เพิ่ม Visibility ด้วยการจัดอีเว้นท์

IMG_8450bitec7jun2010

เราได้เรียนรู้การเพิ่ม visibility ด้วยวิธีการต่างๆมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็น การทำงานอาสาสมัครเพื่อทำธุระบางอย่างของกลุ่ม ทำให้คนในกลุ่มได้รู้จักเรา การเลือกทำตัวเป็นเจ้าภาพผู้รู้เรื่องที่ช่วยให้แขกและสมาชิกในกลุ่มได้รับความสะดวกในด้านต่างๆในแต่ละอีเว้นท์ และเลือกทำในสิ่งที่คนอื่นไม่ทำเพื่อให้เราถูกจดจำได้ว่าเราพยายามทำอะไร มาคราวนี้เราจะเพิ่มอีกวิธีที่ทำให้เรามี Visibility ที่ชัดเจนมากขึ้นและวิธีนี้จะมีประสิทธิภาพมากที่สุดวิธีหนึ่ง ทำแบบนี้ครั้งเดียว เหมือนเราทำทุกอย่างที่เคยกล่าวไว้รวมกันเลย

นั่นคือ การจัดอีเว้นท์ของตัวเอง โดยเราจะต้องเป็นผู้วางแผนและดำเนินการเองในทุกๆขั้นตอน หรือ เรียกว่า Full Organized การจัดอีเว้นท์พิเศษนี้จะทำให้เราเป็นเจ้าภาพอย่างแท้จริง มีการติดต่อพูดคุยกับผู้มาร่วมงานทุกคน ทุกคนสามารถรับรู้สิ่งที่เรานำเสนอทั้งทางตรงและทางอ้อมได้โดยอัตโนมัติ

การจัดอีเว้นท์เราสามารถเลือกทำได้ทั้งระดับเล็กและระดับใหญ่ ตามความชำนาญของเรา ระดับเล็กๆก็อาจจะเป็นการจัดประชุมนอกสถานที่ ประชุมกลุ่มย่อย เราเป็นตัวตั้งตัวตี เราโทรคุยและนัดหมายทุกคน เราเลือกสถานที่ เราเลือกอาหารและเครื่องดื่ม เราติดตามผลการประชุมด้วยตัวเอง สิ่งเหล่านี้ทำให้ผู้ถูกเชิญทุกคนได้รู้จักและสามารถตัดสินคุณได้ว่าคุณมีตัวตนแล้ว และมีคุณภาพไหม? ซึ่งเป็นสิ่งที่ตามมาหลังจากงานสิ้นสุด

การจัดอีเว้นที่ใหญ่ขึ้นก็ดังเช่น การจัดเยี่ยมชมบริษัท หรือ company visit คนที่ถูกเชิญจะรับรู้ว่าบริษัทของเราทำอะไร ตั้งอยู่ที่ไหน การไปเยี่ยมชมจะทำให้เขารู้รายละเอียดที่มากขึ้น และอีเว้นต่างๆนี้จะใช้เวลาหลายชั่วโมง มันทำให้เกิดการรับรู้ได้ง่าย และจำได้แม่นยำยิ่งขึ้น

เราหลายคนต่างเคยผ่านการจัดอีเว้นท์ใหญ่ในชีวิตเรามาแล้ว นั่นคือการแต่งงาน ตอนเราจัดงานแต่งงาน เราทำทุกอย่างด้วยตัวเอง เราได้ดูรายชื่อทุกคน วิเคราะห์ทุกรายชื่อ ได้ทักทายต้อนรับแขกทุกคน ได้ถ่ายภาพกับทุกคน และได้แสดงอะไรบางอย่างบนเวที ได้กล่าวขอบคุณ และได้อำลาตอนจบงาน สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ แขกรู้รายละเอียดของเจ้าภาพมากขึ้น

เป้าหมายของ Viisibility ก็คือ ทุกคนในกลุ่ม รู้ว่าคุณคือใคร ทำอาชีพอะไร และจะติดต่อคุณได้อย่างไร สิ่งตามมาหลังจากนี้จะเป็นเรื่องของการสร้างความเชื่อมั่น นั่นคือการสร้าง creditablity นั่นเอง

เพิ่ม Visibility ด้วยการทำตัวเป็นเจ้าภาพ

Visibility ด้วยการทำตัวเป็นเจ้าภาพ

IMG_0614.JPG

การทำให้เกิด visibility หรือการมีตัวตนของท่านแบบตรงไปตรงมาก็คือการแนะนำตัว การแจกนามบัตร ซึ่งเป็นวิธีปกติทั่วไปที่จะต้องทำกันอยู่บ่อยๆ  นอกจากวิธีทางตรงเหล่านี้แล้ว ยังมีวิธีทางอ้อมอื่นๆที่ทำให้ท่านถูกมองเห็นและจดจำได้  และที่สำคัญ มันสร้างความประทับใจได้มากกว่าการแจกนามบัตรเสียด้วย

ลองนึกภาพถึงตอนที่ท่านมาร่วมงานประชุุมทางธุรกิจ หรืองานสังสรรค์ทางธุรกิจสักงานหนึ่ง  ท่านมาร่วมงาน  แขกคนอื่นมาร่วมงาน  เขาไม่รู้จักท่าน  ท่านไม่รู้จักแขก  ไม่มีอะไรเชื่อมโยงท่านกับแขกเลย  มากที่สุดอาจจะเป็นการยัดเยียดนามบัตร ซึ่งเราก็รู้อยู่แก่ใจว่า ยัดเยียดนามบัตรไม่เกิดประโยชน์

แขกที่มาร่วมงานจะยังงงๆ  ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ไม่รู้ว่าใครจะมางานบ้าง  ไม่รู้ว่ากำหนดการเป็นอย่างไร  ต้องทำอะไรก่อน หลัง  และส่วนมากไม่รู้ว่าจะเริ่่มต้นคุยกับคนอื่นๆอย่างไร  จะดีไหมถ้ามีใครสักคนมาอาสาทำตัวเหมือนเป็นเจ้าภาพ  มาชวนแขกคุย  มาแนะนำว่างานจะดำเนินอย่างไร  ใครจะมาบ้าง  มีใครที่คุณอยากคุยด้วยไหม  ของกินอยู่ด้านไหน  ห้องน้ำอยู่ทางไหน แขกสามารถนั่งโซนไหนได้  คนที่จะทำเช่นนี้ หากเป็นท่านทำเอง  แขกจะประทับใจและจดจำท่านได้  นั่นคือ visibility จะเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ

สิ่งที่เราน่าจะลองทำในบทเจ้าภาพก็คือ  มาถึงงานก่อนเวลา  จดจำกำหนดการสำคัญในงาน  ดูรายชื่อแขกว่าจะมีใครมาบ้าง  เพื่อดูว่าเราอยากพบกับใครเป็นพิเศษ  จำแผนผังที่นั่ง  ห้องน้ำอยู่ทางไหน ของกินอยู่ทางไหน  เราจะแนะนำแขกเพื่อให้แขกรู้สึกสบาย และอบอุ่น  และจะทำให้แขกจำท่านได้  จำอาชีพของท่านได้

การเล่นบทเจ้าภาพที่รู้งาน  เป็นคุณสมบัติเบื่องต้นของคนมีคอนเน็คชั่นเยอะ   visibility ของท่านจะชัดเจนมากยิ่งขึ้นในสายตาของผู้คนในงาน  โดยเฉพาะแขกที่ท่านมุ่งหวังอยากรู้จักเป็นพิเศษ

ข้อมูลเรียบเรียงจาก http://businessnetworking.com/

www.bniconnectglobal.com เครื่องมือของสมาชิก

ในช่วงเวลาสักสิบกว่าปีที่แล้วเวลาที่เราจะหาสินค้า หรือจะซื้ออะไรสักอย่างหนึ่งที่ไม่มีขายอยู่ในระแวกบ้านของตัวเอง  เราก็มักจะต้องหาจากในอินเทอเน็ต ไปดูตามเว็บรวมลิงค์  และบางคนก็ดูจากสมุดหน้าเหลือง  และในเวลาต่อมา  เมื่อเรามี google ให้ใช้ เราก็ค้นหาจากหน้าแรกของ google ได้เลย  เราไม่ต้องไปเสียเวลาเข้าเว็บรวมลิงค์ต่างๆ  ไม่ต้องเปิดสมุดหน้าเหลืองอีกต่อไป  นับเป็นเรื่องที่สะดวกจริงๆ

ส่วนสมาชิก bni นอกจากการหาจาก google แล้ว  เรายังสามารถค้นหาสินค้าและบริการของสมาชิกท่านอื่นในเว็บของ bnithailand.com ได้ด้วย  แล้วทำไมเราจึงต้องหาจากใน bni  ก็ต้องบอกว่า  ประการแรก google ในปัจจุบันให้ผลการค้นหาที่แย่ลงเรื่อยๆ  และไม่ได้ให้ผลลัพธ์เป็นผู้ผลิตโดยตรง  หรือหาสินค้าก็ไม่ค่อยเจอโรงงานผลิต  มักจะเจอแต่คนกลางที่ทำเว็บมาดักลูกค้าไว้ซึ่งเป็นเรื่องน่ารำคาญ  ประะการที่สอง  ถ้าเราได้ผู้ผลิตที่เป็นสมาชิก bni เหมือนกันเราก็พอจะใจชื้นว่าเราน่าจะได้รับบริการที่ดีและราคาเป็นไปตามจริง ไม่ได้ถูกบวกเพิ่มหลายต่อ

สิ่งทีสมาชิก bni ควรจะทำก็คือ เราควรใส่ข้อมูลสำคัญของธุรกิจเราเองเพื่อให้ผู้ค้นหาสามารถพิมพ์หาแล้วเจอเรา  หากเราไม่ใส่คำสำคัญใดๆเพิ่มเติมให้ตัวเราเองมันก็จะทำให้ผู้ค้นหา  ค้นแล้วไม่เจอเรา  มันเป็นเรื่องที่เสียโอกาสอย่างมาก  แทนที่เราจะได้ลูกค้าที่ต้องการสินค้าของเรา  แต่เรากับพลาดการถูกค้นพบ  เพราะว่าเราไม่ได้ใส่ข้อมูลให้เขาค้นหานั่นเอง

bniconnect present2

นี่เป็นตัวอย่างของการค้นหาบริการ ลองหาคำว่า accounting สิ่งที่เว็บ bnithailand.com หาให้ก็จะเป็นสมาชิกที่มีอาชีพ accounting ในแต่ละแช็ปเตอร์ ซึ่งก็จะแสดงผลให้ตามที่แนบภาพมาให้ดู

bniconnect present3

bniconnect present4

bniconnect present5

เราลองค้นหาโรงพิมพ์ที่ทำงานพิมพ์ระบบ offset ซึ่งเป็นระบบการพิมพ์ประเภทหนึ่งที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน  เป็นระบบการพิมพ์สำหรับการพิมพ์หนังสือและใบปลิวต่างๆ  เมื่อลองค้นหาด้วยคำว่า offset เราก็ได้ผลดังภาพ

bniconnect present6

bniconnect present7

bniconnect present8

จากผลการค้นหาจะเห็นว่า  เราเจอสมาชิกสองท่านที่ทำงานระบบ offset ซึ่งทั้งที่จริงแล้ว  ทุกโรงพิมพ์ทำงาน offset ทั้งสิ้น  และโรงพิมพ์ที่เป็นสมาชิก bni จะอยู่ในทุกแช็ปเตอร์  การค้นหาควรจะเจอสัก 15 รายชื่อ  แต่การที่เราเห็นแค่ 2 รายชื่อก็เพราะมีเพียงสองคนนี้เท่านั้นที่ใส่คำสำคัญหรือ keywords ในคำว่า offset นั่นเอง

เราลองมาค้นหาด้วยคำว่า letterpress ซึ่งเป็นระบบการพิมพ์รูปแบบหนึ่งที่มักจะพบในโรงพิมพ์รุ่นเก่า  ผมมีระบบการพิมพ์แบบนี้อยู่เช่นกัน และก็ได้ทำการใส่คีย์เวิร์ดคำนี้ไว้ในข้อมูลของผมเองด้วย  ผลการค้นหาก็จะเป็นไปตามภาพคือ เจอชื่อผมคนเดียว

bniconnect present9

bniconnect present10

bniconnect present11

และเมื่อคลิกที่ชื่อที่ค้นเจอแล้ว ระบบก็จะพาเราไปดูข้อมูลในหน้าเว็บที่เป็นพื้นที่ของชื่อนั้นๆ

bniconnect present12

การทักทายแบบไม่ปฏิเสธลูกค้า

สวัสดีครับ คนไม่รักสันโดษ

pexels-edmond-dantes-4343205
Photo by Edmond Dantès: https://www.pexels.com/photo/man-and-woman-talking-in-office-4343205/

เวลาเราไปเจอใครก็ตามที่ถามทุกข์สุขกัน คำถามที่มักจะเจอก็คือ เป็นไงบ้าง งานเยอะไหม มีอะไรน่าสนใจรึเปล่า และเราก็มักจะตอบกันแบบเคยชิน ก็ดี เรื่อยๆ ยุ่งมาก คำตอบแนวนี้จะทำให้คนตอบไม่ค่อยคึกคักเท่าไหร่ คนฟังก็เหมือนกัน คือฟังแล้วไม่อยากทำงานต่อ ฟังแล้วเนือยๆ เปลี่ยนเรื่องคุยดีกว่า แทนที่คนถามจะส่งต่อลูกค้าให้เรา พอเจอเราตอบว่า ยุ่งมาก เขาก็ไม่กล้าส่งลูกค้าให้ซะแล้ว

สิ่งที่เราควรทำก็คือ ตอบคำถามให้สร้างสรร ตอบคำถามให้นำไปสู่งานใหม่ คำตอบควรจะพาธุรกิจเข้ามา ไม่ใช่ปฏิเสธธุรกิจ เรามีคำตอบดีๆให้ลองเอาไปปรับเล็กน้อยเพื่อใช้กับธุรกิจของทุกท่านครับ

ช่วงนี้เป็นไง แทนที่จะตอบว่า ก็ดี ยุ่งมาก ลองเปลี่ยนเป็น
A1 ชีวิตตอนนี้เยี่ยม ผมกำลังจะจบงานลูกค้ารายใหญ่
A2 ผมกำลังสนุกมาก เพราะผมกำลังขยายแฟรนไชน์
มันอธิบายว่าคุณงานเยอะ แต่คุณยังมองหาความก้าวหน้าและงานที่มากขึ้น

งานเยอะไหม แทนที่จะตอบว่า เรื่อยๆ งานเยอะทำไม่ทันเลย
A1 ปีนี้ผมมีลูกค้าใหม่ 8 รายแล้ว แต่ผมตั้งเป้าไว้ที่ 20
A2 ยอดขายเพิ่มขึ้น 50% และผมวางแผนจะเพิ่มคนงาน
A3 ช่วงที่ผ่านมายอดขายเป็นไปตามเป้า เรากำลังวางแผนเพิ่มเป้า และเพิ่มลูกค้า

มีอะไรใหม่ มีอะไรน่าสนใจไหม แทนที่จะตอบว่าตอนนี้ว่างๆ ไม่มีอะไรใหม่
A1 ผมกำลังเทรนพนักงานขายคนใหม่ คนนี้ท่าทางขายเก่ง
A2 ผมให้สัมภาษณ์หนังสือไปเล่มหนึ่ง คาดว่าจะได้วางแผงเร็วๆนี้
A3 ตอนนี้ผมกำลังลงเรียนคอร์สการลดขั้นตอนการบริหารงานขาย

นี่เป็นตัวอย่างการตอบคำถามที่เรามักจะต้องตอบในชีวิตประจำวัน เราควรจะเตรียมคำตอบเหล่านี้เอาไว้ในใจ ตอบให้ขึ้นใจ เพื่อจะให้มันดีกว่าการตอบว่า เรื่อยๆ หรือ ยุ่งมาก
เพราะถ้าคุณตอบว่ายุ่งมาก เพื่อนคุณที่กำลังจะส่งลูกค้ามาให้อาจจะเปลี่ยนใจไม่กล้าส่ง

อย่าลืมว่า เราพบกันใน bni เพราะเราอยากได้ธุรกิจใหม่ อยากได้ลูกค้าใหม่

การส่งต่อลูกค้า

วันนี้เราจะมายกตัวอย่างการส่ง ref ที่เป็นธุรกิจต่อเนื่องให้สมาชิกในทีมนะครับ

เริ่มต้นจาก  มีนักอสังหาฯ ไปรับงานขายบ้านเดี่ยวหลังหนึ่ง  ลูกค้าของเขาเป็นเศรษฐี  แต่ไม่มีเวลาประกาศขายเองจึงเลือกใช้บริการนักอสังหาริมทรัพย์หรือตัวแทนขายบ้าน  นักอสังหาฯ เริ่มงานบริการของเขากับลูกค้า  สิ่งที่ตามมาก็คือ  นักอสังหาฯ มีประสบการณ์สูง  รู้ว่าบ้านสะอาดมีโอกาสขายได้สูงกว่าบ้านสกปรก  ก็เสนอบริการทำความสะอาดเพิ่มเข้าไป   นักอสังหาฯ รู้ว่า ภาพถ่ายบ้านสวยๆ จะทำให้ลูกค้าสนใจมากกว่าภาพถ่ายคุณภาพต่ำ  ก็เสนอบริการถ่ายภาพเพิ่มให้  ขั้นตอนการขายยังดำเนินไปถึงการสั่งพิมพ์ป้ายแบนเนอร์อีกด้วย

จะเห็นได้ว่า  การติดต่อลูกค้าหนึ่งครั้งจะไม่จบแค่เพียงหนึ่งบริการ แต่เอเจ้นสามารถยิงคำถามไปยังลูกค้าเพื่อถามหาบริการอื่นๆที่เขามองหา  ทั้งบริการที่ลูกค้าอยากได้โดยตรง  และบริการต่อเนื่องที่เราสามารถคอนซัลให้กับลูกค้าได้ เพื่อนำธุรกิจส่งต่อให้กับทีม

การถามเพื่อชี้นำลูกค้าเป็นสิ่งที่ช่วยให้เราสามารถส่งลูกค้าเข้าสู่สมาชิกท่านอื่นๆได้
หลังจากวันนี้  ให้ท่านลองดูนะครับ  เมื่อท่านบริการลูกค้าของท่านเสร็จแล้ว  ให้ลองถามถึงสิ่งที่เขาต้องการเพิ่มเติม  หรือ ให้ท่านลองวิเคราะห์ลูกค้าของท่าน แล้วเสนอสิ่งที่ลูกค้าควรจะใช้หรือสิ่งที่น่าจะเป็นประโยชน์ต่อลูกค้าของท่านเพื่อนำพาลูกค้ามาใช้บริการอื่นๆในทีมของท่าน  ถ้าคุณเป็นมืออาชีพเพียงพอ  ถ้าลูกค้าไว้ใจคุณอยู่แล้ว  การแนะนำ การคอนซัลใดๆของคุณ  หรือการนำเสนอเซอร์วิสอื่นๆของทีม  คุณจะทำได้อย่างเป็นธรรมชาติ  และลูกค้าไม่รู้สึกว่าถูกยัดเยียด  ตราบใดที่คุณหาของดี หรือ บริการดีๆให้ลูกค้า

ข้อมูลเรียบเรียงจาก http://businessnetworking.com/

Necpocket03 กินข้าวอย่างไรให้เกิดธุรกิจ

IMG_0226

การมาพบกัน มาพูดคุยกัน และลงท้ายด้วยการกินอาหารร่วมกันเป็นรูปแบบที่ได้รับการปฏิบัติกันเป็นส่วนใหญ่ของภาคธุรกิจ  การมากินอาหารหรือมางานเลี้ยงทางธุรกิจเป็นภาพที่พวกเราทุกคนก็กำลังทำกันอยู่  แต่บางคนทำไมไม่ได้ยอดธุรกิจ เคยสงสัยบ้างไหม  เรากินอะไรผิดหรือเปล่า ทำไมบางคนออกไปกินข้าวแล้วมีลูกค้าเยอะขึ้น ทำไมบางคนออกมากินข้าวแล้วธุรกิจซบเซา

ปัจจัยที่ส่งผลต่อธุรกิจก็คือ การกินข้าวกับคนหน้าเดิมจะทำให้ธุรกิจค่อยๆหดหาย  มันจะค่อยๆเล็กลง เล็กลง  เพราะอะไรรู้ไหม  เพราะเราจะเห็นหน้ากันจนเบื่อ เราเจอกันทุกสัปดาห์อยู่แล้ว เราสนิทกันยิ่งกว่าญาต  เราเริ่มอุดหนุนธุรกิจกัน  แต่ว่าเราน่าจะฉุกคิดได้ว่า ไม่มีใครซื้อของเราทุกปี ไม่มีใครซื้อตลอดปี ไม่มีใครสร้างบ้านทุกปี ไม่มีใครแต่งงานทุกปี เพื่อนสนิทของเราไม่มีใครซื้อคอนโดซื้ออสังหาฯทุกปี  เราต้องการลูกค้าใหม่ และการกินข้าวกับคนหน้าเดิมจะไม่เกิดลูกค้าใหม่
20200218070918_IMG_0056
เราต้องกินข้าวกับคนใหม่ๆ คนหน้าใหม่ เพื่อนใหม่ เมื่อไหร่ที่เราเริ่มชินกับเพื่อนหน้าเดิม นั่งวงเดิม กินวงเดิมๆ เราก็จะหมดโอกาสสร้างลูกค้าใหม่  นี่เป็นเหตุผลที่ในระบบ bni มีการบอกว่าเราต้องเชิญ visitor เพื่อให้มีคนใหม่เข้ามาคุยกับเรา  การคุยกันในห้องประชุมหรือคุยบนโต๊ะอาหารล้วนเป็นการพูดคุยเพื่อก่อให้เกิดคอนเน็คชั่นใหม่ เกิดการขยายวง  ถ้าคุณอยากมีลูกค้าใหม่ คุณต้องท่องไว้ในใจว่า ลูกค้าใหม่จะมาจากการที่เรากินข้าวกับคนหน้าใหม่ๆเสมอ  เพราะคนเก่า เราได้กันแล้ว   เราซื้อขายกันแล้ว เรามาพบกันเพราะเราอยากได้ลูกค้าใหม่ หรือเราอยากรู้จักคนใหม่นั่นเอง
การกินข้าวหมายรวมไปถึงการไปพบปะสังสรรค์กันในรูปแบบอื่นๆด้วย  นอกจากพากันไปกิน เราก็สามารถพากันไปตีกอล์ฟ ไปขี่จักรยาน ไปสังสรรค์  ไปคาราโอเกะ เราควรจัดทริปเหล่านี้โดยมีเพื่อนสนิทกลุ่มของเราและให้มีคนใหม่ปนเข้าไปด้วย  เพื่อให้เกิดการแนะนำคนใหม่สู่คนเก่า  มันอาจจะเรียกว่าเป็นการแม็ทชิ่งเล็กๆดูเหมือนไม่เป็นทางการ  แต่มันเป็นการเชื่อมโยงทางธุรกิจที่น่าจดจำ หวังผลได้  การรู้จักลูกค้าที่ชอบอะไรบางอย่างเหมือนกันมันดีกว่าการยัดเยียดนามบัตรให้ผู้อื่นอย่างเทียบกันไม่ได้
อย่าลืมว่า ในการพบกันเพื่อธุรกิจ ย้ำว่าในการพบกันเพื่อสร้างธุรกิจนะครับ ถ้าเราต้องการคอนเน็คชั่นใหม่ๆ  ในทุกกิจกรรมการกินหรือปาร์ตี้หรือทริปสังสรรค์ เราต้องมีคนใหม่ร่วมอยู่ด้วย  จะมีคนใหม่หลายคน หรือมีแค่คนเดียว ก็ดีกว่าไม่มีเลย.

NEC pocket02 นามบัตรหรือเศษกระดาษ

นามบัตรหรือเศษกระดาษ

IMG_0994thailetterpress-Full

ในการทำธุรกิจของทุกคนต้องมีการใช้นามบัตรเสมอ และการที่ท่านออกจากบ้านไปหาเพื่อนๆ ไปร่วมกลุ่มเน็ตเวิร์คกิ้งต่างๆนั้น บางท่านอาจจะพกนามบัตรไปแจกแบบเน้นปริมาณ บางท่านตั้งใจจะแจกทุกคนที่ได้คุยด้วย อาการแจกไม่เลือกแบบนี้จะไม่สร้างผลดีต่อท่านเลย เพราะภาพลักษณ์ของท่านจะกลายเป็นเซลส์ที่เน้นการขายของ มาออกบู๊ทมาแจกใบปลิว มาแจกนามบัตร หนังสือบางเล่มจะเรียกคนแจกนามบัตรแบบไม่คิดว่า “นักยัดเยียดนามบัตร”

นามบัตรหนึ่งใบราคาไม่ถูกไม่แพง แต่มันจะกลายเป็นเศษกระดาษราคาแพงไปเลยถ้าท่านใช้ไม่ถูกวิธีหรือแจกไปยังคนที่ไม่ต้องการ และในทางตรงข้าม นามบัตรใบละไม่กี่บาทจะเป็นคัมพานีโพรไฟล์ที่ถูกที่สุดในโลกหากท่านแจกถูกคนและถูกโอกาส

วิธีการที่ดีที่สุดในการแจกนามบัตรให้มีคุณค่าก็คือ แจกเฉพาะคนที่เขาเอ่ยปากขอครับ ใครไม่ขออย่าเพิ่งไปแจก เพราะเขาอาจไม่ต้องการ เขาอาจมาอยู่ในกลุ่มเน็ตเวิร์คกิ้งแบบโดนบังคับมา โดนหลอกมา เขาไม่ได้อยากทำธุรกิจ หรือแม้แต่ธุรกิจเขาอาจไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเราเลย การหยิบนามบัตรแจกไม่เลือกหน้ามีโอกาสที่มันจะถูกนำไปวางในลิ้นชักแบบมัดยางรวมเป็นกอง เพราะใครๆก็แจกไม่คิด คนรับก็รับแบบไม่อยากเสียมารยาท สุดท้ายมันก็จะกลายเป็นเศษกระดาษราคาแพง ผมเชื่อว่าทุกท่านจะมีกองนามบัตรที่ไม่อยากได้อยู่สักกองหนึ่งในที่ทำงาน ซุกไว้ในลิ้นชักหรือในซอกตู้เก็บเอกสารสักที่หนึ่ง

สิ่งที่เราควรจะเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการแจกนามบัตรอย่างมีคุณค่าก็คือ
1 มีนามบัตรติดตัวพร้อมแจกเสมอ
2 มีนามบัตรที่แสดงถึงตัวตนความเป็นมืออาชีพในธุรกิจของท่าน และไม่ลืมระบุ ชื่อท่าน ชื่อบริษัท เบอร์โทรที่ต้องการให้เขาโทรกลับ และรายละเอียดธุรกิจของท่านอย่างสรุปย่อ
3 แจกเฉพาะคนที่เขาอยากได้

คราวนี้ถ้าเกิดว่า คุณอยากจะให้นามบัตรกับใครเป็นพิเศษ คนที่คุณเชื่อว่าเขาสามารถเชื่อมโยงกับธุรกิจของคุณได้ คุณจะทำอย่างไรให้เขาเอ่ยปากขอนามบัตรจากคุณ
วิธีทำให้เขาเอ่ยปากขอนามบัตรจากคุณก็ทำได้โดยการเข้าไปทำความรู้จักและขอนามบัตรของเขาก่อน เมื่อได้คุย และได้นามบัตรมาแล้ว ถ้าเขาไม่ลืมเขามักจะขอนามบัตรจากคุณเช่นกัน มันเป็นจิตวิทยา การตอบแทนซึ่งกันและกัน คือถ้าคุณทำอะไรต่อเขา เขามักจะทำแบบนั้นต่อคุณ แค่นี้คุณก็สามารถให้นามบัตรแก่คนที่คุณสนใจได้แล้ว

อย่าลืมว่า นามบัตรเล็กๆหนึ่งใบ เป็นได้ทั้งคัมพานีโพรไฟล์ และเศษกระดาษ ใช้มันให้ถูกวิธี ถูกกาละเทศะ มันพาคุณไปสู่ลูกค้าที่คุณต้องการ

NEC pocket01

ออกจากถ้ำกันเถอะ
===============

IMG_8837

นึกถึงวันที่เราลุยทำธุรกิจแบบที่เราไม่มีทีม  ไม่มีเน็ตเวิร์คเจ๋งๆ  เรามีสภาพอย่างไร

วันที่เราโชคดี เราก็มีงานดีๆที่ทำให้เรามีชื่อเสียง  เราก็รับงานนั้นแล้วก็สร้างชื่อ  เราทำดี ก็มีลูกค้าเก่าบอกต่อ  สิ่งที่ตามมาก็คือ เราทำงานกันจนหน้ามืด ทำงานจนเราไม่มีเวลาไปพัฒนาหรือศึกษาตัวเอง  ทำงานจนลืมที่จะพัฒนาองค์กร  และในเวลาต่อมา ลูกค้าบอกต่อก็ค่อยๆหายไป  เพราะไม่มีใครใช้งานเราตลอดไป  ไม่มีใครสร้างบ้านทุกปี  ไม่มีใครแต่งงานทุกปี  ไม่มีใครเดินระบบไฟ กล้องวงจรปิด สายแลนด์ ลงเครื่องคอมฯยกอ๊อฟฟิศทุกปี  เราอยู่ในธุรกิจของตัวเราเองมานานพอจนเรารู้แล้วว่าลูกค้าเก่าจะค่อยๆหายไป  สิ่งที่เราต้องการคือลูกค้าใหม่

เราออกไปหาลูกค้าใหม่ เราทำอย่างไรกันบ้าง  เราก็อาศัยว่า ลูกค้าเก่าแนะนำใครเราก็ไปหาเขา  มีคนถามหาเราเราก็ไปหาไปแนะนำตัวกับเขา  เราต่างคนต่างทำแบบนี้  ในขณะที่เราก็ไม่ได้มีนัดไปแนะนำตัวได้ทุกวัน  เพราะเราทำงานหน้ามืดอยู่  เรากำลังทำงานให้ลูกค้าอยู่   แถมคนที่จะช่วยบอกต่อให้เราก็มีไม่เยอะ

แม้แต่วันที่เราไปงานเลี้ยงรุ่นไม่ว่าจะเป็นรุ่นมัธยม มหาวิทยาลัย แรกๆเราก็ไปพร้อมนามบัตรเป็นปึก  แล้วเราก็ไม่ได้แจกนามบัตรซะเท่าไหร่  เราไม่ได้มีนิสัยช่างคุย  เพื่อนๆที่เราคบก็มีเพื่อนสนิทเดิมๆที่เรารู้จักกันมาสิบปี และมันก็ไม่เคยซื้อของๆเรา  เราก็ไม่เคยซื้อของๆมัน  เราอาจจะมีธุรกิจต่อกันบ้าง  แต่มันก็เข้าสู่คำพูดเดิมๆ  ไม่มีใครสร้างบ้านทุกปี  เพื่อนเราใช้สินค้าหรือบริการเราแค่ครั้งเดียว  หรือจำนวนน้อยครั้งจนเรียกว่าธุรกิจไม่ได้

สิ่งที่เราเป็นเราเรียกว่า มนุษย์ถ้ำ  เราใช้ชีวิตเป็นมนุษย์ถ้ำ  เราออกไปหาอาหารแบบพอเพียงแล้วเราก็กลับเข้าถ้ำ  สิ่งที่แย่ก็คือ อาหารรอบถ้ำเริ่มน้อยลง  แถมยังมีมนุษย์ถ้ำมาหากินใกล้เรา  มาตัดราคาเราอีก

กลับมาที่งานเลี้ยงรุ่น  เราออกไปพบเพื่อน เราบอกเพื่อนว่าเราทำอะไร  เพื่่อนบอกเราว่าเพื่อนทำอะไร แลกนามบัตร กินข้าว แล้วเราก็กลับบ้าน  อีกไม่กี่วันเราก็ลืมไปแล้วว่าเราเอานามบัตรใครกลับบ้านบ้าง  และเพื่อนก็เป็นแบบเรา  มันก็ลืมเรา  เวลาผ่านไปปีแล้วปีเล่า เราก็ไปเจอเพื่อนอีกที  เพื่อนก็นึกออกว่าเราทำอะไร เราก็นึกออกว่าเพื่อนทำอะไร แต่ระหว่างปีเราดันนึกไม่ออก  คือเราไม่คิดถึงกันเลย  ธุรกิจก็ไม่เกิด  เซ็งไหม  มันเป็นเพราะคุณเป็นมนุษย์ถ้ำเดียวดาย  ทำธุรกิจหัวเดียวกระเทียมลีบ และคุณมองหาแค่ใครจะซื้อของของคุณ  และคุณก็รู้ว่าเพื่อนกลุ่มเดิมๆของคุณไม่ได้ต้องการธุรกิจของคุณบ่อยๆ  คือมันไม่เกิดรายได้ที่จะหล่อเลี้ยงคุณและบริษัทเลย

แต่ตอนนี้  พวกเรา มารวมตัวกัน  เรามาพบกัน เพราะเราต่างก็เห็นบางอย่างคล้ายๆกัน คือเราอยากได้วิธีการใหม่ๆที่จะรักษาและขยายธุรกิจ  พวกเราไม่อยากเป็นมนุษย์ถ้ำเดียวดาย  เราอยากมีชีวิตชีวาและสนุกกับการทำงาน…และเราอยากมีลูกค้าใหม่

บีเอ็นไอ พัฒนาพวกเราให้เป็นเน็ตเวิร์คที่มีคุณภาพ  ถ้าคุณไปร่วมงานเลี้ยงรุ่นอีกครั้งด้วยทัศนคติแบบบีเอ็นไอแท้ๆ  คุณจะสนุกกับงานเลี้ยงรุ่น  เพราะคุณไม่เดียวดายอีกต่อไป  คุณสามารถเป็นคนใหม่ที่มีคอนซัลห้าสิบอาชีพที่รู้ลึกรู้จริงติดตัวไปด้วย  คุณจะเป็นคนที่มีคุณค่ามากกว่าเดิม  เพราะคุณพกคนเก่งติดตัวคุณไปด้วยอีกทั้งแชปเตอร์  ในเวลาที่คุณคุยกับเพื่อนร่วมรุ่น หรือเพื่อนกลุ่มสนิท คุณก็จะได้แลกเปลี่ยนสารทุกข์สุกดิบกัน  เพื่อนบ่นอะไรมาเกี่ยวกับธุรกิจ คุณจะนึกออกได้ในเวลาไม่นานว่าคุณรู้จักคนที่สามารถจัดการปัญหาเหล่านั้นได้

เช่นถ้ามีคนบ่นอยากขายบ้าน ขายคอนโด ด้วยความร้อนเงิน คุณรูู้แล้วว่าคุณจะแนะนำเพื่อนให้คุยกับใคร คุณก็แค่บอกว่าคุณรู้จักนักอสังหาริมทรัพย์ที่รู้ว่าควรจะขายบ้านให้เร็วนั้นทำอย่างไร   ถ้าเพื่อนคุณบ่นว่าขโมยขึ้นบ้าน  คุณก็เชื่อมเขาเข้ากับคนขายกล้องวงจรปิดได้  ถ้าคุณได้ยินว่าเพื่อนกำลังเดือดร้อนสรรพกรเรียกคุยเพราะบัญชีไม่เรียบร้อย  คุณก็รู้ได้ในทันทีว่า คุณควรจะแนะนำให้เขาได้คุยกับคนทำบัญชีเก่งๆที่สามารถเจรจาต่อรองกับสรรพกรแทนเจ้าของบริษัทได้  ซึ่งคุณสามารถนำพาเพื่อนผู้ประสบปัญหามาพบกับคนเก่งๆโดยไม่ต้องคิดเรื่องเงินและราคาในเบื้องต้น  เพราะอะไรคุณถึงทำได้รู้ไหม  เพราะคุณมีทีม และทีมนี้ใหญ่พอ เก่งพอ และมีทัศนคติบวกเหมือนคุณ

คุณคนใหม่นี้จะมีทัศนคติที่เป็นนักแก้ปัญหาให้กับเพื่อนฝูง  การมองไปยังปัญหาของเพื่อนๆและลูกค้าจะทำให้คุณได้มองหาธุรกิจให้กับทีมของตัวเอง  แค่คุณเปลี่ยนวิธีคิดเล็กน้อย เปลี่ยนจากการมองหาธุรกิจให้ตัวเองเป็นการฟังปัญหาของผู้อื่นและมองหาโอกาสและธุรกิจให้ทีม  คุณก็จะได้รับการขอบคุณจากลูกค้าเพราะคุณใส่ใจกับปัญหาของเขา  และอาจจะเป็นโอกาสที่คุณจะได้ส่งธุรกิจเข้าแช็ปเตอร์

P1260194

ขอให้ทุกคนออกจากถ้ำแล้วปรับทัศนคติใหม่เป็นนักฟัง นักแก้ปัญหา  แทนที่เราจะออกไปหาธุรกิจให้ตัวเอง หนึ่งวันคุณมีโอกาสหาธุรกิจหนึ่งครั้ง  แต่ถ้าคุณมองหาธุรกิจให้เพื่อนๆในแช็ปเตอร์ และเพื่อนสมาชิกทุกคนก็ทำแบบคุณ หนึ่งวันของคุณจะมีห้าสิบโอกาสทางธุรกิจ  แบบนี้พอใช้ได้ไหมครับ  การเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เป็นนักฟัง นักแก้ปัญหา จะต้องอาศัยการฝึกฝน อาศัยเวลา แต่มันก็ไม่ได้ยากเกินไป

บีเอ็นไอมีความรู้ที่กลั่นกรองมาอย่างดีคุณสามารถใช้ความรู้เหล่านี้ให้เป็นประโยชน์ได้   NEC จะค่อยๆเอาความรู้เหล่านี้มาเล่าให้ฟังครับ

ครั้งหน้า เราจะมาคุยกันเรื่อง นามบัตร  วิธีทำให้นามบัตรเป็นกุญแจทางธุรกิจ แทนที่จะเป็นเศษกระดาษ

BNI Heritage เปิดงานฉลอง 7 ปี

วันที่ 9 กรกฎาคม 2556 เป็นวันจัดงานฉลองครบรอบ 7 ปี ของ chapter Heritage ซึ่งเป็น chapter แรกของ BNI Thailand คุณกลกิตติ์ เถลิงนวชาติ ผู้ก่อตั้ง เป็นผู้กล่าวเปิดงาน พร้อมกับสุนทรพจน์เล็กน้อย