ฟังเพลงบน Macbookair M1

macbookairm1

ระบบเสียงในเครื่องโน้ตบุ๊คปกติจะให้เสียงไม่น่าสนใจ เพราะว่าตัวเครื่องโน้คบุ๊คมีความบางทำให้ใช้ลำโพงติดภายในแล้วเสียงไม่ค่อยดี การดูหนังฟังเพลงผ่านโน้ตบุ๊คมักจะให้อรรถรสที่แย่ ส่วนมากถ้าต้องใช้โน้ตบุ๊คดูหนัง ก็จะหาหูฟังมาใช้ หรือฟังเพลงผ่านโน้ตบุ๊คก็มักจะเสียบสายหูฟัง หรือไม่ก็ต่อออกลำโพงสักคู่หนึ่ง แต่กับ Macbookair M1 2020 ตัวนี้ให้เสียงออกมามีคุณภาพดีมาก ดีจนอาจไม่ต้องการหูฟังเลย เป็นความรู้สึกโชคดีที่เลือกใช้เครื่องคอมฯตัวนี้ แถมข้อดีด้านอื่นที่เด่นมากๆก็ได้แก่ แบตเตอรี่อึดมาก เป็นครั้งแรกในชีวิตเลยที่ได้ใช้โน้ตบุ๊คที่แบตทนกว่าโทรศัพท์มือถือ ตัวเก่าที่ออกปี 2010 เป็นตัวที่สามารถใช้งานได้ 6 ชั่วโมง ก็ว่าเทพแล้ว มาตัวนี้ยุคนี้ สเป็คเคลมไว้ที่ 18 ชั่วโมง เราสามารถพกโน้ตบุ๊คออกไปทำงานได้โดยไม่ต้องพกสายชาร์จ เป็นความรู้สึกคล่องตัวที่หาไม่ได้เลยจากโน้ตบุ๊คตัวเก่าที่ผ่านมา ธุระนอกบ้านที่ยาวนานทั้งวันโน้ตบุ๊คตัวนี้ก็พร้อมทำงานตลอดเวลา แวะร้านกาแฟก็ไม่ต้องหาที่นั่งใกล้ปลั๊กอีกแล้ว

ไม่มีพัดลม

ข้อดีอีกอย่างก็คือ Macbookair M1 เป็นคอมพิวเตอร์ที่ไม่มีพัดลม ทำให้ไม่มีเสียงพัดลมใดๆเลย มันให้ความเงียบที่ยอดเยี่ยม เหมาะกับการฟังเพลงมาก เหมาะกับการใช้งานทางด้านเสียงมากๆ และยิ่งได้ทดลองฟังเพลง ฟังรายการพอดคาสท์ต่างๆ บางทีก็ไม่ได้รู้สึกอยากได้หูฟังด้วย ฟังตรงๆฟังสดจากโน้ตบุ๊คตัวนี้เลยก็ได้

Screenshot 2566-09-06 at 11.12.23

พลังประมวลผลสูง

Macbookair M1 ใช้หน่วยประมวลผลที่ Apple ออกแบบมาเป็นพิเศษ เป็นซีพียูรุ่นใหม่ที่มีความสามารถสูงขณะเดียวกันก็ประหยัดพลังงานอย่างเหลือเชื่อ ทำให้คอมพิวเตอร์ที่ใช้ซีพียูรุ่นนี้เป็นเครื่องที่มีความเร็วในการทำงานต่างๆไม่ว่าจะเป็นงานเอกสาร หรือ การท่องอินเตอร์เน็ต กดเป็นมา อยากดู อยากอ่าน อยากฟังอะไรก็กดแล้วได้รับแทบจะทันทีขอแค่เราอยู่ในสถานที่ที่มีอินเทอเน็ตให้ใช้ และนั่นก็ทำให้การฟังเพลงจากอินเทอเน็ตเป็นไปอย่างเมามัน

เพลง careless whisper ช่วงนาทีที่ 31.00-36.00 เป็นเพลงฮิตที่มีเสียงเพอคัสชั่น ฟังบนคอมพิวเตอร์อย่าง Macbookair M1 วางบนโต๊ะไม้ แล้วเสียงเครื่องเคาะเกิดขึ้นห่างออกจากจอไปทางซ้าย ระยะห่างของเสียงที่รับรู้ห่างจากตัวลำโพงบนโน้ตบุ๊คออกไปแทบจะสุดแขนซ้าย จะเรียกว่าเป็นเสียงรอบทิศก็ใช่เลย ขณะเดียวกันเสียงร้องก็อยู่ตรงกลางใต้จอภาพ เสียงโดยรวมมีมิติที่กว้างขวางมาก พยายามหา setting ในเครื่องว่ามีระบบเสียง 7.1 หรือ 5.1 หรือเปล่า ก็ไม่พบ ตามไปหาอ่านข้อมูลอุปกรณ์ตัวนี้ในเว็บของ apple ก็พบว่า สเป็คบนเว็บที่พูดถึงจุดเด่นของโน้ตบุ๊คตัวนี้คือมันมีระบบเสียง Dolby atmos ด้วย ก็เลยไม่แปลกใจที่จะฟังเสียงตรงๆจากเครื่องแล้วได้เสียงรอบทิศพร้อมคุณภาพเสียงที่ดี

เสียงเบสก็มีให้ได้ยิน แม้จะไม่ได้มีปริมาณที่มากมายเหมือนลำโพงบ้าน แต่การมีอยู่ของเสียงเบสให้รับรู้ก็ยืนยันในคุณภาพลำโพงของเครื่องนี้ว่าตั้งใจนำของคุณภาพสูงมาใส่ไว้ในเครื่อง ต้องบอกว่าโน้ตบุ๊คเครื่องนี้มีลำโพงที่ให้เสียงดีที่สุดเท่าที่เคยใช้โน้ตบุ๊คมาเลย

ต่อสายก็ใช้ดี

การต่อหูฟังเข้ากับโน้ตบุ๊คตัวนี้ก็ให้คุณภาพเสียงที่ดี เพราะ Apple มักจะใช้ฮาร์ดแวร์คุณภาพสูงมาประกอบเครื่องอยู่เสมอ การฟังเพลงผ่านหูฟังทางช่อง 3.5mm นั้นมีระดับความดังที่เพียงพอ สามารถใช้กับหูฟังทั้งเล็กและใหญ่ได้ ลองใช้กับหูฟัง earpod ของ Apple เองก็ทำงานได้ดีเป็นปกติ ลองกับหูฟัง inear ก็ใช้งานได้สามารถถ่ายทอดเสียงได้หวานใส ลองกับหูฟังตัวใหญ่อย่าง Akg K701 ก็ทำงานได้ดีเช่นกัน ซึ่ง K701 ถือว่าเป็นหูฟังที่ขับยาก ต้องการพลังที่เยอะระดับหนึ่งถึงจะแสดงคุณภาพการฟังที่ดีออกมาได้ โดยรวมแล้วช่องหูฟังของโน้ตบุ๊คตัวนี้ถือว่ามีคุณภาพดีจริง การต่อสายสัญญาณจากช่องหูฟังไปยังเครื่องขยายเสียงอื่นๆก็ไม่มีปัญหา ใช้งานกับลำโพง active ได้ไม่มีปัญหา

สรุป

นักฟังเพลงในยุคนี้ ปี 2023 จำเป็นต้องฟังเพลงผ่านระบบคอมพิวเตอร์ เพราะแหล่งเพลงจะเป็นไฟล์ที่เก็บไว้ในคอมพิวเตอร์ บ้างก็เป็นสตรีมมาจากอินเทอเน็ต เช่น Spotify, Tidal, Youtube music อุปกรณ์หลักของการฟังเพลงจึงมักเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ ในอดีตเครื่องคอมพิวเตอร์หรือแม้กระทั่งโน้ตบุ๊คจะมีพัดลมระบายความร้อน เสียงมอเตอร์หมุนจะมีระดับความดังที่เราได้ยินเสมอ นั่นทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์เป็นจุดที่ทำลายคุณภาพเสียงในห้องฟัง นักเล่นที่จริงจังจะพยายามประกอบเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ไร้พัดลม ต้องลงทุนกับเคสกับฮาร์ดแวร์ที่ออกแบบมาเฉพาะทาง ดังนั้นการมาของคอมพิวเตอร์ไร้พัดลมอย่าง Macbookair M1 ตัวนี้ถือว่าตอบโจทย์อย่างที่สุด เพราะได้ความเงียบสงัดในห้องที่แท้จริง เชื่อว่านักฟังเพลงจำนวนมากจะซื้อ Macbookair M1 เข้าสู่ระบบเครื่องเสียงอย่างมากแน่นอน


หากต้องการซื้อ Macbookair M1 ซื้อได้ที่นี่

https://shope.ee/8f04dqUefC

ทำที่คั่นหนังสือ

การอ่านหนังสือที่ชอบหรือแม้แต่การอ่านหนังสือเรียนเพื่อเตรียมสอบก็เป็นสิ่งที่ต้องการความต่อเนื่อง หากเราได้อ่านหนังสือที่ชอบที่มาพร้อมกาแฟสักแก้ว ที่นั่งดีๆ แสงสว่างพอเหมาะ เราก็เหมือนได้อยู่ในสวรรค์ มันเป็นช่วงเวลาแห่งความสุข และจะต้องการความต่อเนื่อง แต่เมื่อมีธุระหรือจะพักชั่วคราว จะเติมกาแฟ หรือ เข้าห้องน้ำ เราก็ต้องการที่คั่นหนังสือ

IMG_5433

ปกติหนังสือที่ซื้อจากร้าน มักจะได้แถมที่คั่นหนังสือมาด้วย แต่ของแถมก็จะเป็นแค่เศษกระดาษโปรโมชั่น บ้างก็เป็นของแถมจากหนังสือบางเล่มในร้าน ซึ่งมันก็ทำหน้าที่คั่นหนังสือได้ แต่ไม่สวย และดูไม่มีกาลเทศะที่จะให้ใช้เลย และหลายๆครั้งผมก็หาเศษกระดาษใกล้ตัวมาคั่นหนังสือแทน บางครั้งก็หยิบรูปภาพที่อัดเป็นกระดาษเอาไว้มาคั่นหนังสือ การใช้งานที่คั่นหนังสือไม่มีอะไรพิเศษ แค่กระดาษมาวางสอดไว้ แต่มันก็คงดีถ้ามีที่คั่นหนังสือที่เราชอบ หรือ เราทำเอง

ที่คั่นหนังสือจะมีขนาดพอเหมาะสำหรับใช้งานประมาณ 1.25×8 นิ้ว ซึ่งเป็นขนาดที่ดูแล้วสวยงาม นอกจากจะใช้คั่นแบบปกติแล้วหากจะใช้สอดในหนังสือให้จมหายไปกับเล่มหนังสือ A5 ก็ได้ เพราะหนังสือ A5 จะมีความสูงประมาณ 8.25 นิ้ว นั่งคิดเลือกรูปที่จะนำมาทำ แล้วก็ตัดสินใจว่าจะทำที่คั่นหนังสือที่มีตัวเลขปฏิทินของเดือนปัจจุบันที่ทำที่คั่นหนังสือ ก็เลยไปหาไฟล์ในอินเทอเน็ต ค้นหาคำว่า calendar 2023 vector แล้ว google ก็ส่งลิงค์มาให้ เข้าไปโหลดไฟล์ปฏิทินที่มีแจกฟรี

Screenshot 2566-08-27 at 08.07.28

โหลดไฟล์ตัวเลขปฏิทินชนิด pdf หรือ ai ก็ได้ จากนั้นก็เอาไปวางประกอบกับภาพในโปรแกรม illustrator เพื่อให้ได้อาร์ตเวิร์คที่คั่นหนังสือที่ต้องการ แล้วก็ส่งไปพิมพ์ที่โรงพิมพ์ เลือกกระดาษเนื้อหนามีความสากเล็กน้อย เป็นกระดาษเนื้อปอนด์หนา ปกติกระดาษตัวนี้จะใช้ทำการ์ดแต่งงาน ผมมีเศษกระดาษตัวนี้เหลืออยู่จำนวนมาก ใช้ทำงานตัวอย่างให้ลูกค้า บางทีก็หยิบมาทำตัวอย่างงานอื่น เอามาพิมพ์ภาพถ่ายก็สวย ตอนนี้ก็ใช้ทำที่คั่นหนังสือ

IMG_5458

IMG_20230813_171614_128

เลือกทำที่คั่นหนังสือเป็นปฏิทินเดือนสิงหาคม เพราะเป็นเดือนที่ผมเพิ่งจะเที่ยวทะเลกับครอบครัว และทำที่คั่นหนังสือในเดือนนี้ก็เลยเลือกตัวเลขของเดือนสิงหาคมปีนี้เพื่อให้เป็นที่ระลึกถึงช่วงเวลานี้ ปฏิทินเดือนเดียวก็เป็นปฏิทินได้ เราไม่จำเป็นต้องทำปฏิทินรายปีที่มี 12 เดือนก็ได้ มันเรื่องของเรา

วิธีปฏิบัติตัวเมื่อต้องไปประชุมวงใหญ่

IMG_7333

การประชุมทางธุรกิจ เราจะเรียกว่าการทำ networking ส่วนมากจะมีวัตถุประสงค์ของการประชุม และส่วนมากยิ่งกว่านั้นคือเป็นการประชุมเพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ ดังนั้นเมื่อเรารู้ตัวว่าเราจะไปร่วมประชุมในกลุ่มใหญ่ จำนวนคนเข้าประชุมหลายสิบหรือหลายร้อยคน สิ่งที่เราควรจะทำก่อนไปประชุมคือ ถามตัวเองว่าธุรกิจของเราในปีนี้ ต้องการอะไร ต้องการลูกค้า หรือ ต้องการดีลเลอร์ หรือต้องการซัพพลายเออร์ เมื่อได้คำตอบในใจแล้ว เราก็พร้อมจะเข้าสู่การประชุม

เมื่อไปถึงที่ประชุมโดยเรามีเป้าหมายในใจแล้วว่าเราต้องการรู้จักใครเป็นพิเศษ ให้เราเดินหน้าทำความรู้จักทันทีกับทุกคนที่เราพบ โดยถามให้ชัดว่าเขาคือใคร อาชีพอะไร และจัดกลุ่มให้เขาเป็นกลุ่มดังนี้
กลุ่ม A คือเป้าหมายที่ตรงใจเรา

กลุ่ม B คือน่าสนใจ และอาจจะกลายเป็น A ได้

กลุ่ม C คือ ไม่ตรงเป้า ยังไม่ใช่สิ่งที่ต้องการ

ถ้าเขาเป็นกลุ่ม A  เป็นคนที่คาดว่าจะตรงเป้าหมายในใจ มีโอกาสช่วยเหลือทางธุรกิจต่อกันได้ อย่าทำแค่แลกนามบัตรแล้วบอกว่าจะโทรหา สิ่งที่เราควรทำก็คือ แสดงเจตนาว่าเราขอพบเขาในเวลาหลังจากนี้ เพื่อที่จะพูดคุยในรายละเอียด จากนั้นให้เราจดโน้ตต่อหน้าเขาเลยว่าเราขอจองเวลาของเขา มีปฏิทินก็หยิบมาเขียน มีสมาร์ทโฟนหรือแท็บเบล็ตก็หยิบมาคีย์ข้อมูลลงนัดหมายทันที จะอีกสามวันหรืออีกห้าวันหลังจากนี้ก็ให้กำหนดไปเลย ถ้าคู่สนทนาของเราเห็นด้วยว่าควรจะคุยรายละเอียดกันเพื่อพัฒนาธุรกิจซึ่งกันและกัน เขาจะยินยอมให้นัดหมายอย่างแน่นอน

ถ้าเขาเป็น กลุ่ม B  เป็นคนที่น่าสนใจ และน่าจะมีอะไรบางอย่างเชื่อมโยงกันได้ในอนาคต ให้แลกนามบัตรกันแล้ว แล้วขอบคุณและขอตัวแยกออกไปคุยกับคนอื่นต่อ โดยเราสามารถจะติดต่อภายหลังด้วยการส่งข้อความ ส่งอีเมล หรือไลน์ ไปทักทายในภายหลัง

ถ้าเขาเป็น กลุ่ม C  อย่าเสียเวลาคุยนาน ให้ขอบคุณและขอตัวอย่างสุภาพ อาจจะรู้สึกว่ามันห้วนและสั้นไปหน่อย แต่ไม่ต้องคิดมาก วิธีนี้สุภาพเพียงพอแล้วสำหรับการจบบทสนทนา

เราจะออกจากงานประชุมแบบมีนัดกลุ่ม A ที่ต้องพบกันในเร็ววัน เราจะมีกลุ่ม B ที่เราจะส่งข้อความไปขอบคุณ เพียงเท่านี้เราก็จะถือว่าเราได้ใช้ประโยชน์จากการประชุมวงใหญ่อย่างคุ้มค่าคุ้มเวลา