เช็คระยะ honda freed 200000 กิโลเมตร

ผมขับรถฮอนด้าฟรีดมา เกือบ 200000 กิโลเมตรแล้ว  การเช็คระยะครั้งนี้ก็เลยเช็คแบบ 2แสน  การเข้าศูนย์ครั้งที่แล้วทำที่ระยะ 160000 กิโลเมตร  ส่วนระยะ 170000 และ 180000 ผมทำแค่เพียงเปลี่ยนน้ำมันเครื่องเองที่นอกศูนย์  เพราะไปซื้อน้ำมันเครื่องแถมลำโพงมา

IMG_20180202_140719

ระยะ 200000 กิโลเมตร ฮอนด้าฟรีดยังคงใช้งานได้ดี  แต่ก็มีอาการของเสียอยู่ตามอายุ  หลังจากเข้าศูนย์เพื่อเปลี่ยนน้ำมันเครื่องและน้ำมันเกียร์ ล้างเกียร์ครั้งใหญ่  ช่างก็เช็คอาการรถที่ควรเปลี่ยนหลายอย่าง คือ  ดุมล้อหลังเริ่มแตก จะมีเสียงดังตอนวิ่ง   ผ้าเบรกหน้าแตก  ส่วนโช้คอัพที่ผมสงสัยว่าจะเสื่อแล้วช่างตรวจสอบแล้วแจ้งว่า โช้คกระด้าง  บอกแค่นี้ก็เท่ากับว่า ยังไม่เสีย  แค่กระด้าง….  แล้วกระด้างแปลว่าอะไรกัน

IMG_20180202_140731

ค่าใช้จ่ายเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง เปลี่ยนหลอดไฟ หัวเทียน …. อุปกรณ์ข้างเคียง โดนไป 6000 บาท  ล้างเกียร์อีก 3500 บาท  จบแค่ส่วนเช็คระยะ  ส่วนงานซ่อมอื่นๆที่ช่างตรวจให้ก็มีใบแจ้งราคามาให้ตามภาพ  ถ้าทำทั้งหมดคงต้องใช้เงินอีก 3หมื่นกว่าบาท

ฟรีด เกียร์ 200000

ต่อทะเบียนรถขึ้นปีที่8

การต่อทะเบียนรถยนต์เมื่ออายุเข้าสู่ปีที่ 8 เป็นการต่ออายุที่ต้องมีการตรวจสภาพรถเสียก่อน  การตรวจสภาพรถจะต้องไปทำที่ศูนย์ตรวจสภาพซึ่งอยู่ตามอู่รถต่างๆ  ส่วนมากจะมีป้ายขึ้นไว้ว่า “ตรอ”  หรือ ตรวจสภาพรถเอกชน  ซึ่งการตรวจก็จะใช้เวลาประมาณ 10 นาที  ค่าใช้จ่าย 200 บาท  เมื่อตรวจเสร็จจะได้กระดาษมา 1 ใบ  สิ่งที่จะต้องเตรียมไปใช้ในการตรวจสภาพก็คือ สำเนาทะเบียนรถที่ถ่ายจากเล่มคู่มือจดทะเบียน  หากไม่ได้พกสำเนา หรือ ลืมถ่ายเอกสารไว้ ก็ใช้วิธีถ่ายรูปก็ได้  เนื่องจากพนักงานตรวจสภาพจะต้องกรอกข้อมูลรถให้ตรงกับเล่มทะเบียนนั่นเอง  ตรงนี้เดาไม่ได้ ต้องลอกตามคู่มือ

เมื่อได้ใบตรวจสภาพมาแล้ว ก็ให้ใช้งานร่วมกับใบคู่มือจดทะเบียน และใบ พรบ ที่ไปซื้อจากร้านค้า หรือ ซื้อจากบริษัทประกันภัยก็ได้  การไปต่อทะเบียนที่สะดวกสำหรับผมคือ ไปที่ บิ๊กซี สาขาที่มีบริการต่อทะเบียนรถ ซึ่งจะทำได้ในวันเสาร์และอาทิตย์  ผมจำเวลาแน่นอนไม่ได้ แต่ส่วนใหญ่ก็ไปช่วงบ่ายของวัน  ซึ่งวันนี้ผมไปทะเบียนที่บิ๊กซีสาขาบางบอน

2017-06-24_07-44-13

สรุปว่า ต้องมีเอกสาร 3 อย่างนี้เพื่อไปต่อทะเบียนคือ

1  คู่มือจดทะเบียนรถตัวจริง

2 ใบตรวจสภาพรถเมื่อรถอายุเกิน7 ปี รถผมต้องตรวจสภาพครั้งแรกในการต่ออายุเข้าสู่ปีที่8

3  ใบ พรบ คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ

ใช้เวลาในการต่อทะเบียนไม่เกิน 3 นาที  และคิวก็ไม่ยาวด้วย  ผมไปยืนรอแค่คิวเดียวก็ได้ยื่นเอกสารเลย  นับเป็นความสะดวกที่ขนส่งได้จัดบริการไว้ให้ น่าชื่นชมมาก ค่าใช้จ่ายในการต่อทะเบียนปีนี้ของฮอนด้าฟรีดคือ 1150 บาท  ซึ่งเป็นตัวเลขที่ลดลงจากปีก่อนเสียด้วย

อ่านประกาศจากกรมการขนส่งทางบกเรื่องต่อทะเบียนในห้าง
https://www.dlt.go.th/th/public-news/view.php?_did=2312

เปลี่ยนแบตเตอรี่ฮอนด้าฟรีด 2560 หลักกิโล 182704

รถฮอนด้าฟรีดของผมกำลังเข้าสู่ปีที่ 8 ซึ่งการต่อทะเบียนในเดือนหน้ารถผมต้องตรวจสภาพรถแล้ว จากรถใหม่กลายเป็นรถเก่าที่กรมการขนส่งก็ไม่เชื่อใจ  ต้องมีใบตรวจสภาพรถก่อนจะอนุญาตให้ต่อทะเบียนได้  และการใช้งานตัวรถก็ผ่านมาถึง 182704 กิโลเมตร  ซึ่งในวันนี้ วันที่เขียนโพสท์นี้ แบตเตอรี่ของรถก็ตาย หมดไฟไปดื้อๆแบบกระทันหันมาก  ตอนเช้ายังสตาร์ทติด  ตอนสายก็สตาร์ทติด ตอนกลางวันไปทำธุระใกล้ๆก็สตาร์ทติด  ซึ่งทั้งหมดผมก็รับรู้ได้ว่า กำลังไฟมันน้อยลง และสตาร์ทติดยากกว่าตอนแบตเตอรี่ยังสมบูรณ์อยู่

พอบ่ายๆก็สตาร์ทไม่ติดเสียแล้ว  และไม่มีวี่แววว่าจะติดได้  เพราะไฟหมดจริงๆ  หลายวันก่อนหน้านี้ผมก็รู้สึกถึงความหน่วงหรือ ความกำลังอ่อนของแบตเตอรี่  และก็ได้รีบซื้อน้ำกลั่นสำหรับแบตเตอรี่มาเติมโดยเร็ว  เปิดขึ้นมาดูก็พบกว่าน้ำในแบตเตอรี่แห้งไปจริงๆ  รีบเติมเข้าไปหวังว่าจะช่วยได้   มาวันนี้ก็สตาร์ทไม่ติดจนได้  ต้องเอาเพาเวอร์แบงค์ที่มีสายไฟพ่วงแบตมาช่วยสตาร์ท  รอรถปั่นไฟเข้าแบตสักสิบนาที แล้วลองสตาร์ทใหม่  พอลองสตาร์ทตรงอีกรอบ ไม่ติด  แสดงว่าแบตหมดสภาพจริงๆ

เปลี่ยนแบตเตอรี่ ฮอนด้าฟรีด Battery honda freed

ก็เลยได้ไปอุดหนุนร้านแบตเตอรี่ที่เคยใช้บริการ  รอบนี้ผมไม่รู้ว่าเขาจะจำผมได้ไหม เพราะผมก็เปลี่ยนแบตเตอรี่ที่นี่มาหลายลูกแล้ว  เจ้าของร้านสองคนผัวเมียยังคงช่วยกันทำงานดูน่ารักดี  ผู้ชายเปลี่ยนแบต ผู้หญิงส่องไฟ

IMG_20170525_155446
เปลี่ยนแบตเตอรี่ ฮอนด้าฟรีด Battery honda freed

ส่วนแบตเตอรี่อันเก่ายี่ห้อ 3k ก็ถอดออกมาทิ้ง ไม่รู้ทางร้านจะเอาไปทำอย่างไร แต่ก็ไม่ได้ขนกลับ

คราวที่แล้วผมเลือกแบตเตอรี่แบบถูกที่สุด คือแบบที่ต้องเติมน้ำกลั่นอย่างสม่ำเสมอ  ด้วยเหตุผลว่า ถ้าคุณภาพเท่ากันแล้วจะจ่ายแพงกว่าทำไม  แต่รอบนี้ ลองเปลี่ยนเป็นแบบไม่ต้องเติมน้ำกลั่น  แบตเตอรี่ที่ทางร้านจัดหาให้เป็นแบบไม่มีช่องสำหรับเปิดเติมน้ำแล้ว  ทางร้านบอกว่า ใช้จนพังไปเลย ไม่ต้องเติมน้ำ  ราคาครั้งนี้ 1800 บาท

สตาร์ทรถติดแบบดีๆ ฟังแล้วเสียงสตาร์ทเครื่องยนต์ด้วยแบตเตอรี่แบบเต็มๆมันแตกต่างจากแบตใกล้ตายจริงๆ  ขับรถกลับมาทำงานต่อ  รถวิ่งเรียบขึ้นกว่าเดิม เหมือนมีพลังเยอะขึ้น ไม่รู้มันเกี่ยวอะไรกัน  ความรู้สึกคล้ายๆกับได้เปลี่ยนน้ำมันเครื่องใหม่ๆเลย

ลืมไปอย่างนึง  ตอนที่แบตกำลังอ่อนมากๆ แต่ยังสตาร์ทรถได้นั้น มีอาการรวนกับประตูไฟฟ้าของฟรีดด้วย คือ บางครั้งประตูกดปุ่มเปิดก็ไหลออกมาปกติ แต่ตอนจะกดปิด บางทีรถก็ไม่ตอบสนอง ไม่สามารถกดปิดตามต้องการได้  ไม่รู้สาเหตุ  แต่ก็เดาว่าคงเป็นเพราะแบตเตอรี่ไฟอ่อนเกินไปจนระบบทำงานผิดพลาด  ต้องเอามือโยกปิดเอง

ย้อนกลับไปอ่านตอนเก่าเกี่ยวกับแบตเตอรี่ได้ที่นี่

เปลี่ยนแบต honda freed 2558

เปลี่ยนแบตเตอรี่ honda freed

เปลี่ยนลูกหมาก honda freed หลักกิโล171650

IMG_20161124_005057

เปลี่ยนลูกหมาก honda freed หลักกิโล171650 เปลี่ยนลูกหมากฮอนด้าฟรีดที่ศูนย์ราคาไม่แพงอย่างที่คิด

เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง honda freed หลักกิโล 167453

ช่วงต้นเดือนกรกฎาคม 2559 ได้ข่าวว่ามีน้ำมันเครื่อง ปตท มีโปรโมชั่นซื้อน้ำมันเครื่องแถมลำโพงบลูทูธ  JBL รุ่น go ซึ่งเป็นลำโพงเสียงดีตัวหนึ่ง ราคาลำโพงตัวนี้ในห้างขายอยู่ 1290 บาท เห็นมาหลายเดือนแล้วแต่ก็ไม่ได้ซื้อ  พอรู้ว่าทำโปรโมชั่นกับน้ำมันเครื่อง ปตท ก็เลยซื้อน้ำมันเครื่องเพื่อเอาของแถมซะเลย

 

ผมขับรถ honda รุ่น freed ปกติการดูแลรถยนต์ก็ยกให้เป็นหน้าที่ศูนย์  เข้าศูนย์ทุกหมื่นกิโลเพื่อเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง  ครั้งล่าสุดเปลี่ยนไปที่ 150,000 กิโลเมตร แล้วก็ลืม ทำงานเพลิน จนเลยระยะหมื่นกิโลไปเยอะมาก  ประกอบกับ ได้ซื้อน้ำมันเครื่องรุ่นโปรโมชั่น  เลยจัดการหิ้วไปเปลี่ยนที่อู่ข้างนอก ระยะหลักกิโลบนหน้าบัดคือ 167453 กิโลเมตร

 

2016-09-10_02-29-48

 

น้ำมันเครื่องรุ่นที่ใช้กับ freed เป็นสเป็คไหนก็ลืมไปแล้ว แต่รุ่นที่ซื้อมาเองเป็นของ  ปตท สเป็ค 0w-40 เป็นน้ำมันเครื่องสังเคราะห์ ในภาพคือ กล่องทางขวา  หาร้านแถวบ้านแล้วก็จัดการเปลี่ยน ค่าใช้จ่ายก็ ค่าแรง 200 บาท ไส้กรองใช้ของที่อู่ 150 บาท รวม 350 บาท ส่วนค่าน้ำมันเครื่องแถมลำโพงก็ 1550 บาท ซึ่งมีเพื่อนเล่าให้ฟังว่า ปกติ น้ำมันเครื่องรุ่นนี้จะราคาประมาณ 1250 บาท ก็เท่ากับว่า เราได้ซื้อลำโพงในราคา 300 บาทเท่านั้น

เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง 10sep2016

 

ส่วนลำโพงก็เอาไปใช้สารพัดประโยชน์ ฟังเพลงทั่วไป ใช้คุยโทรศัพท์ได้ด้วย เอาไปจัดเข้าชุดกับอุปกรณ์ Gadget อื่นๆอีกหลายรูปแบบ  บางวันก็พกกันอีรุงตุงนัง บางวันก็จัดมัดไปกับเครื่องเล่นเพลงชิ้นเล็กๆชิ้นเดียว เป็นความเพลิดเพลินของคนมีของเล่นเยอะ
IMG_2799

 

IMG_3022.JPG

 

เมื่อเปลี่ยนน้ำมันเครื่องเสร็จ ขับออกจากอู่ ความรู้สึกของรถก็ลื่นขึ้น นิ่งขึ้น เหมือนรถหายใจหายคอได้คล่องสะดวกกว่าเดิม  ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติของการเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง  ส่วนระยะยาวจะดีกว่าแบบเดิมไหม บางทีเมื่อเวลาผ่านไปจนระยะทางวิ่งไปถึงหมื่นกิโลเมตร เราอาจจะไม่ได้รู้สึกอะไรแล้วก็ได้ในความลื่นและนุ่มที่มีอยู่ในตอนนี้  แต่ยังไรก็ตาม  การได้ใช้น้ำมันเครื่องที่เกรดสูงกว่าแบบที่ศูนย์บริการรถเขาเลือกให้เราใช้ ก็ทำให้เราได้ใช้ของดีและรู้สึกสบายใจหรือพอใจมากกว่า  แค่นี้ก็พอแล้ว

 

สี่วันต่อมา

พอขับได้สัก หลายร้อยกิโล ก็สังเกตุได้ดังนี้ ตอนก่อนเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง เวลาที่ขับในทางด่วนว่างๆ หรือ ทางไกลว่างๆ ความเร็วเฉลี่ียของการวิ่งความเร็วในระดับที่คนขับรู้สึกพอดีไม่เร็วเกินไป เสียงลมไม่ดัง เสียงเครื่องไม่ดังเกินไป ความเร็วจะแช่อยู่ที่ประมาณ 90 กม./ชั่วโมง  แต่กับน้ำมันเครื่องตัวใหม่ พบว่าความเร็วเดินทางไกลมักจะไปแช่นิ่งๆอยู่ที่ 110 กม./ชั่วโมง ซึ่งเป็นระดับที่ความรู้สึกบอกว่าความเร็วเท่านี้ เสียงเครื่องดังเท่านี้ โอเค  มันก็หมายถึงเครื่องยนตน์เดินเรียบและเงียบไปถึงระดับ 110 กม./ชั่วโมง สูงกว่าน้ำมันเครื่องตัวเก่าไปพอสมควรเลย  จะบอกว่าพอใจก็ใช่ ถ้าให้ซื้อใช่อีกครั้งก็โอเคยอมรับได้ พอใจจะใช้ซ้ำในหมื่นกิโลถัดไป

 

 

 

เปลี่ยนยางฮอนด้าฟรีด กิโลเมตรที่ 155478

เปลี่ยนยางมาครับ kumho KH17 195-60-15 เส้นละ 1300 บาท
ไม่รู้ว่าดีหรือไม่ดี ทางร้านบอกว่า ของดีราคาถูก ลองหาในเน็ตแล้วไม่เจอคนด่า เลยลองเปลี่ยนดูครับ สัมผัสแรกรถนิ่มทันทีเลย ยังไม่รู้ว่าขับเร็วแล้วเป็นไงเหมือนกัน ยางชุดที่แล้วปี 2012 ครับ ใช้นานลืมเปลี่ยน เห็นอีกทียางหน้าแทบโล้น

12828944_10154081898369214_7711637674730627903_o
774916_10154081897569214_5966824897667852801_o
10262012_10154089607059214_2633770360092815158_n(1)

เปลี่ยนแบต honda freed 2558

เปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์กันอีกครั้งหนึ่ง อาการแบตเสื่อมถามหาอีกแล้ว ก่อนหน้านี้ประมาณ 2-3 สัปดาห์ รถฟรีดมีอาการ ประตูไฟฟ้าไม่ทำงานในบางจังหวะ ซึ่งเป็นอาการไม่รับคำสั่งจากรีโมท และไม่รับคำสั่งจากการกดเปิดที่สวิตซ์ในรถ ไม่ใช่เพราะลืมเข้าเกียร์ P หรือ ลืมเหยียบเบรกซึ่งมักจะเกิดกับคนที่เพิ่งได้รถมาใหม่ๆและยังไม่ชินกับประตูไฟฟ้าของฮอนด้า และสัญญาณที่ทำให้มั่นใจว่าแบตเสื่อมอย่างแน่ชัดคือ สตาร์ทไม่ติด

อาการสตาร์ทไม่ติดยังไม่รุนแรงมาก เพราะผมพกเพาเวอร์แบงค์ที่สามารถพ่วงสตาร์ทรถยนต์ได้ ช่วงสองสัปดาห์ที่แบตเสื่อมและผมไม่ว่างเข้าร้านเพื่อเปลี่ยนแบต รถสตาร์ทไม่ติดสามครั้งในช่วงสองสัปดาห์ บางทีพ่วงสตาร์ทแล้วก็ปกติใช้งานได้ ปิดเครื่องสตาร์ทใหม่ได้หลายวัน เลยทำให้ไม่รีบร้อนที่จะเปลี่ยนแบตเตอรี่เท่าไรนัก

รถผมอายุหกปีแล้ว วิ่งมาแล้ว 142823 กิโลเมตร เปลี่ยนแบตมาสองครั้ง ครั้งนี้จะเป็นครั้งที่สาม หรือเป็นแบตเตอรี่ลูกที่ 4 ของรถคันนี้ จังหวะขับรถผ่านร้านเดิมที่เคยอุดหนุนและเคยเขียนรีวิวเอาไว้แล้ว รอบนี้สอบถามเจ้าของร้านแนะนำแบตเตอรี่ลูกละ 1800 บาทให้ เป็นแบตแห้ง ไม่ต้องเติมน้ำกลั่นบ่อย ผมบอกว่า เคยทำ 1500 บาท เจ้าของร้านบอกว่า รุ่นนั้นก็มีแต่จะเป็นแบบต้องเติมน้ำบ่อยกว่า แต่คุณภาพไม่ต่างกัน ผมก็เลยเลือกของถูกที่คุณภาพไม่ต่างกันแทน ก่อนจะสั่งให้เปลี่ยนก็ค้นบล๊อกตัวเองหาข้อมูลที่เคยเขียนไว้และก็พบว่าครั้งที่แล้วผมก็ใช้รุ่นของถูกต้องเติมน้ำกลั่นบ่อยนี่แหละ ซึ่งหลังจากเปลี่ยนแล้วก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร

เจ้าของร้านคงจำผมไม่ได้ แต่ผมจำได้ เถ้าแก่คนเดิม แบตเตอรี่รุ่นเดิม วิธีการเปลี่ยนเหมือนเดิม ทุกอย่างเหมือนเมื่อหลายปีก่อน ลองย้อนกลับไปอ่านได้เลย พอเปลี่ยนเสร็จก็จ่ายเงิน ออกจากร้าน รูปถ่ายที่บันทึกไว้ก็ทะยอยเอามาโพสท์เพื่อเป็นรีวิวครั้งที่สองของร้านนี้ แต่ครั้งนี้มีภาพเพิ่มเติมก็คือ มีใบเสร็จรับเงินของร้านให้ด้วย มีชื่อร้าน มีเบอร์โทร ใครสนใจบ้านใกล้ร้านนี้ก็เก็บไว้เป็นทางเลือกได้

P_20150815_174845

ใบเสร็จรับเงิน มีชื่อร้าน ที่อยู่ เบอร์โทร

P_20150815_132749

แบตเตอรี่ 3K รุ่น NS40ZL กำลังไฟ 35แอมป์

P_20150815_133019

มีสายพ่วงแบตมาพ่วงไฟเลี้ยงจากแบตภายนอกไว้อีกก้อนหนึ่ง เครื่องเสียงรถก็จะไม่รีเซ็ท ไม่ต้องตั้งใหม่

P_20150815_133008

P_20150815_133101

แกะกล่องเติมน้ำกลั่น แล้วก็มาอัดไฟเข้าไป นั่งรอ 15 นาที

 

ขับรถออกจากร้าน เถ้าแก่บอกว่า ให้ขับนานๆหน่อย  ตอนจอดรถ ให้จอดติดเครื่องค้างไว้ก่อน 15 นาที  เหตุผลเพราะแบตเตอรี่ใหม่ต้องการอัดไฟให้เยอะๆไว้ก่อน 

เช็คระยะฮอนด้าฟรีด 130000 กิโล

เอารถเข้าศูนย์เช็คระยะ 130000 กิโลเมตร มีอาการเสียดุมล้อหลังเสีย ส่งเสียงดัง ที่เหลือก็เปลี่ยนของเหลวไปตามที่ศูนย์แนะนำ ส่วนอาการเสียดุมล้อหลังเอาไปทำข้างนอกครับ เพราะของศูนย์แจ้งราคามาเกือบหกพันบาทเลยยังไม่ทำ

เช็คระยะ 130000 ฮอนด้าฟรีด

ค่าใช้จ่ายรอบนี้ 3185 บาท ยังไม่รวม vat

3 วัน 2 คืน เอวาซอน ปราณบุรี

เอวาซอนหัวหิน หรือ เอวาซอนปราณบุรี มันคือที่เดียวกัน ตอนที่ผมรู้ว่าจะต้องขับรถมาที่นี่ก็หาข้อมูลจากในเน็ต และก็เกิดอาการมึนงงว่าตกลงมันอยู่ใกล้หัวหิน หรือ มันอยู่ปราณบุรี ใครช่างใส่ข้อมูลให้คนเดินทางต้องสับสน เลยต้องถามแฟนอีกครั้งว่า เอวาซอนมีที่เดียว ไม่มีสาขาใช่ไหม พอรู้ว่าที่เดียวก็เลยหายงง ขับรถไปปราณบุรีนั่นเอง

IMG_0002_1.JPG

ออกเดินทางจากกรุงเทพ ถนนนครอินทร์ เติมน้ำมันเต็มถัง e20 รถฮอนด้าฟรีด จดระยะทางบนหน้าจอเก็บไว้ 133660 กม แล้วก็ขับไปตามเส้นทาง พระราม2 ปากท่อ เพชรบุรี เข้าบายพาสไม่ผ่านชะอำ ตรงไปที่ปราณบุรี แวะกินมื้อกลางวันที่ร้านยกซด ซึ่งเป็นร้านดังที่มีแต่รถกรุงเทพแห่มากิน และเข้าที่พักเอวาซอน ปราณบุรี โดยการนำทางของ gps ยี่ห้อ garmin

IMG_0004_1.JPG

ห้องพัก 313 เป็นห้องพักขนาดใหญ่ ในห้องมีเตียงเดี่ยวขนาดนอนสองคนหนึ่งเตียง มีมุ้งให้ด้วย ที่ระเบียงหน้าห้องมีอีกหนึ่งเตียงใหญ่ๆพร้อมมุ้งเช่นกัน ใครอยากนอนดมกลิ่นดินและน้ำค้างก็ให้นอนระเบียงไม่ต้องกลัวยุง สิ่งอำนวยความสะดวกในห้องพักเป็นไปในแบบหรูหราห้าดาว แต่ที่นี่ไม่มีอ่างอาบน้ำ ไม่มีเครื่องเล่นดีวีดี เคเบิ้ลทีวีไม่ระบุสัญชาติ ดูช่องทีวีดิจิทัลไม่ได้ อินเทอเน็ตแบบไร้สายมีให้ใช้ แต่ห้องหนึ่งจะจำกัดให้ต่อได้แค่ 2 อุปกรณ์ แฟนผมใช้สิทธิ์ไปหนึ่ง ตัวผมเอง มีโน้ตบุ๊คสองตัว มีมือถือ มีแท็บเบล็ต จะใช้แต่ละชิ้นก็ต้องคอย disconnect ตัวเก่าก่อนทุกครั้ง ลำบากมากกับคนของเล่นเยอะ

IMG_0008.JPG

พื้นที่ในโรงแรมจัดไว้เป็นระเบียบ กว้างใหญ่ดี แต่ก็ทำให้ที่จอดรถอยู่ไกลจากห้องพักมาก ไม่สามารถจะเดินไปหยิบของที่รถแแล้วเดินกลับห้องได้ง่ายๆเลย ทีแรกก็ทำได้ แต่ถ้าให้ทำอีกทีขอเรียกรถกอล์ฟดีกว่า คนของเยอะกระเป๋าแยะต้องวางแผนการย้ายของให้ดี พอบ่ายมากๆเกือบเย็นก็พาลูกไปเล่นทรายที่ชายหาด ปรากฏว่า ไม่มี โรงแรมนี้ไม่มีหาดทราย มีถนนกั้นระหว่างโรงแรมกับทะเล พ้นถนนก็ตกทะเลเลย ไม่มีหาดทราย ย้ำ ไม่มีหาดทราย ผมได้ยินชื่อเอวาซอนมาหลายปี ไม่เคยคิดว่าจะเป็นโรงแรมติดทะเลที่ไม่มีหาดทราย

IMG_0014_1.JPG

ในช่วงเวลาที่พวกเราอยู่ในเอวาซอนเป็นช่วงที่มีการทำถนนเรียบชายหาด แต่ชายหาดที่นี่มีเพียงสั้นๆและไม่ได้อยู่ใกล้โรงแรมในระดับที่เดินถึง หน้าโรงแรมด้านทะเลเป็นบันไดเดินลงทะเล ไม่สามารถเล่นน้ำทะเลได้ มีกองทรายก่อสร้างอยู่ด้านหน้าเอวาซอนที่ดูเหมือนจะเอาไว้จัดงานอะไรสักอย่างที่กำลังจะรื้อออก ก็เลยให้ลูกเล่นทรายที่บ่อทรายก่อสร้างนี้แทนก่อน เดี๋ยวพรุ่งนี้จะขับรถหาหาดทรายจริงๆให้

IMG_0026_1.JPG

โลกของเด็กสวยงามเสมอ เห็นทะเล เห็นกองทรายก่อสร้าง เด็กชายขอบฟ้าก็บอกนี่ไงหาดทราย แล้วก็ขอเล่นทันที อุปกรณ์ตักทรายก็โรยตัวลงบนพื้นแล้วก็เรนเดอร์ไปตามจินตนาการของเด็กคนหนึ่ง เห็นลูกสนุกพ่อแม่ก็ฟินแล้ว ปล่อยให้เล่นไปตามใจเลยแบบนี้

IMG_0020_1.JPG

กลับมาที่ห้องพัก เราเริ่มมองเห็นของหลายอย่างที่ดูน่าสนใจ มีรายละเอียดที่อยากจะบันทึกเอาไว้ เริ่มจาก ปลั๊กไฟ usb power ที่ฝังอยู่ที่ผนังพร้อมใช้งาน ไม่ต้องพกอแด๊ปเตอร์ usb เลย เราสามารถเสียบสายจากผนังมาชาร์จมือถือได้ทันที เพิ่งจะเจอที่นี่ที่แรกที่ออกแบบไว้พร้อมขนาดนี้ แถมปลั๊กไฟรอบๆห้องก็มีจุดให้เสียบหลายจุด สามารถเสียบโน้ตบุ๊คใช้ไฟห้องได้พร้อมกันไม่ต่ำกว่า 4 ตัว ซึ่งไม่ต้องไปแย่งปลั๊กไฟจากทีวี ตู้เย็นและกาต้มน้ำเสียด้วย ปลั๊กไฟที่นี่ให้หกดาวเลย

IMG_0072_1.JPG

อีกจุดนึงที่เจ๋งก็คือไฟหัวเตียง ไม่ได้มาเป็นโคมไฟดูโบราณฝุ่นจับดูไม่กล้าแตะแบบโรงแรมทั่วไป แต่มาเป็นแท่งดูทันสมัย ใช้หลอด led เปิดปิดที่กระบอกโคมได้เลย แสงสว่างมากพอสำหรับอ่านหนังสือหรือให้ความสว่างในห้องได้อย่างเพียงพอ และแท่งแบบนี้มีทั้งสองฝั่่งเตียง ผมคิดว่าเจ้าของโรงแรมเข้าใจพฤติกรรมนักท่องเที่ยวเป็นอย่างดีถึงออกแบบแสงสว่าง ปลั๊กไฟ ได้โดนใจขนาดนี้

IMG_0073_1.JPG

มีกระดาษแนะนำใบหนึ่งที่ดูดีมากๆ มากกว่าจะเป็นแค่กระดาษจดหมาย A4 ธรรมดา ลักษณะการพิมพ์เป็นงานพิมพ์สีเดียว พิมพ์บนกระดาษหนาพิเศษ คาดว่าจะเป็นงานพิมพ์ระบบ letterpress หรือไม่ก็ screen เพราะเครื่องพิมพ์อ๊อพเซ็ท และ injet ทำงานกับกระดาษหนาขนาดนี้ไม่ได้ กระดาษใบนี้ถูกวางไว้ในห้องเพื่ออธิบายสิ่งที่โรงแรมต้องการบอกกับนักท่องเที่ยว และตั้งใจใช้งานอย่างยาวนานเลยทำให้ดูพรีเมี่ยมและดูทน ใครเห็นก็ต้องอ่าน ไม่ใช่มองผ่านไปแบบกระดาษใบปลิวทั่วไป

IMG_0075_1.JPG

โรงแรมมีอาหารเช้าให้เป็นบุฟเฟ่ต์ มื้อเที่ยงต้องหากินเอง เราลองมากินที่ร้านของโรงแรมบ้าง พนักงานแนะนำว่า ถ้ามีเด็กมา จะมีเมนูให้เด็กฟรีหนึ่งเมนูในหน้าพิเศษ ดูรายการอาหารแล้วก็เลือกบะหมี่น้ำให้ขอบฟ้า ส่วนพ่อกินแซนวิช แม่กินพิซซ่า ของที่นี่เมนูเด็กก็ไซ้ส์เล็ก เมนูผู้ใหญ่ก็ไซ้ส์ใหญ่ กินกันอิ่มเลย เราบอกกับขอบฟ้าว่า ถ้าจะเล่นอะไรในโรงแรมจะต้องกินข้าวให้ท้องป่องถ้าท้องไม่ป่องพี่คนดูแลจะไม่ให้เล่น จะต้องให้มากินจนป่องเสียก่อน ที่ต้องบอกแบบนี้เพราะขอบฟ้าเป็นเด็กที่ห่วงเล่น กินยาก เวลาที่ขอบฟ้างอแงไม่ยอมกินก็จะขอเช็คท้องป่องกันทีนึง ก็เลยมีภาพเปิดพุงให้ดู

IMG_0068.JPG

เย็นวันต่อมาเราขับรถไปหาหาดทรายเล่นกัน ใช้เวลาบนรถประมาณ 10 นาทีเราก็มาถึงหาดทราย สภาพอากาศร้อนๆ ลมแรง มีคนเล่น kite surf เต็มไปหมด เราก็ดูด้วยความสนใจ ส่วนเด็กก็ปักหลักเล่นทรายกันไม่สนสิ่งรอบข้างเลย

IMG_0079_1.JPG

IMG_0085_1.JPG

ขอบฟ้าชอบทะเล ชอบหาดทราย ชอบเล่นทราย เหตุผลเดียวที่เลือกมาทะเลคือพาลูกมาเล่นทราย ชีวิตในวัยเด็กของทุกคนคงเป็นแบบนี้ บ้านอยู่กรุงเทพ การมาทะเลจะสนุกมากเพราะได้เที่ยว ได้เล่นน้ำ และได้เล่นทราย คงเป็นที่สุดของการเดินทางหนึ่งครั้ง ขอบฟ้าเองก็มีที่สุดแบบนี้ไปหลายครั้งแล้วด้วย ในช่วงอายุที่น้อยกว่านี้ก็จะนั่งเล่นทราย ยังไม่มีภาพวิ่งและกระโดดแบบรอบนี้

IMG_0109_1.JPG

IMG_0116_1.JPG

IMG_0120_1.JPG

เช้าวันใหม่ขอบฟ้าขอมาเล่นทรายอีก เช้าที่ทะเลแถบนี้ พระอาทิตย์จะขึ้นที่ทะเล นั่นหมายความว่าไม่มีต้นไม้บังแสงแดดให้เลย เมื่อวานเรายังได้ร่มไม้จากฝั่งช่วยบังแดดให้เลยเล่นทรายตอนแดดออกได้ แต่เช้าแบบนี้ พระอาทิตย์ยิงตรงมาจากด้านทะเล เป็นสิ่งที่ทรมานพ่อแม่ที่สุด เพราะในหัวหินรอบก่อนหน้านี้ พ่อก็ยืนเป็นยักษ์วัดแจ้งบังแดดให้

IMG_0129_1.JPG

ด้วยความที่เป็นช่างภาพ เห็นแสงแดดและท้องฟ้าแบบนี้ ใช้หลักการวัดแสงแบบกฏ sunny 16 ได้เลย คือ iso100 สปีด 1/125 วินาที ค่า f16 จะให้แสงที่พอดี ถ้าถ่ายด้วยฟิล์มสไลด์ก็จะเป็นค่าสีที่สุดแสนจัดจ้าน ฟ้าเป็นฟ้า ส่วนที่เข้มก็จะน้ำเงินเข้มเกือบดำ ผมเลือกใช้ค่า f4 แทนแล้วเพิ่มสปีดให้มากขึ้น เพื่อหวังผลว่าจะได้ภาพที่มีชัดตื้นคือมีส่วนชัดและเบลออยูู่ในภาพ และปรับตั้งกล้องดิจิทัลให้ไม่ต้องชดเชยขอบภาพสีเข้มให้เป็นสีปกติเท่ากับกลางภาพ อันเป็นข้อจำกัดของเลนส์เวลาถ่ายภาพด้วยค่า f กว้างๆ แต่ผมชอบให้ขอบภาพสีเข้มกว่าตรงกลางภาพ เลยปิดฟังค์ชั่นชดเชยเสีย

IMG_0155_1.JPG

แสงแดดแรงขนาดนี้ เลยไปเอาขาตั้งกล้องมาใช้วางใบไม้เพื่อช่วยบังแดด ไม่ทำให้คนเล่นต้องทรมานมาก เหมือนมีต้นไม้บังแดดให้ ได้ขาตั้งมาช่วยก็ทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้น เดินหากิ่งร่วงๆแถวหาดทรายได้สองอันก็จัดการทำเป็นที่บังแดดซะเลย ถ่ายภาพไว้หลายมุมเก็บเป็นไอเดีย ไว้เที่ยวทะเลครั้งต่อไปจะต้องเตรียมของแบบนี้เอาไว้ด้วย

IMG_0130_1.JPG

IMG_0132_1.JPG

IMG_0134_1.JPG

สุดท้ายเด็กยังไงก็จะเล่นแบบเด็ก อุตส่าห์บังแดดให้ก็ยังวิ่งเล่นไปทั่ว ความร่าเริงและซนไม่เลือกแบบนี้ไม่มีวิธีรับมือนอกจากวิ่งตาม ปล่อยให้เล่นจนเหนื่อยแล้วค่อยพากลับ มือและเท้าเต็มไปด้วยทราย รถเละเทะเลย ขนาดเตรียมน้ำใส่ขวดไว้ล้างก่อนขึ้นรถแล้วก็ยังมีเศษทรายอยู่เต็มรถไปหมด คนล้างรถคงเหนื่อยหน่อย

IMG_0159_1.JPG

โรงแรมมีสิ่งอำนวยความสะดวกให้เยอะ มีสระว่ายน้ำสำหรับผู้ใหญ่ มีสระว่ายน้ำเด็กที่อยู่ติดกับห้องของเล่น มีสปา มีพี่เลี้ยงเด็กช่วยดูเด็กให้คิดค่าใช้จ่ายพี่เลี้ยงเป็นชั่่วโมง ถ้าไม่ใช้พี่เลี้ยงก็ไม่ต้องจ่ายเพิ่ม กล้องถ่ายภาพที่ใช้ตลอดทริปก็คือ canon eos 6d เลนส์ ef 24-105L

IMG_0218.JPG

IMG_0215.JPG

IMG_0196_1.JPG

IMG_0043_1.JPG

IMG_0046_1.JPG

ขากลับมายังกรุงเทพ เดินทางออกจากที่พัก เปิด gps แล้ววิ่งตามแผนที่มาเรื่อยๆ มีแอบนอกใจ gps นิดนึงตรงทางแยกมีป้ายเขียนว่าไปเพชรเกษม ให้เลี้ยวขวา แต่ gps บอกให้เลี้ยวซ้าย ในใจก็คิดว่า gps ก็ผิดพลาดได้ เราวิ่งตามป้ายบอกทางดีกว่า ผลก็คือ ป้ายบอกทางพาเราไปถ.เพชรเกษมที่วิ่งผ่านสวนสนฯ และหัวหิน ไปโดนรถติดในหัวหินอยู่ครึ่งชั่วโมง แทนที่เราจะได้วิ่งเส้นบายพาสเหมือนขามา ถ้าเชื่อ gps ตลอดคงไม่ต้องมาเสียเวลากับหัวหินขนาดนี้ กลับถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ ตอนค่ำๆแวะเติมน้ำมันที่ปั๊มน้ำมันแห่งเดิม เติม e20 เต็มถัง บันทึกหลักกิโลที่ 134194 เติมไป 1010 บาท จำนวนน้ำมัน 39.33 ลิตร

คิดเป็นระยะทางออกมาได้ 534 กิโลเมตร
คิดเป็น กิโลเมตรต่อลิตร 534/39.33 = 13.57 กิโลเมตรต่อลิตร
คิดเป็น บาทต่อกิโลเมตร 1010/534 = 1.89 บาทต่อกิโลเมตร
รถที่ใช้คือ honda freed อายุ 5 ปี

จบรีวิวอัตราสิ้นเปลืองรถยนต์ของผมครับ รีวิวโรงแรมแถมให้

Honda freed ครบปีที่ 5 ซ่อมดุมล้อหลัง

ฮอนด้าฟรีดผ่านการใช้งานมาครบ 5 ปีแล้ว ยังไม่มีอาการเสียที่หนักหนา มีเพียงดุมล้อหลังที่ลูกปืนแตก อาการนี้ช่างที่ร้านทำเบรกเคยแจ้งไว้แล้วเมื่อหลายเดือนก่อน แต่ตอนนั้นยังไม่หนักมาก เป็นแค่มีรอยร้าว เริ่มแตก แต่มาในเดือนนี้ เสียงลูกปืนล้อดังมาก เมื่อรถวิ่งด้วยความเร็วประมาณ 60-70 กมต่อชั่วโมงจะมีเสียงเหมือนเราเร่งเครื่องดังมาก คล้ายๆกับมีมอเตอร์ไซด์บิดตามรถเรา

P_20150409_093622

เอาเข้าไปเช็คระยะ 130000 กม. ที่ศูนย์ฮอนด้า เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง กรองแอร์ กรองเบนซิน ก็ให้ช่างที่ศูนย์ตรวจดุมล้อให้อีกที ช่างศูนย์ก็รายงานว่ามีอาการลูกปืนแตกแล้ว ข้างขวาแตก ข้างซ้ายยังไม่แตก แนะนำให้เปลี่ยน ศูนย์แจ้งราคามาเกือบหกพันบาทรวมค่าแรงแล้ว เราเองก็รู้สึกว่าอยากลองสืบราคาที่อื่นดูก่อน และอีกอย่าง ช่างให้ความรู้มาว่า ลูกปืนแตกยังขับได้ แค่จะมีเสียงดังกวนใจมากขึ้นเรื่อยๆ

P_20150407_151235

ไปเช็คที่อู่ซ่อมฮอนด้าภายนอก ไปที่ร้านแห่งหนึ่งแถวพระรามสาม เป็นร้านที่เพื่อนเคยแนะนำ และผมก็เคยเอา freed ไปซ่อมแล้วหนึ่งครั้งซึ่งครั้งที่แล้วเป็นอาการหัวฉีดสกปรก ก็ทำการล้างทำความสะอาดให้ ค่าใช้จ่ายหลักร้อย แต่คราวนี้ดุมลูกปืน ช่างนอกเสนอราคามารวมค่าแรงแล้ว 3900 บาท ราคาถูกกว่าศูนย์สองพันบาท แต่ใช้อะไหล่เทียบให้แทน เพราะถ้าเอาอะไหล่แท้เบิกศูนย์ก็จะราคาเท่าศูนย์ ไม่ได้ถูกลง แต่จะได้ซ่อมเลยภายในวันเดียว ไม่กี่ชั่วโมงก็เสร็จ ก็เลยตกลงซ่อม ค่าใช้จ่ายออกมาดังนี้
ค่าของ 3400 บาท ค่าแรง 500 บาท รวม 3900 บาท

P_20150407_151225

บันทึกไว้เพื่อให้คนที่ใช้รถรุ่นได้มีข้อมูลทางเลือกสำหรับการซ่อมนอกศูนย์ครับ

พาลูกเที่ยวเขาใหญ่ 2 วัน 1 คืน

ครอบครัวผมตัดสินใจพาลูกเที่ยวในเส้นทางเขาใหญ่บ้าง หลังจากที่ตลอดสองปีที่ผ่านมาเราจะไปกันแค่พัทยากับหัวหินและไปซ้ำกันหลายครั้งแล้ว เส้นทางเขาใหญ่ก็เลยเป็นตัวเลือกที่อยากไป โดยที่ก่อนจะไปเรารู้จักเขาใหญ่แค่ มันมีรีสอร์ต มันเป็นอุทยานแห่งชาติ และมันคงอากาศไม่ร้อน

พอจองที่พักได้ซึ่งเป็นที่กรีนเนอรี่รีสอร์ต หน้าตาเป็นอย่างไรก็ไม่รู้ อยู่ตรงไหนก็ไม่รู้ และจะไปเที่ยวอะไรบ้างก็ไม่รู้ ปกติผมเป็นคนขับรถ ก็จะไม่ค่อยได้ดูแผนที่สักเท่าไหร่ทำให้การจัดวางเส้นทางท่องเที่ยวต่างๆเป็นของภรรยาเสียหมด แต่ทริปนี้ผมได้มีโอกาสดูแผนที่เองก่อน เลยได้ลองวางเส้นทางเดินทางดู พร้อมกับจุดแวะที่ภรรยาส่งรายชื่อมาอีกเป็นแพ็คใหญ่ ก็เลยลองวางเส้นทางแบบเน้นสบายขับรถน้อยๆดู

เราออกเดินทางจากรุงเทพที่ย่านบางบัวทอง เติมน้ำมันเต็มถังที่ถนนปิ่นเกล้านครไชยศรี และเดินทางไปเขาใหญ่ด้วยเส้นทางดังนี้ บางบัวทอง บางปะอิน สระบุรี ซอยแดรี่ฟาร์ม ขึ้นเขาใหญ่ แวะกิน แวะเที่ยว แวะพักในเส้นทางถนนธนรัชต์ แล้ววนไปลงทางปากช่อง แล้วก็ขับรถกลับกรุงเทพด้วยเส้นทางเดิม แวะกินของที่บางปะอินนิดหน่อยแล้วก็กลับบางบัวทอง เส้นทางที่ใช้ระยะทางรวมประมาณ 458 กิโลเมตร ตั้งใจบันทึกระยะทางไว้เพื่อดูสถิติการใช้น้ำมัน E85ในรถฮอนด้าฟรีดเมื่อเดินทางไกล

2014-11-29 30 ขอบฟ้า เขาใหญ่-IMG_0039

เมื่อเริ่มเดินทาง เราสามคน พ่อแม่ลูก พอไปถึงโซนเขาใหญ่ เดินทางขึ้นทางด้านแดรี่ฟาร์มก็แวะจุดแรกเป็นร้านอาหารชื่อ pb valley ซึ่งที่นี่เป็นไร่องุ่นและร้านอาหาร เป็นจุดแวะที่นิยมมากแห่งหนึ่ง ร้านอาหารต้องจองโต๊ะ เราไปกันสามคนก็โชคดีที่มีที่ว่าง ปกติจะมีกรุ๊ปใหญ่หรือรถทัวร์มาลงตลอด อาหารขึ้นชื่อของที่นี่ก็จะเป็นกระดูกหมูรมควัน มีน้ำองุ่นเป็นพระเอก จริงๆก็จะมีไวน์ด้วยแต่ครอบครัวผมไม่กิน บรรยากาศโดยรอบร้านก็จัดระเบียบพอใช้ได้ มีพื้นที่นั่งกินสบายๆ ดูวิวไร่องุ่น มีสนามหญ้าให้เด็กวิ่งเล่น มีเครื่องเล่นเล็กๆน้อยๆให้เด็กเล่น ลูกผมก็เล่นซะเต็มที่เลย เล่นเหมือนไม่เคยเล่นมาก่อนเลย

2014-11-29 30 ขอบฟ้า เขาใหญ่-IMG_0012
2014-11-29 30 ขอบฟ้า เขาใหญ่-IMG_0009

อาหารที่นี่จานใหญ่ การมาแค่สามคนพ่อแม่ลูกโดยลูกยังเล็กอยู่เป็นสิ่งที่ทรมานพุงอย่างมาก กินไม่หมด ต้องใส่กล่องกลับบ้านกันเลย กระดูกหมูชิ้นใหญ่มาก พิซซ่าก็พอใช้ได้ สปาเก็ตตี้สั่งตั้งใจจะแบ่งกินกับลูก รสชาดโดยรวมของอาหารในร้านนี้ก็สมราคา ไม่ถูก ไม่แพง สามารถแวะมากินซ้ำได้ถ้ามีคนชวนอีก

2014-11-29 30 ขอบฟ้า เขาใหญ่-IMG_0029
2014-11-29 30 ขอบฟ้า เขาใหญ่-IMG_0031
2014-11-29 30 ขอบฟ้า เขาใหญ่-IMG_0030

อากาศตอนเที่ยงวันที่นี่ค่อนข้างร้อน ใครที่เคยบอกว่าปากช่องและเขาใหญ่อากาศเย็นสบายขอบอกว่าไม่จริง กลางวันร้อนอบอ้าวจริงๆ ดูจากลูกชายที่หัวกระเซิง เหงื่อออกจนตัวเปียก

2014-11-29 30 ขอบฟ้า เขาใหญ่-IMG_0034

การเดินทางทริปนี้ใช้ GPS กันอย่างเต็มที่ เพราะผมรู้จักแค่ถนนสายหลักที่วิ่งเข้ามาแถวนี้ แต่ถนนขึ้นเขาใหญ่ ถนนลัดเลี้ยวไปตามเขาเพื่อไปยังที่ต่างๆก็อาศัย GPS พาไปทั้งหมด เพราะไม่ได้มีแผนที่เป็นเล่มมานั่งดูแล้ว เราอยู่ในยุคดิจิทัลก็ขอใช้เครื่องมือกับเขาบ้าง และผลการใช้งานก็ทำได้ยอดเยี่ยม GPS ยี่ห้อ Garmin พาเราไปยังที่หมายได้ทั้งหมด ไม่หลงเลย

ออกจากร้านอาหารมือแรกของวันนี้เราก็เดินทางไปยังที่พัก ที่พักอยู่ที่ กรีนเนอรี่ ขับรถออกมาก็วิ่งตาม GPS ไปเรื่อยๆ GPS ก็พาเราลัดเลาะไปตามทางเล็กแล้วไปออกถนนธนรัชต์ซึ่งเป็นถนนสายหลักของเขาใหญ่ และเราก็มาถึงกรีนเนอรี่โดยเราวิ่งผ่านจุดที่น่าสนใจจุดหนึ่งนั่นก็คือ Primo piazza หรือ primo posto เดิมนั่นเอง คงมีการรีโนเวทอะไรบางอย่างซึ่งผมไม่ได้ติดตามข่าว ผมเป็นช่างภาพที่ไม่เคยไปเหยียบและถ่ายรูปที่ primo posto เลย แม้จะได้เห็นรูปและรู้สึกอยากไปมาหลายปีแล้วก็ตาม

2014-11-29 30 ขอบฟ้า เขาใหญ่-IMG_0040

พอมาถึงที่พักที่กรีนเนอรี่ เราก็เช็คอิน แล้วก็มาเล่นสวนน้ำของโรงแรมทันที เราเลือกโรงแรมนี้เพราะสวนน้ำเป็นปัจจัยหลัก เนื่องจากขอบฟ้าลูกชายผมชอบเล่นน้ำและว่างเว้นจากการเล่นน้ำมานานแล้วก็เลยคิดว่าควรจะเลือกที่พักที่มีสระน้ำและของเล่นในน้ำเยอะๆไว้ก่อน และก็ได้ผล ขอบฟ้าอยากว่ายน้ำจนทำตัวงี่เง่าในบางเวลา และขอมานั่งดูโอ่งช้างที่จะเทน้ำเมื่อน้ำเต็มภายใน

2014-11-29 30 ขอบฟ้า เขาใหญ่-IMG_0042
2014-11-29 30 ขอบฟ้า เขาใหญ่-IMG_0049
2014-11-29 30 ขอบฟ้า เขาใหญ่-IMG_0059

หลังจากเล่นน้ำเสร็จก็เตรียมตัวไปกินมื้อเย็น เราก็เลยขับรถไปดูที่ primo piazza(n14°32.569′, e101°20.214′) ที่เพิ่งขับรถผ่านมา เป็นการแวะดูนอกโปรแกรม ตั้งใจว่าจะไปดูเล่นๆแล้วค่อยหาอะไรกิน แต่พอไปถึงที่แล้ว ดูบรรยากาศมันก็ดูสงบและน่านั่งเลยเลือกที่จะกินมื้อเย็นที่นี่เลย ซึ่ง primo piazza ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เพราะบรรยากาศดี อาหารรสชาดดี แต่ราคาสูงมาก ซึ่งก็คงเป็นค่าใช้จ่ายที่จะต้องดูแลสถานที่ให้ดูสวยแบบนี้ตลอดเวลา มันก็คงทำให้ราคาถูกไม่ได้นั่นเอง

2014-11-29 30 ขอบฟ้า เขาใหญ่-IMG_0060
2014-11-29 30 ขอบฟ้า เขาใหญ่-IMG_0067
2014-11-29 30 ขอบฟ้า เขาใหญ่-IMG_0069

ที่ primo piazza ตอนกลางวันน่าจะคนเยอะมาก เพราะสถานที่ตกแต่งได้ดี ตึกสวย ทำขึ้นมาเพื่อเอาใจคนชอบถ่ายรูปโดยเฉพาะ ผมไปตอนเย็นตอนที่คนเริ่มน้อย บรรยากาศคนน้อยๆนี่ดูสบายและสงบดีมาก การประดับไฟก็ทำได้ในระดับที่ดูดีไม่โอเวอร์ ไม่อลังการบ้าพลังเกินไป มีร้านขายของที่ระลึกตัวเบา สินค้าในร้านก็มาแนวน่ารักและน่าซื้อไปทั้งหมด

2014-11-29 30 ขอบฟ้า เขาใหญ่-IMG_0086

ในส่วนของร้านอาหาร โต๊ะภายนอกเกือบเต็มและส่วนใหญ่โดนจองมาล่วงหน้า ส่วนโต๊ะภายในอาคารนั้นว่างมาก ผมก็เลยเลือกนั่งภายใน ซึ่งมีอีกโต๊ะหนึ่งข้างๆที่มีคนนั่งอยู่แล้ว ส่วนอีกเกือบสิบโต๊ะใหญ่ๆที่เหลือก็ไม่มีคนนั่งเลย เป็นบรรยากาศภายในร้านอาหารที่ถูกใจผมมากๆ เพราะผมไม่ชอบคนเยอะ มีที่ว่างให้ลูกได้เดินเล่นสบายใจ ขอให้ร้านอยู่ได้นานๆนะครับ คนหลวมๆแบบนี้ผมชอบ

2014-11-29 30 ขอบฟ้า เขาใหญ่-IMG_0093
2014-11-29 30 ขอบฟ้า เขาใหญ่-IMG_0096
2014-11-29 30 ขอบฟ้า เขาใหญ่-IMG_0097
2014-11-29 30 ขอบฟ้า เขาใหญ่-IMG_0098

กินเสร็จแล้วก็เดินเล่นเล็กน้อย อากาศตอนเย็นๆค่ำๆเริ่มเย็น ผมเริ่มรับรู้ถึงความเย็นที่พอดีๆ เป็นอากาศที่ทำให้รู้สึกสบาย และมันดีกว่าไปเที่ยวพัทยาและหัวหินอยู่ เด็กๆก็ใส่เสื้อกันหนาวไว้ สาวๆนักท่องเที่ยวก็มากันขาสั้นเลย ถ้ากรุงเทพหนาว ที่นี่คงหนาวมาก

2014-11-29 30 ขอบฟ้า เขาใหญ่-IMG_0100

ตอนเช้าอีกวันเราก็เริ่มวันด้วยการออกไปขับรถเล่น ปาลิโอ้อยู่ใกล้ๆกับที่พักเรา ก็เลยถือโอกาสแวะไปดูซะหน่อย เป็นการไปขับรถเพื่อดูเส้นทางเพื่อเตรียมไว้สำหรับมือกลางวัน ขับรถออกจากที่พักไปนิดเดียวขอบฟ้าก็ตื่นเต้นกับช้างที่เดินเล่นอยู่ ก็เลยได้แวะดู แวะให้อาหารช้าง และเราได้แวะดูรถขยะคันใหญ่ในเทศบาลแถวนั้นด้วย ขอบฟ้าเป็นเด็กที่ชอบรถขยะ จะขอแวะดูทุกครั้งที่มีโอกาส การแวะดูทำให้เรารู้ว่าเทศบาลที่เขาใหญ่ชื่อ เทศบาลหมูสี ดูได้สักพักก็กลับเข้าโรงแรมและกินอาหารเช้า

2014-11-29 30 ขอบฟ้า เขาใหญ่-IMG_0106

ต่อด้วยเล่นน้ำอีกครั้ง

2014-11-29 30 ขอบฟ้า เขาใหญ่-IMG_0108

จริงๆแล้วมื้อกลางวันเราวางแผนไว้ว่าจะกินที่ zanotti (n14°32.445′, e101°24.220′)ซึ่งเป็นร้านพิซซ่าที่มีเพื่อนแนะนำ หรือไม่ก็ที่ร้านบ้านไม้ชายน้ำ ตามลายแทงที่คนส่วนใหญ่ในอินเทอเน็ตแนะนำ แต่ขอบฟ้าขึ้นรถแล้วหลับเลย และหลับยาวด้วย เราก็เลยขับรถมุ่งหน้ากลับกรุงเทพ ไม่ได้แวะกินมื้อเที่ยง กะว่าถ้าลูกตื่นแล้วค่อยแวะกิน ปรากฏว่าลูกตื่นตอนอยู่ใกล้ๆบางปะอินแล้วก็เลยแวะกินที่ร้าน”ต้นน้ำ” เป็นร้านอาหารที่มีเมนูกุ้งแม่น้ำที่ดังมาก อยู่ใกล้กับวังบางปะอิน การแวะครั้งนี้ถ้าให้ไปเองก็ไปไม่ถูกแน่นอนเพราะไม่รู้ทาง แต่ GPS พาไปได้อย่างแม่นยำ

2014-11-29 30 ขอบฟ้า เขาใหญ่-IMG_0127
2014-11-29 30 ขอบฟ้า เขาใหญ่-IMG_0130
2014-11-29 30 ขอบฟ้า เขาใหญ่-IMG_0133
2014-11-29 30 ขอบฟ้า เขาใหญ่-IMG_0132

กินเสร็จจากที่นี่ก็ขับรถกลับบางบัวทอง ระยะทางทั้งทริปอยู่ที่ 458 กิโลเมตร เติมน้ำมันกลับให้เต็มถังต้องเติม 40.65 ลิตร น้ำมัน E85 ของบางจากครับ

แผ่นยางรองพื้นรถช่วยได้เยอะ

ตอนได้รถมาใหม่จะต้องหาแผ่นยางรองพื้นรถมาวาง  ส่วนใหญ่เขาใช้แบบแผ่นลายกระดุม เพราะดูดีและเป็นแผ่นเรียบ  ทำให้รถดูเรียบร้อยและสะอาดตา  ผมเองตอนหาซื้อทีแรกก็อยากได้  แต่ในห้างไม่มีขาย ส่วนใหญ่เขาจะสั่งกันทางเว็บแล้วให้จัดส่งหรือขับรถไปติดที่ร้าน

แบบที่เจอตามห้างจะไม่เป็นแผ่นรอง  แต่มักจะมาเป็นถาด  มีขอบสูงขึ้นดูหน้าตาเป็นถาดมากกว่าแผ่น  มันไม่สวยเลย  แต่ผมก็ซื้อใช้เพราะว่าไม่สามารถหาของหน้าตาดีกว่านี้ได้แบบสะดวก  รถคันที่แล้วก็ใช้  รถคันนี้ฮอนด้าฟรีดก็ใช้แบบถาดเช่นกัน  แล้ววันดีคืนดีก็ได้ค้นพบว่า แผ่นยางแบบถาดมันก็มีข้อดีเหมือนกัน  และดีมากแบบที่แผ่นลายกระดุมไม่สามารถทดแทนได้เสียด้วย

P_20141106_090320

นั่นก็คือตอนที่ทำน้ำหก หรือ กาแฟหกใส่พื้นรถ  ถ้าเป็นแผ่นยางลายกระดุม น้ำกาแฟก็คงไหลกระจายไปทั่วแผ่นและคงซึมลงไปที่พรมพื้นรถไปแล้ว  แต่แบบถาดมันอุ้มน้ำกาแฟเอาไว้ เหมือนเป็นจานขนาดใหญ่ที่เก็บน้ำกาแฟไม่ให้ไหลไปไหน  เห็นภาพแบบนี้แล้วโล่งอกเลย  ถ้าไม่มีถาดแบบนี้ผมคงได้ล้างรถพร้อมซักพรมครั้งใหญ่ไปแล้ว

P_20141106_095542

สิ่งที่ต้องทำก็แค่ยกถาดออกไปเทน้ำกาแฟทิ้ง ฉีดน้ำล้างแผ่นยางแบบถาดผืนนี้เท่านั้นเอง รู้สึกโชคดีมากเลย