รีวิวกล้องโดฟ dove toy camera

กาลครั้งหนึ่ง ในประเทศไทยเคยมีโปรโมชั่นขายยาสระผมแถมกล้องถ่ายรูป ซึ่งกล้องที่แถมในคราวนั้นคือกล้องพลาสติก มีเคสกันน้ำ สกรีนยี่ห้อยาสระผมไว้ที่ตัวกล้องด้วย นับตั้งแต่การขายครั้งนั้นก็มีกล้องตัวใหม่ที่มีชื่อในวงการถ่ายภาพ  “กล้องโดฟ”  เป็นกล้องสำหรับนักถ่ายภาพแนวโลโม่ อะไรที่ไม่ต้องวัดแสง ไม่ต้องโฟกัส ยกขึ้นมาแล้วกดเลย ถือว่าเป็นแนวโลโม่  และกล้องโดฟคือของที่ต้องมี

_MG_2878

กล้องโดฟเป็นกล้องพลาสติก ระยะเลนส์ 28mm focus free แปลว่าไม่ต้องโฟกัส มันจะชัดทั้งภาพ  คาดว่ารูรับแสงของเลนส์ตัวนี้จะประมาณ f8-11 ไม่ต้องใส่ถ่าน  เวลาถ่ายภาพจะต้องกะสภาพแสงให้เป็นสภาพแสงแดดออก ค่อนข้างแรง  คือมีแดดที่ทำให้มีเงาค่อนข้างชัด  ใช้กับฟิล์มความไว 200 น่าจะพอดี  และการที่มันมีเคสกันน้ำก็ทำให้มันถูกทดลองใช้ใต้น้ำด้วย

IMG_7357

การถ่ายภาพบนดินทั่วไปเราก็พกเฉพาะกล้องแต่เพียงอย่างเดียว เคสกันน้ำไม่ต้องใส่ ใส่ฟิล์มแล้วกดถ่ายไปเรื่อยๆ  ถ่ายแต่ละครั้ง จะต้องหมุนฟิล์มแก๊กๆๆๆๆๆ  พอหมดม้วนจะได้ภาพประมาณ 36 ภาพ  ภาพจะสวยถ้าแดดจัด  ความคมชัดของภาพวิว ภาพระยะไกลก็พอใช้ได้  ถ่ายใกล้มากๆจะเบลอนิดหน่อย เพราะระยะชัดน่าจะอยู่ที่ประมาณ 1.5 เมตรเป็นต้นไป (เดา)

rscan-pk-513

สภาพแสงแดดจัดแบบนี้เหมาะกับกล้องโดฟ  ยกขึ้นมาเล็งแล้วกดเลย ไม่ต้องวัดแสง ไม่ต้องโฟกัส

rscan-pk-511

อะไรที่โดนแดดก็คือได้ภาพทั้งหมด ไม่มีพลาด ไม่มีคำว่ามืด

rscan-pk-542

ตัวกล้องขนาดเล็กสามารถยัดไว้ในกระเป๋าเสื้อ กางเกง หรือเป้ แม้แต่กระเป๋าสะพายของสาวๆก็น่าจะได้  ผมพกไว้ถ่ายเล่นตอนไปขึ้นเครื่องบิน นั่งรถรับส่งไปยังลานจอดเครื่องบิน คนเยอะๆ ของพะรุงพะรังก็ยังหยิบถ่ายได้  เพราะว่าสามารถใช้งานได้ด้วยมือเดียว

rscan-pk-540

แม้แต่การถ่ายผ่านกระจกรถออกมาข้างนอกก็ยังได้ภาพ  มันเป็นกล้องสำหรับนักเดินทางอย่างแท้จริง ถ้ามีทริปไปเมืองหนาวผมเชื่อว่ากล้องโดฟจะเป็นกล้องที่ทำงานได้ตลอดทริป พึ่งพาได้

000025

000025

ลองใช้กับฟิล์มสีที่หมดอายุถ่ายภาพที่โดนแดด ก็ยังได้ภาพโอเค แม้ว่าตอนได้ภาพสีจากฟิล์มบูดจะดูจืดๆ แต่พอสแกนแล้วปรับเป็นขาวดำ ปรับคอนทราสต์ช่วยก็ได้ภาพที่พอดูได้  สิ่งสำคัญในภาพก็คือ เหตุการณ์ที่เราต้องการเก็บไว้  ภาพนี้ผมปลาบปลื้มกับความไวของกล้องโดฟมาก จังหวะเด็กสองคนที่กำลังช่วยกันเข็นรถของเล่นไม่ให้ตกลงไป  ถ้าใช้กล้องโปร คุณภาพระดับโลก ผมก็ไม่มั่นใจว่าจะโฟกัสได้ทันวินาทีนี้ไหม

000012

ใช้กับฟิล์มใหม่ ก็ให้สีสันสดใส  ขอเพียงให้ตัวแบบโดนแดด ที่เหลือก็ให้เป็นหน้าที่ของฟิล์มและกล้อง ภาพสถานการณ์บางอย่างเราต้องการแค่ภาพบันทึก  ไม่ได้ต้องการคุณภาพเนี้ยบ  อีกอย่าง กล้องของแถมค่าตัวแค่สองร้อยบาท จะต้องการอะไรจากมันบ้างล่ะ

000047

ลองลงน้ำกันบ้าง  ใส่ฟิล์มความไว200 แล้วใส่เคสกันน้ำ แล้วก็ลงน้ำกันเลย  แต่ต้องไม่ลืมว่าตัวแบบต้องโดนแดด  ผมเลยให้เด็กเล่นน้ำในตอนที่มีแดดส่องลงสระน้ำ แล้วก็ถ่ายให้ใกล้หน่อยระยะประมาณ 1.5 เมตรจากกล้อง

000045

ถ้าแบบเริ่มไกลออกไป จะรู้สึกว่าคอนทราสต์น้อยลง ดังนั้นการถ่ายเล่นใต้น้ำต้องพยายามอยู่ใกล้ๆเอาไว้

000018

กิจกรรมใต้น้ำ  ยิ้มให้กล้องก็สนุกสนานกันทั้งเด็กและคนถ่ายภาพ  เคสกันน้ำทำงานได้ดี แม้จะกดยากไปหน่อย แต่ก็พอใช้งานได้  น้ำหนักกดชัตเตอร์ของเคสกันน้ำจะค่อนข้างมากทำให้เด้กห้าขวบกดไม่ลง พ่อต้องกดแทน  บางครั้ง ผมก็ใช้นิ้วโป้งกดเลย  เพื่อให้ได้ภาพ ณ วินาทีที่ต้องการจริงๆ

000019

ถ้าเข้าใกล้กล้องเกินไป ภาพจะเบลอนิดหน่อย แต่ได้สีสันจัดเต็ม  นั่นเป็นเทคนิคที่ต้องคอยระวังคือ ถ่ายภาพใต้น้ำต้องพยายามอยู่ใกล้ๆกัน

000034

ในวันที่กล้องดิจิทัลยังแพงอยู่ การถ่ายภาพใต้น้ำก็มีแค่กล้องโดฟกับกล้องโปรอย่างนิโครนอสเท่านั้น  แต่ถ้าคุณใช้นิโครนอส ก็ต้องจ่ายหลายหมื่น  กล้องโดฟแค่ 200 บาท ได้ยาสระผมมาใช้ด้วยตอนขึ้นจากน้ำ เข้าท่าดีนะ

IMG_20180429_164357

กล้องพลาสติก หรือ toy camera อย่างกล้องโดฟตัวนี้ได้รับความนิยมมาเป็นสิบปี  บางครั้งก็ถูกนำไปแถมกับสินค้าตัวอื่น บางครั้งก็มีคนขายกล้องตรงๆไม่สกรีนยี่ห้อ  ในเน็ตน่าจะหาได้ในราคาร้อยกว่าบาท  นับว่าเป็นความบันเทิงระดับรากหญ้าที่ให้ความประทับใจระดับโลก  คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม

กล้อง toy รุ่นใหม่หาซื้อได้ที่นี่ https://s.lazada.co.th/s.Q4lct?cc

คำเตือน

กล้องโดฟต้นฉบับสีขาวที่ออกมาเมื่อสิบกว่าปีก่อน มาพร้อมกรอบพลาสติกกันน้ำ ทั้งคู่ใช้งานร่วมกันได้ดี  แต่กล้อง toy camera สีสันหลากหลายที่ผลิตใหม่ มีขายเกลื่อน และผมได้มาเป็นของแถมในเซ็นทรัล เป็นกล้องที่ดูเหมือนออกจากโรงงานเดียวกัน มีพลาสติกกันน้ำเหมือนกัน และคิดว่าจะงานได้เหมือนกัน  ผมเอาไปออกทริปลงน้ำแล้ว ปรากฏว่า ใช้งานในน้ำไม่ได้ครับ กดชัตเตอร์ได้ แต่หมุนฟิล์มขึ้นภาพใหม่ไม่ได้  เป็นปัญหาที่พลาสติกกันน้ำกับกล้องทำงานไม่สัมพันธ์กัน  ผลก็คือ ผมลงน้ำ ถ่ายได้รูปเดียว หมุนฟิล์มเพื่อขึ้นชัตเตอร์ครั้งใหม่ไม่ได้  ใครจะใช้กล้องทอยออกทริป กรุณาลองสถานการณ์จริงก่อน  เสียฟิล์มสักม้วนลองใต้น้ำให้รู้เรื่องก่อนว่าทำงานได้ไหม มีปัญหาไหม ถ้ามีปัญหาจะได้ไม่ต้องพกลงน้ำ  เพราะถ้าคุณไปเจอปัญหาตอนอยู่ใต้น้ำ มันเสียดายโอกาส  แต่ถ้าจะใช้ทั่วไปไม่ลงน้ำ  ก็ซื้อได้เลยตามสะดวก

การสแกนภาพจากฟิล์มขาวดำอย่างง่าย

คนที่ยังคงถ่ายภาพขาวดำด้วยฟิล์ม นิยมล้างฟิล์ม และชอบงานห้องมืด บางทีการได้ถ่ายภาพด้วยฟิล์มขาวดำสักม้วนเราก็อยากจะดูบางภาพเร็วๆ  อยากจะแชร์ภาพให้เพื่อนดู ก็จะมีวิธีการง่ายๆเร็วๆในการเอาภาพลงจอ  ดังนี้

 

2018-04-23_08-53-36

เมื่อล้างฟิล์มจบแล้ว เราจะได้ฟิล์มขาวดำดังภาพ  ให้เราใช้มือถือถ่ายภาพฟิล์มโดยให้ด้านหลังของฟิล์มเป็นส่วนสีขาวเรียบๆ  ซึ่งผมเลือกใช้ท้องฟ้า  บางคนอาจจะใช้ผนังบ้านก็ได้  เราจะได้ภาพฟิล์มขาวดำมาอยู่ในโทรศัพท์

 

2018-04-23_08-53-16

ให้จัดการคร็อปภาพให้เรียบร้อย และหมุนภาพให้ได้ฉากแบบที่เราชอบ  ซึ่งผมชอบภาพที่วางไม่ตรงเป๊ะ มันดูดิบและเป็นธรรมชาติของงานแฮนด์เมดดี

 

2018-04-23_08-52-57

จากนั้นให้เรากลับสีด้วยคำสั่ง invert ซึ่งหากทำในคอมพิวเตอร์ ก็ต้องอาศัย photoshop ทำ แต่หากทำในมือถือ ก็ต้องหา app มากลับสี  ผมใช้ app ชื่อ negative image ใน android มาทำให้  เราก็จะได้ภาพจากฟิล์มขาวดำเน็กกาทีฟกลับมาเป็นภาพขาวดำแบบปกติ  แต่ภาพจะยังไม่ดำ เพราะกล้องที่ใช้ถ่ายภาพมักจะถ่ายเป็นภาพสี  ไม่ได้ถ่ายเป็นขาวดำตั้งแต่ต้น

 

2018-04-23_08-52-41

เมื่อได้ภาพคร็อปที่สีปกติเกือบตรงแล้ว ก็ให้ทำการปรับสีของภาพให้เป็นขาวดำ และปรับส่วนเข้มให้ดูดำสมจริง  ขั้นตอนนี้ในคอมพิวเตอร์ก็คือใช้ photoshop  แต่ถ้าในมือถือ ผมใช้ app ชื่อ snapseed ปรับสีให้    ซึ่งเราก็จะได้ภาพขาวดำที่ถูกใจในที่สุด

 

 

PHOTO_COLLAGE1524441900259

 

ภาพที่ได้จากการลองเล่นครั้งนี้ เอาภาพแต่ละขั้นตอนมาเรียงด้วยโปรแกรมต่อภาพที่ชื่อ picture collage ก็จะได้ภาพเล็ก3 ภาพต่อกัน ดูสวยไปอีกแบบ

 

 

PHOTO_COLLAGE1524469103374

 

ถ่ายภาพด้วยกล้องฟิล์ม leica minilux

 

กล้องฟิล์มเป็นสิ่งที่แทบจะไม่มีคนใช้ทำงานแล้ว คงเหลือแต่การใช้เพื่อความบันเทิง เพื่อความสุข เพื่อความมันส์ของช่างภาพยุคเก่าและช่างภาพรุ่นใหม่ที่อยากลองของเก่า ผมก็นับว่าเป็นช่างภาพยุคเก่า ยุคที่หัดถ่ายรูปในช่วงที่ฟิล์มได้รับความนิยมสูงสุด ยุคที่การถ่ายรูปรับปริญญาและงานแต่งงานคุยกันว่าถ่ายกันกี่ม้วน ยุคที่มีร้านล้างอัดฟิล์ม 24 ชั่วโมง ยุคที่ฟิล์มตลาดราคาสามม้วนสองร้อยบาท

พอพ้นจากช่วงเวลายุคทองของฟิล์มไปแล้ว ทุกคนก็หันหน้าเข้าสู่ดิจิทัล การทำงาน การรับจ้างถ่ายภาพเป็นระบบดิจิทัลทั้งหมด จากงานรับปริญญาที่ถ่ายกัน 4-5 ม้วน ได้ภาพเป็นเล่ม รวมกันไม่ถึงสองร้อยภาพ กลายเป็นงานรับปริญญามีภาพให้ดูพันภาพจากกล้องดิจิทัล งานแต่งงานมีภาพให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวดูกันสามพันภาพ ซึ่งไม่มีทางดูกันได้ครบถ้วน ฟิล์มที่เคยตุนเอาไว้เพื่อรับงานก็ยังคงนอนนิ่งอยู่ในบ้านไม่ถูกจับต้องอีกเลย ผ่านไปเกือบสิบปี ฟิล์มเหล่านั้นก็หมดอายุ และระหว่างที่เพลินกับการใช้กล้องดิจิทัล ผมก็ลืมฟิล์มไปแล้ว และคิดไปว่า ไม่มีฟิล์มสีดีๆขายอีกแล้ว เพราะมีแต่ข่าวการเลิกผลิต ปิดโรงงาน รวมไปถึงข่าวการล้มละลายของโกดัก

แต่ในความเป็นจริง ฟิล์มยังมีลมหายใจอยู่ แต่อยู่ในกลุ่มเล็กๆ ร้านถ่ายรูปย่านลาดพร้าวก็ปรับตัว หลายร้านปิดตัวลง บางร้านที่เคยเปิด 24ชม. ก็เปลี่ยนมาเป็นเปิดปิดเป็นเวลา ผมถ่ายรูปด้วยฟิล์มขาวดำอยู่บ้าง ซื้อน้ำยาไว้ล้างเอง ซ์้อฟิล์มขาวดำตุนไว้ถ่ายเล่น โดยที่ในใจก็คิดว่าไม่มีฟิล์มสีขายแล้ว เพราะถึงมีก็คงคุณภาพต่ำ อาจเป็นของเก่าเก็บ หรือเป็นงานผลิตใหม่แต่ไม่ได้มีคุณภาพเหมือนเดิม

ผมเพิ่งรู้จากเพื่อนว่าฟิล์มเน็กกาทีฟสีรุั่นใหม่ๆยังคงออกสู่ตลาด และมีแนวโน้มว่าจะได้รับความนิยมมากขึ้น เมื่อเทียบจากช่วงซบเซาสุดขีด ผู้คนหันมาซื้อกล้องฟิล์มมือสอง ทำให้ต้องหาฟิล์มมาถ่ายเล่นด้วย ฟิล์มสีเกรดตลาดราคาร้อยกว่าบาท ค่าล้างฟิล์มราคาขึ้นไปเกินสองเท่าตัว และมีการส่งฟิล์มไปด้วยไปรษณีย์เพื่อให้ล้างและสแกนภาพแล้วส่งเป็นแผ่นซีดีกลับมา ซึ่งผมก็ลองใช้บริการดูแล้วก็ปลาบปลื้ม เลยเป็นที่มาของการเขียนโพสท์นี้

ฟิล์มฟูจิ c200 เป็นฟิล์มเน็กกาทีฟ น่าจะเป็นฟิล์มเกรดกลางๆ และกล้องที่ใช้ถ่ายก็เป็น leica minilux ตัวที่นอนพังอยู่หลายปี เพิ่งจะหาอะไหล่มาซ่อมได้ เมื่อซ่อมเสร็จก็เริ่มเดินเท้าอีกครั้งเพื่อตระเวณถ่าย แต่คำว่าตระเวณในวันเวลาของผม ก็คือการถ่ายรูปลูกเล่นจนหมดม้วน พกกล้องติดตัว พกไว้ในเป้สะพายตลอดเวลา เมื่อมีโอกาสถ่ายก็ถ่ายรูปลูก เผลอแป๊ปเดียวหมดม้วน  ถ่ายเล่นราวกับปืนกล  ในสมัยที่ฟิล์มถูกๆผมยังไม่ถ่ายเร็วเท่านี้  ดูเหมือนการถ่ายภาพด้วยฟิล์มของผมในช่วงเวลานี้เหมือนคนลงแดง รีบถ่าย รีบล้าง อยากดูภาพแล้ว  อารมณ์เหมือนวัยรุ่นใจร้อนเลย

01012minilux-000048

การถ่ายภาพเด็กที่ง่ายที่สุดคือถ่ายตอนเขาหลับนั่นเอง  ลิงน้อยของผมที่มีความไวมากกว่าระบบออโต้โฟกัสของกล้องทุกตัว  กล้องคอมแพ็คระดับโปร วัดแสงแม่นมาก และโฟกัสก็แม่นมากเช่นกัน  ถ้าให้หมุนโฟกัสเองด้วยกล้องแมน่วล เลนส์แมน่วล ผมคิดว่าภาพจะไม่ชัดเท่านี้

 

01012minilux-000050

 

01013minilux-000048

 

01013minilux-000049

ตึกรามบ้านช่อง ข้าวของเครื่องใช้ และมุมภาพบางมุมในบ้านก็ถ่ายเล่นๆ เหมือนถ่ายเพื่อให้หมดม้วนเร็วขึ้นเลย  ความใจร้อนของผมมาจากอยากเห็นภาพสีจากกล้อง leica minilux ที่เพิ่งซ่อมเสร็จตัวนี้

 

01013minilux-000065

 

01013minilux-000068

วัยเด็กที่กำลังเรียนอนุบาลก็เป็นภาพที่ควรถ่ายเก็บไว้  เพราะการเปลี่ยนแปลงของเด็กวัยนี้จะรวดเร็วมาก หากพลาดหรือลืมถ่ายไว้ในช่วงวัยเด็กเล็กนี้จะไม่สามารถย้อนเวลากลับไปถ่ายได้ใหม่อีกแล้ว  เด็กโตแล้วโตเลย ย้อนกลับไม่ได้ กลับไปถ่ายซ่อมก็ไม่ได้

 

01014minilux-000004

 

01013minilux-000058

 

01013minilux-000061

 

01013minilux-000066

 

01014minilux-000001

 

01014minilux-000030

 

01014minilux-000042

 

01014minilux-000047

 

ภาพที่เราอยากดูมักจะเป็นภาพของสิ่งของหรือคนอันเป็นที่รักของเรา จะของใช้ ของเล่น หรือแม้แต่สมาชิกในครอบครัวต่างก็ควรจะมีภาพเดี่ยวของตัวเองเก็บไว้  ภาพที่น่าดูไม่จำเป็นต้องมีเทคนิกอะไรที่ล้ำหลุดโลก หรือองค์ประกอบภาพต้องเป๊ะ ขอแค่ภาพชัด ไม่มืดไม่สว่างเกินไปก็นับว่าเป็นภาพที่ดีแล้ว  ภาพบันทึกชีวิตไม่ใช่ภาพประกวด

 


 

การสแกนฟิล์มด้วยเลนส์มาโครและกล่องไฟ

การถ่ายภาพด้วยฟิล์มในยุคดิจิทัลยังเป็นสิ่งที่มีลมหายใจอยู่  เมื่อก่อนในวันที่เป็นยุคทองของฟิล์ม เราถ่ายภาพ แล้วส่งล้างอัด แล้วก็ได้ภาพมาดูเป็นเล่ม  มันสะดวกมากสำหรับฟิล์มสี  ส่วนฟิล์มขาวดำก็ต้องล้างฟิล์มแล้วสั่งอัดภาพ  แต่การอัดภาพด้วยร้านถ่ายภาพสีทั่วไป ภาพสีขาวดำก็จะออกมาดูไม่น่ามอง  ภาพขาวดำที่ีสวยก็ต้องเป็นการอัดภาพลงบนกระดาษขาวดำแท้ๆเท่านั้น

แต่บางคนก็ไม่สามารถอัดภาพได้เอง  ต้องอาศัยวิธีสแกนภาพแล้วดูในคอมพิวเตอร์  หรือ ดูในมือถือแทนโดยไม่ต้องอัดบนกระดาษจริง  ยิ่งยุคนี้เป็นยุคโซเชียลเน็ตเวิร์ค อยากมีภาพเป็นไฟล์เพื่อส่ง เพื่อแชร์ให้เพื่อนดูกันทั้งนั้น  การเอาภาพจากฟิล์มขาวดำก็ต้องใช้วิธี สแกน  ร้านถ่ายภาพทั่วไปก็มีบริการรับสแกน  แต่ค่าใช้จ่ายก็แพงขึ้นกว่าเดิม  ไหนๆเราก็มีกล้องดิจิทัลกันอยู่แล้ว ก็ลองใช้อุปกรณ์ของเราสแกนฟิล์มเลยดีกว่า ซึ่งกล้องดิจิทัลที่มีเลนส์มาโครหรือเลนส์ถ่ายใกล้ๆได้จะสามารถนำมาใช้สแกนฟิล์มได้  วิธีนี้ ประหยัด ไม่เสียเงินซักบาท  แต่อาจเสียเงินซื้อเลนส์มาโครแทน

scan-bw-IMG_0205

ให้จัดการเซ็ทอัพอุปกรณ์ตามนี้  ใช้กล่องพลาสติกขนาดใหญ่ หรือ เล็กก็ได้ แต่ในภาพของผมจะใช้กล่องใหญ่เพราะตั้งใจจะใช้ถ่ายฟิล์มทั้งม้วนเลย  โดยการเอากล่องขาวขุ่นมาวางพื้น แล้วเอาฟิล์มบางบนกล่อง  หาของทับฟิล์มให้เรียบแนบไปกับกล่อง  กล่องขาวขุ่นนี้ผมซื้อจากร้านขายอุปกรณ์แต่งบ้าน มันถูกขายเป็นถังขยะสีขาว ผมเห็นแล้วก็ถูกใจเลยสอยมาใช้  ส่วนแสงสว่างที่ส่องในกล่อง ผมใช้แฟลชเก่าๆตัวนึงที่ทำงานได้ แล้วต่อชุดส่งสัญญาณแฟลชไร้สาย หรือ ไวเลสทริกเกอร์  โดยตัวส่งสัญญาณจะเสียบอยู่กับกล้องถ่ายภาพ  ตัวรับสัญญาณจะต่อกับแฟลช  เมื่อเรากดถ่ายภาพ แสงแฟลชก็จะทำงาน ส่งผลให้กล่องเรืองแสง

IMG_0198

ดูใกล้ๆก็จะเป็นแบบนี้  เราถ่ายภาพฟิล์มขาวดำด้วยกล้องดิจิทัลโดยตรงได้เลย  ภาพที่ได้ก็จะเป็นภาพแบบที่ตาเห็น คือ เป็นภาพดูไม่ค่อยรูัเรื่อง สีสันก็เป็นแบบตรงกันข้าม   หากเราจะสแกนภาพจากฟิล์มแค่บางภาพ เราก็ถอดฟิล์มจากซองมาวางบนกล่อง แล้วใช้เลนส์มาโครถ่ายภาพซะเลย

DSCF7049

ถ้าเราจะสแกนฟิล์มขาวดำทั้งม้วน โดยให้เรียงตัวสวยๆเหมือนภาพ คอนแท็คปริ๊นท์ หรือcontact print ก็ใช้ใช้วิธี วางซองฟิล์มทั้งซองบนกล่องขาวขุ่นนี้เลย นี่คือเหตุผลที่ผมเลือกใช้กล่องขนาดใหญ่ เพราะต้องการถ่ายภาพฟิล์มทั้งม้วน ซึ่งใช้พื้นที่ใหญ่พอสมควร กล่องใหญ่ก็จะได้เปรียบคือทำงานคอนแท็คปริ๊นท์ได้นั่นเอง

DSCF7210

ภาพฟิล์มทั้งม้วนที่ถ่ายด้วยกล่องไฟจะเป็นแบบนี้  เมื่อถ่ายภาพได้แล้ว ก็เอาภาพ jpg ที่ได้มา ไปปรับค่าต่อในโฟโต้ช็อป โดยการสั่ง invert เพื่อกลับภาพจากดำเป็นขาว และ ขาวเป็นดำ  และทำการปรับระดับสีดำ และสีขาวให้สมจริง เราก็จะได้ภาพสีปกติออกมา

 

DSCF7210-contactsheet 20jul2012

แค่นี้เราก็ได้ภาพคอนแท็คปริ๊นท์ที่ดูคลาสิคมากออกมา  เราสามารถปริ๊นท์ภาพนี้เก็บไว้เป็นภาพโชว์ได้เลย  ขนาดภาพของคอนแท็คปริ๊นท์ในอดีตจะใหญ่เท่าจริง คือฟิล์มเรามาใหญ่แค่ไหน คอนแท็คปริ๊นท์แท้ๆก็จะใหญ่เท่านั้น

คราวนี้เราจะมาสแกนบางภาพที่เราต้องการบ้าง  บางภาพที่เราต้องการนี้ก็อาจจะเป็นภาพที่เราตั้้งใจจะโพสท์หรือตั้งใจจะเอาไปอัดขยายให้ใหญ่  เราก็จะทำการถ่ายฟิล์มที่ต้องการแค่ภาพเดียว ซึ่งการถ่ายฟิล์มแค่ภาพเดียวเราจะต้องใช้เลนส์มาโคร เพื่อให้สามารถถ่ายภาพฟิล์ม 1 ภาพให้ใหญ่เกือบเต็มเฟรมของกล้องดิจิทัล

IMG_0284

ภาพที่ถ่ายได้จากเลนส์มาโครจะทำให้เราได้ชิ้นฟิล์มค่อนข้างใหญ่  จริงๆเราสามารถใช้เลนส์มาโครระดับ 1:1 เพื่อถ่ายชิ้นฟิล์มได้ใหญ่กว่านี้  แต่ผมชอบภาพที่เห็นรูหนามเตยของฟิล์ม เพราะทำให้ภาพดูน่ามอง ดูเท่ห์กว่า  ก็เลยถ่ายแบบให้เห็นขอบฟิล์มเยอะหน่อย   จากนั้นก็เอาภาพมากลับสีด้วยคำสั่ง invert ในโปรแกรมโฟโต้ช็อป ซึ่งถ้าใครถนัดโปรแกรมอื่น หรือ ถนัดใช้ app ในมือถือ ก็แล้วแต่สะดวก  เมื่อกลับสีแล้วก็จัดการปรับค่าดำ ค่าขาว ในภาพให้ดูสมจริง ดูเป็นภาพขาวดำปกติ

IMG_0284bw

ออกมาได้แบบนี้เลย  ภาพลูกชาย วันแรกที่เกิด  ฟิล์ม lucky กล้องไลก้า minilux ล้างฟิล์มเอง สแกนเอง ภูมิใจเอง

 

ความผิดพลาดที่น่าดู

ประมาณปี คศ 2004 ผมยังคงไม่ได้ใช้กล้องดิจิทัลใดๆ  และยังสนุกกับการหัดถ่ายภาพในรูปแบบต่างๆ  นอกจากงานภาพขาวดำที่ผมพยายามเรียนรู้จนเข้าใจกระบวนการแล้ว  การถ่ายภาพด้วยฟิล์มใหญ่ขนาด 6x6cm ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่อยู่ในความสนใจของผม  เพราะการถ่ายภาพแฟชั่นในระดับอาชีพจะใช้ฟิล์มประเภทนี้เสมอ  แต่ผมไม่มีเงินพอจะซื้อกล้องแพงๆเหล่านั้นได้  เพราะต้องจ่ายเกือบแสน  แต่ผมก็ดั้นด้นไปหากล้องเก่าโบราณมาเล่นจนได้  

 

กล้องตัวนี้ใช้ฟิล์ม 6x6cm หรือฟิล์ม 120 (ตามที่ในวงการถ่ายภาพเขานิยมเรียกัน  ส่วนกล้องทั่วไปใช้ฟิล์มเล็กจะเรียกว่า 135)  การใช้งานกล้องโบราณตัวนี้จะมีโอกาสผิดพลาดสูง  ตั้งแต่การใส่ฟิล์ม  การเลื่อนฟิล์ม  และการเอาฟิล์มออกจากกล้อง  การถ่ายภาพแต่ละครั้งเมื่อถ่ายไปแล้วจะต้องหมุนฟิล์มให้เคลื่อนที่ไป  ฟิล์มส่วนที่ถ่ายไปแล้วจะขยับออกจากช่องรับภาพ  กล้องสมัยใหม่(สำหรับช่วงเวลานั้น)จะออกแบบให้ถ่ายแล้วง้างคานขึ้นชัดเตอร์เพื่อเลื่อนฟิล์ม  ถ้าไม่เลื่อนฟิล์ม ปุ่มชัดเตอร์จะกดไม่ลง  เป็นการออกแบบไม่ให้ถ่ายภาพซ้อนลงไปบนฟิล์มเดียวกัน  แต่กล้องโบราณที่ผมใช้  กลไกมันอยู่ตัวใครตัวมัน  หมายความว่า จะเลื่อนหรือไม่เลื่อนฟิล์ม  ปุ่มชัตเตอร์ก็ยังคงทำงานได้เหมือนเดิม  ถ้าเราลืมเลื่อนฟิล์ม  แล้วกดชัตเตอร์ซ้ำลงไป  ภาพก็จะซ้อน  ตามรูปที่เห็นนี่แหละ  แต่ภาพนี้กลับกลายเป็นดี  ตอนถ่ายภาพแรก  ผมให้เพื่อนช่วยถ่ายให้  ผมเล็งองค์ประกอบให้เพื่อนดู แล้วก็ไปยืนในภาพ  ให้เพื่อนช่วยกดถ่ายภาพให้  จากนั้นก็เดินเล่นไปดูมุมอื่นๆในสวนสาธารณะ  แล้วผมก็ไปเจอภาพดอกไม้กลุ่มหนึ่งรู้สึกว่าน่าถ่ายเก็บไว้  ก็เลยเล็งดอกไม้แล้วถ่ายไปเลย  ตอนล้างฟิล์มออกมาถึงจะรู้ว่าภาพซ้อนกัน  สาเหตุที่ซ้อนก็เพราะถ้าผมเป็นคนถ่ายเอง  เมื่อกดชัตเตอร์ไปแล้วผมก็จะเลื่อนฟิล์มทันที  ภาพต่อไปจะได้ไม่ซ้อน  แต่พอให้เพื่อนช่วยถ่ายให้  เพื่อนไม่รู้เรื่องก็ถ่ายให้อย่างเดียว  ไม่ได้เลื่อนฟิล์มให้  ผมก็ลืมที่จะเลื่อนฟิล์มให้ทันทีที่ได้รับกล้องคืนจากเพื่อน  พอลืม  ก็นึกว่าได้ทำไปแล้ว  เจอเหตุการณ์หรือมุมสวยๆถัดไปก็ถ่ายไปทันที  มันก็ซ้อนด้วยประการฉะนี้….

  แต่ภาพนี้ก็เป็นภาพถ่ายตัวเองที่ผมชอบที่สุดตั้งแต่หัดถ่ายรูปมา  อาจจะเพราะมันดูไม่ค่อยชัดเลยดูดีกว่าสภาพจริง ยังคงเก็บฟิล์มชิ้นนี้เอาไว้  กะว่าวันหนึ่งอาจจะเอาออกมาขยายติดฝาบ้าน