ลองปรับภาพให้ได้โทนเท่ห์ๆแบบฝรั่ง

ภาพนี้เป็นภาพสมัยที่ลูกผมอายุ 3 ขวบ และบ้านเราก็หอบหิ้วกันไปเที่ยวญี่ปุ่น ลูกตัวเล็กน่ารัก กำลังนั่งมองการ์ตูนในแท็บเบล็ตที่เราพกไว้สำหรับใช้ถ่วงเวลา เวลาที่งอแงหรือกินอะไรยากเย็น แสงสว่างตอนเช้าส่องเข้าที่หน้าต่าง แดดยังไม่แรง ความสว่างในระยะเริ่มต้นวันใหม่กำลังสวย เลนส์ efm 22f2 เป็นเลนส์ที่ใช้อยู่บนกล้อง canon eos m1 ซึ่งเป็นกล้อง mirrorless รุ่นแรกของ canon

ผมถ่ายภาพนี้ด้วย setting แบบ jpg+raw และตั้งค่าการถ่ายเป็น Av f2 ตั้งค่าให้กล้องไม่ต้องชดเชยขอบมืด เพราะเจตนาอยากได้ภาพที่ขอบมืดเล็กน้อย กลางภาพสว่างจะดูเด่นขึ้น ส่วนค่า White balance ก็ตั้งไว้ที่ Auto ซึ่งกล้องก็ทำงานได้ภาพที่ดี รูรับแสง F2 ทำให้นายแบบดูคมชัดและด้านหลังที่เป็นกำแพงก็ดูเบลอไปเล็กน้อย ชัดตื้นระดับแค่คนชัดข้างหลังเบลอเป็นลักษณะภาพที่สวยและต้องการอุปกรณ์ที่ดีระดับหนึ่ง เพราะหากเป็นเลนส์ที่รูรับแสงไม่กว้างมากก็ยากที่จะได้ภาพที่มีความเบลอด้านหลังแบบนี้

IMG_8995
dpp-japan2015t-IMG_8995

ในตอนเดินทางเราพบเหตุการณ์อะไร มีอะไรน่าสนใจ เราก็ถ่ายภาพเก็บไว้เรื่อยๆตลอดทริป และทริปนี้ก็เป็นทริปที่ผมพกกล้องและเลนส์ไปตัวเดียว ชุดเดียวถ้วน ไม่มีสำรอง ไม่มีเลนส์เปลี่ยน เนื่องจากการเดินทางข้ามประเทศพร้อมลูกเล็กและรถเข็นเด็กก็ทำให้มีข้าวของพะรุงพะรัง ทำให้ไม่อยากพกอุปกรณ์กล้องไปเยอะ ผมไม่มีแม้แต่กล้องสำรอง คิดเพียงว่าถ้ากล้องพัง กล้องเสีย หรือ กล้องหาย ก็ซื้อใหม่ที่ญี่ปุ่นไปเลย

เมื่อกลับมาเมืองไทย และเวลาผ่านไปสักพัก ผมก็เปิดดูภาพชุดนี้อยู่เรื่อยๆ และหลายปีต่อมา ก็ทดลองเอามาปรับสีเล่นเพื่อให้ดูคล้ายๆกับแนวทางของช่างภาพเมืองฝรั่งดูบ้าง เพราะภาพแนวสตรีทหรือแนวชีวิตผู้คนก็มักจะมีโทนสีหม่นๆ หรือ อมเขียว อมฟ้าอย่างบอกไม่ถูก กำแพงห้องที่เป็นสีโทนขาว ในหนังอาร์ต หรือหนังฮอลีวู้ดบางเรื่องก็ถ่ายออกมาอมเขียวรุนแรงมาก ผมก็เลยคิดว่า ถ้าเราปรับโทนของภาพ ให้โทนขาวเทาดำมีความเจือปนสีเขียวเล็กน้อยจะเป็นอย่างไร ก็เลยออกมาเป็นภาพเหล่านี้

ภาพโทนอมฟ้าอมเขียวเป็นสิ่งที่ได้รับความนิยมมากขึ้นตามกระแสกล้องฟิล์มที่ฮิตมากอย่างน่าประหลาดใจในช่วงหลายปีก่อน ฟิล์มที่ไม่มีคนสนใจเริ่มถูกซื้อไปถ่ายเล่น กล้องเก่าเริ่มขายดี ฟิล์มถ่ายภาพจากม้วนละไม่ถึงหนึ่งร้อยบาท กลายเป็นสองร้อย สามร้อย และในปีนี้ คศ 2023 ฟิล์มสีม้วนละ 550 บาทไปแล้ว การลองย้อนไปถ่ายฟิล์มเพื่อให้ได้โทนสีแบบฟิล์มก็ดูจะเป็นเรื่องสิ้นเปลืองอยู่ไม่น้อย ดังนั้น ดิจิทัลที่นอนนิ่งอยู่ในคอมพิวเตอร์ก็ลองเอามารับเล่นดูดีกว่า เลยเกิดเป็นภาพอมเขียว อมฟ้า เล็กน้อยแบบนี้

โพสท์แบบ compare

เทคนิคการปรับสีภาพ Raw ด้วยกล้อง

การถ่ายภาพนอกจากองค์ประกอบที่ดีแล้ว เราก็ยังสามารถพิถีพิถันกับสีของภาพถ่ายได้ด้วย ซึ่งภาพถ่ายสีสวยที่เราได้พบเห็นในเว็บโชว์รูป หรือ แม้แต่ภาพในหนังสือต่างๆ ก็มักจะได้รับการปรับแต่งมาแล้ว เพื่อให้ภาพมีสีสันที่ถูกใจหรือตรงกับสิ่งที่ต้องการมากที่สุด

การปรับภาพขของกล้องดิจิทัลจะนิยมถ่ายภาพเป็นไฟล์ชนิด raw ซึ่งเป็นภาพดิจิทัลไฟล์แรกสุดที่เกิดขึ้นในกล้อง ไฟล์ชนิดนี้จะถูกส่งต่อไปยังโปรแกรมปรับแต่งเพื่อทำการปรับปรุง เปลี่ยนแปลง และโปรแกรมที่ได้รับความนิยมมากๆในวงการถ่ายภาพก็คือ Lightroom ของบริษัท Adobe ซึ่งก็คือบริษัทที่เป็นเจ้าของ photoshop นั่นเอง

แต่ขณะเดียวกัน ความนิยมของนักถ่ายภาพสมัครเล่นและคนที่ไม่ได้มีอาชีพเกี่ยวกับการถ่ายภาพโดยตรงก็จะนิยมใช้โปรแกรมในโทรศัพท์มือถือ อย่าง snapseed ซึ่งเป็นของบริษัท google และโปรแกรมปรับแต่งภาพสีของ VSCO ที่ได้รับความนิยมอยู่พอสมควร

ยังคงมีโปรแกรมปรับแต่งสีสันจากไฟล์ raw อีกตัวหนึ่งที่แถมมากับกล้องทุกตัวที่ถ่ายภาพชนิดนี้ได้ก็คือโปรแกรมจากค่ายกล้อง อย่าง canon ก็จะมีโปรแกรมชื่อ DPP ซึ่งเป็นโปรแกรมที่สามารถแปลงไฟล์ raw ให้เป็น jpg ด้วยค่าสีสารพัด มีความหลากหลายให้เลือกใช้มากมาย และคุณภาพของ DPP ก็ดีจนช่างภาพให้การยอมรับ

แต่ในบทความนี้จะแนะนำการปรับ raw ไฟล์เป็น jpg ที่มีมาให้ในกล้อง ซึ่งทำให้เราไม่ต้องลงซอร์ฟแวร์เพิ่มเติมเลย และสะดวกมาก เนื่องจากเราสามารถทำการแปลงค่าได้จากหลังกล้อง และมีความยืดหยุ่นในการปรับแต่งที่มากพอใช้งานเลย

IMG_20201108_105017

เมนูที่จะเข้าไปปรับไฟล์ raw ของกล้อง canon ก็คือ ส่วนที่มีชื่อว่า RAW image processing

IMG_20201108_105153

ซึ่งเมื่อเข้าไปแล้วจะไปพบกับภาพที่เราถ่ายด้วยไฟล์ชนิด raw ที่แสดงขึ้นมา หากต้องเการเข้าไปรับแต่งเพื่อแปลงไฟล์ก็กดปุ่ม set เพื่อเข้าสู่เมนูกาปรับแต่งเลย

IMG_20201108_105206

ที่เมนูการปรับแต่ง จะมีหลายค่าให้เราปรับ ตั้งแต่ความสว่าง ไว้บาล้านท์ สไตล์สี การปรับค่าไดนามิคเร้นจ์ การลดน้อยส์ … ให้เราค่อยๆดูไปทีละเมนู แต่ละเมนูจะมีคำอธิบายที่เข้าใจง่ายด้วย

IMG_20201108_105229

จุดที่ผมชอบปรับจากเมนูนี้จะมี 2 ส่วน หรือส่วนที่เป็น WB หรือไว้ท์บาล้านท์ ซึ่งทำให้เราเปลี่ยนลักษณะสี ลักษณะสีขาวในภาพได้ โดยเลือกเป็นค่าที่ให้สีที่ชอบ และถ้ายังไม่ถูกใจ เราสามารถเลือกอุณหภูมิสีหรือ WB เป็นตัวเลขเคลวินได้ และสภาพแสงในภาพนี้ผมเลือกค่าเป็น เคลวินไว้ที่ 4100K

ส่วนอีกเมนูหนึ่งที่ชอบใช้ก็คือ เมนู Peripheral illumin. correct ซึ่งเป็นเมนูการปรับค่าแสงที่กลางภาพและขอบภาพให้เท่ากัน เนื่องจากธรรมชาติของเลนส์จะให้แสงตกตรงกลางภาพมากกว่าขอบภาพ หากไม่แก้ไข แสงจะสว่างที่กลางภาพ และจะมืดที่ขอบภาพ กล้องดิจิทัลทุกตัวจะแก้ไขโดยการปรับค่าแสงสว่างที่ขอบภาพให้สว่างเท่ากลางภาพ ก็คือมีการใช้งานหรือ enable การปรับแสงนี้เอาไว้ ผมก็เลยเข้าไปปิด ตั้งเป็น disable ปล่อยให้ภาพมีความมืดที่ขอบภาพไป เพราะหลายครั้งที่ปรับแต่งภาพด้วยซอร์ฟแวร์อื่นๆ ผมก็ชอบปรับให้ขอบภาพเข้มกว่ากลางภาพเล็กน้อย เพื่อให้ภาพดูสวยถูกใจ (แต่ไม่ถูกต้อง)

20201107203849_IMG_0051
ภาพต้นฉบับ jpg ที่ได้จากกล้องเมื่อถ่ายภาพด้วยโหมด Raw+jpg และมีการตั้งค่า WB เป็นแบบ Auto
IMG_20201107_213615
ภาพที่ใช้กล้องแปลงค่า raw โดยปรับตั้งค่า WB ไปเป็น 4100เคลวิน และปรับ illumin เป็น disable คือปล่อยให้ขอบภาพมืดกว่ากลางภาพ หลังจากได้ภาพที่ปรับแล้วก็ส่งออกมาเก็บไว้ในโทรศัพท์ และอัพโหลดไปเก็บไว้ใน cloud เรายังคงสามารถปรับภาพต่อในโทรศัพท์ หรือ ใช้ตัวปรับภาพของ cloud ได้อีกตามใจ
IMG_20201107_213615
ภาพที่ปรับแต่งสีเสร็จแล้ว ก็เซพไฟล์ออกมาเป็น jpg แล้วก็นำมาคร็อปภาพอีกนิด ปรับสีอีกเล็กน้อย ปรับมุมเอียงอีกหน่อยเพื่อให้ภาพตรง ซึ่งภาพที่ตรงจะให้ภาพที่ดูสบายตามากกว่า

ดูจากภาพตัวอย่างเราก็จะได้สไตล์สีที่ปรับออกมาแล้วถูกใจเรามากกว่าภาพแรก การปรับแต่งภาพถ่ายนี้ไม่ถือว่าเป็นเรื่องของคนฝีมือไม่ดี ช่างภาพที่เก่งไม่ใช่ช่างภาพที่ไม่ปรับ แต่ความเก่งของช่างภาพที่แท้จริงก็คือ รู้วิธีที่จะได้ภาพที่ต้องการ หากภาพที่ต้องการจะต้องปรับ ก็ปรับเพื่อผลลัพธ์นั่นเอง และหากใครยังคงยืดถือว่าการถ่ายแบบไม่ปรับแต่งเลยคือวิธีการที่สุดยอด จะขอให้ลองทบทวนดูว่า ก่อนจะไปถึงคำว่าแต่งภาพ เราแต่งภาพทางอ้อมและมีผลต่อภาพอย่างไรบ้าง ถ้าเป็นงานฟิล์มเราแต่งภาพตั้งแต่เราเลือกฟิล์มบางตัว ไม่ใช่ฟิล์มอะไรก็ได้ เราเลือกเลนส์บางตัว ไม่ใช่เลนส์อะไรก็ได้ เราเลือกร้านล้างอัดบางร้าน ไม่ใช่ว่าทุกร้านจะทำงานได้เหมือนกัน เราเลือกสแกนเนอร์บางตัว ไม่ใช่สแกนเนอร์อะไรก็ได้ จะเห็นว่า เราปรับแต่งตั้งแต่เราเลือกอุปกรณ์แล้ว ส่วนฝั่งดิจิทัลก็ไม่ได้แตกต่างกัน เราเลือกยี่ห้อกล้องเพราะบุคคลิกสีบางอย่าง เราเลือกของแพงมากกว่าของถูกเพราะรู้ว่าคุณภาพไม่เหมือนกัน เราเลือก เลือก เลือก นั่นคือเราปรับภาพตั้งแต่ก่อนจะเห็นภาพแล้ว