
Winter Lanscape Cooking Business Meeting January Gradient Smoke Burj Khalifa Learning Paper Walking Grapgic Design Hacker Trees Spring Exercise Team School Love London Winter
ภาพนี้เป็นภาพลูกของผมตอนที่ไปเที่ยวเมือง nikko ประเทศญี่ปุ่น ตอนนั้นผมพกกล้องไปตัวเดียวคือ eos m รุ่น1 ติดเลนส์ตัวเดียวตลอดทริปคือเลนส์ 22f2 การเดินทางที่ญี่ปุ่นกับลูกเล็กวัย 3 ขวบ เป็นการเดินทางที่ต้องเตรียมรถเข็น เตรียมอุปกรณ์ของเด็กพอสมควร พ่อกับแม่ต้องช่วยกันยก ช่วยกันอุ้มในหลายสถานการณ์เพราะการเดินทางหลักๆของทริปคือรถไฟ
เลนส์ 22f2 ผมใช้ค่ารูรับแสงที่ f2 ตลอดทริปเลย เพราะต้องการความชัดตื้นที่ละลายหลังให้เบลอดูสวยงาม และต้องการให้มันรองรับสถานการณ์แสงได้ดีหลากหลายสถานที่ และส่วนมากเราก็จะถ่ายภาพในอาคาร ในที่ร่ม การใช้เลนส์ที่มีรูรับแสงกว้างจะเป็นทางเลือกที่เหมาะสมมาก
กล้อง eos m เป็นกล้องที่มีหน้าจอด้านหลังระบบสัมผัส สามารถใช้มือแตะเพื่อให้กล้องทำการโฟกัสและลั่นชัตเตอร์ได้ด้วย มันทำให้เกิดความสะดวกในการใช้งานบางโอกาส เช่นโอกาสเด็กกำลังสนใจกับภาพในจอ มีแสงตอนเช้าเข้ามาทางหน้าต่าง แสงหน้าต่างมักจะสร้างผลลัพธ์ที่ดีกับภาพถ่ายเสมอ ผมเห็นองค์ประกอบนี้ก็รีบหยิบกล้องมากดเปิดกล้องแล้วแตะโฟกัสเพื่อถ่ายเลย แล้วเราก็เก็บวินาทีสวยๆได้ตามที่ตาเห็น ทั้งทริปผมแทบจะไม่ได้ปิดฝาหน้าเลนส์เลย เพราะอยากให้กล้องพร้อมใช้ตลอดเวลา แม้ว่าเลนส์อาจจะเสี่ยงต่อการเสียหายหรือเป็นรอยขีดข่วนบ้าง แต่ผมก็ใช้วิธีติด Hood เหล็กไว้ที่เลนส์ ทำหน้าที่เป็นที่บังแสง และเป็นกันชนให้กับเลนสได้ระดับนึง ภาพลูกผมฝากขายในเว็บ Eyeem.com ครับ
ลองดูไปเรื่อยๆนะครับ
มีอยู่วันหนึ่ง มีโทรศัพท์ดังในโรงพิมพ์ เสมียนของผมรับสายโทรศัพท์ ในสายถามว่า ที่นี่ใช่โรงพิมพ์หรือเปล่า มีลูกเจ้าของโรงพิมพ์เป็นช่างภาพหรือเปล่า เขาอยากติดต่อช่างภาพ เสมียนผมเงยหน้าขึ้นมาแล้วเล่าคำถามให้ฟัง ผมก็เลยให้โอนสายเข้ามา แล้วผมก็รับสาย หลังจากแนะนำตัวว่าผมคือช่างภาพ เขาก็ถามว่า ผมเคยทำงานให้เขาใช่ไหม เมื่อหลายปีก่อนเขามีการจ้างถ่ายรูปเมนูอาหารชุดหนึ่ง เขาจำได้แค่ว่า ช่างภาพที่รับจ้างเคยแนะนำตัวกับเขาว่ามีโรงพิมพ์ด้วย และเขาได้รับนามบัตรของช่างภาพเอาไว้ เป็นนามบัตรที่ทำด้วยกระดาษสีน้ำตาล แล้วเขาก็ถามผมว่า คุณเคยใช้นามบัตรกระดาษสีน้ำตาลหรือเปล่า
ผมตอบว่าผมน่าจะเป็นช่างภาพคนนั้น แต่ผมจำไม่ได้ว่าผมเคยใช้นามบัตรกระดาษสีน้ำตาลแจกให้เขา ซึ่งผมจะใช้นามบัตรกระดาษสีอะไรก็ได้ เพราะเป็นโรงพิมพ์ มีกระดาษมากมายให้เลือกใช้ ซึ่งก็อาจจะเป็นไปได้ว่าผมเคยใช้นามบัตรที่ทำด้วยกระดาษสีน้ำตาล เขาก็เลยถามว่าคุณเคยมารับจ้างถ่ายภาพอาหารกับเขาไหม ผมเริ่มนึกย้อนไปและบอกชื่อบริษัทที่ผมเคยไปรับจ้างชื่อบริษัท …. เขาตอบว่าใช่ เขาลาออกจากบริษัทที่ว่าแล้ว
เขาก็เลยเล่าให้ฟังยาวเฟื้อย ว่าเขาออกจากบริษัทแห่งนั้นแล้ว ด้วยเหตุผลว่าแม่ป่วยหนัก และต้องกลับมาดูแลแม่ ตอนนี้ก็ว่างงานอยู่ แต่ก็มีเพื่อนมาให้ช่วยทำงานเกี่ยวกับการขายข้าว ซึ่งเป็นงานบางส่วนที่เขาช่วยทำก็มีการถ่ายรูปสินค้า ก็เลยนึกถึงช่างภาพที่เคยใช้งานขึ้นมา และเขาก็เริ่มค้นหาผมจาก google โดยพิมพ์คำค้นหาดังนี้ “ช่างภาพ โรงพิมพ์ จอมทอง” แล้วเขาก็เจอบล๊อกที่ผมเขียนไว้ มีเบอร์โทรของโรงพิมพ์ เขาก็เลยลองโทรเข้ามา
งานที่เขาจะให้ผมทำก็คือ ถ่ายภาพเม็ดข้าวให้สวยที่สุดเท่าที่ข้าวธรรมดาจะเป็นได้ แต่ค่าจ้างก็ยังไม่กำหนด เขาอยากให้ผมเสนอราคาดู เพราะต้องให้เจ้าของงานตัดสินใจ เขาเป็นเพียงผู้ที่ช่วยติดต่อสืบค้น ผมก็เลยรับปากว่าจะลองถ่ายให้ดูและจะคิดราคาไม่แพง ผมขอตัวอย่างข้าวที่เขาขายเพื่อนำมาลองถ่ายภาพ
ผมเซ็ทอัพอุปกรณ์การถ่ายด้วยกล้อง DSLR แบบ Full frame พร้อมเลนส์มาโครที่ถ่ายได้ระดับ 1:1 ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ดีที่สุดที่ผมมี และใช้ชุดไฟแฟลช 2 ดวง กับกล่องที่ดัดแปลงให้เป็นเต๊นท์ถ่ายภาพ หลังจากที่ไม่ได้ถ่ายภาพเหล่านี้มานานแล้ว กว่าที่ผมจะประกอบอุปกรณ์ทุกอย่างขึ้นมาให้พร้อมใช้งาน กว่าจะจัดสถานที่ให้พร้อมสำหรับทำงานก็ใช้เวลาไปเกือบชั่วโมง
กองเมล็ดข้าวผมเลือกสีอ่อนมาลองถ่ายดูก่อน เพราะว่าผมคิดว่าสีอ่อนถ่ายยากกว่า พอลองโรยเมล็ดข้าวสารลงไปเท่านั้นแหละ มันร่วงกราวและกระจายตัวไปบนพื้นที่กล่อง ความลื่นของเมล็ดทำให้มันกระจายตัวไปเร็วมาก เร็วจนผมต้องเปลี่ยนวิธีจากการเทเป็นค่อยๆโรยทีละนิดเหมือนหยิบเกลือมาโรยอาหาร
ลองถ่ายไปหลายๆภาพเพื่อยืดเส้นยืดสาย และปรับแต่งกล้อง เลือกการตั้งค่ากล้องให้เหมาะสมกับการถ่ายภาพลักษณะนี้ รูรับแสงแคบ รูรับแสงกว้างให้ผลต่างกัน สปีดชัตเตอร์สำหรับการถ่ายภาพด้วยแฟลชผมจะตั้งไว้ที่ 1/100 วินาที จริงๆควรจะได้สูงกว่านี้แต่ผมจำสเป็คไม่ได้ว่ากล้องของผมมีความเร็วในการทำงานกับแฟลชเท่าไหร่ เพราะจากประสบการณ์ที่เคยใช้มา เวลาเราตั้งความไวตามสเป็คของกล้องว่าทำงานกับแฟลชได้ที่ 1/125 หรือ 1/200 ก็ตาม ที่ตัวเลขเต็มสเป็ค มันเหมือนจะมีขอบดำเล็กๆให้พอสังเกตเห็น มันเป็นความเร็วที่เกือบไม่ทัน แต่แสงมันหายไปแล้วนิดหน่อย ก็เลยตั้งค่าให้ต่ำกว่าสเป็คไว้เยอะหน่อย เลยจบที่ 1/100 วินาที
พอถ่ายภาพออกมาแล้วขยายดูผมพบว่า เมล็ดข้าว แต่ละเมล็ดไม่สวยเลย มีรอยถลอด มีรอยขรุขระ และส่วนใหญ่จะมีเมล็ดสีเพี้ยนปะปนกันอยู่ในกลุ่ม และเมื่อพยายามจะหยิบเมล็ดสีประหลาดออกจากกอง แรงกดจากนิ้วผมก็ทำให้กองข้าวมีรอยยุบ รอยเบี้ยว ต้องเกลี่ยและโรยข้าวใหม่ทุกครั้ง เป็นประสบการณ์การเผชิญปัญหาที่ไม่คาดคิด การทดลองครั้งนี้ผมใช้เวลาไป 2 ชม. กับการทดสอบถ่าย และคิดว่ามีจุดที่ต้องปรับปรุงอีกหลายอย่างในการถ่ายครั้งต่อไป การถ่ายภาพสิ่งของเล็กๆนี่มันไม่ง่ายเลยจริงๆ
ข้าวสารสีม่วงกลับถ่ายง่ายกว่า
ภาพเม็ดข้าวสีม่วงเอาไปแปลงเป็นโทนขาวดำก็ดูสวยไปอีกแบบ
เช้านี้ในอีเมลมีข้อความจาก eyeem บอกว่า ภาพขายได้ มีเมลเข้ามาจำนวน 5 เมล ตื่นเต้นมากเลยรีบเข้าไปดู พบว่าเป็นภาพที่ขายผ่านช่องทางของ gettyimages และขายได้ 5 ภาพในวันเดียว
ภาพแม่อุ้มลูกเป็นภรรยาและลูกของผมเอง ลูกผมชื่อขอบฟ้า ภาพนี้ถ่ายตอนขอบฟ้าอายุ 10 เดือน ถ่ายที่บ้านแม่ของผม เป็นช่วงเวลาที่พาหลานไปเยี่ยมอาม่า ขอบฟ้ากำลังยิ้มเก่ง ใครเห็นก็ละลาย ภาพแม่อุ้มลูกก็เป็นภาพที่ได้รับความร่วมมือจากทั้งแม่และเด็ก คือมีจังหวะนิ่งพอให้จับภาพได้ เลนนส์ 85f1.8 ช่วยให้การถ่ายภาพในบ้านที่แสงไม่สว่างมากทำได้ง่ายขึ้น ภาพแบบนี้ ถ้ากล้องผมติดเลนส์รูรับแสง f2.8 หรือ f4 อาจจะไม่ได้แสงนุ่มสีสวยเท่านี้ และความเบลอที่ฉากหลังของรูรับแสงกลางๆก็จะไม่สวยนุ่มละมุนเท่านี้
ภาพนี้ขอบฟ้าอายุประมาณ 2 ขวบครึ่ง เป็นวัยที่วิ่งเล่นสนุกสนาน วันนี้นอนตื่นสาย กล้องอยู่ในมือ ผมก็จัดการถ่ายภาพเก็บไว้ ห้องนอนสลัวๆ ผมเดินไปเปิดผ้าม่านให้แสงเข้า แสงเช้าเข้าทางหน้าต่าง ให้ภาพนุ่มนวล สีสวย โทนแสงอมเหลืองนิดๆให้ความรู้สึกอบอุ่น กล้องดี เลนส์ดี แสงดี ทุกอย่างก็ลงตัว
ขอบฟ้าวัย 4 ขวบไปเดินเล่นในห้างเซ็นทรัลแถวบ้าน มุมของเล่นเด็กเป็นมุมดูดวิญญาณ เด็กคนไหนเดินผ่านก็ต้องแวะ ต้องหยิบ ต้องจับ ต้องเล่น พ่อแม่หลายท่านก็จะอาศัยมุมนี้เอาไว้ปล่อยให้เด็กได้ใช้เวลากับของเล่นที่วางไว้ให้เล่นนิดๆหน่อยๆ ก็เป็นการประหยัดเงินไปได้บ้างกับการซื้อของเหล่านี้ แต่ไปเปลืองกับค่ากินในห้างแทน ภาพมุมนี้ผมได้แรงบันดาลใจจากการดูโฆษณาของกล้องโพราลอยด์รุ่น sx-70 ซึ่งเป็นกล้องถ่ายภาพที่ได้ภาพทันที กล้องตัวนี้ออกขายในช่วงทศวรรษที่ 70 หนังโฆษณาของกล้องรุ่นนี้มีฉากเด็กเล่นของเล่น และผู้เป็นพ่อก็ถ่ายภาพเด็กในมุมของเล่นเอาไว้ ผมชอบเรื่องราวของโฆษณานี้และเมื่อเห็นภาพลูกตัวเองกำลังเล่น องค์ประกอบภาพของโฆษณาก็ผุดขึ้นในหัว ก็เลยเก็บภาพแบบนี้ได้

ภาพอาหารเช้าดูน่ากิน เป็นสเต๊กในโรงแรมแห่งหนึ่งในภูเก็ต ผมกับแฟนมาฮันนีมูนที่ภูเก็ตหลังแต่งงาน อาหารจานนี้เป็นมื้อเช้าที่แตกต่างไปจากเมนูบุฟเฟ่ต์ตามโรงแรม เป็นอาหารตามสั่งนั่นเอง ภาพนี้ผมถ่ายเก็บไว้โดยคิดว่าสักวันหนึ่งอาจจะได้ใช้ทำโฆษณา อาจจะได้ใช้กับธุรกิจสิ่งพิมพ์ที่เป็นอาชีพของผมเอง และเมื่อคิดจะขายภาพสต๊อคก็เลยคัดภาพนี้ส่งขายด้วย และภาพนี้ก็มียอดโหลดเข้ามาหลายครั้ง
ภาพคู่แต่งงานถือดอกไม้ เป็นภาพที่ผมจงใจถ่ายเก็บไว้เพื่อใช้ประโยชน์เป็นภาพสต๊อคจริงๆ ตอนถ่ายก็คิดไว้แล้วว่าภาพนี้คือภาพขาย จะใช้ทำสื่อสิ่งพิมพ์แน่นอน แต่ตั้งแต่ถ่ายภาพนี้ในปี คศ2009 ผมก็ไม่เคยใช้ภาพนี้ทำสื่อสิ่งพิมพ์ใดๆเลย เพราะว่า ไม่มีใครเห็นภาพนี้นั่นเอง ซึ่งมันเป็นข้อเสียของผมข้อหนึ่งเลยคือ อยากขายภาพ อยากใช้ภาพ แต่ไม่เอาไปโชว์ ก็เลยเอาไปวางขายซะ แล้วก็มียอดขายเข้ามา
ยอดขายจากสต๊อคภาพพวกนี้ให้รายได้กับผมแค่เล็กน้อย ยังไม่พอจะจ่ายค่ามือถือ 1 เดือนเลย แต่มันก็ต้องค่อยๆสะสมไปเรื่อยๆ มันจะสร้างรายได้ให้เราตลอดไปตราบเท่าที่โลกธุรกิจยังคงต้องใช้ภาพสวยงาม ช่างภาพสมัครเล่นที่อยากจะเอาจริงเอาจังกับการสร้างรายได้ในฝันก็ควรจะศึกษาการขายภาพด้วยช่องทางเหล่านี้ เพราะมันเป็นรายได้ที่ไหลเข้ามาเรื่อยๆ เข้ามาแม้แต่ตอนนอนหลับ เป็นรายได้ที่เราไม่ต้องพบปะพูดคุยกับลูกค้า เราไม่ต้องเอาอกเอาใจใคร คนซื้อภาพเหล่านี้เพราะภาพเป็นตัวของตัวเอง แม้ว่ารายได้จะไม่เยอะ แต่มันก็สร้างความภาคภูมิใจและบอกกับเราได้ทุกครั้งที่มียอดขายว่ามีคนชอบงานของเราจริงๆ มีคนยอมรับกับฝีมือการถ่ายภาพของเราจริงๆโดยที่คนนั้นไม่ได้รู้จักเรา ปลื้มและฟิน
หากต้องการหารายได้จากการขายภาพ แนะนำให้เริ่มที่ shutterstock ครับ เพราะเริ่มง่ายกว่า

ภาพนี้เป็นภาพที่ถ่ายด้วยกล้อง canon eos 6d พร้อมเลนส์ 24-105L f4 เป็นกิจกรรมระหว่างที่พาลูกเที่ยวต่างจังหวัด การปลูกต้นไม้เป็นกิจกรรมที่สอนเด็กให้เป็นคนอ่อนโยนต่อโลกและหวงแหนต้นไม้ ส่วนพ่อก็เก็บบันทึกภาพไปเรื่อยๆ เห็นว่าภาพนี้สวยก็ส่งขาย และได้วางขายในเว็บชื่อดังก็เลยเอามาโม้ไว้เป็นที่ระลึกสักหน่อย
และไม่กี่วันมานี้ก็มีโอกาสได้ทำงานออกแบบสิ่งพิมพ์ตัวหนึ่ง เลยลองเลือกภาพนี้มาใช้ดู ยังไม่รู้ว่าลูกค้าจะชอบไหม แต่ภาพนี้ก็เป็นภาพที่หยิบยื่นให้ลูกค้าใช้ฟรีโดยไม่ได้บวกค่าใช้จ่ายอะไรเพิ่ม ถือว่ากันเองก็แถมภาพคุณภาพสต๊อคเกรดเอให้ไปเลย หวังว่าลูกค้าจะพอใจ


การส่งภาพขายในเว็บ eyeem.com ช่วยทำให้ภาพของเราถูกนำไปวางขายใน gettyimages.com โดยอัตโนมัติ โดยทาง gettyimages.com จะคัดเลือกภาพด้วยสต๊าฟของตนเองและนำไปตั้งชื่อ ใส่คีย์เวิร์ดใหม่ทั้งหมด ดังนั้น ภาพที่ผ่านการคัดเลือกจะถือเป็นภาพที่มีศักยภาพในการขาย และภาพเหล่านี้คือภาพที่เริ่มมียอดขายจาก gettyimages.com
เพิ่มเติม ภาพที่ค่อยๆขายได้ บางเดือนก็สามภาพ บางเดือนก็ไม่มียอดเข้าเลย แต่ก็เปิดมานานๆทีก็มีภาพขายได้
รายได้ที่เฝ้ารอมานาน ในที่สุดก็มา เป็นภาพที่ถูกโหลดในเว็บ gettyimages ซึ่งเป็นพาร์ทเนอร์กับ eyeem อีกทีหนึ่ง เท่ากับว่า ผมก็เป็นคนที่มีภาพตัวเองฝากขายอยู่ใน gettyimages ไปโดยปริยาย ทำให้นึกถึงสมัยก่อนเมื่อสักเกือบสิบปีที่แล้ว ที่ผมต้องสั่งซื้อภาพจากเว็บ gettyimages มาเพื่อทำงานสิ่งพิมพ์ให้กับลูกค้า ตอนนั้นจ่ายไปหลายหมื่นเลยนะกับภาพแค่สามภาพ เว็บนี้ขายภาพแพงจริงๆ

ผมเริ่มส่งภาพขายใน shutterstock มาตั้งแต่ 1 กรกฎาคม 2559 และในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน ผมก็ไปตั้งค่าใน youtube เพื่อขอรับค่าโฆษณาจากคลิปของลูกชายที่ผมเคยถ่ายไว้และพบว่ามีคนดูเยอะมาก หลังจากช่วงเดือนกรกฎาคมเป็นต้นมา รายได้จากทั้งสองแหล่งก็ค่อยๆเพิ่มขึ้น
ผ่านไปหลายเดือน ยอดตัวเลขรายได้จาก youtube แค่คลิปเดียว ทำเงินเยอะกว่ารายได้จาก shutterstock อยู่พอสมควร และไม่มีทีท่าว่า shutterstock จะมีรายได้แซง youtube ไปได้ โดยสาเหตุน่าจะเป็นเพราะจำนวนรูปใน shutterstock ยังไม่เยอะมาก ซึ่งถ้าวัดกันที่ระยะเวลาประมาณ 6 เดือนที่ผมพยายามใส่ภาพเข้า shutterstock เรื่อยๆ จะมีภาพอยู่ประมาณ 4ร้อยกว่าภาพ รายได้ก็ยังไม่แทรงคลิปใน youtube เพียงคลิปเดียวที่ทำเงินให้ตลอดเวลาโดยเราไม่ได้ทำอะไรกับ youtube เลย ซึ่งผมเคยเขียนบันทึกไว้แบบนี้ shutterstock VS youtube
แต่แล้วในที่สุด วันนี้ วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2560 นับเป็นเวลาประมาณ 7 เดือนเศษ รายได้จาก shutterstock ก็สะสมและแซงหน้ารายได้จาก youtube ไปแล้วอย่างน่าตื้นตัน ผลของการอดหลับอดนอนเพิ่มภาพเข้าระบบอย่างสม่ำเสมอ เริ่มมียอดขายที่เยอะขึ้นในแต่ละเดือน เป็นสิ่งที่ให้กำลังใจคนทำงานได้เป็นอย่างดี ทำให้เรามั่นใจได้ว่า เราสามารถฝากความหวังรายได้ที่เป็นกอบเป็นกำไว้ที่ shutterstock ได้
ทั้งหมดนี้บันทึกจากคนเริ่มต้นทำธุรกิจขายภาพ ในประเทศไทยและในโลกใบนี้ มีคนที่ร่ำรวยจากการขายภาพอีกมากมาย ตัวเลขที่ผมบันทึกไว้เป็นแค่รายได้หนึ่งนาทีของคนบางคนเท่านั้น หนทางยังอีกยาวไกล บันทึกนี้ทำไว้เพียงแค่ยืนยันว่าผมเดินไม่ผิดทางครับ
สตูดิโอถ่ายภาพที่อยากได้ มันต้องแบบนี้แหละที่จะเอาไว้ถ่ายสต๊อคภาพ ดูเหมือนเป็นโรงถ่ายหนังขนาดเล็ก มีห้องย่อยๆ แบ่งเป็นห้องแนวต่างๆ ห้องครัว ห้องธุรกิจ ห้องพยาบาล มุมห้องนั่งเล่น แค่นี้ก็หากินได้เยอะมาก