รีวิวลำโพง JBL Tuner fm

IMG_20210404_084828

ลำโพง JBL Tuner fm เป็นลำโพงบลูทูธทรงกระบอก คล้ายกระติกน้ำ ซึ่งเป็นทรงที่ทาง JBL ทำออกมาหลายรุ่น ส่วนมากจะเป็นลำโพงบลูทูธแต่เพียงอย่างเดียว เพิ่งจะมีรุ่นนี้ที่ใส่ฟังค์ชั่นเครื่องรับวิทยุ Fm มาให้ด้วย ทำให้มันเป็นเครื่องรับวิทยุที่น่าสนใจมาก เพราะมันกลายเป็นวิทยุที่รับสัญญาณบลูทูธ เชื่อมต่อกับเมือถือได้

IMG_0183

สเป็คของ JBL Tuner Fm

  • ขนาดตัวเครื่อง 16.5 x 6.6 x 6.6 cm
  • น้ำหนัก 445 กรัม
  • ดอกลำโพงขนาด 4.45 cm.
  • ตอบสนองความถี่ 85Hz – 20kHz
  • รับคลื่นวิทยุความถี่ 76MHz – 108MHz ในไทยรับตั้งแต่ 87.5-108 MHz
  • ระบบบลูทูธ เวอร์ชัน 4.1 (A2DP V1.2, AVRCP V1.5)
  • กำลังขับ 5W RMS
  • Signal-to-Noise Ratio > 80dB
  • แบตเตอรี่ความจุด 1,500 mAh, 3.7V
  • รองรับการใช้งานสูงสุด 8 ชั่วโมง
  • ชาร์จไฟผ่าน micro usb ใช้เวลาในการชาร์จจนเต็มประมาณ 3.5 ชั่วโมง
  • มีช่องรับสัญญาณเสียง Aux

IMG_0071

ลักษณะทั่วไป

ลำโพงตัวนี้ มีตัวรับคลื่นวิทยุระบบ Fm เป็นระบบสแกนหาคลื่นแบบดิจิทัล สามารถบันทึกสถานที่ที่ชอบฟังได้ 5 สถานี ระบบวิทยุสามารถสแกนคลื่นด้วยระบบอัตโนมัติ หรือ กดปุ่มเพื่อเปลี่ยนคลื่นที่ต้องการฟังได้ ปุ่มด้านบนตัวเครื่อง มีปุ่ม – และ + เอาไว้ปรับความดัง มีปุ่มตัวเลข 1 2 3 4 5 เอาไว้บันทึกสถานที่วิทยุที่ชอบ มีปุ่ม FM เพื่อกดฟังรายการวิทยุ มีปุ่ม Scan เพื่อทำการสแกนคลื่นรายการวิทยุ มีปุ่ม Tuner- และปุ่ม Tuner+ เพื่อเลือกสถานีเอง และปุ่มสุดท้ายก็คือปุ่มเลือกให้เครื่องทำงานระบบบลูทูธ เสาอากาศแบบชัก สามารถปรับหดเก็บแนบไปกับตัวกระบอกได้ ส่วนปุ่มเปิดปิดเครื่องจะอยู่ด้านข้าง

ทดลองฟัง

ในการทดลองฟังผมใช้โทรศัพท์ Redmi Note7 ระบบปฏิบัติการ Android สลับกับ iPhone4s ฟังด้วยเพลงในเครื่องบ้าง ฟังด้วย App อย่าง Spotify และ Youtube ด้วย ลำโพง JBL Tuner Fm สามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนทั้งรุ่นใหม่และรุ่นเก่าหลายปีได้อย่างไม่เรื่องมาก เชื่อมได้ทุกเครื่อง เล่นเพลงจากในเครื่องก็เล่นได้ไม่สะดุด เล่นเพลงจากระบบสตรีมก็ทำได้ปกติ ไม่พบปัญหาอะไร

คุณภาพเสียงมีน้ำหนักเสียงที่หนักแน่น ตอบสนองความถี่ได้ดีโดยเฉพาะเสียงในย่านความถี่ต่ำที่ทำได้ดีมาก ฟังเพลงต่างๆผ่าน JBL Tuner Fm ตัวนี้มีเสียงเบสชัดเจน มันแตกต่างไปจากลำโพงบลูทูธตัวเล็กทั่วไปที่ฟังเสียงกลางชัดแต่เบสบาง JBL ตัวนี้ไม่มีอาการเบสบางเลย กลับกัน ลำโพงให้น้ำเสียงในย่านเบสได้โดดเด่น ทำให้มันเป็นลำโพงคุณภาพดีสามารถให้เสียงในระดับHifi ได้ เพราะเมื่อย้อนกลับไปฟังเพลงผ่านลำโพงเล็กกว่านี้อย่าง JBL Go ก็จะพบว่า เสียงของ Go มีเบสบาง มีเพียงเสียงกลางที่ดีน่าพอใจเท่านั้น แต่ JBL Tuner Fm ให้น้ำเสียงที่กลมกล่อม ตอบสนองย่านเสียงเบสได้ดี เพลงที่ฟังจะให้ความรู้สึกถึงน้ำหนักที่จะแจ้ง มีน้ำเสียงนุ่มนวล อาจจะเพราะเสียงย่านเบสช่วยให้เสียงดนตรีสมบูรณ์ขึ้น

20210331070243_IMG_0063

การฟังรายการวิทยุจาก JBL Tuner FM ถือเป็นจุดเด่นที่ดีมาก เพราะคุณภาพการรับคลื่นวิทยุทำได้ดีทัดเทียมกับการเปิดวิทยุในรถยนต์ คลื่นที่รับชัดก็คือชัดมาก ไม่มีเสียงแทรก ไม่มีเสียงซ่าเลย คลื่นวิทยุที่รับได้ อย่างคลื่นที่ลงท้ายด้วย .0 และ.5 ทำได้ดีเยี่ยม คลื่นที่ลงท้ายด้วย .25 .75 ก็รับได้เช่นกัน น้ำเสียงจากรายการวิทยุให้น้ำเสียงที่ฟังสบาย เสียงพูดฟังรู้เรื่อง แต่นุ่มนวลกว่าวิทยุกระเป๋าหิ้วหรือวิทยุพกพาอื่นๆที่เคยใช้ เนื่องจากวิทยุพกพาราคาถูกที่ใช้ระบบหมุนหาคลื่นแบบอนาลอก จะไม่ลงทุนกับลำโพงในเครื่อง เสียงจากรายการวิทยุก็จะมีแต่เสียงบางๆ เน้นเสียงพูด เหมือนจงใจทำโทนเสียงให้แหลมแทงหูนิดน้อยเพื่อให้ฟังรู้เรื่อง แต่ฟังดนตรีไม่เพราะเลย ซึ่งอาการเหล่านี้ไม่เกิดกับ JBL Tuner FM เพราะเสียงรายการวิทยุจากตัวนี้มันยอดเยี่ยมน่าฟังมาก เสียงเพลงที่ส่งผ่านรายการวิทยุมีคุณภาพสูง น้ำหนักเสียงย่านความถี่ต่ำมีให้ฟังอย่างเพียงพอ มันสมดุลย์กับเสียงกลางและเสียงสูง คุณภาพเสียงระดับ Hifi มีอยู่ในลำโพงตัวนี้เต็มๆ

20210331064622_IMG_0060

ฟังเพลงผ่านบลูทูธด้วย App อย่าง Spotify ก็ทำงานได้มาตรฐานมาก การเชื่อมต่อเสถียร ไม่หลุด น้ำเสียงมีเบส กลาง แหลมครบ คุณภาพเสียงดีสมกับค่าตัวหลายพันบาท เสียงร้องชัดเจนยังคงเป็นเอกลักษณ์ คุณภาพเสียงมันดีกว่าลำโพงขนาดเล็ก แต่ก็ยังไม่สามารถเอาไปเทียบกับลำโพงบลูทูธขนาดใหญ่ได้ ลองฟังเทียบกับซาวบาร์ของ Xiaomi ที่เป็นตัวใหญ่ยาว 80cm เจ้าตัวใหญ่จะให้เสียงใสและนุ่มกว่า เปิดได้ดังกว่า JBL Tuner FM มีกำลังขับตามสเป็คเพียง 5 วัตต์ นั่นหมายถึงมันเปิดในงานปาร์ตี้ที่มีคนเยอะไม่ได้เลย มันเหมาะกับการฟังใกล้ๆ นั่งฟัง 1-2 คน เท่านั้น ซึ่งนั่นก็น่าจะตรงกับวัตถุประสงค์ของการออกแบบ

20210331063944_IMG_0059

รายการวิทยุที่รับได้ หากทางรายการมีชื่อ มีการส่งข้อมูลชื่อสถานทีมาด้วย JBL Tuner FM ก็มีหน้าจอแสดงผลที่ขึ้นชื่อเป็นตัวหนังสือให้ ตัววิ่งจะไหลอยู่ในหน้าจอให้เราได้เห็นข้อมูลสถานี เราสามารถบันทึกรายการที่ชอบไว้ได้ 5 สถานี เมื่อเจอสถานีที่ชอบก็กดปุ่มตัวเลขค้างไว้เลย เลขนั้นก็จะจำสถานีเอาไว้ สะดวกมาก

20210331064712_IMG_0062

จุดเด่น

น้ำเสียงกลมกล่อม มีเสียงย่านเบส กลาง แหลม ครบ

ระบบรับคลื่น FM ชัดเจน แม่นยำ

บันทึกสถานีวิทยุได้ 5 ช่อง

เปิดปิดทำได้เร็ว กดฟังวิทยุได้เร็ว

ขนาดตัวเครื่องไม่ใหญ่มาก สามารถพกพาใส่กระเป๋าใส่เป้ได้สะดวก

จุดด้อย

เสียงเบาเกินไปใช้กับปาร์ตี้ไม่ได้

สรุป

JBL Tuner FM ถูกออกแบบมาให้เป็นลำโพงพกพา มีขนาดกระทัดรัด ไม่ใหญ่เกินไปจนพกลำบาก มีขนาดไม่เล็กมากทำให้สามารถสร้างเสียงเบสได้ลงลึกและต่ำกว่าลำโพงเล็ก ผลก็คือน้ำเสียงโดยรวมทำได้ยอดเยี่ยม มีเสียงครบย่านความถี่ที่จำเป็นในการฟังเพลง ความสามารถเรื่องการรับคลื่นวิทยุทำได้ชัดเจนแม่นยำ เป็นวิทยุคุณภาพดี เราสามารถพกลำโพงตัวนี้ติดตัวไปได้ตลอดเวลา ใส่เป้ ใส่กระเป๋าได้ไม่รู้สึกยุ่งยาก

รีวิวหูฟัง 3 รุ่น ราคาเบาๆ แต่เอาจริง

หูฟังแถมมากับโทรศัพท์หรือเครื่องเล่นเพลงมักจะไม่ค่อยดี หรือเครื่องเล่นเพลงบางรุ่นก็ไม่แถมหูฟังแล้ว นั่นเป็นสาเหตุให้บางคนคิดจะอัพเกรด หาของที่เสียงดีกว่าของแถมมาใช้ ในการทดสอบรวมรอบนี้เราเลยหาหูฟังที่มีราคาขายในตลาดประมาณ 2000 -2500 บาท เป็นเกณฑ์เพื่อดูว่ามีตัวไหนน่าสนใจบ้าง

IMG_0086

ผมได้หูฟัง 3 รุ่นในงบประมาณที่ต้องการมาทดสอบ บางตัวอาจมีราคาตั้งที่สูงกว่าแต่ก็มีส่วนลด มีโปรโมชั่นที่ทำให้มันอยู่ในงบ และหูฟังเหล่านี้ก็คือ Sony IER-H500A , Zero Audio Carbo Mezzo ZH-DX220 และ Hifiman Re400 ซึ่งต่อไปจะเรียกสั้นๆว่า H500 Mezzo และ Re400 ตามลำดับ

อุปกรณ์ที่ใช้ทดสอบ

โทรศัพท์ Red mi note7

เครื่องเล่นเพลง ipod shuffle Gen1

คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค

เครื่องเล่นเพลง Aune M1

IMG_0053

H500 เป็นหูฟัง in-ear ตอบสนองความถี่ 5-40000 Hz มีไมค์ ใช้คุยโทรศัพท์ได้ ให้สายยาว 1.2 เมตร ขั้วเสียบ 3.5มม แบบมีขีดดำ 3 ขีด ให้น้ำเสียงที่ฟังสนุกตั้งแต่นาทีแรก เสียงเบสแน่นเหมือนมีลาวเนสหรือวงจรยกเสียงเบสช่วยนิดๆ เสียงสูง ตัว S ตัว ซ จะชัดเจน ทำให้เสียงกลางคม และฟังชัด แต่ไม่นุ่มนวลแบบออดิโอไฟล์ ความคึกคักเป็นจุดเด่น ใช้ฟังเสียงพูด เสียงพิธีกรได้ชัดถ้อยชัดคำ เสียงดนตรีต่างๆมาครบแต่จะมีเสียงสูงที่ดังล้ำออกมานิดๆ ตัวจุกยางของหูฟังค่อนข้างนิ่ม ใส่สบาย ผมไม่แน่ใจว่าในแพ็คเกจให้จุกยางมาเปลี่ยนกี่ขนาด ถ้าเลือกขนาดหูฟังให้เหมาะจะช่วยปรับระดับเสียงเบสได้ ผมชอบจุกยางของโซนี่มากกว่าของยี่ห้ออื่นที่ทดลอง ฟังเพลงอคูสติกจะสนุกมาก เพราะให้เสียงกลาง เสียงบรรยากาศที่ชัด และมีเสียงเบสที่พร้อมจะผลักดันทุกเสียงให้ออกมามีสีสัน เป็นการปรุงแต่งที่น่าฟัง

IMG_0058

Mezzo เป็น in-ear ให้สายยาว 1.2 เมตร ตอบสนองความถี่ 6-40000Hz ขั้วต่อชนิด 3.5มม. แบบสเตอริโอดั้งเดิม หรือ มีขีดดำ2 ขีด ไม่มีไมค์ ดังนั้นใช้คุยโทรศัพท์ไม่ได้ ลักษณะสายแบนทำให้การแกะคลี่สายทำได้ง่าย น้ำเสียงของ Mezzo เป็นหูฟังที่ให้เบสใหญ่โต เป็นหูฟังซุปเปอร์เบส เสียงเบสในเพลง เสียงกลองในเพลง จะฟังแล้วโดนยกให้ดังทั้งหมด เหมือนเอาหูฟังแบบแฟลตมายก Equaliser หรือ ปรับความถี่แบบ ยกเบส ยกแหลม ถ้าเป็น Graphic Eq ก็จะเหมือนยกให้เป็นตัว V คือ เสียงสูง ตัว S ตัว ซ ชัดเจนจนรู้สึกว่าดังเกินไป ฟังเพลงร็อคได้มันส์มาก เพราะกลองกับเบสโดนยกจนรู้สึกว่ามันเกิดมาเพื่อปั๊มเบสเลย ฟังให้เสียงกลางฟังได้เรื่อยๆ แต่เสียงเบสจะดังมาก เหมาะกับคนชอบเบสตรงๆเลย เสียงเบสที่ดังปานนี้ แต่เสียงก็ยังไม่แป๊ก ไม่ออกอาการพล่า จุกยางที่ติดมากับหูค่อนข้างใหญ่เกินไปสำหรับหูผม ถ้าเปลี่ยนจุกยางให้เหมาะน่าจะลดเสียงเบสลงได้ และน่าจะใส่สบายขึ้น

IMG_0054

Re400 เป็นหูฟัง in-ear ขั้วต่อ 3.5มม แบบสเตอริโอปกติ มีขีดดำ 2 ขีด ดังนั้นจะไม่มีไมค์ ใช้คุยโทรศัพท์ไม่ได้ สายมีผิวสัมผัสเหมือนเชือก ตอบสนองความถี่ 15-22000Hz น้ำเสียงสดเป็นธรรมชาติ ถือเป็นจุดเด่นมากๆของหูฟังตัวนี้ แต่ต้องได้ใส่กับจุกยางที่พอเหมาะจริงๆถึงจะได้น้ำเสียงที่ดี ความโปร่งของเสียงกลางเป็นแนวเสียงที่โชว์เพลงร้องได้อย่างยอดเยี่ยม เสียงเบสที่มีพอดี ไม่ล้น ไม่บวม ไม่ทับเสียงกลาง และเสียงสูงก็ไม่เน้นตัว s ตัว ซ จนมากเกินไป เป็นเสียงแนวแฟลตอย่างแท้จริง หากฟังทดสอบด้วยเพลงร้อง หูฟังตัวนี้จะชนะเลิศเลย ความพอดีของทุกย่านความถี่ทำให้เราฟังหูฟังเส้นนี้ได้นานมาก เสียงเบสคมและมีน้ำมีนวลแต่ไม่อ้วนเบลอ มีเสียงดังขึ้นมาแล้วจบลงอย่างกระชับ เป็นบุคคลิกเสียงที่นักฟังเครื่องเสียงค่อนข้างชอบ ผมได้หูฟังตัวนี้มาพร้อมจุกยางที่ไม่พอดีกับหู ใส่ฟังครั้งแรกนึกว่าเป็นหูฟังเสีย คือเป็นเสียงโทรโข่ง ไม่มีเบส ไม่มีแปลายแหลม นาทีแรกที่ได้ยินยังสงสัยว่าหูฟังเสียงแบบนี้ได้รับความนิยมได้ยังไง แต่เมื่อลองเปลี่ยนจุกยางแล้ว พอเราเจอจุกยางที่พอดี เราจะได้เสียงที่สุดยอดมาก ยิ่งรู้ว่าราคาขายอยู่ในระดับ 2 พันบาทยิ่งน่าซื้อใช้ จุดเด่นอีกอย่างที่พบคือ หูฟังตัวนี้ใส่สบาย เมื่อเลือกจุกยางที่เหมาะสมแล้วน้ำเสียงจะเหมือน earbud คุณภาพดี เราควรใช้เวลาทดลองเปลี่ยนจุกยาง หาขนาดที่พอดีกับหูเรา แล้วเราจะได้หูฟังคุณภาพสูงในราคาเบาๆ

ข้อสังเกต

ผมใช้หูฟัง Re400 แล้วเปลี่ยนจุกยางเป็นของ sony h500 ได้น้ำเสียงที่ถูกใจที่สุด เสียงกลางมีเนื้อ มีมวล มีปลายเสียงที่ชัดแต่ไม่คมไม่บาดหู เสียงเบสลึกมีความฉ่ำและไม่กระแทกกระทั้นหูแบบ in-ear ทั่วไป ผมไม่ได้มีแพ็คเกจจุกยางของ Re400 ทั้งกล่อง เพราะเคยรู้มาว่า Re400 แถมจุกยางเยอะมาก น่าจะมีจุกยางให้เปลี่ยนได้ละเอียด น่าจะทำให้คนฟังได้เสียงที่ดีกับหูตัวเองจริงๆ

IMG_0092

สรุป

ถ้าใช้กับโทรศัพท์เป็นหลัก ใช้คุยด้วย ต้องเลือก Sony H500 เราจะได้หูฟังที่ฟังสนุก ฟังค์ชั่นครบ ใช้ได้ทุกโอกาส

ถ้าใช้ฟังเพลงออดิโอไฟล์ เพลงบันทึกดี ใช้ฟังนอกบ้าน ที่บ้านมีเครื่องเสียงขั้นเทพอยู่แล้ว เลือก Hifiman Re400 ไปเลย แล้วเสียเวลาลองจุกยางอย่างละเอียด หาจุกที่พอดีกับหูเรา ฟังไปฟังมา เดี๋ยวจะโดนเครื่องเล่นเพลงเครื่องใหม่อีกเครื่อง

ถ้าชอบร็อค ชอบเบส ชอบอะไรที่จัดจ้าน ก็เลือก Mezzo

ขอขอบคุณร้านมั่นคงแก็ดเจ็ทที่เอื้อเฟื้ออุปกรณ์ในการทดสอบครับ

รีวิว Mi True wireless Earphones

Xiaomi ทำอะไรขายบ้างในตอนนี้เราคงไม่สามารถบอกได้แล้ว เพราะมีสินค้าหลากหลายชนิดออกมาในยี่ห้อนี้ นอกจากสินค้าเทคโนโลยีแล้วก็ยังมีสินค้าเครื่องใช้ในบ้านอีกด้วย แต่ละเดือน แต่ละสัปดาห์ที่ผ่านไปเราก็พบสินค้าใหม่ของยี่ห้อนี้อยู่เรื่อยๆ และหูฟังที่ใช้งานกับโทรศัพท์ก็มีทำขายด้วยเช่นกัน มีทั้งแบบสาย และแบบไร้สาย แบบไร้สายก็มีหลายรุ่น และในครั้งนี้เราก็จะทดสอบหูฟังไร้สายรุ่นหนึ่งชื่อว่ารุ่น Mi True Wireless Earphones กัน

2020-02-24_10-03-59

ข้อมูลทั่วไป

  • ไดรเวอร์ขนาด 7 มม.
  • เชื่อมต่อ Bluetooth 4.2
  • ระบบสัมผัสเพื่อควบคุมการทำงาน
  • กันน้ำ IPX4
  • กล่องมีช่องเสียบสายชาร์จ usb-C , จุกซิลิโคนติดหูฟังมา1 คู่ มีในกล่องอีก 2 คู่ รวมได้ 3 คู่
  • ใช้งานต่อเนื่องได้ 3 ชั่วโมง กล่องเก็บไฟจะชาร์จแล้วใช้ได้รวมเป็น 10 ชั่วโมง
  • ชาร์จไฟเข้ากล่องจนเต็มใช้เวลา 1 ชั่วโมง
  • ใช้ได้ทั้ง iOS / Android
  • น้ำหนัก 5.8 กรัม
IMG_20200226_080923
IMG_0235

ทดลองฟัง

หูฟัง Truewireless ยุคนี้มาพร้อมกล่องชาร์จไฟ การหยิบหูออกจากกล่องทำได้ลำบากมาก เพราะว่าหูฟังมีแม่เหล็กในกล่องดูดเอาไว้เพื่อกันหลุด ทำให้การหยิบออกเป็นเรื่องยาก

IMG_0243

คุณภาพเสียงเมื่อฟังเพลง ทำได้ดีน่าประทับใจมาก เสียงโดยรวมมีความเป็นกลาง ไม่เน้นย่านเสียงใดเป็นพิเศษ เสียงทุ้มจะบางกว่าหูฟังอินเอียร์ทั่วไปอย่างชัดเจน แนวทางเสียงจะไปทางหูฟัง earbud มากกว่า เสียงกลางชัด เสียงสูงใส และไม่เสียดหู ฟังนานๆไม่ล้า ความฉ่ำหวานมีน้อยไปหน่อย หูไร้สายแบบนี้ฟังนานๆสักสองชั่วโมงก็แบตเกือบหมดแล้ว ดังนั้นเราก็จะเหมือนโดนบังคับให้หยุดฟังเพื่อถอดหูไปชาร์จไฟ ทำให้ใส่นานๆไม่ได้อยู่แล้ว

ความสามารถที่น่าทึ่งของหูฟังคู่นี้คือการเชื่อมต่อสัญญาณที่ไม่สะดุดเลย ปกติจากที่เคยลองหูฟัง truewireless คู่ละ 3000 บาท ก็ทำคุณภาพเสียงไว้ได้ดี แต่ที่แย่คือ การเชื่อมต่อมีอาการสะดุดเมื่อผ่านสถานที่ที่มีคนเยอะ แต่ earphones ตัวนี้ไม่มีอาการเสียงหายหรือเสียงขาดตอน จะมีเพียงแค่อาการดีเลย์เล็กน้อยตอนดูคลิปเท่านั้น

กล่องชาร์จไฟสามารถเก็บไฟแล้วทำให้ชาร์จซ้ำใส่ตัวหูฟังได้หลายรอบ ระยะเวลาฟังทั้งหมดที่ใช้ไฟจนหมดกล่องจะได้ประมาณ 10 ชม. ช่องเสียบสายชาร์จไฟของกล่องเป็นชนิด usb-C

IMG_0233

การคุยโทรศัพท์ผ่านหูฟัง Earphones คู่นี้ให้เสียงดีมาก เสียงที่ได้ยินมีความใหญ่และชัด ส่วนปลายทางที่คุยด้วยก็ได้ยินเสียงของเราชัดเจน และแม้จะคุยผ่าน App อย่าง Line ก็ให้คุณภาพการคุยที่รู้เรื่องไม่ต่างกัน สิ่งที่ประทับใจก็คือเสียงเรียกเข้าที่ได้ยินในหูฟังเป็นเสียงกรุ๊งกริ๊งที่ไม่ทำให้สะดุ้ง เสียงดังในหูทำให้เรารู้ตัวแต่ไม่ตกใจ ถือว่าคุณภาพในด้านการใช้เพื่อคุยโทรศัพท์ทำได้ดีมาก

ระบบสัมผัสของหูฟังคู่นี้มีสองข้างที่รับการสัมผัสได้ เคาะสองครั้งที่หูขวาเป็นการเล่นเพลงและหยุดเพลง ส่วนเคาะ 2 ครั้งที่หูซ้าย จะเป็นการเรียก Assistant ขึ้นมา ส่วนการเคาะแบบอื่นๆผมไม่ได้ลองเลย

จุดเด่น

กล่องชาร์จไฟใช้งานรวมได้ 10 ชม.

สัญญาณไม่สะดุดในที่คนเยอะ

คุยโทรศัพท์ฟังเสียงได้ชัดมาก และปลายทางก็ได้ยินเสียงเราไม่ติดขัด

คุณภาพเสียงในด้านการฟังเพลงให้น้ำเสียงเป็นกลางไม่เน้นย่านใดเป็นพิเศษ

จุดด้อย

หยิบหูฟังออกจากกล่องยากมาก

สรุป

Mi Earphones เป็นหูฟัง Truewireless ที่มีราคาย่อมเยา แต่มีคุณภาพดี หน้าที่การเป็นหูฟังไร้สายที่ดีก็คือการเชื่อมสัญญาณบลูทูธต้องไม่สะดุด หูฟังตัวนี้ก็ไม่สะดุด แม้จะใส่ไปเดินในห้างที่มีคนเยอะก็ไม่สะดุด แม้จะใส่มือถือไว้ในกระเป๋ากางเกงก็ตาม น้ำเสียงที่เป็นกลางไม่เน้นย่านใดย่านหนึ่งอาจไม่ถูกใจนักฟังเพลงที่ชอบเพลงที่มีสีสันหรือมีแนวทางที่จัดจ้าน แต่ความเรียบง่ายของเสียงแบบนี้ทำให้เราใส่หูได้นาน สามารถฟังสิ่งที่ต้องการได้นาน

รีวิว หูฟังไร้สาย Happy Plugs Air1

หูฟังสำหรับการฟังเพลงได้รับการพัฒนามาตลอดหลายปี ตั้งแต่เริ่มต้นเป็นหูฟังชนิด ear bud ที่แถมมากับเครื่องเล่นเพลง และพัฒนาต่อมาให้เป็นหูฟังที่ใช้งานกับโทรศัพท์มือถือ การใช้งานหูฟังกับโทรศัพท์ก็จะมีหลายวัตถุประสงค์ ตั้งแต่ใช้ฟังเพลง กับ ใช้พูดคุยซึ่งจะต้องทำหน้าที่กดรับสายหรือวางสายได้ด้วย หูฟังที่ใช้กับโทรศัพท์จะถูกเรียกว่าสมอลทอล์คและคำว่าสมอลทอล์คก็กลายเป็นคำศัพท์ทั่วไป เป็นตัวแทนของสายหูฟังไปในที่สุด

ในยุคแรกหูฟังสมอลทอล์คจะเป็นหูฟังคุณภาพต่ำพร้อมไมโครโฟนบนตัวสาย ใช้เสียบกับโทรศัพท์เพื่อการพูดคุยกัน ไม่ได้ออกแบบเอาไว้ฟังเพลง และพอโทรศัพท์เริ่มพัฒนาคุณภาพเสียงให้พอฟังเพลงได้ เราก็มีหูฟังสมอลทอล์คสำหรับคุยและฟังเพลงได้ แต่ยังเป็นแบบมีสายอยู่ และหูฟังสมอลทอล์คที่มีคุณภาพดีระดับพอใช้ได้ก็คือหูฟังที่แถมมากับโทรศัพท์ราคาสูงอย่าง iphone นับได้ว่าบริษัท apple ได้วางรากฐานอุปกรณ์ด้านนี้เอาไว้หลายอย่าง

IMG_0465

ส่วนหูฟังที่เน้นการพูดคุยแต่เพียงอย่างเดียวก็ถูกพัฒนาออกมาเป็นหูฟังบลูทูธ เป็นหูฟังข้างเดียวที่ใช้คุยเป็นหลัก โลกเราใช้หูฟังบลูทูธข้างเดียวอยู่เกือบ 20 ปี จนมีคนเริ่มทำหูฟังสำหรับฟังเพลงแบบไร้สายให้คุยโทรศัพท์ได้ พวกเราเลยมีหูฟังสำหรับฟังเพลงและพูดคุยในชิ้นเดียวกัน และสามารถทำเป็นระบบสเตอริโอสำหรับใช้งานสองหูได้ด้วย

จากการพัฒนาการไม่หยุดยั้งของโทรศัพท์มือถือ ก็ผลักดันให้หูฟังกลายเป็นระบบไร้สาย และ apple ก็ออกแบบหูฟังไร้สายออกมาขาย หน้าตาเป็น earbud แบบเดิมที่เคยมีขาย แต่กลายเป็นไร้สาย หรือ ไม่มีสายแล้ว เอา earbud มาถอดสายออกหน้าตาจะดูตลก แต่ใช้งานได้ดีมาก คุณภาพเสียงดีเหมือนเดิม แถมได้มีการออกแบบวิธีการใช้เสียใหม่ ลดความยุ่งยากที่เคยพบกับการเปิดปิด ลดปัญหาการการเชื่อมต่อลงไปหมดสิ้น แม้แต่การชาร์จไฟก็ออกแบบวิธีใหม่ให้ด้วย

เราเรียกหูฟังไร้สายที่ใช้สำหรับฟังเพลงและคุยโทรศัพท์ว่าเป็นหูฟังชนิด true wireless และจากการใช้งานแสนยุ่งยากของหูฟังบลูทูธในอดีต apple ก็ปรับปรุงวิธีการใช้ วิธีการพก วิธีการชาร์จไฟเสียใหม่ กลายมาเป็นหูฟ้งไร้สายที่มีกล่องใส่ มีแบตเตอรี่ในตัวหูฟังและมีแบตเตอรี่ในตัวกล่องใส่ กล่องนี้ทำงานเหมือนเพาเวอร์แบ๊งค์คอยจ่ายไฟชาร์จตัวหูฟัง เมื่อใช้งานหูฟังจนแบตลดต่ำลงเกือบหมด เราก็แค่เอาไปวางเก็บไว้ในกล่อง กล่องก็จะชาร์จไฟให้กับตัวหูฟัง และเมื่อใดที่เราหยิบหูฟังออกจากกล่อง หูฟังก็จะไปเชื่อมตัวเองเข้ากับโทรศัพท์โดยอัตโนมัติ และกล่องใส่หูฟังที่มีไฟในตัวก็เป็นกล่องที่ต้องอาศัยการเสียบสายชาร์จด้วย วิธีการออกแบบแนวนี้ทำให้หูฟังชนิดนี้น่าใช้งานมาก และลดปัญหาการลืมชาร์จไฟให้กับหูฟังได้อย่างยอดเยี่ยมเลย

apple ออกแบบหูฟังไร้สายใหม่ แล้วก็ขายได้ถล่มทลาย ทุกคนที่เปลี่ยนจากหูฟังแบบสายมาเป็นไร้สายก็จะชอบทุกคน เพราะสะดวกและไม่ต้องปวดหัวกับการต่อสาย ทำให้มีผู้ผลิตรายอื่นเข้ามาร่วมออกแบบ ร่วมผลิตเพื่อแบ่งยอดขายกันเป็นจำนวนมาก และยี่ห้อ Happy plugs ก็ทำหูฟัง true wireless หน้าตาเหมือนของ apple ออกมาขายเช่นกัน โดยใช้ชื่อรุ่นหูฟังนี้ว่า Air1

ลักษณะทั่วไป

หูฟัง Air1 เป็นหูฟังชนิด earbud มีแบตเตอรี่ในตัว เชื่อมต่อกับโทรศัพท์หรือเครื่องเล่นเพลงด้วยระบบ Bluetooth ในเว็บผู้ผลิตมีผลิตภัณฑ์ให้เลือกหลายสีหลายลาย ส่วนในการทดสอบครั้งนี้เราได้สีดำมาลอง การหยิบออกจากกล่องจะเป็นการเปิดการทำงาน และเมื่อวางกลับลงไปในกล่องก็จะเป็นการปิดสวิตซ์ และเข้าสู่การชาร์จไฟอัตโนมัติ ในการควบคุมสั่งการหูฟังรุ่นนี้ ต้องใช้วิธีแตะที่ก้านหูฟัง เป็นการสั่งงานด้วยระบบสัมผัส โดยมีวิธีแตะอยู่หลายรูปแบบ แต่ละแบบก็จะไปทำงานแตกต่างกัน บนตัวกล่องจะมีช่องเสียบสาย micro usb เอาไว้ชาร์จไฟด้วย

IMG_0477

Specification

การเชื่อมจต่อ Bluetooth Version: 5.0

ระยะเวลาการใช้งานรวม 14h

ระยเวลาการใช้งานต่อการชาร์จหูฟัง 1 ครั้ง 3.5ชั่วโมง

Standby Time: 90h

ความจุแบตเตอรี่ในหูฟัง 30mAh

ความจุแบตเตอรี่ในกล่อง 400mAh

ขนาดดอกลำโพง 12mm

ควาไว 95dB ± 3dB

การตอบสนองความถี่ 20-20kHz

ความต้านทาน 16Ω

ขนาดกล่อง 51x63x20mm

น้ำหนักหูฟัง 3.75g

น้ำหนักกล่อง 35g

IMG_0467

ทดลองฟัง

โทรศัพท์ที่ใช้ทดสอบเป็นรุ่น Redmi note7pro และ โน้ตบุ๊ค asus Asus ใช้ซีพียูรุ่น Ryzen5

การสวมใส่กับหูทำได้ดีมาก สบายมาก เพราะพื้นฐานของรูปทรงของ Air1 เป็นหูฟัง earbud ดังนั้นใครคุ้นเคยกับการใช้ earbud ก็จะใช้ Air1 ได้สบายๆ ใส่นานเป็นชั่วโมงก็ไม่รู้สึกหูร้อนหรืออึดอัด ส่วนคุณภาพเสียงก็อยู่ในระดับที่เรียกว่าเสียงดี ลักษณะเสียงจะโปร่งฟังสบาย โทนเสียงย่านเบสมีให้ได้ยินพอดีๆ การตอบสนองของทุกย่านเสียงมีความดังพอๆกัน เสียงกลางเป็นเสียงที่ฟังได้ง่าย เสียงกลางจาก Air1 เป็นเสียงกลางที่ชัด ใส ราบรื่น ส่วนเสียงย่านแหลมก็มีประกาย และไม่เสียดหู

คุณภาพเสียงที่ได้ยินจะคล้ายกับหูฟัง earpod ที่แถมมากับ iphone แต่เพิ่มเบสและความกระฉับกระเฉงขึ้นไปอีกนิด ซึ่งโดยส่วนตัวผมชอบเสียงของหูฟัง earpod อยู่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ฟังเสียงจากคลิป youtube ก็ให้น้ำเสียงพูดของคนเป็นธรรมชาติ ฟังเพลงก็ได้ความโปร่งและชัด น้ำหนักเสียงเบสจะเหมาะกับการฟังเพลงป๊อป และอคูสติก

IMG_0471

ฟังเพลงร็อคหรือเพลงที่โชว์เสียงย่านต่ำเราจะได้เสียงต่ำที่กระชับ ไม่ล้น ไม่บวม Air1 เป็นหูฟังที่ให้เนื้อเบสไม่ใหญ่ แต่มีความรวดเร็วและไว เสียงกีต้าร์อคูสติกมีความใสและแรงประทะที่ชัด น้ำเสียงของนักร้องผู้หญิงหวานและไม่มีความรู้สึกบีบหรือเสียงอยู่ในกล่อง สามารถติดตามฟังเสียงลม เสียงเอื้อน เสียงลูกคอและเทคนิคการร้องต่างๆได้ชัดเจน มิติเสียงร้องทำได้ดีมาก

ใช้งานหูฟังตัวนี้จะฟังคลิปต่างๆได้เพลินมาก เผลอแป๊ปเดียวหมดเวลาไปเป็นชั่วโมง การสั่งการจะใช้วิธีการสัมผัส วิธีการสัมผัสมีหลายวิธี และหูด้านซ้ายและขวาต่างก็แยกกันรับคำสั่ง จะให้ดีอ่านคู่มือการใช้งานจากผู้ผลิตให้เข้าใจเสียก่อนจะดีที่สุด

การพูดคุยก็ทำได้ดีไม่มีปัญหา ระหว่างที่ฟังเพลง หากมีสัญญาณโทรเข้า เราสามารถแตะที่หูขวา 1 ครั้งเพื่อรับสายได้ และการพูดคุยก็ทำได้รู้เรื่อง ไมโครโฟนที่ติดกับหูฟังรับเสียงคนพูดได้ชัดเจน

touch control air1

มีข้อสังเกตุเรื่องคุณภาพสัญญาณบลูทูธ ตลอดเวลาที่ได้ทดสอบหูฟังตัวนี้ในบ้าน ในรถ ก็พบว่าเป็นหูฟังที่ใช้งานได้ง่าย สะดวก และสัญญาณค่อนข้างดี อาการสายหลุดหรือเสียงหายจะมีน้อย แทบจะไม่ผิดพลาดเลย แต่พอนำหูฟังตัวนี้ติดไปเดินห้าง โดยเสียบหูฟังเพื่อฟังเพลง แล้วเครื่องเล่นหรือโทรศัพท์อยู่ในกระเป๋ากางเกง เสียงจากหูฟังจะติดๆดับๆ มีอาการเหมือนสัญญาณหาย แนะนำว่า หูฟังตัวนี้ไม่เหมาะกับห้าง และไม่เหมาะที่จะใช้ในบริเวณที่มีคนจำนวนมาก ยิ่งหากเราใช้งานในบริเวณที่ขายเครื่องใช้ไฟฟ้า หรือ ขายสมาร์ททีวีเยอะๆ อาการสะดุดจะยิ่งชัด หากเจอสถานการณ์เสียงสะดุดจะต้องใช้วิธีถือโทรศัพท์แทนการใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกง เพื่อให้โทรศัพท์กับหูฟังไม่มีสิ่งใดกั้นไว้ จะช่วยให้รับสัญญาณในที่คนเยอะมากๆได้

ส่วนการนั่งกินอาหารในห้าง เราวางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะ ก็ทำงานได้ปกติดี อาการเสียงสะดุดหรือสัญญาณหาย จะเกิดกับบริเวณที่มีคนเยอะมากๆ เข้าใจว่าเป็นเพราะโทรศัพท์ของคนอื่นๆมีการส่งสัญญาณคลื่นความถี่ที่รบกวนหูฟังที่เราใช้งานอยู่ ผมลองโทรถามเพื่อนที่ใช้งานหูฟังบลูทูธเป็นประจำว่าเวลาเดินห้างมีปัญหาแบบนี้ไหม เพื่อนบอกของเขาก็มีอาการเดียวกัน เปลี่ยนมาหลายยี่ห้อก็ยังไม่หาย เชื่อว่าการรบกวนในห้างเป็นสิ่งที่เลี่ยงได้ยากมากสำหรับหูฟัง true wireless

ทดลองให้ภรรยาไปใช้ลองดูซีรีส์จากมือถือ iphone 6s ภรรยาแจ้งว่า เสียงดี และเสียงไม่ดีเลย์ ส่วนการฟังเพลงมีความเห็นว่า เสียงไม่แบน ปกติหูฟังสายที่ใช้ดูหนังฟังเพลงจะให้เสียงแบน ฟังเอาข้อความไม่ได้ฟังเอาความไพเราะ (ผมให้เขาใช้ oker ds300 เส้นละ 120บาท ไม่ใส่ฟองน้ำ) แต่กับ Air1 เขาได้ยินเสียงร้อง แยกจากเสียงดนตรี ตำแหน่งดนตรีมีซ้าย กลาง ขวา มีตัวตน ไม่แบน พอรู้ราคาว่าประมาณสามพันบาท เขาบอก “ไม่แพง ซื้อได้”

ข้อดี

เสียงดี โปร่ง ฟังสบาย ฟังได้นานไม่อึดอัด ใช้ดูหนังได้ไม่ดีเลย์ แบตใช้ได้นาน คุยโทรศัพท์รู้เรื่องดี

ข้อด้อย

สัญญาณสะดุดในที่ชุมชนคนเยอะ ต้องแก้ปัญหาด้วยการถือโทรศัพท์ด้วยมือ แทนที่การใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกง

สรุป

หูฟัง Air1 เป็นหูฟัง earbud ระบบไร้สาย หรือ true wireless ที่สวมใส่ได้สบายมาก คุณภาพน้ำเสียงตอบสนองได้ราบลื่น น้ำเสียงน่าฟัง เสียงร้องหวานใส เสียงเบสกระชับ สามารถฟังได้นานโดยไม่ล้าหู สามารถสั่งการได้ด้วยระบบสัมผัส คุณภาพเสียงดีสำหรับการฟังดนตรี ใช้พูดคุยได้รู้เรื่อง มันยอดเยี่ยมมากสำหรับการใช้งานระหว่างขับรถและระหว่างการทำงาน ส่วนการใช้งานในที่มีคนเยอะหรือมีอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์เยอะอย่างในห้างก็จะมีอาการเสียงสะดุด แต่ก็แก้ปัญหาเฉพาะหน้าโดยการถือโทรศัพท์ไว้ในมือได้ เมื่อเดินผ่านจุดที่สร้างปัญหาเราจะกลับมาได้ยินเสียงที่ปกติ

ขอขอบคุณร้าน ร้านมั่นคงแก็ดเจ็ท ที่เอื้อเฟื้อให้ยืมสินค้ามาทดสอบนะครับ

รีวิว เครื่องเล่นเพลง Sony NW-A105

เครื่องเล่นเพลงพกพาเรามีมานานประมาณ 40 ปี ซึ่งในปัจจุบันเราผ่านการใช้งานเครื่องเล่นเพลงเหล่านี้มาหลายรูปแบบ ตั้งแต่เทปคาสเซ็ท แผ่นซีดี แผ่นมินิดิสก์ และปรับเปลี่ยนมาเป็นเครื่องเล่นไฟล์ที่ใช้สื่อบันทึกเป็นหน่วยความจำ ทั้งแบบแผ่นเมมโมรี่และหน่วยความจำภายใน เครื่องเล่นเพลงที่ฮิตที่สุดในโลกก็คือ ipod ของ apple แต่ในปัจจุบัน ipod แทบจะหยุดพัฒนาแล้ว ส่วน Sony มีออกเครื่องเล่นมาแล้วทุกรูปแบบ และในปัจจุบันก็เป็นเครื่องเล่นเพลงของ Sony ก็มีทั้งแบบที่ใช้ระบบปฏิบัติการเฉพาะกิจและใช้ระบบปฏิบัติการ android ของ Smartphone ด้วย

IMG_0370

Sony NW-A105 เป็นเครื่องเล่นตัวล่าสุดของปี คศ 2020 ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชั่น 9 โดยเป็นเครื่องเล่นที่มีความสามารถเล่นเพลงระดับ Hi-res ได้เกือบทุกชนิดเท่าที่โลกเราเคยมี วงการเพลงอยู่กับระบบเสียงดิจิทัลชนิด 16bit 44.1k มาหลายสิบปี และเริ่มมีมาตรฐานการเล่นที่ใช้ไฟล์ละเอียดขึ้นในช่วงสิบปีนี้ ความละเอียดเพิ่มจาก 16bit ไปเป็น 24 บิท อัตราแซมปลิ้งเพิ่มเป็น 96k จนไปถึง 192k และในที่สุด มาตรฐานไฟล์เสียงชนิดความละเอียดสูงตัวล่าสุดอย่าง DSD ก็ปล่อยออกมาให้นักเล่นได้ลองใช้งานกันแล้ว เครื่องเล่นเพลงยุคใหม่จะต้องเล่นเพลงได้ทุกระดับความละเอียด และ A105 ก็ทำได้ครบถ้วน

A105 เป็นเครื่องเล่นเพลงที่มีความสามารถเหมือนโทรศัพท์ Smartphone เครื่องหนึ่งที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Android แต่ตัดช่องใส่ ซิมการ์ด และกล้องถ่ายภาพออกไป และใส่ความสามารถในการเล่นไฟล์ความละเอียดสูงเข้ามาเพิ่มเติม ใส่ชิพเสียงแปลงสัญญาณเสียงดิจิทัลเป็นอนาลอกที่ทันสมัยที่สุด ทำให้มันมีความสามารถเรื่องเพลงที่เหนือกว่าโทรศัพท์อย่างชัดเจน

ลักษณะทั่วไป

IMG_0371

A105 มีขนาดหน้าจอประมาณ 3.6 นิ้ว ความละเอียด 1280x720pixel ซึ่งถือว่าเป็นเครื่องเล่นที่เล็กมากเมื่อเทียบกับโทรศัพท์ในยุคนี้ แต่หน้าจอเล็กและความละเอียดต่ำก็ไม่ได้เป็นปัญหาใดๆในการใช้งานเป็นเครื่องเล่นเพลง หน้าจอเป็นระบบสัมผัสไม่มีปุ่มด้านหน้าเลย โครงสร้างหลักของตัวเครื่องเป็นอลูมิเนียมแข็งแรง ด้านขวาเป็นปุ่มกดที่ทำหน้าที่สำหรับการควบคุมการเล่นเพลง โดยมีสวิตซ์ Hold เอาไว้ล็อคการทำงานไม่ให้หน้าจอสัมผัสรับคำสั่ง ถัดมาจะเป็นปุ่มย้อนเพลง ปุ่มเล่น/หยุดชั่วคราว ปุ่มข้ามเพลง ตามมาด้วยปุ่มวงกลมที่ใหญ่กว่าปุ่มอื่นเป็นปุ่มลดเสียง ปุ่มเพิ่มเสียง และปุ่มสุดท้ายจะเป็นปุ่ม power กดเพื่อปิดหน้าจอ หรือ กดเพื่อเปิดเครื่องและปิดเครื่อง

IMG_0365

ส่วนด้านล่างของตัวเครื่องจะเป็นช่องเสียบหูฟัง ขนาด 3.5มม. ตามมาด้วยช่องร้อยสายสำหรับแขวน ช่องชาร์จไฟและสื่อสารข้อมูลเป็นพอร์ตชนิด usb-c และขวาสุดจะเป็นช่องใส่แผ่นหน่วยความจำชนิด microSD โดยมีแผ่นยางปิดทับช่องนี้โดยเฉพาะ ส่วนด้านซ้ายและด้านบนของตัวเครื่องเป็นแบบผิวเรียบไม่มีช่องต่อใดๆ ตัวเครื่องที่ขายในไทยเป็นแบบที่ไม่มีหูฟังแถมมาด้วย ซึ่งคงมีเหตุผลหลายอย่างที่ไม่แถมมา คาดว่ากลุ่มลูกค้าที่ซื้อ A105 จะเป็นนักฟังเพลงที่เน้นเรื่องคุณภาพเสียงเป็นประเด็นสำคัญ และนักเล่นกลุ่มนี้น่าจะมีหูฟังตัวโปรดอยู่แล้ว ทาง Sony เลยไม่มีการแถมหูฟังให้

สเป็คตัวเครื่อง

ระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชั่น 9

กำลังขับ 35+35 มิลลิวัตต์

ตอบสนองความถี่ 20-40,000 Hz

ซีพียู ARM cortex A53 quad -core Rom16 Ram4gb (ข้อมูลจาก Gizmodo)

ใส่หน่วยความจำเพิ่มเติมได้ 1 ช่อง เป็น ชนิด : Micro SD Micro SDHC Micro SDXC

ระบบ bluetooth เวอร์ชั่น 5 มีระบบ NFC มี wifi

ขนาด ประมาณ 55.9 มม. x 98.9 มม. x 11.0 มม.

น้ำหนัก 103g

ไฟล์เสียงที่เล่นได้ MP3 (.MP3): 32 – 320kbps (สนับสนุนอัตราบิตแปรผัน (VBR)),/ 32, 44.1, 48kHz,WMA ( .WMA): 32 – 192kbps (สนับสนุนอัตราบิตแปรผัน (VBR) ) / 44.1kHz,FLAC ( .flac): 16, 24 บิต / 8-384kHz,WAV ( .WAV): 16, 24, 32 บิต (Float / Integer) / 8-384kHz,AAC ( .mp4, .m4a, .3gp): 16-320kbps / 8-48kHz,HE-AAC ( .mp4, .m4a, .3gp): 32-144kbps / 8-48kHz,Apple Lossless ( .mp4, .m4a): 16, 24 บิต / 8-384kHz,AIFF ( .aif, .aiff, .afc, .aifc): 16, 24, 32 บิต / 8-384kHz,DSD ( .dsf, .dff): 1bit / 2.8224, 5.6448, 11.2896 MHz *เอาต์พุตคือเสียงที่ถูกแปลงเป็น Linear PCM,APE ( .ape): 8, 16, 24 บิต / 8-192kHz (Fast, Normal, High) ,MQA ( .mqa.flac): สนับสนุน

ทดลองฟัง

เพลงที่ใช้ทดสอบส่วนใหญ่เป็นเพลง 16bit 44.1kHz และมีเพลงความละเอียดสูงระดับ 24bit รวมถึงไฟล์ DSD ด้วย แต่มีข้อมูลต้องแจ้งเบื้องต้นก่อนว่า ระบบปฏิบัติการ android จะมี app เล่นเพลงที่ติดมามีความสามารถในการเล่นไฟล์เสียงได้แค่ระดับ 16bit 48kHz เท่านั้น หากจะเล่นไฟล์เพลงความละเอียดสูง ต้องใช้ app เฉพาะของ Sony ที่มีมาให้พิเศษ และนั่นหมายความว่า ใครเอา A105 ไปฟัง youtube หรือ spotify หรือระบบ stream ใดๆทุกชนิด จะได้คุณภาพเสียงที่ไม่เกิน 16bit 48kHz หรือ cd quality เท่าน้ัน

A105 ให้ระบบ Noise Canceling มาด้วย แต่ไม่ได้ให้หูฟังมา และระบบนี้ต้องใช้กับหูฟังรุ่นที่ออกแบบมาเฉพาะให้ใช้กับเครื่องนี้ ซึ่ง ผมไม่มี และคงไม่มีใครมีเพราะไม่ได้มีขายมาพร้อมเครื่อง หูฟังรุ่นนี้คือ  IER-NW510N หากไม่ใช้กับรุ่นนี้ เราก็ต้องข้ามไปใช้หูฟังระบบบลูทูธบางรุ่นที่ sony ระบุว่าใช้ได้อย่าง WH-XB900N กับ MH-1000XM3 ส่วนระบบการปรับแต่งเสียงมีให้อีกหลาย 6 แบบ ซึ่งลองแล้วบางอย่างก็ฟังออก บางอย่างก็ฟังไม่ออก โดยในการทดลองฟังผมจะเลือกไปที่ direct soundเป็นหลัก คือไม่ปรับแต่งเสียงเลย การเลือกหูฟังมาฟังทดสอบผมเลือกใช้ Koss KSC35 ต่อตรงกับเครื่องเล่น ส่วนอีกชุดใช้ AKG K701 ผ่านแอมป์หูฟัง ใช้สองตัวเป็นหลัก

A105 ต่อตรงกับ KSC35 ให้น้ำเสียงที่กลมกล่อมพอใช้ได้ เสียงเบส กลาง แหลม ออกมาอย่างครบถ้วน คุณภาพเสียงจากไฟล์ 16bit 44.1k ให้น้ำเสียงที่คมชัด เสียงย่านเบสลึกจะพอมี แต่ไม่ค่อยได้ยินชัดเท่าเสียงกลาง ส่วนกลางแหลมให้น้ำหนักที่ดี เสียงร้องมีความใหญ่และโฟกัสชัด ติดตามได้ง่าย เสียงโดยรวมจะออกไปทางหนา ไม่มีอาการเสียงจัดหรือสากเสี้ยนเล็ดลอดมาให้ได้ยินเลย เพลงอคูสติก ของ ธีร์ ไชยเดช ให้ความนุ่มนวลละมุนละไม ฟังเพลินๆ หรือ เพลงโชว์เสียงร้อง over the rainbow จากอัลบั้ม audiophile voice ก็ได้เสียงร้องที่ชัดมาก เสียงลำคอเสียงลูกคอได้ยินทุกเม็ดเลย

เสียงนักร้องหญิงหวานใส เพลง fly me to the moon ที่ร้องโดย Susan Wong มีโฟกัสชัด และได้ยินเสียงหายใจระหว่างที่กำลังร้อง เสียงเปียโนที่เล่นบางๆอยู่ในหลายๆเพลงก็เป็นเสียงที่กังวาล เสียงย่านเบสคลุมเครือเล็กน้อย เข้าใจว่าเป็นผลจาก KSC35 ที่เป็นหูฟังเน้นเบสลูกใหญ่

ฟังกับเพลงป๊อปร๊อคของไทย ก็พบว่า คู่ A105 กับ KSC35 ให้น้ำหนักเสียงที่แน่นและเบสไม่ขาดแคลน ฟังได้นาน หน้าจอของเครื่องจะเปลี่ยนเป็นภาพเทปคาสเซ็ททุกครั้งที่มีการเล่นเพลง ถือว่าเป็นลูกเล่นหน้าตาดีอีกอย่างหนึ่งของเครื่องเล่นตัวนี้

IMG_0382

แบตเตอรี่หมดค่อนข้างเร็วเมื่อเทียบกับโทรศัพท์ทั่วไป แม้แต่การชาร์จเต็มแล้วถอดสาย ปล่อยไว้ทั้งคืนโดยไม่ได้ใช้งานแบตก็ลดลงไปเร็วกว่าโทรศัพท์ อาจจะเป็นเพราะตัวเครื่องให้แบตเตอรี่ความจุต่ำกว่าปกติก็เป็นไปได้ เพราะตัวเครื่องมีขนาดเล็กกว่าโทรศัพท์มาก สิ่งหนึ่งที่ชอบในเครื่องเล่นเพลงตัวนี้นอกจากเสียงที่ดีแล้วคือการมีปุ่มบังคับเพลงเป็นปุ่มเฉพาะทำให้ใช้งานได้สะดวก และยิ่งสะดวกมากเมื่อนำไปใช้งานบนรถยนต์ เพราะว่าเราสามารถกดข้ามเพลง ได้ง่ายโดยไม่ต้องละสายตามาดู ใช้มือคลำแล้วสัมผัสปุ่มที่เราจำได้ แล้วก็กดได้เลย การสั่งการข้ามเพลง ลดเสียง เพิ่มเสียง หรือ หยุดเล่น ทำได้แบบไม่ต้องมองทำให้การขับรถของเราปลอดภัย คนที่ใช้เครื่องเล่นเพลงแบบนี้ต่อไว้ในรถน่าจะชอบ

ผมใช้เครื่องเล่นเพลงตัวเก่าอย่าง Aune M1 มาหลายปี สิ่งที่ชอบคือคุณภาพน้ำเสียงที่ได้ เจ้า A105 ก็ให้เสียงที่ดีได้ไม่ต่างกัน การเล่นไฟล์เพลง 16bit ที่ rip ออกจากแผ่นซีดีมีคุณภาพที่ดีมากทั้งคู่ แต่สิ่งที่คิดมาตลอดก็คือ ถ้า Aune M1 เล่นไฟล์เพลงชนิดอื่นได้ก็คงสะดวกดี นั่นทำให้ A105 น่าใช้มากกว่า Aune M1 ในปัจจุบันก็มีเครื่องเล่นอีกหลายเครื่องที่เล่นได้ทั้ง mp3 wav flac แต่ระยะหลัง ผมมีการโหลดคลิปจาก youtube มาฟังด้วย การโหลดบางครั้งเป็นไฟล์ video บางครั้งก็ดูจาก youtube เลย รวมถึงการฟังเพลงผ่านระบบ stream ก็มีเพลงมากมายมหาศาลให้เราเสพ ก็คิดต่อว่า ถ้าเครื่องเล่นเพลงเราสามารถต่อเน็ตได้ ถ้าเครื่องเล่นเพลงเราเล่นได้ทุกอย่างเหมือนมือถือก็คงดี นั่นก็คือ Sony A105 ตัวนี้เลย

IMG_0416

การมีเครื่องเล่นที่เก่งเหมือนโทรศัพท์มือถือยุคปัจจุบัน และมีคุณภาพเสียงระดับสูงเพื่อการฟังเพลงจริงจัง ผลรวมความสามารถและคุณภาพที่ต้องการออกมาเป็น A105 ก็เป็นจุดที่ดีน่าใช้งาน เพลงอะไรที่มีที่เคยสะสมไว้เอาไปใส่ A105 ก็เล่นได้ทุกชนิด แบบนี้สะดวกมาก และเมื่อลองเอาไปฟังกับชุดเครื่องเสียงบ้าน ต่อสายสัญญาณ mini to RCA เข้ากับแอมป์บ้าน ฟังผ่านลำโพงคู่หลัก น้ำเสียงใสและอิ่มหวานก็ออกมาได้ง่ายๆ เสียงนักร้อง เสียงเครื่องดนตรี เรียงตัวอยู่หลังลำโพง ซาวด์สเตจทางลึกยอดเยี่ยม มีลำดับชั้นที่ชัด และแยกแต่ละเครื่องดนตรีมีช่องไฟห่างกันพอดี ติดตามฟังแต่ละชิ้นดนตรีได้ง่าย ผมสามารถถอดเมมโมรี่จากเครื่องเล่นเพลงตัวเก่ามาใส่ A105 แล้วใช้งานต่อได้เลย เพราะมันเปิดไฟล์ได้ทุกชนิด ไม่เหมือนกับการเพิ่มเพลงเข้า Aune M1 ที่เล่นได้แต่ wav

แม้ว่าการฟังเพลงจากระบบ stream จะได้คุณภาพเสียงระดับ 16bit เท่านั้้น ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายของเครื่องเล่นเพลง hi-res เพราะว่า ต้นทางก็ส่งสัญญาณมาไม่เกิน 16bit อยู่แล้ว เสียงอนาลอกที่ออกจาก A105 มีความไพเพราะ ละมุนละไมมากกว่าโทรศัพท์ธรรมดา คราวนี้เครื่องเสียงชุดใหญ่ในบ้านของเราก็สามารถเปิดฟังระบบ stream ได้คุณภาพสูงแล้วจากการใช้ผ่าน A105

A105 ต่อตรงกับหูฟัง AKG K701 ให้เสียงธรรมดา เรียกว่าไม่พอก็ได้ กำลัง 35มิลลิวัตต์น้อยเกินไปสำหรับการขับหูฟังตัวใหญ่ น้ำเสียงที่ได้มีอาการอั้นๆ เสียงกลองหนักๆจะมีน้ำเสียงไม่กระชับ บางครั้งมีเสียงเสียดหูในบางจังหวะ แต่ถ้ามีแอมป์หูฟังมาต่อใช้งานช่วยขับ K701 เราก็จะได้คุณภาพเสียงที่ดีตามปกติกลับมา เสียงย่านเบสที่เคยคลุมเครือเมื่อฟังผ่านหูฟังแบบต่อตรง พอใช้ K701 พร้อมแอมป์ก็ให้ความคมชัดแยกแยะได้ดีขึ้นมาก A105 เป็นเครื่องเล่นเพลงที่ถ่ายทอดคุณภาพเสียงตรงไปตรงมา ผมได้ฟังเสียงที่ดีมากจากไฟล์เพลงคุณภาพสูง และได้ยินเสียงที่ไดนามิคแคบๆจากเพลง mp3 บิทเรทต่ำ

ข้อดี

เล่นไฟล์เพลงได้หลากหลาย

เสียงดี ใช้กับเครื่องเสียงบ้านชุดใหญ่ก็ดี

มีปุ่มกดข้ามเพลง เพิ่มลดเสียง ทำให้ปลอดภัยต่อการใช้งานตอนขับรถ

ข้อเสีย

แบตหมดเร็ว

สายชาร์จต้องเลือกคุณภาพดี สายบางเส้นชาร์จไม่เข้า

IMG_0425

สรุป

Sony A105 เป็นเครื่องเล่นเพลงคุณภาพสูง สามารถเล่นไฟล์เพลงได้หลากหลายมาก นอกจากไฟล์เพลงคุณภาพสูงแล้ว มันยังเล่นเพลงจากระบบ stream เพลงได้อีกด้วย เป็นข้อดีที่เพิ่มขึ้นจากเครื่องเล่นไฟล์เพลงทั่วไป ขนาดที่เล็กทำให้เหมาะสมในการพกพา แม้ว่าแบตเตอรี่จะหมดเร็วไปหน่อย แต่ก็ยังน่าใช้เพราะมันเสียงดีจริง ปุ่มกดด้านข้างตัวเครื่องมีประโยชน์มากสำหรับการสั่งงานแบบไม่มองหน้าจอ ถูกใจคนฟังเพลงตอนขับรถมาก

ขอขอบคุณร้าน ร้านมั่นคงแก็ดเจ็ท ที่เอื้อเฟื้อให้ยืมสินค้ามาทดสอบนะครับ

รีวิวหูฟัง AKG k701 หูฟังขนาดใหญ่ เสียงดี ใส่สบาย

IMG_0088

AKG เป็นบริษัที่ทำผลิตภัณฑ์จำพวกไมโครโฟนและหูฟังเอาไว้เยอะมาก โดยหูฟังขนาดใหญ่ตัวหนึ่งที่มีรูปร่างหน้าตาใหญ่โต ตัวหูฟังมีรูปร่างเป็นวงกลม ตัวนี้ชื่อรุ่น k701 ซึ่งเป็นรุ่นหูฟังรุ่น referrence ระดับ ultra หรือ เป็นหูฟังระดับอ้างอิงที่เน้นเรื่องคุณภาพเสียงเป็นหลัก ฟองน้ำหรือตัวนวมที่จะรองรับการกดลงบนหัวผู้ฟังเป็นฟองน้ำหนา นุ่ม และ กดทับบนหัวแล้วไม่รู้สึกหนักเลย กลับรู้สึกว่าสบายขึ้น และยิ่งใช้งานไปยาวนาน ตัวนวมยิ่งนุ่มยิ่งย้วยยิ่งทำให้รู้สึกสบายกว่าของใหม่

IMG_0105

การทำงานบันทึกเสียงในห้องอัด สิ่งสำคัญสิ่งหนึ่งก็คือการมอนิเตอร์เสียง เราควรจะมีลำโพงหรือหูฟังมอนิเตอร์สักตัวหนึ่งที่ให้คุณภาพเสียงที่ไม่เน้นย่านใดย่านหนึ่งเป็นพิเศษ หรือ เรียกกันในวงการนักเล่นเครื่องเสียงว่าเป็นหูฟังที่ flat หรือ ตอบสนองราบเรียบนั่นเอง

แต่คำว่าราบเรียบหรือ flat ไม่ได้หมายความว่าเสียงจืดชืด มีหลายครั้งที่ลำโพงและหูฟังถูกวิพากษ์วิจารณ์เอาไว้ว่าให้เสียงจืดชืด ไม่น่าฟัง บางทีไม่ได้เป็นเพราะมันออกแบบมาผิดพลาด แต่มันต้องไปพิจารณาเรื่องแอมป์ที่ขับลำโพง หรือ ตัววงจรขยายที่ส่งสัญญาณที่ขยายเสียงแล้วให้กับลำโพงหรือหูฟังคู่นั้นว่าออกแบบแอมป์มาดีไหม

IMG_0120

AKG k701 เป็นหูฟังระดับมอนิเตอร์ที่ได้รับความนิยมใช้ในห้องบันทึกเสียงมายาวนาน ด้วยเหตุผลว่ามีความสามารถในการแจกแจงรายละเอียดได้ดี และสิ่งสำคัญเหนือสิ่งอื่นใดของหูฟังตัวนี้คือ ความราบเรียบในการตอบสนองต่อสัญญาณดนตรีที่ตรงไปตรงมา ไม่เน้นย่านใดย่านหนึ่งเป็นพิเศษ บุคลิกนี้เป็นสิ่งที่ผู้ควบคุมการบันทึกเสียงหรือ ซาวด์เอนจิเนียร์ต้องการเป็นลำดับแรกๆของการทำงาน

K701 ให้แท่นวางหูฟังมาด้วย มีประโยชน์ในการใช้งานประจำวันอย่างมาก เพราะเราไม่ต้องซื้อแท่นวางแยกต่างหาก และยังให้ความสวยงามของการจัดวางได้อีกด้วย นักเล่นที่พิถีพิถันและชอบจัดวางให้ดูสวยงามสบายตาน่าจะชอบกับที่วางแบบนี้

IMG_0110

สเป็คของหูฟัง AKG K701

IMG_0101

ความต้านทานหูฟัง 62 โอห์ม

การตอบสนองความถี่ 10-39,800 Hz

ความไว 105 spl/V

น้ำหนัก 293 กรัม

ทนกำลังขับ 200 mW

สายหูฟังยาว 10 ฟุต แจ๊คหูฟังขนาด 6.3mm แถมอแด๊ปเตอร์ 3.5 to 6.3mm สีทอง

2020-01-09_09-53-38-01

อุปกรณ์ทดลองฟัง

เครื่องคอมพิวเตอร์ intel i3 ระบบปฏิบัติการ windows7

โปรแกรมเล่นเพลง itune พร้อมไฟล์เพลงที่ rip จาก CD เป็นไฟล์ชนิด wav

โปรแกรมเล่นเพลง spotify เล่นไฟล์จากอินเทอเน็ต

แอมป์หูฟัง Aune B1 และ แอมป์หูฟังที่ทำเอง

Dac ใช้ชิพ  SA9023 + ES9018K2M Audio DAC

NAD Dac1

เครื่องเล่นเพลง Aune M1

ก่อนการลองฟังจริงก็เบิร์นอินหูฟังอย่างยาวนานด้วยการเปิดเพลงให้ทั้งวันทั้งคืน สลับกับการเปิดกับรายการวิทยุด้วยเครื่องรับวิทยุ tivoli model1 ใช้เวลารวมกันจนมั่นใจว่าเกิน 200 ชั่วโมงไปแล้ว

IMG_0252

ผลการทดลองฟัง

เมื่อซื้อมาใช้ใหม่ๆ ลองเปิดตั้งแต่ชั่วโมงแรกก็พบว่า เสียงต่างๆที่ได้ยินมีความชัดเจน เสียงแหลมใสก็คมชัดและไม่บาดหู เสียงกลางชัดมาก เสียงเบสก็มีให้ได้ยินชัดเจน เสียงทุ้มกลางแหลมมีความพอดีซึ่งกันและกัน แนวโน้มแบบนี้ค่อนข้างมั่นใจว่าหูฟังตัวนี้ให้เสียงที่ดีสมคำล่ำลือแน่ๆ เพราะแค่ชั่วโมงแรกก็น่าฟังแล้ว

เมื่อผ่านเวลาการเบิร์นไปเกิน 200 ชั่วโมงก็ทดลองฟังจริงจัง เลือกต่อระบบเสียงจากคอมพิวเตอร์ผ่าน dac 9018 แล้วนำสัญญาณอนาลอก LR มาเข้า headphone amp รุ่น DIY แล้วต่อ K701 เข้าเสียบที่ช่องหูฟัง 6.3mm

บางครั้งก็ใช้ NAD Dac1 บางครั้งก็ใช้แอมป์หูฟัง Aune B1 ส่วนแหล่งโปรแกรมที่เป็นเครื่องเล่นไฟล์เพลงดิจิทัลก็จะเป็น Aune M1 ซึ่งเป็นเครื่องเล่นที่เล่นไฟล์ wav ระดับ 16bit 44.1kHz และไฟล์ที่ใช้กับเครื่องเล่นนี้ก็มาจากการ rip จากแผ่นซีดี

ทดลองฟังเพลงแนวออดิโอไฟล์ก่อนเลย  Jennifer Warnes ชุด The Hunter เป็นอัลบั้มยอดนิยมของวงการเครื่องเสียง เพลงชุดนี้เป็นแนวอคูสติกป๊อป หวานๆ และโชว์ความสามารถทั้งการร้องและการเล่นดนตรีรวมถึงแนวทางการออกแบบดนตรีที่น่าฟัง แม้เวลาจะผ่านมากว่าสามสิบปีเพลงเหล่านี้ก็ยังคงน่าฟังอยู่ เสียงร้องที่ได้มีความใส ชัดเป็นตัวเป็นตน โฟกัสน้ำเสียงนิ่งมาก ติดตามลูกคอและเสียงริมฝีปากกระทบกันได้ชัดเจนสุดๆ ส่วนเสียงย่านเบสที่เป็นจุดเด่นของอัลบั้มนี้ก็มีออกมาเยอะมาก แต่ไม่ล้น ไม่เกิน ไม่บวม เสียงเบสปกคลุม แสดงตัวเป็นสัดเป็นส่วนกับดนตรีทั้งหมด เบสชัดแต่ไม่กระเทือนเสียงร้องเลย ยิ่งเป็นเพลงที่มีการเหยียบกระเดื่องกลองให้หนักแน่นพร้อมกับเล่นโน้ตเบสพร้อมด้วยเสียงไม้กลองเคาะขอบสแนร์ที่คมกริบ ให้น้ำหนักเสียงที่ลงลึกพร้อมกับความฉับไวของแรงกระแทก ฟังแล้วฟินมากสำหรับหูฟังตัวนี้ หูฟังให้เสียงการกระทบกันของวัสดุแข็งได้อย่างคมชัดและมีน้ำหนัก เสียงทุ้มและแหลมออกเสียงมาพร้อมกันและได้ยินทุกอย่างในระดับความดังที่พอดี

IMG_0253

ทดลองฟังกับวง Dream Theater ชุด image and words เป็นวงดนตรีแนวโปรเกรสซีพเมทัล กีต้าร์ไฟฟ้าแตกซ่านแต่เล่นได้กระชับแม่นยำ พร้อมกับเสียงกลองระดับยอดมนุษย์ เบสที่เล่นคมเป๊ะ ถือเป็นวงดนตรีระดับหัวแถวของดนตรีเฮฟวี่เมทัลของโลก เสียงกลองคมชัด กระเดื่องเป็นก้อนๆเลย สแนร์ฟาดเปรี๊ยะ ทุกอย่างชัดและบาลานซ์กันพอดี เสียงร้องก็ลอยอยู่ท่ามกลางเสียงดนตรีที่ดุดัน ผมมั่นใจเลยว่าถ้าใช้ k701 แกะเพลงจะทำได้เร็วมาก เพราะหากเราอยากจะโฟกัสกับเสียงอะไรเราก็ฟังด้วยหู k701 ตัวนี้ได้อย่างครบถ้วนทุกเสียง

จริงๆแล้วผมลองฟังกับเพลงแทบทุกชนิดเลยแต่จะยกตัวอย่างด้วยอัลบั้มที่นักเล่นเครื่องเสียงนิยมเป็นหลักให้เยอะหน่อย เพราะจะได้รู้ว่าแนวเสียงเป็นอย่างไรเมื่อเน้นเพลงแบบออดิโอไฟล์

มาที่ อัลบั้ม snow rose ที่เป็นนักร้องจีน เล่นเพลง cover จนดังอีกคน เสียงร้องหวานซึ้ง มีความชัดและใส ความใสของเสียงร้องแบบนี้เป็นความใสที่เราไม่ได้ยินจากหูฟังไอโฟน ความมีน้ำมีนวลของเนื้อเสียงเป็นบุคคลิกของเครื่องเสียงไฮเอนด์ที่เรามักจะได้พบตามงานแสดงเครื่องเสียง K701 ก็ให้เสียงแนวนี้ได้อย่างง่ายดาย

IMG_0287

ถ้าพิจารณาระดับเสียงเบสย่านลึกที่ฟังชัดเจน และ เสียงสูงที่ใสและมีระดับความดังที่พอดี เราจะเรียกว่าหูฟังตัวนี้ให้คอนทราสต์เสียงได้สูงมาก เหมือนภาพถ่ายที่มีระดับของสีดำและสีขาวในภาพ ทำให้ทั้งภาพมีความสว่าง ความใสที่ยอดเยี่ยม ดนตรีที่คอนทราสต์สูง ก็ให้น้ำเสียงที่ไพเราะและกลมกล่อมในเวลาเดียวกัน

ฟังกับเพลงที่ 4 Guess you had to be there ในชุด Breaking Silent ของ Janis Ian แล้วเคลิ้มและมันส์ไปพร้อมๆกัน เสียงเล่นกีต้าร์ไฟฟ้าเบาๆตอนต้นเพลงก็ชัดและมีความรู้สึกถึงเสียงปิ๊กกีต้าร์สะกิดสาย รวมถึงเสียงกลองกระเดื่องในตอนกลางเพลงที่เหยียบดังราวกับจะทุบหัว เป็นเพลงที่ฟังได้มันส์กว่าฟังผ่านลำโพงวางหิ้งพอควรเลย

ฟังเพลง The unforgiven ของ วง Metalica เสียงร้องชัด เสียงกีต้าร์อคูสติกเป็นเม็ดๆเลย ส่วนเสียงกลองก็หนักและเป็นก้อนใหญ่ๆ เสียงกีต้าร์ไฟฟ้าที่แตกพล่าก็เป็นเนื้อเสียงที่มีตัวตนมีหางเสียงจางหายไปแบบค่อยๆจาง ทุกเสียงไม่ตีกัน ได้ยินครบทุกเครื่องดนตรี เป็นอัลบั้มเฮฟวี่เมทัลที่บันทึกเสียงได้ไฮเอนด์มากๆ

ทั้งหมดเป็นเรื่องของน้ำเสียงที่ฟังผ่านหูฟัง K701 ที่ใช้ร่วมกับแอมป์หูฟังครับ ผมลองสลับแอมป์หูฟังอย่าง Aune B1 และ แอมป์ทำเอง ก็ให้น้ำเสียงไม่ต่างกัน โดย Aune B1 เป็นแอมป์หูฟังสำหรับการพกพาที่ออกแบบดีพอใช้ได้เลย คงได้รีวิวตามกันออกมาในบทความต่อไป

สรุป

หูฟัง AKG K701 เป็นหูฟังขนาด Full Size ที่สวมใส่สบาย สามารถใส่ฟังเพลงได้นานโดยเหงื่อไม่ออก ไม่รู้สึกว่าหูร้อน K701 ให้น้ำเสียงที่ราบเรียบต่อเนื่อง ให้บาลานซ์เสียงทุ้ม กลาง แหลม ที่พอดีทุกย่านความถี่ ทำให้เราฟังเพลงแล้วได้ยินทุกเสียงในระดับที่น่าฟัง ความรวดเร็วในการตอบสนองต่อเสียงเบสและเสียงแหลมทำได้รวดเร็ว ส่งผลให้เพลงมีความชัดเจนและนุ่มนวลไปพร้อมๆกัน เมื่อเล่นเพลงที่บันทึกมาดีจะได้ยินเสียงเพลงที่กลมกล่อมสุดๆ ฟังแล้วไม่อยากปิดเลย ส่วนเพลง mp3 ไทยๆทั้งหลายบางเพลงก็บันทึกดี บางเพลงก็บันทึกแย่ เราจะได้ยินของดีของแย่ตามไฟล์ที่ได้มา แต่เพลงไทยยุคหลังที่บันทึกทำกันในยุคสิบปีล่าสุดก็ได้คุณภาพเสียงที่ดีเป็นส่วนมาก

หากใครจะหาหูฟังระดับอ้างอิง ที่ฟังเพลงเพราะ ใส่สบาย K701 คือคำตอบที่ดีที่สุดในระดับงบไม่สูงเกินไป การนำ K701 ไปใช้กับเครื่องเล่นเพลงแบบพกพาก็ให้คุณภาพพอใช้ได้ แต่หากได้ต่อกับแอมป์หูฟังที่ออกแบบมาโดยตรงก็จะให้คุณภาพเสียงที่ดียิ่งขึ้น น้ำเสียงของ K701 ที่ผ่านแอมป์หูฟังจะให้ความมันส์ความไพเราะมากยิ่งขึ้น อะไรที่ดีพอใช้จะดีขึ้นไปอีกระดับหนึ่งจากการต่อแอมป์หูฟัง

หากสนใจสั่งซื้อได้ที่นี่ https://s.shopee.co.th/30S0hqGnj1

ซื้อฟองน้ำเปลี่ยน https://shope.ee/3L4r6Y8z2o

.

ฝากเพลงนี้เอาไว้ฟังเพลินๆ คลิปใน youtube ที่ฟังสบายๆและเหมาะกับ AKG k701 ตัวนี้

เรื่องน่าคิดของการซื้อไฟล์เพลง

เรื่องน่าคิดของการซื้อไฟล์เพลง

Tape


โลกเรามีแผ่นเสียงมานานเกือบร้อยปี มีเทปคลาสเซ็ท มีแผ่นซีดี ตามมาด้วย แผ่นดีวีดี แผ่นบลูเรย์ แผ่น SACD และเมมโมรี่การ์ด จนมาถึงหน่วยความจำแบบโซลิทสเตทในเครื่องเล่นที่ทำหน้าที่เก็บข้อมูลเพลงเอาไว้ฟัง เราเปลี่ยนรูปแบบของสื่อบันทึกจากสื่ออนาลอกมาเป็นรูปแบบของสื่อดิจิทัล ต่อมาไฟล์ดิจิทัลไม่อยู่บนสื่อแต่อยู่บนอินเทอเน็ตรอให้ดาวโหลด และล่าสุดเราไม่โหลดเป็นไฟล์เก็บไว้ในเครื่องอีกต่อไป แต่จ่ายเป็นค่าฟังแบบสตรีม หรือส่งสัญญาณมาตามอินเทอเน็ต ไฟล์เพลงอยู่บนระบบ cloud มีเป็นล้านเพลงให้ฟัง

IMG_20170131_145346


เมื่อก่อนเราซื้อแผ่นซีดีราคาประมาณ 300-500 บาท สำหรับอัลบั้มเพลงป๊อปและเพลงสากลทั่วไป  ส่วนแผ่นออดิโอไฟล์ที่ผลิตน้อยหรือทำแบบปราณีตกว่าก็จะมีราคาสูงขึ้น พอเครื่องคอมพิวเตอร์เริ่มมีราคาถูก พร้อมกับเทคโนโลยีการบันทึกแผ่นซีดีหรือ cd-recorder มีราคาเหลือแค่หลักพันบาท เราก็พบกับการขายแผ่นเพลง mp3 ที่มีทั้งปั๊มจากโรงงานแผ่นซีดี และ เกิดจากการเขียนแผ่น cd-r การละเมิดลิขสิทธิ์ด้วยการขายและแจกไฟล์ mp3 บุกวงการหนังและเพลงจนทำให้การขายแผ่นซีดีเพลงแท้ๆแทบจะหายไปจากตลาด พอแผ่นขายไม่ได้ค่ายเพลงก็หันไปขายไฟล์แทน มีทั้งไฟล์ mp3 wav และไฟล์ความละเอียดสูง หรือ hi-res ซึ่งก็ได้รับความนิยมกับนักเล่นบางกลุ่ม และดูเหมือนจะเป็นทางออกที่นักเล่นระดับจริงจังเรื่องคุณภาพเสียงจะเลือกใช้วิธีซื้อไฟล์ hi-res ก็เท่ากับว่าเรายังคงก็จ่ายค่าฟังเพลงเท่าเดิม แต่ไม่ได้แผ่นเก็บไว้ ได้เป็นไฟล์ดิจิทัลเลย

ระบบสตรีมก็กำลังคลืบคลานเข้ามา ทั้งหนังและเพลงก็ใช้ระบบสตรีม ให้จ่ายค่าสมาชิกรายเดือนแล้วฟังเท่าไหร่ก็ได้ ดูเท่าไหร่ก็ได้ ซึ่งหลายคนก็พอใจที่จะจ่ายเพียงไม่กี่ร้อยบาทต่อเดือน หากเทียบกับเมื่อยุคซีดีรุ่งเรือง นักฟังก็จ่ายเทียบเท่ากับการซื้อแผ่นเพียง 1 แผ่นเท่านั้น แต่ได้ฟังทั้งค่ายเลย มันก็ดูดีมากๆ แต่เราเคยคิดถึงอีกแง่มุมหนึ่งไหมว่าเรายังคงจ่ายเงินอยู่ แต่สิ่งที่หายไปก็คือ….. สิทธิ์การขายต่อ


เมื่อก่อนเราซื้อแผ่นซีดี แผ่นหนังดีวีดี หรือบลูเรย์ เราใช้เบื่อแล้ว เราก็เอาไปขายมือสองได้ ซื้อมา 100 บาท ขายต่ออาจจะได้เงินคืนสัก 50 บาท ก็คือเรามีโอกาสขายออกไปได้ เงินเราไม่ได้หายไปทั้งก้อน แต่มันจะเปลี่ยนกลับเป็นเงินได้บางส่วนตามกลไกตลาด ตามความนิยม บางแผ่นเคยซื้อ 150 บาท แล้วมือสองกลายเป็น 500 ก็มี นี่คือจุดดีของการซื้อแผ่นเก็บไว้ ในขณะเดียวกัน หากเราเปลี่ยนวิธีฟังเพลงมาเป็นการฟังแบบออนไลน์ เราจ่ายค่าสมาชิกไปหลายร้อยบาทต่อเดือน แล้วเราได้ฟังก็จริง แต่เราจะเอาไปขายได้ไหม คำตอบคือ ไม่ได้


ไฟล์เพลงที่เราสั่งซื้อมาในราคา 1 เหรียญ ทั้งอัลบั้มราคารวมกัน 10-20 เหรียญ เมื่อฟังจนเบื่อแล้ว เราเอาไปประกาศขายต่อก็คงจะเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ ต่อให้ยังไม่มีใครมาจับ แต่ใครจะมาจ่ายเงินให้เราเป็นค่าไฟล์เพลง  นักเล่นคนอื่นจะจ่ายเงินให้เรา 50% ไหมถ้าเราแบ่งให้เขาโหลดต่อจากเรา มันคงไม่มีใครมาจ่ายเงินให้เราแน่นอน แต่ถ้าเรามีแผ่นแท้ นอกจากการสัมผัส การอ่านปก การดูข้อมูลที่ละเอียดแล้ว มูลค่าตอนขายต่อก็ยังมีราคาอยู่ ไม่ได้เป็นศูนย์ในแบบไฟล์ดิจิทัล แถมคนซื้อต่อก็มั่นใจว่าได้ของคุณภาพเต็มร้อย เพราะตอนเป็นไฟล์ เราก็ไม่แน่ใจว่าไฟล์เพลงที่นักเล่นคนอื่นเอามาขายต่อให้เราจะเป็นไฟล์ที่ละเอียดจริงๆหรือเปล่า


หลายครั้งที่เราเล่นระบบ bit-torrent เราก็มักจะหาโหลดของฟรีมาฟัง แต่ตอนที่ได้มาเราก็ไม่เคยแน่ใจเลยว่ามันเป็นไฟล์ความละเอียดสูงจริงๆ เพราะมันอาจจะเป็นเพียงไฟล์ความละเอียดต่ำ บิทเรทต่ำ แต่มีการอัพแซมปลิ้งให้บิทเรทสูง ซึ่งในความเป็นจริงก็คือ เราไม่สามารถมั่นใจเลยว่าไฟล์ที่โหลดจากใครก็ไม่รู้จะเป็นไฟล์คุณภาพสูง  นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้การขายไฟล์เพลงโดยนักฟังขายให้นักฟังไม่มีวันเกิดขึ้น


การฟังจากระบบสตรีมเป็นทางออกสำหรับนักฟังที่อยากประหยัดเงินระยะยาวและไม่คิดจะสะสม เพราะค่าใช้จ่ายมันถูกกว่าการซื้อแผ่นทุกๆเดือนอยู่แล้ว แต่สำหรับนักเล่นที่ฟังแผ่นฟังเพลงระดับออดิโอไฟล์ นักเล่นที่มักจะเล่นเพลงซ้ำๆ หรือฟังเพลงจากศิลปินที่เราโปรดปราน อัลบั้มคลาสิคขึ้นหิ้งต่างๆ เราสามารถซื้อแผ่นเก็บไว้ได้เลย เพราะมูลค่าไม่หาย ราคาขายต่อก็มีค่าตัว ยิ่งหากเราพอใจกับมาตรฐานของแผ่นซีดี 16bit 44.1kHz อยุ่แล้ว เราก็สามารถซื้อแผ่นเหล่านี้ได้เลย ไม่ต้องไปซื้อเป็นไฟล์  แม้ว่าเราจะไม่มีเครื่องเล่นแผ่นซีดีคุณภาพสูงให้ซื้อใช้อีกแล้ว  เราก็สามารถ rip แผ่นเหล่านี้ด้วยคอมพิวเตอร์ ซึ่งการทำเองจะทำให้เราได้ไฟล์คุณภาพสูงที่แท้จริง  สามารถก็อปปี้ไฟล์ไปฟังในระบบเครื่องเสียงยุคใหม่ได้เหมือนเราไปซื้อไฟล์จากอินเทอเน็ตโดยเรามีแผ่นแท้อยู่กับตัวด้วย  วันที่เราอยากขายต่อ  เราขายแผ่นแท้ออกไป ราคาค่าตัวก็มีอยู่  มันขายต่อได้นั่นเอง

สำหรับงานเพลงที่ทำขึ้นในยุคปัจจุบัน มาสเตอร์ของศิลปินเป็นไฟล์ความละเอียดสูงแต่กำเนิด  การฟังไฟล์หรือการซื้อไฟล์ก็เป็นทางเลือกที่ง่าย  แต่ราคาก็ไม่ใช่ถูกๆ  ค่ายและศิลปินน่าจะยังคงทำแผ่นซีดีหรือแผ่นเสียงออกมาอยู่  หากเราเพิ่มเงินอีกนิดแล้วไปซื้อแผ่นเสียงของศิลปิน  เราก็จะได้แผ่นแท้มาเก็บไว้  ได้แผ่นมาเปิด  และได้แผ่นมา rip ด้วย  แม้ว่าการ rip แผ่นเสียงจะเป็นเรื่องยาก  ต้องใช้ความรู้และงบประมาณกับเครื่องมือเยอะมาก  แต่ถ้าเราเป็นนักเล่นเครื่องเสียง ระดับทุ่มเท ระดับบ้าเข้าเส้น ระดับที่จ่ายเงินค่าอุปกรณ์ทั้งชุดหลักแสนหรือหลักล้านได้  เราก็ลงทุนกับระบบแผ่นเสียงคุณภาพดีได้  เพราะในปัจจุบันระบบของแผ่นเสียงเป็นเพียงระบบเดียวที่ทำสำเนาเพลงระดับ hi-res ได้ โดยไม่ต้อง down sampling   ข้อมูลเสียงบนแผ่นเสียงจะคงคุณภาพของต้นฉบับระดับ hi-res เอาไว้ได้มากกว่าแผ่นที่ต้อง down sampling อย่าง CD และ SACD   แถมแผ่นเสียงยังใช้ฟังกับเครื่องเสียงยุคโบราณได้อีกด้วย  ไม่ต้องคิดเรื่องสเป็คเครื่องคอมพิวเตอร์และการปรับแต่งคอมพิวเตอร์ ไม่ต้องคิดเรื่องการเลือกใช้ Dac ให้ปวดหัว ซึ่งว่าไปแล้วการเลือกเครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องเพื่อฟังเพลง Hi-res สามารถเขียนเป็นบทความตอนยาวๆได้อีกหลายตอนเสียด้วย

pic01-kind of blue hires 17.99us
pic02-kind of blue LP 14us


ลองดูตัวอย่าง อัลบั้ม Kind of Blue ของ Miles David ผู้ซึ่งเป็นตำนานเพลง Jazz ระดับหัวแถว  ไฟล์ที่มีขายในเว็บระบบ Hires ขายอยู่ที่ 17.99 ดอลล่าร์  ส่วนแผ่นเสียงของอัลบั้มเดียวกัน ขายอยู่ที่ 14ดอลล่าร์   แบบนี้คิดว่าถ้าผมจะซื้อ  ผมก็คงซื้อแผ่นเสียงครับ  

pic03-susanwong-woman in love hires 17.98us
pic04-susanwong-woman in love LP CD 16 35


อีกตัวอย่างหนึ่ง Suasan Wong นักร้องเสียงหวาน ทำเพลง cover เอาไว้เยอะมาก  อัลบั้ม wonman in love ที่ทำในปี คศ 2014 มาสเตอร์เป็น 24/96 ไฟล์นี้วางขายในเว็บขายไฟล์ 17.98 ดอลล่าร์ ส่วนแผ่นซีดีและแผ่นเสียงก็มีวางขายเช่นกัน  ราคาแผ่นเสียง 39.99 ดอลล่าร์  ส่วนราคาแผ่นซีดีเท่าที่หาเร็วๆ ก็เจอเป็นราคาไทย  580.13 บาท  

sale2013-IMG_0023


ผมไม่ได้แนะนำให้คุณเลิกซื้อไฟล์ หรือ เลิกฟังสตรีม  แต่เสนอให้ลองพิจารณาซื้อแผ่นที่เป็นอัลบั้มที่ชอบ  ทั้งอัลบั้มที่มีแผ่น CD หรือมีเป็นแผ่นเสียง   มีแผ่นจำนวนมากที่ราคามือสองแพงกว่าราคามือหนึ่ง และทุกแผ่นมีราคาขายต่อที่เปลี่ยนเป็นทุนไปซื้อแผ่นใหม่ได้  อย่ากลัวที่จะซื้อแผ่นมาฟังกับเครื่องของเรา  ยิ่งใครเล่นแผ่นเสียง  มีเครื่องเล่นแผ่นเสียงอยู่แล้ว  ยิ่งมีโอกาสได้ฟังเพลงความละเอียดสูงยุคใหม่ได้ง่ายกว่านักเล่นกลุ่มไฮเทคที่ฟังไฟล์เสียด้วยซ้ำ

รีวิว xiaomi compact bluetooth speaker 2

IMG_0015




ลำโพงบลูทูธตัวใหม่ของ Xiaomi ที่ทำออกมาขนาดเล็กมาก และราคาถูกมาก รุ่นนี้ตัวถังเป็นพลาสติกเนื้อแข็ง มีเพียงปุ่มเดียวคือกดเพื่อเปิด และกดเพื่อปิด เป็นปุ่มกดอยู่ด้านล่าง ต้องยกลำโพงหงายท้องถึงจะเห็นปุ่มกด ตัวมันเองไม่สามารถต่อสัญญาณ Aux ได้ ดังนั้นมันจะถูกใช้งานด้วยการเชื่อมบลูทูธเท่านั้น

ผมเดินผ่านร้านขาย Mi ในห้าง เลยถือโอกาสมองหาว่ามีขายหรือยัง เพราะตั้งแต่ได้ข่าวว่าเปิดตัวก็ขายดีมาก ถามไปยังเพื่อนที่เป็นตัวแทนจำหน่ายก็ได้รับคำตอบว่าของเข้ามาก็หมดแทบตลอด วันนี้เดินผ่านเห็นว่าวางขายให้ซื้อได้ง่ายแล้วก็เลยจัดมา 1 ตัว

สอบถามคนขายว่าตัวใหม่รุ่น2 เทียบกับตัวเก่ารุ่น1 คุณภาพต่างกันไหม คนขายบอกเสียงเหมือนกัน ก็เลยซื้อรุ่นใหม่มา เพราะราคาถูกกว่ารุ่นแรก กลับมาถึงบ้านก็จัดการทดลองฟัง สิ่งที่ฟังทดสอบก็คือเพลงต่างๆในโทรศัพท์ และรายการที่ฟังทาง youtube เป็นหลัก

IMG_5985

หลังจากที่ทดลองใช้ได้ 2 วันก็ได้ข้อสรุปสำหรับตัวผมเองบันทึกไว้ให้อ่านกันดังนี้

1 Xiaomi เสียงดัง ฟังชัด แต่เบสน้อย เหมาะเอาไว้ฟังข่าว ฟังเสียงพูด ฟังเอาเนื้อหา ไม่ได้ฟังเอาอรรถรส

2 คุณภาพเสียงของ Mi ตัวนี้ยังไม่ดีกว่าลำโพงบลูทูธอย่าง JBL go ที่ให้เสียงได้ใหญ่กว่า เบสชัดกว่า ลงลึกกว่า ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะค่าตัวของ JBL go แพงกว่ากันหลายเท่าตัว

3 ลำโพง Mi ตัวนี้หน้าตาน่ารัก ดูแล้วอยากพก อยากเอามาร้อยเชือกแล้วติดเป็นพวงกุญแจ ซึ่งในกล่องที่มากับลำโพงมีสายคล้องมาให้ด้วย เจตนาน่าจะเอาไว้คล้องเพื่อติดตัวเจ้าของ

4 ใช้เป็นของขวัญ ของแจกได้ เพราะมันเป็นสินค้าที่น่ารักน่าใช้ แม้ว่าจะคุณภาพสู้ตัวราคาสูงไม่ได้ แต่มันก็ใช้งานในการฟังข่าวหรือฟังเพลงได้สมกับค่าตัว เมื่อหลายปีก่อนหากจะใช้ลำโพงบลูทูธสักตัว เราคงต้องมองหาของใหญ่ๆที่เกินกว่าจะพกพาได้ การที่ mi ทำออกมาเป็นตัวเล็กก็ต้องชื่นชมว่าพัฒนาของลำโพงเล็กทำได้น่าทึ่งมาก

IMG_20190415_194227


ลำโพงราคาเพียง 299 บาท เราคงไม่ต้องคาดหวังคุณภาพเสียงจากตัวมัน ส่วนฟังค์ชั่นที่มันทำได้ ก็คือมันเป็นลำโพงพกพาที่เล็กที่สุดในโลก

IMG_20170615_175140-01
ลำโพง jbl go เป็นลำโพงพกพาขนาดเล็กที่ผมยังเชื่อว่าดีที่สุดในตลาด



IMG_20170604_151458-01

รีวิวหูฟัง sony mdr-zx110ap ของดีราคาถูก

IMG_5807

หูฟังทรงคลาสิคยังคงได้รับความนิยมในกลุ่มนักเล่นเฉพาะทาง  เพราะเป็นหูฟังที่ให้คุณภาพเสียงได้เที่ยงตรงมากถึงมากที่สุด  พื้นที่ของตัวหูฟังเป็นชิ้นใหญ่  สามารถใส่ตัวกำเนิดเสียงที่ดีได้  จะทำให้ดีในราคาย่อมเยาก็ไม่ยาก

76256

วันหนึ่งที่เดินผ่านมุมเครื่องเสียงในห้าง  เหลือบไปเห็นหูฟังราคาถูกตัวหนึ่งที่แขวนโชว์ไว้ให้ลองฟัง  พอเดินผ่านก็ลองหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเสียบกับหูฟัง แล้วลองฟังดูก็พบว่า น้ำเสียงทำได้ดีน่าสนใจ  เสียงร้องชัด  เสียงเครื่องเคาะจังหวะหลายๆชิ้นก็ได้ยินชัดตลอดเพลง   ดูราคาแล้วไม่แพงมาก  เลยซื้อมาใช้เป็นหูติดกับคอมพิวเตอร์ หรือเอาไว้พกไปฟังนอกสถานที่ และตัดสินใจเขียนเป็นรีวิวเอาไว้

IMG_5798

ลักษณะทั่วไป

สายแจ็คเสียบกับเครื่องเล่นเป็นแบบ mini 3.5  มีขีดดำ 3 ขีด หรือจะเรียกว่าเป็นแจ๊ค 4 ชั้น(ตัวนำไฟฟ้า 4 ช่อง)  ตัวสายออกแบบเช่นนี้หมายถึงมันถูกออกแบบมาให้ใช้กับโทรศัพท์เป็นหลัก ตัวสายมีไมค์โครโฟนให้มาด้วย  มีปุ่มกดรับสาย  เราสามารถใช้หูฟังเส้นนี้คุยโทรศัพท์ได้

IMG_5829

ทดลองใช้หูฟัง mdr-zx110ap กับเครื่องเล่นเพลงอย่าง ipod shuffle gen1 ก็ทำงานได้ดีเยี่ยม ipod รุ่นต่างๆสามารถใช้งานกับหูฟัง sony รุ่นนี้ได้ปกติ  ซึ่งหูฟังบางรุ่นที่เป็นขาเสียบแบบ 4 ชั้นจะทำงานไม่ได้กับ ipod รุ่นเก่า เนื่องจากขั้วสัมผัสของ ipod ออกแบบมาให้ใช้กับแจ๊คหูฟัง 3 ชั้น  แม้แต่หูฟัง earpod ที่แถมมากับ iphone ก็ทำงานกับ ipod เก่าๆไม่ได้  แต่ sony ตัวนี้ทำงานได้ นับเป็นเรื่องโชคดีมากๆ

IMG_5834

ลองเสียบกับเครื่องเล่นเพลงตัวอื่นที่เป็นเครื่องเล่นที่ออกแบบมาให้ใช้กับหูฟังสเตอริโอขั้วสัมผัส 3 ขั้นบางเครื่องก็ทำงานได้ปกติ  บางเครื่องก็มีปัญหา  ตัวที่มีปัญหาก็อย่างเช่นการใช้กับ aune m1 ถ้าเสียบแจ๊คลงไปสุดจะได้ยินเสียงก้องๆ ต้องเสียบให้สุดแล้วดึงออกเล็กน้อย  เสียงก็จะดังเป็นสเตอริโอปกติ

IMG_5810

หูฟังชนิดนี้เป็นหูฟังประเภท on-ear คือจะแปะกับใบหูไว้  ไม่ได้ครอบหูสนิทแบบหูฟังขนาดใหญ่  ฟองน้ำนุ่มๆสีขาวสะอาดให้สัมผัสที่นุ่มจริงๆ  และอาการบีบหัวมีน้ำหนักบีบที่มากนิดหน่อยเมื่อใช้งานครั้งแรก แต่ฟองน้ำนิ่มๆก็ช่วยให้ความรู้สึกบีบไม่ค่อยแรงมาก  เมื่อฟังไปหลายวันน้ำหนักบีบหัวจะน้อยลงจนเรียกได้ว่าเบา คาดว่าพลาสติกคงจะอยู่ตัวตามสภาพหัวของผู้ฟังแล้ว

IMG_5802

Specification

น้ำหนัก 4.3 oz

ขนาดไดรเวอร์ 30 มม.

ตอบสนองความถี่ 12Hz – 22,000Hz

อิมพีแดนซ์  24 โอห์ม

ความไว 98dB/mW

รองรับกำลังขับ 1000 mW

ความยาวสาย 3.94 ฟุต

คุณภาพเสียง

น้ำเสียงของหูฟังรุ่นนี้ออกไปทางเสียงที่น่าฟัง  มีแนวเสียงคล้ายลำโพงชั้นดี  แต่การแยกแยะมิติแต่ละเสียงยังไม่เด็ดขาด  หากฟังกับดนตรีน้อยชิ้นหูฟังตัวนี้ก็แยกตำแหน่งเสียงร้องกับเสียงดนตรีได้ชัดเจน  แต่หากฟังกับเพลงที่เล่นเต็มวง มีเสียงเครื่องดนตรีหลายชนิดขึ้นมาพร้อมกันก็จะฟังเหมือนเนื้อเสียงแต่ละส่วนติดกันไปหมด  ฟังผ่านๆก็ไม่ได้เสียหายอะไร  แต่หากฟังจับผิดหรือฟังเพื่อแกะเพลง ฟังโน้ตของเครื่องดนตรีแต่ละชนิดก็จะแยกแยะได้ยากหน่อย ซึ่งนี้เป็นผลจากการฟังเพลง mp3 หรือเพลงไทยทั่วไปที่มีอยู่ตามเน็ต รวมถึงเพลงเก่าๆที่เคยสะสมไว้

แต่หากฟังจากไฟล์ที่เป็น lossless อย่างเช่นฟังผ่าน aune m1 ที่เป็น wave player  ก็ให้คุณภาพเสียงที่ดี ชัดเจน แยกแยะเสียงร้อง เสียงดนตรีแต่ละชิ้นออกจากกันได้เด็ดขาด  เพลงบันทึกมาอย่างไรก็ฟังออกและติดตามทุกเสียงได้หมด  โทนเสียงกลางแหลมอยู่ในระดับที่ดีน่าฟังเหมือนหูฟังราคาหลายพัน  โทนเสียงเบสให้ความอิ่ม อ้วน เบสเยอะเหมือนเราเปิด loundness ให้กับเครื่องเสียง  เสียงเบสจากการฟังไฟล์ lossless ผมเรียกว่าน่าฟัง เรียกว่าเป็นเบสอร่อยเหาะเลย เหมาะกับเพลงร็อค เพลงโชว์เสียงกลอง

หากฟังกับไฟล์เพลง mp3 บิทเรทต่ำ หรือดนตรีที่บันทึกมาไม่ดีเสียงย่านต่ำที่ดังขึ้นและจบลงไม่เร็วเท่าที่ควร  แต่เสียงกลางยังทำได้ชัดเจนดี  สามารถดึงดูดคนฟังให้อยู่กับเสียงร้องและเสียงพูดได้  การฟังเพลงร้อง หรือการฟังรายการวิทยุ จะได้เสียงร้องที่น่าฟัง  เสียงดีเจพูดบรรยายฟังเพลินมาก

เสียงย่านสูงก็ให้ความใสที่พอดี  ไม่ได้เป็นเสียงสูงแสบหู หรือ เสียงห้วนทึบ  เสียงโซโล่กลองทำได้ชัดเจนและน่าฟังมาก  เสียงกีต้าร์ก็ให้ความใส มีเนื้อเสียงที่อิ่มแน่น  หูฟังตัวนี้ฟังเพลงอคูสติกได้เพราะดี  เราสามารถพกหูฟังตัวนี้ตัวเดียวเพื่อใช้กับโทรศัพท์ของเราทั้งการคุยและการฟังเพลง  จะบอกว่ามันเป็นหูฟังที่ใช้สำหรับฟังเพลงจริงๆ  ไม่ใช่แค่ทำเพื่อคุยโทรศัพท์

แนวเสียงของหูฟังตัวนี้จะเหมือนเป็นน้องเล็กของ sennheiser hd650 ตัวละหมื่นปลาย  แต่เบสเยอะกว่า  น้องกลางของน้ำเสียงแนวนี้คือ creative aurvana live ตัวละสองพันกว่า  ส่วน sony mdr-zx110ap ตัวนี้ไม่ถึงพันบาท

สรุป

ถือเป็นหูฟังที่คุ้มค่าตัว  เหมาะกับการฟังเพลงกับเครื่องเล่นเพลงและคอมพิวเตอร์   ใช้พกพาออกนอกบ้านไปนั่งฟังเพลงเพลินๆ  คุณภาพเสียงที่ดีทำให้เราฟังเพลงได้นาน เสียงเบสที่เด่นจากไฟล์เพลงคุณภาพดีจะทำให้เราฟังเพลงเพราะขึ้น  ไม่ล้าหูง่ายๆ  น้ำหนักบีบหัวชั่วโมงแรกจะรู้สึกบีบแรงหากไม่คุ้นเคยกับหูฟังแนวนี้ แต่เมื่อผ่านไปหลายวัน น้ำหนักบีบจะน้อยลงจนเรียกได้ว่าเป็นหูฟังที่ไม่บีบหัวให้รำคาญ  ซื้อไว้ใช้อเนกประสงค์ก็ดี  ใช้ฟังเพลงจริงจังก็ได้  เป็นหูฟังน้ำเสียงดีที่ใช้เป็นตัวพกพาออกนอกบ้านแทนหูฟังไฮเอนด์ตัวโปรดได้  แถมยังไม่เรื่องมากไม่ต้องการแอมป์ขับเฉพาะทางก็ทำงานได้แล้ว

สั่งซื้อ Sony MDR-ZX110AP

อัพเดทปี 2025 หลังจากใช้มา 6 ปี คุณภาพเสียงยังดีเหมือนเดิม แต่ผ้าที่หุ้มสลายตัวไปตอนไหนก็จำไม่ได้ ฟองน้ำไม่ฟูเหมือนเดิมแล้ว

IMG_20250908_134213513

12nov2025 เราสามารถสั่งซื้อฟองน้ำมาเปลี่ยนได้ โดยสั่งจากร้านในเน็ต ซึ่งจะเป็นฟ้องน้ำหน้าตาเหมือนเดิมตอนที่ยังใหม่อยู่ และสามารถใช้กับหูฟังได้หลายรุ่น ผมสั่งซื้อจากลิงค์นี้ https://s.shopee.co.th/5VNRrM6KBy?share_channel_code=6

IMG_20251112_110649234

รีวิว tivoli model2

2018-02-23 06.52.10 1

ผมกำลังนั่งฟังเพลง jazz  มีแซ็กโซโฟน เปียโน เบส กลอง เล่นกันนุ่มๆ ล่องลอย ถ้าแทนด้วยภาพผู้หญิงสักคน ก็คงเป็นผู้หญิงที่กำลังเต้นบัลเล่ย์ช้าๆ   เสียงโอบล้อมผ่านออกมาจากลำโพง 1 คู่  ลำโพงฟูลเร้นจ์คู่นี้จัดวางบนโต๊ะทำงาน  ดอกลำโพงแค่ 3 นิ้ว กับตู้ไม้ที่ใหญ่พอๆกับกล่องใส่กระดาษทิชชู่  และนี่คือลำโพงในชุดเครื่องเสียงยี่ห้อ Tivoli  รุ่น model 2

Model 2 เป็นเครื่องเสียงพร้อมวิทยุ fm am ที่เป็นชุดใหญ่กว่า Model 1 โดยจะมีลำโพงมาให้ 2 ตัว เพื่อเปิดเป็นเสียงสเตอริโอ  เสียงดนตรีเต็มวง เต็มย่านความถี่ ถูกขับออกมาจากลำโพงวางหิ้งหรือวางบนโต๊ะแม้ลำโพงจะขนาดเล็ก  แต่น้ำเสียงและสมดุลย์เสียงทัดเทียมกับลำโพงตัวใหญ่ แนวเสียงเหมือนหูฟังชั้นดี  การจัดวางบนโต๊ะทำงานแล้วไปนั่งฟังระหว่างทำงาน ทำให้เราได้รับคุณภาพเสียงระดับยอดเยี่ยม  เพราะเรากำลังฟังระยะใกล้  ระยะห่างระหว่างลำโพงสองตัว กับระยะห่างของหูจากลำโพงทั้งคู่เกือบจะเท่ากัน  มันแทบจะเป็นสามเหลี่ยมด้านเท่าเลย  ซึ่งเป็นวิธีจัดวางที่ใกล้เคียงอุดมคติของการฟังเพลงของนักฟังระดับหูทอง

2018-02-07 05.06.14 1

Model 2 ให้ความใกล้เคียงอุดมคติหลายอย่าง  อย่างแรกคือ ระยะจัดวางบนโต๊ะที่เพิ่งกล่าวไป มันเป็นจุดที่ดีที่สุดสำหรับการฟังเพลงผ่านลำโพงระบบสเตอริโอ  อุดมคติที่ 2 คือ ดอกลำโพงฟูลเรนจ์ที่ให้เสียงย่านต่ำไล่ไปเสียงสูงที่ราบลื่นต่อเนื่อง  ไม่ต้องมีวงจรแบ่งความถี่  ไม่ต้องกังวลเรื่องทวิตเตอร์กับวูฟเฟอร์ว่าจะต้องทำงานร่วมกันหรือทับซ้อนกันอย่างไร  และอุดมคติที่ 3 คือ ลำโพงและภาคขยายเสียงหรือ amp เป็นสิ่งที่ถูกออกแบบมาคู่กัน  ออกแบบมาเพื่อให้ทำงานร่วมกันอย่างลงตัวที่สุด มันต่างชดเชยช่วยเหลือกันเองจนมันได้เสียงที่ลงตัว  มันเหมือนเป็นชุดเครื่องเสียงสำเร็จรูปหรือมินิคอมโปคุณภาพสูง    เป็นคุณภาพสูงสุดเท่าที่การออกแบบทางวิศวกรรมจะให้ได้บนงบประมาณและขนาดตัวที่จำกัด

IMG_20180207_142702

Model 2 เป้นดอกลำโพงฟูลเร้นจ์ที่ให้เสียงครบทุกย่านความถี่  ตั้งแต่ทุ้มต่ำสุด ไปจนเสียงสูงย่านแหลมสูงๆ  ความต่อเนื่องคือจุดเด่น แต่จุดด้อยที่ตามมาก็คือ มันไม่ใสเท่าลำโพงแยกทวิตเตอร์ ทั้งแบบ 2 ทาง 3 ทาง หรือกี่ทางก็ตาม  อีกจุดด้อยหนึ่งก็คือ เบสลึก ปริมาณเบสมหาศาลแบบวูฟเฟอร์ใหญ่ๆมันไม่มีให้ Model 2 มีเพียงเบสที่ห่อหุ้มรองเป็นฐานให้กับโน้ตต่างๆ นั่นทำให้สมดุลย์เสียงของลำโพงออกไปทางกลมกล่อม พอเพียงและฟังได้เรื่อยๆ

2018-03-02 08.26.14 1

Model 2 มีความน่าฟัง  เสียงย่านทุ้ม กลาง แหลม ผสมกันออกมาลงตัว  มันพอดีจนเราไม่อยากเปลี่ยนแปลงอะไร  ผมไม่คิดจะขอให้ Tivoli ทำลำโพง 2 ทางออกมาแทนฟูลเร้นจ์แบบนี้  เพราะสิ่งที่มีอยู่เราได้ยินกับหูแล้วว่าคุณภาพเท่านี้ ในราคาเท่านี้ มันน่าพอใจมากๆ

เสียงกลางโดดเด่น การฟังรายการข่าว รายการทอล์ค หรือ เสียงคนในเนื้อหาต่างๆเป็นเสียงพูดที่ฟังง่าย ได้ยินชัดเจน เพลงร้องก็มีความไพเพราะมากขึ้นจากเสียงกลางที่ชัด  การส่งเสียงคนออกมาจากลำโพงคู่นี้ทำได้อย่างน่าฟัง  ผมแอบนึกถึงแนวเสียงของลำโพง Roger LS 3/5 ที่ให้โทนเสียงกลางคล้ายกันมาก  แต่ความใสจะสู้ไม่ได้ เพราะ roger เป็นลำโพง 2 ทางนั่นเอง

ค่าตัว Model 2 ประมาณ 9000 บาท ถ้าหาส่วนลด รอราคาเคลียร์แลนซ์ ก็อาจจะทำให้ราคาจ่ายจริงเหลือแค่ 50% ก็ยิ่งทำให้น่าสนใจ  ในราคาเท่านี้เราจะได้ลำโพง + แอมป์คุณภาพดี  ได้วิทยุที่รับคลื่นได้ชัดเจนมาก  ซึ่งในตลาดเครื่องเสียงไม่น่ามีเครื่องรับวิทยุเครื่องไหนที่รับสัญญาณ fm ได้ดีเท่านี้อีกแล้ว ยกเว้นเครื่องของ Tivoli เอง

IMG_20180207_142829

ช่องเชื่อมต่อด้านหลังหลากหลาย  เปิดโอกาสให้ Model 2 ถูกนำไปใช้ได้สนุกสนาน  มันมี sub out เอาไว้ต่อซับวูฟเฟอร์  มี Aux เพื่อรับสัญญาณเพลงจากเครื่องเล่น หรือรับเสียงจากคอมพิวเตอร์           มีช่องหูฟังเพื่อฟังแบบไม่รบกวนใคร  มี balance เพื่อปรับเสียงซ้ายขวาให้สมดุลย์  มีช่องต่อเสาอากาศภายนอกเพื่อเพิ่มคุณภาพการรับสัญญาณ มีช่องรับไฟเลี้ยงแบบ 12v dc สามารถใช้กับอแด๊ปเตอร์ได้   และช่องรับแบบ 220V ac หรือไฟบ้าน

คุณภาพการรับสัญญาณ  fm อยู่ในเกณฑ์ดี  ลูกบิทปรับคลื่นเป็นลักษณะการหมุนแบบทดรอบมีอัตราส่วนการหมุนอยู่ที่ 5:1  นี่ทำให้การเลือกคลื่นทำได้สะดวกแม่นยำมาก  การเลือกสถานีที่จะฟังจะมีระยะหมุนที่กว้าง ทำให้การแยกแยะแต่ละสถานีค่อนข้างเด็ดขาด ความชัดเจนในการฟัง fm เทียบได้กับการฟังในรถยนต์  แต่ได้น้ำเสียงที่ไพเราะชวนฟังระดับเครื่องเสียงไฮเอนด์

2018-03-02 08.26.11 2

ผมใช้ model 2 บนโต๊ะทำงาน  ใช้เปิดเพลงเป็นหลัก  ผมเชื่อว่าการเลือกใช้งานกับคอมพิวเตอร์ก็น่าจะดี เราจะได้ฟังเพลงผ่านคอมฯได้เพราะๆ   ส่วนคนทำดนตรีหรือ งานตัดต่อวิดีโอก็เหมาะ  หรือแม้แต่จะวางหน้า TV ใช้แทน sound bar ก็น่าสนใจ  มันสามารถเปิดเพลงเสียงดังได้  ฟังเสียงคนจากลำโพงคู่นี้ถือเป็นงานเหมาะที่สุด  มันเหมาะมากสำหรับคนชอบฟังข่าวและรายการสัมภาษณ์ต่างๆ

รีวิว tivoli model 1 bluetooth วิทยุเสียงดี หน้าตาดีมาก

IMG_7231

ผมเป็นคนที่หลงใหลลำโพงมานานแล้ว ขอให้เป็นลำโพงที่สามารถเปิดเพลงได้ หากมันมีจุดเด่นบางอย่างก็ทำให้ผมหลวมตัวซื้อได้ไม่ยาก สมัยก่อนการเล่นเครื่องเสียงจะมีรูปแบบที่ค่อนข้างตายตัว คือต้องมีเครื่องเล่นเพลงซึ่งมักจะเป็นเครื่องเล่นซีดีหรือแผ่นเสียง แล้วก็ต้องมีแอมป์ ซึ่งเมื่อก่อนก็จะมีอินทิเกรตแอมป์ที่รวมปรีแอมป์และเพาเวอร์แอมป์ไว้ด้วยกัน กับอีกแบบคือ ปรีแอมป์+เพาเวอร์แอมป์เป็นชุดแยกชิ้น และสุดท้ายก็ต้องต่อกับลำโพงสักคู่หนึ่ง

การจะหาเครื่องเสียงที่ให้เสียงถูกใจ เราต้องมีเครื่องเล่น เครื่องขยายเสียง และลำโพงโดยที่ 3 อย่างนี้จะต้องเลือก ต้องคัด ต้องหา กว่าจะเจอสิ่งที่ลงตัว จนกว่าจะเจอสิ่งที่ถูกใจซึ่งใช้เงินเยอะและใช้เวลามหาศาล แต่ถ้าคุณรวยมาก มันก็แป๊ปเดียวเจอ ซึ่งผมไม่ใช่ และเมื่อได้เครื่องเสียงครบทุกชิ้นผมก็ใช้งานมันอยู่หลายปี จนโลกเราเข้าสู่การฟังเพลงรูปแบบใหม่ ซีดีขายไม่ได้ เครื่องเล่นซีดีแทบไม่ได้เปิดอีกเลย ผมเปลี่ยนไปฟังเพลงจากไฟล์ และฟังเพลงจากอินเทอเน็ต นั่นทำให้ชุดเครื่องเสียงเดิมหรือแผ่นไม่ค่อยได้ใช้ และเป็นที่มาของการใช้ลำโพงบลูทูธ ซึ่งเป็นลำโพงที่สามารถรับสัญญาณเสียงไร้สายจากคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์มือถือต่างๆได้นั่นเอง

ลำโพงตัวนี้ เป็นเครื่องรับวิทยุยี่ห้อ Tivoli ที่ได้ผลิตขายมาหลายปี รุ่นที่สร้างชือให้ Tivoli ก็คือรุ่น model1 ซึ่งเป็นเครื่องรับวิทยุ fm am ระบบมือหมุน ที่ออกมาขายในยุค mp3 และ ipod iphone เกลื่อนเมือง แต่ก็ขายได้แถมยังขายดีเสียด้วย และจากความนิยมในการใช้มือถือมีมากขึ้นจนกลายเป็นอวัยวะที่ 33 ของคนไปแล้ว การฟังเพลงจากมือถือเป็นสิ่งที่ต้องมี และของติดบ้านที่แทบทุกบ้านต้องมีก็คือ ลำโพงบลูทูธ Tivoli เลยใส่บลูทูธไว้ในเครื่องรับวิทยุของตัวเอง ทำให้มันกลายเป็นเครื่องรับวิทยุรุ่น model1 bluetooth

IMG_7226

ก่อนหน้านี้หลายปี ผมเคยลังเลใจระหว่างการซื้อวิทยุหน้าตาโบราณ ระหว่าง TEAC R1 กับ Tivoli model1 และสุดท้ายก็ไปเลือก R1 ด้วยเหตุผลสองอย่างคือราคาถูกกว่า และมีแบตเตอรี่ในตัว และก็ใช้ TEAC R1 มานานหลายปี และก็ยังคงสงสัยว่า TEAC R1 กับ Tivoli Model1 ตัวไหนเสียงดีกว่ากัน ซึ่งก็ไม่เคยมีโอกาสได้เทียบเลย เพราะร้านที่ขาย TEAC R1 ไม่มี Tivoli วางขาย และในเวลาไม่นาน TEAC ก็หมด ไม่มีผลิตขายอีก แต่ Tivoli ยังมีขายอยู่อย่างต่อเนื่อง

เวลาเดินผ่านในห้างแล้วได้ยินเสียงที่ Tivoli ส่งเสียง มันก็ทำให้ผมหยุดมอง หยุดฟังอยู่แทบทุกครั้ง วันที่ Tivoli ใส่บลูทูธรวมไว้ในเครื่องก็ทำให้ตื่นเต้นอยู่พอสมควร แต่ก็ยังไม่กล้าซื้อ จนวันนึงได้ยินเสียงรายการวิทยุที่เจ้า model1 bluetooth มันส่งเสียงอยู่ ผมฟังแล้วรู้สึกเหมือนมันเปิดจากมือถือ ผ่านบลูทูธ โดยใช้เพลง mp3 สักเพลง แต่พอถามพนักงานขาย พนักงานบอกว่ามันกำลังเปิดวิทยุอยู่ เท่านั้นแหละ โอ้โห ทำไมเสียงมันดีเหมือนเปิดจากไฟล์ขนาดนี้ เป็นเสียงจากวิทยุที่ผมไม่เคยได้ยินคุณภาพแบบนี้มาก่อน นั่นทำให้ Tivoli model1 bluetooth อยู่ใน wish list แต่ก็งก ไม่ซื้อ เพราะ ที่บ้านมีวิทยุอยู่ประมาณ 10 เครื่อง ไม่รวมมือถือ android ที่สามารถรับสัญญาณวิทยุได้ด้วยอีกหลายเครื่อง

IMG_7232

ความคันไม่ปราณีใคร และวันหนึ่งมันก็มาอยู่ในบ้านผมจนได้ มาดูสเป็คกันดีกว่า

  • model 1 bluetooth สามารถรับสัญญาณวิทยุ fm และ am
  • รับสัญญาณ input ได้ทางช่อง aux
  • สามารถเสียบหูฟังได้
  • มีช่อง rec out เพื่อต่อไปยังเครื่องขยายเสียงหรือเครื่องบันทึกเสียงอื่นๆ
  • สามารถเสียบสายเสาอากาศ am ได้ทางช่อง 3.5mm
  • สามารถเสียบเสาอากาศ fm แบบชักยืดหดได้ทางช่องเฉพาะ เป็นเสาเหล็กที่มีแจ็คเสียบ ซึ่งเสาภายนอกก็มีแถมมาให้ด้วย
  • มีสวิตซ์เลือกการใช้เสาอากาศเพื่อรับสัญญาณ fm ว่าจะใช้เสาในเครื่อง หรือเสานอก ลำพังความสามารถในการรับคลื่นด้วยเสาภายในก็ทำได้ดีอยู่แล้ว แต่หากมีบางคลื่นที่ยังรับได้ไม่ชัดเต็มที่ การเปลี่ยนมาใช้เสาภายนอกก็ช่วยให้รับได้เด็ดขาดมากขึ้น
  • สามารถเลือกใช้ไฟบ้าน 220V เสียบเข้าไปโดยตรงก็ได้
  • สามารถใช้ไฟ 12V จากอแด๊ปเตอร์ ก็สามารถทำได้ เพราะอแด๊ปเตอร์ 12V ในบ้านก็หาไม่ยาก ใครที่มีฮาร์ดดิสก์ external เก่าๆที่พังหรือความจุน้อยจนเลิกใช้ ก็จะมีของเหลือเป็นอแด๊ปเตอร์อยู่ในบ้าน หยิบมาใช้ได้เลย

ความสามารถในการรับคลื่นวิทยุของ Tivoli ทำได้ดีมาก ส่วนใหญ่ทุกคลื่นฟังได้อย่างชัดเจน และเลือกแต่ละสถานีได้ง่าย รอบหมุนของการหาคลื่นทำได้ละเอียดดีมาก จุดเด่นอีกข้อหนึ่งของ Tivoli คือลำโพงติดเครื่องที่เป็นแบบฟูลเร้นจ์ หรือเป็นลำโพงที่ตอบสนองความถี่ได้กว้างมากทั้งๆที่ขนาดแค่ 3 นิ้ว น้ำเสียงกลางโดดเด่น และมีการจูนเสียงของดอกลำโพงรวมกับตู้ลำโพงที่ให้น้ำหนักเสียงที่มีเสียงเบสที่ชัดเจนและให้แนวเสียงที่อิ่มเกินตัว ฟังเพลงที่บันทึกเสียงมาดีๆแค่นาทีเดียวก็ใจละลายแล้ว เสียงโฆษก เสียงดีเจ เสียงพูดของคนทำให้ผมนึกถึงลำโพงอย่าง roger LS3/5 ที่มันฟังเพลิน เป็นเสียงพูดเสียงคนที่น่าฟังมาก

การนำ Tivoli มาฟังดนตรีต่างๆก็เป็นเรื่องปกติของลำโพง เสียงเพลงป๊อป เสียงเพลงแจ๊ส เสียงเพลงอคูสติกก็ถูกจริต ถูกงาน ถ่ายทอดออกมาได้น่าฟัง เสียงเบสที่ห่อหุ้มเป็นฐานของเสียงทั้งวงก็มีให้ฟังแบบพอดีๆ ซึ่งหากย้อนไปสักสิบปี การที่เราจะฟังเสียงทุ้มที่อิ่มเอิบขนาดนี้ต้องไปหาจากลำโพง 2.1 หรือ ซับวูฟเฟอร์ หรือไม่ก็ไปหาจากลำโพงฟังเพลงที่ใช้วูฟเฟอร์ระดับ 6-8 นิ้วขึ้นไป กับดอกฟูลเร้นจ์แบบ Tivoli 3 นิ้วนี้ ทำให้ประหลาดใจ และพอใจอย่างมาก

แล้วผมก็ได้โอกาสทดสอบ TEAC R1 กับ Tivoli model1 bluetooth ว่าใครเสียงดีกว่ากัน ผมเลือกเปิดสถานนีที่กำลังถ่ายทอดเสียงพูดคุย เพราะผมชอบฟังรายการทอล์คที่เสียงชัดๆ เปิดคลื่นเดียวกัน ปรับเสียงทดสอบให้ดังใกล้เคียงกัน แล้วก็เปิดเสียงปิดเสียงเทียบกัน ก็ได้คำตอบสำหรับผมเอง นั่นคือ Tivoli ถ่ายทอดเสียงพูดได้ดีกว่า

2018-02-16_08-24-40

การจัดระบบชุดฟังเพลงให้กับ Tivoli มีความหลากหลายมาก จะวางเดี่ยวๆใช้เป็นเครื่องฟังวิทยุก็ได้ จะจัดให้มันทำงานเป็นเครื่องขยายเสียงสำหรับ ipod ก็ได้ จะจัดให้เป็นเสียง Bluetooth ของ smartphone ก็ได้ หรือแม้แต่จะใช้เป็นแอมป์หูฟัง เพราะ tivoli มีช่องต่อหูฟังด้วย ซึ่งคุณภาพเสียงของภาคขยายหูฟังก็ไม่ธรรมดา ลำพังเพียงแอมป์หูฟังที่แยกขายเพื่อให้ใช้กับหูฟังที่ขับยากๆนั้นก็ราคาหลายพันจนถึงหลายหมื่นก็มีให้เลือกซื้อ ค่าตัวของ Tivoli ตัวนี้ ซื้อแอมป์หูฟังยอดนิยมระดับกลางๆยังไม่ได้เลย

แถมคลิปทดสอบ tivoli model1 bluetooth โดยการเปิดเพลงจาก youtube ใช้ huawei p9 เชื่อมบลูทูธกับ Tivoli แล้วถ่ายวิดีโอด้วย กล้อง DSLR canon รุ่น Eos 6d ติดเลนส์ 50mmf1.4 ใช้ไมค์รับเสียงของ Zoom รุ่น H1 ต่อสายไมค์เข้ากล้องทางช่อง mic in

ทดลองฟังเพลง

ผมใช้คอมพิวเตอร์ต่อกับ usb dac ใช้ชิปถอดรหัสเสียง ESS ES9018K2Mแปลงสัญญาณเสียงเป็นอนาลอกแล้วต่อสาย rca to mini 3.5 ไปเข้ายัง Tivoli model1 ที่ช่อง Aux ก็คือใช้ Tivoli เป็นลำโพงขยายเสียงนั่นเอง เพลงของ norah jones ชุด come away with me เสียงร้องชัดๆ ฟังออกทุกถ้อยคำ เสียงเบสกลมๆเล่นคลอไปกับเปียโน ทุกเสียงได้ยินชัดเจน ตัว tivoli ไม่มีปุ่มปรับทุ้มแหลม เสียงที่ได้ยินจะคงที่สไตล์เดียว คือ ชัดและนุ่ม เสียงโซโล่เบสได้ยินทุกโน้ต อัลบั้มนี้บันทึกเสียงได้ดีน่าฟังทุกเพลง

ฟังอัลบั้มโชว์เสียงร้องผสมกีต้าร์อคูสติกก็ให้ความไพเพราะ เสียงกีต้าร์คลอๆกับเสียงร้องหวาน ใส ชัด อย่างชุด snow rose ที่เป็นเพลง cover จากเพลงฮิตมากมาย เสียงร้องมีความชัดและเรียกร้องความสนใจอยู่มาก เป็นโทนเสียงกลางที่ติดไปทางแหลมเด่นกว่าเสียงย่านต่ำ แต่ไม่ได้ใสกิ๊งราวกับแก้วใสๆ เสียงสูงยังคงด้อยกว่าลำโพงสองทางที่ใช้ทวีตเตอร์อยู่ดี แต่เสียงกลางและเบสนี่เป็นความลงตัวที่น่าใช้มาก

ฟังเพลง jazz ที่เน้นเสียงร้อง ฟังแล้วเคลิ้มทุกเพลง มันชัดถ้อยชัดคำ เหมาะกับงานที่มีเสียงอคูสติกเต็มเพลง ลองกับเพลงในอัลบั้มของ Jennifer Warnes ชุด The Hunter ก็ให้เสียงร้องที่หวานใส เสียงกีต้าร์อคูสติกเล่นเกาโน้ตชัดๆ ยิ่งเป็นเพลงแนวออดิโอไฟล์ก็ยิ่งฟังเพราะ

ลำโพงฟูลเรนจ์ให้เสียงเป็นเอกลักษณ์มาก เสียงทุ้ม กลาง แหลม มันออกมาจากลำโพงดอกเดียว น้ำหนักเสียงสมดุลย์พอดี ไม่มีเบสล้นหรือบางเกินไป การใช้งานเหมาะกับการฟังผ่านๆ หรือเปิดทิ้งไว้ทั้งวันจริงๆ เป็นลำโพงที่อยากเปิดทิ้งไว้ตลอดเวลา

สรุป

Tivoli model1 bluetooth เป็นวิทยุพร้อมลำโพง 1 ดอกที่มีหน้าตาสวยงามสามารถใช้เป็นเฟอร์นิเจอร์ประดับบ้านได้ และให้คุณภาพเสียงการฟังเพลงที่ดีมาก รับวิทยุได้ชัดเจน รับสัญญาณเสียงจากช่อง bluetooth ได้โดยที่มีคุณภาพเสียงที่ดีน่าฟังสูสีกับการใช้สาย และหากใช้สายสัญญาณเชื่อมต่อแหล่งโปรแกรมอื่นๆทางช่องทาง Aux มันก็จะเป็นเครื่องเสียงที่ให้เสียงเป็นกลาง มีสมดุลย์เสียงที่พอดีในทุกย่านเสียง เบส กลาง แหลมมาครบ ความใสของเสียงสูงยังไม่เท่ากับลำโพงสองทางมีทวิตเตอร์ และภาพรวมก็เป็นเสียงร้องเสียงดนตรีที่น่าฟังและสามารถฟังได้นานๆ

ผมทำรีวิวแบบเสียงเอาไว้ให้ฟังด้วย เนื้อหาแตกต่างจากในโพสท์นะครับ

nakamichi musicone+ ลำโพงสวย เสียงดี หายากมาก

20160502134111_IMG_0139

การฟังเพลงในยุคปัจจุบันเป็นการฟังเพลงที่เน้นความสะดวกสบายเป็นหลัก ตลาดของเครื่องเสียงระดับมวลชนจะเทไปทางลำโพงระบบบลูทูธ ซึ่งทุกยี่ห้อทำออกมาขายกันถ้วนหน้า  เรียกได้ว่าใครไม่ทำขายก็พลาดรายได้มหาศาล  และการค้นหาลำโพงเสียงดีที่หน้าตาดีผมก็ได้ค้นพบอีกตัวเลือกหนึ่งที่ได้มาด้วยความบังเอิญ

นากามิชิเป็นบริษัทที่ทำเครื่องเสียงมายาวนาน ในยุคยี่สิบปีที่แล้วเครื่องเสียงบ้านยี่ห้อนากามิชิถือเป็นเครื่องเสียงเกรดไฮเอนด์  เป็นสินค้ายี่ห้อญี่ปุ่นที่ได้รับความนิยมระดับโลก  เครื่องเสียงชิ้นสร้างชื่อของนากามิชิจะเป็นเครื่องเล่นเทปคาสเซ็ทที่แพงระยับและว่ากันว่าเป็นเครื่องเล่นเทปที่ดีที่สุดในโลกที่เคยมีมา  ส่วนเครื่องเล่นซีดีของนากามิชิก็จะออกไปแนวเครื่องเล่นที่ใส่ได้หลายแผ่น ระบบมิวสิคแบงค์ที่สามารถเปลี่ยนแผ่นได้เร็วที่สุดในโลกอีกเช่นกัน  ซึ่งสองอย่างนี้ทำให้นากามิชิเป็นเครื่องเสียงระดับหรูหราไฮเอนด์ไปอย่างไม่มีใครปฏิเสธ

20160502134125_IMG_0141

ลำโพงในครั้งนี้ผมได้ลองฟังและติดใจในน้ำเสียงถึงกับต้องอุ้มกลับมาจากสิงคโปร์ก็คือ nakamichi music one+ อ่านว่า นากามิชิมิวสิควันพลัส  จะขอเรียกว่ามิวสิควันเพื่อความสะดวกนะครับ  เจ้าตัวนี้วางโชว์อยู่ในสนามบินของสิงคโปร์  ตอนที่ผมรอจะขึ้นเครื่องกลับกรุงเทพก็ได้เดินผ่านร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้าจำพวกไอทีและเครื่องเสียงต่างๆ  เจอลำโพงวางอยู่บนโต๊ะหลายตัว  หนึ่งในนั้นที่สะดุดตาก็คือ มิวสิควันตัวนี้

20160502131338_IMG_0134

ข้อมูลทั่วไป

หน้าตาของลำโพงออกมาสไตล์หน้ากลมมีขาตั้งเป็นเสากลาง  ดูเป็นการออกแบบที่เน้นความสวยงามเป็นหลัก  ซึ่งผมก็สะดุดตาตั้งแต่แรกเห็น  ยืนพิจารณารอบตัวก็จะเห็นช่องเชื่อมต่อด้านหลัุงมีช่องเสียบไฟเลี้ยง  มีช่องเสียบสัญญาณเสียงชนิด aux ขนาด 3.5มม.  และมีปุ่มควบคุมอยู่ด้านหน้านิดหน่อย เอาไว้เลือกฟังระหว่างบลูทูธ และช่องเสียง aux และมีปุ่มปรับระดับเสียงดังเบา มีปุ่มเปิดปิดตัวเครื่อง ด้านข้างตู้ลำโพงมีสัญลักษณ์ nfc ที่หมายความว่าเราสามารถใช้อุปกรณ์มือถือ tablet และโน้ตบุ๊คที่มี nfc มาเชื่อมต่อได้อย่างง่ายดาย

20160502141358_IMG_0148

หน้าตากลมๆ ส่วนของตู้ลำโพง มีความลึกพอสมควร คาดว่าภายใต้ความลึกนั้นก็คงเป็นวงจรขยายเสียง ตัวลำโพงสีเทาเข้ม ตัดกับตะแกรงหน้าลำโพงสีเทาอ่อน ทำให้มันดูเป็นลำโพงที่หรูหราและดูแพง  แม้ค่าตัวมันจะอยู่ในระดับไม่กี่พันบาทก็ตาม  นั่นทำให้คนรู้จักนากามิชิในอดีตอย่างผมสนใจที่จะลองฟัง และอยากได้มันนิดๆตั้งแต่แรกเห็น และเมื่อได้ทดลองฟังที่ร้านอยู่สิบนาที  ก็ตัดสินใจอุ้มกลับมาด้วยกัน

20160502134154_IMG_0142

ระบบการขยายเสียงภายในเข้าใจว่าเป็นการขยายเสียงแบบดิจิทัล และมีดอกลำโพงด้านหน้าแบบฟูลเร้นจ์ขนาดประมาณ 4 นิ้ว  ด้านหลังลำโพงเป็นแผ่นลำโพงเรียบๆทำหน้าที่เป็นพาสซีพเรดิเอเตอร์ ช่วยปรับจูนโทนเสียงทุ้มให้นุ่มนวลน่าฟังมากยิ่งขึ้นกว่าการเปิดเป็นช่องธรรมดาแบบลำโพงตู้เปิด  ข้อดีของมิวสิควันก็คือ มันสามารถเชื่อมต่อกับพวกเดียวกัน หรือมิวสิควันอีกตัวหนึ่งได้ ทำให้มันกลายเป็นลำโพงสเตอริโอ คือตัวแรกเป็นช่องเสียงซ้าย ตัวที่สองเป็นช่องเสียงขวา ทำให้เราสามารถใช้ฟังเพลงแบบสองลำโพงได้เหมือนเครื่องเสียงบ้านทั่วไป  แต่นั่นก็หมายความว่าเราต้องซื้อมันสองตัว

20160502141344_IMG_0146

ตัวลำโพงมาพร้อมกับรีโมทคอนโทรลขนาดเล็กกระทัดรัด ในรีโมทใช้ถ่านกระดุมรุ่น 2032  ที่รีโมทสามารถสั่งการได้ทุกการทำงาน  ตั้งแต่การไล่เปิดเครื่องไปจนปิดเครื่อง  รีโมทสีขาวหน้าตาดูไม่ค่อยเข้าพวกเท่าไหร่  ลำโพงใช้ไฟเลี้ยง 18V dc และกินกระแสไฟ 1.6a ซึ่งเป็นตัวเลขที่ไม่ค่อยได้พบกับเครื่องเสียงตัวอื่นๆนั่นหมายความว่า ห้ามทำอแด๊ปเตอร์หายเด็ดขาด  ถ้าพังขึ้นมายังไม่รู้ว่าจะส่งซ่อมที่ไหน เพราะในประเทศไทยยังไม่มีใครนำเข้ามาขายเลย

2018-10-11_08-17-05

ผลการทดลองฟัง

มาถึงเรื่องการใช้งานกันบ้าง  การเชื่อมต่อสัญญาณบลูทูธจากโทรศัพท์มือถือไปยังลำโพงทำได้ง่ายดาย ไร้ความซ้ำซ้อน  แถมมือถือบางรุ่นหรือโน้ตบุ๊คบางรุ่นมีระบบ nfc แค่เอามือถือไปแตะใกล้ๆลำโพงฝั่งที่มีสัญลักษณ์ nfc ทั้งสองตัวก็จะเชื่อมกันได้อัตโนมัติ  นับว่าเป็นความสะดวกสบายเต็มที่  ส่วนคุณภาพเสียงก็ถือว่าทำได้ไพเราะสมราคา  น้ำเสียงโดยรวมจะออกแนวนุ่มและเบสใหญ่  เบสไวเป็นจุดเด่น ไม่คลาง ไม่แห้งเกินไป  การฟังเพลงร้อง เพลงแจ๊ส เพลงที่โชว์เสียงเบสจะเข้าทางลำโพงตัวนี้  เบสอึ๋มๆคลอเคลียร์กับเสียงร้องไปตลอดเพลง  พอฟังเพลงจากลำโพงตัวนี้นานๆแล้วกลับไปฟังเสียงจากโทรทัศน์ก็จะเสียอารมณ์อย่างมาก  เพราะสไตล์เสียงจากโทรทัศน์จะเบสน้อย  พอหูฟังมิวสิควันจนชิน ไปฟังลำโพงตัวอื่นจะเหมือนมีอะไรหายไป  ซึ่งมันก็คือความถี่ย่านต่ำหายไปนั่นเอง

20160502134117_IMG_0140

เสียงกลางส่งเสียงร้องได้ชัด  แต่ก็ยังไม่เทียบเท่ากับลำโพงสองทางที่ให้ความคมของน้ำเสียงมากกว่า  ส่วนมิวสิควันจะมาโทนหนาและไม่กรุ๊งกริ๊ง ไม่มีเสียงตัวเอสที่บาดล้นเกินไป  ใครที่ชอบเสียงความถี่สูง ชอบเสียงเพอคัสชั่น  อาจจะไม่ชอบเสียงจากมิวสิควันตัวนี้  เพราะปลายความถี่สูงมันห้วนกว่า จบเร็วกว่าลำโพงสองทางทั่วไป  แต่มันก็ไม่ได้ทำให้อรรถรสการฟังเพลงหายไป   ดูเหมือนมิวสิควันจะพยายาททำแนวเสียงให้คล้ายๆกับ bose

การฟังเพลงจากลำโพงบลูทูธยุคนี้จะให้ความสมดุลย์น้ำเสียงได้ดี  เสียงต่ำย่านเบส เสียงกลางและเสียงแหลมที่มีอยู่ในเพลงจะได้รับการถุ่ายทอดออกมาสมดุลย์กันทั้งหมด  และมีจุดเด่นได้เปรียบลำโพงบ้านนิดหน่อยตรงที่ เมื่อเราฟังเสียงในระดับเบา เราจะยังคงได้ยินเสียงเบสลึกๆ ที่ช่วยปกคลุมบรรยากาศของเพลงอยู่ด้วย  ดูเหมือนมิวสิควันจะจูนเสียงให้เน้นเบสมากขึ้นเมื่อฟังในระดับความดังน้อยๆ  ตรงนี้จะแตกต่างไปจากลำโพงบ้านอย่างสิ้นเชิง คือ ลำโพงบ้านจะมีจุดที่ได้น้ำหนักสมดุลย์เสียง เบส กลาง แหลมครบก็ต่อเมื่อเราจะต้องเปิดให้ดังระดับหนึ่ง ซึ่งเป็นระดับการฟังที่จริงจังและเป็นระดับที่เราไม่สามารถพูดคุยกันแข่งกับเสียงจากลำโพงได้   และหากเราเปิดเครื่องเสียงบ้านเบากว่านี้ หรือเปิดในระดับแบ็คกราวน์มิวสิค  น้ำหนักของดนตรีก็จะมาไม่ครบซึ่งเป็นเรื่องปกติของเครื่องเสียงชุดใหญ่

ในไทยผมไม่พบว่ามีใครขายนากามิชิตัวนี้  เคยพยายามเดินดูตามห้าง  ตามร้าน istudio ที่มักจะมีลำโพงดีๆเจ๋งๆมาขายในร้าน  ก็ยังไม่พบรุ่นนี้  nakamichi musicone+ คงไม่มีใครนำเข้ามาขายจริงๆ ผมเลยตั้งชื่อโพสท์นี้ไว้ว่าเป็นลำโพงหายากมาก  มาถึงวันนี้ ต่อให้ผมอยากได้ลำโพงรุ่นนี้อีกตัวเพื่อมาใช้งานเป็นระบบสเตอริโอสองลำโพง ทำงานแยกซ้ายตัวนึง ขวาตัวนึง ก็ทำไม่ได้  ต้องไปหิ้วมาจากเมืองนอกเท่านั้น
ข้อมูลผลิตภัณฑ์
ระบบBluetooth รองรับโหมดสเตอริโอ 4.0+EDR, A2DP;
With DSP Audio Process, and DRC;
ระบบเชื่อมสัญญาณผ่าน NFC
อัตรากินไฟ 20 วัตต์
ความเพี้ยน THD 1%
การตอบสนองความถี่ : 80Hz – 18KHz;
มีช่องรับสัญญาณ Aux
อแด๊ปเตอร์ไฟตรง 18V 2A
ขนาด 28.8×18.7×18.8 cm

ปล ผมเขียนรีวิวหลังจากที่ได้ใช้งานมาประมาณ 1 ปี