รีวิว หูฟัง Yuin PK1 หูฟังผ้าขี้ริ้วห่อทอง

หูฟังที่ได้รับความนิยมในการแถมมากับเครื่องเล่นเพลงตั้งแต่ยุคสมัยของเครื่องเล่นเทปวอล์คแมน จนมาถึงยุคของเครื่องเล่นซีดีพกพาก็จะเป็นหูฟังชนิด earbud ซึ่งรูปทรงของหูฟังแนวนี้จะมีหน้าตาคล้ายๆกัน ตัวส่งเสียงขนาดเล็กจะมีขนาดใกล้เคียงกับเหรียญบาท มีก้านยาวๆยื่นออกมาสัก 1 นิ้ว เวลาใช้งานก็จับยัดใส่ช่องหู แล้วก็ฟังเพลง

IMG_0312

เครื่องเล่นเพลงที่เป็นชนิดไฟล์ดิจิทัลยุคแรกก็แถมหูชนิด earbud นับได้ว่าหูฟังทรงนี้เป็นหูฟังรูปแบบแรกๆของเครื่องเสียงพกพา แม้ในระยะหลังภายใน 10 ปีล่าสุดนี้หูฟังชนิดยัดจมเข้าไปในหูอย่าง in-ear จะเป็นของที่ได้พบเจอมากขึ้น แต่หูฟัง earbud ก็ยังได้รับความชื่นชมในกลุ่มนักฟังเพลงอยู่ไม่ค่อยเปลี่ยนแปลง

Yuin เป็นบริษัทจากจีนที่ทำหูฟัง earbud พิมพ์นิยมออกมาขาย มีชื่อรุ่นว่า pk1 pk2 pk3 แต่ละรุ่นก็เป็น earbud ที่มีความสามารถและบุคลิกเสียงต่างกัน โดย pk3 จะเป็นรุ่นล่างสุด pk2 เป็นรุ่นกลาง และ pk1 เป็นรุ่นสูงสุด และแพงที่สุดด้วย

IMG_0309

ในไทยมีความนิยม earbud มายาวนานแล้ว แต่มานิยมมากๆในยุคที่เครื่องเล่น ipod รุ่งเรืองสุดขีด เพราะมีนักเล่นหลายคนที่อัพเกรดหูฟังให้ดีกว่าของแถมก็ต้องหาซื้อหูฟังตัวใหม่มาใช้ และในตลาดก็มีหูฟังยี่ห้อฝรั่งอย่าง sennheiser และ ยี่ห้อญี่ปุ่นอย่าง sony ที่มี earbud หลายรุ่นให้เลือกใช้งาน เพราะเป็นยี่ห้อที่ได้รับความนิยมมากโดยเฉพาะในประเทศไทย ส่วนหูฟังยี่ห้อจีนจะไม่มีใครสนใจเลยยกเว้น pk1 ที่ราคาสูงเอาเรื่อง แต่สิ่งที่ทำให้มันดังก็คือ คุณภาพเสียงนั่นเอง

นักเล่นเครื่องเสียงที่ชอบฟังเพลงผ่านหูฟังในระดับที่จริงจังก็จะยกให้ pk1 เป็นหูฟังระดับหัวแถวของวงการ ทั้งในแง่ของการใช้งานที่ต้องเลือกเครื่องเล่นที่มีพละกำลังสูงสักหน่อย หรือต้องมีแอมป์หูฟังคุณภาพสูงมาต่อกับมัน ก็คือต้องพิถีพิถันในการเล่นหูฟังตัวนี้มากเป็นพิเศษ ส่วนในเรื่องคุณภาพเสียงก็ลือกันว่า เสียงดี เสียงกลางชัด เสียงเบสลึกมาก เลยเป็นที่มาของการฟังทดสอบในครั้งนี้

pk1 ขึ้นชื่อว่าเป็นหูฟังที่ขับยาก เพราะความต้านทานที่สูงมากของตัวมันทำให้เครื่องเล่นพกพาบางเครื่องที่มีกำลังขับน้อยนิดถึงกับใช้งานร่วมกันแล้วได้เสียงที่ห่วยไม่น่าฟังเลย แต่หากได้ลองใช้กับแอมป์หูฟัง หรือเครื่องเล่นไฟล์เพลงที่มีภาคขยายคุณภาพสูงแล้วล่ะก็ จะได้ผลลัพธ์เป็นเสียงที่ดีได้ไม่ยาก บางคนต้องหาแอมป์ทั้งแบบพกพาและแบบตั้งโต๊ะมาเพื่อใช้กับมัน และการฟังทดสอบครั้งนี้เราก็ลองฟังทั้งแบบต่อตรงและต่อผ่านแอมป์หูฟังด้วย

สเป็คของหูฟัง pk1

ความต้านทาน 150 โอห์ม

ตอบสนองความถี่ 20-24000 Hz

ความไว 109db

แจ็คเสียบขนาด 3.5 มม. ชนิด 3 ขั้ว (มีขีดดำ 2 ขีด)

ทดลองฟัง

IMG_0258

ผมได้รับหูฟังมาจากร้านมั่นคงแก็ดเจ็ท โดยได้มาเฉพาะตัวหูฟังเป็นเส้นเลย ไม่ได้แพ็คเกจและกล่องมาด้วย เลยไม่ได้ถ่ายภาพกล่องใส่ให้ดูซึ่งเป็นกล่องดูเชยๆและดูไม่น่าจะเป็นของราคาแพงเลย แต่ราคาขายของหูฟังรุ่น pk1 ตัวนี้อยู่ในระดับ 4990 บาท (ราคาปี พ.ศ.2563) อุปกรณ์ที่ใช้ร่วมกันทดสอบมีหลากหลาย ตั้งแต่ ipod shuffle gen1 เป็นเครื่องเล่นเพลงที่ผมชอบมานานและมั่นใจว่าเป็น ipod ที่มีกำลังขับสูงที่สุดในบรรดา ipod ทุกรุ่น คุณภาพเสียงไว้ใจได้ มี ipod nano gen6 ที่เป็นตัวเล็กพกง่าย และมีความจุเพียงพอสำหรับการบรรจุเพลงให้ฟังได้นานทั้งวัน เครื่องเล่นเพลงตัวอื่นที่ใช้ก็ยังมี Aune M1 ซึ่งเป็นเครื่องเล่นไฟล์ชนิด wav เท่านั้้น เครื่องนี้จะมีคุณภาพสูงมาก และมีกำลังขับในตัวที่มากเพียงพอจะขับหูฟังที่ขึ้นชื่อว่าขับยาก

IMG_0253

ส่วนแอมป์หูฟังที่ใช้ก็จะเป็นแอมป์ Diy ทำเองสร้างเอง ซึ่งเป็นแอมป์ที่สามารถใช้ขับหูฟังขนาดใหญ่หรือหูฟังความต้านทานสูงได้เป็นอย่างดี และใช้งานเป็นแอมป์หูฟังตัวหลักอยู่ในชุดตั้งโต๊ะ กำลังขับ 1 วัตต์ สามารถใช้ขับลำโพงขนาดใหญ่ได้เลย กับบางเวลาก็ใช้ Aune B1 ซึ่งเป็นแอมป์หูฟังคุณภาพสูงอีกตัวหนึ่ง ตัวนี้ได้ขอยืมเพื่อนมาลองฟังทดสอบด้วย

มาเริ่มที่คุณภาพเสียงของ pk1 กันดีกว่า pk1 ชั่วโมงแรกที่ทดลองฟัง ผมรู้สึกอยากเขวี้ยงทิ้งเลย เพราะว่าน้ำเสียงย่านทุ้มมีความบวมและล้นจนคล้ายๆกับหูฟัง in-ear คุณภาพต่ำ ส่วนเสียงกลางกับเสียงสูงก็พอใช้ได้ ผมสงสัยว่าหูฟังตัวนี้สภาพใหม่มาก ไม่แน่ใจว่าถูกใช้งานมายาวนานแค่ไหน แต่วันแรกที่ผมใช้ ผมรู้สึกว่ามันต้องมีอะไรผิดปกติ หูฟังที่ได้รับคำชมจากนักฟังทั่วโลกทำไมถึงมีเสียงเบสที่ล้นขนาดนี้

ด้วยความไม่แน่ใจในสิ่งที่ได้ยินเลยยังไม่ฟังทดสอบทันที เปิดเพลงด้วยเครื่องเล่นไฟล์เพลงสารพัดที่มีอยู่ สลับหมุนเวียนกันขับหูฟังตัวนี้ทั้งวันทั้งคืนโดยหวังว่ามันจะผ่านการเบิร์นอินในระยะเวลาไม่กี่วันแล้วให้เสียงเข้าที่เข้าทาง ผ่านไปสามวันมันก็มีอาการดีขึ้น เสียงเบสหนักๆบวมๆ ลดลงเป็นเสียงอิ่มและมีความกระชับขึ้น จนกระทั้งสามารถฟังได้ทุกเพลงยาวนานเป็นชั่วโมงก็เลยเริ่มทดลองฟังจริงจัง

IMG_0327

เพลงที่ใช้ทดลองบ่อยๆก็ค่อยๆถูกเรียงเข้ามาเปิด เพลงอะคูสติกจากงานเพลงแนว cover ที่ทำออกมาเป็นเสียงนักร้องผู้หญิง เสียงร้องหวานๆ เสียงเบสใหญ่ๆแน่นๆ เสียงเคาะอุปกรณ์เพอคัสชั่นหรือกลองแต่ละใบก็มีความชัดละเอียด เสียงที่ดังขึ้นมาแล้วจางหายไป เป็นไปตามแนวของลำโพงวางหิ้งราคาสูงเลย

จุดเด่นของ pk1 คือโฟกัสเสียงแต่ละเสียงได้ชัดและตำแหน่งแม่นยำ เป๊ะมาก เสียงร้องจากหูซ้ายและขวามารวมกันตรงกลาง เกิดเป็นโฟกัสเสียงคนที่ตรงเป๊ะ อยู่ตรงกลางค่อนไปทางด้านหน้า (เหมือนโฟกัสเสียงร้องมาอยู่ที่ปลายจมูก) เสียงกลางหรือเสียงคน ทั้งชายและหญิงให้น้ำเสียงที่ฟังสบาย เสียงร้องมีขนาดใหญ่ และไม่มีอาการเหมือนร้องอยู่ในกล่องเลย เรียกได้ง่ายๆว่ามีมิติ มีซาวสเตทจ์ที่กว้าง จัดวางแต่ละเสียงในตำแหน่งที่ชัดเจนมาก อะไรอยู่ซ้าย อะไรอยู่กลาง อะไรอยู่ขวา จัดวางตำแหน่งแต่ละเสียงเอาไว้อย่างยอดเยี่ยม ไม่มีอาการวูบวาบใดๆ

ฟังเพลง Enter sandman ของวง Metalica เป็นเพลงเฮฟวี่เมทัลที่บันทึกดี จังหวะเสียงกลอง Pk1 ก็ถ่ายทอดออกมาได้เป็นอย่างดี มีความกระชับคึกคัก เสียงฟาดสแนร์ลงไปกระทบหนังกลองที่คมชัด และมีประกายเสียงที่ค่อยๆจางลง เสียงประกายนี้ทำให้น้ำเสียงโดยรวมมีความสดใส

เสียงกีต้าร์อคูสติกของเพลง cover ให้เสียงกีต้าร์ที่สด มีประกายเสียงสูงของกีต้าร์ ความคมชัดของสายกีต้าร์ที่ถูกดีดมีหัวโน้ต มีหัวเสียงที่ฟังเสียงปิ๊กกีต้าร์กรีดผ่านสายฟังได้ชัดเจน ความฉับไวของเสียงกีต้าร์ใกล้เคียงกับการฟังเสียงจากกีต้าร์จริงๆ ส่วนโทนเสียงทุ้มที่เป็นน้ำหนักเสียงของกีต้าร์ก็หนักแน่นและไวใช้ได้เลย

IMG_0359

การตอบสนองความถี่ของ pk1 ทำได้ดีตลอดทุกย่าน เสียงทุ้ม กลาง แหลม มาพร้อมๆกันอย่างลงตัว มีเสียงย่านเบสที่ดูจะมีมากกว่าปกติเล็กน้อยทำให้เสียงมีความนุ่มนวล อบอุ่น ฟังเพลงช้าก็มีความไพเราะยิ่งขึ้น ฟังเพลงเร็วก็ได้จังหวะสนุกสนาน เสียงกลางของ pk1 คือจุดเด่น เพราะเป็นเสียงกลางที่คมชัด มีเนื้อเสียงที่ใหญ่โต น้ำเสียงของคนเป็นไปตามแนวทางลำโพงบ้านขนาดใหญ่ ส่วนเสียงย่านสูงก็ถ่ายทอดออกมาใสๆ และค่อยๆลาดลงอย่างนุ่มนวล เสียงฉาบที่ลากยาวแล้วค่อยๆจางเป็นแนวเสียงยังกับลำโพงบ้าน การฟังเสียงนักร้องด้วยหูฟังที่ให้โฟกัสเสียงได้ชัด เราจะได้ยินเทคนิคการร้องต่างๆที่นักร้องใส่มากับการร้อง เสียงลมผ่านคอ เสียงเอื้อนเล็กๆน้อยๆได้ยินทั้งหมด เสียงสั่นของลูกคอ เสียงหายใจก็รับรู้ได้ชัด

หูฟังตัวนี้ไม่ได้ป้องกันเสียงภายนอกเข้า ความสามารถในการป้องกันเสียงจะด้อยกว่าหูฟัง in-ear นั่นทำให้การฟังเพลงด้วยหูฟังตัวนี้บนรถ หรือ ในที่สาธารณะจะไม่ได้คุณภาพที่สูงเหมือนนั่งฟังในบ้านที่มีเสียงของสิ่งแวดล้อมที่เงียบกว่า และการใช้งานร่วมกับแอมป์หูฟังก็จะช่วยให้หูฟังมีเสียงที่ดีมากขึ้นด้วย ความกระชับ ความฉับไว ความกระฉับกระเฉงจะชัดเจนจะแจ้งมากขึ้น เสียงบรรยากาศรอบๆตัวโน้ตจะมากขึ้นเมื่อได้ใช้กับแอมป์หูฟังที่ดีพอ โดยส่วนตัวผมชอบ ear-bud มากกว่าแบบ in-ear เพราะเวลาที่เราใส่ in-ear เหมือนจะได้ยินเสียงลมหายใจตัวเอง เหมือนดำน้ำอยู่ ซึ่งเป็นความรู้สึกที่อึดอัดมาก แต่กับ ear-bud จะรู้สึกสบายและใช้งานต่อเนื่องหลายชั่วโมงได้สบายหูกว่า

IMG_20200120_132247

สรุป

หูฟัง pk1 เป็นหูฟังคุณภาพสูงตัวหนึ่งที่ดีสมคำร่ำลือ เป็นหูฟังที่ให้ความสมดุลย์ของทุ้มกลางแหลมที่พอดี ลักษณะเสียงคล้ายลำโพงบ้านที่ใช้วูฟเฟอร์ดอกใหญ่ๆ ตลอดเวลาที่ฟังทดสอบหลายวันก็ยิ่งชอบมากขึ้นเรื่อยๆ การใช้งานกับชุดพกพาอย่างการต่อกับเครื่องเล่น ipod ตัวเล็กอย่าง shuffle gen1 ก็ยังให้คุณภาพเสียงที่ดีมากในขณะที่ไม่เป็นภาระในการพกพา ค่าตัวของ pk1 รู้สึกว่ากลายเป็นของถูกไปเลยเมื่อเทียบกับคุณภาพและความเล็กของมัน เพราะว่าเราสามารถใช้งานมันได้ทั้งในบ้านและนอกบ้าน ยิ่งการใช้งานนอกบ้านยิ่งทำให้เราได้ใช้บ่อยมาก เราสามารถพกไปฟังตอนเดินทาง ตอนนั่งรอ ตอนไหนๆก็ตามมันทำให้เราได้ใช้ สำหรับคนชอบฟังเพลง เราจะได้ใช้หูฟังตัวเล็กแบบนี้บ่อยกว่าชุดตั้งโต๊ะที่ราคาแพงกว่าด้วยซ้ำ จะเรียกว่าเป็นเครื่องเสียงคุณภาพไฮเอนด์ที่ยัดใส่กระเป๋ากางเกงได้ก็ไม่ผิดเลย

IMG_0326

ขอขอบคุณร้าน ร้านมั่นคงแก็ดเจ็ท ที่เอื้อเฟื้อให้ยืมสินค้ามาทดสอบนะครับ

สั่งซื้อ Yuin PK1 ที่ร้านมั่นคงใน Shopee

ชุดเครื่องเสียงพกพาของผม

เครื่องเสียงเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตผมเลยก็ว่าได้  ตั้งแต่เด็กๆ ผมก็ชอบของเล่นอิเล็คทรอนิกส์ โตขึ้นสมัยเรียนก็ชอบเดินเล่นบ้านหม้อ ซื้อหนังสือเกี่ยวกับการต่อวงจรไฟฟ้ามาอ่านเล่น  การฟังเพลงก็เป็นความชอบที่ตามมาจากความชอบตัวเครื่อง  นิสัยชอบเปิดเพลงเป็นนิสัยที่ค่อยๆก่อตัวขึ้น ทั้งเพลงเพราะ ทั้งเครื่องเสียงใช้งานสนุกๆ  ได้ทั้งฟังเพลง ได้ทั้งเล่นของเล่น  ก็ทำให้มีเครื่องเสียงในครอบครองหลายชิ้น

บรรดาเครื่องเสียงที่เคยซื้อใช้เอง  มีไม่กี่ตัวที่เป็นตัวโปรดปราน ระดับที่ ผ่านไปกี่ปีก็ยังปลาบปลื้ม  และหาเหตุผลที่จะอยู่กับมันอย่างไม่ค่อยสนใจโลกที่ก้าวหน้าไปเรื่อยๆ  หนึ่งในเครื่องเสียงตัวโปรดตัวหนึ่งก็คือ ipod shuffle ซึ่งเป็นผลผลิตของ apple ที่ทิ้งไว้ให้กับนักฟังเพลง  เจ้า ipod shuffle นี้เป็นเครื่องเล่นเพลงพกพาเครื่องแรกที่ไม่มีหน้าจอ  เป็นเครื่องเล่นพกพาราคาแพงที่สุดเครื่องหนึ่งในวันที่มันเปิดตัว  เครื่องเล่นเพลงจากจีนคุณภาพต่ำ วางขายกันกลาดเกลื่อนด้วยค่าตัวหลักร้อยไปถึงพันกว่าบาท  แต่ ipod shuffle ตัวนี้เปิดตัวด้วยราคาไทย 2990 บาท  แล้วก็มีคนบ้าอย่างผมไปอุดหนุน

หากพิจารณาเฉพาะเรื่องคุณภาพเสียงแล้ว  เจ้า ipod shuffle ตัวนี้เป็นเครื่องเล่นเพลงชนิด mp3 ที่เสียงดีที่สุด ตั้งแต่ apple เคยทำมา  แม้ว่า ipod ตัวใหญ่ที่เก็บเพลงได้เป็นหมื่นเพลงจะได้รับความนิยมไปทั่วโลก  บางรุ่นได้รับการแนะนำว่าเสียงดีเป็นพิเศษ  แต่ทุกตัวที่เสียงดี ต่างก็แพ้เจ้า shuffle ตัวนี้ทั้งหมด  ซึ่งผมเองก็ได้มีโอกาสฟังเปรียบเทียบอยู่บ้าง  นั่นเป็นที่มาของความปลาบปลื้มว่าเราได้ครอบครองของคุณภาพสูงชิ้นสำคัญของวงการเครื่องเสียง

นิสัยการฟังเพลงที่เอาแน่นอนไม่ได้ของผม บางทีก็ฟังผ่านหูฟัง บางทีก็ฟังผ่านลำโพง บางทีก็เอาไปต่อสายฟังในรถยนต์  ทำให้ ipod shuffle และ ipod ตัวอื่นๆที่ผมมี ถูกหยิบเข้าออก ย้ายไปย้ายมาระหว่างบ้าน ห้องนอน และรถยนต์อยู่บ่อยครั้ง  ความรุ่มร้าม ความพะรุงพะรังทำให้ผมคิดอยากจะทำให้มันเรียบร้อย  เลยได้โอกาส เอา shuffle ตัวขาวนี้ไปมัดไว้กับลำโพงพกพาอีกตัวหนึ่ง  ซึ่งมันก็คือลำโพง jbl go ที่ออกแบบมาเป็นลำโพงตัวเล็ก เสียงใหญ่ และเน้นให้ใช้กับโทรศัพท์ผ่านการเชื่อมต่อแบบ bluetooth

IMG_0608

jbl go เสียงดี และ shuffle ก็เสียงดี มันก็เลยถูกนำมาใช้งานร่วมกัน แต่ shuffle ไม่มี bluetooth ก็เลยต้องใช้วิธีเชื่อมต่อด้วยสาย  และเพื่อให้สะดวกในการหยิบจับก็เลยจัดการมัดรวมกันด้วยริสแบนด์เส้นนึง  ผลก็คือภาพลำโพงกับ ipodมีตัวติดกัน มีสายไฟพันอยู่นิดหน่อย ดูราวกับเป็นระเบิดเวลาที่ใช้ก่อการร้ายเลย

การจับคู่กันทำให้ผมได้ภาพน่ารักของมันเก็บไว้  ชุดเครื่องเสียงพกพาในยุคดิจิทัลนี้ ผมว่ามันน่ารักดี  และหยิบไปวางที่ไหนก็มีแต่คนสงสัยปนตลก  และเมื่อได้ยินเสียงมันทำงานร่วมกันก็จะเข้าใจว่า ทำไมผมถึงมัดมันไว้ด้วยกัน

คิดถึง ipod คิดถึงความสุขในการฟังเพลง

IMG_9017

เครื่องเล่น mp3 เครื่องแรกที่ผมเคยได้ยินข่าวคราวก็คือเครื่องยี่ห้อ rio ผมจำสเป็คโดยละเอียดไม่ได้ และไม่เคยมีโอกาสได้ฟัง ในช่วงเวลาแรกเริ่มของ mp3 ผมฟังผ่านเครื่องคอมพิวเตอร์และไม่เคยรู้สึกหลงใหลได้ปลื้มกับ mp3 เลย ทั้งๆที่ ณ เวลานั้นมีแผ่นรวมเพลง mp3 ขายอยู่แล้วมากมาย

อาจจะเป็นเพราะว่าการฟัง mp3 ในยุคแรกนั้นต้องใช้คอมพิวเตอร์เป็นหลัก ทำให้ผมไม่สามารถพกพามันไปกับตัวได้  ปี 1998 ปีนั้นที่ฝรั่งเศสได้แชมป์ฟุตบอลโลก ผมยังคงไปซื้อเครื่องเล่นเทปแบบวอล์คแมนเครื่องใหม่หน้าตาสวยมาใช้งานอยู่เลย อัลบั้มเพลงที่ผมจำได้ว่าผมฟังจากเทปวอล์คแมนเครื่องนี้บ่อยที่สุดคืออัลบั้มของ pause ชุด mind ที่มีเพลงข้อความ เพลงความลับ ที่ยังคงเป็นเพลงน่าฟังอยู่ตลอดกาลของวงดนตรีวงนี้

mp3 ฮิตมากกับการใช้งานบนโต๊ะทำงาน เพราะเปิดด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ ผมมีเพลง mp3 สะสมอยู่ในเวลานั้นหลายร้อยเพลง มีเพลงที่ชอบมากๆอยู่ประมาณ 100 เพลง และผมก็ไม่คิดว่าจะพกพามันไปฟังบนรถเมล์ หรือ ฟังตอนขับรถ เพราะไม่รู้จะขนเพลงเหล่านั้นทั้งร้อยเพลงไปได้อย่างไร ตอนนั้นลืมเครื่องเล่น mp3 แบบพกพาไปได้เลย เพราะเครื่องแพงมาก และหน่วยความจำที่มีอยู่ก็อยู่ที่ระดับประมาณ 16-32 เม็กกะไบต์ มันเก็บเพลงได้ไม่ถึง 10 เพลง ผมพกเครื่องเล่นเทปยังได้เพลงเยอะกว่า

หลายปีต่อมาผมได้ข่าวว่า apple ทำเครื่องเล่น mp3 ออกมาขายราคาประมาณสองหมื่นบาท ผมไม่สนใจเลยเนื่องจากไม่มีเงินซื้อ และไม่เคยคิดว่าจะต้องจ่ายเงินให้กับอุปกรณ์การฟังเพลงในราคาสูงขนาดนั้น แม้ว่าผมจะเป็นคนเล่นเครื่องเสียง และยินดีจ่ายให้กับเครื่องเสียงราคาหลายหมื่น แต่ผมก็ไม่คิดว่าจะต้องจ่ายให้กับเครื่องเล่น mp3 ในราคาแพงกว่าเครื่องเสียงบ้าน ผมปฏิเสธ mp3 มาตลอดทั้งในด้านคุณภาพ และราคา

ในบางวันที่ผมฟังเทปจากวอล์คแมน ผมก็อยากฟังวิทยุบ้าง ตอนนั้นก็ไปซื้อเครื่องรับวิทยุมาใช้ เป็นเครื่องรับวิทยุที่ราคาถูกๆ มันรับคลื่นได้แต่ไม่ชัด สุดท้ายก็ทนฟังไม่ได้ ผมก็เลยหันหลังให้กับรายการวิทยุไปนานแสนนาน กว่าจะรู้ตัวอีกทีเขาก็มีคลื่นวิทยุที่เปิดเพลงกันต่อเนื่องห้าสิบนาทีเสียแล้ว ผมตกยุคไปหลายปีเลย

_MG_6408

แล้วผมก็ไปเพลิดเพลินอยู่กับการหัดถ่ายภาพ ผมแทบไม่ได้ฟังเพลงอย่างตั้งใจอีกเลย จนวันหนึ่งเพื่อนเอา ipod mini มาให้ลองฟัง ก่อนจะทดลองฟัง ผมก็ออกตัวกึ่งด่า กึ่งดูถูกไว้หลายอย่าง เพื่อนก็หวังดีบอกให้ผมฟังดูก่อน พอลองฟังสักสองเพลง ผมถามราคา เพื่อนบอกเจ็ดพันบาท ผมฝากซื้อทันที และมีเพื่อนอีกสองคนที่อยู่ในที่นั้นก็ซื้อพร้อมผมอีกคนละเครื่อง ผมบอกไม่ถูกว่าเกิดอะไรขึ้นกับเทคโนโลยี แต่เพลง mp3 ในเครื่องเล่น ipod มันเพราะมาก มันเหมือนคนที่ไม่ได้กินอาหารถูกปากมานาน พอเจอเมนูอร่อยเข้าไปกลายเป็นคนตะกละขึ้นมาเลย

ipod mini เป็นเครื่องเล่นเพลงติดตัวผมตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เครื่องเล่นเทปวอล์คแมนผมก็เก็บลืมตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาเช่นกัน และจนบัดนี้มันก็ไม่เคยทำงานอีกเลย คุณภาพเสียงของ ipod mini ทำให้ผมเริ่มหาข้อมูลที่เกี่ยวข้อง หาประวัติของ ipod เลยทำให้เริ่สนใจเครื่องคอมพิวเตอร์ของ apple ไปพร้อมกัน แม้ว่าผมจะชอบ ipod แต่ผมก็ยังไม่คิดจะใช้คอมพิวเตอร์ของ apple เพราะว่าตอนนั้นผมมีอาชีพเป็นโปรแกรมเมอร์ และเครื่องโน้ตบุ๊คส่วนตัวผมเป็น ibm หน้าตาดำๆถึกๆ มันเป็นโลกของ windows และ ibm และ โปรแกรม visual studio ของ microsoft

สิ่งที่ผมชอบใน ipod mini คือหน้าตาที่ดูคลาสิค และรูปร่างไม่ใหญ่โต ตัวถังเป็นอลูมิเนียมที่เป็นรอยยากมาก หน้าจอใช้ไฟเรืองแสงสีขาว มันเป็นความลงตัวที่ผมรู้สึกดี ความจุที่มี 4Gb สามารถเก็บเพลงได้ประมาณ 1000 เพลง แน่นอนว่าผมมีเพลงสะสมจนเต็มความจุแล้ว ทุกวันนี้ยังไม่เจออุปกรณ์อะไรที่ดูน่าทนุถนอมขนาดนั้นเลย คุณภาพเสียงก็ดีถูกใจมาก โดยเฉพาะหูฟังที่มาพร้อมกับ ipod mini เป็นหูฟังที่มีบุคลิกที่เป็นกลาง คือมันราบเรียบ ฟังเสียงคนได้ชัดเจน มันสามารถฟังเพลงได้นานโดยที่ไม่รู้สึกล้า ไม่เลี่ยน มันแตกต่างไปจากหูฟังโซนี่ที่ฟังทีแรกจะรู้สึกว่าเพราะ มัน เสียงใส แต่ฟังนานๆหลายชั่วโมงแล้วทรมาน

เคยมีคนแย้งว่าทำไมถึงอยากจะฟังเพลงตั้งพันเพลง ipod ความจุเยอะเกินความจำเป็น ต้องจ่ายราคาแพงกว่าชาวบ้าน ipod ราคาเกือบหมื่น แต่ของคนอื่นขายกันสองพันบาท ความจุ 512mb ก็พอแล้ว หลายความเห็นออกมาแนวทางเดียวกันคือ ipod แพงเกินไป ผมก็รู้สึกว่าแพง แต่ผมก็พบว่าการที่ผมมีเพลงติดตัวไปสักหนึ่งพันเพลงผมก็ไม่ได้อยากฟังทุกเพลงหรอก แต่ว่าผมสามารถเลือกฟังเพลงอะไรก็ได้จากหนึ่งพันเพลง เลือกฟังได้ทันทีโดยไม่ต้องกลับบ้านไปลบเพลงเก่าและก็อปปี้เพลงที่ต้องการลงไป แต่ละวันผมอาจจะฟังเพลงแค่สิบเพลง แต่มันก็ไม่สามารถจะบอกได้หรอกว่าสิบเพลงนั้นมีเพลงอะไรบ้าง การแบกเพลงใส่ ipod ไว้หนึ่งพันเพลงมันทำให้ผมสามารถเลือกเพลงที่อยากฟังได้ครบตามที่ต้องการ หรือเกือบครบทุกเพลง มันเป็นสิ่งที่เครื่องเล่นอื่นๆให้ไม่ได้

ตอนนั้น ipod ไม่มีคู่แข่งเลย ทั้งในแง่คุณภาพเสียงและความจุ มียี่ห้ออื่นๆพยายามจะทำขายก็ยังไม่มีจุดเด่นที่ดีกว่า มันเป็นเรื่องที่ช่วยไ่ม่ได้จริงๆที่จะไม่เปิดใจให้กับเครื่องเล่นยี่ห้ออื่นๆ เพราะเมื่อลองฟังก็รู้สึกว่ามันไม่ลงตัว เสียงยังไม่ถูกใจ แต่ผมก็ทดลองฟังตัวอื่นๆอยู่เรื่อยๆ แล้ววันดีคืนดีก็เจอกับเครื่องเล่น mp3 ตัวใหม่ที่เสียงดีกว่าเดิม

IMG_9032

มันคือ ipod รุ่น shuffle รุ่นที่มีความจุเพียง 512 Mb หรือเก็บเพลงได้แค่ 120 เพลงเท่านั้น ผมเดินผ่านร้านขายเครื่องเสียง ก็แวะดูไปตามเรื่อง ถามพนักงานเรื่องคุณภาพเสียงของ ipod 3 ตัวที่วางเรียงกันอยู่ในร้าน พนักงานบอกว่า shuffle เสียงดีที่สุด ผมไม่เชื่อเลยขอลองฟังบ้าง ฟังเพลงเดียวกัน หูฟังเดียวกัน แล้ววันนั้นผมก็เสียเงิน ได้ shuffle กลับบ้านไปอีกตัว มันเป็นเครื่องเล่นที่ไม่มีหน้าจอ ก็อปปี้เพลงลงไปแล้วก็เปิดเล่นเลย หลายคนออกความเห็นว่าไร้สาระ เอา ipod ตัวใหญ่มาติดเทปบังหน้าจอไว้ก็เหมือนได้ใช้งาน shuffle แล้ว ซึ่งผมก็ไม่ได้แย้งอะไร แต่ผมรู้สีกว่า ipod shuffle ที่ไม่มีจอภาพมันมีดีกว่านั้น มันเป็นมากกว่านั้น แต่ก็อธิบายไม่ได้

การก็อปปี้เพลงลงไปในเครื่องเล่น ipod ต้องทำผ่านโปรแกรม iTune ซึ่งเป็นโปรแกรมที่สามารถเปิดเพลงได้ทั่วไป สร้างรายการเพลงที่ชอบ รวมเพลงเป็นชุดๆได้ตามใจ ทุกเพลงที่อยู่ใน iTune กดปุ่มเดียวมันก็จะก๊อปปี้ทุกอย่างลงไปใน ipod แปลว่า บนเครื่องคอมพิวเตอร์เรามีเพลงอะไร จัดระเบียบจัดอัลบั้มรวมกันไว้อย่างไรมันก็มีอย่างนั้นใน ipod เช่นกัน และความพิเศษมากขึ้นอย่างหนึ่งก็คือมันบันทึกการเล่นเพลงต่างๆเอาไว้ เพลงไหนเล่นบ่อยที่สุดก็มีการนับไว้ และมันก็มีรายการเพลง top hit ให้เราอัตโนมัติ แปลว่า ในหลายๆพันเพลงจะมีเพลงที่เราฟังบ่อย 25 เพลงถูกจัดเป็น top hit ให้ และเราสามารถสั่งให้ ipod shuffle ก็อปปี้เพลง top hit เหล่านั้นลงได้ได้อัตโนมัติ

ipod shuffle ที่เก็บเพลงได้เพียงเล็กน้อยมีเพลงที่เราฟังบ่อยๆอยู่ในนั้น มันเป็นรูปแบบการเลือกเพลงที่”ไม่ผิดหวัง” เพราะว่าเราฟังบ่อยจริง มันแก้ปัญหาของคนลังเลได้อย่างดี เพราะเราคงเคยเจอปัญหาว่า มีเพลง มีแผ่น (เมื่อก่อนก็มีเทปด้วย) เยอะไปหมด จะเลือกเอาเพลงไหนไปฟังบนรถดี หรือจะเอาแผ่นเพลงไหนติดตัวไปเที่ยวต่างจังหวัดดี เมื่อก่อนผมเคยขับรถไปต่างจังหวัดหลายวัน ผมขนแผ่นซีดีใส่ลังไปด้วยเกือบห้าสิบแผ่น มันเป็นเรื่องบ้าๆที่เคยทำ

พอรับ ipod เข้ามาในชีวิต ความบันเทิงแบบพกพาก็เริ่มขึ้นอย่างจริงจัง จากการฟังเพลงแต่เพียงอย่างเดียวมันเริ่มมีความต้องการให้ ดูภาพได้ ดูวิดีโอได้ ซึ่งคนที่คิดแบบผมไม่ได้มีคนเดียว มันคิดแบบเดียวกันทั้งโลก และแล้ว ipod ก็มีรุ่น ipod photo ที่สามารถก็อปปี้ภาพลงไปดูได้ และแน่นอนว่าหน้าจอของ ipod กลายเป็นจอสีแล้ว หลังจากนั้นอีกไม่นาน ipod video ก็ตามมาติดๆ เป็นเครื่องเล่นแบบพกพาที่สามารถดูวิดีโอได้ด้วย ซึ่งในเวลานั้นเครื่องเล่นโนเนมจากจีนก็มีความสามารถในการเล่นวิดีโอออกมาก่อนแล้ว แต่วิดีโอในเครื่องโนเนมต่างๆเป็นวิดีโอที่คุณภาพต่ำ การแสดงผลยังไม่ประทับใจ และไม่สามารถต่อสายภาพออกมาเข้าเครื่องรับโทรทัศน์ได้ แต่ ipod video ทำได้ทุกอย่างที่บอกมา มันเป็นข้อได้เปรียบที่ ipod มีความจุเยอะ เลยสามารถเก็บข้อมูลวิดีโอที่มีขนาดใหญ๋ได้ คุณภาพของวิดีโอเลยดีกว่า

ความนิยมของ ipod ค่อยๆสะสมก่อตัวขึ้น จนกระทั่งแพร่หลายไปทั้งโลก สิ่งที่ชี้วัดได้ง่ายที่สุดก็คือมีอุปกรณ์เสริมต่างๆออกมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นซองผ้า ซองหนัง ซองพลาสติก ลำโพง เครื่องเสียง ทุกอย่างที่เอามาต่อพ่วงกับ ipod ได้จะถูกผลิตออกมาเต็มไปหมด แม้แต่เครื่องมีดโกนหนวดต่อกับ ipod ก็ยังมี เลเซอร์พอยเตอร์ก็มี มันไม่ได้เกี่ยวกับการฟังเพลงแต่ก็มีคนทำอุปกรณ์เสริมออกมา มันมากมายลามไปถึงกลุ่มแฟชั่น กระเป๋าหนังบางยี่ห้อมีช่องใส่ ipod แยกต่างหาก มันฮิตระเบิดเลย

scan-2012-minilux-jul-17

มาถึงปี ค.ศ. 2006  ipod พัฒนาไปมากกว่าเดิมหลายช่วงตัว มันกลายไปเป็น iphone เป็นเครื่องเล่นหน้าจอสัมผัส เล่นอินเทอเน็ตได้ มันมีกล้องในตัว มันเป็นอุปกรณ์อเนกประสงค์ มันใส่โปรแกรมเพิ่มเพื่อทำงานอื่นๆได้อีกมากมาย มันไปไกลจนเกินกว่าจะเป็นเครื่องเล่นเพลงไปเสียแล้ว เราหยุดการพัฒนาไม่ได้ มันเป็นเรื่องปกติของอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ ผมแอบคิดเล่นๆว่า ipod ชวนคนทั้งโลกให้หันมาฟังเพลง แต่ตอนนี้กำลังพาคนทั้งโลกออกจากเพลง ไปสู่สิ่งใหม่ที่สับสนวุ่นวาย ทั้งภาพ วิดีโอ อินเทอเน็ต มันน่าคิดเหมือนกันว่าตอนจบจะเป็นอย่างไร เครื่องเล่นเพลงที่แท้จริงมันอาจจะหยุดอยู่ที่ ipod รุ่นสุดท้ายก่อนที่จะเริ่มใช้ระบบสัมผัสหน้าจอ อารมณ์คนฟังเพลงต้องการแค่นั้นจริงๆ ที่มากกว่านั้นและทุกอย่างที่อยู่ใน iphone มันมากเกินไปสำหรับคำว่าดนตรี