ทดลอง contax T3 เทียบกับกล้องดิจิทัล

กล้อง contax T3 เป็นกล้องคอมแพ็คไฮเอนด์ตัวหนึ่งของวงการถ่ายภาพ น่าจะเป็นตัวที่มีราคาแพงที่สุดในตลาดมือสองที่ซื้อง่ายขายคล่อง จุดเด่นที่ความเล็ก กระทัดรัด และโฟกัสเร็ว วัดแสงแม่น เป็นสิ่งที่ทำให้กล้องตัวนี้คือเครื่องมือชั้นดีในการถ่ายภาพของช่างภาพที่ชอบฟิล์ม

แล้วมันดีจริงไหม มันเหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวันหรือเปล่า มันเหมาะที่จะไขว่คว้าหามาครอบครองไหม ตอบเลยว่าไม่ได้เหมาะกับทุกคน เพราะราคามันแพงมาก และมีความเสี่ยงว่า ถ้ากล้องพัง จะซ่อมกันยังไง ประวัติการซ่อมกล้องตัวนี้ยังมีน้อย นั่นคือมันยังไม่หมดอายุกันเหมือนกล้องอายุมากตัวอื่น ถ้าเทียบกับ Leica Minilux เจ้า Minilux จะเสียเยอะกว่า แต่ช่างเมืองไทยก็ซ่อมกันเก่งมาก ซ่อมจนชำนาญ เรียกได้ว่า ถ้าจะทำมาหากินกับกล้องฟิล์มในยุค 4g กำลังจะเข้า 5g ช่างต้องซ่อม Minilux ให้ได้ เพราะมันเสียทุกตัว ซ่อมได้ก็แปลว่าจะมีงานมาจากทั่วโลกแน่นอน

กลับมาที่ contax T3 ต่อ ผมใช้กล้องตัวนี้ราวกับเป็นกล้องปัญญาอ่อน เพราะตอนที่ถือกล้องคอมแพ็ค เราจะไม่สามารถปราณีตกับการจัดองค์ประกอบในแบบกล้อง SLR เพราะช่องมองภาพมันไม่ได้เป็นช่องที่มองผ่านเลนส์ แถมระบบวัดแสงอัตโนมัติที่กล้องมีนั้นก็ไม่ใช่ระบบการวัดแสงเฉพาะจุดที่ตอบสนองความคิดของคนถ่ายอย่างความแม่นยำถูกต้องเทียบเท่า SLR รุ่นโปร แต่ถึงแบบนั้นเราก็ยังอยากใช้เพราะมันราคาแพง เพราะมันเท่ห์ เพราะมันเป็นที่ต้องการของตลาดมือสอง และการมีกล้องแพงและหายากใช้งานกับมือมันก็สร้างความรู้สึกดีได้ไม่น้อย

ถือถ่ายไปสักพักก็รู้สึกอยากเปรียบเทียบ ก็เลยเป็นที่มาของการเปรียบเทียบภาพที่ถ่ายในมุมเดียวกัน หรือใกล้เคียงกัน ลองไล่ดูไปทีละภาพแล้วก็ตัดสินใจเองว่าเราชอบสิ่งที่มันเป็นผลผลิตของกล้อง contax T3 ไหม และความเห็นที่ผมบรรยายก็เป็นเพียงความเห็นส่วนตัว เป็นอคติ เป็นอัตตา เป็นอารมณ์ เป็นเรื่องความชอบที่แต่ละคนมีไม่เหมือนกัน

000006
แพทคาเฟ่ – contax t3 + fuji c200
IMG_5689
แพทคาเฟ่ – eos m + efm 22f2
IMG_5690
แพทคาเฟ่ – eos m + efm 22f2

ภาพแรก ร้านอาหาร แพทคาเฟ่ ตั้งอยู่บนถนนดินสอตัดกับถนนพระสุเมร ใกล้ถนนราชดำเนิน ร้านนี้เป็นร้านอาหารที่มีอาหารให้สั่งเยอะมาก ผมแวะร้านนี้ในเช้าวันอาทิตย์ ดูข้อมูลการถ่ายภาพจากกล้องดิจิทัลก็เป็นช่วงเวลา 7.59 น. วันอาทิตย์ แสงแดดนอกร้านยังไม่แรงมาก โทนแสงแดดยังเป็นสีเหลืองเพราะยังเช้าอยู่ กล้องฟิล์มถ่ายด้วยโหมด P กล้องดิจิทัลถ่ายด้วยโหมด Av ตั้งค่า f2

กล้องดิจิทัลให้ภาพที่ทันใจ มีข้อมูลวันที่ต่างๆครบถ้วน ถ้าไม่มีภาพดิจิทัลที่ถ่ายเก็บไว้ ผมจะไม่รู้เลยว่าผมแวะไปร้านนี้วันไหน ถ่ายตอนกี่โมง เพราะกว่าที่จะส่งฟิล์มไปล้างผมก็ต้องรออีกนานกว่า 2 เดือนกว่าที่จะถ่ายภาพจนหมดม้วนฟิล์ม โทนสีที่สแกนฟิล์มออกมาติดไปทางแดงมากจนเกินพอดี ถ้าสแกนให้ปราณีตกว่านี้ หรือ สแกนด้วยตัวเองก็น่าจะได้สีสันที่ตรงใจมากกว่านี้ แต่ผมไม่มีสแกนเนอร์แล้ว มันเสียไปหลายปีแล้ว และยังไม่อยากซื้อใหม่

000029
IMG_5700

ลองดูภาพอีกมุม หลังจากสั่งอาหารไปแล้วก็นั่งรอ ลูกเบื่อก็เลยขอวาดรูปเล่น พอวาดไปสักพักจนเพลินๆ ผมก็หยิบกล้อง contax T3 ขึ้นมาถ่ายภาพ โดยเจตนาถ่ายให้เหมือนกับเป็นนักท่องเที่ยว คือเปิดกล้อง เล็ง แล้วถ่ายเลย กล้องก็ยิงแฟลชให้ทันที เพราะค่ามาตรฐานของกล้อง T3 จะเป็นแฟลชระบบ auto เมื่อเจอสถานการณ์แสงน้อย หรือ ย้อนแสง กล้องเปิดแฟลชให้เสมอ หากเราไม่ต้องการแฟลช เราจะต้องกดปุ่มปิดแฟลชทุกครั้งที่เปิดกล้อง นี่เป็นจุดน่ารำคาญของกล้อง T3 ซึ่งแม้แต่ Minilux ก็น่ารำคาญยิ่งกว่าเรื่องปิดแฟลช

ส่วนภาพจากกล้องดิจิทัล eos m ติดเลนส์ 22f2 โหมดถ่ายภาพตั้งเป็น P กล้องเลือกรูรับแสงที่ f4 ให้ ก็ให้ภาพได้สวยงาม นุ่มนวล เก็บบรรยากาศได้ดี ดูผ่านๆแล้วดีกว่า T3 เสียอีก แน่นอนว่าเป็นเพราะกล้องดิจิทัลออกมาทีหลัง เลนส์ติดกล้องก็เป็นเลนส์ฟิกส์คุณภาพสูง ระหว่างสองภาพนี้ ผมยังรู้สึกว่ากล้องดิจิทัลให้ภาพที่ดีกว่า ชอบภาพจากกล้องดิจิทัลมากกว่า

มุมรับภาพของ T3 เป็นเลนส์ 35มม ส่วนมุมรับภาพของ eos m + 22f2 ก็เทียบเท่ากับ 35 มม. ซึ่งมันเป็นช่วงเลนส์ที่เทียบเท่ากันได้ ยิ่งหากถ่ายด้วยโหมด P ด้วยกันทั้งคู่แล้วจะใช้ตัวไหนก็ได้ จะ T3 หรือ eos m1+22f2 ก็พอกัน ในระยะยาว T3 จะรอวันพัง ส่วน eos m ยังไม่รู้ว่าจะพังเร็วหรือช้า แต่ราคามือสองของ eos m รุ่นแรกหาได้ในงบไม่เกิน 3000 บาท แต่ที่แน่ๆ สามารถอัพเกรดบอดี้ให้ใหม่ขึ้น ความคมชัดของดิจิทัลจะสูงขึ้นไปอีกตามคุณภาพของบอดี้ใหม่ๆ ภาพนี้ดีขึ้น คมชัดมากขึ้น ถ้าเปลี่ยนกล้องเป็น eos m5 ที่ความละเอียดสูงขึ้นและให้ไฟล์ภาพที่ดีกว่าแน่นอน

อีกมุมหนึ่งที่จะใช้เป็นมุมทดสอบได้บ่อยก็คือ การถ่ายภาพลูกกำลังหลับอยู่ที่เบาะแถวสองในรถของผมเอง จังหวะที่ลูกหลับอยู่ แล้วได้จอดรถอยู่นิ่งๆ มีกล้องอยู่ในมือก็จัดการถ่ายภาพเก็บไว้ และวันนี้ก็มีทั้ง contax T3 กับ eos m + 22f2 ก็ลองถ่ายทั้งสองตัว ได้ภาพมาดูตามนี้

000046
contax T3 + fuji c200

IMG_5790
eos m + 22f2

มุมที่รับภาพใกล้เคียงกันมาก ตัวคนในภาพก็มีขนาดสูสีกัน มีเพียงบุคลิกสีเท่านั้นที่แตกต่างกัน จะบอกว่าฟิล์มให้ภาพดีเท่าดิจิทัลก็ได้ หรือดิจิทัลเลียนแบบฟิล์มก็พอไหว มันเกิดจากการพยายามถือกล้องให้นิ่ง และปราณีตกับการโฟกัสให้ตรงจุดที่ต้องการ ส่วนการวัดแสงก็ปล่อยให้ระบบของกล้องทำงานไปตามที่ถูกออกแบบมา สองภาพนี้สำหรับผมถือว่าสมบูรณ์ในแง่การบันทึกภาพ จะให้ใช้ตัวไหนก็ได้รู้สึกเข้ามือทั้งสองตัว ข้อดีของ contax T3 คือ เล็กและเบา ข้อดีของดิจิทัลคือประหยัดเงิน หากคุณจะเลือกใช้ เหตุผลใดสำคัญกว่าก็เลือกไปตามเหตุผลของตัวเอง ใครเน้นประหยัดไปดิจิทัล ใครเน้นเล็กและพกพาแทบไม่เป็นภาระก็ไป contax T3 ได้เลย

ในยุคปัจจุบัน ปี พศ 2562 นี้ การยกกล้องฟิล์มขึ้นมาถ่ายใครสักคน คุณจะได้ความสนอกสนใจอย่างเหลือเชื่อ คุยกับเด็ก เด็กก็จะสงสัยกล้องอะไรถ่ายแล้วไม่มีภาพ แต่ก็จะตั้งท่าเป็นนายแบบให้ แล้วถามว่าจะได้ดูภาพตอนไหน เพราะเป็นสิ่งที่เขาไม่คุ้นเคย เด็กยุคนี้โดยเฉพาะเด็กอนุบาลถึงประถมมัธยมจะรู้จักแต่การถ่ายภาพด้วยโทรศัพท์และกล้องดิจิทัล คุยกับวัยรุ่น วัยที่เพิ่งจบออกมาทำงานเขาก็จะทักว่า เท่ห์ดีนะ คุยกับคนวัยกลางคนหรือคนที่เคยจับฟิล์มเคยใช้กล้องฟิล์มมาบ้างคนกลุ่มนี้ก็จะรู้สึกโอ้โห ยังใช้อยู่เหรอ มันดีกว่าเหรอ เจ๋งดีนะ แต่เปลืองนะ ส่วนคนวัยดึกรุ่นพ่อรุ่นแม่ก็จะสงสัยว่าจะไปล้างฟิล์มที่ไหน เมื่อไหร่จะได้ดูภาพ สรุปว่า แต่ละคนจะมีปฏิกิริยากับการถ่ายภาพด้วยฟิล์มไม่เหมือนกันเลย

ลองกลับไปย้อนอ่านรีวิวกล้อง eos m กับ contax T3

นกกระเต็น

อยู่ๆก็มีนกบินชนกระจกแล้วตกลงมาในสนามหญ้า ผมกับลูกเข้าไปดูใกล้ๆเห็นบาดเจ็บอยู่ นกสีสันสวยงาม ตัวใหญ่ ท่าทางเจ็บหนัก เลยถือโอกาสสอนลูกให้หาคำตอบจากอินเทอเน็ตว่านกชนิดนี้คือนกอะไร ให้ลูกใช้เสียงค้นหาจาก smart tv โดยเข้าอินเทอเน็ตหาข้อมูลโดยพูดว่า นก ปากยาวแดง ปีกน้ำเงิน ทีวีแสดงผลการค้นหามาชุดหนึ่ง ดูรูปก็พบว่ามันคือ กระเต็นใหญ่ธรรมดา (Stork-billed Kingfisher): Pelargopsis capensis

ผมเอาคำที่ค้นหามาพิมพ์หาอีกครั้งใน google เพื่อใช้ประกอบบทความ

ก่อนหน้านี้ก็มีนกหน้าตาแบบนี้แต่คนละสีตกลงมาตายอยู่ตัวนึง ตัวเป็นสีเหลือง คาดว่าคงเป็นนกกระเต็นเช่นกัน

อยากได้คำตอบอะไรก็ไปค้นหาในอินเทอเน็ต โลกเราใช้อินเทอเน็ตจนชิน ถ้าเป็นสัก 30 ปีที่แล้ว พอเราเห็นนกตกลงมาแบบนี้ ไม่รู้ว่ากว่าเราจะได้คำตอบเราต้องใช้เวลาเท่าไหร่ ใช้เงินเท่าไหร่ ลองคิดเล่นๆ ถ้าเราไม่มีอินเทอเน็ต พอเห็นนกตกลงมา เราต้องเอากล้องถ่ายรูปมาถ่ายเก็บไว้ ใช้ฟิล์มถ่ายภาพ เอาไปล้างอัด ได้ภาพแล้วถือภาพไปเข้าห้องสมุด ไปหาหนังสือข้อมูลนก ต้องไปลุ้นอีกว่าห้องสมุดจะมีหนังสือนกหรือไม่ อ้อ แล้วจะมีห้องสมุดที่ให้เด็กอายุ 6 ขวบเข้าหรือเปล่า ห้องสมุดโรงเรียน ห้องสมุดมหาวิทยาลัยไม่ให้คนนอกเข้าอยู่แล้ว สมมุตว่าเข้าได้ หาหนังสือเกี่ยวกับนกเจอแล้วก็เปิดไปทีละหน้า ดูไปเรื่อยๆ คาดว่าก็คงเจอภาพ ขั้นตอนทั้งหมดตั้งแต่ถ่ายภาพจนเดินทางไปห้องสมุดอาจใช้เวลา 5 วัน เป็นอย่างเร็ว

IMG_9910

อินเทอเน็ตลดระยะเวลาการหาคำตอบ จาก 5 วัน เหลือ 1 นาที เร็วขึ้นกว่าในอดีต 7200 เท่า พ่อแม่ยุคใหม่จะสอนลูกด้วยวิธีการเก่าๆไม่ได้แล้ว เรามีเทคโนโลยีอะไร เราก็ใช้ให้คุ้ม โลกเรามีสิ่งที่จำกัดอย่างเดียวคือเวลา อะไรที่ทำให้ประหยัดเวลาได้ สิ่งนั้นขายดี


IMG_9905
IMG_9913

ขึ้น ป 1 แล้วครับ

IMG_0138

ขอบฟ้าเข้าเรียนเพลินพัฒนาตั้งแต่ช่วงปี คศ 2015 ตอนนี้ปี 2019 กำลังจะได้ขึ้นประถม1 โรงเรียนเพลินพัฒนาเป็นโรงเรียนแนวทางเลือกแบบที่ผู้คนทั่วไปเขาเรียกกัน เป็นรูปแบบโรงเรียนที่สอนเด็กแตกต่างไปจากสิ่งที่เคยเป็นมาในอดีต ผมกับแม่ขอบฟ้าเลือกที่จะอยู่ที่เพลินพัฒนาเพื่อให้ขอบฟ้าได้เรียนรู้ในรูปแบบที่ไม่เหมือนยุคของพ่อแม่

IMG_0142

พวกเราพ่อแม่เคยผ่านการเป็นนักเรียนในวัยเด็กจนถึงวัยรุ่น ยุคที่ทุกโจทย์มีคำตอบเดียว นี่คือสิ่งที่เราไม่อยากให้ขอบฟ้าต้องพบกับวิธีการสอนเหล่านี้ คำว่าโรงเรียนทางเลือกเป็นคำที่ไม่ได้บ่งบอกวิธีการเรียนการสอน การเสี่ยงเอาลูกมาอยู่ที่โรงเรียนนี้เป็นการวัดใจอย่างหนึ่ง และที่ผ่านมาประมาณ 4 ปี พวกเราพ่อแม่พบว่าเราเสี่ยงแล้วคุ้ม เพราะผลที่เกิดกับลูกของเราเองเป็นสิ่งที่เราปลาบปลื้ม หลายประสบการณ์หลายมุมมองของลูกเป็นไปในรูปแบบที่เราเองยังไม่คาดคิด

IMG_0143

การแก้ปัญหาบางอย่างของขอบฟ้าเป็นสิ่งที่เราคาดไม่ถึง ยกตัวอย่างเช่น ตอนที่ขอบฟ้าไปเล่นในห้างแล้วโดนแย่งของเล่นโดยเด็กคนหนึ่ง เราเป็นพ่อแม่ก็เฝ้ามองและคิดไปล่วงหน้าว่าถ้าเราเป็นลูกเราจะทำอย่างไร และเราจะสอนให้ลูกทำอย่างไร จะสอนให้หลีกเลี่ยงการโดนแย่งได้อย่างไร ซึ่งเราตั้งใจจะสอนลูกให้ระวังไม่ให้โดนแย่งจริงๆ เราจะสอนลูกให้อย่าอยู่ใกล้คนที่มีนิสัยแย่ง อาจจะแยกไปเล่นวงอื่น แยกไปเล่นมุมอื่น แต่ขอบฟ้าแก้ปัญหาของตัวเองได้ในระดับที่พ่อแม่ประหลาดใจ ขอบฟ้าหน้าเสียเล็กน้อยตอนโดนแย่ง มองกลับมาที่พ่อแม่ตอนที่โดนแย่ง และอีกสัก 2 วินาที ขอบฟ้าก็ค่อยๆเดินเข้าไปหาพ่อของเด็กที่มาแย่ง แล้วบอกกับพ่อเด็กว่า คนนี้แย่งของเล่น นั่นทำให้พ่อเด็กมาจัดการและสั่งให้คืนของ ขอบฟ้าได้เล่นต่อ เด็กแย่งเลิกแย่ง พ่อของเด็กทำในสิ่งที่เหมาะสมกับการเป็นตัวอย่างที่ดีของเด็กทุกคน ผมเฝ้ามองแล้ว อยากปรบมือให้แรงๆเลย

ตอนนี้เข้าสู่ ป1 เป็นช่วงเวลาที่การเรียนรู้จะเพิ่มความเข้มข้นขึ้น วิชาการมากขึ้น ผมไม่แคร์กับการรู้เนื้อหาวิชาการช้าเมื่อเทียบกับโรงเรียนที่เน้นวิชาการ หรือเน้นการสอบ เน้นการเป็นที่ 1 แต่กับโรงเรียนแนวทางเลือกผมเฝ้ารอให้ลูกจะค่อยๆโตขึ้นและได้ค้นพบตัวเองด้วยตัวเอง เฝ้ารอว่าสักวันขอบฟ้าจะเข้ามาบอกกับพ่อแม่ว่าอยากจะเรียนอะไร อยากจะเป็นอะไร อยากจะทำอะไร เพราะเราเชื่อว่าวิธีการสอนที่ดี และประสบการณ์ต่างๆที่โรงเรียนค่อยๆพาลูกเดินไปจะช่วยให้เด็กแต่ละคนค้นพบความชอบหรือค้นพบความสนใจเร็วกว่าโรงเรียนในภาคปกติ

พูดไปก็อาจจะดูเหมือนโม้และเพ้อเจ้อ แต่ประสบการณ์ที่เราผ่านมาในการเรียนที่โรงเรียนแห่งนี้ชวนให้เรากล้าเพ้อ มันต้องดีกว่าสมัยที่เราเป็นเด็กสิ เพราะเราผ่านยุคเก่ามาแล้ว และเรามอบสิ่งใหม่ๆให้กับลูกเรา เรากำลังให้ในสิ่งที่เราเคยอยากได้ และความอยากให้นี้ผ่านการคิดมาอย่างดีแล้วด้วย

ลองกลับไปอ่านตอนแรกของการเข้าโรงเรียนนี้

แถมภาพวันแรกที่เดินเข้ามาสมัครเรียน ตอนสองขวบปลายๆกับการมาสมัครเพื่อเข้าเรียนช่วงพรีเนอส ซึ่งเป็นชั้นที่มีไว้สำหรับเด็กก่อนเตรียมอนุบาล

IMG_1245.JPG

ภาพจากฟิล์มที่ขายได้

ภาพถ่ายตอนแรกเกิดที่ผมถ่ายลูกด้วยกล้องฟิล์ม ใช้กล้อง Leica minilux ฟิล์มขาวดำยี่ห้อ lucky ที่เคยมีเก็บไว้หลายปีแล้ว  หลังจากที่ถ่ายหมดม้วน  กลับมาอยู่บ้านแล้ว ก็ล้างฟิล์มม้วนนี้ แล้วก็ลองสแกนด้วยกล้องดิจิทัลจนได้เป็นไฟล์ไว้ดู  ผ่านไปหลายปี เลยเอาไปลองขายดู  ปรากฏว่าวันนี้มียอดโหลด ขายได้ด้วย  แม้จะได้เงินเพียงเล็กน้อย  แต่มันเป็นการบอกว่าภาพของเราเป็นที่ต้องการของบางคน  และภาพนี้จะอยู่ในระบบคอมฯตลอดไปจนกว่าโลกเราจะเลิกใช้อินเทอเน็ต

IMG_0284

IMG_0284bw

ภาพนี้มีที่มาจากการสแกนด้วยเลนส์มาโคร ดูรายละเอียดวิธีทำได้จากโพสท์นี้
การสแกนฟิล์มด้วยเลนส์มาโครและกล่องไฟ  

 

 

ต่อ lego ตามแบบ

ในที่สุดขอบฟ้าก็ต่อ lego ตามแบบได้ แม้ว่าพ่อจะนั่งอยู่ข้างๆคอยตรวจให้ว่าทำถึงขั้นไหนแล้ว แต่ก็ถือว่ามีความพยายามต่อเนื่องที่ต่อจนจบ อยู่ๆลูกก็เล่นแบบมีสมาธินานๆได้ นึกว่าจะเป็นลิง ลุกวิ่งตลอดเวลาซะอีก

IMG_0213

งานวันชื่นใจ อนุบาล3 ของขอบฟ้า

 

งานวันชื่นใจจะเป็นงานแสดงผลงานของนักเรียนในชั้น  ขอบฟ้าเรียนที่เพลินพัฒนามาตั้งแต่รุ่นเตรียมอนุบาล และมีงานชื่นใจในช่วงปลายเทอมก่อนปิดปีการศึกษาทุกปี   ในปีนี้เป็นปีที่เรียนอยู่อนุบาล3  เนื้อหาในงานของปีนี้แตกต่างไปจากปีที่แล้วมาก

IMG_5272

เข้าใจว่าเด็กอนุบาล3จะมีทักษะการจดจำและการแสดงที่มากกว่าปีที่แล้วอย่างก้าวกระโดด นั่นทำให้งานชื่นใจปีนี้เป็นการแสดงละครในรูปแบบหนึ่งที่มีระยะเวลาการแสดงที่ยาวนานเกิน 1 ชั่วโมงไปพอสมควร  แตกต่างจากปีที่แล้วที่เป็นการแสดงที่ไม่ต่อเนื่อง และเนื้อหาไม่เกี่ยวข้องกัน

IMG_5275

 

เด็กมีการแบ่งบทบาทการแสดงหลายอย่าง เด็กทุกคนจะแสดงเป็นตัวละครสักตัวหนึ่งในแต่ละเรื่องย่อย  บางคนรับหน้าที่พูดบรรยายด้วย บทพูดหลายๆประโยคได้รับการถ่ายทอดออกมาแสดงให้เห็นว่าเด็กมีความจำดีแทบทุกคน

IMG_5289

 

การแสดงเรียกเสียงหัวเราะได้ตลอดเวลา  เด็กทุกคนรู้หน้าที่และคอยเตือนเพื่อนเมื่อมีเหตุที่ไม่เป็นไปตามแผน  พ่อแม่อย่างผมแอบคิดว่านี่เขาต้องซ้อมร่วมกันมากี่วันถึงบริหารจัดการได้ระดับนี้  ลำพังเด็ก 1 คนอยู่กับพ่อแม่ก็ซนและวุ่นวายจนหมดแรง  แต่ครูสามารถกำกับเด็กได้ทั้งห้อง  ทุกคนตั้งใจแสดงและทุกคนทำได้ดี  ชื่อว่าครูก็คงเหนื่อยมากในการฝึกซ้อมกิจกรรมครั้งนี้

IMG_5291

 

IMG_5309

 

IMG_5314

 

IMG_5332

ผมรู้สึกว่าตัดสินใจไม่ผิดที่เลือกที่นี่ให้ลูก  เป็นพัฒนาการที่น่าพอใจ  พ่อแม่ก็เห็นแนวทางของโรงเรียนมาตลอด  และได้เห็นสิ่งที่ค่อยๆใส่ให้ลูก ค่อยๆเรียนรู้  การเป็นเด็กที่รู้จักตั้งคำถาม  และมีความพยายามที่จะหาวิธีการ มีความพยายามหาคำตอบ เป็นทักษะที่พ่อแม่อยากให้ลูกมีติดตัว   จบชั้นอนุบาล จบการเรียนรู้เพื่อการเล่น  ต่อไปชีวิตประถม1ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าจะเป็นช่วงชีวิตแห่งความจริง  เป็นการเรียนรู้เพื่อใช้ชีวิตจริง  พ่อแม่เชื่อว่าลูกพร้อมรับกับชีวิตที่ต้องรับผิดชอบตัวเองมากขึ้น

บันทึกขอบฟ้าใส่เล่มใหญ่ 21jan2019

บันทึกขอบฟ้าใส่เล่มใหญ่ 21jan2019

IMG_4938

ขอบฟ้าได้ดูหนังในโรงหนัง  สามารถดูหนังที่มีเรื่องราวซับซ้อนได้  จำตัวละครและความต่อเนื่องของแต่ละตัวได้  หนังเรื่องอินฟินิตี้วอร์เป็นหนังที่ขอบฟ้าอยากดู  และได้มีโอกาสดูทางเคเบิ้ลทีวีหลายรอบ  นอกจากนี้ ยังได้อ่านเรื่องทศกัณฐ์โดยการให้พ่อแม่อ่านให้  และดูจาก youtube ขอบฟ้าจำตัวละครในเรื่องนี้ได้หลายตัว  และก็สนุกกับการดูการฟังซ้ำๆ

 

ขอบฟ้าคุยกับพ่อเรื่องต้นไม้ เรื่องอ๊อกซิเจน เรื่องคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ ขอบฟ้าสนใจเรื่องธรรมชาติของต้นไม้  และได้เรียนรู้เรื่องข้าวและผลิตภัณฑ์ทำจากข้าว  เวลาไปเที่ยวแล้วเจอกิจกรรมเกี่ยวกับต้นไม้และข้าว  ขอบฟ้าก็จะสนใจและร่วมกิจกรรมได้นานและไม่กลัวน้ำโคลน

 

พ่อลูกคุยเรื่องอ๊อกซิเจนมาจากไหน  เอาน้ำมาแยกเป็นอ๊อกซิเจนและไฮโดรเจนได้ ขอบฟ้าจำได้ว่าดาวอังคารมีน้ำแข็งอยู่ที่ขั้วโลกของดาว  และเชื่อมโยงได้ว่าเราน่าจะละลายน้ำแข็งมาใช้  เพราะเราจะมีน้ำ มีอ๊อกซิเจน และมีพลังงานให้ใช้บนดาวอังคาร  ขอบฟ้ายังอยากเป็นนักบินอวกาศ  และอยากเป็นนักฟุตบอล  ขอบฟ้าเคยถามแม่ว่า คนเราสามารถเป็น 2 อย่างได้ไหม  แม่ก็ตอบว่าได้ เราอยากเป็นอะไรก็ได้กี่อย่างก็ได้ที่เราต้องการ

 

ขอบฟ้ายังไม่สามารถยอมรับกับความพ่ายแพ้ได้  บางครั้งก็ดูเหมือนจะดีขึ้น  แต่ก็มีบทเสียใจ ร้องไห้ และไม่เล่นต่อด้วยความกลัวแพ้  พ่อแม่พยายามชวนเล่นหลายกิจกรรมเพื่อให้มีการแพ้ชนะปนกัน เพื่อให้สามารถปรับตัวรับความพ่ายแพ้ให้เป็น

ลูกกับพ่อก็คุยกันเรื่องอ๊อกซิเจน

ระหว่างทางขับรถไปโรงเรียน  ลูกกับพ่อก็คุยกันเรื่องอ๊อกซิเจน

2019-01-12_02-29-03

 

ขอบฟ้า  โพลี่ ในน้ำมีอ๊อกซิเจนมั้ย

โพลี่  มีสิครับ  ต้นไม้ในน้ำก็ต้องใช้อ๊อกซิเจน  ปลาก็ต้องใช้อ๊อกซิเจน ในน้ำต้องมีอ๊อกซิเจนไม่งั้นปลาอยู่ไม่ได้

ชอบฟ้า  งั้นเราก็หายใจในน้ำ ใช้อ๊อกซิเจนในน้ำเลย

โพลี่  เราทำแบบนั้นไม่ได้ คนเราไม่เหมือนปลา  คนไม่มีอวัยวะแยกอ๊อกซิเจนออกจากน้ำ  แต่ปลามี ปลามีเหงือกทำหน้าที่แยกอ๊อกซิเจนได้

ขอบฟ้า  เราก็ทำเครื่องแยกอ๊อกซิเจนสิ

โพลี่  ก็มีคนพยายามทำนะ  ตอนนี้ก็มีรถยนต์คันนึงที่ใช้วิธีแยกอ๊อกซิเจนออกจากน้ำ  น้ำประกอบด้วยอ๊อกซิเจนกับไฮโดรเจน  ถ้าเราแยกน้ำออกมาเราก็จะได้ ก๊าซไฮโดรเจนด้วย  แล้วไฮโดรเจนนี่เอาไปใส่เครื่องยนต์ทำให้รถวิ่งได้  รถคันนั้นก็เติมน้ำ แทนน้ำมัน แล้วรถก็วิ่งได้

ขอบฟ้า  รถอะไรเหรอครับ

โพลี่  รถ มิไร  เป็นของโตโยต้า

ขอบฟ้า  ชื่อเหมือนการ์ตูนในมาสไรเดอร์เลย

โพลี่  อ๋อ รถคันนี้จะสะอาดมากเลยนะ ไม่มีควัน  ไม่มีมลพิษเลย  ถ้าเราพัฒนาไปเรื่อยๆ  เราก็จะใช้พลังงานจากน้ำได้

 


ขอบฟ้า  แบบนี้เราก็ไปอยู่ดาวอังคารได้แล้วนะสิ

โพลี่  เหรอ  เกี่ยวอะไรกันน่ะ

ขอบฟ้า  ก็ที่ขั้วโลกเหนือของดาวอังคารมีน้ำแข็งไง  เราใช้น้ำแข็งพวกนั้นได้  เอาน้ำมาใช้แยกอ๊อกซิเจน ปลูกต้นไม้ได้ ใช้พลังงานได้

โพลี่  ก็อาจจะได้นะ  แต่เราต้องละลายมันก่อน เราไม่มีพลังงานเยอะพอจะไปละลายน้ำแข็งหรอกตอนนี้

ขอบฟ้า ทำไมล่ะ  หยิบออกมาเดี๋ยวมันก็ละลายเอง

โพลี่ บนดาวอังคารหนาวมาก  เหมือนช่องฟรีซของตู้เย็น  เราวางน้ำแข็งไว้ในช่องฟรีซมันก็ไม่ละลาย

ขอบฟ้า  ก็ต้มมันสิ

โพลี่  ต้มมันก็ต้องใช้พลังงาน  เราต้องไม่มีพลังงานเยอะพอบนดาวอังคารหรอก

ขอบฟ้า  ก็เอาพลังงานโซล่าเซลมาต้มน้ำ แล้วเอาน้ำมาแยกไฮโดรเจน

โพลี่  ก็น่าสนใจ  วิธีนี้น่าจะทำให้เราอยู่บนดาวอังคารได้  แต่เราจะต้องทำแค่ตอนมีแสง ตอนกลางคืนเราก็ทำไม่ได้นะ

ขอบฟ้า  ก็ขับรถไปที่ที่มีแสงสิ

โพลี่  มันยากนะ  เราต้องขับรถอ้อมดาว ขับไปอีกฝั่งเพื่อรับแสงเลยนะ  เราน่าจะขับไปไม่ทัน  เพราะหุ่นยนต์สำรวจตอนนี้เดินบนดาวอังคารได้ช้ามาก  ชั่วโมงนึงอาจได้แค่ 200 เมตร   200เมตรก็ไกลเท่ากับ จุดที่นักเรียนอนุบาลเข้าแถว แล้วเดินมาถึงที่จอดรถ

……

การสนทนาจบลงตอนที่รถจอดหน้าตึก ขอบฟ้าเตรียมของเพื่อลงเดินเข้าห้องเรียน

 

IMG_9941

ปรับภาพให้สวยถูกใจ

 

 

 

IMG_0102

แม้ว่าการถ่ายภาพเราจะพยายามฝึกฝนให้ถ่ายดีที่สุดตั้งแต่การกดชัตเตอร์  ภาพหลังกล้องต้องสมบูรณ์ที่สุดเท่าที่สติปัญญาและสถานการณ์จะเอื้ออำนวย  และเมื่อมาดูภาพในภายหลังเราก็ยังอาจจะปรับแต่งเพื่อให้มันดูดี หรือดูแปลกตาไปจากเดิมได้  การปรับภาพเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคน  ซึ่งบางภาพผมก็เห็นว่าทำให้เป็นสีขาวดำก็ดูสวยขึ้น ได้อารมณ์ต่างๆในภาพมากขึ้น  อย่างเช่นภาพเด็กเล่นเปียโนภาพนี้

 

PHOTO_COLLAGE1547172140602

ภาพนี้ผมใช้ app ในโทรศัพท์มือถือช่วยปรับให้  โดยการเอาภาพต้นฉบับมาเข้า app ชื่อ snapseed

1  ทำการปรับภาพเป็นขาวดำ  เลือกโหมดขาวดำเป็น high contrast

2  ใช้คำสั่ง curve หรือ เส้นโค้ง เพื่อยกระดับส่วนความสว่างระดับกลางให้ดูสว่างขึ้น แต่ส่วนมืดและส่วนสว่างไม่ต้องเปลี่ยนแปลง

3  ใส่ขอบมืดให้กับภาพ หรือใส่ vignett เลือกค่าขอบมืดที่ไม่มากเกินไป ภาพก็ออกมาตามที่เห็น

4  ใส่ขอบขาวด้วย app ชื่อ collage เป็นการวางภาพในพื้นที่สี่เหลี่ยมจตุรัส

ก็ได้ภาพตามที่เห็นนี้  การปรับแต่งเป็นเรื่องความชอบแต่ละคน  ผมเป็นคนชอบมองภาพขาวดำ ก็อยากจะปรับให้ดูถูกใจตัวเอง  คนอื่นที่ดูอาจไม่ชอบก็ได้ เราไม่จำเป็นต้องสนใจ

 

กล้อง canon  eos 6d กับเลนส์ canon macro100mm

 

screen shot 2562-01-11 at 10.52.59

 

ยังคงมีภาพอื่นๆอีกที่ถ่ายแล้วอยากลองเปลี่ยนโทนภาพดูบ้าง

 

IMG_5046

2018-12-18_10-29-50-01

 

 

IMG_4921

PHOTO_COLLAGE1547172359342

ลูกถามพ่อ รู้ได้ยังไงว่าต้นไม้ผลิตอ๊อกซิเจน?

ระหว่างที่ขับรถไปส่งลูกที่โรงเรียน
ขอบฟ้า : โพลี่  เรารู้ได้ยังไงว่าต้นไม้ผลิตอ๊อกซิเจน
พ่อ : ต้นไม้สังเคราะห์แสงไง เปลี่ยนคาร์บอนไดอ๊อกไซด์เป็นอ๊อกซิเจน
ขอบฟ้า : แล้วต้นไม้ไม่ใช้อ๊อกซิเจนหายใจเลยเหรอ
พ่อ : ใช้ด้วยสิ  ตอนกลางวันต้นไม้จะหายใจและผลิตอ๊อกซิเจน ตอนกลางคืนต้นไม้จะหายใจอย่างเดียว ไม่ผลิตอ๊อกซิเจน
ขอบฟ้า : แล้วโพลี่เชื่อได้ยังไงว่าต้นไม้ผลิตอ๊อกซิเจนจริง
พ่อ : พ่อเคยเห็นต้นไม้ในน้ำคายอ๊อกซิเจน มีฟองอากาศออกจากใบเลย  แล้วก็ลอยขึ้นสู่ผิวน้ำ
ขอบฟ้า : แล้วต้นไม้ไม่ใช้อ๊อกซิเจนที่ผลิตมาหายใจเหรอ
พ่อ : ต้นไม้หายใจจะใช้อ๊อกซิเจนด้วย  และจะมีส่วนที่ผลิตอ๊อกซิเจนด้วย มันเกิดขึ้นพร้อมกัน แต่ตอนกลางวันต้นไม่จะผลิตอ๊อกซิเจนเยอะกว่าที่ใช้หายใจ
ขอบฟ้า : ……  (ทำหน้าคิด  แต่ไม่ถามต่อ)

 

ผมก็เลยไปหาคำตอบว่าเราจะพิสูจน์ยังไงว่าต้นไม้ผลิตอ๊อกซิเจนจริงๆ ก็พบกับคลิปวิดีโออันนี้ครับ

แม่ลูกคุยกันเรื่องมอเตอร์ไซด์วันจันทร์

ขอบฟ้ากับแม่กำลังนั่งรถไปห้างในวันอาทิตย์  แม่คุยกับขอบฟ้าเรื่องคำทับศัพท์ภาษาอังกฤษ  มอเตอร์ไซด์ภาษาไทย เอามาจาก มอเตอร์ไซเคิ่ล ภาษาอังกฤษ  แล้วก็สะกด มอ ออ มอ  ตอ เออ เตอ ร เรือการัน สระไอ ซอ โซ่ ดอ เด็ก การัน  อ่านว่า มอเตอร์ไซด์

แม่บอกว่าการันจะไม่ออกเสียง  เหมือนคำว่า วันจันทร์  ทอ รอ การัน ไม่ออกเสียง  ขอบฟ้านิ่งคิดอยู่ห้าวินาทีแล้วถามว่า  การันไม่ออกเสียง แล้วไม่เขียนได้ไหม  ทำไมต้องใช้การัน  แม่ให้ข้อมูลว่า การันไม่ออกเสียง แต่ให้คงไว้แบบการันเพื่อให้รู้ว่าคำนี้มีที่มาจากอะไร

มันเป็นเหตุผลเดียวที่นึกออกจริงๆ  ผมก็หาเหตุผลที่ดีกว่านี้ไม่ได้  ในวัยเด็กผมก็เคยคิดสงสัย แต่ไม่กล้าถามใคร  ผมโตมาในระบบการศึกษาที่ต้องเชื่อครูทุกอย่าง ต้องเชื่อผู้ใหญ่ทุกอย่าง ห้ามสงสัย ห้ามถามนอกเรื่อง  ส่วนขอบฟ้าโตมาในยุคอินเทอเน็ตและได้รับการปลูกฝังนิสัยช่างสงสัยและนิสัยการตั้งคำถามจากโรงเรียน  ผมชอบที่ขอบฟ้ามักจะสงสัยและกล้าถาม

สิ่งที่ผมจะพยายามทำก็คือ พยายามหาคำตอบมาให้  และจะไม่ไปสั่งให้หยุดถาม  จะไม่บอกว่าให้จำไปแบบนี้  หรือบอกว่าเขาทำมาแบบนี้เราเลยต้องทำไปแบบนี้

สุดท้ายขอบฟ้าออกความเห็นว่า ภาษาไทยเป็นภาษาที่ยากกว่าภาษาอังกฤษ เพราะภาษาไทยซับซ้อนมาก นี่คือความเห็นของเด็ก 6 ขวบ ผมฟังแล้วก็เห็นด้วย และทึ่งในประสบการณ์วิเคราะห์ภาษาร่วมกันครั้งนี้

 

ไปค้นหาเรื่องการัน และได้พบกับคำอธิบายที่ดี  ก็ได้ความรู้ติดตัวกลับมาว่า การันคือตัวหนังสือที่อยู่ในลำดับสุดท้ายของคำ    ส่วน “  ์  ” เครื่องหมายนี้จะฆ่าเสียงของตัวอักษร  และตัวที่ถูกฆ่าเสียงเรียกว่าตัวการัน จะไม่ออกเสียงเวลาพูด นี่คือความซับซ้อนแต่มีความงามซ่อนอยู่

ตามไปอ่านกันต่อเองเลยที่

https://krupiyarerk.wordpress.com/tag/%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B9%8C/