รีวิวหูฟังไร้สายเสียงดี ฟังค์ชั่นครบ Logitech g435

IMG_20220604_074425

การใช้งานคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์ในยุคสมัยนี้อยู่กับชีวิตเราแทบตลอดเวลา เป็นยุคที่เรามีโทรศัพท์มือถือกันแทบทุกคน มือถือจะฟังเพลงจากระบบสตรีมได้ ข้อมูลภาพและเสียงมาจากอินเทอเน็ต เราแทบจะไม่มีใครเก็บไฟล์เพลงไว้ในเครื่องอีกแล้ว และหูฟังนอกจากทำหน้าที่ฟังเพลง ก็ยังทำหน้าที่สำหรับการสื่อสารด้วย ใช้ฟัง ใช้พูดคุยผ่านระบบอินเทอเน็ต หูฟังจึงเป็นสิ่งจำเป็นมากยิ่งขึ้น


หูฟังแบบครอบหูเป็นหูฟังที่ดูอลังการ ใหญ่โตและดูจริงจัง เมื่อก่อนเราจะพบเห็นการใช้งานหูฟังแนวนี้ในสตูดิโอระดับมืออาชีพ แต่การใช้งานในปัจจุบัน ยุคสมัยของการสื่อสารหลังโควิด เราใช้หูฟังพร้อมไมค์โครโฟนกันมากขึ้น การเล่นเกมส์ผ่านคอมพิวเตอร์ก็นิยมใช้หูฟังมานานแล้ว ทุกวันนี้เราพบหูฟังขนาดใหญ่หรือ Full Size เป็นเรื่องปกติ

ScreenClip

Logitech g435 เป็นหูฟังครอบหูขนาด full size ออกแบบมาให้เป็นหูฟังระบบไร้สาย 2 ระบบ คือเป็นไร้สายแบบรับสัญญาณไร้สายคลื่นความถี่ 2.4gHz ผ่านตัวส่งสัญญาณ usb ที่มีมากับชุดหูฟังเลย และแบบที่สองคือรับสัญญาณผ่านบลูทูธ นั่นหมายความว่า เราใช้งานหูฟังตัวนี้กับโทรศัพท์ผ่านบลูทูธได้ ใช้กับคอมพิวเตอร์ที่มีพอร์ต usb ก็ได้ ซึ่งเป็นความยืนหยุ่นที่ดีมาก

การใช้งานกับคอมพิวเตอร์ผ่านพอร์ต usb จะมีตัวเสียบ usb เอาไว้รับส่งสัญญาณไร้สายโดยเฉพาะ จะทำให้คุณภาพเสียงดีที่สุดตามสเป็คของหูฟัง เพราะการสื่อสารผ่าน 2.4 gHz จะเป็นการสื่อสารที่เน้น sound quality หากต้นฉบับเสียงของเราเป็นสัญญาณระดับ cd quality เราก็จะได้ยินเสียงคุณภาพสูงเกือบเท่าต้นฉบับ Logitech ยังไม่ได้เปิดเผยว่า protocal ในตัวส่ง usb นั้นเป็นการสื่อสารชนิดใด แต่เดาว่าจะเป็นระบบที่ออกแบบให้ดีเลย์ต่ำและมีบิทเรทที่สูงเพียงพอสำหรับการเน้นเรื่องคุณภาพเสียง ส่วนการใช้งานผ่านระบบ Bluetooth จะเป็นการส่งสัญญาณแบบบีบอัด เพราะแบนด์วิดธ์การสื่อสารข้อมูลหรือ bite rate ของ bluetooth จะน้อยในระดับ 300-990bps แล้วแต่มาตรฐาน แม้เราจะเล่นเพลงจากไฟล์คุณภาพสูง แต่การที่ต้องแปลงข้อมูลให้บิทเรตน้อยลงเพื่อให้วิ่งผ่าน bluetooth ก็จะทำให้ข้อมูลเพลงถูกลดทอนและมีการสูญเสียไปในการแปลงข้อมูลกลับไปกลับมา

ScreenClip

หูฟัง g435 มีพอร์ต usb-c บนตัวมันเพื่อเอาไว้ชาร์จไฟ แบตเตอรี่ในตัวสามารถถอดเปลี่ยนได้โดยดูจากคู่มือ นับว่าเป็นการออกแบบหูฟังไร้สายที่ใส่ใจกับสิ่งแวดล้อมมาก เพราะหลายๆค่ายที่ทำหูฟังไร้สาย มักจะไม่ค่อยบอกว่าเปลี่ยนแบตได้ไหม จริงๆต้องบอกว่าหลายยี่ห้อไม่ได้คิดจะให้ลูกค้าเปลี่ยนแบตเตอรี่ภายในเลยด้วยซ้ำ

Driver Type40mm 
Impedance45 Ohms
Frequency Response20 – 20,000 Hz
Microphone TypeDual-beamforming on-cup; 100Hz – 8,000 Hz frequency response
Connectivity OptionsLightspeed wireless (2.4 GHz USB Type-A dongle), Bluetooth
CablesUSB Type-C to Type-A charging cable (6 feet/ 1.8 m)
Weight0.36 pounds /165 g 
สเป็ค

ทดลองฟัง

ต่อตัวส่งสัญญาณเข้าทางพอร์ต usb บนคอมพิวเตอร์ ใช้ระบบไร้สายแบบ 2.4gHz ฟังเพลงป๊อปทั่วไปทำได้ดีมาก เสียงกลางชัด เสียงแหลมใสมีประกาย เสียงเบสมีเพียงพอ ติดไปทางอิ่มๆหนาๆเล็กน้อย แต่เสียงเบสไม่ได้บังเสียงกลางแหลมให้รู้สึกทึบห้วน เป็นเบสใหญ่ๆที่ทำให้ฟังเสียงกลอง เสียงเครื่องเคาะต่างๆมีพละกำลังมาก หากฟังเพลงร็อคที่เน้นจังหวะกลองสนุกๆก็ทำได้สนุกจริงๆ เสียงแหลมที่เป็นเครื่องเคาะโลหะไม่มีอาการเสียดหูหรือทิ่มแทง เสียงแนวอบอุ่นฟังสบายเป็นเสียงที่ทำให้เราใช้งานหูฟังได้นานโดยที่เราไม่ปวดหู แต่หูฟังแนวครอบหูมักจะมีข้อจำกัดเรื่องความรู้สึกเมื่อใส่นานๆแล้วจะร้อนใบหู เพราะตัวครอบหูมันคลุมใบหูไว้ทั้งใบ

หากเทียบกับหูฟังอย่าง AKG K701 ที่เป็นหูฟังเกรดมอนิเตอร์ นิยมใช้ในห้องบันทึกเสียงและนักเล่นเครื่องเสียงที่เน้นเสียงสดเป็นธรรมชาติ เสียงของAKG จะใสกว่า กลางแหลมจะชัดกว่า เบสจะคมและไม่ได้มีบรรยากาศห่อหุ้มใหญ่เท่า G435 ถ้าเทียบเฉพาะเสียงกลาง G435 จะสู้ไม่ได้ แต่ G435 ก็ทำได้ดีน่าทึ่งมากๆ ยิ่งเป็นระบบไร้สายยิ่งมีความน่าสนใจ เพราะทำให้เราใช้งานได้สะดวกมากยิ่งขึ้น

1687522970057

ใช้เชื่อมต่อกับโทรศัพท์ผ่านระบบ Bluetooth ก็ทำได้ดีเช่นกัน รองรับ codec ชนิด AAC เสียงคู่สนทนาได้ยินชัดเจน เสียงไมโครโฟนที่เราพูดเข้าไปปลายทางได้ยินชัดเจน แม้ว่าหูฟังจะไม่ได้มีก้านไมค์ยื่นออกมารับเสียง แต่มันก็มีระบบการรับเสียงพูดที่ดีมากเรียกว่าระบบ beam forming ที่จะช่วยให้การรับคลื่นเสียงทำได้อย่างชัดเจนและมีคุณภาพสูง

เราสามารถใช้ไมโครโฟนของ g435 เพื่อทำ content ได้เลย เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ด้วย usb แล้วบันทึกเสียงด้วยไมค์ในตัวของหูฟังตัวนี้ ให้เสียงดีมาก มีความเป็นธรรมชาติมาก สามารถทำรายการแนวพูดคุย แนวเล่าเรื่องได้เลยไม่ต้องปรับแต่ง ยิ่งเมื่อเทียบกับราคาค่าตัวประมาณ 2000 บาท ก็ทำให้มันเป็นหูฟังที่ดีเลิศในระดับราคานี้และแทบไม่ต้องไปค้นหาหูฟังที่คุ้มค่ายิ่งกว่านี้เลย เพราะตลอดเวลาที่ติดตามข้อมูลเกี่ยวกับหูฟังมา ก็มีตัวนี้นี่แหละที่ให้คุณภาพสูง ราคาต่ำ และฟังค์ชั่นเยอะมาก

ให้ลูกลองบันทึกการเล่มเกมส์แบบนักสตรีมเกมส์ ก็เก็บเสียงพูดได้ชัดถ้อยชัดคำ น้ำเสียงเป็นธรรมชาติ ส่วนใครชอบเสียงแนวใหญ่ หรือแนวแหลมเพื่อให้ฟังชัดเจนยิ่งขึ้นก็ไปปรับแต่งในซอร์ฟแวร์ได้ สิ่งสำคัญคือไมโครโฟนของหูฟังเก็บเสียงที่ดีให้เราได้จริงๆ ลองฟังเสียงพูดในคลิปนี้ดูครับ

อยู่บ้านก็ใช้ g435 กับคอมพิวเตอร์ ออกนอกบ้านเราก็เปลี่ยนไปใช้ g435 กับโทรศัพท์ ก็ทำงานได้กับอุปกรณ์ที่หลากหลาย การเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์เป็นมาตรฐานของ usb หมายความว่า เครื่องคอมพิวเตอร์หรือเครื่องเล่นเกมส์ หรือเครื่องฟังเพลงเครื่องไหนที่รองรับการเชื่อมต่อ usb เราเอา g435 ไปเสียบใช้งานได้เลย ผมลองกับกล่องดูทีวีของ ais play เมื่อเสียบเข้าไปที่พอร์ต usb ด้านหลังกล่อง เราก็ได้ยินเสียงในหูฟังเลย ใครใช้กล่อง android เพื่อดูหนังฟังเพลง ก็เชื่อว่าใช้งานกับ g435 ได้ทันทีไม่ต้องลงไดรเวอร์ใดๆ

g435 ไม่ได้มีซอร์ฟแวร์ใดๆแถมมาด้วย นั่นก็หมายความว่ามันไม่มีลูกเล่นการสร้างเสียงรอบทิศทางในหูฟัง หรือไม่มีระบบ virtual 7.1 สำหรับหูฟัง ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะวัตถุประสงค์ของหูฟังตัวนี้คือเน้นความเป็นหูฟังที่ใช้งานง่ายในระบบไร้สาย และมันทำได้ดีมาก

ข้อดี

1 ระบบไร้สายทางพอร์ต usb เป็นการเชื่อมต่อคุณภาพสูง ให้เสียงเต็มสเป็ค ทำให้ได้คุณภาพเสียงที่ดี

2 การเชื่อมต่อบลูทูธกับโทรศัพท์ แท็ปเบล็ต คอมพิวเตอร์ ก็ทำได้ดี ใช้พูดคุยได้ เสียงดังฟังชัด ไมโครโฟนรับเสียงพูดได้ชัดเจน คู่สนทนารู้เรื่อง

3 ระบบการชาร์ตไฟด้วยพอร์ต usb-c มาตรฐาน สะดวกในการชาร์จมาก

4 แบตเตอรี่ในตัวเป็นแบบเปลี่ยนเองได้ คู่มือก็สอนวิธีเปลี่ยน

ข้อเสีย

1 ปุ่มเปิดปิดอยู่ในตำแหน่งที่มักจะโดนกดเมื่อใส่หรือถอดหูฟังจากหัว บางครั้งเราแค่อยากหยิบใส่ หยิบออกชั่วคราว แต่ก็เผลอไปกดปุ่มแล้วเปลี่ยนโหมด

2 ปุ่มกดเพื่อเข้าฟังค์ชั่นพิเศษทำได้ลำบาก ซับซ้อน ถ้าไม่มีคู่มือจะไม่สามารถใช้ลูกเล่นพิเศษได้เลย

3 ขนาดใหญ่ พกพาในกระเป๋าใหญ่ๆเท่านั้้น ไม่สามารถยัดหูฟังไว้ในกระเป๋าเสื้อหรือกางเกงได้


สรุป

หูฟังไร้สาย Logitech G435 เป็นหูฟังไร้สายทำงานได้ 2 ระบบ สามารถใช้กับคอมพิวเตอร์ทางพอร์ต usb ได้ สามารถใช้กับโทรศัพท์มือถือทาง bluetooth ได้ มีคุณภาพเสียงในการฟังเพลงที่ดี ใช้ฟังเพลงเพื่อทำงานหรือเพื่อความบันเทิงได้ มีความสามารถในการรับเสียงพูดคุยได้ดี ใช้สื่อสารพูดคุยกันได้ชัดเจน ใช้บันทึกเสียงเพื่อทำรายการพอดคาสท์ได้ เป็นหูฟังที่คุ้มค่ามากๆในราคาแค่สองพันบาท ถ้าต้องเดินทาง อยู่หอพัก และอยากได้อุปกรณ์การทำงานและการดูหนังฟังเพลงตัวเดียวครบทุกความต้องการ ก็ต้องตัวนี้เท่านั้น

พาดพิงหูฟัง Akg K701 ลองกลับไปอ่านรีวิวได้ครับ

สั่งซื้อ logitech g435 เชิญที่นี่ครับ https://s.shopee.co.th/qNW7b5OBn

powerbank ชาร์จไร้สาย

16f3b1efacb7113762951ac231d3e329

เพาเวอร์แบงค์ความจุ 10000ma สั่งจากเว็บ ไม่มียี่ห้อ ทดลองใช้งานแล้วทำงานได้ปกติดี มีฟังค์ชั่นการชาร์จไร้สายด้วย มือถือที่สามารถชาร์จไร้สายได้แค่นำมาวางทับบนเพาเวอร์แบงค์ตัวนี้ก็สามารถชาร์จไฟเข้าได้แล้ว ความเร็วในการชาร์จอยู่ในระดับปกติ คือเร็วเท่ากับการชาร์จด้วยอแด๊ปเตอร์ระดับ 10 วัตต์ นอกจากระบบไร้สายแล้ว ตัวมันยังมีช่อง usb สำหรับจ่ายไฟแบบปกติด้วย กำลังไฟที่ปล่อยออกมาทางช่อง usb จะมีกำลังประมาณ 10 วัตต์



การชาร์จไฟเข้าเพาเวอร์แบงค์ใช้ได้ 3 ช่องทางคือ

1ใช้สาย usb-c ได้

2ใช้สาย micro-usb ได้

3ใช้วิธีชาร์จไร้สายเข้าเพาเวอร์แบงค์ได้ แค่นำไปวางบนตัวแท่นชาร์จไร้สาย

ราคาในเว็บประมาณ 300 บาท

หาลำโพงใช้ Learn From Home

เราอยู่ในยุคโควิด19 ที่เป็นโรคระบาด มีความอันตรายถึงชีวิต การระบาดทั่วโลกและในไทยทำให้มีคำสั่งห้ามออกจากบ้าน มีการปิดห้าง โรงแรม สถานที่สาธารณะ รวมถึงโรงเรียนทุกประเภทด้วย คนทำงานให้ทำงานจากที่บ้านถ้าทำได้ นักเรียนให้เรียนจากที่บ้านไปก่อน ดังนั้นการเตรียมตัวอุปกรณ์สำหรับการประชุมทางไกล หรือ เรียนทางไกล ก็ต้องพิจารณาหลายอย่าง ซึ่งในตอนนี้เราจะพูดถึงลำโพงก่อน เพราะค้นพบว่า ลำโพงมีความจำเป็นกับการสื่อสารหรือการเรียนบางวิชา

การเรียนจากที่บ้านสำหรับเด็กนักเรียน ในบางวิชาเราจำเป็นต้องได้ลำโพงคุณภาพสูงเพียงพอ หากจะเอาไว้เรียนรู้เรื่องเล่า ฟังข้อมูลวิชาการ ฟังเรื่องเล่าประวัติศาสตร์ ลำโพงอะไรก็สื่อสารได้ แต่หากเด็กต้องเรียนภาษาอังกฤษ ต้องฟังเสียงคำอ่านที่คล้ายๆกันแต่สะกดไม่เหมือนกัน คนพูดที่ชัดเจนจะออกเสียงต่างกันเล็กน้อย ความเล็กน้อยนี้จำเป็นต้องใช้ลำโพงคุณภาพดีเพียงพอถึงจะฟังออกว่ามีความแตกต่างกันในการออกเสียง อย่างเช่น คำว่า plain กับ pain หรือ คำว่า wide กับ wine มันจะมีปลายเสียงต่างกันซึ่งแม้แต่การฟังต่อหน้ายังแยกแยะลำบากเลย คนฟังต้องได้ยินเสียงที่ชัดจริงๆถึงจะฟังออก ความสามารถในการแยกแยะหางเสียงตรงนี้ก็ต้องใช้ลำโพงที่ดี

ลำโพงบลูทูธในตลาดมีหลายตัวที่มีคุณภาพดี แต่การเชื่อมต่อบลูทูธมักทำกับโทรศัพท์มือถือหรือ tablet หรืออาจจะใช้กับโน้ตบุ๊ค แต่ก็มีคนอีกจำนวนมากที่ใช้คอมฯตั้งโต๊ะและไม่สามารถใช้งานบลูทูธได้ การเชื่อมต่อด้วยสายสัญญาณเสียงทางช่อง Aux ก็เป็นสิ่งจำเป็น ลำโพงบลูทูธที่มีขายส่วนใหญ่ก็มักจะไม่มีช่อง Aux จะมีเพียงไม่กี่รุ่นเท่านั้นที่ยังมีช่องแบบนี้ให้ใช้งาน และลำโพงบลูทูธส่วนใหญ่ก็มีการเปิดปิดและการเชื่อมต่อที่ซับซ้อน บางครั้งการเชื่อมสัญญาณก็หลุด มีหลายครั้งที่สัญญาณเสียงหาย ต้องการการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ซึ่งหากเป็นผู้ใหญ่หรือเป็นคนที่เลือกซื้อลำโพงมาใช้ตั้งแต่แรกก็จะแก้ปัญหาได้ แต่เด็กในบ้านจะแก้ปัญหาแบบนี้เองไม่ได้ เพราะไม่มีความคุ้นเคยกับอุปกรณ์เหล่านี้

ลำโพงที่เหมาะกับการใช้งานเรียนออนไลน์ และเหมาะกับเด็กก็ควรจะเป็นลำโพงที่เปิดปิดง่าย หรือเปิดตลอดเวลาที่เสียบไว้กับเครื่อง มีปุ่มปรับระดับเสียงที่ปรับง่าย ยิ่งเป็นปุ่มหมุนยิ่งดี เพราะการปรับความดังเป็นสิ่งจำเป็นในบางกรณี เช่นศัพท์ภาษาอังกฤษบางคำออกเสียงฟังยาก หากเด็กสามารถเร่งเสียงด้วยตัวเองได้ก็จะปรับได้เลย เมื่อผ่านศัพท์หรือผ่านตอนที่ต้องการเสียงดังฟังชัดไปแล้ว ก็ค่อยปรับกลับมาเป็นระดับความดังปกติก็ได้ เพราะเราคงไม่อยากให้ลูกเราอยู่กับเสียงดังตลอดเวลา

การเชื่อมต่อเข้ากับคอมพิวเตอร์ก็มีความสำคัญ บางครั้งแม้แต่การต่อสาย Aux ก็อาจจะยุ่งยากเกินไปสำหรับบางครอบครัว ถ้าลำโพงมีสาย usb ที่ต่อเข้าเครื่องคอมฯ ทำหน้าที่เป็นตัวจ่ายพลังงานและเป็น usb sound ไปด้วยในตัวก็จะทำให้เสียบสายเส้นเดียวได้ทั้งเสียงและพลังงานไฟฟ้ามาครบ ลำโพงแบบนี้ถือว่าออกแบบมาลดความยุ่งยากอย่างแท้จริง แต่เราก็ต้องไปค้นหาว่าลำโพง usb แบบนี้จะมีคุณภาพเสียงที่ดีเพียงพอไหม

พอเรารู้ว่าเราจะใช้ลำโพงคุณภาพระดับใด ใช้ทำหน้าที่อะไร เชื่อมต่อด้วยวิธีใด เราก็เริ่มเข้าใจแล้วว่าของถูกมากๆก็ไม่สามารถใช้งานกับงานที่เราต้องการได้ ของแพงบางตัวแม้จะใช้งานได้แน่นอนแต่ก็มีความซับซ้อนต้องใช้ความรู้ความเข้าใจพอสมควร การเลือกสิ่งที่ง่ายและตรงกับความต้องการกลายเป็นสิ่งที่ต้องใช้เวลาค้นหา ใช้เวลากับการอ่าน การรีวิว เราก็จะได้สิ่งที่เราต้องการ

รีวิวหูฟังสำหรับ Work from Home และประชุม Online

ในสถานการณ์ไวรัสโควิด19 ระบาดจนเป็นสาเหตุการเสียชีวิตทั่วโลกไปแล้วเป็นหมื่นคน มีผู้ติดเชื้อทั่วโลก สามแสนกว่าคน และประเทศไทยก็อยู่ในการระบาดที่กำลังมากขึ้นเรื่อยๆ รัฐบาลมีคำสั่งให้หยุดอยู่กับบ้าน อย่าออกไปไหนโดยไม่จำเป็น อย่าไปอยู่ในที่คนเยอะ มีคำสั่งปิดห้าง ร้านอาหาร สถานที่อีกจำนวนมากที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อก็โดนสั่งให้หยุดทำการ แม้แต่โรงเรียน มหาวิทยาลัยก็ปิดด้วยเช่นกัน

ผลจากการจำกัดบริเวณ การสื่อสารผ่านระบบ online ก็กลายเป็นความจำเป็นพื้นฐานขึ้นมาทันทีทันใด ระบบการประชุมทางไกลผ่านอินเทอเน็ตถูกพูดถึงจนกลายเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องเรียนรู้ นอกจากคนทำงานแล้ว นักเรียนนักศึกษาก็เป็นกลุ่มที่ต้องใช้งาน รีวิวในครั้งนี้ก็จะนำหูฟัง 3 ตัวมาทดสอบ เพื่อดูว่าแต่ละตัว แต่ละสเป็คมีความเหมาะสมต่อการใช้งานอย่างไร

CORSAIR-HS50-STEREO-Headphone-red-right

หูฟัง Corsair รุ่น HS50 pro

เป็นหูฟังครอบหูตัวหนึ่งที่มีไมค์โครโฟนดูกระทัดรัด ใช้การเชื่อมต่อด้วยสาย mini 3.5 แบบ 4 ขั้ว หรือ แบบเดียวกับที่ใช้กับโทรศัพท์นั่นเอง เป็นแจ็คแบบรวมไมค์และหูฟังไว้ด้วยกัน ในกล่องจะมีอแด๊ปเตอร์สำหรับใช้เสียบกับคอมพิวเตอร์รุ่นเก่าที่แยกช่องไมค์และหูฟังเป็นคนละช่องเสียบ แจ็ค 3.5มม.นี้ทำให้เราใช้ HS50 pro ร่วมกับโทรศัพท์ แท็บเบล็ต และโน้ตบุ๊ครุ่นใหม่ๆได้อย่างสะดวก แต่จะใช้กับ iphone ที่ไม่มีช่อง 3.5มม.แล้วไม่ได้ รวมถึงโทรศัพท์ androids รุ่นท๊อปที่ตัดช่อง 3.5มม.ออกไปแล้วก็ใช้ไม่ได้เช่นกัน น้ำหนักตัวชั่งด้วยเครื่องชั่งที่ผมใช้ประจำ 318g

ตอนใช้งานเราจะได้ฟังเสียงสเตอริโอที่ชัดเจน และมีเสียงกลางที่ชัดพอสมควร หูฟัง HS50 pro เป็นหูฟังที่ใช้ตัวขับเสียงข้างละ 1 ตัว เพื่อทำหน้าที่ส่งเสียงเต็มย่าน น้ำเสียงออกไปในแนวทางเดียวกับหูฟังสำหรับการฟังเพลง แต่ไดนามิคจะไม่จะแจ้งเท่า ความสด ความใสเป็นรองหูฟังสำหรับงานดนตรี แต่มันก็ดีกว่าหูฟังสมอลทอล์คที่แถมมากับโทรศัพท์ แล้วไมค์ที่ติดอยู่ก็สามารถรับเสียงได้ดี สามารถดัดก้านไมค์ให้งอเข้ามาอยู่ใกล้ปากได้ ทำให้สามารถใช้คุยแทนโทรศัพท์ได้ทันที คนที่มีนิสัยพูดเสียงเบาก็จะสามารถปรับไมค์เข้าใกล้ปากได้มากกว่าปกติ ตัวหูฟังมีปุ่มหมุนปรับเพื่อเพิ่มหรือลดเสียง มีปุ่มสำหรับปิดไมค์ หูฟังตัวนี้เหมาะกับการใช้งานกับคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์ทั่วไป เสียงพูดผ่านไมค์เน้นกลางแหลม ฟังชัดเป็นหลัก ไม่มีเนื้อเสียงย่านทุ้มแบบวงการเพลงออดิโอไฟล์ การออกแบบไมค์เน้นการพูดแล้วฟังรู้เรื่องเป็นหลัก มันเหมาะกับการคุยผ่าน internet อย่างมาก

corsair Void-USB-1

หูฟัง corsair Void Elite RGB USB

หูฟังรุ่น Void Elite RGB เป็นหูฟังพร้อมไมค์ที่มีตัวครอบหูค่อนข้างใส่สบาย ช่องหูกว้างทำให้ไม่หนีบโดนใบหู ตัวสายเสียบเป็นชนิด usb นั่นหมายความว่ามันถูกออกแบบมาให้ใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์เท่านั้น เมื่อเสียบกับคอมพิวเตอร์เราก็สามารถใช้งานได้ทันที แต่หากอยากได้ลูกเล่นเพิ่มเติมเราต้องลงซอร์ฟแวร์ ชื่อ iCue เพิ่มด้วย โดยความสามารถต่างๆที่ได้เพิ่มขึ้นมาจะมีหลายอย่างเช่น มีไฟแสดงโลโก้ที่เปลี่ยนสีได้ รองรับการทำงานระบบเสียงรอบทิศ 7.1 แบบซิมูเลท ปรับโทนเสียงต่างๆได้ ปรับระดับความไวของไมค์ได้ น้ำหนักตัวชั่งได้ 373g

เสียงจากหูฟังเมื่อฟังเพลงให้ความชัดเจน ลักษณะเสียงจะคล้าย HS50pro บุคลิกเน้นเสียงกลางที่มากกว่าปกติ เสียงเบสลึกจะน้อยและเบลอนิดๆ เสียงสูงก็มีเยอะ ทำให้มันกลายเป็นหูฟังที่เน้นเสียงพูดที่ฟังได้รู้เรื่องดีมาก ไดนามิคของหูฟังจะน้อย ฟังดนตรีจะธรรมดาเกินไป หูฟังมีปุ่มปรับระดับเสียงเป็นแบบดันขึ้นดันลง มีปุ่มปิดไมค์กดใช้งานได้สะดวก ทำให้เหมาะกับการเล่นเกมส์และประชุม online มาก ปิดไมค์สะดวก ที่ปุ่มปรับเสียงสามารถกดเพื่อเลือกใช้ความสามารถทางด้าน surround เมื่อใช้งานเสียงรอบทิศ ก็จะเป็นการผลักดันเสียงต่างๆให้กระจายตัวออกไปรอบๆหัว เป็นประสบการณ์การฟังเพลงที่ดี ใช้ดูหนังสนุก เล่นเกมส์ได้ดี ทำให้ฟังเสียงรอบตัวได้สมจริงมากกว่าหูฟังที่ไม่มีลูกเล่นเสียงรอบทิศ ตัวครอบหูหรือฟองน้ำมีความนิ่ม ใส่แล้วไม่รู้สึกหนัก เสียงไมค์จะรับเสียงกลางเป็นหลัก ไม่เน้นแหลมและทุ้ม ระดับเสียงผ่านไมค์จะเบากว่าตัวอื่นอย่างชัดเจน แต่ให้คุณภาพเสียงพูดที่เป็นกลาง เป็นธรรมชาติมากกว่า

Sennheiser-GSP-350-Headphone

Sennheiser GSP350

เป็นหูฟังระบบเสียงรอบทิศ 7.1 แบบ Virtual ก้านไมค์โครโฟนเป็นแบบยกขึ้นยกลงได้ หากยกขึ้นจะเป็นการปิดไมค์ ยกลงก็จะเป็นการเปิดไมค์ อีกด้านที่ไม่มีก้านไมค์จะมีปุ่มวอลลุ่มหมุนได้ เพื่อปรับระดับความดังของหูฟัง หูฟังตัวนี้เป็นสาย usb ซึ่งตัวมันเองมี โปรเซสเซอร์แยกมาเลย ดูแล้วเหมือนเป็น External soundcard อีกทอดหนึ่ง มีปุ่มอยู่บนตัวโปรเซสเซอร์ กดเพื่อใช้งานระบบ DSP และ ยกเลิก DSP ได้ น้ำหนักตัวชั่งได้ 274g ซึ่งเบาที่สุดในกลุ่มนี้ แม้หน้าตาจะดูเหมือนหนักกว่าทุกตัว แต่ชั่งแล้วกลับเบาที่สุด

คุณภาพการฟังเพลงสเตอริโอไม่ใช้ DSP อยู่ในระดับมาตรฐานของราคาช่วงนี้ เสียงนุ่มน่าฟัง แต่เมื่อกดใช้งาน DSP ให้ทำงานในระบบ 7.1 มันก็จะดันเสียงดนตรีให้ลอยอยู่ด้านหน้าเหมือนนั่งฟังผ่านลำโพงคู่หน้า มิติที่สร้างขึ้นก็ลอยออกจากหูเราไปจริงๆ แต่ไม่ได้เหมือนนั่งฟังในห้องฟัง แค่มันกระจายตัวเสียงเสมือนว่าลำโพงอยู่ด้านหน้าศรีษะเล็กน้อย การดูหนังผ่าน GSP350 ให้เสียงรอบทิศที่ยอดเยี่ยม สนุกกว่าการฟังแบบสเตอริโอ บรรยากาศโอบล้อมในโหมดเสียงรอบทิศทำได้ดีเหมือนอยู่ในโรงหนังจริงๆ ถ้าใช้ดูหนังก็ถือว่าถูกเรื่อง ถ้าใช้เล่นเกมส์ก็น่าจะดีเช่นกันเพราะทำให้เราได้ยินเสียงรอบทิศ เกมส์แนวต่อสู้หรือแนว FPS ก็น่าจะได้ประโยชน์ต่อการฟังเสียงที่มาจากหลายๆทิศทาง ไมค์รับเสียงคุณภาพดีมาก ให้น้ำเสียงผ่านไมค์ที่ครบย่านความถี่ที่เหมาะกับเสียงพูด น้ำเสียงพูดจากไมค์ตัวนี้จะเพราะกว่าหูฟังตัวอื่นๆ ในการทดสอบครั้งนี้ เหมือนมีการปรับปรุงเสียงพูดให้กังวาลและอิ่มชัด ระดับความดังของเสียงจากไมค์ก็ดังที่สุด

สรุปการทดสอบ

การประชุมหรือสอนหนังสือ หรือเรียนหนังสือผ่าน internet จำเป็นต้องมีไมโครโฟนและหูฟังแบบสาย เราไม่สามารถใช้หูฟังไร้สายไปกับภารกิจได้เพราะหูฟังไร้สายมักจะทำมาใช้งานต่อเนื่องได้ไม่เกิน 2 ชม. แบตเตอรี่ก็จะหมด ซึ่งการเรียนการสอนเราจะใช้เวลาเยอะกว่านั้น ดังนั้นหูฟังพร้อมไมค์ระบบมีสายจึงเป็นสิ่งที่เหมาะสมกว่า และที่ได้ทดสอบ 3 ชนิดในครั้งนี้ต่างก็เป็นหูฟังที่น่าใช้ในสถานการณ์ไม่เหมือนกัน ดังนี้

หากเราต้องการหูฟังที่ใช้กับอุปกรณ์ได้หลากหลายเป็นหลัก ใช้กับคอมพิวเตอร์ได้ ใช้กับโทรศัพท์ที่มีช่อง 3.5มม.ได้ ให้เลือก HS50pro

ถ้าจะเสียบช่อง usb ต้องเลือก Elite RGB หรือ Gsp350

หากต้องการเสียงรอบทิศงบน้อย เลือก Elite RGB

หากเราต้องการใช้ดูหนังเป็นหลัก คุยเป็นรอง และใช้กับคอมพิวเตอร์เท่านั้นเลือก Gsp350

หากเน้นฟังเพลงเป็นหลักใช้ HS50pro

หากเน้นสีสันไฟกระพริบ เลือก Elite RGB

หากเป็นคนพูดเสียงเบา งบน้อยเลือก HS50pro

หากชอบเสียงไมค์ที่บันทึกเสียงได้ระดับไฮไฟ อยากได้เสียงพูดชัดๆมีคุณภาพ เลือก Gsp350

หากชอบเสียงผ่านไมค์ที่ฟังชัด เน้นเสียงพูดต้องฟังได้ใจความ เลือก HS50pro

ถ้าจะเล่นเกมส์ที่ต้องใช้ระบบเสียง 7.1 เลือก Gsp350

หากต้องการตัวที่เบาที่สุดก็ต้องเลือก Gsp350


ลิงค์ไปซื้อ HS50Pro

ลิงค์ไปซื้อ Gsp350

ลิงค์ไปซื้อ Elite RGB

ขอขอบคุณร้านมั่นคงแก็ดเจ็ทที่เอื้อเฟื้ออุปกรณ์ในการทดสอบครับ



สำหรับคนอยากได้ของราคาประหยัด ให้ลองอ่านรีวิว Logitech H111 ดูครับ

รีวิว nad dac1

IMG_0451.JPG

nad dac1 เป็น wireless dac ของ nad ที่ออกมาเพื่อแก้ปัญหาการเชื่อมต่อที่ยุ่งยาก  ตัวส่งสัญญาณ เป็น usb ตัวรับสัญญาณเป็นกล่องที่มีภาค Dac ให้สัญญาณเป็น L R และ มี coaxial out ให้อีกด้วย กล่องภาครับนี้ใช้ไฟเลี้ยง 5Vdc นักเล่น DIY สามารถสนุกกับมันได้ด้วยการทำเพาเวอร์ซัพพลายแบบคุณภาพสูงแทนตัวที่แถมมา เพราะตัวที่แถมเป็น switching ครับ หรือบางคนจะใช้ถ่านไฟฉาย หรือจะใช้ powerbank มาจ่ายไฟก็ไม่มีปัญหา

IMG_0452.JPG

การใช้งานเบื้องต้นก็คือ ฝั่ง usb เอาไปเสียบกับคอมฯ ใช้ os เป็น windows xp ก็ทำงานได้ลื่นๆ ไม่ต้องลงไดรเวอร์ ลองใช้กับ mac mini osx 10.6 ก็ใช้งานได้ดีครับ ไม่ต้องลงไดรเวอร์เช่นกัน ความเรียบง่ายของ usb ที่ nad ออกแบบมามันเสียบแล้วเล่นได้เลยจริงๆ

IMG_0453.JPG

ผมลองใช้กับเครื่องคอมฯ nettop ที่มี output เป็น Hdmi และ optical ปกติเวลาจะเลือกใช้ช่อง digital ต้องมานั่งงมกันว่าจะตั้งค่าเมนบอร์ดอย่างไรให้เสียงออก optical ไม่ต้องออก hdmi พอเซ็ทไปก็ลืม อีกหลายเดือนจะให้เสียงออก Hdmi ไม่ต้องออก optical ก็ต้องไปงมหาอีก มึนกันไปหลายนาที แต่ usb ของ nad dac1 ตัวนี้ เสียบแล้ว มันเสียงออกที่ตัวรับเลย ง่ายอย่างไม่เคยรู้สึกมาก่อน

IMG_0461.JPG

ผมมีคอมฯใช้งานอยู่ 3 ตัว คือ
nettop manli ใช้ cpu atom d525 มี hdmi และ optical out os xp อีกตัวเป็น dell zino ซีพียู amd จำรุ่นไม่ได้ มี hdmi out os xp

อีกตัวเป็น mac mini 2.4Ghz มี hdmi out และ optical out 10.6 ทุกตัวผมใช้ nad dac1 ได้หมดเลยไม่มีปัญหา  ที่สำคัญคือ ทุกตัวให้เสียงเหมือนกันครับ โดยเฉพาะ nettop manli ที่คุณภาพบอร์ดมีสัญญาณรบกวนมหาศาล คงเป็น defect จากโรงงาน ฟังอนาลอกจากช่องหูฟังไม่ได้เลย มีแต่เสียงเดือดปุดๆ ไม่มีเสียงที่อยากฟังเลย ต้องฟังเป็น optical out หรือ hdmi เท่านั้น

ใช้อยู่หลายวันก็ลองสนุกกับ android บ้างครับ ผมมี samsung note8 อยู่ เลยไปเอาสาย usb otg มาเสียบบน note8 แล้วเอา usb dac1 มาเสียบต่ออีกที ผลก็คือ เสียงออกไปที่ตัวรับเช่นกัน และเสียงดีเหมือนกันด้วย เรียกได้ว่า ใครอยากให้ android เสียงดีขึ้น ต้องลองเสียบสาย usb otg แล้วมาลองเสียบกับ nad dac1 ครับ

ที่ตัวรับมีช่องสัญญาณ digital out ให้เล่นด้วย แต่ผมยังไม่ได้ลอง  คิดล่วงหน้าว่าใครใช้ smartphone หรือ tablet แล้วอยากให้มี digital out
ลองใช้ nad dac1 เป็นตัวดึงสัญญาณก็ได้นะครับ น่าจะทำงานได้

IMG_0819.JPG

ระดับการทำงานของ nad dac1 อยู่ที่ 16bit 48K ครับ ใครอยากได้สูงกว่านี้ต้องไปดูตัวอื่น  แต่สำหรับผมแค่นี้ก็พอเพียงสำหรับการฟังเพลงที่ผมมีอยู่ 99% แล้ว เพราะไม่เคยซื้อเพลงที่มีความละเอียดสูงกว่านี้เลย ส่วนใหญ่ซื้อแต่แผ่น CD กับ แผ่นรวม mp3 ตามห้างเท่านั้น

บุคคลิกเสียงของ dac1 จะมาแนวอิ่มๆ ใหญ่ๆ ความนิ่งค่อนข้างดี เทียบกับความทรงจำแล้ว dac ระดับกลางๆ หมื่นกว่าบาทจะให้เสียงที่ใสพอๆกัน แต่ nad จะให้เบสเยอะกว่า เหมือนกับว่าจูนเสียงมาให้ถูกหูกว่า เสียงของ nad dac1 ตัวนี้ไม่สากหู ไม่ระคายเคือง ไม่บาด ไม่กระจอก คุณภาพเสียงระดับนี้เปิดฟังแล้วไม่อายใคร พาเพื่อนมาสุมหัวฟังได้ ใช้รับแขกได้ แต่สิ่งที่ยอดเยี่ยมก็คือระบบไร้สายที่แสนสะดวกสบายครับ การเชื่อมต่อที่ง่าย ต่อติดเสมอ ไม่กระเพื่อม ไม่สะดุด มันทำให้การฟังเพลงไร้สายเป็นเรื่องที่สะดวกสบายมาพร้อมกับคุณภาพระดับสูง ดีกว่าการใช้ bluetooth เยอะ เพราะ bluetooth ที่ผมเจอมักจะรวน สายเข้า เสียงก็หลุดแล้ว

การทดสอบทั้งหมดใช้สายแถมในกล่อง ตั้งแต่หม้อแปลง สาย usb และสายสัญญาณสตอริโอ ไม่มีสาย digital แถมมานะครับ คุณภาพสายแถมก็เป็นแบบแดงดำที่ดูแล้วน่าจะราคาประมาณ 20-30 บาท เบิร์นเครื่องไป 10 วันต่อเนื่องแล้วไม่ปิดเลย ไม่มีปัญหาการค้าง ไม่มีเสียงหาย ไม่ร้อนเลย มีแค่คอมฯที่ใช้เปิดเพลงเท่านั้นที่อุ่นๆ ผมว่าถ้าเราหาคอมฯที่ไม่มีพัดลมมาใช้ได้ น่าจะทำให้ห้องฟังสงัดยิ่งยวดเลย การใช้งานกับ tablet อาจจะเป็นคำตอบที่ดีก็ได้นะครับ

ข้อมูลภายใน ข้อมูลทางไฟฟ้า ผมขอไม่พูดถึงละกันน่าจะหาอ่านได้ไม่ยาก หลังๆผมไม่ค่อยสนใจเรื่องสเป็คเหล่านี้เท่าไหร่ เพราะเครื่องเสียงต้องวัดกันที่ตอนฟัง สเป็คมีไว้ดูคร่าวๆว่ามันเล่นอะไรได้ เล่นอะไรไม่ได้ เล่นได้แล้วดีหรือไม่ดี ถูกใจหรือไม่เราต้องปิดคู่มือแล้วฟังกันเท่านั้น

สิ่งที่ผมอยากให้ nad ทำขายเพิ่มเติมสำหรับ dac1 ก็คือ ตัวส่ง usb แบบแยกซื้อครับ เพราะระบบของ dac1 มีตัวเลือกส่งข้อมูลได้ 3 ช่อง คงออกแบบมาเพื่อป้องกันการรบกวนกัน เราน่าจะใช้ select ที่กล่องรับเพื่อเลือกรับแหล่งโปรแกรมได้ 3 ชุด ตามช่องดาต้าที่มีให้เลือก ผมก็เลยอยากได้ usb ซื้อเพิ่มเพื่อใช้งานกับคอมฯตัวอื่นๆบ้าง