบถ่ายภาพเพื่อทำงานโฆษณาต่อได้ด้วย


เจ้าของสินค้าอยากออกแบบกล่อง
หรือ นักออกแบบอยากทำตัวอย่างกล่อง
ติดต่อได้ที่ โทร 0819373130 หรือ
https://line.me/ti/p/vGR_HrU7Cd

อรุณสวัสดิ์เขาค้อ

ภาพนี้ถ่ายโดยใช้กล้อง Gopro9 ตั้งค่าเป็นการถ่ายแบบ timelapse โดยให้จับภาพแต่ละครั้งห่างกัน 10 วินาที รอจนกล้องถ่ายภาพสะสมได้ความยาวคลิปรวมกันประมาณ 10 วินาที ก็กดหยุด เป็นภาพพระอาทิตย์กำลังโผล่ออกมาจากเมฆในตอนเช้า และก็หายกลับไปในเมฆอีกที ถ่ายที่ทุ่งกังหันลม เพชรบูรณ์

ระหว่างที่กล้อง Gopro9 กำลังทำงานถ่ายภาพ timelapse อยู่นั้น ก็เป็นช่วงเวลาที่เราใช้กล้องอีกตัวหนึ่งถ่ายภาพนิ่งไปด้วย หากเรามีกล้องดิจิทัลตัวเดียวแล้วใช้ถ่ายวิดีโออยู่ เราก็จะหมดโอกาสถ่ายภาพนิ่ง หากไม่ใช่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งเดียวก็ไม่เป็นไร แต่จังหวะพระอาทิตย์โผล่ออกมาส่องแสงสีทอง ก็เป็นจังหวะเดียวกับที่เรากำลังบันทึกภาพวิดีโออยู่ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นครั้งเดียว และจะไม่มีอีกในวันนี้ มันก็หมายความว่าถ้าเราใช้กล้องตัวเดียวตลอดทริป เราจะก็จะต้องตัดสินใจว่าจะใช้กล้องถ่ายภาพคลิป หรือ ถ่ายภาพนิ่ง ในเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นตรงหน้า เราจะได้แค่เหตุการณ์เดียว ดังนั้นการพกกล้องสองตัวจะเปิดโอกาสให้เราได้ภาพที่ต้องการตลอดเวลา ไม่ว่าจะภาพนิ่งหรือวิดีโอ เพราะเราสามารถแบ่งหน้าที่ของกล้องได้อย่างชัดเจน

20231012073038_IMG_8078

มีสิ่งที่เยี่ยมที่สุดในวันที่ลิเวอร์พูลแพ้

2023-10-02_10-36-42

วันที่ 30 ตุลาคม 2566 เวลาประเทศไทยประมาณห้าทุ่มกว่า ลิเวอร์พูลแข่งกับสเปอร์ ระหว่างการแข่งขันลิเวอร์พูลมีผู้เล่นโดนไล่ออกสองคนแบบไม่ควรโดน ทำให้เหลือในสนาม 9 คนสู้กับทีมสเปอร์ ขณะที่สกอร์ยังเสมอกัน 1:1 โดยที่ลิเวอร์พูลไม่ได้ประตูจากการยิงเข้าไปอีกลูกหนึ่ง ซึ่งกรรมการบอกว่าล้ำหน้า ขณะที่คนที่ดูถ่ายทอดสดจะเห็นภาพช้าและดูยังไงก็ไม่ล้ำหน้า และกรรมการก็เช็คภาพช้าจากทีม VAR แต่ก็ยังยืนยันว่าล้ำหน้า แม้ว่าสุดท้ายหลังเกมส์จะออกมายอมรับว่าตัดสินผิดพลาด แต่มันก็ไม่ได้ช่วยให้เหตุการณ์เปลี่ยนแปลง

20 นาทีสุดท้ายที่ลิเวอร์พูลมี 9 คนต้องต้านเกมส์บุกที่กระหน่ำมาตลอดเวลา ช่วงยี่สิบนาทีนี้คือเกมส์รับที่ลิเวอร์พูลเล่นด้วยกำลังคนที่น้อยกว่า และการเล่นเกมส์รับมันต้องใช้พละกำลังอย่างมาก เราได้เห็นรูปแบบเกมส์รับที่มีวินัย ใจเย็น และที่สำคัญคือเจาะไม่เข้า นักเตะลิเวอร์พูลที่เหลืออยู่เล่นราวกับว่าเกมส์นี้คือนัดสุดท้าย มีเท่าไหร่ต้องทุ่มลงไปให้หมด

Jurgen Klopp

โค้ชอย่างเจอเก้นคร็อป ออกมาส่งสัญญาณมือตอนเกือบหมดเวลา สองมือวงรอบที่หัวใจเหมือนแบบเดียวกับนักร้องกำลังบอกแฟนเพลง โค้ชบอกลูกทีมให้เล่นด้วยหัวใจ เพราะแรงคงใกล้จะหมดแล้ว แต่ที่ยังวิ่งได้ต้องใช้หัวใจสั่งงานแทนสมองเท่านั้น ความพยายามกำลังจะเป็นผล ช่วงต่อเวลาบาดเจ็บเล่นกันเลยไปอีก 6 นาที มันเป็น 26 นาทีที่โหดร้ายมากสำหรับเกมส์รับ

ในนาทีสุดท้ายของช่วงต่อเวลา กองหลังลิเวอร์พูล มาติ๊ป สกัดพลาดทำให้ลูกเข้าประตูตัวเอง มันคือประตูพ่ายแพ้ มันคือนาทีสุดท้าย หมดเวลาเอาคืน มันคือนรกสำหรับกองเชียร์และนักเตะทั้งทีม วินาทีนั้นมาติ๊ปทรุดลงไปกับพื้น

กองเชียร์และนักเตะลิเวอร์พูลทุกคนช็อคและเสียใจ ไม่เกิน 10 วินาทีหลังจากนั้น อลิซอนผู้รักษาประตูรีบวิ่งเข้ามาโอบมาติ๊ป ประคองไว้ ผมเชื่อว่าสิ่งที่สื่อสารกันในวินาทีนั้น อลิซอนต้องพูดว่าไม่เป็นไร ไม่ใช่ความผิดของนาย

ฟุตบอลคือเกมส์ มันมีจังหวะที่พลาด มันไม่ได้เลินเล่อ แต่มันพลาด ซึ่งทุกคนก็เคยพลาด แค่มาติ๊ปพลาดในนาทีสุดท้าย คนอื่นก็พลาดในเกมส์อื่น นาทีอื่น มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ ความเสียใจอาจจะมากเพราะทุกคนใช้กำลังกายและกำลังใจอย่างผิดมนุษย์มาตลอดเกมส์ พอมาถึงจุดที่เสียประตูย่อมเสียใจและตกใจมาก

สิ่งที่อลิซอนทำมันยอดเยี่ยม การเข้าไปปลอบเพื่อน การให้กำลังใจกันมันเป็นสิ่งที่แฟนบอลที่ได้สติอยากจะบอกกับมาติ๊ปในวินาทีนั้น เฮ้ยเพื่อน ไม่เป็นไร ไม่มีใครอยากแพ้ แต่หากต้องแพ้มันเป็นแค่เกมส์ที่เกิดสิ่งที่ไม่คาดฝัน สิ่งที่พยายามมาอย่างต่อเนื่องมันยอดเยี่ยมกว่ามาก มันมีค่าเกินกว่าความพ่ายแพ้ ความทุ่มเทและการเล่นเป็นทีมแบบนี้แหละที่มันมีค่า

เกมส์นี้เราได้เห็นพลังเกมส์รับที่ลิเวอร์พูลสามารถเล่นได้ เป็น 26นาทีที่อยากให้เด็กที่รักฟุตบอลได้ดู เราได้เห็นการทุ่มเทด้วยหัวใจ เหตุการณ์วันนี้จะเป็นแรงผลักดันให้ลิเวอร์พูลมุ่งมั่นและแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม มันเป็นแรงฉุดที่รุนแรงยิ่งกว่าการพลาดแชมป์ที่คะแนนน้อยกว่าแค่ 1 แต้ม บางทีแรงฮึดหลังจากเกมส์นี้จะพาลิเวอร์พูลไปถึงแชมป์ก็เป็นไปได้