ใช้แฟลชปรับปรุงภาพ

PHOTO_COLLAGE1553348756275

สองภาพนี้เป็นรูปของพ่อผมเองที่นั่งอยู่ในห้องพักโรงพยาบาล จากการป่วยหนักอยู่หลายวัน พอถึงวันที่จะออกก็นั่งเล่นอ่านหนังสือพิมพ์สบายใจ ผมไปรับพร้อมกล้องถ่ายรูป ช่วงนั้นพกกล้อง yashica 635 ติดตัว เป็นกล้องที่ถ่ายภาพขนาด 6x6cm ใช้ฟิล์ม 120 ฟิล์ม 1 ม้วนจะถ่ายได้ประมาณ 10 ภาพ

ภาพแรกถ่ายตอนที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์ริมหน้าต่าง แสงจากด้านนอกสว่างมาก ส่วนแสงในห้องก็อยู่ในระดับปกติ หากเทียบกับแสงภายนอกก็น่าจะมีความแตกต่างกันหลายสต๊อป เลยตัดสินใจถ่ายภาพเลือกค่ารูรับแสงที่พอดีกับการใช้แฟลชที่พกมาด้วย เจตนาภาพหลักคือภาพที่ใช้แฟลช แต่ถ่ายภาพแรกถ่ายโดยปิดแฟลชเสียก่อน ได้ภาพแรกแล้วก็หยิบแฟลชขึ้นมา เสียบสายซิงค์กับกล้องแล้วปรับตั้งแฟลชให้ส่องขึ้นเพดานห้อง ตั้งใจใช้เทคนิคการเบ๊าซ์แฟลชเพื่อให้แสงแฟลชสะท้อนเพดานและแสงจะมีความนุ่มนวล ตั้งค่าของแฟลชเป็นแบบ Auto 2.8 คือแฟลชจะยิงแสงออกไป และมีเซ็นเซอร์หน้าแฟลชคอยวัดค่าแสง เมื่อค่าความสว่างบนวัตถุหรือตัวแบบพอดีกับค่า f2.8 ก็จะตัดการทำงาน ถ่ายเสร็จก็ได้ภาพสีสวยแบบภาพที่สอง

เพดานห้องพักเป็นสีขาว ความสูงไม่มากจึงสามารถเลือกใช้เทคนิคการเบ๊าซ์แฟลชได้ ฟิล์ม 120ม้วนนี้ความไวน่าจะ iso 160 ใช้กับกล้อง yashica 635 ที่มีรูรับแสงกว้างสุด 3.5 คิดหยาบๆก็คำนวณกำลังแฟลชให้เหมือนใช้รูรับแสง f4 บนฟิล์ม iso100 ก็ได้ เพราะใกล้เคียงกัน ก็เลยตั้งค่าแฟลชไปที่โหมด auto 2.8 เผื่อให้แฟลชเกินไว้ 1 สต๊อป การถ่ายภาพด้วยฟิล์ม จะคำนวณแสงแฟลชผิดไป 1 สต๊อป เป็นเรื่องที่ยังพอใช้งานได้ เพราะภาพแฟลชพอดี กับแฟลชอันเดอร์นิดหน่อย ก็ให้ภาพที่ดีได้ แค่คนละอารมณ์


IMG_0257

IMG_0267
IMG_0261

แฟลช Vivitar Automatic 2700 ตัวนี้เป็นแฟลชราคาไม่แพง ให้ฟังค์ชั่นการทำงานที่พอใช้งานสำหรับนักถ่ายภาพระดับเริ่มต้นแต่อยากจริงจัง ใช้เรียนรู้การทำงานกับแฟลชได้ เราสามารถใช้แบบ manual คำนวณค่าการเปิดรูรับแสงเอง หรือ ใช้แบบ Autoตั้งค่ารูรับแสงตามตารางด้านหลังก็ได้ แฟลชตัวนี้ซื้อในยุคปี คศ 1998 ซึ่งถึงปัจจุบันนี้แฟลชตัวนี้เปิดไม่ติดแล้ว

ทดลองใช้แฟลชตัวเล็ก Canon 90EX

แฟลช 90EX เป็นแฟลชขนาดเล็กใส่ถ่าน AAA จำนวน 2 ก้อน กำลังไฟหรือ guide number น่าจะประมาณ 8 หรือ ต้องตั้งค่ารูรับแสงเท่ากับ F8 เมื่อถ่ายวัตถุ 1 เมตรที่ความไวแสง iso100 แฟลชตัวนี้เป็นตัวที่แถมมากับกล้อง Eos M รุ่นแรกที่เปิดตัวเมื่อปี ค.ศ. 2014 ซึ่งในเวลานั้นกล้องรุ่นนี้คือกล้อง Mirrorless ตัวแรกของ Canon

20250412122055_IMG_3310

เทคโนโลยีการปล่อยแสงแฟลชของ Canon ก้าวล้ำไปมากตั้งแต่สมัยเป็นยุคฟิล์มแล้ว และเมื่อต่อยอดมาถึงยุคของกล้องดิจิทัล แฟลชที่มีให้ใช้ในกล้องรุ่นใหม่ก็มีความสามารถของแฟลชเพิ่มขึ้น และแฟลชแยกที่ต่อบนกล้องก็จะมีความสามารถสูงกว่าที่ติดมากับกล้องด้วย สำหรับ EX90 ตัวนี้แม้จะเป็นแฟลชตัวเล็ก เป็นตัวแถมมากับกล้อง แต่ก็มีความสามารถสูงน่าสนใจ ยกตัวอย่างเช่น สามารถใช้ล๊อคความจำแสงแฟลชได้ หรือ Fe Lock ทำให้ยิงแฟลชด้วยปริมาณแสงที่แม่นยำ ซึ่งผู้ใช้งานต้องหัดใช้ให้เป็นถึงจะได้ความแม่นยำแบบที่ต้องการ

20250412122112_IMG_3311

ยังมีความสามารถในการสั่งการแบบไร้สายเพื่อควบคุมแฟลช Canon ตัวอื่นได้ด้วย ทำให้เราสามารถใช้ EX90 เป็นตัวมาสเตอร์เพื่อควบคุมแฟลช Canon ตัวอื่นที่ติดตั้งรอรับคำสั่งการทำงาน การใช้แฟลชไร้สายแบบมีตัวมาสเตอร์จะทำให้แฟลชในระบบทุกตัวมีความสามารถเหมือนกัน สามารถใช้ลูกเล่นของแฟลชได้เต็มระบบ

20250412102358_IMG_3306

ตัวอย่างภาพถ่ายด้วยกล้อง Eos 6d คู่กับเลนส์ 24-105F4L เปิดที่ f4 auto iso ไม่เปิดแฟลช

20250412102347_IMG_3305

ตัวอย่างภาพถ่ายด้วยกล้อง Eos 6d คู่กับเลนส์ 24-105F4L เปิดที่ f4 auto iso แล้วเปิดแฟลช 90ex

การใช้แฟลช 90EX บนกล้อง Eos 6d จะเป็นการใช้งานแฟลชในโหมด E-TTL เมื่อกดชัตเตอร์ ก่อนที่กล้องจะเปิดรับภาพ กล้องจะส่งแสงแฟลชออกไปเล็กน้อยแล้ววัดแสงสะท้อนที่วัดถุ กำลังไฟแฟลชจะถูกคำนวณปริมาณที่ต้องใช้จริงกับวัตถุนี้ จากนั้นกล้องจะปล่อยค่าแสงที่ถูกต้องออกไปในตอนรับภาพจริง ถ้าเราสังเกตุการยิงแฟลชเราจะเห็นว่าแฟลชมีการกระพริบหลายครั้งก่อนที่จะยิงแสงจริงออกไป

ระบบการวัดแสงแฟลชก่อนการยิงแฟลชจริงเป็นการวัดค่าปริมาณแสงแฟลช ซึ่งในระบบแฟลชที่ซับซ้อนทันสมัยจะมีการคิดแบบนี้ แต่ละค่ายแต่ละยี่ห้อจะมีหลักการทำงานคล้ายกัน Canonเรียกระบบนี้ว่า E-TTL ซึ่งภายหลังมีการอัพเกรดเป็น E-TTL2 ส่วนค่ายกล้องอื่นๆก็มีชื่อเรียกเฉพาะของตัวเอง

สรุป

แฟลช Canon 90EX เป็นแฟลชตัวเล็ก น้้ำหนักเบา ใช้ถ่าน AAA 2 ก้อน เหมาะกับการพกพาติดกระเป๋ากล้อง สามารถนำไปใช้กับกล้องรุ่นโปรที่ไม่มีแฟลชในตัว ให้แสงแฟลชที่เพียงพอกับการถ่ายภาพระยะใกล้ และใช้รูรับแสงไม่แคบมาก ยิ่งใช้กับเลนส์ไวแสงยิ่งเหมาะ แฟลชมีความสามารถสูงสามารถใช้ลูกเล่น FE-Lock ได้ สามารถใช้เป็นตัวมาสเตอร์เพื่อควบคุมแฟลชไร้สายได้ EX90 เป็นของแถมจากกล้องรุ่นอื่นไม่ได้มีขายแยกเดี่ยว ถ้าจะหาซื้อต้องไปหามือสอง ราคาที่เคยรู้คือไม่ถึงหนึ่งพันบาท

dpp-eos6d-23dec2024-IMG_1440
dpp-eos6d-23dec2024-IMG_1441

สองภาพรูปนักฟุตบอลกำลังกินข้าวกล่องนี้ ใช้กล้อง Eos 6d ติดเลนส์ Nikon Fisheye 16mm2.8 ผ่านอแด๊ปเตอร์ แล้วก็ติดแฟลช 90ex บนกล้อง แม้จะใช้เลนส์คนละค่าย แต่แฟลชก็ยังทำงานได้ ภาพแรกไม่เปิดแฟลช ภาพล่างเปิดแฟลชด้วย กล้องจะยังคงประมวลผลแฟลชและสั่งการควบคุมความแรงของแฟลชให้พอดีได้ถ้าระยะของวัตถุไม่ไกลเกินไป

20250412083625_IMG_3291
20250412083652_IMG_3292

ภาพดอกตูมบัวสวรรค์ เปรียบเทียบภาพบนปิดแฟลช ภาพล่างเปิดแฟลช ระยะห่างวัตถุถึงแฟลชประมาณ 1 เมตร

20250412083450_IMG_3286
20250412083458_IMG_3287

ภาพใบไม้บนพื้น ภาพบนปิดแฟลช ภาพล่างเปิดแฟลช ระยะห่างวัตถุถึงแฟลชประมาณ 1.5เมตร

เปรียบเทียบภาพถ่ายที่ใช้แฟลช

การถ่ายภาพเป็นการบันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเก็บไว้เป็นภาพ ใช้หลักการปล่อยให้แสงผ่านเลนส์ไปตกยังตัวรับภาพแล้วก็บันทึกปริมาณแสงเอาไว้ สมัยโบราณการถ่ายภาพจะต้องทำตอนมีแสงเพียงพอหรือตอนที่มีแสงสว่างก็คือมีแสงจากดวงอาทิตย์ ส่วนการถ่ายภาพตอนกลางคืนหรือถ่ายภาพในที่ร่มเราก็เพิ่มอุปกรณ์อีกตัวหนึ่งขึ้นมาคือ มีไฟส่องสว่างให้กับเหตุการณ์ กล้องถ่ายภาพนิ่งจะรับภาพในเวลาสั้นๆ แสงสว่างที่ฉายไปก็ฉายไปในเวลาสั้นเช่นกันเพื่อประหยัดพลังงาน แสงที่ฉายออกไปเพียงครู่เดียวเลยเรียกว่าแฟลช หรือเป็นไฟกระพริบที่มีความสว่างเพียงพอต่อการบันทึกภาพ

การถ่ายภาพด้วยแฟลชเป็นการแก้ปัญหาแสงไม่พอเพื่อให้บันทึกภาพได้ ต่อมาก็เริ่มมีการใช้แฟลชเพื่อช่วยสร้างสรรค์ภาพให้แตกต่างไปจากเดิมได้ด้วย ช่างภาพจะเริ่มมีทางเลือกว่าจะใช้แฟลชในภาพหรือไม่ กล้องบางตัวมีแฟลชในตัวสามารถเลือกใช้หรือไม่ไม่ใช้ได้ กล้องระดับมืออาชีพไม่นิยมใส่แฟลชไว้กับตัวกล้อง แต่จะมีช่องให้ต่อแฟลชเพิ่ม

การใช้ กับ การไม่ใช้แฟลช ให้ผลกับภาพไม่เหมือนกัน ช่างภาพควรจะรเรียนรู้และทดลองใช้แฟลชให้เข้าใจ แล้วจากนั้นเมื่อเจอกับเหตุการณ์ต่างๆก็ค่อยตัดสินใจว่าจะใช่แฟลชหรือไม่ เพราะบางครั้งมีแฟลชก็ทำให้ภาพสมบูรณ์ขึ้น บางภาพไม่มีแฟลชก็อาจจะสวยกว่า ทุกการตัดสินใจให้ผลลัพธ์ที่แตกต่าง เราต้องตัดสินใจเองว่าอยากได้ลักษณะภาพแบบใด

ภาพถ่ายแบบไม่ใช้แฟลช ภาพแรกคือถ่ายภาพไม่เปิดแฟลช กล้อ eos m โหมด P เลนส์ 18-55mm

IMG_0131

ภาพที่สองเป็นการถ่ายภาพเปิดแฟลช ใช้แฟลช ex90 ติดบนหัวกล้อง eos m เลนส์ 18-55mm

IMG_0132

ภาพโต๊ะหนังสือและเด็กนั่งอยู่นั้น จะเห็นว่าแสงแฟลชจะทำให้ตัวเด็กสว่าง พื้นที่ที่โดนแสงแฟลชเพียงพอจะเห็นภาพเห็นรายละเอียด ไม่ได้เป็นเงาดำ หลายคนก็มักจะบอกว่า ใช้แฟลชเพื่อเปิดเงา หรือ บางคนก็จะบอกว่าใช้แฟลชเพื่อให้เห็นรายละเอียดชัดๆ ส่วนที่อยู่ห่างออกไปที่ขอบภาพหรือหลังห้องด้านซ้ายมือ เป็นจุดที่แสงแฟลขไปไม่ถึง เพราะแสงแฟลชเมื่อส่องกลางภาพจนสว่างเพียงพอแล้ว กล้องจะตัดการทำงานของแฟลช ทำให้ปริมาณแสงที่ไปยังขอบภาพหรือด้านหลังห้องนั้นแทบจะไม่มีผลต่อภาพเลย ภาพใช้แฟลชและไม่ใช้แฟลช ส่วนที่อยู่ห่างออกไปมากๆจึงไม่ได้มีผลอะไรเกิดขึ้น

IMG_0144

IMG_0145

ภาพเด็กนั่งในรถ เป็นการใช้แฟลชเพื่อส่องสว่างระยะใกล้ ผลของแฟลชทำให้เห็นรายละเอียดในเงามืด เห็นรายละเอียดของเบา ซึ่งปกติส่วนที่โดนแสงจะสว่างพอดีในภาพถ่าย แต่ส่วนที่อยู่ในเงาจะเป็นสีดำไม่มีรายละเอียด แฟลชที่ยิงออกไปจะไปส่องสว่างเงาเหล่านี้ และเก้าออี้อยู่ใกล้ๆกับวัตถุหลักหรืออยู่ใกล้กับจุดที่แฟลชทำงานถึง จึงได้รับแสงแฟลชเพียงพอ

เทคนิคการใช้แฟลชมีหลายอย่าง ถ้าให้เขียนทั้งหมดมันจะเป็นตำราถ่ายภาพเนื้อหาเยอะมาก หากบอกเป็นหัวข้อสั้นๆแล้วเอาไปขยายผลต่อเองก็จะได้ประมาณนี้

1 การใช้แฟลชโดยไม่สนใจแสงภายนอก

2 การใช้แฟลชร่วมกับแสงภายนอก

3 การใช้แฟลชมากกว่า 1 ตัว

4 แฟลชที่ให้แสงแข็งกับแสงนุ่ม

5 แฟลชแมน่วล

6 แฟลช ทีทีแอล

7 แฟลช ทีทีแอลแบบแอ๊ดวานซ์

8 แฟลชกับแผ่นสะท้อนแสง

9 แฟลชกับร่มสะท้อนแสง

10 แฟลชกับร่มทะลุ

11 แฟลชมีสาย

12 แฟลชไร้สาย

13 การชดเชยแสงแฟลช

14 อุณหภูมิสีของแฟลช

ที่เขียนออกมา 14 แนวทาง เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการใช้แฟลช ซึ่งตอนที่ใช้งานจริงเราอาจจะใช้สองแนวทางร่วมกันก็ได้ หรืออาจจะหลายแนวทางร่วมกัน หมายความว่า เรามีความน่าจะเป็นที่ต้องคิดต้องเลือกนับร้อยวิธีการใช้แฟลช เช่นการใช้แฟลชแมน่วลร่วมกับร่มสะท้อน ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่เกิดจาก 2 แนวทาง

บางสถานการณ์เราอาจจะใช้แฟลชแมน่วล ร่วมกับแผ่นสะท้อนแสง เพื่อถ่ายภาพร่วมกับแสงภายนอก โดยแฟลชจะเป็นแบบไร้สาย และต้องเลือกอุณหภุมิสีด้วย แค่นี้ก็มีเรื่องให้คิดอีกเยอะ

เทคนิคการใช้แฟลชเป็นเรื่องที่มีรายละเอียดจำนวนมาก คู่มืออธิบายการใช้งานแฟลชจะเยอะและหนากว่าคู่มือการใช้งานกล้อง เราอาจจะต้องใช้เวลาในการศึกษาเรื่องแฟลชยาวนานกว่าเรื่องอื่นในวิชาถ่ายภาพ ถ้ามีเวลาเราควรศึกษาอย่างจริงจัง ถ้าไม่มีเวลา ปล่อยมันผ่านไปแล้วบอกกับตัวเองและผู้อื่นว่าเราไม่ชอบใช้แฟลช


การถ่ายภาพด้วยฟิล์มกับการใช้แสงแฟลช

การถ่ายภาพด้วยฟิล์มได้กลับมานิยมกันอีกครั้งในยุค พศ.2563 แต่การหวนกลับมาของฟิล์มครั้งนี้มาพร้อมค่าใช้จ่ายที่แพงมหาศาล แต่คนก็ยังเหนียวแน่นกับการถ่ายภาพแบบลองผิดลองถูก ถ่ายทุกม้วนลุ้นทุกเฟรม การใช้แฟลชกับกล้องฟิล์มก็ดูจะมีบางกลุ่มที่ชอบใช้ เพราะลักษณะภาพแตกต่างไปจากมือถือ แตกต่างไปจากภาพจากกล้องดิจิทัล บทความนี้จะแนะนำการใช้แฟลชในบางรูปแบบเปรียบเทียบให้ดูว่า ช่างภาพยุคโบราณใช้แฟลชด้วยแนวคิดอย่างไร และอาจจะไม่เหมือนยุคนี้ทั้งหมด แต่หลักการจะสามารถนำไปใช้สร้างสรรค์ผลงานภาพได้

000037

ภาพที่1 ถ่ายภาพด้วยกล้องฟิล์ม เปิดแฟลชด้วย โดยใช้โหมด P บนกล้อง SLR ของ canon ลักษณะภาพจะได้แสงแฟลชพอดีบนตัวแบบ และฉากหลังค่อนข้างดำมืด นั่นเป็นเพราะว่าเมื่อเราเปิดโหมด P พร้อมด้วยเปิดใช้งานแสงแฟลช กล้องจะเลือกค่ารูรับแสง f4 และ ความไวชัตเตอร์เป็นค่าสูงๆประมาณ 1/60 วินาทีสำหรับที่แสงน้อย และอาจจะเลือกเป็น 1/125 วินาทีในที่แสงจัด กล้องจะคิดแทนเราว่าเราต้องการภาพไม่สั่น รูรับแสงน้อยเท่าที่เลนส์จะมีให้ได้ โดยฉากหลังจะมืดก็ไม่สนใจ เพราะตัวแบบจะได้รับแสงแฟลชที่เพียงพออยู่แล้ว ภาพจึงออกมาตามภาพคือตัวแบบได้แสงพอดี ส่วนฉากหลังจะดำเกือบมืดนั่นเอง

000038

ภาพที่ 2 เป็นภาพที่ตั้งใจปรับกล้องอีกแบบหนึ่ง เลือกการตั้งค่าให้เป็นโหมด AV พร้อมเปิดแฟลช ในโหมด Av บนกล้อง canon เมื่อเลือกรูรับแสง f4 กล้องจะเลือกค่าสปีตชัตเตอร์ให้เป็นค่าที่วัดแสงฉากหลังได้พอดี ซึ่งสปีดอาจจะต่ำลง ภาพแนวนี้ถ้าเป็นในอาคารจะใช้ขาตั้งด้วยเพื่อป้องกันการสั่นไหว นั่นจึงทำให้ฉากหลังของภาพที่ 2 นี้ ดูสว่างขึ้นกว่าภาพที่ 1 ส่วนตัวแบบจะได้แสงสว่างจากแฟลชและแสงในอาคาร แต่แสงหลักๆที่ทำให้ตัวแบบสว่างก็คือแสงแฟลช โดยรวมก็คือ ภาพที่1และ2 ตัวแบบจะได้แสงจากแฟลชเป็นแสงหลักและเป็นค่าแสงแฟลชที่สว่างพอดีบนตัวแบบ แต่ฉากหลังจะต่างกันตามโหมด P และ Av ที่กล้องคิดไม่เหมือนกัน

000031

ภาพที่ 3 เป็นโหมด Av ที่ปิดแฟลช เป็นการวัดแสงพอดีทั้งภาพ ตัวแบบจะได้แสงพอดีจากการวัดแสงจริงๆในโหมดนี้ และฉากหลังหากโดนแสงภายนอกส่องเข้ามาพอๆกับแบบ เราก็จะได้ภาพแบบและฉากหลังที่สว่างเหมือนกัน นั่นคือแสงพอดีเหมือนกันตั้งแต่หน้าถึงหลัง สถานการณ์นี้ขาตั้งกล้องจำเป็นมาก เพราะการถ่ายภาพในอาคาร วัดแสงพอดี ด้วยฟิล์มความไวต่ำ ความไวชัตเตอร์จะต่ำมาก หากถือด้วยมือเปล่าภาพจะสั่นแน่นอน

การใช้แฟลชถ่ายภาพมีเทคนิคการคิดหลายชั้น ค่อยๆฝึกถ่ายไปทีละบทเรียนก็จะมีความเข้าใจทีละน้อย สะสมความรู้ไปเรื่อยๆเราก็จะมีเทคนิคที่หลากหลายไปใช้ออกแบบรูปถ่ายของเรา ช่างภาพที่ดีก็คือช่างภาพที่เข้าใจแสงและอุปกรณ์ เส้นทางนี้ไม่มีทางลัด ต้องค่อยๆเรียนกันไป

รวมเทคนิคการจัดไฟถ่ายสินค้า

koibox-IMG_8010dpp
koibox-IMG_8017dpp

แหวนกับถุงผ้าสีชมพู ถ่ายภาพให้ดูเป็นของพรีเมี่ยม ดูเป็นแค็ตตาลีอคขายของ ก็จัดการวางแหวนไว้บนถุงผ้า เพื่อให้แหวนอยู่บนพื้นสีชมพู กล่องถ่ายภาพเป็นฉากขาว พื้นขาว ถ้าถ่ายแหวนเดี่ยวๆอาจจะไม่โดดเด่นมาก ก็เลยลองวางบนผ้า แล้วก็ได้ภาพน่าสนใจ กล่องกระดาษเจาะรูด้านข้าง ติดกระดาษขาวช่วยกรองแสง ใช้ไฟแฟลชส่องจากด้านข้างดวงเดียว ได้ภาพแสงนุ่มถูกใจ

Banana in lighting box
จัดไฟถ่ายกล้วย lighting banana

การใช้กล่องไฟเหมาะกับการถ่ายภาพสินค้า นอกจากกล่องกระดาษแบบ DIY แล้ว เรายังสามารถหากล่องพลาสติกขาวขุ่นมาใช้แทนได้ด้วย และเมื่อเจอถังขยะที่ขายอยู่ในห้าง ดูแล้วน่าจะเอามาใช้ได้ ก็เลยซื้อมาลอง แล้วก็กลายเป็นอุปกรณ์ถ่ายภาพไปอีกชิ้น กล่องไฟจากถังขยะ จัดไฟให้ส่องลงด้านบนกล่อง แล้วแสงในกล่องก็จะนุ่มนวล สามารถใช้ถ่ายสินค้าต่างๆได้เลย

24oct2011 test white box-IMG_8015
24oct2011 test white box-IMG_8031

กล่องถังขยะขาวขุ่นยังคงใช้งานเป็นกล่องไฟสำหรับถ่ายสินค้าอยู่เป็นระยะ มีอะไรอยากถ่ายเพื่อขาย หรือเพื่อถ่ายเล่นสวยๆ ก็จัดวางในกล่อง ไฟส่องด้านบนกล่อง แล้วก็จับภาพให้เห็นเฉพาะสินค้า เราก็จะได้ภาพถ่ายสินค้าคุณภาพสูง สีสันถูกต้อง

IMG_0016
IMG_0012

กล้องโพลารอยด์วางไว้ในกล่องไฟสีขาว กล่องตัวเดิมที่ใช้งานมาหลายๆครั้ง การจัดวางแสงไฟที่วางด้านนอก เราจะส่องเข้าด้านข้าง หรือส่องเข้าด้านบนของกล่องก็ได้ หรือ วางเฉียงเพื่อให้ไฟส่องได้ทั้งด้านบนและด้านข้างกล่องไฟ เราก็จะได้แสงภายในที่ แตกต่างไปจากงานตัวเก่า เพดานกล่องโดนแสงไฟ ด้านซ้ายกล่องก็โดนแสงไฟ ภายในกล่องก็จะเหมือนเราจตัดไฟสองดวง เหมือนแสงสว่างจะมาจากด้านข้างและด้านบน

IMG_b0218packaging
IMG_b0220packaging

กล่องไฟดัดแปลง ติดกระดาษด้านบน ด้านซ้าย ด้านขวา ตอนใช้งานกับถ้วยกาแฟเราก็ให้แสงแฟลชยิงเข้าด้านข้างกล่อง ไฟมาจากด้านเฉียงๆ แฟลชจะวิ่งไปโดนเพดานกล่อง และด้านซ้ายของกล่อง ชุดไฟแบบเคลื่อนที่เร็วราคาประหยัด ยกไปถ่ายที่ไหนก็ได้

IMG_0034
IMG_0037

กล่องไฟชิ้นเดิม นำมาใช้ถ่ายเครื่องเสียงหน้าตาโบราณ เราวางกล่องในห้องสีแดง มีข้อควรระวังเล็กน้อยคือ ไปแฟลชที่ส่องไปยังกล่องกระดาษ เราควรจะจัดไฟให้ใกล้กล่องสักหน่อย เพราะถ้าไฟอยู่ห่างจากกล่อง แสงไฟที่กระจายออกจากแฟลช จะวิ่งไปสะท้อนผนังห้องสีแดง จะมีไฟสีแดงเกิดขึ้นกับภาพของเรา แสงไฟสีแดงจะส่งผลต่อภาพสินค้าได้เช่นกัน ดังนั้น เราต้องจัดวางไฟแฟลชให้ใกล้กล่องที่สุดเท่าที่จะใกล้ได้ เพื่อให้ผลของสีแดงเข้ากล่องให้น้อยที่สุดนั่นเอง

IMG_1542
IMG_1538

กล่องไฟถ่ายสินค้ารุ่นทำเอง ยังคงทำงานของมันไปเรื่อยๆ ในบางครั้งเราก็เบื่อกับฉากสีขาว พื้นสีขาว หากเราอยากเปลี่ยนสี เราก็แค่เอากระดาษสีมาวางในกล่อง วางลาดจากพื้นกล่องขึ้นไปทางด้านผนังด้านหลัง เราก็จะได้ฉากสีดำสำหรับถ่ายภาพสินค้า สินค้าบางชนิดอยู่บนฉากดำจะดูสวยและเหมาะกับงานมากกว่าฉากสีขาว ไม่ว่าเราอยากได้ฉากสีอะไร เราก็เปลี่ยนได้ตามใจแค่ซื้อกระดาษสีที่ต้องการมาวางเท่านั้น

การใช้แฟลชในบ้านเพดานสูง

บางครั้งการถ่ายภาพในสภาพแสงน้อยเราก็อาจจะต้องใช้แฟลชช่วย  แม้ว่ากล้องรุ่นใหม่จะสามารถตั้งค่า iso ได้สูงลิบอยู่แล้ว  เพราะแสงแฟลชจะให้สีสันของภาพออกมาสดใสกว่าการถ่ายภาพด้วย iso สูงแต่เพียงอย่างเดียว

 

IMG_0292

ภาพที่1  สภาพแสงจริงภายในบ้าน

 

ภาพที่ 1 เป็นสภาพแสงที่มองเห็นจริงๆในบ้าน  แม้ว่าจะเปิดไฟในบ้านหมดทุกดวงแล้ว ความสว่างที่กล้องจะรับภาพก็ไม่ได้มากเลย  สถานการณ์แบบนี้ หากเป็นยุคของฟิล์มที่เรามีฟิล์มแค่ความไว 800 ภาพก็จะเกรนแตก และสปีดของภาพจะต่ำมากจนไม่สามารถจับภาพคนได้คมชัด  แต่กล้องดิจิทัลสมัยใหม่ ตั้งค่า iso ภาพนี้ไว้ที่ 3200  เราได้สปีดชัตเตอร์ที่ 1/60  รูรับแสง f4 ให้ภาพที่พอดูได้  แต่ไม่สวย

 

การถ่ายภาพสถานการณ์นี้ให้สมบูรณ์ขึ้นก็ต้องใช้แฟลช  จะทำให้เราสามารถเรียกสีสันจากสิ่งต่างๆในภาพออกมาได้ดียิ่งขึ้น  แต่การยิงแฟลชเข้าไปตรงๆเราก็มีโอกาสที่จะได้ภาพไม่สวย  การยิงแฟลชให้ดูแสงสวยนุ่มนวลมักจะต้องใช้เทคนิคการเบ๊าซ์แฟลช (Bounce)  มันคือเทคนิคการยิงแสงแฟลชไปชนเพดานสีขาว หรือกำแพงสีขาว แล้วให้แสงสะท้อนจากเพดานกลับมาโดนตัวแบบนั่นเอง

 

บ้านนี้เพดานไม่ใช่สีขาวด้วย  แถมยังอยู่สูงลิบ แฟลชที่ติดอยู่กับกล้องไม่มีทางวิ่งไปถึงแล้วสะท้อนกลับมาได้ในปริมาณที่เพียงพอจะถ่ายภาพ  ดูจากสิ่งแวดล้อมในบ้านแล้ว เห็นเพดานขาวอยู่เล็กน้อยในบริเวณชั้นลอย  เล็งด้วยสายตาแล้ว แสงสะท้อนเพดานส่วนนี้สามารถวิ่งลงมาถึงตัวคนได้  ก็เลยจัดการใช้แฟลชกับเพดานชิ้นนี้

 

IMG_0293

ภาพที่2  เพดานบางส่วนที่เป็นสีขาว

 

จัดการแยกแฟลชออกจากกล้อง  ใช้ตัวส่งสัญญาณแฟลชไร้สายหรือ trigger ติดแฟลช nikon sb26 แล้วนำไปวางบนพื้นชั้นลอย  เล็งให้แสงแฟลชยิงแล้วกระทบเพดาน  แสงสะท้อนจากเพดานจะวิ่งลงมาถึงชั้น 1 ได้  ตั้งค่ากำลังไฟในการยิงแฟลชไว้ที่ 1/2 ของไฟเต็มกำลัง  เพราะเจตนาจะให้สามารถยิงแฟลชได้ 2 ครั้งโดยไม่ต้องรอชาร์จไฟหลายวินาที  เมื่อวางตำแหน่งได้ที่แล้วก็ลองถ่ายทดสอบ  ค่าแสงลงตัวพอดี ใช้สปีดชัตเตอร์และรูรับแสงและ iso เท่าเดิม  คุณภาพแสงออกมาตามภาพที่2

 

ดูจากภาพพรีวิวที่หน้าจอของกล้อง  ดู histogram ของภาพนี้แล้วพบว่าส่วนกราฟกระจายตัวเต็มย่าน  ถือว่ามีคุณภาพใช้ได้แล้วก็เลยใช้ค่าแสงระดับนี้ถ่ายเหตุการณ์ที่ต้องการ  ก็ได้ภาพที่มีสีสันดีกว่าเดิม

IMG_0283

ภาพที่3  ถ่ายด้วยค่าแสงที่ต้องการ

 

บริเวณโซฟาเป็นบริเวณที่ถ่ายภาพด้วยค่าแสงที่เรากำหนดไว้ได้พอดี  แต่พอจะถ่ายภาพมุมอื่นที่อยู่หน้าบ้าน  ระยะทางของเปียโนที่วางอยู่หน้าบ้านห่างจากจุดสะท้อนแสงแฟลชมากกว่าโซฟา ทำให้ค่าแสงที่ตกลงบนเปียโนน้อยลง เราเปลี่ยนรูรับแสงให้กว้างขึ้นไม่ได้แล้วเพราะเลนส์มีรูรับแสงแค่ f4 ส่วนกำลังไฟแฟลชเราก็ไม่อยากเพิ่มเป็น 1:1 หรือเต็มกำลัง  เพราะไม่อยากเดินขึ้นไปเปลี่ยน  และไม่อยากรอให้แฟลชชาร์จไฟจนเต็มแล้วค่อยยิง  เลยเปลี่ยน iso ในกล้องให้มากขึ้น จาก iso6400 ไปเป็น iso12800 ก็จะทำให้ตำแหน่งเปียโนดูสว่างขึ้นจนพอดี  เพราะหากไม่เพิ่ม  iso ภาพจะมืดลงมาก เห็นได้ชัดเลยว่าแสงไม่พอ

 

IMG_0311

ภาพที่ 4 เปียโนที่เพิ่มค่า isoในกล้องเป็น iso12800

 

 

 

เทคนิคการถ่ายภาพด้วยแฟลชมีวิธีการมากมายให้เรียนรู้ แฟลชเก่าๆสักตัว กับตัวส่งสัญญาณไร้สายก็ทำให้เรามีเรื่องให้เล่นอีกมาก  ยุคของกล้องดิจิทัลจะสนุกกับแฟลชได้เต็มที่เพราะทดลองแล้วเห็นภาพทันที ไม่ต้องไปลุ้น ไม่ต้องถ่ายเผื่อแบบการใช้ฟิล์ม

 

การถ่ายภาพสินค้าด้วยแฟลช

เทคนิคการถ่ายภาพสินค้าแบบที่ได้คุณภาพ และ ได้ประสิทธิภาพทำงานได้เร็ว คือการถ่ายภาพสินค้าในกล่องไฟ  กล่องไฟในที่นี้คือกล่องที่มีผนังด้าน ซ้าย ขวา และเพดาน โปร่งแสง สามารถปล่อยให้แสงแฟลชมากระทบแล้วเรืองแสงให้ความสว่างแก่สินค้าได้  โดยกล่องไฟในภาพตัวอย่างนี้เป็นกล่องกระดาษใบใหญ่ ดัดแปลงตัดฝาผนังซ้าย ขวา และเพดานให้เป็นช่อง แล้วติดด้วยกระดาษไขบางๆ

 

IMG_0498

 

การจัดแสงผมเลือกใช้แฟลยิงด้านซ้าย และขวาอย่างละตัว  โดยด้านซ้ายผมยกแฟลชให้สูงขึ้น เพื่อให้แสงจากแฟลชไปกระทบกล่องทั้งด้านซ้าย และด้านบน  คือใช้แฟลชตัวเดียวเพื่อส่องแสงให้โดนกล่องสองด้าน  ส่วนด้านขวาก็ใช้แฟลชอีกตัวหนึ่งยิ่งตรงๆเข้าไปที่ผนังกล่องเลย  ภาพแรกนี้เป็นภาพของการเซ็ทอัพ  ยังไม่ได้ยิ่งแฟลชจริงๆ  แสงสว่างที่อยู่บนแฟลชเป็นไฟนำ หรือ ไฟส่องสว่างบอกทิศทาง ซึ่งจะติดตลอดเวลาที่ทำงาน  แต่เราก็สามารถปิดไฟนำได้  ศัพท์ฝรั่งเรียกไฟนำว่า model light

การส่งสัญญาณแฟลช ผมใช้ ทริกเกอร์  โดยตัวส่งจะไปเสียบที่ช่องเสียบแฟลชบนกล้อง และตัวรับสัญญาณอยู่ที่แฟลชตัวซ้าย  กล้องที่ใช้ถ่ายเป็นกล้อง canon eos 6d เลนส์ 24-105mm ปรับโหมด M ความไวชัตเตอร์ตอนถ่ายด้วยแฟลช 1/125 วินาที รูรับแสง f13   เลือกค่า iso 200  แล้วปรับกำลังของแฟลชทั้งซ้ายและขวาให้ภาพสว่างพอดี  แฟลชทุกตัวจะปรับกำลังไฟได้  ผมเลือกให้แฟลชทำงานที่กำลังไฟไม่ถึงครึ่ง หรือ ไม่เกิน 50% ด้วยเหตุผลว่า ถ้าเราใช้กำลัง 100% แฟลชจะยิงแสงออกไปจดหมดพลัง แล้วต้องประจุไฟฟ้าหรือชาร์จไฟใหม่หลายวินาที  การยิงแค่ครึ่งเดียว เวลาชาร์จไฟเข้าไปใหม่ก็น้อยลงไปครึ่งนึง ซึ่งใช้เวลาเพียง 1 วินาที สำหรับการยิง 50%  และแฟลชตัวขวาก็ทำงานโดยการอาศัยเซ็นเซอร์ในตัวที่จะยิงแฟลชตามการกระพริบของแฟลชตัวอื่น คนไทยเรียกว่าระบบ ตาแมว  ฝรั่งเรียกว่า  optical slave

 

IMG_0497

 

เมื่อยิงแสงแฟลชแล้ว ภาพจะเป็นแบบนี้  แสงสว่างจากแฟลชทั้งสองดวงจะวิ่งไปกระทบกล่อง ทำให้กระดาษไขเรืองแสง แล้วกลายเป็นแสงนุ่มๆให้กับวัตถุในกล่อง  เมื่อตั้งกำลังไฟได้ระดับที่ต้องการแล้ว ก็เร่ิมถ่าย จัดองค์ประกอบจริงๆที่จะใช้

IMG_0481

IMG_0492

 

 

IMG_0494

 

ภาพขนมในชามสีชมพูเป็นสินค้าที่ผมต้องถ่ายเพื่อไปใช้ทำกล่อง  งานถ่ายภาพสินค้าเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการขายของ ไม่ว่าจะขายในห้าง หรือขาย online การถ่ายภาพให้ได้ดังใจ  การถ่ายภาพโฆษณาให้มีคุณภาพเป็นสิ่งที่ช่างภาพทุกคนควรได้ฝึกฝน  และเทคนิกการถ่ายก็สามารถหาอ่านไม่ยาก  ยุคนี้กล้องดิจิทัลราคาถูก ไฟแฟลชสำหรับการถ่ายภาพสินค้าก็ราคาถูก เพราะเราไม่จำเป็นต้องใช้แฟลชตัวใหญ่  ลำพังเพียงแค่แฟลชตัวเล็กที่ใช้ติดบนช่องเสียบแฟลชของกล้องก็สามารถรับคำสั่งจากทริกเกอร์ไร้สายได้ก็สามารถทำงานนี้ได้เช่นกัน

 

 

การถ่ายภาพสินค้าด้วยโทรศัพท์มือถือ

การทำการค้าในปัจจุบันเราจะอยู่กับการขายผ่านอินเทอเน็ตแทบจะ 100% ทั้งการขายโดยตรง หรือ การส่งข้อมูลภาพสินค้าผ่านช่องทาง online รวมไปถึงการส่งภาพด้วย social network ทุกแพลตฟอร์ม การถ่ายภาพให้ดูสวยงามจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องเรียนรู้ เพราะภาพที่สวย จะทำให้คนอื่นสนใจสินค้าของเราเพิ่มขึ้น

การถ่ายภาพให้ดูสวยงามเป็นผลมาจากการเรียนรู้วิธีการถ่ายภาพอย่างถูกต้อง และผ่านการฝึกฝนอย่างเพียงพอ เพื่อให้ภาพมีคุณภาพที่ตรงกับความต้องการ สิ่งที่ภาพที่สวยงามจะต้องมีคือ ความคมชัด และ แสดงความสวยงามของสินค้าให้ได้

เกือบ 100% ภาพที่สวย มักจะเป็นภาพที่ คมชัด และ ไม่มืดหรือสว่างเกินไป คำว่าคมชัดแปลว่า ส่วนคำคัญของภาพ ไม่เบลอ ไม่สั่น ส่วนคำว่าไม่มืดหรือสว่างเกินไปหมายถึง ส่วนดำที่เกี่ยวข้องกับภาพก็ยังคงเห็นรายละเอียดไม่ดำมืดจนเหมือนปิดไฟ คำว่าไม่สว่างจนเกินไปก็จะหมายถึง ส่วนขาวที่เป็นรายละเอียดของวัตถุ หรือสิ่งสำคัญในภาพ ไม่ขาวโพลน หรือสว่างจนรายละเอียดหาย เราจะพูดติดปากได้ง่ายๆว่า ภาพที่ดีคือ ภาพชัดและวัดแสงพอดี

การถ่ายภาพสินค้า หรือภาพเพื่อการโฆษณา ที่นิยมทำมี 2 แบบ คือ แบบที่ถ่ายสินค้าวางบนพื้นขาว และ แบบถ่ายสินค้าวางบนพื้นลวดลายมีองค์ประกอบข้างเคียง ซึ่งในบทความนี้จะสอนวิธีการถ่ายภาพทั้งสองแบบ เพื่อให้เข้าใจวิธีการ และสามารถนำไปใช้กับสินค้าอื่นๆได้

สิ่งที่เราต้องเตรียมตัวมีดังนี้

1 ฉากสีขาวขนาดใหญ่กว่าสินค้า
2 แหล่งกำเนิดแสง จะเป็นหลอดไฟ โคมไฟ หรือ แสงจากหน้าต่างก็ได้
3 ขาตั้งกล้อง อุปกรณ์ยืดโทรศัพท์มือถือไว้กับขาตั้ง
4 กล่องถ่ายสินค้า ฉากถ่ายภาพ

การจัดแสงเพื่อถ่ายภาพฉากขาว

วิธีการถ่ายภาพสินค้าในอดีตที่ได้รับความนิยมมายาวนานหลายสิบปีก็คือการถ่ายภาพบนฉากสีเรียบ  ส่วนใหญ่จะใช้ฉากสีขาว ซึ่งวัสดุที่ใช้ทำฉากมักจะเป็นแผ่นพลาสติก หรือกระดาษขาว  การจัดแสงจะเป็นการจัดด้วยไฟแฟลช ส่องแสงจากทางซ้ายบน และขวาบน  แฟลชมักจะติดอุปกรณ์ช่วยกระจายแสงให้นุ่มนวล ในภาพจะเป็นร่มสีขาว ยิงแสงแฟลชสะท้อนร่ม แสงที่ได้จะนุ่มนวล

_MG_6345

แสงที่นุ่มจะทำให้วัตถุดูสวยมากขึ้น  และก็มีการพัฒนาการจัดแสงให้ถ่ายภาพสะดวกยิ่งขึ้น ได้ผลงานที่ดูดีขึ้น โดยการย้ายสินค้าเข้าไปไว้ในกล่อง เพื่อให้แสงดูนุ่มนวลที่สุด  แสงแฟลชที่ใช้บางคนใช้โคมไฟแทน และบางคนใช้แสงธรรมชาติจากหน้าต่าง จากพื้นที่สว่างภายในบ้านแทนได้เลย

_MG_2948

_MG_2947

_MG_2926

_MG_2968

_MG_2966

การถ่ายวัตถุด้วยฉากขาวเหมาะกับการทำ catalog ที่มักจะเป็นภาพสินค้า วางคู่กับตัวหนังสือ การถ่ายฉากขาวไปนานๆบางคนก็เบื่อ เริ่มใช้สีอื่นบ้าง  เราก็สามารถทำได้โดยการวางกระดาษสีไปบนฉาก อยากได้สีอะไรก็ซื้อกระดาษสีสีนั้นมาใช้  และนอกจากกระดาษธรรมดาแล้ว กระดาษที่มีลาย กระดาษมีเท็กส์เจอร์อย่างกระดาษสาก็สามารถใช้ได้ดี

IMG_6481

IMG_6485

IMG_6505

ถ้าเราไม่มีกล่องที่จะตัดเป็นช่องติดกระดาษขาว เราก็สามารถใช้ถังพลาสติกสีขาวที่ขายในห้างแทนได้  และการส่องแสงไปยังกล่องก็สามารถส่องจากด้านบนได้เลย

จัดไฟถ่ายกล้วย lighting banana

Banana in lighting box

IMG_0430

IMG_0432

การถ่ายภาพแบบมีองค์ประกอบ

การถ่ายภาพวัตถุเพียงชิ้นเดียวอาจเหมาะกับการทำแค็ตตาล๊อคสินค้า แต่เมื่ออยากได้ภาพที่สื่อสารได้มากขึ้นก็จำเป็นจะต้องใส่วัตถุอื่นๆหลายๆชิ้นเข้าไปในภาพด้วย

16apr2008_MG_3410

16apr2008_MG_3409

20apr2008-foodset2-_MG_3590

20apr2008-foodset2-_MG_3601

20apr2008-foodset2-_MG_3604

20apr2008-foodset2-_MG_3616

20apr2008-foodset2-_MG_3660

การจัดแสงถ่ายภาพ ไม่จำเป็นจะต้องใช้แฟลช หรือ ใช้โคมไฟสป๊อตไลท์แต่เพียงอย่างเดียว  เรายังสามารถใช้แสงธรรมชาติได้อีกด้วย  ซึ่งแสงธรรมชาติจะให้ภาพที่ดูดีได้ง่ายกว่าด้วย  แต่มีข้อจำกัดคือ ถ้าแสงน้อย หรือ อยู่ในช่วงเวลาที่แสงเริ่มสีไม่สวย อย่างตอนเช้า ตอนเย็น เราจะได้ภาพที่สีไม่ถูกใจ และถ้าเลยเวลาไปถึงคำมืดก็คือถ่ายไม่ได้

_MG_5446

การถ่ายภาพแนวดิ่ง หรือ top view

IMG_20170506_120650

IMG_20170506_120414

IMG_20170506_135643_906

IMG_0131

2017-05-31_04-53-23-01

IMG_20170515_131103

IMG_20170515_131106

IMG_20170515_131114

IMG_0634

การปรับปรุงภาพด้วย app

ภาพถ่ายที่ดีจะต้องมีองค์ประกอบที่เหมาะสม  ภาพแรกที่ได้จากการถ่ายอาจจะมี่ส่วนที่ไม่ต้องการ หรืออาจจะมีส่วนเกิน เราก็ควรจะตัดสิ่งที่ไม่ต้องการนั้นทิ้งไป  การตกแต่งภาพเป็นเรื่องจำเป็นที่เราควรทำ  และในยุคนี้ โปรแกรมช่วยแต่งภาพมีมากมาย และบนมือถือก็มีโปรแกรมน่าสนใจอยู่หลายตัว ในที่นี้จะแนะนำให้ใช้ snapseed เพื่อตกแต่งภาพ  รวมไปถึง instagram ที่สามารถถ่ายภาพและโพสท์ในโซเชียลเน็ตเวิร์คได้โดยตรงเลย

IMG_0005

IMG_20170424_165503_451

IMG_20170322_094703

IMG_20170322_205444_480

IMG_20161201_161339_1

IMG_20161201_164059

 

 

มาทดลองถ่ายภาพกันดีกว่า

ตัวอย่างการจัดแสงอย่างง่าย

IMG_b0218packaging

IMG_b0220packaging

DSCF1383

DSCF1386

DSCF1395

DSCF1398

 

ตัวอย่างการจัดองค์ประกอบด้วยการเปลี่ยนมุมถ่ายภาพ และการจัดวางอีกเล็กน้อย

IMG_20170604_152357

IMG_20170604_151543

IMG_20170604_151458

ถ่ายสินค้าด้วยแฟลชดวงเดียว

การถ่ายภาพสินค้าเพื่อขายหรือทำโบรชัวร์มักจะต้องมีการจัดไฟระดับหนึ่งเพื่อให้ภาพดูดีและมีคุณภาพพอให้นำไปตัดต่อหรือรีทัชต่อได้ การจัดไฟแบบง่ายๆใช้ของน้อยๆเป็นทางเลือกที่เหมาะกับการเริ่มต้นธุรกิจ กล่องไฟแบบดัดแปลง แฟลช1ตัว และตัวส่งสัญญาณแฟลชแบบไร้สาย สามอย่างนี้ทำให้เราสามารถถ่ายภาพสินค้าได้อย่างมีคุณภาพแล้ว

กล่องไฟ อาศัยดัดแปลงกล่องใหญ่ๆที่พอหาได้ นำมาตัดฝาด้านขวา ด้านซ้าย และด้านบนให้เป็นช่องสี่เหลี่ยม แล้วเอากระดาษไขหรือกระดาษขาวบางๆมาติดเหมือนเป็นหน้าต่าง กระดาษขาวจะทำหน้าที่กรองแสงที่เข้าไปในกล่องให้เป็นแสงที่นุ่มนวล ในกล่องไฟให้ใช้กระดาษขาวยาวๆปูจากฝาด้านหลังสูงสุดความสูงของกล่อง แล้วปล่อยยาวลงมาด้านหน้าเพื่อให้พื้นและฉากหลังเป็นสีขาว

IMG_b0220packaging

ขาตั้งแฟลชถ้าหาไม่ได้ เอาขาตั้งไมค์ก็ไม่เสียหาย ผูกแฟลชกับขาตั้งในตำแหน่งที่สูงกว่ากล่องและยิงแสง 45 องศาไปยังกล่อง กะให้แสงจากแฟลชโดนกล่องทางด้านข้างและด้านบน แค่นี้เราก็ได้ระบบการถ่ายสินค้าที่ประหยัดแต่คุณภาพดีแล้ว

IMG_b0218packaging

ในการถ่ายภาพก็ให้ตั้งค่าสปีดของกล้องให้เร็วระดับที่ทำงานกับแฟลชได้ทัน ส่วนมากจะทำได้ที่ระดับ 1/125 วินาที รูรับแสงก็ให้ตั้งค่าประมาณ f11 isoให้เร่ิมที่ 400 ไว้ก่อน กล่องสมัยใหม่มักจะทำงานที่ iso400 ได้โดยไม่เห็นน้อยส์มากวนใจแล้ว ตั้งค่าความแรงของแสงแฟลชให้ได้ความสว่างที่พอกับรูรับแสง ถ้าตัวแฟลชแบ่งระดับไฟไม่ได้ ก็ให้ใช้วิธีตั้งแฟลชให้ห่างกล่องหรือให้ใกล้กล่องเพื่อควบคุมความสว่างของแสงในภาพ แต่การใช้แฟลชที่แบ่งแรงดันหรือระดับความแรงได้จะทำให้เราสะดวกมากที่สุด เพราะหากเราตั้งค่ายิงแสงแฟลช 100% ทุกภาพ แฟลชจะต้องใช้เวลาชาร์จไฟหลายวินาที อาจทำให้การทำงานของเราเสียเวลาและอารมณ์ทำงานสะดุดได้ แต่ถ้าเราตั้งความแรงของแฟลชได้ที่ 1/4 หรือ 25% จะทำให้เราสามารถถ่ายภาพซ้ำได้หลายภาพติดต่อกัน ถ่ายมุมนี้แล้วเปลี่ยนไปถ่ายอีกมุมได้ทันที เพราะกำลังไฟในแฟลชยังเพียงพอต่อการยิ่งแสงซ้ำๆหลายครั้ง