ในที่สุดขอบฟ้าก็ต่อ lego ตามแบบได้ แม้ว่าพ่อจะนั่งอยู่ข้างๆคอยตรวจให้ว่าทำถึงขั้นไหนแล้ว แต่ก็ถือว่ามีความพยายามต่อเนื่องที่ต่อจนจบ อยู่ๆลูกก็เล่นแบบมีสมาธินานๆได้ นึกว่าจะเป็นลิง ลุกวิ่งตลอดเวลาซะอีก
Category Archives: love
งานวันชื่นใจ อนุบาล3 ของขอบฟ้า
งานวันชื่นใจจะเป็นงานแสดงผลงานของนักเรียนในชั้น ขอบฟ้าเรียนที่เพลินพัฒนามาตั้งแต่รุ่นเตรียมอนุบาล และมีงานชื่นใจในช่วงปลายเทอมก่อนปิดปีการศึกษาทุกปี ในปีนี้เป็นปีที่เรียนอยู่อนุบาล3 เนื้อหาในงานของปีนี้แตกต่างไปจากปีที่แล้วมาก
เข้าใจว่าเด็กอนุบาล3จะมีทักษะการจดจำและการแสดงที่มากกว่าปีที่แล้วอย่างก้าวกระโดด นั่นทำให้งานชื่นใจปีนี้เป็นการแสดงละครในรูปแบบหนึ่งที่มีระยะเวลาการแสดงที่ยาวนานเกิน 1 ชั่วโมงไปพอสมควร แตกต่างจากปีที่แล้วที่เป็นการแสดงที่ไม่ต่อเนื่อง และเนื้อหาไม่เกี่ยวข้องกัน
เด็กมีการแบ่งบทบาทการแสดงหลายอย่าง เด็กทุกคนจะแสดงเป็นตัวละครสักตัวหนึ่งในแต่ละเรื่องย่อย บางคนรับหน้าที่พูดบรรยายด้วย บทพูดหลายๆประโยคได้รับการถ่ายทอดออกมาแสดงให้เห็นว่าเด็กมีความจำดีแทบทุกคน
การแสดงเรียกเสียงหัวเราะได้ตลอดเวลา เด็กทุกคนรู้หน้าที่และคอยเตือนเพื่อนเมื่อมีเหตุที่ไม่เป็นไปตามแผน พ่อแม่อย่างผมแอบคิดว่านี่เขาต้องซ้อมร่วมกันมากี่วันถึงบริหารจัดการได้ระดับนี้ ลำพังเด็ก 1 คนอยู่กับพ่อแม่ก็ซนและวุ่นวายจนหมดแรง แต่ครูสามารถกำกับเด็กได้ทั้งห้อง ทุกคนตั้งใจแสดงและทุกคนทำได้ดี ชื่อว่าครูก็คงเหนื่อยมากในการฝึกซ้อมกิจกรรมครั้งนี้
ผมรู้สึกว่าตัดสินใจไม่ผิดที่เลือกที่นี่ให้ลูก เป็นพัฒนาการที่น่าพอใจ พ่อแม่ก็เห็นแนวทางของโรงเรียนมาตลอด และได้เห็นสิ่งที่ค่อยๆใส่ให้ลูก ค่อยๆเรียนรู้ การเป็นเด็กที่รู้จักตั้งคำถาม และมีความพยายามที่จะหาวิธีการ มีความพยายามหาคำตอบ เป็นทักษะที่พ่อแม่อยากให้ลูกมีติดตัว จบชั้นอนุบาล จบการเรียนรู้เพื่อการเล่น ต่อไปชีวิตประถม1ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าจะเป็นช่วงชีวิตแห่งความจริง เป็นการเรียนรู้เพื่อใช้ชีวิตจริง พ่อแม่เชื่อว่าลูกพร้อมรับกับชีวิตที่ต้องรับผิดชอบตัวเองมากขึ้น
ปรับปรุงเครื่องกรองฝุ่น ใส่ฟิลเตอร์คุณภาพสูง
เพื่อนที่ทำงานติดตั้งระบบท่อแอร์และท่อประปาได้คุยกับผมเรื่องฟิลเตอร์กรองฝุ่น เขาแนะนำให้ผมรู้จักฟิลเตอร์ชนิดหนึ่งที่ใช้ติดกับระบบแอร์ และในบ้านเขาก็ใช้ฟิลเตอร์นี้ในการรับมือกับฝุ่น pm2.5 ที่กำลังปกคลุมประเทศไทยอยู่ในช่วงนี้ และเพื่อนก็ใจดีแบ่งให้ผมมาลองใช้งานดู
ฟิลเตอร์ชนิดนี้เรียกว่าอะไรผมก็ไม่ได้รู้จักชื่อที่ถูกต้อง รู้แต่ว่ามันเป็นชนิด g4 ที่มีคุณสมบัติกรองฝุ่นขนาด 1ไมครอนได้ประมาณ 90% นั่นก็หมายความว่า ฝุ่น pm2.5 ก็สามารถกรองได้อย่างไม่มีปัญหา ก็เลยทำการทดลองกับกล่อง DIY ที่ทำขึ้นมา
กล่องนี้ ในตอนที่แล้วผมสร้างจากกล่องใส่นม uht และใช้หน้ากากอนามัย 2 แผ่นแทนฟิลเตอร์กรองฝุ่น ติดพัดลมด้านหนึ่งของกล่อง และติดฟิลเตอร์ด้านตรงข้ามกับพัดลม ผลการวัดค่าด้วยเครื่องวัดฝุ่น Xiaomi air detector ก็ทำงานได้ดีระดับนึงคือลดฝุ่นลงได้ประมาณ 50% แต่ยังไม่ดีเท่ากับเครื่องฟอกอากาสที่ทำขายกันในห้าง แต่ก็ถือว่าหลักการทำงานใช้งานได้เช่นกัน
เมื่อได้ฟิลเตอร์ G4 มาทดสอบ ก็จัดการรื้อหน้ากากอนามัยออก แล้วเอาฟิลเตอร์ตัดเท่ากับกล่อง มาปิดแทนหน้ากากอนามัย ใช้เทปพันสายไฟติดฟิลเตอร์เข้ากับตัวกล่อง แล้วก็ทดลองใช้งาน วัดค่าฝุ่นที่ออกมาจากกล่องนี้ ผลก็คือ มันทำงานได้ดีมาก ลดฝุ่นในห้องจาก 10ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เหลือ 1 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรเท่านั้น นั่นหมายความว่าฟิลเตอร์ตัวนี้ทำงานได้ตรงสเป็คเลย
เห็นแบบนี้แล้วก็รู้สึกอยากจะออกแบบเครื่องกรองอากาศขึ้นมาใช้เองเลย ถ้าใส่กล่องไม้ในรูปทรงที่ดูดี ใช้พัดลมที่ตัวใหญ่ แรงลมเยอะ และเสียงเบาลง รวมถึงจะได้ออกแบบกล่องที่ใหญ่พอสำหรับติดฟิลเตอร์ขนาดใหญ่เพื่อให้เครื่องกรองฝุ่นสามารถลดฝุ่นในห้องได้เร็วกว่ากล่องขนาดเล็ก มันจะเป็นเครื่องกรองฝุ่นที่น่าใช้มาก เพราะมันสวยตามใจเรา เพราะมันเป็นของที่เราทำเอง และเพราะมันทำงานได้ดีด้วย
สรุป
เครื่องฟอกอากาศ หรือเครื่องกรองฝุ่น ใช้เทคโนโลยีไม่ซับซ้อน คนทั่วไปสามารถสร้างขึ้นเองได้ อาศัยเพียงพัดลมและฟิลเตอร์กรองฝุ่นเท่านั้น พัดลมเราหาได้จากอะไหล่อิเล็คทรอนิกส์ที่เหลืออยู่ในบ้าน หาได้จากคอมพิวเตอร์เก่า หรือแม้แต่ร้านขายอะไหล่ไฟฟ้าก็น่าจะมีขายอยู่ในราคาไม่ถึง100 บาท แหล่งจ่ายไฟเราได้จากหม้อแปลงเก่าๆ จะใช้ 12v ก็ได้ จะใช้ 5v ก็ได้ ขึ้นอยู่กับพัดลมที่เราเลือกใช้ หม้อแปลงเก่ามันก็น่าจะมาจากของเหลือในบ้านอีกเช่นกัน บ้านที่ใช้อินเทอเน็ตความเร็วสูงก็จะมีเร้าเตอร์ที่ใช้งานมายาวนาน เปลี่ยนความเร็วอินเทอเน็ตก็ต้องเปลี่ยนเร้าเตอร์ ของเก่าก็เลิกใช้ หม้อแปลงเก่าจากเร้าเตอร์เก่าๆก็เก็บวางไว้เฉยๆ หรือบางคนอาจใช้หม้อแปลงจากexternal harddisk ที่คนเล่นเน็ตมักจะซื้อติดบ้านไว้อยู่แล้วตั้งแต่อดีตนานแสนนาน ฮาร์ดดิสก์ที่ซื้อเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ป่านนี้ก็ไม่พอใช้ต้องซื้อใหม่แน่นอน เหลือหม้อแปลงแน่ๆ ส่วนฟิลเตอร์ก็จะเป็นตัวสำคัญที่สุด เราลดฝุ่นได้มากหรือน้อยขึ้นอยู่กับฟิลเตอร์ หน้ากากอนามัยชิ้นละ 5 บาท 2ชั้นก็10บาท ซื้อได้ไม่ต้องคิดเลย ใส่ 2 ชั้นก็ทำงานได้ หรือจะใช้ฟิลเตอร์เฉพาะทางแบบผมก็ได้ หรือจะใช้ฟิลเตอร์กรองแอร์ที่อยู่ในรถยนต์ก็ได้ ฟิลเตอร์กรองแอร์ก็ทำงานดักฝุ่นที่ระดับ 0.3ไมครอนได้เช่นกัน กรองแอร์ในเว็บขายของก็มีราคาชิ้นละร้อยกว่าบาทเท่านั้น
วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2562 บันทึกไว้เพื่อเป็นแนวทางสำหรับคนงบน้อย และคนไม่อยากซื้อเครื่องกรองอากาศเยอะเกินไป และในวันนี้ค่าฝุ่นในอากาศก็ลดระดับลงมาอยู่ในระดับปกติแล้ว มันลดลงมาสัก 7 วันแล้ว แต่พยากรณ์ค่าฝุ่นจากเว็บก็บอกว่า อาจจะมีฝุ่นปกคลุมอีกระลอกในวันที่ 14-15 กุมภาพันธ์ 2562 เตรียมของไว้ก็ไม่เสียหายนะครับ
.
.
.
.
.
.
.
แถมให้อีกภาพครับ
ด้านซ้ายคือยังไม่เสียบไฟ พัดลมยังไม่หมุน เครื่องยังไม่ทำงาน
ด้านขวาคือเสียบปลั๊ก เปิดเครื่องทำงานไปประมาณ 2 นาที
บันทึกขอบฟ้าใส่เล่มใหญ่ 21jan2019
บันทึกขอบฟ้าใส่เล่มใหญ่ 21jan2019
ขอบฟ้าได้ดูหนังในโรงหนัง สามารถดูหนังที่มีเรื่องราวซับซ้อนได้ จำตัวละครและความต่อเนื่องของแต่ละตัวได้ หนังเรื่องอินฟินิตี้วอร์เป็นหนังที่ขอบฟ้าอยากดู และได้มีโอกาสดูทางเคเบิ้ลทีวีหลายรอบ นอกจากนี้ ยังได้อ่านเรื่องทศกัณฐ์โดยการให้พ่อแม่อ่านให้ และดูจาก youtube ขอบฟ้าจำตัวละครในเรื่องนี้ได้หลายตัว และก็สนุกกับการดูการฟังซ้ำๆ
ขอบฟ้าคุยกับพ่อเรื่องต้นไม้ เรื่องอ๊อกซิเจน เรื่องคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ ขอบฟ้าสนใจเรื่องธรรมชาติของต้นไม้ และได้เรียนรู้เรื่องข้าวและผลิตภัณฑ์ทำจากข้าว เวลาไปเที่ยวแล้วเจอกิจกรรมเกี่ยวกับต้นไม้และข้าว ขอบฟ้าก็จะสนใจและร่วมกิจกรรมได้นานและไม่กลัวน้ำโคลน
พ่อลูกคุยเรื่องอ๊อกซิเจนมาจากไหน เอาน้ำมาแยกเป็นอ๊อกซิเจนและไฮโดรเจนได้ ขอบฟ้าจำได้ว่าดาวอังคารมีน้ำแข็งอยู่ที่ขั้วโลกของดาว และเชื่อมโยงได้ว่าเราน่าจะละลายน้ำแข็งมาใช้ เพราะเราจะมีน้ำ มีอ๊อกซิเจน และมีพลังงานให้ใช้บนดาวอังคาร ขอบฟ้ายังอยากเป็นนักบินอวกาศ และอยากเป็นนักฟุตบอล ขอบฟ้าเคยถามแม่ว่า คนเราสามารถเป็น 2 อย่างได้ไหม แม่ก็ตอบว่าได้ เราอยากเป็นอะไรก็ได้กี่อย่างก็ได้ที่เราต้องการ
ขอบฟ้ายังไม่สามารถยอมรับกับความพ่ายแพ้ได้ บางครั้งก็ดูเหมือนจะดีขึ้น แต่ก็มีบทเสียใจ ร้องไห้ และไม่เล่นต่อด้วยความกลัวแพ้ พ่อแม่พยายามชวนเล่นหลายกิจกรรมเพื่อให้มีการแพ้ชนะปนกัน เพื่อให้สามารถปรับตัวรับความพ่ายแพ้ให้เป็น
ลดฝุ่นด้วยการลดการใช้พลังงานกันเถอะ
ถ้าวันนึงลูกเราออกไปใช้ชีวิตนอกห้องไม่ได้ ก็เป็นเพราะเราส่งต่อโลกเน่าๆให้เขาเอง ลดการใช้พลังงานคือหนทางเดียวที่จะลดฝุ่นควัน ไม่มีพลังงานทางเลือกที่สะอาดไปกว่าการไม่ใช้พลังงาน อย่าไปรอการแก้ไขจากคนอื่น เริ่มลดการใช้พลังงานเท่าที่เราทำได้ มันดีและเร็วที่สุด
ฝุ่น pm2.5 เป็นฝุ่นขนาดเล็กที่เข้าสู่กรุงเทพมาหลายปีแล้ว แต่ในหลายปีก่อนไม่มีใครรู้ว่ามันคือฝุ่น pm2.5 แม้แต่ผมเอง ช่วงเดือน ธันวาคม 2560 หรือ 13 เดือนที่แล้วผมก็เจอสถานการณ์ที่มีฝุ่นปกคลุมกรุงเทพ แต่วันนั้นผมยังคิดว่าเป็นหมอกอยู่เลย
ภาพบนถนนบรมราชชนนี ที่มีแสงแดดส่องแล้วมีลำแสงลอดผ่านสะพานยกระดับ เกิดเป็นแสงสวยๆวางเอียงๆตามมุมของดวงอาทิตย์ นาทีที่ผมเห็นผมก็ตื่นเต้นดีใจ หยิบกล้องขึ้นมาถ่ายเอาไว้ สิ่งที่อยู่ในภาพนั้น ยังไม่ชัดเท่ากับสิ่งที่มองเห็นด้วยสายตา ผมดีใจที่มีหมอกลงและแสงสวย นี่คือความเข้าใจในวันนั้น หลายเดือนต่อมา มีข่าวว่ากรุงเทพหมอกลงอีกครั้ง หลายคนก็นึกว่าหมอก แต่ในเฟสบุ๊คและในโทรทัศน์ลงข่าวว่ามันคือฝุ่นขนาดเล็กหรือ ฝุ่น pm2.5 และมันมีอันตรายมากต่อคนเรา นั่นก็ทำให้ผมเริ่มเข้าใจสถานการณ์
สิ่งที่ผมเห็นและถ่ายรูปเก็บไว้มันคือฝุ่น pm2.5 นั่นเอง และจากการประโคมข่าวเรื่องนี้ทำให้เรารู้ว่า ฝุ่นมาจากรถยนต์และโรงงานอุตสาหกรรมเป็นส่วนใหญ่ แต่วันนั้นฝุ่นอยู่กับเราไม่นานก็สลายตัวไป แต่รอบนี้ มกราคม 2562 ฝุ่น pm2.5 อยู่กับเรานานมาก นานจนเป็นเดือน และนี่คืออันตรายต่อชีวิตคนสุดๆเลย
ในต่างประเทศก็ประสบปัญหาแบบนี้ และก็มีมาตรการมากมายออกมา ทั้งการจำกัดรถที่วิ่งในเมือง การย้ายโรงงานออกไปอยู่ไกลๆจากเมือง ส่วนวิธีกำจัดฝุ่นในต่างประเทศไม่พูดถึงเลย ซึ่งเข้าใจว่าเป็นการแก้ที่ปลายเหตุ และมันแก้ไม่ได้นั่นเอง ส่วนในไทยก็มีแต่การพูดถึงการกำจัดฝุ่น เราได้เห็นรถฉีดน้ำ เราได้เห็นราชการแจกหน้ากากป้องกันฝุ่น แต่ไม่มีใครใส่ใจที่จะพูดถึงการป้องกันการเกิดฝุ่นเลย
ไม่ว่าเราพยายามกำจัดฝุ่นขนาดไหน เราก็ยังต้องประสบกับปัญหาฝุ่นอยู่ดี แต่ถ้าเราลดฝุ่นไม่ให้มันเกิดตั้งแต่ต้น มันคงดีกว่า แต่เราจะไปย้ายโรงงานคนอื่นออกนอกเมืองก็ทำลำบาก เราจะไปห้ามคนใช้รถยนต์ก็เป็นไปไม่ได้ สิ่งที่เราพอจะทำได้ก็น่าจะเป็น การลดการใช้พลังงานลง เพราะเรารู้แล้วว่าฝุ่นมาจากการเผาไหม้เชื้อเพลิง ถ้าเราลดการใช้รถยนต์ลงบ้าง ฝุ่นก็ลดลงบ้างนั่นเอง ถ้าเราลดปริมาณขยะ เราก็ไม่ต้องเผาขยะมากเหมือนเดิม ลดขยะทำง่ายๆแค่ อย่ากินเหลือ อย่าซื้อของเยอะเกินความจำเป็น นอกจากฝุ่นที่รบกวนเราแล้วก็ยังมีควันพิษต่างๆที่ออกมาพร้อมฝุ่นด้วย ควันพิษเหล่านี้ก็ไม่ได้หายไปไหน มันอยู่รอบตัวเราทั้งนั้น หากทำได้เราก็ควรเพิ่มต้นไม้ให้มากขึ้น มีพื้นที่พอก็ปลูกในสนาม พื้นที่น้อยก็ปลูกในบ้าน ปลูกต้นไม้แนวตั้งก็ช่วยให้อากาศดีขึ้นได้ เรื่องเล็กน้อยเหล่านี้แต่ละบ้านพอจะทำกันได้อยู่แล้ว แค่เราตระหนักว่าเราต้องทำ เพื่อให้เราไม่ต้องส่งต่อโลกเน่าๆให้กับลูกของเรา
คุยกับลูก – เรื่องฝุ่นและรถยนต์ไฟฟ้า
ระหว่างทางขับรถไปโรงเรียน ลูกกับพ่อก็คุยกันเรื่องฝุ่น
พ่อ ขอบฟ้าเห็นไหม ฝุ่นเยอะมากเลย แสงแดดส่องลงมาได้นิดเดียวเอง นี่คือสาเหตุที่ทำให้เราต้องใส่หน้ากากจะได้ไม่ป่วย
ขอบฟ้า นี่คือฝุ่นเหรอ
พ่อ ใช่ แดดส่องลงมาแล้วโดนฝุ่นกั้นไว้ แสงแดดส่องไม่ถึงพื้น ไฟถนนยังไม่ปิดเพราะ วงจรไฟฟ้าที่เปิดปิดอัตโนมัติมันจะสั่งปิดถ้าแสงสว่างเยอะ แสงเยอะหมายถึงกลางวัน ไฟก็จะปิด แต่ตอนนี้แดดส่องน้อย ตัวสั่งงานมันได้แสงน้อยมันก็ยังนึกว่าไม่สว่าง ไฟก็เลยยังติดอยู่
ขอบฟ้า แล้วฝุ่นมาจากไหนเหรอครับ
พ่อ มาจากท่อไอเสียรถยนต์ปล่อยควันพิษออกมา แล้วก็มาจากโรงงานอุตสาหกรรมด้วย ขอบฟ้าอาการฝุ่นเยอะ แดดส่องไม่ถึงพื้นนี่ มันเหมือนเมื่อตอนอุกาบาตชนโลก แล้วทำให้ระเบิด ทำให้ภูเขาไฟระเบิดด้วย ทำให้เกิดควันไฟมหาศาล ฝุ่นและควันก็กระจายขึ้นฟ้าเยอะมาก จนมันบังแสงจากดวงอาทิตย์ แสงอาทิตย์ส่องไม่ถึงพื้นโลก
ขอบฟ้า …. ฟังอย่างตั้งใจ…..
พ่อพูดต่อ พอแสงอาทิตย์ส่องไม่ถึงพื้น ต้นไม้ก็ผลิตอาหารและอ๊อกซิเจนไม่ได้ ต้นไม้ก็ตาย ไดโนเสาร์กินพืชก็ไม่มีอาหาร ก็ตายตามมา ไดโนเสาร์กินเนื้อก็ไม่มีไดโนเสาร์กินพืชให้กิน ก็ตายตามกันมาอีก ในที่สุดก็ตายหมดโลกเลย
ขอบฟ้า นี่เรากำลังจะตายใช่ไหม
พ่อ ไม่หรอกครับ ตอนไดโนเสาร์ตาย มันเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและกระทันหัน แล้วไดโนเสาร์ไม่มีสมองที่จะคิดแก้ปัญหามันก็เลยตาย แต่คนเรามีสมอง เรายังแก้ปัญหาได้ ตอนนี้คืออากาศเริ่มต้นสกปรก เรายังทำให้มันไม่สกปรกได้ พอเราลดความสกปรกลง อากาศก็จะกลับมาดีเหมือนเดิม
ขอบฟ้า ลดยังไง?
พ่อ ก็ลดการใช้พลังงาน ลดการใช้รถยนต์ลง รถยนต์จะได้ปล่อยไอเสียน้อยลง ไม่ขับพร่ำเพรื่อ ขับเมื่อจำเป็นเท่านั้น
ขอบฟ้า แต่เราก็ต้องใช้รถอยู่ดี
พ่อ ใช่ เรายังมีเรื่องจำเป็นต้องใช้ แต่เราก็ลดการใช้ลงได้บ้าง เช่น แทนที่จะไปกันสองคัน ก็นั่งรวมกันไปคันเดียว แบบนี้ลดได้ครึ่งนึง
ขอบฟ้า อย่างนี้ให้นั่งรถโพลี่เลย จะได้ไปกันได้หลายคน
พ่อ ใช่ครับ ถ้ารวมกันไปคันเดียว เราก็ลดการใช้พลังงานได้ ลดการใช้น้ำมันได้ ลดควันจากท่อไอเสียได้
ขอบฟ้า อ๋อ แบบนี้เราก็ต้องใช้รถไฮโดรเจน(โตโยต้า มิไร)
พ่อ ถูกต้อง สุดท้ายเราควรไปใช้รถที่ไม่ปล่อยควันพิษ เช่นรถไฟฟ้า รถไฮโดรเจนนั่นแหละ
ขอบฟ้า แล้วทำไม รัฐมนตรี ถึงไม่บอกให้เลิกใช้รถน้ำมันล่ะ
พ่อ คนนั้นเขาไม่ใส่ใจ คนทำงานบางคนก็ไม่มีความรู้ ไม่มีสติปัญญา หรือบางทีเขาลืมทำ (จริงๆจะบอกว่าไอ้นั่นมันปล้นตำแหน่งมา มันคิดจะทำอะไรดีๆไม่ได้อยู่แล้ว)
ขอบฟ้า ถ้าบอกให้เลิกใช้น้ำมัน เดี๋ยวควันพิษก็น้อยลง
พ่อ มันคงมีเหตุผลหลายอย่างที่ยกเลิกน้ำมันทันทีไม่ได้ แต่สิ่งที่เราทำได้ก็คือ เราต้องเริ่มจากตัวเรา เราจะไปรอให้รัฐมนตรีสั่งการ ไปรอให้คนอื่นทำไม่ได้หรอก เราต้องทำของเราเอง แล้วคนทุกคนก็ค่อยๆทำส่วนของตัวเอง เราลดการใช้น้ำมันลง เราลดการใช้พลังงานคนละนิด โลกก็จะดีขึ้น
ขอบฟ้า ครับ
อนุบาล3 ทำก๋วยเตี๋ยวกินกัน
ห้องเรียนของลูกผมมีการเรียนรู้เกี่ยวกับศิลปะ วัฒนธรรม ของภาคกลาง และในบางส่วนของการเรียนก็มีเรื่องอาหารของภาคกลาง ก็เลยมีกิจกรรมทำอาหารภาคกลาง ครูและนักเรียนในห้องตกลงว่าจะทำก๋วยเตี๋ยวเรือ ก็เลยแบ่งหน้าที่ให้แต่ละคนนำของไป รายชื่อองค์ประกอบของก๋วยเตี๋ยวถูกแจกจ่ายไปยังเด็กแต่ละคน และให้ผู้ปกครองช่วยเตรียมสิ่งของให้
สมัยผมเด็กๆไม่มีกิจกรรมแบบนี้ น่าอิจฉานักเรียนยุคนี้จริงๆเลย ได้คิด ได้ออกแบบ ได้แก้ปัญหา ส่วนกิจกรรมที่ทำเสร็จไป ผมก็ไปถามลูกว่าได้ทำอะไรบ้าง ขอบฟ้าบอกว่าทุกคนได้ทำเหมือนกันเลย ได้ทำตั้งแต่ต้นจนจบ ขั้นตอนก็คือ ใส่เครื่องก่อน แล้วก็ลวกเส้น มีเพื่อนบางคนใส่พริกไทด้วยนะ ฟังจากที่ลูกเล่าแล้วก็ดีใจ เพราะการเรียนรู้ที่ดีที่สุดคือการลงมือทำจริงๆ
ปรับภาพให้สวยถูกใจ
แม้ว่าการถ่ายภาพเราจะพยายามฝึกฝนให้ถ่ายดีที่สุดตั้งแต่การกดชัตเตอร์ ภาพหลังกล้องต้องสมบูรณ์ที่สุดเท่าที่สติปัญญาและสถานการณ์จะเอื้ออำนวย และเมื่อมาดูภาพในภายหลังเราก็ยังอาจจะปรับแต่งเพื่อให้มันดูดี หรือดูแปลกตาไปจากเดิมได้ การปรับภาพเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคน ซึ่งบางภาพผมก็เห็นว่าทำให้เป็นสีขาวดำก็ดูสวยขึ้น ได้อารมณ์ต่างๆในภาพมากขึ้น อย่างเช่นภาพเด็กเล่นเปียโนภาพนี้
ภาพนี้ผมใช้ app ในโทรศัพท์มือถือช่วยปรับให้ โดยการเอาภาพต้นฉบับมาเข้า app ชื่อ snapseed
1 ทำการปรับภาพเป็นขาวดำ เลือกโหมดขาวดำเป็น high contrast
2 ใช้คำสั่ง curve หรือ เส้นโค้ง เพื่อยกระดับส่วนความสว่างระดับกลางให้ดูสว่างขึ้น แต่ส่วนมืดและส่วนสว่างไม่ต้องเปลี่ยนแปลง
3 ใส่ขอบมืดให้กับภาพ หรือใส่ vignett เลือกค่าขอบมืดที่ไม่มากเกินไป ภาพก็ออกมาตามที่เห็น
4 ใส่ขอบขาวด้วย app ชื่อ collage เป็นการวางภาพในพื้นที่สี่เหลี่ยมจตุรัส
ก็ได้ภาพตามที่เห็นนี้ การปรับแต่งเป็นเรื่องความชอบแต่ละคน ผมเป็นคนชอบมองภาพขาวดำ ก็อยากจะปรับให้ดูถูกใจตัวเอง คนอื่นที่ดูอาจไม่ชอบก็ได้ เราไม่จำเป็นต้องสนใจ
กล้อง canon eos 6d กับเลนส์ canon macro100mm

ยังคงมีภาพอื่นๆอีกที่ถ่ายแล้วอยากลองเปลี่ยนโทนภาพดูบ้าง
ลูกถามพ่อ รู้ได้ยังไงว่าต้นไม้ผลิตอ๊อกซิเจน?
ผมก็เลยไปหาคำตอบว่าเราจะพิสูจน์ยังไงว่าต้นไม้ผลิตอ๊อกซิเจนจริงๆ ก็พบกับคลิปวิดีโออันนี้ครับ
แม่ลูกคุยกันเรื่องมอเตอร์ไซด์วันจันทร์
ขอบฟ้ากับแม่กำลังนั่งรถไปห้างในวันอาทิตย์ แม่คุยกับขอบฟ้าเรื่องคำทับศัพท์ภาษาอังกฤษ มอเตอร์ไซด์ภาษาไทย เอามาจาก มอเตอร์ไซเคิ่ล ภาษาอังกฤษ แล้วก็สะกด มอ ออ มอ ตอ เออ เตอ ร เรือการัน สระไอ ซอ โซ่ ดอ เด็ก การัน อ่านว่า มอเตอร์ไซด์
แม่บอกว่าการันจะไม่ออกเสียง เหมือนคำว่า วันจันทร์ ทอ รอ การัน ไม่ออกเสียง ขอบฟ้านิ่งคิดอยู่ห้าวินาทีแล้วถามว่า การันไม่ออกเสียง แล้วไม่เขียนได้ไหม ทำไมต้องใช้การัน แม่ให้ข้อมูลว่า การันไม่ออกเสียง แต่ให้คงไว้แบบการันเพื่อให้รู้ว่าคำนี้มีที่มาจากอะไร
มันเป็นเหตุผลเดียวที่นึกออกจริงๆ ผมก็หาเหตุผลที่ดีกว่านี้ไม่ได้ ในวัยเด็กผมก็เคยคิดสงสัย แต่ไม่กล้าถามใคร ผมโตมาในระบบการศึกษาที่ต้องเชื่อครูทุกอย่าง ต้องเชื่อผู้ใหญ่ทุกอย่าง ห้ามสงสัย ห้ามถามนอกเรื่อง ส่วนขอบฟ้าโตมาในยุคอินเทอเน็ตและได้รับการปลูกฝังนิสัยช่างสงสัยและนิสัยการตั้งคำถามจากโรงเรียน ผมชอบที่ขอบฟ้ามักจะสงสัยและกล้าถาม
สิ่งที่ผมจะพยายามทำก็คือ พยายามหาคำตอบมาให้ และจะไม่ไปสั่งให้หยุดถาม จะไม่บอกว่าให้จำไปแบบนี้ หรือบอกว่าเขาทำมาแบบนี้เราเลยต้องทำไปแบบนี้
สุดท้ายขอบฟ้าออกความเห็นว่า ภาษาไทยเป็นภาษาที่ยากกว่าภาษาอังกฤษ เพราะภาษาไทยซับซ้อนมาก นี่คือความเห็นของเด็ก 6 ขวบ ผมฟังแล้วก็เห็นด้วย และทึ่งในประสบการณ์วิเคราะห์ภาษาร่วมกันครั้งนี้
ไปค้นหาเรื่องการัน และได้พบกับคำอธิบายที่ดี ก็ได้ความรู้ติดตัวกลับมาว่า การันคือตัวหนังสือที่อยู่ในลำดับสุดท้ายของคำ ส่วน “ ์ ” เครื่องหมายนี้จะฆ่าเสียงของตัวอักษร และตัวที่ถูกฆ่าเสียงเรียกว่าตัวการัน จะไม่ออกเสียงเวลาพูด นี่คือความซับซ้อนแต่มีความงามซ่อนอยู่
ตามไปอ่านกันต่อเองเลยที่
ทำปฏิทินขอบฟ้า 2019
ปฏิทินที่ใส่ภาพลูกเป็นสิ่งที่ทำทุกปี โดยจะเลือกภาพที่เกิดขึ้นในแต่ละเดือนมาใส่ให้ตรงเดือน เมื่อใช้ปฏิทินในแต่ละเดือน ก็จะเห็นภาพของลูกในเดือนเดียวกันเมื่อปีที่แล้ว
ภาพเดือนมกราคมคือภาพที่พาขอบฟ้าไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ คลอง 5 รังสิต
ภาพเดือนกุมภาพันธ์เป็นภาพที่ถ่ายจากงานวิ่งของหนังสือไดโนรัน วิ่งที่สวนสิริกิติ์ จตุจักร
ภาพเดือนมีนาคมคือภาพที่ถ่ายที่สนามเรียนฟุตบอล ขอบฟ้าลงแข่งนัดกระชับมิตร
ภาพเดือนเมษายนถ่ายในสระว่ายน้ำตอนไปเที่ยวหัวหิน ใช้กล้องฟิล์มใส่พลาสติกกันน้ำ
ภาพเดือนพฤษภาคมเป็นตอนที่ให้ขอบฟ้าดูดาวพฤหัสที่บ้านบางขุนนนท์
ภาพเดือนมิถุนายนถ่ายที่ร้านอาหารน้ำเคียงดิน เป็นการเลี้ยงครบรอบแต่งงานของพ่อกับแม่
ภาพเดือนกรกฎาคมขอบฟ้าไปเที่ยวเชียงใหม่และแวะไปดูโรงงานทำกระดาษสาจากขี้ช้าง
ภาพเดือนสิงหาคม ขอบฟ้าชอบการ์ตูนเรื่องปาร์แมนมาก และแต่งตัวเป็นปาร์แมนไปเที่ยวอยุธยา
ภาพเดือนกันยายนถ่ายที่โรงแรมมาริอ็อท บุคคโล ในงานแต่งงานของญาต
ภาพเดือนตุลาคมถ่ายที่พิพิธภัณฑ์หนังใหญ่วัดขนอน
ภาพเดือนพฤศจิกายนพ่อพาขอบฟ้าไปพบเดวิดเบ็คแฮมที่สนามฟุตบอลเมืองทอง
ภาพเดือนธันวาคมถ่ายที่หอดูดาวฉะเชิงเทราในกิจกรรมครอบครัวดาราศาสตร์














พาลูกดูดาว ที่ฉะเชิงเทรา
หอดูดาวเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา ฉะเชิงเทรา จัดกิจกรรม ครอบครัวดาราศาสตร์ ในช่วง 15-16 ธันวาคม 2561 โดยการลงทะเบียนจอง มีโควต้า 120 คน กำหนดการเริ่มจองจะประกาศล่วงหน้า บ้านที่ส่งอีเมลจองทันเวลาจะได้รับสิทธิ์ได้เข้าร่วมกิจกรรม และจะต้องเตรียมเต๊นท์ไปเอง เพราะกิจกรรมจะนอนค้างที่หอดูดาว 1 คืน ปีนี้จัดเป็นปีที่ 2
หอดูดาวที่จัดงานอยู่ฉะเชิงเทรา ผมออกจากบ้าน 7.00 น. ขับรถแวะเติมน้ำมัน ขับไปเรื่อยๆเพราะไม่รู้เส้นทาง เปิด googlemaps ขับตามไปเรื่อยจนถึง มีเส้นทางแยกที่ทำให้สับสนนิดหน่อยแต่ก็ไปจนถึงทันเวลานัดหมาย กิจกรรมเริ่ม 9.00 น. วันเสาร์
กิจกรรมก็จะเน้นความรู้เกี่ยวกับดาราศาสตร์ มีเรื่องน่าสนใจหลายเรื่อง สิ่งที่ขอบฟ้าชอบมากที่สุดในแคมป์ครั้งนี้คือการได้ทำจรวดขวดน้ำ ได้ออกแบบ ได้คิด โจทย์ของจรวดขวดน้ำจะเพิ่มการบรรทุกไข่นกกระทาสองฟองไปกับจรวดด้วย ซึ่งจรวดที่วิ่งออกไปตกลงพื้นจะต้องไข่ไม่แตก เป็นโจทย์ที่ท้าทายมาก ขอบฟ้าเลือกที่จะให้สร้างจรวจแบบที่มีชิ้นส่วนร่อนลงจอดแบบมีร่มชูชีพ ทำให้การลงจอดของไข่ช้าลง ส่วนพ่อก็สร้างตามที่ลูกคิด
อีกกิจกรรมที่ได้ความรู้ชั้นดีคือการสร้างดาวหาง ซึ่งมีส่วนประกอบทางกายภาพที่เหมือนดาวหางจริงๆ ในทางวิทยาศาสตร์ ดาวหางคือก้อนน้ำแข็งโสโครก การสร้างก้อนแบบนี้จะต้องใช้ สารอินทรีย์จากดิน กาแฟ น้ำ แอมโมเนีย น้ำแข็งแห้ง และสุดท้ายดาวหางก็อยู่ในมือพวกเรา ได้เห็น ได้จับ การเรียนรู้แบบนี้น่าจะได้รับการจดจำไปอีกนาน
ได้ใช้กล้องดูดาวระดับกึ่งอาชีพ เป็นกล้องดูดาวขนาดใหญ่ โอบไม่รอบ ได้จับ ได้ปรับ ได้ทดลองใช้ตัวจริง กล้องดูดาวชนิดดร็อบโซเนียนรุ่นนี้ได้รับการแจกจ่ายไปยังโรงเรียนทั่วประเทศ นอกจากนี้การได้เห็นกล้องดูดาวยักษ์บนหอดูดาวซึ่งตัวกล้องมีเส้นผ่านศูนย์กลางของกระจกรับภาพ 0.7 เมตร เป็นเรื่องน่าตื่นเต้น ซึ่งตัวที่ใหญ่กว่านี้จะอยู่ที่เชียงใหม่โดยมีขนาด 2.4เมตร แต่แค่ 0.7 เมตรที่ฉะเชิงเทราก็สร้างความตื่นเต้นสำหรับคนดูได้มากอยู่แล้ว
การกางเต๊นท์ก็เป็นประสบการณ์ที่ดีสำหรับเด็ก เพราะได้เรียนรู้ว่าเราสามารถนอนพักที่ไหนก็ได้ไม่จำเป็นต้องพักโรงแรม ทริปนี้ยังขาดประสบการณ์การทำอาหารกินอีกเรื่องหนึ่งที่ยังไม่ได้ทำ เพราะทีมจัดกิจกรรมดูแลเรื่องของกินครบถ้วนทุกมื้อ อาหารว่างก็ครบ กาแฟมีตลอดเวลา นับว่าเป็นค่ายที่มีความพร้อมในการจัดงานดีมาก ขอชื่นชมทีมงานของหอดูดาวทุกคน
สถานที่แห่งนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์ มีท้องฟ้าจำลอง มีการฉายวิดีโอและสไลด์เกี่ยวกับดวงดาวต่างๆ เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ให้ความรู้อีกแหล่งหนึ่งใกล้กรุงเทพ เหมาะกับการพาเด็กมาเที่ยวอย่างมาก
สุดท้าย ไข่ในจรวดของขอบฟ้า ไม่แตก












































