ก็แค่อยากฟังเพลง

P_20151228_132107

เราจำความรู้สึกตอนที่อินเทอเน็ตยังไม่มีเพลงให้ฟังได้ไหม เราไปเดินผ่านร้านขายเทปหรือ แผ่นซีดีในห้าง มีแผ่นโชว์เต็มไปหมด เรามีวงดนตรีที่เราสนใจ หรือ ชอบบางเพลง หรือ เคยได้ยินเพลงของเขาในรายการวิทยุ แล้วเราก็หยุดดูที่แผงแล้วเราก็หยิบวงที่เราอยากฟัง จ่ายเงิน เทปม้วนละ 85-100บาท หรือถ้าเป็นแผ่นซีดีเพลงก็จะประมาณ 350-500 บาท พอได้แผ่นแล้ว เราก็อยากจะรีบกลับบ้านไปนั่งฟัง 

ถึงบ้าน แกะเทป เปิดปกเทปอ่านชื่อทีมงาน อ่านชื่อคนแต่งเพลง อ่านชื่อโปรดิวเซอร์ อ่านข้อความที่ศิลปินเขียนบรรยายขอบคุณใครหลายคน อ่านเบื้องหลังการทำงาน ดูภาพที่เรียงอยู่บนปกเทป หรือ ปกซีดี แล้วเราก็เปิดเพลงฟัง สนุกอยู่กับเพลงทั้งอัลบั้ม อีก 1 ชั่วโมง เราก็ออกจากภวังค์ เราได้ลิ้มรสเพลงที่เรารอคอย ดีบ้าง เฉยๆบ้าง สิบเพลงอาจมีเพลงถูกใจเราสัก 3 เพลง และก็คงเปิดซ้ำไปซ้ำมาอีกหลายเดือน

ความชอบของคนฟังเพลงคือการได้ฟังเพลงจากวงดนตรีที่เราสนใจ หรือ ได้ฟังอัลบั้มที่ชอบ หรือ ได้ฟังเพลงรวมฮิตในแผ่นรวมฮิตที่ทุกเพลงดังอยู่แล้ว การได้ยินได้ฟังคือความบันเทิงของคนฟัง และถ้าเพลงมันดีถูกใจก็ถือว่ากำไรในด้านความรู้สึก ตลอดเวลาก่อนอินเทอเน็ตจะมีเพลงให้ฟังเราก็ใช้เงินหลายร้อยบาทสำหรับเพลง 1 อัลบั้ม และเราเป็นอย่างนี้อยู่เป็นสิบปี มีเแผ่นซีดีในบ้านอยู่นับร้อยแผ่น มีเทปอยู่ร้อยกว่าม้วน นี่คือนิสัยคนชอบฟังเพลงแต่ไม่ค่อยมีเงิน ไม่ต้องเทียบกับเพื่อนบางคนที่มีรายได้เยอะกว่า มีค่าขนมเยอะกว่า อาจมีเทปและแผ่นซีดีรวมกันเลยหลักพันชุด

photo

ที่เล่ามายืดยาวก็จะเข้าเรื่องว่าวันนี้ได้เครื่องเล่น ipod touch ตัวเก่ามาตัวหนึ่ง เป็น ipod touch gen3 เปิดตัวครั้งแรกปี คศ 2009 ที่บรรจุเพลงไว้ประมาณ 64Gb มีเพลง 9300 เพลง ipod อายุ 14 ปี กับเพลงที่ติดมากับเครื่อง สภาพใช้งานได้ เปิดเพลงฟังได้ เป็นความคุ้มค่าในราคามือสอง จ่ายไปแค่หนึ่งพันบาท ลองเปิดรายชื่อศิลปิน รายชื่ออัลบั้มพบว่ามีหลากหลาย มีวงที่มีชื่อเสียงจำนวนมาก มีเพลงน่าฟังเยอะมาก ฟังอีก 1 ปี ก็ฟังไม่ครบ เหมือนเราได้แผงเทปหรือเหมาร้านขายแผ่นซีดีเอาไว้ในบ้าน ผมมั่นใจว่าจำนวนแผ่นซีดีที่จะเทียบกับสิ่งที่อยู่ใน ipod ตัวนี้น่าจะต้องใหญ่กว่าร้านเล็กๆตามซอกหลืบในห้าง ทำให้นึกถึงร้านขายแผ่นซีดีขนาดใหญ่อย่าง Tower record หรือ Quark record ซึ่งเป็นร้านที่ทำให้คนฟังเพลงรู้สึกตื่นเต้นมากเมื่อได้ไปเดินเล่นภายในร้าน และชาตินี้คงไม่พบร้านแนวนี้อีกแล้ว เพราะระบบการฟังเพลงเปลี่ยนไปเป็นการฟังผ่านอินเทอเน็ตกันหมดแล้ว ไม่มีร้านขายแผ่นซีดีให้เห็นแล้ว และที่บ้านก็ไม่มีเครื่องเปิดแผ่นซีดีแล้วด้วย

IMG_0308napa

การครอบครองเครื่องเล่นเพลงเป็นความสุขส่วนตัว เปิดฟังได้ทุกที่ ไม่มีอินเทอเน็ตก็มีเพลงฟัง ยิ่งมีเกือบหนึ่งหมื่นเพลงติดตัว ยิ่งทำให้สนุกกับการค่อยๆฟังเพลงไปเรื่อยๆ เพราะเพลงที่เราไม่เคยฟัง หรือเพลงดีที่ไม่ได้ฟังนานแล้ว มันก็คงหลบอยู่ในหนึ่งหมื่นเพลงนี้ แค่เปิดหน้าจอเลื่อนดูรายชื่อเพลง ก็มีความสุขแล้ว ใครที่ชอบฟังเพลง ลองหาของมือสองราคาไม่แพงเหล่านี้ไปฟังดู ลำโพงติดคอมพิวเตอร์สามารถใช้งานร่วมกับเครื่องเล่น ipod ได้แน่นอน แล้วคุณจะได้สัมผัสความสนุกจากการฟังเพลงอีกครั้ง โดยเราไม่ต้องไปสนใจคำว่า สตรีม ไฮเรส digital audio lossless dsd wav mp3 หรืออะไรที่เป็นศัพท์เทคนิคของระบบคอมพิวเตอร์ เราแค่เสียบลำโพงหรือหูฟังตัวโปรดแล้วเปิดเพลงฟัง แล้วก็อยู่กับดนตรีที่ปลดปล่อยออกมา

รีวิวเครื่องพิมพ์พกพา mbrush

เครื่องพิมพ์เป็นความสะดวกสบายอย่างหนึ่งของการทำงาน หากเราสามารถพิมพ์สิ่งที่ต้องการพิมพ์ได้ในทุกสถานที่ก็เป็นเรื่องสนุกมากสำหรับคนทำงานทุกคน การจะพิมพ์ข้อความ หรือ ภาพบางลักษณะ เราต้องการพิมพ์แค่ส่วนเล็กๆ อาจจะใช้พิมพ์ชื่อ พิมพ์ข้อมูลแค่บรรทัดเดียว หรือ พิมพ์แค่โลโก้บริษัท หากมีเครื่องพิมพิมพ์ขนาดเล็กมารองรับงานเหล่านี้ก็จะดีมาก

mbrush เป็นเครื่องพิมพ์ inkjet ขนาดเล็ก พกพาได้ มีแบตเตอรี่ในตัว สามารถพิมพ์ข้อความและรูปภาพได้ไม่ต่างจากเครื่องพิมพ์ตัวใหญ่ ลักษณะการทำงานจะเป็นหัวพิมพ์พ่นหมึกที่เราคุ้นเคยกันดีถูกครอบด้วยตัวถังสี่เหลี่ยมขนาดกระทัดรัด ขนาดตัวเครื่องเล็กกว่ากำมือ พื้นที่พิมพ์มีความสูง 14 มม. เท่านั้น สามารถใช้พิมพ์งาน 1 บรรทัดได้ทันที การสั่งการก็ไม่ยากมาก

IMG_0991

อุปกรณ์ที่มากับกล่องก็จะมี

1 เครื่องพิมพ์ mbrush 

2 ตลับหมึก inkjet รุ่น 3 สี cmy 

3 สายชาร์จ usb to type c

4 คู่มือ

5 แผ่นเหล็กเจาะรู 

6 กระดาษแข็งมีรอยพับอีก 1 แผ่น ซึ่งไม่รู้ว่าเอาไว้ทำอะไร 

IMG_0997

การทำงานของตัวเครื่องก็คือตัวเครื่องจะรับข้อมูลที่จะพิมพ์ แล้วผู้ใช้ก็กดปุ่มบนเครื่องเพื่อเริ่มพิมพ์ ลากเครื่องพิมพ์จากซ้ายไปขวา เครื่องก็จะทำการพ่นหมึกเพื่อพิมพ์ออกมา ภาพก็จะติดอยู่บนกระดาษ การทำงานไม่ต่างจากเครื่องพิมพ์อิงค์เจ๊ตในสำนักงานเลย ต่างกันแค่ขนาดเครื่องและไม่มีชิ้นส่วนเคลื่อนที่ใดๆ เพราะเครื่องพิมพ์เคลื่อนที่ด้วยมือคนนั่นเอง

Screenshot_2024-01-17-20-07-03-088_com.android.chrome

เครื่องพิมพ์พกพา mbrush จะรับคำสั่งจากทาง wifi โดยเมื่อเปิดเครื่องขึ้นมา เครื่องพิมพ์จะเปิดตัว wifi ในตัวเองให้เป็น hotspot เพื่อรอให้อุปกรณ์ตัวอื่นเชื่อมต่อเข้ากับ wifi ของเครื่องพิมพ์ ผู้ใช้งานจะใช้คอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือเชื่อมต่อเข้า wifi ก็ได้ทั้งสิ้น เครื่องพิมพ์ mbrush จะมี web app ภายในเพื่อรอให้เข้าไปสั่งการ โดย ip addrerss ของเครื่องพิมพ์จะอยู่ที่ตัวเลข 192.168.44.1 เมื่อเราเข้าไปที่ address นี้ เราจะพบหน้าจอเว็บสั่งการของเครื่องพิมพ์

Screenshot_2024-01-17-20-07-14-984_com.android.chrome

ที่หน้าเว็บของเครื่องพิมพ์ เราจะสามารถสั่งการได้หลายอย่าง เราจะต้องสร้างข้อมูลใหม่เพื่อสั่งพิมพ์ได้ ผมลองพิมพ์คำว่า ข้าวมันไก่ แล้วก็กดสั่งพิมพ์ในหน้าเว็บ ตัวประมวลผลก็จะทำการสร้างข้อมูลสำหรับพิมพ์ เมื่อหน้าจอขึ้นว่าพร้อมหรือ upload 100% แล้ว เราก็พร้อมที่จะพิมพ์

IMG_20240117_200558

วางกระดาษบนพื้นโต๊ะ วางเครื่องพิมพ์บนกระดาษให้ชิดซ้าย กดปุ่มบนเครื่องพิมพ์ 1 ครั้งจะได้ยินเสียงติ๊ด แล้วเราก็ลากมือเพื่อเคลื่อนเครื่องพิมพ์ไปทางขวา เราก็จะได้ข้อความบนกระดาษ เครื่องพิมพ์จะพิมพ์ได้ทีละบรรทัดเท่านั้น ซึ่งลองทำแล้วก็จะได้ตามภาพตัวอย่าง มีคำว่า ข้าวมันไก่ อยู่บนกระดาษเรียบร้อย 

2015-09-06 10.49.59

ทดลองพิมพ์ภาพดูบ้าง ในหน้าจอสั่งการ ให้เราเพิ่มภาพไปบนโปรเจ๊ค แล้วก็สั่งให้มีส่วนการพิมพ์เป็นช่องสี่เหลี่ยมมาครอบภาพไว้ เราทำให้มีแถบสี่เหลี่ยมสี่แถบเพื่อทำให้ครบส่วนของภาพที่ต้องการ แล้วก็นำไปพิมพ์

Screenshot_2024-01-24-22-07-43-301_com.android.chrome
IMG_20240124_224953

ตอนพิมพ์ก็วางเครื่องพิมพ์บนกระดาษ กดปุ่มแล้วลาก แล้วก็ยกขึ้นบรรทัดใหม่ กดปุ่มแล้วลาก ทำซ้ำกัน 4 รอบก็ได้ภาพที่ต้องการ

IMG_20240119_172007

คุณภาพการพิมพ์ภาพถ่ายออกมาไม่ดีนัก อาจจะเพราะเป็นหัวพิมพ์ที่ไม่ได้ละเอียดมาก และการลากด้วยมือก็ไม่ได้มีความแม่นยำ ภาพที่เกิดขึ้นดูเป็นภาพคุณภาพต่ำ แต่ถ้าข้อมูลเป็นตัวหนังสือ เป็นภาพกราฟิคที่ไม่ได้ไล่ระดับอ่อนแก่ เราก็จะได้คุณภาพที่ดี แม้จะไม่ได้คมกริปเหมือนงานสิ่งพิมพ์ แต่ก็ได้ข้อมูลที่ต้องการอยู่บนกระดาษ เราอาจจะประยุกตไปพิมพ์ข้อความบนวัสดุอื่นๆได้ เช่นพิมพ์บนกล่อง พิมพ์บนสมุด พิมพ์บนแก้วกระดาษ ขอให้เป็นวัสดุที่รับหมึกอิงค์เจ๊ตได้ก็น่าจะได้งานทั้งหมด

ลองเอาไปพิมพ์บนวัสดุผิวมันอย่างเช่น แก้ว กระเบื้อง พลาสติก พบว่าหมึกไม่เกาะเลย กลายเป็นเลอะเทอะ 

ข้อดี

พิมพ์งานด่วน พิมพ์ข้อความด่วนได้
พิมพ์ชื่อ พิมพ์โลโก้ บนชิ้นงานได้หลากหลาย

ข้อเสีย

คุณภาพงานพิมพ์ไม่สูง

บางทีก็พิมพ์ไม่ตรงตำแหน่งที่ต้องการ

บางทีก็ลากแล้วภาพเอียง

บางทีพิมพ์ไม่ติด โดยเฉพาะวัสดุมันวาว

สรุป

เครื่องพิมพ์ mbrush เป็นเครื่องพิมพ์ขนาดเล็ก พกพาง่าย มีแบตในตัว สามารถพิมพ์ข้อความเร่งด่วนได้ดี ใช้พิมพ์โลโก้หรือสโลแกนอะไรก็ได้แค่บรรทัดเดียว ไม่ควรเอาไปพิมพ์ภาพ เพราะคุณภาพออกมาไม่สวยเลย ใช้ทำงานเป็นตรายางได้ 

สั่งซื้อ Mbrush ได้ที่นี่ https://shope.ee/3L2fp5NYT6

หมายเหตุ

ผมเดาว่า ตลับหมึกพร้อมหัวพิมพ์ที่ mbrush ใช้คือของ Hp รุ่น 62 ซึ่งเป็นรุ่น 3 สี cmy หากหมึกหมดก็ลองหาซื้อมาใช้แทน น่าจะได้ หรือแม้แต่จะหาหมึกเติมก็น่าจะได้เช่นกัน ของพวกนี้ไม่ต้องกลัวพัง เพราะการซื้อตลับหมึกใหม่ก็คือการเปลี่ยนหัวพิมพ์ใหม่ด้วย เพราะหมึกของ hp หัวพ่นหมึกอยู่ติดกับหมึก หมึกหมด ก็คือทิ้งตลับเก่าและหัวไปพร้อมกันเลย 

Screenshot_2024-01-30-08-27-18-934_com.android.chrome
IMG_20240130_081103

เอาไปพิมพ์ภาพก็พอใช้ได้ครับ


สั่งซื้อ Mbrush ได้ที่นี่ https://shope.ee/3L2fp5NYT6

เปรียบเทียบภาพถ่ายจากหลายระบบ

การถ่ายภาพเป็นเรื่องง่ายสำหรับทุกคนแล้วในยุคอินเทอเน็ต 5G เพราะโทรศัพท์มือถือทุกเครื่องมีกล้องติดมาด้วย และส่วนมากก็จะมีคุณภาพดีพอใช้ได้ทั้งสิ้น ผู้คนถ่ายภาพกันเป็นจำนวนมาก และบางทีก็อยากจะพิมพ์ภาพออกมาเป็นกระดาษบ้าง อาจจะใช้ใส่อัลบั้มเพื่อดูในเวลาอื่นๆ อาจจะใช้แจกเป็นที่ระลึก ซึ่งเมื่ออยากจะพิมพ์ภาพถ่ายดิจิทัลออกมา เราก็จะเป็นจะต้องไปอัพภาพที่ร้านรูปตามห้าง และบางคนมีเครื่องคอมพิวเตอร์ มีปริ๊นเตอร์สีเอาไว้ทำงาน ก็อาจจะพิมพ์ภาพเองเลย และนอกจากเครื่องพิมพ์สำหรับสำนักงานแล้ว โลกเราก็มีเครื่องพิมพ์ภาพถ่ายโดยเฉพาะ ซึ่งส่วนมากจะพิมพ์ภาพขนาดเล็ก 

เทคโนโลยีการพิมพ์ภาพถ่ายสำหรับใช้ในบ้านที่มีให้เราใช้ในยุคปัจจุบันเท่าที่เหลืออยู่ก็จะเป็นระบบ

1 Zink paper ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาโดยบริษัท Polaroid เพื่อทดแทนระบบการพิมพ์ภาพดั้งเดิมที่ใช้มานานหลายสิบปี ส่วนระบบดั้งเดิมที่ Polaroid สร้างจนมีชื่อเสียงแต่ไม่ยอมทำตลาดต่อ ก็ถูก Fuji นำไปทำตลาด นำเทคโนโลยีไปไปใช้ในกล้อง instant ของตัวเอง

2 Fuji instax ระบบถ่ายภาพลงบนแผ่นฟิล์ม เป็นสิ่งที่เกิดจากบริษัท Polaroid  ที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก จนปัจจุบันยังคงมีกล้องระบบ instax ของ Fuji ออกมาให้ใช้อย่างต่อเนื่อง และมีหลายขนาดให้เลือกใช้

P_20160505_143122
กล้อง Polaroid ที่ใช้ระบบการพิมพ์ภาพแบบ Zink paper

3 Canon Selphy การพิมพ์ภาพถ่ายของ Canon โดยใช้ระบบการพิมพ์ Dye-Sublimation ซึ่งเป็นระบบการพิมพ์ที่มีคุณภาพสูงและใช้อยู่ในเครื่องพิมพ์ Canon selphy ที่ขายอยู่ราคาไม่แพง และได้รับความนิยมในกลุ่มช่างภาพที่อยากได้ภาพคุณภาพสูง มีทั้งแบบเครื่องพกพา และเครื่องตั้งโต๊ะ

2018-03-15_12-37-38
ซ้ายคือภาพจากระบบ zink ขวาคือภาพจาก Dye-Sublimation

แต่ละระบบจะมีจุดเด่นไม่เหมือนกัน และมีจุดด้อยของใครของมันที่ทำให้ผู้ใช้งานต้องปวดหัวและต้องเสียเงินซื้อหลายระบบ เพราะไม่มีอะไรที่สมบูรณ์แบบไปทุกอย่าง ทำให้คนรักการพิมพ์รูปแทบจะต้องเสียเงินซื้อทุกอย่าง

Zink ย่อมาจาก Zero ink เป็นระบบที่สะดวก ทำให้เล็กได้ สามารถยัดเข้าไปอยู่ในกล้องถ่ายรูปได้ และทำเป็นเครื่องพิมพ์แยกอิสระได้ การพิมพ์ระบบนี้ต้องใช้ไฟล์ดิจิทัลเท่านั้น ความคมชัดและคุณภาพสีอยู่ในระดับปานกลาง ความคงทนอยู่ในระดับต่ำ คือในเวลาไม่เกินสองปีภาพจะเกิดอาการสีซีด ไม่เหมาะกับการเก็บภาพชั่วลูกชั่วหลาน ถ้าเราถ่ายภาพแม่ไว้ วันนึงในอีกหลายปีข้างหน้าภาพแม่จะจางหายไป

Fuji instax เป็นระบบถ่ายภาพทันใจอีกชนิด ต้นกำเนิดเกิดจากบริษัท Polaroid แต่เสื่อมความนิยมไปพักใหญ่ แล้ว Fuji ก็นำมาทำตลาดต่อ เป็นระบบการพิมพ์ภาพแบบอนาลอก ฟิล์มแผ่นที่ผ่านการถ่ายจะไหลออกมาจากกล้อง รอเวลาสักครู่ก็จะปรากฏเป็นภาพที่สวยงาม ระบบนี้ได้รับความนิยมมากเพราะสะดวก รวดเร็ว ถ่ายแล้วภาพไหลพรวดออกจากกล้อง แม้จะต้องรอเวลาสัก 1 นาทีเพื่อให้ภาพขึ้นชัดเจนแต่ก็เป็นความสนุกที่น่าลองใช้งาน เมื่อก่อนเป็นอนาลอก ปัจจุบัน Fuji พัฒนาให้เป็นเครื่องพิมพ์ภาพ ทำให้สร้างภาพดิจิทัลไว้บนแผ่นฟิล์ม instax ได้ ทำให้เรามีเครื่องพิมพ์ระบบ instax และทำให้ Fuji ทำกล้องดิจิทัลที่ยัดเครื่องพิมพ์ภาพ instax ไว้ข้างในออกมาขายด้วย ข้อดีคือเร็ว ข้อเสียคือภาพเล็ก เพราะขนาดที่นิยมและขายดีทั่วโลกก็มีขนาดแค่บัตรเครดิตเท่านั้น แม้จะมีขนาดจตุรัสออกมาบ้างก็ยังไม่ได้รับความนิยม 

Canon Selphy เป็นระบบ Dye-Sublimation ที่ให้ภาพสวยที่สุด ระบบการพิมพ์ให้ภาพขนาด 4×6นิ้ว ต้องใช้เครื่องพิมพ์โดยเฉพาะ ไม่สามารถทำให้เล็กได้ ทำให้เราไม่สามารถยัดระบบการพิมพ์แบบนี้เข้าไปในกล้องถ่ายภาพ ข้อดีคือภาพสวยคุณภาพสูงมาก ข้อเสียคือ ใหญ่ เทอะทะ ต้องทำงานในสภาพของปริ๊นเตอร์ คือพกพาลำบาก แต่จะเก็บภาพได้ยาวนานที่สุด canon เลยบอกว่าสามารถเก็บภาพได้ถึง 100 ปี ถ่ายภาพพ่อแม่ไว้ พ่อแม่จะอยู่ในกระดาษไปจนเราตาย ภาพก็ยังไม่จืด อันนี้เรียกว่าดีมาก

สรุป

การเลือกระบบการพิมพ์ภาพขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของการใช้ภาพ ถ้าเราต้องการความเร็ว เช่นงานปาร์ตี้ ถ่ายแล้วได้ภาพทันที คุณภาพไม่ต้องดีที่สุด เราก็ใช้ระบบของ fuji instax ที่เป็นอนาลอกได้เลย คือถ่ายแล้วไหลพรวด

ถ้าเราอยากได้ภาพสวย สีสันยอดเยี่ยม มีคำตอบเดียวคือ canon selphy ให้ภาพขนาด 4×6นิ้ว

ถ้าเราอยากได้เครื่องพิมพ์ภาพจากไฟล์ดิจิทัลที่พกพาได้ เรามีทางเลือกคือ zink paper กับ ระบบ fuji instax printer ทั้งสองแบบเป็นเครื่องพิมพ์พกพา สามารถเลือกภาพดิจิทัลมาสั่งพิมพ์ได้ 

ถ้าเราอยากได้กล้องดิจิทัลที่ถ่ายแล้วเลือกภาพแล้วค่อยพิมพ์ เราก็มีทางเลือกที่เป็นกล้องระบบ zink ใช้กระดาษ zink paper กับกล้อง fuji รุ่นดิจิทัลที่พิมพ์ภาพบนแผ่นฟิล์ม instax ได้


แถมให้

ระบบ Zink เทียบกับ instax อันไหนดีกว่ากัน เพราะทั้งสองระบบเป็นระบบการพิมพ์ที่ยัดไว้ในกล้องได้ ก็ขอให้ดูภาพตัวอย่างด้านล่าง ภาพแรกถ่ายสิ่งของพร้อมกัน ได้ภาพออกมาพอใช้ได้ทั้งคู่ zink จะใหญ่กว่าเพราะขนาดที่ใช้คือ 2×3นิ้ว ส่วน instax เล็กกว่าเพราะขนาดเท่าบัตรเครดิต

P_20160505_175002
ซ้าย Zink paper จากกล้อง Polaroid Z340 ขวาคือ Fuji instax จากกล้อง Mini8

เมื่อเวลาผ่านไป16 เดือน เอาภาพทั้งสองใบมาเทียบกันอีกครั้ง เราจะเห็นว่าภาพจาก zink จะซีดลงไปเยอะมาก สีสันจริงของวัตถุในภาพอาจจะดูไม่รู้แล้วว่าเคยเป็นสีอะไร ข้อมูลภาพอาจจะค่อยๆหายเมื่อเวลาผ่านไปหลายปี ส่วน instax ยังคงอยู่ดีดูไม่ค่อยแตกต่างจากปีแรก คาดว่า instax จะอยู่ได้อีกหลายปี แต่ก็ไม่รู้ว่าจะถึง 20 ปีไหม

IMG_0206
ซ้ายคือ Fuji instax ที่เวลาผ่านไป 16 เดือน ขวาคือ Zink paper


Farm to table รีวิวร้านลับที่น่าแวะย่านปากคลองตลาด

Farm to table รีวิวร้านลับที่น่าแวะย่านปากคลองตลาด

วันนี้พาลูกไปสอบพรีเทสที่โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยย่านปากคลองตลาด เพื่อเป็นการซ้อมทำข้อสอบสำหรับการสอบเข้า ม.1 จะได้วัดผลด้วยว่ามีความรู้ระดับไหน ต้องเรียนเพิ่มเติมเรื่องอะไร การสอบจัดขึ้นที่โรงเรียนสวนกุหลาบ พ่อแม่ก็ต้องพาไปส่ง แล้วก็รอสามชั่วโมงเพื่อรับกลับ

IMG_8052

ถือโอกาสเดินเล่นปากคลองตลาดเสียเลย เพราะไม่ได้แวะมาย่านนี้นานแล้ว ปากคลองตลาดในยุคนี้ดูโล่งขึ้น เดินดูของต่างๆได้สะดวก ร้านค้ามีระเบียบ ดอกไม้หน้าร้านดูสวยงามชวนให้ถ่ายรูป คนชอบถ่ายรูปมาเดินก็มักจะต้องหามุมสวยดูดีและบันทึกภาพเก็บไว้

IMG_8053

วันนี้ตั้งใจเดินไปให้ถึงร้านอาหารแห่งหนึ่ง เป็นร้านอาหารแนวคาเฟ่ มีกาแฟ ขนม ไอศครีม อาหาร ข้าว มีของกินหลากหลายและที่สำคัญคือเป็นร้านที่ซ่อนตัวอยู่ในซอกหลืบของปากคลองตลาด อยู่ในพื้นที่แทบจะใจกลางตึกแถวในตลาด เป็นส่วนที่ผมไม่เคยคิดจะเดินเข้าไปเลยตั้งแต่สมัยยังเป็นนักเรียนที่เดินเล่นอยู่ในย่านนี้

1705227517967-01

ร้าน Farm to Table เป็นร้านอาหารที่ตั้งอยู่ในตึกแถวเก่าโบราณ เจ้าของร้านบอกว่าเป็นบ้านเก่าที่อยู่กับพ่อแม่มาตั้งแต่เด็ก และก็มีการปรับปรุงให้ดูสวยงามน่าอยู่ และได้เปิดเป็นร้านอาหาร ความสวยของตึกสไตล์เก่า พร้อมเฟอร์นิเจอร์เก่า จัดการที่ว่างและมุมปลูกต้นไม้ได้ลงตัว เดินมาเห็นด้วยตาเปล่าต้องยกกล้องเก็บภาพกลับไปโดยอัตโนมัติ

IMG_8093

อาหารในร้านก็มีหลากหลาย ทั้งเมนูข้าว เมนูของหวาน ไอศครีม ขนมไทย กาแฟ ออกแบบหน้าตาและจัดจานได้ดูน่ากินมาก ราคาก็ไม่แพงแบบร้านอาหารหรูหราอื่นๆ เป็นราคาที่ยอมรับได้สำหรับพื้นที่ท่องเที่ยว ถือว่าราคาถูกเลยสำหรับผู้ใหญ่วัยทำงาน ยิ่งถ้าเทียบกับรสชาติแล้วถือว่าคุ้มราคามาก 

IMG_8099

อาหารเมนูข้าวให้มาเยอะ ผู้ใหญ่กินอิ่ม เด็กเล็กอาจจะกินเหลือ สิ่งสำคัญที่รู้สึกได้ก็คือ อาหารดูมีคุณภาพ เลือกให้ลูกกิน หรือซื้อฝากคนที่บ้านก็สบายใจ คำว่า Farm to Table น่าจะสื่อถึงผักคุณภาพและอาหารต่างๆก็คัดมาแล้วว่ากินได้มีประโยชน์ 

1705227193218-01

ขนมและของหวานเป็นไฮไลท์ที่ต้องลองกิน ขนมไทยก็จัดออกมาดูสวยและรสชาติดี ของหวานอย่างลอดช่องที่มีไอศครีมวางไว้ก็ออกแบบมาลงตัว ถ้าเลือกไอศครีมรสเปรี้ยวแล้วคู่กับความหวานของน้ำกระทิมันอร่อยเข้ากันดีมาก เป็นส่วนผสมที่เพิ่งเคยได้ลอง และกินแล้วก็อร่อยจริง

IMG_8113

กาแฟตามยุคสมัย อเมริกาโน่ปกติ หรือ อเมริกาโน่น้ำส้มก็มีให้สั่ง ของหวานเต็มร้าน ไอศครีมเต็มตู้ สั่งอะไรก็ดูอร่อยไปหมด เจอของหวานและขนมขนาดนี้ ต่อให้เป็นร้านออแกนิคแค่ไหน ก็ต้องอดใจอย่ากินเยอะ

1705227147433-01

ร้านนี้มีสองจุดใกล้ๆกัน ร้านแรกอยู่ปากซอย ร้านที่สองอยู่ในซอย เมนูเหมือนกัน ผมแวะทั้งสองร้าน เพราะร้านในซอยที่เป็นร้านใหญ่ มีคนเยอะมากในวันที่ผมเข้าไปชิม ร้านเปิดเก้าโมง คนเต็มก่อนร้านเปิด ผมได้แต่ทึ่งว่าทำบุญด้วยอะไรถึงขายดีขนาดนี้ กินอร่อย ถ่ายรูปสวย เก็บภาพจนพอใจ ผมกินอิ่มจากร้านในซอยแล้วทนสายตาอีก10คู่กับ 20เท้า ของคิวที่ยืนดูผมกินไม่ได้ สุดท้ายก็เดินออกจะได้แบ่งโต๊ะให้คนที่อยากมาสัมผัส แล้วเดินมากินขนมหวานที่ร้านปากซอยแทนซึ่งคนน้อยกว่า

IMG_8043

คนที่อยากแวะมาร้านนี้แนะนำให้มารถไฟฟ้า ดำดินมาโผล่ที่สถานีสนามไชย ทางออก 4 ออกมาจะเจอคลองหลอด แล้วเดินนิดหน่อย หากใครขับรถมาแนะนำให้จอดรถที่กรมที่ดินจะใกล้ที่สุด เจ้าหน้าที่นิสัยดีโบกรถอำนวยความสะดวก จอดซ้อนก็ช่วยเข็น ค่าจอด 40 บาท จอดแล้วเที่ยวปากคลองตลาดให้คุ้มเลย แถมภาพมุมมองจากที่จอดกรมที่ดิน มองข้ามคลองหลอดไปจะเจอตลาดส่งเสริมเกษตรไทยปากซอยคือร้านเล็ก ร้านใหญ่อยู่ในซอย

1705227385200-01

PSU หุ่นยนต์เพิ่มกำลังการผลิต ไม่เพิ่มคน

อารีย์ สวัสดิ์มูล เป็นคนจังหวัดนนทบุรี   ที่บ้านเป็นชาวสวนทุเรียน ปลูกไม้ดอก ไม้ประดับ  ชีวิตวัยเด็กจะช่วยเก็บดอกไม้ไปส่งขายแม่ค้าพวงมาลัย     ตอนเช้าไปส่งดอกไม้เก็บเงินแล้วค่อยไปเรียน ตอนเย็นกลับไปขายดอกไม้ต่อที่ตลาด  สองทุ่มก็เก็บแผง กลับบ้าน  เป็นคนขายของทำธุรกิจตั้งแต่เด็ก

สมัยเรียนก็เป็นทั้งนักวิ่ง นักวอลเล่บอล  เป็นคนเล่นกีฬาและเรียนดี จนมีทุนการศึกษาจากหลายสถาบัน  ในที่สุดก็ได้เลือกไปเรียนที่ช่างกลนนทบุรี  โดยเลือกไม่เรียนสายวิชาการช่วงมัธยมปลาย เนื่องจากอยากเรียนรู้เกี่ยวกับสาขาอิเล็กทรอนิกส์ เรียนจบวุฒิ ปวช.  เรียนต่อ ปวส. ทางด้านคอมพิวเตอร์ที่ราชมงคลพระนครเหนือ  เรียนสองปีก็จบและได้ไปสอบเข้าเพื่อเรียนต่อที่คณะวิศวกรรมไฟฟ้า เทคโนบางมด ปัจจุบันคือมหาวิทยาลัยพระจอมเกล้าธนบุรี   จนจบเป็นวิศวกร ไฟฟ้า

ที่บางมดช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์ อาจารย์มีรับจ๊อบเดินสายไฟตามตึก   ก็เลยติดไปรับจ๊อบด้วย ทำให้ไม่ได้กลับบ้านในช่วงวันหยุดเลย  งานรับจ๊อบได้ค่าแรงวันละ 700 บาท  พอมีรายได้เป็นของตัวเองก็แทบไม่ได้ขอเงินทางบ้านใช้ เป็นการฝึกทำงานตั้งแต่สมัยเรียน   เรียนจบคณะวิศวะไฟฟ้า  เอกด้านสื่อสาร  ในยุคนั้นจะเน้นเรียนเรื่องระบบสายอากาศ ระบบการสื่อสารไร้สาย  โทรศัพท์มือถือเริ่มเข้าสู่ประเทศไทย

ตอนเรียนจบ ก็มีบริษัท 3bb  กับ ais มาช็อปปิ้งนักศึกษาไปแทบหมดคณะ  นศ.ผู้ชายได้เข้าทำงานบริษัทใหญ่  ส่วนผู้หญิงบริษัทอยากให้ไปเป็นเซลส์ทุกคนได้งานง่ายมากพี่อารีย์ไม่อยากเป็นเซลส์  เลยรองานอยู่ช่วงหนึ่ง  ต่อมาการสื่อสารแห่งประเทศไทย มีการทดสอบเพื่อเข้าทำงาน  พี่อารีย์สอบผ่าน ได้ทำงาน แต่ก็ทำได้ไม่นานเพราะรู้สึกว่างานไม่ตรงสายเลยไปสมัครไปทำงานกับบริษัทเทเลคอมเอเซีย ซึ่งเป็นบริษัทแนวเทคโนโลยีการสื่อสาร  ดูแลโครงข่ายโทรศัพท์บ้าน  ได้เป็นคนมอนิเตอร์สายสัญญาณ  จนมีโอกาสใหม่เข้ามาอีกครั้ง  มีคนชวนไปทำงานกับบริษัทดีแทคซึ่งเป็นผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ

IMG_3785.JPG

ที่ดีแทค เริ่มดูแลเกี่ยวกับซอร์ฟแวร์  เริ่มมีมือถือที่ต้องเขียนโปรแกรม  เริ่มมีเทคโนโลยีเสียงรอสาย มีระบบ sms  mms และ application หัวหน้าเลยชวนออกมาตั้งบริษัท แล้วเขียนซอร์ฟแวร์ส่งดีแทค  เลยได้เปิดบริษัทซอร์ฟแวร์เต็มรูปแบบ โดยที่งานหลักบริษัทก็จะทำ applcation ที่ทำงานบนโทรศัพท์มือถือ  แถมบริษัทยังได้งานดูแลระบบ back office ของค่ายมือถืออีกด้วย หน้าที่โดยตรงของพี่อารีย์คือ system analist ดูฝ่ายขาย รับบรีฟลูกค้า เขียนสเป็ค ทำราคา  ช่วงเวลานี้เป็นจังหวะที่รายได้บริษัทดีมาก และช่วงนี้เองก็ได้ไปเรียนปริญญาโทด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์เพื่อเพิ่มเติมความรู้ด้านซอร์ฟแวร์

ทำงานให้ดีแทคอยู่ 10ปี ทั้งบริษัทมีลูกค้าหลักแค่ดีแทค เติบโตไปกับดีแทค   ตอนที่ดีแทคเปลี่ยนเจ้าของก็เกิดการเปลี่ยนนโยบายครั้งใหญ่  งานที่เคยได้เริ่มน้อยลง   ดีแทคเริ่มหาบริษัทซอร์ฟแวร์รายอื่นมารับงาน  ทำให้รายได้ลดลงไปกว่า 50% สุดท้ายต้องลดขนาดบริษัท   ลดคนเหลือ 30%  กลายเป็นบริษัทเล็กๆ  พอจังหวะงานน้อยลงทำให้เริ่มมีเวลาว่าง  เลยได้มาลองทำงานกับบริษัทของแฟนเต็มเวลา ซึ่งเป็นบริษัทรับผลิตและติดตั้งเครื่องจักรโรงงานอุตสาหกรรม ชื่อบริษัท Professional Service United. หรือ PSU

ตอนทำงานบริษัท PSU ที่เน้นงานติดตั้งเครื่องจักร  จากตอนแรกที่รู้สึกเชย ดูเลอะเทอะ  พอลงรายละเอียดกับธุรกิจเครื่องจักรแล้วรู้สึกว่า งานเครื่องจักรน่าจะง่ายกว่าซอร์ฟแวร์  เครื่องจักรไม่ซับซ้อน   บางเครื่องไม่มีหน้าจอก็ยังใช้งานกันได้ แทบไม่เคยเปลี่ยนเครื่อง ไม่ต้องปรับปรุงอะไรเลย  เลยรู้สึกน่าสนใจ  เพราะงานเครื่องจักรจะอยู่ได้นานมาก  ไม่เหมือนซอร์ฟแวร์โทรศัพท์ที่ต้องเปลี่ยนเร็วมาก  เขียนอะไรออกมาปีเดียวต้องปรับรุ่น หรืออาจต้องเขียนใหม่เลย   ดังนั้นงานเครื่องจักรง่ายกว่ามากในแง่ของการทำธุรกิจ

จุดเด่นของงานเครื่องจักรอีกแง่มุมหนึ่งคือ  ลูกค้าต้องรับส่งมอบงาน  การทำงานมีเดทไลน์ชัดเจน  เพราะโรงงานของต้องใช้  เครื่องจักรต้องเริ่มผลิต  ต่อให้มีความต้องการเพิ่มขึ้นแม้จะทำไม่ทันก็ยังต้องรับส่งมอบ  รับงานแล้วค่อยไปปรับปรุงได้   ไม่เหมือนซอร์ฟแวร์ถ้าต้องการฟีเจอร์เพิ่มแล้วทำไม่เสร็จ ก็เลื่อนส่งมอบ  ผลคือทำให้เก็บเงินไม่ตรงเวลา  และจะมีปัญหาการบริหารเงินในบริษัท

เมื่อคลุกคลีกับการสร้างและติดตั้งเครื่องจักรได้สักพักก็ตัดสินใจว่าน่าจะพัฒนาเครื่องจักรของตัวเองขึ้นมา  ไม่ควรทำงาน custom ตลอดไป เลยลองไปดูว่าสายการผลิตใช้เครื่องจักรอะไรบ้าง  ไปดูแต่ละโรงงานจะพบว่าใช้เครื่องจักรคล้ายๆกัน  ของต้องผ่านสายพานมาติดฉลาก  เรียงลงกล่อง  ยกกล่องไปวาง  ทุกที่ใช้คล้ายกันหมด  ถ้าออกแบบเครื่องที่ใช้ในหลายโรงงานได้ ก็จะมีโอกาสขายให้กับทุกโรงงาน

ดูไลน์แพ็คของแล้วพบว่าทำง่ายกว่าระบบอื่น  เพราะเครื่องจักรไม่ซับซ้อน  ไม่เหมือนไลน์ผลิตที่จะมีเรื่องความสะอาด โรงงานของกินของใช้กับร่างกาย ต้องได้รับมาตรฐานหลายอย่างในการผลิต  เครื่องจักรในไลน์ผลิตต้องมีความเฉพาะทาง ซึ่งยากกว่า  แต่ไลน์แพ็คมันไม่ต้องสะอาดมาก ไม่อันตราย  ไม่มีมาตรฐานอะไรควบคุม  เลยเริ่มโฟกัสที่ระบบนี้ 

พอลูกค้าเริ่มใช้หุ่นยนต์ ทำให้สามารถลดกำลังคนได้ เพราะคนเป็นปัญหาใหญ่ของโรงงาน  งานที่เคยใช้5 คนเพื่อผลิตสินค้าหนึ่งหมื่นชิ้น  พอใช้หุ่นยนต์ ไม่ต้องใช้ถึง 5 คนแต่กำลังการผลิตได้ห้าหมื่นชิ้น  เพิ่ม productivity ได้หลายเท่า  จุดนี้เป็นจุดที่หุ่นยนต์หรือเครื่องจักรเข้ามาแก้ไขให้ได้  โรงงานที่มีกำลังซื้อจะซื้อหุ่นยนต์แน่นอน

PSU เริ่มพัฒนางานเครื่องจักรและหุ่นยนต์โดยการเอาความรู้ซอร์ฟแวร์มาเพิ่มลูกเล่นให้เครื่องจักร  จากปุ่มควบคุมทื่อๆ ก็เปลี่ยนเป็นหน้าจอทัชสกรีน  เปลี่ยนระบบมอนิเตอร์ที่เวลามีปัญหาจะแสดงสถานะหลอดไฟที่ดูเข้าใจยากให้เป็นระบบรายงานปัญหาเป็นข้อความ  แสดงผลเป็นภาพส่วนที่ติดขัดขึ้นมาเลย  สิ่งเหล่านี้คนทำงานหน้างานจะชอบมากเพราะเข้าใจง่าย แก้ปัญหาได้เร็ว แถมหัวหน้างานก็ชอบด้วยเพราะลูกน้องแก้ไขเองได้ ไม่ต้องตามหัวหน้า

ต่อมาก็เริ่มสร้างเครื่องติดสติ๊กเกอร์มาทำตลาด  เดิมทีเครื่องติดสติ๊กเกอร์ที่โรงงานมีใช้จะเป็นเครื่องจากญี่ปุ่นและไต้หวัน  แต่ PSU สร้างเครื่องติดสติ๊กเกอร์ พร้อมหน้าจอควบคุมและแสดงผลต่างๆ รวมถึงมอนิเตอร์ทุกอย่างบนหน้าจอ  แสดงเป็นภาษาไทยหรือภาษาที่ลูกค้าต้องการ หากเครื่องมีปัญหาคนใช้เครื่องจะรู้ว่าเครื่องติดขัดและต้องแก้ไขเบื้องต้นอย่างไร  เครื่องติดสติ๊กเกอร์ขายได้เพราะใช้งานง่าย ที่สำคัญราคาไม่แพงเท่าของต่างประเทศ  ลูกค้าชอบในคุณภาพที่ดี บริการเร็ว  มีบริการซัพพอร์ตภายใน 24 ชั่วโมง ซึ่งเป็นสิ่งที่เจ้าของโรงงานชอบ  เพราะที่ผ่านมาโรงงานจะเจอแต่เครื่องจักรต่างประเทศที่ขายผ่านดีลเลอร์  ดีลเลอร์มักดูแลไม่เป็น  เสียเวลาติดต่อซ่อมนาน  แต่เครื่องไทย  สร้างและดูแลโดยคนไทย ติดต่อได้เร็วคุยรู้เรื่อง ราคาเริ่มต้นของ PSU สองแสนแต่สามารถตีตลาดเครื่องจากต่างประเทศราคาห้าแสนได้สบายมาก

ต่อมา PSU เริ่มทำเครื่องแพ็คของขนาดใหญ่  เครื่องต่างประเทศราคาสิบล้าน  เครื่องไทยของ PSU ทำได้ในงบ 3 ล้าน  ลูกค้ากล้าซื้อเพราะไว้ใจว่าทำงานได้  จากผลงานที่ผ่านมา PSU พิสูจน์มาแล้วว่าเครื่องติดสติ๊กเกอร์ทำงานได้ดี บริการดี   เครื่องจักรระบบที่ใหญ่ขึ้นก็เลยมีโอกาสได้นำเสนอ

PSU สร้างชื่อเสียงมาหลายปี ทำให้ค่อยๆได้รับความน่าเชื่อถือ และเกิดการบอกต่อในแวดวงโรงงานอุตสาหกรรม  PSU เริ่มขายเครื่องให้โรงงานฝรั่ง และ ญี่ปุ่น  โดยการสร้างความไว้วางใจจากการใช้เครื่องเล็กๆ  และค่อยๆนำเสนอเครื่องขนาดใหญ่ขึ้น  ทำให้โรงงานต่างชาติกล้าตัดสินใจลงทุนสูงขึ้นกับเครื่องจักรที่สร้างโดยคนไทย

โอกาสใหญ่เริ่มเข้ามาเรื่อยๆ  PSU ได้รับงานจาก CP  ทำหุ่นยนต์แพ็คของมูลค่า 19 ล้าน  เป็นงานหุ่นยนต์ตัวแรก   จากที่เคยขายเครื่องติดสติ๊กเกอร์ให้มาก่อน  เครื่องจาก PSU ทำราคาต่ำกว่าราคาฝรั่ง 5 ล้าน  ลูกค้าประหยัดเยอะมาก  หลังจากส่งมอบแล้ว ทำให้ PSU มีโรงงานอ้างอิงและสามารถขยายลูกค้าหุ่นยนต์มาได้เรื่อยๆ

หุ่นยนต์ของ PSU มีจุดเด่น 3 อย่าง

1   PSU เป็นผู้ผลิต  ไม่ใช่ผู้นำเข้าซื้อมาขายไป  การผลิตเองทำให้ออกแบบเครื่องให้เหมาะกับลักษณะงานลูกค้าได้  และใช้งานง่าย

2  ทีมเอนจิเนียร์ที่เป็นของ PSU ทำเองทุกชิ้นส่วน ทำให้ลูกค้ามั่นใจว่าดูแลเครื่องได้ ซ่อมบำรุงได้ทุกชิ้น มีความรวดเร็วในการบริการ

3  PSU สร้างชิ้นงานของตัวเองทุกชิ้น  ทำให้อะไหล่ทุกชิ้นถูกผลิตขึ้นมาอย่างแม่นยำ  การประกอบอย่างปราณีตทำให้ เครื่องจักรเสถียร ทนทานมาก

ถ้าเป็นเครื่องจักรที่ต้องนำเข้าจะต้องรออะไหล่หลายวันเมื่อมีปัญหา  ผลคือเครื่องต้องหยุดทำงานยาวนาน  แต่เครื่องของ PSU  ผลิตอะไหล่ได้ทันที  ภายใน24 ชม. สามารถเริ่มซ่อมได้เลย  ทำให้ไม่ต้องหยุดเครื่องจักรนานเกินไป  ส่วนอะไหล่ไฟฟ้าที่ต้องใช้ ก็จะเลือกใช้ยี่ห้อที่ดีมีชื่อเสียง เน้นความทนทาน โชว์ยี่ห้ออะไหล่ ยี่ห้อเซ็นเซอร์  ลูกค้าสามารถซื้ออะไหล่เองเพื่อเปลี่ยนแบบเร่งด่วนได้เลย 

ส่วนที่ยากที่สุดในธุรกิจผลิตเครื่องจักรและหุ่นยนต์ คือ การใส่ใจรายละเอียดทุกอย่างของเครื่อง  หน้าตาภายนอกเครื่องจักรอาจจะดูเหมือนกัน แต่เวลาทำงาน เครื่องที่ออกแบบปราณีต ชิ้นส่วนทุกชิ้นจะถูกสร้างขึ้นอย่างแม่นยำ สามารถทำงานได้ดีกว่า ทนกว่า  เครื่องจากจีนแม้จะถูก แต่เครื่องของ PSU ก็ยังขายได้  เพราะเครื่องราคาถูก มักมีอาการสั่น  ทำให้การติดสติ๊กเกอร์ไม่แม่น  หรือติดไม่ตรง  ขณะที่เครื่องของ PSU ไม่สั่น  เพราะการประกอบที่แม่นยำมากจะทำให้เครื่องจักรอยู่ในสภาพดี  เมื่อประกอบแล้วก็ทดลองรัน 24 ชม. เพื่อดูประสิทธิภาพ ดูความนิ่ง ดูว่าไม่สั่น ทุกอย่างต้องสมบูรณ์แบบก่อนส่งมอบ 

ทุกวันนี้ PSU ยังคงหาความรู้เพิ่มเติมตลอดเวลาเกี่ยวกับการออกแบบเครื่องจักร  มีชิ้นส่วนหลายอย่างที่ต้องมีมาตรฐาน ต้องหาวิธีเชื่อมต่อสารพัดมาตรฐานให้ทำงานร่วมกันได้   เช่นเครื่องเคสแพ็คเกอร์ ต้องไปทำงานต่อจากเครื่องบรรจุ  การทำงานให้ต่อเนื่องต้องใช้การเชื่อมต่อที่ออกแบบอย่างเหมาะสม  สินค้าที่ผ่านจากหน่วยแรก ไปหน่วยที่สองจะต้องไม่ล้ม ไม่เสียหาย ไม่ทำลายชิ้นงาน  เป็นการอินทิเกรตเครื่องของ PSU ไปเชื่อมกับเครื่องเดิมที่มีอยู่ เพื่อให้สายพานการผลิตไหลต่อเนื่อง

PSU ยังใช้ความรู้ทางคอมพิวเตอร์มากกว่าคู่แข่ง พัฒนาระบบออนไลน์มอนิเตอร์ให้ลูกค้าด้วย  เช่นลูกค้าเปิดโรงงานใหม่ที่ต่างประเทศ   ทีม PSU สามารถออนไลน์ไปแก้ไขปัญหาได้ตลอดเวลา  มีระบบ alarm ที่จะแจ้งเตือน มีคำอธิบายเบื้องต้นให้แก้ไขเองได้  การมอนิเตอร์ละเอียดทำให้ระบบไม่เสียนานเกินไป สามารถแก้ไขเบื้องต้นได้เอง มีระบบการนับชั่วโมงการทำงานครบ 6000 ชั่วโมงก็ต้องแจ้งตรวจสอบเพื่อเมนเทนแนนซ์  จะได้แก้ไขเปลี่ยนอะไหล่ก่อนพัง

ผู้ประกอบการหรือโรงงานมักจะลงทุนกับหุ่นยนต์และเครื่องจักรอัตโนมัติเมื่อต้องเริ่มสายการผลิตใหม่  ส่วนถ้าโรงงานไหนมีระบบเก่าอยู่  ก็จะคิดเรื่องความคุ้มทุน  ระบบเดิมจะใช้คนกี่คนสำหรับไลน์การผลิตนี้ ต้องทำงานกี่กะ ถึงจะได้เป้า   เช่น ออเดอร์ 30000 ชิ้น ใช้คนทำจะต้องใช้กี่คน แรงงานกี่กะ  เช่น 3กะ กะละ 4 คน   แล้วก็เอาค่าแรงคนมาเทียบกับเครื่องจักร  ถ้าทำงานไป 3 ปีทางเลือกไหนจะประหยัดกว่ากัน  ส่วนมากถ้าคำนวณออกมาแล้ว คำตอบคือจะต้องใช้เครื่องจักรเสมอ

แนวโน้มการใช้หุ่นยนต์จะพัฒนาไปสู่จุดที่เป็นเป็นระบบ automation เกือบเต็มรูปแบบ เครื่องจักรจะมาแทนแรงงานคน   เมื่อ 5 ปีก่อน สัดส่วนการใช้เครื่องจักร 32%  แรงงานคน 68%     ปัจจุบัน ใช้เครื่องจักรมากขึ้น เป็น 48% แรงงานคนเหลือ 52% ในห้าปีข้างหน้าเครื่องจักรจะแซงแรงงานคน  ต่อไปอาจจะเป็น เครื่องจักร 70% แรงงานคน 30% ซึ่งเป็นจริงแล้วในแถบยุโรป  ยกตัวอย่างโรงงานผลิตน้ำเกลือ ในประเทศไทยใช้คน 1000 คน แต่เมืองนอกใช้เครื่องจักรทดแทนทำให้เหลือแรงงานคนแค่ 20 คน  เท่านั้น แต่ได้ผลผลิตเท่ากัน

อารีย์ สวัสดิ์มูน

บริษัท โปรเฟสชั่นแนล เซอร์วิส ยูไนเต็ด จำกัด

ผลิตและจำหน่ายเครื่องจักรบรรจุภัณฑ์อัตโนมัติ และระบบหุ่นยนต์อัตโนมัติ

https://www.psu.co.th/

aree@psu.co.th

รีวิว Onesam Car Charger power adapter OS-G02

ตั้งแต่มีสมาร์ทโฟน การใช้พลังงานของโทรศัพท์ก็เยอะขึ้นเรื่อยๆจนหลายคนต้องพกเพาเวอร์แบงค์เพื่อใช้ชาร์จไฟระหว่างวันที่อยู่นอกบ้าน ส่วนคนที่ขับรถก็จะต้องหาตัวแปลงไฟ จากไฟ 12V ในรถมาเป็นช่อง usb เพื่อใช้ชาร์จไฟ และตั้งแต่อดีตเราก็ใช้แบบนั้นมาตลอด ไฟปกติที่ช่อง usb จ่ายไฟให้ได้ก็มักจะอยู่ที่ 5 วัตต์ และ 10 วัตต์ ซึ่งมันพอสำหรับโทรศัพท์ยุคเก่า ยุคที่ยังไม่เร็วมาก ยุคที่ยังไม่มีสเป็คสูงแบบสมัยนี้

IMG_0739

จนวันหนึ่งตัวแปลงไฟตัวเก่าเสียเลยต้องหาซื้อใหม่ ผ่านไปสิบปี เทคโนโลยีระบบชาร์จไฟให้สมาร์ทโฟนพัฒนาไปไกลมาก อุปกรณ์สามารถรองรับการชาร์จเร็ว สามารถใช้ไฟเยอะขึ้น ตัวจ่ายไฟก็ต้องพัฒนาตาม เรามีระบบ Quickcharge ให้ใช้ และพัฒนามาเรื่อยๆจากเวอร์ชั่น 1 มา 2 และมาเป็น 3 ล่าสุดไปถึงเวอร์ชั่น 5 แล้ว ขณะเดียวกันเทคโนโลยีการชาร์จก็มีอีกระบบที่เรียกว่า PD ที่ชาร์จไฟได้เร็วเหมือนกัน แต่จะเน้นกำลังไฟที่เยอะระดับ 30 วัตต์ 65 วัตต์ จนเดี๋ยวนี้ไปถึง 100 หรือ 200 วัตต์แล้วก็มี โดย PD จะใช้สายชาร์จแบบ usb- c to c เป็นหลัก

IMG_0747

กลับมาที่ onesam OS-G02 ตัวนี้ เป็นตัวที่มีกำลังไฟประมาณ 18 วัตต์ เนื่องจากอุปกรณ์แปลงไฟตัวเก่าเสีย พอซื้อใหม่ก็เลยเลือกรุ่นที่เป็น Quickcharge3.0 เนื่องจากราคาไม่แพงแล้ว บางร้านขาย 99 บาท บางร้านขาย 150 บาท ก็แล้วแต่ทำเล ในออนไลน์ก็มีขายหลายยี่ห้อ แต่ผมเลือกซื้อกับร้านในห้าง ราคาแพงกว่า แต่สามารถเดินไปขอเปลี่ยนได้ถ้ามีปัญหา เผื่อดวงตกเจอของมีปัญหา 

เหตุผลที่ quickcharge สามารถชาร์จไฟได้เร็วเพราะอาศัยการสื่อสารระหว่างตัวจ่ายไฟ และ ตัวอุปกรณ์สมาร์ทโฟนที่สามารถคุยกันได้ว่ารองรับมาตรฐานการชาร์จเร็ว เมื่อพบว่าต้นทางและปลายทางมีความสามารถรับไฟแบบ quickcharge ตัวจ่ายไฟก็จะเพิ่มกำลังไฟ เพิ่มแรงดันไฟขึ้นไป อาจจะไปเป็น 9V หรือ 12V หรือมากกว่า ทำให้ quickcharge 3.0 สามารถชาร์จไฟได้เร็วกว่าการชาร์จปกติถึง 4 เท่า 

IMG_0738

ขึ้นรถ เอามือถือเสียบชาร์จด้วยสาย usb-a to usb-c เส้นเดิมที่แถมมากับโทรศัพท์ ตัวเครื่องโทรศัพท์ก็ขึ้นสัญลักษณ์ชาร์จเร็วให้เห็น พบว่าความเร็วในการชาร์จเร็วมาก ยิ่งเทียบกับการชาร์จแบบเดิมที่มีแค่ 10 วัตต์ ยิ่งรู้สึกแตกต่าง กำลังไฟขึ้นในโทรศัพท์แทบจะนาทีละ 1 เปอร์เซ็น ชีวิตดีขึ้นมากกับคำว่าชาร์จเร็ว รู้แบบนี้ซื้อใช้ตั้งนานแล้ว

เครื่องชาร์จเดิมที่ไม่มีเทคโนโลยีชาร์จเร็ว จะเติมไฟเข้ามือถือได้ไม่เร็วมาก ถ้าจังหวะมือถือแบตอ่อน และเปิดใช้งานหลายโปรแกรมเช่นเปิดคลิปจาก youtube อยู่ บางทีไฟเข้าน้อยกว่าไฟที่ใช้ เสียบชาร์จแล้วไฟเข้าไม่ทัน สุดท้ายโทรศัพท์ดับคาสายชาร์จเลยก็มี ถ้าของเดิมไม่เสียคงไม่ได้ซื้อใหม่ คงไม่ได้สัมผัสกับการชาร์จเร็ว

สรุป Onesam OS-G02 ตัวนี้ เหมาะกับการใช้งานในรถรุ่นเก่าที่ไม่ได้ให้ช่อง usb แบบชาร์จเร็วมาให้ ใครจำเป็นต้องชาร์จโทรศัพท์ในรถก็ซื้อเครื่องแปลงไฟที่เป็น Quickcharge ตัวล่าสุดไปเลย เพราะมันทำให้ชีวิตดีขึ้นมาก ขับรถไปทำธุระก็เสียบชาร์จเอาไว้ ลงจากรถโทรศัพท์จะมีแบตเยอะเพียงพอที่จะออกไปทำงานได้โดยไม่ต้องพกเพาเวอร์แบงค์แล้ว ถ้าแบตไม่เสื่อมนะ

Popular search in Pexel when 2024 begin.

Winter Lanscape Cooking Business Meeting January Gradient Smoke Burj Khalifa Learning Paper Walking Grapgic Design Hacker Trees Spring Exercise Team School Love London Winter

รีวิวเครื่องรับวิทยุพกพา Sony srf-18

การฟังสื่อในยุคปัจจุบันผู้คนส่วนมากก็จะใช้งานอยู่บนสมาร์ทโฟน หรือโทรศัพท์มือถือ ทั้งการดูคลิปวิดีโอและการฟังเพลงต่างๆ แม้แต่รายการข่าวหรือรายการทีวีก็จะดูผ่านอินเทอเน็ต อย่างการดู youtube ซึ่งให้คุณภาพที่ดีมาก แต่ก็ยังมีบางคนที่ยังรับสื่อจากอุปกรณ์โบราณ และใช้งานอยู่เป็นประจำอยู่ เพราะความโบราณยังคงมีจุดเด่นบางอย่างที่ยังน่าใช้งานอยู่

IMG_7705

เครื่องรับวิทยุยังคงเป็นอุปกรณ์ที่มีคุณค่าอยู่แม้การสื่อสารผ่านอินเทอเน็ตจะเฟื่องฟูสุดขีดแล้วก็ตาม เพราะวิทยุยังคงเป็นสื่อที่มีข้อมูลข่าวสารที่ทันสมัยและต้นทุนต่ำมากอย่างหาตัวเทียบได้ยาก และยิ่งหากดูในแง่ของความเสถียรแล้ว คลื่นวิทยุดูจะคงกระพันและหนังเหนียวตายยากที่สุดเสียด้วย

IMG_7706

ในแง่มุมเรื่องความสะดวกก็มีประเด็นให้สะดวกกว่า นั่นก็คือเปิดแล้วได้ยินเสียงทันที ไม่ต้องต่ออินเทอเน็ต ไม่ต้องลงโปรแกรม ไม่ต้องตั้งค่าอะไรให้วุ่นวาย เลื่อนสวิตซ์เปิดแล้วฟังได้เลย สถานีต่างๆก็จะมีข้อมูลแตกต่างกันไป ใครชอบเพลงก็เลื่อนไปสถานที่ที่เปิดเพลงเยอะหน่อย ใครชอบรายการข่าวก็เลื่อนไปฟังรายการสถานทีที่เน้นข่าว ไม่ต้องสนใจคำว่าเน็ตหมด เน็ตล่ม ไวไฟหาย ต่อไม่ติด และไม่มีคำว่ามือลั่นเปลี่ยนคลื่นเปลี่ยนสถานีด้วย

เครื่องรับวิทยุมีราคาหลากหลายตั้งแต่หลักร้อยบาทไปจนถึงเป็นหมื่นบาท แต่ละระดับราคาก็จะมีความสามารถและคุณภาพไม่เท่ากัน ยิ่งราคาสูงยิ่งมีความสามารถในการรับคลื่นได้ดี มีลูกเล่นอำนวยความสะดวก และมีคุณภาพเสียงที่ดีกว่าเพราะใช้วัสดุที่คุณภาพสูง แต่ก็ใช่ว่าของราคาต่ำจะไม่ดี ในการทดสอบครั้งนี้เราได้พบเครื่องรับวิทยุคุณภาพดี เสียงดี และราคาถูกด้วย นั่นก็คือ Sony srf-18

IMG_7708

Srf-18 เป็นเครื่องรับวิทยุขนาดเล็ก ใส่ถ่าน AA 2ก้อน สามารถพกพาใส่กระเป๋ากางเกง พกติดตัวได้ไม่ลำบาก ขนาดกระทัดรัด มีระบบการรับคลื่นเป็นอนาลอก ปรับจูนความถี่ด้วยปุ่มมือหมุน รับคลื่นได้ทั้ง FM และ AM. มีวอลลุ่มเร่งเสียงดังเบา มีช่องเสียบหูฟัง มีลำโพงในตัวสองดอก มีช่องรับสัญญาณเสียง Aux สามารถนำเครื่องเล่นเครื่องอื่นมาต่อเข้ากับตัวมันเพื่อใช้ srf-18 เป็นตัวขยายเสียงได้ ราคาขายในห้างอยู่ที่ 790 บาท

คุณภาพการรับคลื่น

IMG_7709

ทดลองฟังคลื่นระบบ FM ฟังสถานีส่วนใหญ่ได้ชัดเจน สถานีที่รับชัดจะสามารถรับเสียงเป็นสเตอริโอได้ เมื่อรับชัดและเป็นสเตอริโอจะมีไฟสีแดงสว่างขึ้นด้วย คุณภาพเสียงจากลำโพงในตัวจะไม่ดีมาก เพราะเป็นลำโพงขนาดเล็กและน้ำหนักเบา เราจะได้ยินเสียงกลางและแหลมเป็นส่วนใหญ่ แต่หากเราเสียบหูฟังก็จะพบว่าเสียงในหูฟังเป็นเสียงที่ดีมาก เมื่อปรับให้รับคลื่นชัดเจนแล้ว เสียงจะฟังสบาย มีความเป็นธรรมชาติ น้ำหนักเสียงมีทุ้ม มีแหลม มีมวลเสียงกลางเหมือนเป็นระบบเครื่องเสียงคุณภาพดี

IMG_7710

การปรับความถี่ใช้ระบบมือหมุน แต่ละสถานีที่ปรับเปลี่ยนจะมีระยะการหมุนที่ค่อนข้างแคบ สถานีที่อยู่ชิดกันมาก บางทีก็โดนข้ามไป ลักษณะการปรับหมุนแบบนี้เป็นวิธีการปรับแบบต้นทุนต่ำ ราคาไม่แพง และอุปกรณ์เครื่องรับวิทยุราคาประหยัดก็จะใช้วิธีการหมุนคลื่นแบบนี้ ในสถานีที่รับได้ Sony srf-18 มีความสามารถในการรับที่ชัดเจนดีมาก ทำให้หลายสถานีเราก็เลือกฟังได้ไม่ยาก

จุดเด่น

รับคลื่นได้ชัดเจน 

เสียงจากช่องหูฟังเสียงดี มีคุณภาพเหมือนเป็นเครื่องเล่นเน้นคุณภาพ

ราคาประหยัด

ใส่ถ่าน AA ได้

จุดด้อย

ระบบหมุนหาคลื่นมีระยะการหมุนแต่ละสถานีค่อนข้างแคบ ทำให้ข้ามบางสถานีไป

ไม่มีช่องต่อไฟเลี้ยง ต้องใส่ถ่านเท่านั้นทำให้มีความสิ้นเปลือง

ลำโพงให้เสียงธรรมดาค่อนข้างไปทางคุณภาพต่ำ

ถ้าฟังนานๆแล้วลืมปิดจะทำให้เปลืองถ่านมาก

ถ้าลืมถ่านไว้ภายในนานเกินไป อาจจะมีอาการถ่านเยิ้ม แล้วทำให้ตัวชิ้นส่วนอิเล็คทรอนิกส์ภายในเสียหายได้

ไม่มีขาตั้งสำหรับจัดวางมุมเอียงเพื่อเชิดหน้าขึ้น

สรุป

Srf-18 เป็นเครื่องรับวิทยุคุณภาพดี สามารถครับคลื่นได้ชัดเจน แม้การปรับหมุนจะทำยากกว่าระบบเครื่องรับดิจิทัล แต่หากหมุนจนได้ค่าที่ชัดเจนแล้วจะให้เสียงที่ดีมาก และหากได้ต่อวิทยุเข้ากับหูฟัง จะทำให้เราได้ยินเสียงที่ดียิ่งขึ้น จะซื้อใช้เองก็ไม่แพง ซื้อแจกเป็นของขวัญก็ไม่น่าเกลียด เพราะมันเป็นของที่มีคุณภาพ