ลองปรับภาพให้ได้โทนเท่ห์ๆแบบฝรั่ง

ภาพนี้เป็นภาพสมัยที่ลูกผมอายุ 3 ขวบ และบ้านเราก็หอบหิ้วกันไปเที่ยวญี่ปุ่น ลูกตัวเล็กน่ารัก กำลังนั่งมองการ์ตูนในแท็บเบล็ตที่เราพกไว้สำหรับใช้ถ่วงเวลา เวลาที่งอแงหรือกินอะไรยากเย็น แสงสว่างตอนเช้าส่องเข้าที่หน้าต่าง แดดยังไม่แรง ความสว่างในระยะเริ่มต้นวันใหม่กำลังสวย เลนส์ efm 22f2 เป็นเลนส์ที่ใช้อยู่บนกล้อง canon eos m1 ซึ่งเป็นกล้อง mirrorless รุ่นแรกของ canon

ผมถ่ายภาพนี้ด้วย setting แบบ jpg+raw และตั้งค่าการถ่ายเป็น Av f2 ตั้งค่าให้กล้องไม่ต้องชดเชยขอบมืด เพราะเจตนาอยากได้ภาพที่ขอบมืดเล็กน้อย กลางภาพสว่างจะดูเด่นขึ้น ส่วนค่า White balance ก็ตั้งไว้ที่ Auto ซึ่งกล้องก็ทำงานได้ภาพที่ดี รูรับแสง F2 ทำให้นายแบบดูคมชัดและด้านหลังที่เป็นกำแพงก็ดูเบลอไปเล็กน้อย ชัดตื้นระดับแค่คนชัดข้างหลังเบลอเป็นลักษณะภาพที่สวยและต้องการอุปกรณ์ที่ดีระดับหนึ่ง เพราะหากเป็นเลนส์ที่รูรับแสงไม่กว้างมากก็ยากที่จะได้ภาพที่มีความเบลอด้านหลังแบบนี้

IMG_8995
dpp-japan2015t-IMG_8995

ในตอนเดินทางเราพบเหตุการณ์อะไร มีอะไรน่าสนใจ เราก็ถ่ายภาพเก็บไว้เรื่อยๆตลอดทริป และทริปนี้ก็เป็นทริปที่ผมพกกล้องและเลนส์ไปตัวเดียว ชุดเดียวถ้วน ไม่มีสำรอง ไม่มีเลนส์เปลี่ยน เนื่องจากการเดินทางข้ามประเทศพร้อมลูกเล็กและรถเข็นเด็กก็ทำให้มีข้าวของพะรุงพะรัง ทำให้ไม่อยากพกอุปกรณ์กล้องไปเยอะ ผมไม่มีแม้แต่กล้องสำรอง คิดเพียงว่าถ้ากล้องพัง กล้องเสีย หรือ กล้องหาย ก็ซื้อใหม่ที่ญี่ปุ่นไปเลย

เมื่อกลับมาเมืองไทย และเวลาผ่านไปสักพัก ผมก็เปิดดูภาพชุดนี้อยู่เรื่อยๆ และหลายปีต่อมา ก็ทดลองเอามาปรับสีเล่นเพื่อให้ดูคล้ายๆกับแนวทางของช่างภาพเมืองฝรั่งดูบ้าง เพราะภาพแนวสตรีทหรือแนวชีวิตผู้คนก็มักจะมีโทนสีหม่นๆ หรือ อมเขียว อมฟ้าอย่างบอกไม่ถูก กำแพงห้องที่เป็นสีโทนขาว ในหนังอาร์ต หรือหนังฮอลีวู้ดบางเรื่องก็ถ่ายออกมาอมเขียวรุนแรงมาก ผมก็เลยคิดว่า ถ้าเราปรับโทนของภาพ ให้โทนขาวเทาดำมีความเจือปนสีเขียวเล็กน้อยจะเป็นอย่างไร ก็เลยออกมาเป็นภาพเหล่านี้

ภาพโทนอมฟ้าอมเขียวเป็นสิ่งที่ได้รับความนิยมมากขึ้นตามกระแสกล้องฟิล์มที่ฮิตมากอย่างน่าประหลาดใจในช่วงหลายปีก่อน ฟิล์มที่ไม่มีคนสนใจเริ่มถูกซื้อไปถ่ายเล่น กล้องเก่าเริ่มขายดี ฟิล์มถ่ายภาพจากม้วนละไม่ถึงหนึ่งร้อยบาท กลายเป็นสองร้อย สามร้อย และในปีนี้ คศ 2023 ฟิล์มสีม้วนละ 550 บาทไปแล้ว การลองย้อนไปถ่ายฟิล์มเพื่อให้ได้โทนสีแบบฟิล์มก็ดูจะเป็นเรื่องสิ้นเปลืองอยู่ไม่น้อย ดังนั้น ดิจิทัลที่นอนนิ่งอยู่ในคอมพิวเตอร์ก็ลองเอามารับเล่นดูดีกว่า เลยเกิดเป็นภาพอมเขียว อมฟ้า เล็กน้อยแบบนี้

โพสท์แบบ compare

รีวิว gopro 9 กล้องเล็กคุณภาพสูง

g9-01-image

หากจะถ่ายวิดีโอในยุคสมัยปัจจุบัน เรามีทางเลือกมากมายในการเลือกใช้อุปกรณ์ ตั้งแต่การใช้กล้องวิดีโอรูปแบบคลาสิคตัวใหญ่ๆ ไปจนถึงการใช้กล้องถ่ายภาพดิจิทัลที่ส่วนมากก็มีระบบถ่ายวิดีโอให้มาด้วย และยังมีทางเลือกที่ใช้โทรศัพท์มือถือมาถ่ายวิดีโอก็สามารถทำได้ ทุกทางเลือกที่กล่าวมามีข้อดีหลายอย่าง แต่ก็มีข้อจำกัดบางอย่างปะปนมาด้วย

กล้องวิดีโอทรงคลาสิคบางตัวต้องแบกขึ้นไหล่ บางตัวต้องใช้มือทั้งมือในการจับถือ บางตัวต้องถือสองมือ ซึ่งก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย แต่ข้อเสียที่เด่นชัดคือความใหญ่โตที่ดูไม่คล่องตัวเสียเลย นักท่องเที่ยวไม่สามารถพกกล้องวิดีโอติดตัวได้ตลอดเวลา เป็นภาระการเดินทางและเป็นภาระในการประกอบกล้องออกมาใช้งาน

ส่วนการถ่ายวิดีโอด้วยกล้องดิจิทัลตัวหลักก็ให้คุณภาพของภาพได้สูงมาก แต่ก็จะไปติดกับข้อเสียบางอย่างคือ ขนาดมันยังใหญ่เกินไป และการใช้กล้องดิจิทัลตัวหลักมาถ่ายวิดีโอก็จะทำให้แบตหมดเร็วมากจะทำให้เสียโอกาสการถ่ายภาพนิ่ง ต่อให้เรามีกล้องดิจิทัลตัวหลักและตัวสำรองแยกกัน เราก็ยังไม่สามารถพกกล้องใหญ่ๆสองตัวเพื่อท่องเที่ยวผสมถ่ายภาพได้

ส่วนการถ่ายคลิปด้วยโทรศัพท์มือถือก็ได้รับความนิยมมาก สะดวก คล่องตัว ขนาดเล็กพอใส่กระเป๋าได้ แต่ก็จะมีผลเสียในด้านแบตเตอรี่ และมีโอกาสที่จะมีการถูกขัดจังหวะจากการแจ้งเตือนต่างๆที่โซเชียลมีเดียในเครื่องนั้นทำงาน บางครั้งระหว่างถ่ายวิดีโอก็ดันมีสายโทรศัพท์เข้า หรือ sms เข้า ก็ทำให้การถ่ายถูกขัดจังหวะ น่ารำคาญและทำให้เราพลาดเหตุการณ์ที่เรากำลังถ่ายไปเลย ใช้ช่วงสั้นๆ ก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจ แต่หากจะถ่ายคลิปยาวก็อาจมีปัญหาเรื่องการขัดจังหวะ

ประมาณสองปีก่อนผมตัดสินใจจะหากล้องถ่ายวิดีโอเพิ่มสักตัว โดยที่ตัดสินใจระหว่างกล้องวิดีโอเต็มระบบ กับ กล้อง action camera ซึ่งในงบหมื่นกว่าบาท เราจะได้กล้อง action camera ที่ทันสมัยที่สุด แต่จะได้กล้องวิดีโอที่กระจอกที่สุด ซึ่งข้อนี้ผมคงต้องเลือก action camera และผมก็เลือก gopro 9 เข้ามาใช้งาน และทำให้ค้นพบเรื่องน่าสนใจหลายอย่าง และเชื่อว่าคิดถูกจริงๆที่เลือก ดังนี้

ข้อดีของ gopro 9

1 ขนาดเล็ก สามารถใส่กระเป๋ากางเกง กระเป๋าเสื้อ ได้ บางทียังอยู่ในกระเป๋าถือของผู้หญิงได้

2 เปลี่ยนแบตเตอรี่ได้ง่าย แบตหมดก็ทำให้เปลี่ยนแบตก้อนใหม่ได้เลย

3 ลงน้ำได้โดยตรง ซึ่งเป็นสิ่งที่กล้องตัวอื่นทำไม่ได้

4 ความละเอียดในการบันทึกวิดีโอทำได้สูงมาก สามารถถ่ายวิดีโอ 4k 60fps ได้ ซึ่งกล้องวิดีโอหรือมือถือที่จะถ่ายภาพได้สเป็คนี้ต้องจ่ายกัน 2-3หมื่นบาท แถม gopro 9 ยังถ่ายความละเอียดระดับ 5k ได้ด้วย ซึ่งกล้องวิดีโอปกติและมือถือเกือบทุกตัวทำไม่ได้ แต่ระยะหลังมือถือบางตัวก็พัฒนาเรื่องนี้ขึ้นมาบ้าง

5 ระบบกันสั่นดีที่สุดในสามโลก แม้จะถือกล้องวิ่งไปถ่ายไป ภาพก็ยังไม่สั่น กล้องวิดีโอปกติ กล้องดิจิทัล หรือมือถือ หากอยากได้ความนิ่งระดับเทพเทียบเท่า gopro จะต้องซื้อไม้กั้นสั่นมาทำงานด้วย ซึ่งมีราคาตั้งแต่ 3พันถึง3หมื่น ยิ่งกล้องหนักก็ยิ่งต้องใช้ไม้กันสั่นตัวใหญ่ ก็ยิ่งแพง

6 gopro 9 มีระบบรักษาเส้นขอบฟ้า ทำให้ภาพไม่เอียง เราสามารถถือกล้องได้ตามใจโดยที่ยังได้ภาพไม่สั่น ภาพไม่เอียง ตัวตึก หรือ เส้นเสาไฟฟ้าแนวตั้งยังคงตั้งตรง เป็นสิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อนในกล้องตัวไหน มันทำได้ด้วยตัวมันเองไม่ต้องใช้อุปกรณ์เสริมเลย

7 gopro 9 มีจอภาพ 2 ด้าน ถ่ายคนอื่นเราดูจอหลัง ถ่ายตัวเองเราดูจอหน้า มีภาพให้ดูตลอดเวลา

8 สามารถอัดเกรดอุปกรณ์เสริมเพื่อเพิ่มความสามารถต่างๆได้ด้วย เช่นการเพิ่มไมค์ เพิ่มพอร์ตเชื่อมต่อสายเพื่อทำหน้าที่พิเศษอื่นๆ และราคาอุปกรณ์เสริมก็ไม่ถือว่าแพงมาก อย่างการอัพเกรดไมค์โครโฟนให้เป็นไมค์ shotgun ก็ทำได้ง่ายแค่ซื้อตัว media mod ราคาประมาณ3000บาท ได้การอัพเกรดแบบมือโปรเลย

และเมื่อเวลาผ่านไป gopro ก็พัฒนา gopro 10 gopro11 ออกมาขาย ทำให้รุ่น 9 ตกรุ่นไป 2 ครั้งแล้ว และนั่นก็ทำให้ราคาขายของ gopro 9 ถูกลงไปอย่างมาก จากราคา 16000 บาท ลงมาเหลือประมาณ 8-9 พันบาท เป็นราคาที่น่าใช้อย่างที่สุด โลกเราไม่เคยมีกล้องวิดีโอคุณภาพเทพในราคาต่ำกว่าหนึ่งหมื่นบาทเลย มันเป็นสิ่งที่น่าซื้อที่สุดสำหรับคนอยากได้กล้องวิดีโอ

pdp-h9-image01-1920-2x

ทำไมถึงควรซื้อ gopro9 ในปี 2023 นี้

1 gopro 9 10 11 ใช้อุปกรณ์ร่วมกันได้ทุกตัว ใช้แบตขนาดเดียวกัน ใช้อุปกรณ์เสริมร่วมกันได้ทั้งหมด เราลงทุนกับแบตเตอรี่สำหรับ gopro 9 กี่ก้อน มันยังนำไปใช้กับรุ่น 10 และ 11 ได้ในอนาคต

2 ราคา gopro 9 ในปีนี้ลดลงไปแล้ว 50% จากวันเปิดตัว

3 ความสามารถของ gopro 9 ยังอยู่ในระดับเทพ ยังไม่มีมือถือตัวไหนกันสั่นดีกว่า gopro 9 ยังไม่มีกล้องดิจิทัลตัวไหนมีกันสั่นดีกว่า gopro 9 ยังไม่มีกล้องวิดีโอตัวใหญ่ตัวไหนกันสั่นดีกว่า gopro 9

4 ลงน้ำได้โดยตรง ไม่ต้องใช้อุปกรณ์เสริม

5 ถ่ายคลิปยาวได้ไม่ตัด จนกว่าแบตจะหมด

gopro 10 11 ที่ออกมาทีหลังเป็นการพัฒนาในด้านความละเอียดเป็นหลัก หากดูในแง่การบันทึกเหตุการณ์ บันทึกกิจกรรมในครอบครัว ถ่ายเล่นใต้น้ำ เรายังคงใช้ 9 10 11 ก็ทำงานได้เหมือนกันทุกประการ

เข้าสู่รีวิว gopro 9

สเป็ค

ความละเอียดภาพถ่าย 20MP

ความละเอียด Video 5K30 + 4K60, Wide FOV

สามารถเชื่อมต่อ wifi และ bluetooth ผ่าน app

มีอุปกรณ์เสริมจำนวนมาก

1683595353300
gopro 9 มีการตั้งค่ามุมรับภาพได้ 4 ระดับที่แตกต่างกัน
1 ตั้งแต่มุมกว้างมาก
2 มุมกว้างแบบไม่เบี้ยว
3 มุมแคบ
4 มุมแคบแบบx2
2020-11-02_09-49-30

การที่กล้อง gopro ลงน้ำได้โดยตรงมันทำให้เราสามารถถ่ายภาพได้สนุกมาก แถมยังมีลูกเล่นการถ่ายคลิปวิดีโอความละเอียดสูง แล้วเราค่อยเลือกเอาบางเสี้ยววินาทีในคลิปวิดีโอเลือกเซพออกมาเป็นภาพนิ่งได้ด้วย ภาพถ่ายใต้น้ำจากการกระโดดสระ เราเลือกเฟรมภาพที่สมบูรณ์ ไม่หลับตา จัดท่าทางสมดุลย์ แล้วก็เลือกจังหวะที่ดีที่สุดออกมาเป็นภาพนิ่ง แถมสีสันก็สวยมาก

IMG_6206
IMG_6204

ความเล็กของ gopro ทำให้เราสามารถติดกล้องบน hotshoe ของกล้องถ่ายภาพนิ่งได้ ผมใช้กล้อง DSLR ตัวใหญ่ในการถ่ายภาพกิจกรรมแล้วติด Gopro 9 ไว้ ระหว่างที่ถ่ายภาพนิ่ง ผมก็บันทึกคลิปวิดีโอไปด้วย ทำแบบนี้ผมจะได้ภาพการแข่งขันฟุตบอลของลูกเต็มแม็ท และได้ภาพนิ่งในจังหวะที่ผมเลือกถ่ายได้ จัดชุดองค์ประกอบแบบนี้เป็นคู่ผสมที่ลงตัวมากสำหรับคนที่อยากได้ภาพนิ่งสวยๆจากกล้องใหญ่ และอยากได้คลิปวิดีโอจาก gopro และที่สำคัญ ภาพจาก gopro ไม่เอียง ไม่สั่นเลย เพราะว่า gopro มีระบบป้องกันภาพเอียง

GOPR0270
GOPR2128

การเอา gopro มาถ่ายภาพนิ่งเป็นเรื่องง่ายดายมาก ภาพนิ่งจาก gopro 9 จะมีความละเอียด 20 ล้าน และให้การวัดแสงที่แม่นยำมาก สีสันก็สวยสด มันสวยสดจนสวยข้ามหน้าข้ามตากล้องตัวใหญ่อย่าง DSLR ไปเลย

GOPR2912

ภาพนี้ผมนั่งอยู่บนรถเมล์ในไต้หวัน หยิบกล้องออกจากกางเกง แล้วยกไปถ่ายแม่ลูกที่นั่งแถวหลัง กล้องตัวเล็ก จัดเฟรมง่ายด้วยจอภาพด้านหน้ากล้อง แล้วก็ถ่ายภาพเลย เป็นความคล่องตัวที่ไม่มีคู่เทียบ ไม่มีกล้อง DSLR และ กล้องอื่นๆใดๆที่จะคล่องตัวและทำงานได้รวมเร็วเท่านี้อีกแล้ว แถมสภาพแสงที่อยู่ในรถกับด้านนอกก็เก็บมาได้ในระดับที่พอดี มันเป็นกล้องที่ให้ภาพเหมือนตาเห็นจริงๆ ทั้งกระบวนการผมทำด้วยมือเดียว เพราะอีกมือถือของอยู่

1674050027120

ภาพนี้คือภาพนิ่งที่เลือกจากภาพวิดีโอ ในวัดจีนมีคนเยอะมาก การจุดธูปในตะเกียงแล้วจะถือออกไปไหว้ก็เป็นจังหวะที่เกิดขึ้นไม่นาน แทบจะไม่มีเวลาหยิบกล้องตัวใหญ่มาถ่ายได้เลย ผมเลยใช้กล้อง gopro 9 ถ่ายเป็นคลิปความละเอียด 4k แล้วเลือกภาพนิ่งจากไฟล์วิดีโอแทน จะเห็นได้ว่า ถือกล้องตรงมาก เส้นสายในภาพแนวตั้งก็ตั้งตรงกับภาพตลอดเวลา นี่คือความสามารถของ gopro

gopro เป็นกล้องวิดีโอที่ลงน้ำได้โดยตรงทำให้เราสามารถถ่ายกิจกรรมตั้งแต่บนผิวน้ำแล้วต่อเนื่องลงไปใต้น้ำ เรื่องแบบนี้หากเป็นอุปกรณ์ชนิดอื่นเราจะไม่สามารถได้ภาพเลย

GOPR0025

ภาพมุมกว้างพิเศษของ gopro 9 ให้มุมรับภาพกว้างมาก น่าจะกว้างกว่า 17mm บนกล้อง DSLR เสียอีก เวลาถ่ายภาพงานพิธีต่างๆด้วยกล้องตัวใหญ่ๆที่เน้นภาพคน ภาพเหตุการณ์ พอถึงบทจะถ่ายภาพหมู่ กล้องใหญ่ใช้เลนส์ที่ถ่ายคนสวยจะไม่สามารถเก็บภาพกว้างได้ gopro ที่เตรียมไปก็ได้ทำหน้าที่นี้

การมีจอภาพ 2 จอ มีจอหลังปกติสำหรับคนใช้งานกล้อง และมีจอหน้าสำหรับมอนิเตอร์ได้ สามารถดูภาพตัวเองได้จากด้านหน้ากล้องทำให้การถ่ายทำคลิปแนว Vlog เป็นเรื่องง่าย คนถือกล้อง คนพูดหน้ากล้อง ก็สามารถทำได้ด้วยตัวคนเดียว และให้เฟรมภาพที่แม่นยำ ก็เพราะจอภาพ 2 ด้าน

ลูกเล่นการถ่ายแบบ timewarp เป็นระบบที่ gopro ให้มาด้วย เร่งภาพบางจังหวะเร็วๆ และผสมกับจังหวะความเร็วปกติ ทำให้ภาพดูน่าสนใจ สิ่งนี้ทำได้ตั้งแต่ตอนถ่ายเลย ลดเวลาการตัดต่อลงได้เยอะมาก แถมโปรแกรมตัดต่อที่แถมมากับ gopro ก็มีลูกเล่นการตัดต่อแบบกึ่งอัตโนมัติ แค่เลือกคลิปเลือก themeที่ชอบ แล้วก็รอซอร์ฟแวร์เรียงภาพตัดต่อให้อัตโนม้ติ ถูกใจบ้าง ไม่ถูกใจบ้าง แต่ก็ประหยัดเวลากว่าการนั่งทำเองทั้งหมด

การถ่ายภาพแนว Time lapse ก็ทำให้เราได้ภาพที่ดูน่าตื่นเต้น ระบบการตั้งค่าสามารถเลือกได้ว่าจะให้กล้องเก็บภาพทุกกี่วินาที และเป็นเวลาต่อเนื่องนานเท่าที่เรากดถ่ายและกดหยุดด้วยตัวเอง ภาพเมฆและคลื่นน้ำในทะเลก็เป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับการถ่ายคลิปแนว Time lapse นี้

การถ่ายคลิปปกติด้วยเฟรมเรตประมาณ 200fps แล้วนำมาเล่นกลับแบบสโลโมชั่น 8 เท่า ก็สามารถทำได้ด้วย application ที่ชื่อว่า Quik

1678378296009

gopro9 ถ่ายภาพนิ่งได้สภาพแสงที่สมจริงเหมือนตาเห็น เทคโนโลยีเซ็นเซอร์รับภาพในยุคใหม่สามารถถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้ดีมาก เก็บภาพชัดๆมาก่อนแล้วมาปรับโทนสีทีหลังได้ ภาพในโรงงานก็เป็นตัวอย่างที่ดี

สิ่งที่ผมอยากให้ gopro ปรับปรุงเพิ่มก็คือ

1 เพิ่มปุ่มชัตเตอร์ภาพนิ่ง ผมอยากได้กล้องที่ตอบสนองได้ไวเหมือนกล้องถ่ายภาพนิ่ง เพราะ gopro ช้าเกินไปสำหรับการถ่ายภาพนิ่ง หลายครั้งไม่แน่ใจว่าภาพนิ่งที่ถ่ายจะได้จังหวะตรงกับเหตุการณ์ที่ต้องการไหม อาจจะเพิ่มไว้ใน media mod ก็ได้ น่าจะไม่ยาก

2 อยากให้เพิ่มความสามารถในการชาร์จไร้สาย

หากใครสนใจเลือกซื้อ gopro ก็แนะนำรุ่น 9 นี่แหละ เพราะราคาถูกลงมามากแล้ว

สั่งซื้อ Gopro9 ได้ที่ https://s.lazada.co.th/s.QQ0Cz

powerbank สำหรับ Gopro Ulanzi BG-4

อัพเดท sep2023 ในเดือนกันยายน 2566 Gopro ออกรุ่น 12 ออกมาแล้ว มันมีลูกเล่นที่เพิ่มเติมหลายอย่างจนน่าใช้มาก หากสามารถเลือกซื้อรุ่นใหม่ได้ให้เลือก Gopro12 ไปเลย ส่วนใครที่ไม่อยากจ่ายแพง หาซื้อ Gopro9 ในราคาเคลียร์แลนซ์อย่างสุดๆอาจจะหาได้ต่ำยิ่งกว่าเดิม ซึ่งตั้งแต่รุ่น 9 10 11 12 ใช้แบตเตอรี่รุ่นเดียวกัน ใช้ mediamod ร่วมกันได้

ซื้อ Gopro12 ได้ที่นี่ https://s.lazada.co.th/s.PUc9i?cc

การถ่ายภาพให้สวยทำอย่างไร

ในปัจจุบันที่ใครก็สามารถมีกล้องถ่ายภาพได้ โทรศัพท์ใหม่ๆทุกเครื่องก็มีกล้องถ่ายภาพติดมาด้วย สมาร์ทโฟนที่ใช้สื่อสารกับอินเทอเน็ตก็มีกล้องคุณภาพดีมาให้แล้ว กล้องถ่ายภาพโดยเฉพาะสำหรับมือสมัครเล่น และมืออาชีพก็มีราคาเริ่มต้นไม่แพง ยิ่งหากหาของมือสองมาใช้ก็ยิ่งราคาต่ำ ยุคนี้เครื่องมือคือสิ่งที่นักถ่ายภาพแทบจะไม่ต้องไปสนใจเรื่องสเป็คและคุณภาพอุปกรณ์อีกแล้ว

การถ่ายภาพให้สวยก็จะกลายเป็นสิ่งที่ทำได้ง่ายขึ้น แต่มันก็มีหลักการนิดเดียวที่สามารถนำไปหัดใช้ได้ ผมขอให้แนวคิดเอาไว้ ถ้าเห็นด้วยก็ทดลองฝึกฝนดู “การถ่ายภาพให้สวยเกิดจากการที่เราผ่านการถ่ายแบบไม่สวยไปแล้ว” ให้ลองดูตัวอย่างภาพต่อไปนี้

IMG_6418
ภาพนี้คือต้นตำลึกที่ขึ้นมาเกาะต้นไม้ใหญ่ ใบอ่อนสีเขียวโดนแสงแดดส่อง ช่างภาพมองเห็นก็พอรู้ด้วยประสบการณ์ว่ามุมที่สวยน่าจะถ่ายย้อนแสง แสงแดดที่กระทบใบตำลึงจะทำให้ใบเรืองแสง ฉากหลังที่ไม่โดนแสงจะสีเข้ม ทำให้ใบไม้ยิ่งเด่นขึ้นไปอีก ภาพนี้ถือว่าเป็นภาพสวยสำหรับผมแล้ว ดังนั้น ก่อนจะมาเป็นภาพนี้ จะให้ดูว่าผ่านภาพแบบไหนมาบ้าง

เริ่มจากเดินออกมาที่หน้าบ้านแล้วก็พบว่า ต้นไม้ใหญ่มีใบไม้เกาะอยู่ และมีแดดส่องพอดี และคิดจบในหัวแล้วว่าเราจะต้องถ่ายภาพใบตำลึงในมุมมองที่สวยแปกตา เลยหยิบกล้องถ่ายภาพ เริ่มจากเราเห็นภาพนี้

IMG_6419

หลังจากนั้นเราก็เดินดูรอบๆสิ่งที่น่าสนใจ ผมรู้แล้วว่าผมอยากได้ภาพใบตำลึง ก็เลยเดินดูรอบๆ ไปดูหน้าหน้าก็เห็นภาพนี้

IMG_6408

กล้องในมือก็คือ eos m ติดเลนส์ kit ที่แถมมาพร้อมกับกล้อง เป็นเลนส์ซูม 18-55มม. เป็นกล้องเปลี่ยนเลนส์ได้ที่ราคาต่ำที่สุด และเลนส์ก็เป็นเลนส์ที่มีแต่คนถอดขายทิ้ง อัพเกรดไปเป็นตัวอื่น แต่ผมชอบเลนส์ตัวนี้เพราะมันคุณภาพพอใช้ได้ และราคาถูก ใช้แบบไม่ต้องระวัง ฟิลเตอร์คุณภาพสูงบางชิ้นยังแพงกว่าเลนส์ตัวนี้ นั่นหมายความว่าผมใช้เลนส์ตัวนี้ไม่ต้องใส่ฟิลเตอร์ที่หน้าเลนส์ก็ได้ เราจะได้คุณภาพที่สูงที่สุดจากเลนส์เพียวๆไม่ใส่ฟิลเตอร์ เพราะมีความเชื่อว่า best filter is no filter มองภาพด้วยตาเปล่าสวยกว่ามองผ่านแว่นตา ถ้าคุณไม่สายตาสั้นหรือยาวผิดปกติ

ลองถ่ายภาพใกล้เข้าไปอีกหน่อย ตัดสิ่งที่ไม่น่าสนใจในภาพด้วยการเลือกถ่ายเฉพาะต้นไม้และใบไม้ ขวดน้ำไม่ได้หยิบออกเพราะว่าสุดท้ายจะเข้าใกล้กว่านี้ เลยไม่จำเป็นต้องหยิบตอนนี้

IMG_6409

แล้วก็ขยับกล้อง พร้อมกับซูมภาพเข้าไปอีกให้เหลือแต่ต้นไม้กับใบไม้ ซึ่งก็ให้ลักษณะภาพที่ดูดีขึ้น ซึ่งภาพใบไม้เกาะต้นไม้ใหญ่แค่ภาพนี้ก็พอจะใช้นำไปเขียนบทความเกี่ยวกับใบตำลึงได้แล้ว

IMG_6410

ลองซูมเลนส์ให้ได้ภาพใหญ่ขึ้น เข้าใกล้มากขึ้นก็จะได้ภาพที่ใบตำลึงเด่นขึ้น แต่การเข้าใกล้มาก ก็จะมีผลตามมาด้วยคือระยะชัดของใบไม้ครอบคลุมไม่ครบทั้งใบ บางส่วนของใบไม่ชัด และรวมถึงมือก็อาจจะสั่นด้วยทำให้ภาพไม่คมชัด

IMG_6411

ผ่านสามภาพนี้ไปเราก็ได้ภาพที่ดูน่าสนใจขึ้นแล้ว แต่จากการที่ดูภาพมานาน และเคยถ่ายภาพต้นไม้ใบไม้มาแล้วเลยลองไปถ่ายจากด้านหลังบ้าง เพราะการถ่ายภาพย้อนแสงก็สามารถให้ภาพที่ดีได้

IMG_6413

ลองถอยออกมาอีกนิด ปรับภาพให้มีใบเรียงตัวกันแนวตั้ง ลองถ่ายมุมที่ห่างออกมาหน่อยก็พบว่าให้ภาพที่สวยขึ้น

IMG_6412

จากนั้นก็ลองเปลี่ยนไปถ่ายภาพแนวนอนบ้าง เพราะอยากจะเก็บเฉพาะใบเดียวเด่นๆไปเลย กล้องอยู่ในมือ เวลาเหลือเฟือ ก็ลองเปลี่ยนลักษณะภาพไปเรื่อยๆ และก็พบว่าภาพมุมนี้ถูกใจตัวเราที่สุด

IMG_6415

จริงๆจะหยุดแค่นี้ก็ได้ ภาพที่พอใจเราถ่ายด้วยรูรับแสง f5.6 ซึ่งเป็นระยะรูรับแสงกว้างสุดของเลนส์ที่ช่วงซูมสูงสุดของเลนส์คือ 55มม. การใช้รูรับแสงกว้างจะทำให้ระยะชัดน้อย อาจจะดีกับบางภาพ แต่ถ้าลองใช้รูรับแสงแคบลงไปหน่อยเพื่อให้ระยะชัดมากขึ้น จะได้ผลที่แตกต่างไปอีกเล็กน้อย กล้องอยู่ในมือ เวลาเหลือเฟือ ก็ลองได้เลย

IMG_6418

ภาพสุดท้ายนี้คือมุมภาพเหมือนเดิมแต่ปรับรูรับแสงให้มากขึ้นเป็น f11 ซึ่งจะทำให้มีระยะชัดมากขึ้น ฉากหลังจะไม่เบลอเท่ารูรับแสงกว้าง เราได้รายละเอียดในส่วนของใบและต้นไม้ใหญ่มากขึ้น ส่วนของลำต้นที่มีรายละเอียดปรากฏให้เห็นทำให้ภาพดูสวยกว่าเดิม ความเบลอที่ทำให้ภาพสวย กับการลดความเบลอแล้วภาพสวย เป็นสิ่งที่ต้องทดลองทำ เห็นภาพถึงจะรู้คำตอบ ดังนั้น กล้องอยู่ในมือ เวลาเหลือเฟือ ก็ทดลองไป

การถ่ายภาพให้สวยเป็นเรื่องของการค้นหา ทดลอง ประสบการณ์คือสิ่งสำคัญที่ทำให้เราได้ภาพสวย และภาพที่สวยจะตามมาหลังจากที่เราถ่ายภาพไม่สวยไปครบแล้ว ดังนั้น การหัดถ่ายภาพต้องถ่ายให้เยอะ ผ่านภาพไม่สวยมาให้ครบทุกแบบเราถึงจะถ่ายภาพได้สวยตามที่คาดหวัง เมื่อเจอสิ่งที่อยากถ่าย ให้ลองมองรอบๆ เดินดู มองหา ทดลองถ่าย เปลี่ยนระยะภาพ เปลี่ยนตำแหน่งที่ยืน กล้องอยู่ในมือ เวลาเหลือเฟือ ทดลองไปเรื่อยๆ จะผ่านไปร้อยรูปก็ไม่ผิด ถ้ารูปสวยจะมาเป็นรูปที่ร้อยหนึ่ง ก็แค่ถ่ายให้ผ่านร้อยภาพที่แตกต่างกัน เรียนรู้ทุกภาพที่ถ่าย เดี๋ยวก็ถึงภาพที่สวยเอง


ส่งซ่อมเลนส์ canon 24-105f4L

IMG_3054

เลนส์ canon 24-105f4L ที่ใช้งานมานานหลายปีในมือผม และอาจจะนานอีกหลายปีในมือคนอื่นก่อนหน้านี้ก็คงถึงเวลาที่มันจะโทรม และเสีย อาการเสียของเลนส์ที่พบก็คือ เมื่อถ่ายด้วยค่า f ที่มากกว่า f4 กล้องจะขึ้น error แล้วก็หยุดการทำงาน ต้องปิดแล้วเปิดใหม่ แต่ถ้าตั้งค่า f เอาไว้แค่ f4 หรือ ค่ารูรับแสงกว้างสุดของเลนส์กล้องจะทำงานปกติ ถ่ายได้ปกติ สันนิษฐานว่า การใช้รูรับแสงที่กล้องต้องสั่งให้เลนส์หรี่รูรับแสงให้แคบลงจะทำให้ระบบมีปัญหา ระบบการควบคุมรูรับแสงคงเสียหายอยู่ ก็เลยจัดการส่งไปที่ศูนย์เพื่อซ่อมแซม

20220806191710_IMG_0007

ศูนย์ canon อยู่ที่อาคารสาธรทาวเวอร์ อยู่หัวมุมสี่แยกถนนนราธิวาสตัดสาธร ที่ศูนย์แห่งนี้ในปัจจุบันมีลูกค้าแวะเวียนไปไม่มาก ไม่รู้ว่าเพราะกล้องเสื่อมความนิยม หรือ โควิดทำให้คนน้อย หรือแม้แต่โควิดทำให้กล้องไม่ค่อยถูกใช้งาน ปริมาณกล้องเสียเลนส์เสียเลยไม่เยอะ ก็ได้แต่เดาไปเรื่อย เมื่อส่งไปซ่อม ช่างก็ตรวจสอบอาการอยู่หลายวัน แล้วก็โทรกลับมาแจ้งค่าใช้จ่ายพร้อมอธิบายอาการเสีย และอธิบายราคาค่าซ่อมต่างๆ และราคานี่แหละที่ทำให้ตกใจมาก

เจ้าหน้าที่ศูนย์ canon อธิบายว่า เลนส์ตัวนี้เป็นเลนส์หิ้ว ไม่ได้ขายผ่านระบบของประเทศไทย ทำให้ราคาค่าบริการต่างๆต้องคิดราคาเต็ม ไม่มีส่วนลด เพราะปกติ ค่าบริการอุปกรณ์ที่ขายผ่านตัวแทนประเทศไทยจะคิดค่าบริการลดราคา 50% คิดค่าอะไหล่ลดลง 30% (ผมอาจจำผิดเพราะเขียนโพสท์นี้หลังจากรับเลนส์กลับมาใช้งานนานเป็นเดือนแล้ว) นั่นทำให้ค่าใช้จ่ายในการซ่อมเลนส์ครั้งนี้อยู่ที่ 8368.47 บาท ตอนที่รู้ราคาก็ตกใจพอสมควร และในวินาทีที่คุยโทรศัพท์กับเจ้าหน้าที่ ผมก็ย้อนนึกไปถึงตอนที่ซื้อเลนส์ตัวนี้มา ผมซื้อมือสองจากร้านกล้องถ่ายภาพ โดยผมซื้อบอดี้มือหนึ่งเป็นของตัวแทนไทยมีประกันถูกต้องทุกอย่าง แต่ผมเลือกใช้เลนส์มือสองเพราะเห็นว่าราคาถูกลงไปจากราคามือหนึ่งประมาณครึ่งหนึ่ง เพราะด้วยความเชื่อมั่นว่าเลนส์เกรดโปรของ canon จะทน และสามารถซ่อมได้เกือบทุกอาการ ดังนั้นผมก็เสี่ยงกับของมือสองได้ แต่ตอนที่ซื้อก็ไม่คิดว่าเลนส์จะเป็นของหิ้ว คิดว่ามันคงเป็นมือสองประกันศูนย์ ซึ่งตอนซื้อก็ไม่ได้ถามว่ามันเป็นของหิ้วหรือของประกันศูนย์

IMG_20220806_210154

กลับมาที่การสนทนากับศูนย์ canon ผมรู้ว่าราคาเลนส์ตัวนี้ที่เป็นมือสองในปัจจุบันซื้อขายกันอยู่ที่ประมาณ 9000-12000 บาท แล้วแต่สภาพ ณ นาทีนั้้นผมลังเลอยู่ว่าจะยกเลิกการซ่อมแล้วไปซื้อมือสองใช้ดีไหม แต่คิดแล้วก็ไม่อยากเสี่ยงว่าถ้าซื้อมือสองมาแล้วจะมาเจออาการเสียแบบรูรับแสงหมดอายุแบบนี้หรือเปล่า ก็เลยตัดสินใจซ่อมในราคาตามที่แจ้ง จ่ายแปดพันกว่าบาทแล้วได้ของที่ซ่อมบำรุงเรียบร้อยกลับมาใช้น่าจะดีกว่าไปเสี่ยงกับมือสองตัวอื่นๆ

พอพ้นเรื่องราคาไปแล้ว ผมก็คุยกับเจ้าหน้าที่ต่ออีกสักพัก ถามเรื่องระยะเวลาที่ศูนย์จะสต๊อคอะไหล่ของเลนส์รุ่นต่างๆว่าจะมีให้ซ่อมไปอีกนานแค่ไหน เพราะได้ข่าวว่า canon จะเลิกผลิตกล้อง DSLR และจะทำให้เลิกผลิตเลนส์เม้าท์ EF ด้วยแน่ๆ เนื่องจากตอนนี้ canon ตั้งหน้าตั้งตาพัฒนาระบบกล้องและเลนส์รุ่นใหม่อย่าง Eos R พร้อมเลนส์ชนิด RF ที่เป็นเม้าท์เลนส์ชนิดใหม่แต่เพียงอย่างเดียว เจ้าหน้าที่ก็ให้ข้อมูลว่า เลนส์หลายๆตัวของ canon จะสต๊อคอะไหล่ไว้ประมาณอย่างน้อย 20 ปี นั่นหมายความว่าถ้าภายใน 20 ปี ก็น่าจะพอมีอะไหล่ให้ซ่อมได้ และยังมีเลนส์บางรุ่นอย่าง Ef 70-200L f2.8 ที่จะมีอะไหล่สต๊อคไว้ถึง 29 ปี นั่นถือว่าเป็นระยะเวลาที่นานมากสำหรับผลิตภัณฑ์สักตัวหนึ่ง ซึ่งเป็นเรื่องน่าดีใจที่บริษัทพยายามดูแลช่างภาพที่ใช้อุปกรณ์เกรดโปรอย่างยาวนาน แต่ก็นับเป็นเรื่องเศร้าอีกประเด็นหนึ่งที่เกิดขึ้นคือ ผมอยู่มานาน และกำลังจะถึงระยะเวลาที่เลนส์จะหมดเวลา 29 ปีแล้ว เพราะเลนส์ 70-200 f2.8 ถูกผลิตครั้งแรกปี คศ 1995 พอนับไป 29ปี มันก็จะไปถึงปี 2024 นั่นเอง ซึ่งมันคือเวลาอีกไม่นานแล้วหลังจากนี้

การซ่อมเลนส์ครั้งนี้ทำให้ผมเข้าใจแล้วว่าการซื้อของมือสองทำไมเราถึงต้องสอบถามว่าเป็นของประกันศูนย์หรือประกันร้าน(ของหิ้ว) เพราะมันมีผลกับการคิดราคาค่าซ่อมและค่าอะไหล่ในอนาคตนั่นเอง ต่อไปก็จะได้ระวังไม่ซื้อของประกันร้านอีก จะได้ไม่ต้องตกใจตอนส่งซ่อมเหมือนครั้งนี้

รีวิวเลนส์ canon 24-105f4 L

IMG_20220713_162126

เลนส์ canon 24-105f4 L ตัวนี้เป็นเลนส์ซูมคุณภาพสูงจากค่าย canon ที่ทำออกมาขายหลายปีแล้ว โดยปกติเลนส์เกรดสูงของ canon จะใช้คำว่า L ติดไว้ในชื่อของเลนส์ เลนส์เกรด L จะมีคุณภาพของภาพที่คมชัด ใส และปกติจะไวแสง ส่วนมากก็จะมีรูรับแสงระดับ 2.8 หรือ น้อยกว่านี้ แต่ก็มีเลนส์ L บางตัวที่รูรับแสงแคบหรือเป็นตัวเลขที่มากกว่า 2.8 อย่างเช่นเลนส์ตัวนี้ที่มีรูรับแสง f4

IMG_3052

ความใสคือจุดเด่นของเลนส์ L และช่วงซูมที่กว้างระดับ 24-105mm ก็เป็นช่วงเลนส์ที่ได้ใช้งานบ่อยในชีวิตประจำวัน ตั้งแต่การถ่ายภาพวิวโดยการใช้ช่วงที่เป็นมุมกว้าง การถ่ายภาพทั่วไปที่ใช้ช่วงซูม กลางๆ จนถึงถ่ายภาพบุคคลที่ใช้ช่วงเลนส์ 85 -105มม. เลนส์ตัวนี้เหมาะกับสถานการณ์ส่วนใหญ่ในชีวิตประจำวัน และสถานการณ์ที่มักจะได้พบตอนท่องเที่ยว การมีระบบกันสั่นทำให้การถ่ายภาพในที่แสงน้อยไม่เป็นปัญหา แค่สภาพแสงในบ้านที่พอมองเห็น หรือแสงสว่างจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ เลนส์ตัวนี้ก็บันทึกภาพเก็บแสงได้ ต่อให้ปริมาณแสงในภาพแม้จะน้อยไปกว่าที่กล่าวมาแต่ถ้าตามองเห็นมันก็มากพอสำหรับกล้องยุคใหม่ที่ตั้งค่าความไวแสงได้สูงลิบ

การใช้เลนส์ L เพื่อทำงานระยะยาวเป็นทางเลือกที่ยอดเยี่ยมที่สุด เพราะนอกจากคุณภาพที่ดีมากแล้ว การบริการหลังการขายของ canon ก็ทำได้ดีน่าชื่นชม เลนส์เกรด L จะได้รับการดูแลในระบบศูนย์บริการที่ยาวนานมาก มีอะไหล่เอาไว้ซ่อมบำรุงไปอย่างน้อย 20 ปี บางรุ่นมีอะไหล่สต๊อคไว้ได้ถึง 29 ปี ตามข้อมูลที่พนักงานในศูนย์บริการได้เคยพูดคุยแลกเปลี่ยนกัน และต่อให้ศูนย์จะเลิกสต๊อคอะไหล่ หรือ อะไหล่หมดจากบริษัทแล้ว โลกเราก็มีอุปกรณ์ยี่ห้อ canon ให้เราซื้อมือสอง ให้เราหาอะไหล่จากเลนส์เก่าไปได้อีกยาวนาน ใช้กันได้ตั้งแต่ลูกเกิดจนเรียนจบมหาวิทยาลัยก็เป็นไปได้

IMG_0262

2014-11-29 30 ขอบฟ้า เขาใหญ่-IMG_0067

IMG_0433
16:9

เลือกรูรับแสงตอนถ่ายภาพ

ปกติการถ่ายภาพจะมีเรื่องของรูรับแสงมาเป็นส่วนที่กำหนดลักษณะภาพ บางภาพอยากได้ฉากหลังเบลอ ให้วัตถุชัดแล้วที่เหลือเบลอเพื่อให้มีความเด่นอยู่บนวัตถุเท่านั้น เราจะเรียกว่าชัตตื้นคือมีช่วงชัดน้อยๆ ส่วนภาพที่จะถ่ายให้ชัดทั้งหมดก็มักจะเป็นภาพวิวทิวทัศน์ เราจะเรียกภาพที่ชัดทั้งภาพหรือเกือบทั้งภาพว่าชัดลึก

IMG_20200711_165315


สิ่งที่กำหนดความเป็นชัดตื้น หรือ ชัดลึก คือค่ารูรับแสงของเลนส์ที่เราใช้ หากเราใช้รูรับแสงกว้าง หรือเปิดรับแสงมากๆ หรือ ค่ารูรับแสงเป็นเลขจำนวนน้อย จะหมายถึงเปิดรูรับแสงกว้าง ลักษณะภาพจะมีความชัดแค่ช่วงน้อยๆ หรือชัดตื้น ส่วนภาพที่มีรูรับแสงเล็ก หรือ แคบ หรือเป็นตัวเลขที่มากขึ้น จะให้ลักษณะภาพชัดเกือบทั้งภาพ จุดเด่นก็ชัด ฉากหลังก็ชัด การเลือกรูรับแสงจึงเป็นสิ่งที่ควรเรียนรู้และเลือกใช้ตามความเหมาะสมของภาพนั้น

ภาพตัวอย่างด้านล่างที่นำมาลงนี้มาจากการถ่ายภาพ 3 ภาพ แล้วนำมาวางเรียงกัน ภาพส่วนบนเป็นภาพที่ถ่ายด้วยเลนส์ 24-105มม. ใช้รูรับแสงที่ f4 จะเห็นว่าต้นไม้ชัด ฉากหลังเบลอ ส่วนภาพตรงกลางของตัวอย่างจะเป็นการปรับรูรับแสงให้เล็กลง หรือ มีตัวเลขรูรับแสงที่มากขึ้น ต้นไม้จะชัดอยู่เหมือนเดิม แต่ฉากหลังจะมีความชัดมากขึ้น พอจะดูรู้ว่าฉากหลังเป็นอะไร และภาพส่วนสุดท้ายคือภาพที่ใช้รูรับแสงแบบเล็กมาก ประมาณ f22 ฉากหลังจะยิ่งชัดมากขึ้นไปอีก

20220702153238_IMG_1027
f4
20220702153242_IMG_1028
f11
20220702153246_IMG_1029
f22

ภาพที่ขายได้

Screen Shot 2565-02-11 at 08.57.18

ภาพนี้เป็นภาพลูกของผมตอนที่ไปเที่ยวเมือง nikko ประเทศญี่ปุ่น ตอนนั้นผมพกกล้องไปตัวเดียวคือ eos m รุ่น1 ติดเลนส์ตัวเดียวตลอดทริปคือเลนส์ 22f2 การเดินทางที่ญี่ปุ่นกับลูกเล็กวัย 3 ขวบ เป็นการเดินทางที่ต้องเตรียมรถเข็น เตรียมอุปกรณ์ของเด็กพอสมควร พ่อกับแม่ต้องช่วยกันยก ช่วยกันอุ้มในหลายสถานการณ์เพราะการเดินทางหลักๆของทริปคือรถไฟ

เลนส์ 22f2 ผมใช้ค่ารูรับแสงที่ f2 ตลอดทริปเลย เพราะต้องการความชัดตื้นที่ละลายหลังให้เบลอดูสวยงาม และต้องการให้มันรองรับสถานการณ์แสงได้ดีหลากหลายสถานที่ และส่วนมากเราก็จะถ่ายภาพในอาคาร ในที่ร่ม การใช้เลนส์ที่มีรูรับแสงกว้างจะเป็นทางเลือกที่เหมาะสมมาก

กล้อง eos m เป็นกล้องที่มีหน้าจอด้านหลังระบบสัมผัส สามารถใช้มือแตะเพื่อให้กล้องทำการโฟกัสและลั่นชัตเตอร์ได้ด้วย มันทำให้เกิดความสะดวกในการใช้งานบางโอกาส เช่นโอกาสเด็กกำลังสนใจกับภาพในจอ มีแสงตอนเช้าเข้ามาทางหน้าต่าง แสงหน้าต่างมักจะสร้างผลลัพธ์ที่ดีกับภาพถ่ายเสมอ ผมเห็นองค์ประกอบนี้ก็รีบหยิบกล้องมากดเปิดกล้องแล้วแตะโฟกัสเพื่อถ่ายเลย แล้วเราก็เก็บวินาทีสวยๆได้ตามที่ตาเห็น ทั้งทริปผมแทบจะไม่ได้ปิดฝาหน้าเลนส์เลย เพราะอยากให้กล้องพร้อมใช้ตลอดเวลา แม้ว่าเลนส์อาจจะเสี่ยงต่อการเสียหายหรือเป็นรอยขีดข่วนบ้าง แต่ผมก็ใช้วิธีติด Hood เหล็กไว้ที่เลนส์ ทำหน้าที่เป็นที่บังแสง และเป็นกันชนให้กับเลนสได้ระดับนึง ภาพลูกผมฝากขายในเว็บ Eyeem.com ครับ

IMG_0338

จับภาพกล้องโทรทรรศน์ James webb ได้

ในวันที่ 25 ธันวาคม 2564 ที่บริเวณใกล้ๆกับศาลายา ผมได้ไปร่วมงานปาร์ตี้ปีใหม่กับกลุ่มพ่อแม่ผู้ปกครองของเด็กนักเรียน และในช่วงเวลาหัวค่ำหลังจากที่กินมือเย็นไปหายหิวแล้ว ก็ลองเอากล้องดูดาวมาส่องดาวเล่น ขณะเดียวกันก็เอากล้อง Gopro9 มาตั้งถ่ายภาพดาวกลางคืนในโหมด Night Timelapse ก็จะได้วิดีโอตัวนี้มา และพบว่า มีเหตุการณ์น่าสนใจบนท้องฟ้า ก็คือ มีวัตถุเคลื่อนที่คล้ายดาวหางโผล่มาให้เห็นด้วยตาเปล่า

สิ่งที่คล้ายดาวหางนี้เมื่อดูข้อมูล ดูข่าวดาราศาสตร์แล้วก็พบว่ามันคือภาพของ กล้องโทรทรรศน์ชื่อ James Webb กำลังเดินทางออกจากโลกเพื่อไปสู่วงโคจรในอวกาศ โดยจะไปอยู่ห่างโลก 1.5 ล้านกิโลเมตร และมันจะโคจรเป็นบริวารของดวงอาทิตย์ แทนที่จะเป็นโลก James Webb จะอยู่ระหว่างโลกและดาวอังคาร หน้าที่หลักของมันก็คือถ่ายภาพจากที่ที่ไกลมาก โครงการนี้ตั้งใจจะส่งกล้องขึ้นไปรับสัญญาณอินฟาเรดที่เกิดจากการฟอร์มตัวเป็นดาวฤกษ์ในยุคแรกๆของอวกาศ หรือประมาณ 13000 ล้านปีก่อน หากกล้องทำงานได้ปกติ เราก็จะได้ข้อมูลต้นกำเนิดของอวกาศมากขึ้น ซึ่งเราต้องลุ้นให้กล้องทำงานได้ไม่ผิดพลาด

เทคโนโลยีหลายอย่างถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อสร้างกล้องตัวนี้ มีเรื่องน่าสนใจหลายหัวข้อ ถ้าให้เขียนจากความทรงจำที่เคยดูผ่านๆตา ก็จะมีส่วนของฉนวนแสงอาทิตย์ ที่ทำหน้าที่กันความร้อนจากด้านที่รับแสงไม่ให้ส่วนของการรับภาพและวงจรต่างๆโดนความร้อนเลย ซึ่งจะเป็นผ้าใบ 5 ชั้น

การรับภาพของเจมส์เว็บบ์จะอาศัยเทคนิคการรับภาพแบบกล้องนิวโทเนียน คือรับแสงสะท้อน แต่จะเป็นแสงอินฟาเรด การรับแสงสะท้อนต้องอาศัยกระจกสะท้อนที่มีความเรียบมากๆเพื่อความแม่นยำ เพราะแสงที่เดินทางมาไกลระดับ 13000 ล้านปีแสง จะถือเป็นระยะทางที่ไกลที่สุดเท่าที่มีในเอกภพ ดังนั้นการเบียงเบนเล็กน้อยก็ทำให้รับแสงผิดพลาด ความเรียบของผิวสะท้อนนั้นฉาบด้วยทองคำ และมีความเรียบระดับที่ ถ้าขยายกระจกให้ใหญ่เท่ากับประเทศไทยถึงญี่ปุ่น ส่วนไม่เรียบของกระจกจะสูงกว่าพื้นเรียบไม่กี่เซนติเมตรเท่านั้น

ที่ตัวสะท้อนแสงกลับไปกลับมาเพื่อเข้าสู่เซ็นเซอร์รับภาพ จะมีกระจกรวมแสง(หรือเลนส์รวมแสง) อีกตัวหนึ่งก่อนถึงเซ็นเซอร์ที่จะทำหน้าที่เป็นตัว image stabilizer หรือตัวกันสั่น ที่ช่วยให้การรับภาพมีความคมชัดยิ่งขึ้น อาจเป็นกล้องดูดาวตัวแรกของโลกที่มีระบบกันสั่นในแบบเดียวกับกล้องถ่ายภาพ

การประกอบตัวกล้องจะต้องมีการทดสอบชิ้นส่วนน็อตทุกตัวชิ้นส่วนต่างๆทุกชิ้นส่วนต้องผ่านการทดสอบในห้องลดอุณหภูมิไปอยู่ที่ระดับติดลบมากๆเสียก่อน เพื่อความมั่นใจว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์ผิดพลาด เพราะเราออกไปซ่อมกล้องตอนที่เราปล่อยไปแล้วไม่ได้

การปรับมุมเอียงไปเอียงมา การหมุนตัวของกล้อง จะใช้ไจโรสโคป3ตัว หมุนเพื่อสร้างแรงเหวี่ยงให้มีการหมุนตามที่ต้องการ เป็นหลักการทางวิทยาศาสตร์ของโมเม้นที่เกิดจากการหมุน

ยังมีแง่มุมอื่นๆอีกมากที่เป็นความรู้ทางวิทยาศาสตร์ที่เราต้องใช้กับกล้องอวกาศตัวนี้ ถ้ามีข้อมูลเพิ่มเติมจะทะยอยเอามาลงเพิ่มครับ และตอนนี้เจ้ากล้องตัวนี้เดินทางไปถึงไหนแล้ว ก็ลองแวะดูที่ลิงค์นี้ได้ครับ

Source: Where Is Webb? NASA/Webb

หลังจากผ่านไปครึ่งปี วันที่ 12jul2022 เราก็ได้เห็นภาพที่ตั้งใจถ่ายจากกล้อง James webb กันแล้วคือภาพนี้

NASA’s Webb Delivers Deepest Infrared Image of Universe Yet

ขุดฟิล์มเก่า 6x6cm มาดูภาพ

การถ่ายภาพด้วยฟิล์มในยุคที่ดิจิทัลเบ่งบานนั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก เพราะร้านขายฟิล์มก็น้อยลง ร้านล้างอัดก็น้อยลง และยิ่งหากเป็นการถ่ายภาพขาวดำด้วยแล้ว ยิ่งหาร้านล้างฟิล์มได้ยากมาก คนถ่ายภาพขาวดำแทบจะต้องหัดล้างฟิล์มเองด้วย เพราะการล้างฟิล์มขาวดำมักจะต้องทำด้วยมือ และร้านล้างฟิล์มส่วนมากก็ไม่อยากทำแล้ว

IMG_20210610_080758

ฟิล์มขาวดำชนิดสัดส่วน 6x6cm นั้นเป็นระบบการถ่ายภาพที่เป็นที่นิยมในวงการมืออาชีพ เพราะการได้ฟิล์มใหญ่คือข้อได้เปรียบของอัดภาพ สแกนภาพ และกล้องที่จะใช้กับฟิล์ม 6x6cm หรือ บางคนเรียกว่าฟิล์ม 120 ก็จะเป็นกล้องขนาดเทอะทะมาก ส่วนการล้างฟิล์มด้วยตัวเองก็เป็นเรื่องลำบากมากกว่าฟิล์ม 135 เพราะว่า ฟิล์มใหญ่ ต้องใช้รีลใหญ่ แท็งค์ใหญ่ ใช้น้ำยาเยอะ 2 เท่าเมื่อเทียบกับฟิล์ม 135 นั่นแปลว่า เราต้องซื้อแท็งค์ใหญ่ รีลใหญ่ที่อาจจะไม่ค่อยได้ใช้นั่นเอง

1623306934107-01

ฟิล์มขาวดำ Kodak Tmax ความไว 100 ล้างด้วยน้ำยา Forte ผมจำไม่ได้แล้วว่าล้างที่อุณหภูมิเท่าไหร่ และนานกี่นาที กว่าจะพันฟิล์มเข้ากับรีลสแตนเลสโดยทุกอย่างทำในถุงมืดนั้นก็เป็นเรื่องที่ทำยากมาก ต้องฝึกฝนซ้ำแล้วซ้ำอีกเพื่อจะล้างฟิล์มแค่ 1 ม้วน วิธีฝึกก็ไม่ซับซ้อน เอาฟิล์ม 120 ม้วนอื่นที่ราคาถูก มาทดลองม้วนเข้ารีลสแตนเลสให้เห็นด้วยตาเลย ฟิล์มม้วนนั้นก็จะเสียไปเพราะโดนแสงไปแล้ว แต่ถ้าไม่ทำอย่างนี้เราก็ไม่มีฟิล์มที่จะฝึก จะเอาฟิล์มที่ถ่ายมีภาพแล้วไปฝึกก็ไม่ได้เพราะเราเสียดายภาพ เสียดายโอกาสที่จะได้ถ่ายภาพนั้น

การถ่ายภาพคือการหยุดเวลา หยุดเหตุการณ์เอาไว้ หลายสิ่งหลายอย่างในชีวิตจะเกิดขึ้นครั้งเดียวและไม่เกิดซ้ำ ภาพลูกก็จะเป็นลูกที่ถ่ายแล้ว ไม่สามารถย้อนเวลากลับไปถ่ายได้อีก เพราะเด็กโตแล้วโตเลย หรือแม้แต่ภาพคน คนนั้นตัวจริงอาจจะเปลี่ยนแปลงไปแล้ว แต่คนในภาพยังเป็นคนที่ไม่เปลี่นแปลง

slide-img088

ภาพจากฟิล์ม 120 ถ่ายด้วยกล้อง Yashica 635 เป็นกล้องที่เรียกว่า twin lens มีเลนส์ตัวบนเอาไว้ส่งภาพเช้าช่องมอง มีเลนส์ตัวล่างที่จะส่งภาพเข้าฟิล์ม กล้องตัวนี้เป็นของมือสอง สภาพยับเยิน ตอนได้มาหมาดๆต้องทำความสะอาดและส่งซ่อมเพื่อให้ทำงานได้ปกติ จุดเด่นของกล้องตัวนี้น่าสนใจมาก เพราะมันสามารถใส่ฟิล์มเล็กอย่าง 135 เข้าไปได้ด้วยโดยผ่านอแด๊ปเตอร์ตัวหนึ่ง ซึ่งมีกล้องแค่รุ่นนี้รุ่นเดียวเท่าที่รู้ว่ามีอแด๊ปเตอร์แถมมาด้วย แต่ส่วนมากเจ้าของกล้องมักจะทำอแด๊ปเตอร์หาย และผมก็ไม่เคยได้ลองใช้เลย สุดท้ายก็ขายกล้องออกไปแล้ว ด้วยเหตุผลว่า ผมไม่อยากดูแลกล้องที่ไม่ค่อยได้ใช้ และอีกอย่าง การถ่ายภาพมีความสนุกที่การกดชัตเตอร์และการเลือกเหตุการณ์ที่จะถ่าย กล้องเป็นเพียงอุปกรณ์ที่เราใช้ตอบสนองความคิดเท่านั้น ดังนั้นผมใช้กล้องอะไรก็ได้ความสนุกและความสุขไม่ต่างกัน เลยเลือกจะเก็บไว้แต่กล้องที่ได้ใช้บ่อยๆและดูแลง่ายๆมากกว่า.

เที่ยวตราด ดูเหยี่ยว ชิมผลไม้ เล่นน้ำ จังหวัดตราด

คลิปรวม

ดูเหยี่ยว จังหวัดตราด

รีวิวฟิล์มขาวดำกับกล้อง Harman Reusable Camera

IMG_0488

กล้อง Harman Reusable Camera เป็นกล้องที่ขายมาเป็นเซ็ต แถมฟิล์มมา 2 ม้วน เมื่อปีก่อนผมได้รีวิวกล้องตัวนี้ไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่เป็นการรีวิวหรือทดลองใช้กับฟิล์มสี เพราะเจตนาอยากจะเห็นภาพเร็วๆ เนื่องจากการเตรียมอุปกรณ์เพื่อล้างฟิล์มขาวดำจะต้องใช้ของจำนวนมาก และใช้ความพยายามในการล้างฟิล์มเองด้วย ทำให้ตัดสินใจเลือกฟิล์มสีไปก่อนเพื่อความสะดวกและจะได้รู้ผลเร็ว ซึ่งก็ได้เห็นคุณภาพของกล้องราคาไม่แพงตัวนี้กันแล้ว และถือว่าน่าพอใจกับกล้องตัวนี้ กลับไปอ่านรีวิวได้ที่นี่

IMG_4840


กว่าจะได้มีโอกาสใช้ฟิล์มขาวดำในชุดของมันเองก็ผ่านไปอีกหลายเดือน ผมใช้กล้อง Harman
Reusable กับฟิล์มในชุดคือฟิล์ม Kentmere pan400 กลักสีม่วงสวยงาม ฟิล์มตัวนี้เป็นฟิล์มขาวดำ ความไวแสง 400 ต้องล้างด้วยน้ำยาขาวดำแท้ ผมเลือกใช้น้ำยา Kodak D76 ซึ่งเป็นน้ำยามาตรฐานของฟิล์มขาวดำ ตามสูตรของผู้ผลิตจะแนะนำเอาไว้ว่า ถ้าล้างด้วยน้ำยา D76 จะต้องล้างที่อุณหภูมิ 20 องศาเซลเซียส และใช้เวลาล้าง 9.30 นาที

IMG_20210221_074216

และเมื่อล้างเสร็จขั้นตอนทุกอย่างแล้ว ก็เลยสแกนภาพด้วยมือถือ โดยการถ่ายภาพฟิล์มแล้วนำไปปรับแต่งด้วยซอร์ฟแวร์ เพื่อให้ได้ภาพขาวดำออกมา ภาพที่ได้เป็นภาพที่ไม่ค่อยคมชัดนัก อาจจะเป็นเพราะวิธีสแกน หรืออาจจะเป็นเพราะกล้องมีระยะชัดตายตัว ปรับโฟกัสไม่ได้ ทำให้บางภาพที่ถ่ายใกล้กับตัวแบบจะทำให้ภาพดูไม่คมชัด หรือ โฟกัสไม่ตกอยู่บนตัวแบบ

1613868155067-01

ข้อดีของ Harman Reusable Camera คือ มันเป็นกล้องคอมแพ็คที่ออกแบบมาเพื่อให้มือใหม่ได้ทดลองใช้ ไม่มีระบบวัดแสง มีแต่การเปิดแฟลชหรือปิดแฟลชเท่านั้นที่ดูเป็นลูกเล่นให้เลือกปรับแต่ง กล้องใช้แบตเตอรี่ขนาด AAA จำนวน 1 ก้อนเพื่อใช้งานในการเปิดแฟลช หากใช้ในที่แสงพอดีกับสเป็คกล้อง ก็จะให้ภาพที่มีน้ำหนักเข้มอ่อนพอดี ภาพเหตุการณ์ที่มีแสงแดดอ่อนบนกล้องตัวนี้มีคุณภาพดีเกินราคา แต่หากไปเจอกับที่มืด หรือเหตุการณ์ในร่มเงา ในห้อง ในตึก สภาพแสงในบ้านมักจะน้อยอยู่แล้ว กล้องคอมแพ็คชัตเตอร์คงที่แบบนี้จะให้ภาพอันเดอร์ทันที การเปิดแฟลชช่วยก็จะพอทำให้ได้ภาพ แต่แสงแฟลชก็ไม่แรงนัก ภาพที่เปิดแฟลชถ่ายในบ้านยังคงดูอันเดอร์อยู่

1613868874915-01

หากจะสรุปถึงคุณภาพของกล้องและฟิล์มของบ็อกเซ็ตชุดนี้ กล้องคอมแพ็คเปลี่ยนฟิล์มได้มีกลไกการทำงานที่แม่นยำ สปีดชัตเตอร์ระดับ 1/100 วินาทีโดยประมาณพร้อมรูรับแสง f10 ทำให้มันเหมาะกับการถ่ายภาพในที่มีแสงสว่างมากพอ อย่างเช่นตอนกลางวัน ภาพตัวแบบที่โดนแสงแดดโดยตรงจะให้คุณภาพที่ดี หากถ่ายในที่แสงน้อยก็ต้องเปิดแฟลชเสมอ และพยายามยืนใกล้แบบเอาไว้ เพราะแสงแฟลชจากพลังงานแบตเตอรี่ก้อนเดียวก็ทำงานได้ในระยะประมาณ 1-1.5เมตรเท่านั้น

IMG_20210225_141205

ทดลองนำฟิล์มไปอัดขยายด้วยกระบวนการห้องมืด ก็อัดภาพออกมาได้สวยงามดี ภาพที่ถ่ายมาค่าแสงพอดีก็จะสามารถอัดภาพออกมาได้มีน้ำหนัก มีส่วนขาวสุดและดำสุดในภาพ ดังนั้นการเลือกถ่ายภาพด้วยกล้อง Harman Reusable ก็ควรจะเลือกสถานการณ์ที่เหมาะสมกับสเป็คกล้องไว้ก่อน ก็คือ แสงแดดส่อง หรือ แดดกำลังดี จะให้ภาพที่ดีที่สุด หลีกเลี่ยงการถ่ายภาพในที่ร่ม หลีกเลี่ยงภาพในบ้านในอาคารที่ไม่มีแสงธรรมชาติ

2021-02-21_06-00-22



บ็อกเซ็ตชุดนี้ให้ความสนุกสนานได้ดี แต่ต้องอาศัยคนที่มีความชำนาญในการล้างฟิล์มด้วย ค่าใช้จ่ายกล้องพร้อมฟิล์มประมาณ 1000 บาท ค่าน้ำยาล้างฟิล์มประมาณ 1000 บาท ซึ่งน้ำยาจะใช้ล้างได้เกินสิบม้วน ใครมีน้ำยาล้างฟิล์มอยู่แล้วก็ไม่ต้องซื้อ แต่ใครไม่มีก็ต้องลงทุนกันหน่อย หรือ ถ้าจะไปจ้างคนอื่นล้างก็หายากและราคาก็แพงระดับหลายร้อยบาทต่อม้วน ค่าใช้จ่ายหลังการถ่ายภาพที่สูงระดับนี้คงทำให้มีคนลองเล่นไม่มากนัก

สั่งซื้อได้ที่ https://shope.ee/1q7YfKc1bU

2021-02-25_05-53-57

ภาพถูกใจที่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อย

IMG_4823

นานมากแล้วที่ไม่ได้ถ่ายภาพลูกในจังหวะที่เป็นธรรมชาติ และถูกใจในเหตุการณ์จริงๆ จังหวะที่รถกำลังวิ่ง ลูกก็โทรศํพท์ด้วยระบบ Video call หาแม่ที่บ้าน การพูดคุยก็ดำเนินไปเรื่อยๆ เสียงในสายก็บอกว่ามองไม่ค่อยเห็น ผมก็เลยหยิบไฟฉายมาให้ลูกใช้ส่องเพื่อให้มองเห็น ลูกก็หยิบไฟฉายไปส่องตัวเอง ผมได้ยินปลายสายพูดลอยออกมาว่าเห็นแล้ว ก็เลยหันไปดู รถก็วิ่งอยู่ แต่ก็เห็นว่าลูกกำลังคุยกับแม่และใช้มือส่องไฟให้ตัวเอง ภาพนี้เป็นจังหวะน่ารักน่าเอ็นดู ในใจคิดออกมาทันทีเลยว่า ถ้าลูกโตเป็นวัยรุ่นจะไม่น่ารักแบบนี้อีกแล้ว ภาพนี้ต้องถ่ายให้ได้ แต่ก็ไม่มีโทรศํพท์มือถือในมือ เพราะโทรศัพท์กำลังถูกใช้งานอยู่ในมือลูกนั่นเอง

ข้างๆตัวมีเป้ที่ผมใช้ประจำ ในเป้มีกล้องถ่ายรูปอยู่ ก็เลยคลำลงไปในเป้ หยิบกล้องออกมา เปิดกล้อง ปรับโหมดกล้องไปในตำแหน่งที่จำได้ว่าเป็นโหมดถ่ายภาพ และกล้องถูกใช้งานถ่ายภาพในโหมด Av รูรับแสง f2 อยู่แล้ว เพราะเพิ่งใช้ถ่ายภาพวันตรุษจีนไปเมื่อสามวันก่อน ค่า setting ต่างๆในกล้องยังเป็นค่าที่เหมาะสมกับสถานการณ์นี้อยู่ แต่การจะถ่ายภาพให้ฉากหลังดำในตอนกลางคืนนั้นจะต้องมีการชดเชยแสงในทาง – ด้วย เพื่อให้บรรยากาศในภาพเป็นโทนสีดำมืดนั่นเอง เลยตั้งค่าชดเชยแสงเป็นค่า -2 จากนั้นก็เล็งกล้องถ่ายเลย อาศํยว่ากล้องเป็นระบบออโตโฟๆกัส กดปุ่มชัตเตอร์ลงไปครึ่งหนึ่ง แล้วรอจังหวะให้กล้องส่งเสียงตี๊ด ซึ่งหมายถึงกล้องโฟกัสภาพเรียบร้อยแล้ว ก็กดถ่ายเลย ทั้งหมดทำตอนรถยังวิ่งอยู่ ได้ภาพเบี้ยวๆมาหลายภาพ และภาพที่โชว์นี้คือภาพที่ไม่เบี้ยวนัก เป็นภาพที่มีตำแหน่งองค์ประกอบภาพที่ดีที่สุดเท่าที่จะถ่ายภาพได้ตอนรถวิ่งและตาไม่มองนายแบบ

เมื่อดูภาพในจอมคอมพิวเตอร์ก็รู้สึกพอใจมากที่สามารถเก็บภาพได้ตามที่ใจคิด กล้อง eos m1 พร้อมเลนส์ 22f2 นับเป็นคู่หูที่ไว้ใจได้ จริงๆ