เหตุการณ์ดาวเสาร์โคจรใกล้ดาวพฤหัสทางฝรั่งเรียกว่า the great conjunction หากเราดูด้วยตาเปล่า เราจะเห็นดาวสองดวงเกือบจะทับซ้อนกัน ใครสายตาสั้น มองไกลไม่ค่อยชัด อาจจะเห็นเป็นดาวดวงเดียวกัน การโคจรมาแทบจะตัดกันนั้นเป็นการสังเกตการณ์จากโลก แต่ในความเป็นจริง ดาวเสาร์กับดาวพฤหัสโคจรอยู่ห่างกันมากจนไม่มีวันจะชนกันแน่ๆ
ดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลางของระบบสุริยจักรวาล โลกอยู่ห่างจากดวงอาทิตย์ ประมาณ 150 ล้านกิโลเมตร เราจะนับเป็นระยะทาง 1AU เพื่อความสะดวก ดาวพฤหัสจะอยู่ห่างดวงอาทิตย์ประมาณ 5AU ส่วนดาวเสาร์ห่างดวงอาทิตย์ 10AU นั่นก็คือ โลก ดาวพฤหัส ดาวเสาร์ โคจรรอบดวงอาทิตย์โดยแต่ละวงโคจรอยู่ห่างกันมาก
เราได้รับข้อมูลเรื่องเหตุการณ์ great conjunction ตั้งแต่ปลายปี คศ 2018 ซึ่งเป็นการสรุปเหตุการณ์ดาราศาสตร์ที่จะเกิดขึ้นในปี คศ 2019-2020 ข้อมูลเผยแพร่โดยสถาบันวิจัยดาราศาสตร์ การโคจรแล้วดาวอยู่ใกล้กันเมื่อมองจากโลกจะเกิดขึ้นทุกประมาณ 20 ปี แต่ปีนี้ จะใกล้กันมากกว่าทุกครั้ง โดยจะเกิดเหตุการณ์ใกล้กันมากๆแบบนี้ครั้งล่าสุดเมื่อ 397 ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นยุคสมัยที่กาลิเลโอยังมีชีวิตอยู่ และในช่วงเวลาดังกล่าวกาลิเลโอได้มีการค้นพบดาวเสาร์และดาวพฤหัส รวมถึงดวงจันทร์ทั้งสี่ของดาวพฤหัสแล้วด้วย
การดูดาวในเหตุการณ์นี้จะทำให้เราสามารถมองเห็นดาวเสาร์และดาวพฤหัสอยู่ในช่องมองภาพเดียวกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นยากมาก และการดูดาวในวันนี้เราใช้กล้องดูดาวตัวที่เห็นในภาพ คือกล้องยี่ห้อ celestron รุ่น Firstscope ซึ่งเป็นกล้องดูดาวชนิดนิวโทเนี่ยนที่ผลิตขึ้นมาเพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์เมื่อ 400 ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นปีที่กาลิเลโอได้พัฒนากล้องดูดาวขึ้นมาใช้ และมีการค้นพบอีกมากมายตามมา Firstscope จะมีเลนส์ตามาให้ 2ชิ้น มีชิ้นหนึ่งที่ใส่ในกล้องแล้วจะทำให้กล้องมีกำลังขยาย 75 เท่า ซึ่งเป็นกำลังขยายที่มากกว่าสมัยกาลิเลโออยู่มาก แถมมีคุณภาพดีกว่าด้วย สิ่งที่เราได้เห็นผ่านกล้องนี้คือภาพแบบเดียวกับที่กาลิเลโอเคยเห็น แต่เราเห็นชัดกว่ามากตามคุณภาพวัสดุที่ทันสมัยของยุคปัจจุบัน
การถ่ายภาพทางดาราศาสตร์ต้องการอุปกรณ์ที่มาก ซับซ้อน และงบประมาณค่อนข้างมาก แต่เราใช้วิธีเอาโทรศัพท์มือถือส่องไปในช่องมองของกล้องโทรทัศน์เลยเพื่อถ่ายภาพสิ่งที่เราเห็น ภาพถ่ายไม่ค่อยชัดมาก ภาพจริงที่เรามองด้วยตาจะสวยและชัดกว่า ภาพจากโทรศัพท์มือถือทำให้ดูพอรู้ว่าเรากำลังมองดูเหตุการณ์อะไร โอกาสที่เราจะเห็นเหตุการณ์นี้อีกครั้งอาจไม่เกิดขึ้นแล้วในช่วงชีวิตของมนุษย์หนึ่งคน


