เทคนิคการปรับสีภาพ Raw ด้วยกล้อง

การถ่ายภาพนอกจากองค์ประกอบที่ดีแล้ว เราก็ยังสามารถพิถีพิถันกับสีของภาพถ่ายได้ด้วย ซึ่งภาพถ่ายสีสวยที่เราได้พบเห็นในเว็บโชว์รูป หรือ แม้แต่ภาพในหนังสือต่างๆ ก็มักจะได้รับการปรับแต่งมาแล้ว เพื่อให้ภาพมีสีสันที่ถูกใจหรือตรงกับสิ่งที่ต้องการมากที่สุด

การปรับภาพขของกล้องดิจิทัลจะนิยมถ่ายภาพเป็นไฟล์ชนิด raw ซึ่งเป็นภาพดิจิทัลไฟล์แรกสุดที่เกิดขึ้นในกล้อง ไฟล์ชนิดนี้จะถูกส่งต่อไปยังโปรแกรมปรับแต่งเพื่อทำการปรับปรุง เปลี่ยนแปลง และโปรแกรมที่ได้รับความนิยมมากๆในวงการถ่ายภาพก็คือ Lightroom ของบริษัท Adobe ซึ่งก็คือบริษัทที่เป็นเจ้าของ photoshop นั่นเอง

แต่ขณะเดียวกัน ความนิยมของนักถ่ายภาพสมัครเล่นและคนที่ไม่ได้มีอาชีพเกี่ยวกับการถ่ายภาพโดยตรงก็จะนิยมใช้โปรแกรมในโทรศัพท์มือถือ อย่าง snapseed ซึ่งเป็นของบริษัท google และโปรแกรมปรับแต่งภาพสีของ VSCO ที่ได้รับความนิยมอยู่พอสมควร

ยังคงมีโปรแกรมปรับแต่งสีสันจากไฟล์ raw อีกตัวหนึ่งที่แถมมากับกล้องทุกตัวที่ถ่ายภาพชนิดนี้ได้ก็คือโปรแกรมจากค่ายกล้อง อย่าง canon ก็จะมีโปรแกรมชื่อ DPP ซึ่งเป็นโปรแกรมที่สามารถแปลงไฟล์ raw ให้เป็น jpg ด้วยค่าสีสารพัด มีความหลากหลายให้เลือกใช้มากมาย และคุณภาพของ DPP ก็ดีจนช่างภาพให้การยอมรับ

แต่ในบทความนี้จะแนะนำการปรับ raw ไฟล์เป็น jpg ที่มีมาให้ในกล้อง ซึ่งทำให้เราไม่ต้องลงซอร์ฟแวร์เพิ่มเติมเลย และสะดวกมาก เนื่องจากเราสามารถทำการแปลงค่าได้จากหลังกล้อง และมีความยืดหยุ่นในการปรับแต่งที่มากพอใช้งานเลย

IMG_20201108_105017

เมนูที่จะเข้าไปปรับไฟล์ raw ของกล้อง canon ก็คือ ส่วนที่มีชื่อว่า RAW image processing

IMG_20201108_105153

ซึ่งเมื่อเข้าไปแล้วจะไปพบกับภาพที่เราถ่ายด้วยไฟล์ชนิด raw ที่แสดงขึ้นมา หากต้องเการเข้าไปรับแต่งเพื่อแปลงไฟล์ก็กดปุ่ม set เพื่อเข้าสู่เมนูกาปรับแต่งเลย

IMG_20201108_105206

ที่เมนูการปรับแต่ง จะมีหลายค่าให้เราปรับ ตั้งแต่ความสว่าง ไว้บาล้านท์ สไตล์สี การปรับค่าไดนามิคเร้นจ์ การลดน้อยส์ … ให้เราค่อยๆดูไปทีละเมนู แต่ละเมนูจะมีคำอธิบายที่เข้าใจง่ายด้วย

IMG_20201108_105229

จุดที่ผมชอบปรับจากเมนูนี้จะมี 2 ส่วน หรือส่วนที่เป็น WB หรือไว้ท์บาล้านท์ ซึ่งทำให้เราเปลี่ยนลักษณะสี ลักษณะสีขาวในภาพได้ โดยเลือกเป็นค่าที่ให้สีที่ชอบ และถ้ายังไม่ถูกใจ เราสามารถเลือกอุณหภูมิสีหรือ WB เป็นตัวเลขเคลวินได้ และสภาพแสงในภาพนี้ผมเลือกค่าเป็น เคลวินไว้ที่ 4100K

ส่วนอีกเมนูหนึ่งที่ชอบใช้ก็คือ เมนู Peripheral illumin. correct ซึ่งเป็นเมนูการปรับค่าแสงที่กลางภาพและขอบภาพให้เท่ากัน เนื่องจากธรรมชาติของเลนส์จะให้แสงตกตรงกลางภาพมากกว่าขอบภาพ หากไม่แก้ไข แสงจะสว่างที่กลางภาพ และจะมืดที่ขอบภาพ กล้องดิจิทัลทุกตัวจะแก้ไขโดยการปรับค่าแสงสว่างที่ขอบภาพให้สว่างเท่ากลางภาพ ก็คือมีการใช้งานหรือ enable การปรับแสงนี้เอาไว้ ผมก็เลยเข้าไปปิด ตั้งเป็น disable ปล่อยให้ภาพมีความมืดที่ขอบภาพไป เพราะหลายครั้งที่ปรับแต่งภาพด้วยซอร์ฟแวร์อื่นๆ ผมก็ชอบปรับให้ขอบภาพเข้มกว่ากลางภาพเล็กน้อย เพื่อให้ภาพดูสวยถูกใจ (แต่ไม่ถูกต้อง)

20201107203849_IMG_0051
ภาพต้นฉบับ jpg ที่ได้จากกล้องเมื่อถ่ายภาพด้วยโหมด Raw+jpg และมีการตั้งค่า WB เป็นแบบ Auto
IMG_20201107_213615
ภาพที่ใช้กล้องแปลงค่า raw โดยปรับตั้งค่า WB ไปเป็น 4100เคลวิน และปรับ illumin เป็น disable คือปล่อยให้ขอบภาพมืดกว่ากลางภาพ หลังจากได้ภาพที่ปรับแล้วก็ส่งออกมาเก็บไว้ในโทรศัพท์ และอัพโหลดไปเก็บไว้ใน cloud เรายังคงสามารถปรับภาพต่อในโทรศัพท์ หรือ ใช้ตัวปรับภาพของ cloud ได้อีกตามใจ
IMG_20201107_213615
ภาพที่ปรับแต่งสีเสร็จแล้ว ก็เซพไฟล์ออกมาเป็น jpg แล้วก็นำมาคร็อปภาพอีกนิด ปรับสีอีกเล็กน้อย ปรับมุมเอียงอีกหน่อยเพื่อให้ภาพตรง ซึ่งภาพที่ตรงจะให้ภาพที่ดูสบายตามากกว่า

ดูจากภาพตัวอย่างเราก็จะได้สไตล์สีที่ปรับออกมาแล้วถูกใจเรามากกว่าภาพแรก การปรับแต่งภาพถ่ายนี้ไม่ถือว่าเป็นเรื่องของคนฝีมือไม่ดี ช่างภาพที่เก่งไม่ใช่ช่างภาพที่ไม่ปรับ แต่ความเก่งของช่างภาพที่แท้จริงก็คือ รู้วิธีที่จะได้ภาพที่ต้องการ หากภาพที่ต้องการจะต้องปรับ ก็ปรับเพื่อผลลัพธ์นั่นเอง และหากใครยังคงยืดถือว่าการถ่ายแบบไม่ปรับแต่งเลยคือวิธีการที่สุดยอด จะขอให้ลองทบทวนดูว่า ก่อนจะไปถึงคำว่าแต่งภาพ เราแต่งภาพทางอ้อมและมีผลต่อภาพอย่างไรบ้าง ถ้าเป็นงานฟิล์มเราแต่งภาพตั้งแต่เราเลือกฟิล์มบางตัว ไม่ใช่ฟิล์มอะไรก็ได้ เราเลือกเลนส์บางตัว ไม่ใช่เลนส์อะไรก็ได้ เราเลือกร้านล้างอัดบางร้าน ไม่ใช่ว่าทุกร้านจะทำงานได้เหมือนกัน เราเลือกสแกนเนอร์บางตัว ไม่ใช่สแกนเนอร์อะไรก็ได้ จะเห็นว่า เราปรับแต่งตั้งแต่เราเลือกอุปกรณ์แล้ว ส่วนฝั่งดิจิทัลก็ไม่ได้แตกต่างกัน เราเลือกยี่ห้อกล้องเพราะบุคคลิกสีบางอย่าง เราเลือกของแพงมากกว่าของถูกเพราะรู้ว่าคุณภาพไม่เหมือนกัน เราเลือก เลือก เลือก นั่นคือเราปรับภาพตั้งแต่ก่อนจะเห็นภาพแล้ว

วิธีใช้ custom white balance ในกล้อง canon

การถ่ายภาพด้วยกล้องดิจิทัลในสภาพแสงบางสถานการณ์ก็จะให้ภาพที่สีเพี้ยน แม้ว่ากล้องจะมีระบบ auto white balance ก็ยังให้สีสันที่ไม่ใกล้เคียงความจริง  ภาพตัวอย่างด้านล่างนี้เป็นภาพที่ได้จากการตั้งค่าเป็น auto white balance

20180302203330_IMG_6323

เมื่อเห็นว่าการตั้ง auto wb ยังคงให้สีอมเหลือง  หากเราลองปรับค่าสีจากโปรแกรมแก้สีต่างๆ เพื่อปรับโทนสี สิ่งที่ได้ก็คือภาพที่ปรับสีแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถทำให้ดูเป็นธรรมชาติและให้สีสันเหมือนจริงได้  นั่นเป็นข้อจำกัดของการแก้สีด้วยซอร์ฟแวร์ ซึ่งบางครั้งอาจแก้ไขได้เรียบร้อย  และบางครั้งก็แก้ไม่ได้ดังภาพถัดไปด้านล่างนี้  จะเห็นว่าภาพลดสีเหลืองไปจนดูไม่เหมือนเดิม แต่ภาพใหม่ก็ยังดูอมสีเขียวอยู่

IMG_20180302_211102

 

สิ่งที่ควรทำในสถานการณ์ที่สภาพแสงที่มีอุณหภูมิสีไม่มาตรฐานคือการใช้คำสั่ง custom white balance ซึ่งเป็นการตั้งค่าอุณหภูมิสีที่จะให้ผลลัพธ์ใกล้เคียงกันทั้งหมด และใกล้เคียงความจริงด้วย

 

20180302203044_IMG_6313

เริ่มโดยการเราหาวัตถุสีขาวล้วนที่มีขนาดใหญ่สักหน่อย จะเป็นผ้าห่ม ผ้าขนหนู หรือกำแพงสีขาวก็ได้  ในที่นี้ผมใช้กระดาษ A4 สีขาว  นำแผ่นสีขาวที่หาได้มาวางไว้ในพื้นที่ที่เราอยากถ่ายภาพ วางภายใต้สภาพแสงแบบเดียวกับวัตถุที่เรากำลังจะถ่าย  ถ้าถ่ายในห้อง ก็คือเอากระดาษขาววางในห้องด้วยเช่นกัน แล้วถ่ายภาพกระดาษขาวทั้งแผ่นให้เต็มเฟรมภาพ  ภาพที่ได้จะเป็นตัวแทนให้ซอร์ฟแวร์ custom wb ในกล้องทำการแก้ไขภาพให้กลายเป็นค่าสีขาวที่ถูกต้องนั่นเอง  เมื่อถ่ายภาพกระดาษเสร็จแล้ว ให้เราเข้าเมนูของกล้อง แล้วเลือกตั้ง white balance ให้เป็น custom โดยเมนู custom จะมีขึ้นมาถามว่า ให้เราเลือกภาพที่ถ่ายไว้แล้ว  ก็ให้เลือกภาพกระดาษ A4 สีขาวที่เพิ่งถ่ายไป  เมื่อเลือกแล้วก็เสร็จ ภาพต่อไปให้เราตั้งค่า white balance เป็น custom พอถ่ายใหม่อีกครั้ง ก็จะได้ภาพที่สีสันดูปกติ  ตามภาพด้านล่างนี้

20180302203309_IMG_6322

 

20180302203245_IMG_6320

 

การเลือกใช้ค่า white balance เพื่อให้ผลลัพธ์เป็นสีสันที่ถูกต้องถือเป็นสิ่งที่ควรเรียนรู้  เพราะมันช่วยแก้ปัญหาได้ดี  ทำให้ประหยัดเวลามากกว่าการไปแก้สีทุกภาพในขั้นตอนหลังถ่าย