โรงพิมพ์จอมทอง
Tag Archives: printing
งานพิมพ์สติ๊กเกอร์ด้วยเทคนิค letterpress
การพิมพ์ด้วยเทคนิค letterpress นอกจากจะพิมพ์บนกระดาษทั่วไปแล้ว ยังสามารถพิมพ์บนสติ๊กเกอร์ได้ด้วย ลูกค้าท่านหนึ่งทำสินค้าขาย online และอยากมีสติ๊กเกอร์ที่พิมพ์ด้วยระบบ letterpress เราก็เลยจัดทำให้ตามที่ต้องการ งานพิมพ์ 1 สี ต้องใช้วิธีผสมสีพิเศษ เพื่อให้ได้ค่าสีที่ตรงกับ pantone ที่ลูกค้าเลือก เสร็จจากขั้นตอนการพิมพ์แล้ว จะรอแห้งอยู่ 1 วัน แล้วจึงค่อยนำไปปั๊มได้คัท เพื่อให้สติ๊กเกอร์ฉีกใช้งานได้ง่ายขึ้น
เอาสติ๊กเกอร์แช่น้ำ
สติ๊กเกอร์ที่เราผลิต เราใช้ระบบหมึกที่ไม่ละลายน้ำ ทำให้สติ๊กเกอร์ของเราสามารถโดนน้ำได้ เปียกน้ำได้ ลงน้ำได้ แช่น้ำได้ เหมาะกับงานติดกล่องอาหาร ข้อมูลที่อยู่บนสติ๊กเกอร์ไม่เลอะเลือน ไม่ละลายน้ำ
ติดต่อ วุฒิชัย โทร 0819373130
email:pockethifi@gmail.com
line:pockethifi
หัดทำข่าวที่ kidzania
เวิร์คช็อปหนึ่งที่น่าสนใจใน Kidzania ซึ่งเป็นสนามเด็กเล่นระดับหรูหราของคนเมืองก็คือ การทำงานสำนักข่าว หรือสำนักพิมพ์ โลกของสิ่งพิมพ์เมื่อ 20ปีที่แล้วเป็นยุครุ่งเรืองของธุรกิจสิ่งพิมพ์ โรงพิมพ์และสำนักพิมพ์เฟื่องฟูมาก สำนักข่าวเป็นอาชีพที่เท่ห์และสนุก ช่วงวัยรุ่นของผมที่ต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัยด้วยการสอบเอนทรานซ์ คณะ นิเทศศาสตร์ และ วารสารศาสตร์ คือหัวแถวของนักเรียนที่ต้องการมีอาชีพในวงการสื่อมวลชน เด็กที่เรียนคณะนี้จะต้องฝึกฝนถ่ายรูปด้วย เพราะเพื่อนผมที่เรียนอยู่วารสารฯเขาถ่ายรูปเก่ง และมีอาชีพรับจ้างถ่ายภาพด้วย โดยเฉพาะงานรับปริญญาที่บัณฑิตที่จบการศึกษาต่างก็ใช้เงินกับการถ่ายภาพจำนวนมากเกือบเท่าเงินเดือนเดือนแรก ส่วนผม สนใจงานสื่อและงานถ่ายภาพเหมือนกัน แต่ผมเรียนวิศวะ
สิ่งพิมพ์ตัวแรกที่ผมเคยทำคืองานทำป้ายโปสเตอร์ของโรงเรียน ผมทำในสมัยเรียนมัธยมปลาย ยุคนั้นที่เราต้องใช้การตัดแปะตัวหนังสือลงบนกระดาษใบใหญ่ๆ ไม่มีคอมพิวเตอร์ให้ใช้เหมือนปัจจุบัน เพราะคอมพิวเตอร์ที่พอจะทำงานสิ่งพิมพ์ได้จะมีราคาแพงกว่ารถยนต์ คนออกแบบจะต้องแนบภาพถ่ายไปกับกระดาษอาร์ตเวิร์ค แล้วบอกโรงพิมพ์ว่า เอาภาพวางในช่องนี้ แล้วโรงพิมพ์ก็จะจัดการเอาภาพไปแยกสี ทำเป็นเพลทสำหรับพิมพ์ในโรงพิมพ์ พอได้โปสเตอร์ออกมาเป็นกระดาษก็ถือว่าจบขั้นตอนการทำสื่อสิ่งพิมพ์ ซึ่งผมก็คิดไปเองว่านี่แหละคือส่วนหนึ่งในอาชีพสื่อสารมวลชน

ผ่านมายุคอินเทอเน็ต สื่อสิ่งพิมพ์เปลี่ยนรูปแบบ โรงพิมพ์ของสำนักข่าวปิดตัวไปตามๆกัน หนังสือพิมพ์ขายไม่ออก จากที่เคยมีหนังสือพิมพ์นับสิบยี่ห้อบนแผงหนังสือก็เหลือแค่2-3 รายเท่านั้น และแผงหนังสือก็หายไปจากข้างถนนแล้วด้วย ยี่สิบปีที่แล้วหากผมต้องการซื้อหนังสือพิมพ์ 1 เล่ม ภายใน 10 นาที ไม่ว่าจะนั่งรถ หรือ เดิน ผมจะสามารถไปถึงแผงหนังสือใกล้บ้านแล้วซื้อหนังสือพิมพ์ได้แน่ๆ แต่ปัจจุบันนี้ ให้นึกว่าต้องไปซื้อที่ไหนก็นึกไม่ออกแล้ว แต่สิ่งที่ไม่หายไปไหนคือ นักสื่อสารมวลชนที่ยังคงต้องผลิตรายการ หรือผลิตเนื้อหาอยู่ แต่ไม่ได้พิมพ์ออกมาเป็นกระดาษมากเหมือนเดิม สำนักข่าวบางแห่งทำแต่เนื้อหาให้อ่าน online เท่านั้น

การที่เด็กคนหนึ่งจะได้ฝึกทำหนังสือพิมพ์จริงๆเป็นเรื่องยาก แต่เวิร์คช็อบเล็กๆในแหล่งการเรียนรู้อย่าง Kidzania กลับมีเวทีให้ลองทำ เด็กรุ่นนี้น่าอิจฉาที่มีพื้นที่ให้ลองเล่น แถมไม่ใช่การลองแบบที่มีแต่เปลือกแบบการเล่นเป็นพนักงานดับเพลิง นั่งรถเหมือนสวนสนุกไปดับไฟปลอมๆ แต่การทำข่าวเป็นขั้นตอนจริงเลย คนออกแบบกิจกรรมนี้น่านับถือ
จากการชะเง้อมอง และ เดินตามไปดูว่าเด็กต้องทำอะไรบ้างก็เล่าได้คร่าวๆว่า พี่เลี้ยงที่นำกิจกรรมนี้จะให้เด็กได้ทำข่าว 1 ชิ้น เป็นเรื่องอะไรก็ได้ ต้องมีการตั้งประเด็นขึ้นมาว่าจะทำข่าวเรื่องอะไร ต้องจดคำถามออกมาก่อนว่าจะถามอะไรบ้าง และก็ให้ไปถ่ายรูป ไปสัมภาษณ์ นำภาพที่ได้มาวางในหน้าหนังสือพิมพ์ ข้อมูลสัมภาษณ์ต้องจดกลับมา แล้วนำข้อมูลมาเขียนประกอบภาพ

กิจกรรมนี้ไม่ได้เป็นแค่การได้เล่นกล้องถ่ายภาพ และพิมพ์ภาพจากเครื่องพิมพ์ แต่ต้องมีการจดสรุปคำถาม จดคำตอบ เรียบเรียงเป็นข้อความประกอบภาพ มันเป็นการฝึกฝนที่ครบถ้วนดี และไม่ยากเกินไปสำหรับเด็ก เมื่องานครบถ้วน พี่เลี้ยงก็จะพิมพ์ออกมาเป็นกระดาษ หน้าตาเหมือนหนังสือพิมพ์ ข้อมูลที่เด็กเลือกทำจะอยู่ในกระดาษใบนี้ ดูสวยงามและน่าสนุก

กิจกรรมนีใช้เวลาประมาณ 20 นาที เหมาะสำหรับเด็ก 6 ขวบขึ้นไปที่พอจะอ่านหนังสือออกบ้าง แต่ถึงอ่านและพิมพ์ข้อความเองไม่ได้ ก็เชื่อว่าพี่เลี้ยงจะทำส่วนนี้ให้ สิ่งสำคัญก็คือการได้คิดเลือกเนื้อหาเองว่าจะทำอะไร และต้องฝึกตั้งคำถามด้วย ผมคิดว่าถ้าเด็กที่โตสักหน่อยและอ่านออกเขียนได้จะได้ประโยชน์เต็มที่ ได้รู้ว่าอาชีพนักข่าวต้องทำอะไรบ้าง แม้จะเป็นแค่เรื่องเล่นๆ แต่มันก็จำลองมากจากของจริง

แม้ว่าค่าเข้า Kidzania จะแพง อาหารในนั้นก็แสนจะแพง ไม่สามารถเอาน้ำและอาหารจากข้างนอกเข้าไปได้ และ ค่าจอดรถที่พาราก้อนก็แพงมากเนื่องจากต้องจอดนาน เพราะมาตั้งแต่เช้าตอนห้างเปิด เล่นจนคุ้มแล้วออกมาฟ้าก็มืดแล้ว บิลจอดรถบอกเวลาว่าผมจอดรถไป 10 ชั่วโมง 26 นาที ทุกอย่างแพง แต่ก็ยังอยู่ในระดับที่จ่ายไหว สิ่งที่ได้นอกจากความสนุกของเด็กแล้ว ยังได้โอกาสในการฝึกฝนและสัมผัสกับอาชีพได้มากกว่าจินตนาการ แต่ถามว่าให้ไปบ่อยๆเอาไหม ไม่เอาครับ เพราะกิจกรรมบางอย่างมันเล่นครั้งเดียวก็พอรู้ ไม่จำเป็นต้องซ้ำ

ภาพเครื่องพิมพ์น่ามอง
BNI คืออะไร
BNI คือองค์กรที่เป็นที่รวมกลุ่มของนักธุรกิจเพื่อทำธุรกิจร่วมกัน นักธุรกิจแต่ละคนจะเข้าเป็นสมาชิกในกลุ่มแล้วทุกคนจะช่วยกันหาลูกค้าให้เพื่อนสมาชิกด้วยกัน เราหาให้เพื่อน เพื่อนหาให้เรา เปรียบไปก็เหมือนเรามีเซลส์ช่วยขายเท่ากับจำนวนสมาชิกในกลุ่มของเรา และอาจจะมีเซลส์มากขึ้นหากเราติดต่อกับเพื่อนกลุ่มอื่นๆ ซึ่งสมาชิกในประเทศไทยมีอยู่ประมาณ 1933 คน สมาชิกทั่วโลกมีอยู่ 227,000 คน (ข้อมูลปี คศ.2019)
ลองไปอ่านข้อมูลของ BNI กลาง http://www.bni.com/
ส่วน BNI ประเทศไทยก็ที่นี่ http://bnithailand.com/en-TH/index
BNI มาจากอเมริกา เข้ามาในไทยเมื่อปี คศ 2006 โดยคุณ Mr. Kollakit Thalerngnawachart ในไทยมีกลุ่มของ BNI อยู่หลายกลุ่ม แต่ละกลุ่มจะมีจำนวนสมาชิกไม่เท่ากัน บางกลุ่มขนาดใหญ่มีคนเยอะ บางกลุ่มขนาดเล็กเพราะคนยังไม่มาก กลุ่ม Heritage เป็นกลุ่มแรกที่เกิดขึ้นพร้อมกับ BNI ประเทศไทย
กิจกรรมในกลุ่มมีมากมาย แต่วัตถุประสงค์หลักก็คือการรวมตัวกันทำธุรกิจ ต่างคนต่างช่วยเพื่อนทำธุรกิจ แนะนำลูกค้าให้เพื่อน สมาชิกในกลุ่มจะมีธุรกิจไม่ซ้ำกัน ลูกค้าของแต่ละคน อาจจะใช้สินค้าและบริการจากหลายแหล่ง การส่งต่อลูกค้าของเราให้ไปซื้อสินค้าและบริการอื่นๆที่เราไม่ได้ทำจากเพื่อนในกลุ่มเป็นการช่วยเพื่อนทำธุรกิจ เราส่งลูกค้าเราให้เพื่อน เพื่อนส่งลูกค้าให้เรา เรากับเพื่อนไม่ได้แย่งกันขายของเพราะธุรกิจคนละอย่างกัน ทุกคนได้ประโยชน์ร่วมกัน เรากับเพื่อนได้ธุรกิจ ลูกค้าของเราได้สินค้าและบริการที่หลากหลาย
สมาชิกในกลุ่มจะประชุมร่วมกันสัปดาห์ละ 1 ครั้ง กลุ่ม heritage จะประชุมวันอังคาร 7.00 น. ในการประชุมจะมีการแจ้งข่าวสาร และให้สมาชิกพรีเซ้นธุรกิจของตัวเอง 1 นาที ผู้ที่เข้าประชุมจะประกอบไปด้วยสมาชิก และ Visitor ซึ่ง visitor จะเป็นคนที่สนใจอยากมาเข้าร่วมเพื่อเป็นสมาชิก หรือ มาเพื่อช็อปปิ้งสินค้าและบริการจากสมาชิกในกลุ่ม ซึ่งผู้เป็น Visitor ก็จะได้รับสิทธิ์ที่จะพูดเพื่อขายของหรือพรีเซ้นธุรกิจของตนเองเช่นกัน ผมเองก็เป็นสมาชิกในกลุ่ม Heritage เข้ามาในกลุ่มด้วยธุรกิจโรงพิมพ์
ถ้าอ่านมาถึงตรงนี้ก็จะพอเข้าใจภาพรวมของกลุ่มธุรกิจ BNI ว่ามีที่มาที่ไปและทำอะไรกัน หากท่านอยากใช้สินค้าและบริการในกลุ่ม Heritage ก็ลองติดต่อสมาชิกในกลุ่มดูสักคน หากท่านอยากช็อปปิ้งแบบมาครั้งเดียว เจอซัพพลายเออร์เต็มไปหมดเลย ซึ่งเป็นการประหยัดเวลา ก็ขอเชิญมาเป็น Visitor ในการประชุมประจำสัปดาห์ ครับ แต่ว่า เราจะประชุมกันตอนเช้า 7.00 น. วันอังคาร เช้ามาก ตื่นลำบาก แต่มันมีข้อดีคือ เราประชุมเสร็จ เราแยกย้ายกลับไปทำงาน ไปดูแลบริษัทตัวเองต่อได้ครับ ไม่เสียงาน
ติดต่อทีมงานของผม ฝากชื่อและอีเมลไว้ได้ครับ
Your message has been sent
สิ่งพิมพ์ที่กำลังจะหายไป

กองกระดาษในโรงพิมพ์ ภาพนี้เป็นภาพแรกๆที่ขายออก แล้วก็มีขายซ้ำบ้าง กองกระดาษสีประหลาดนี้เป็นกระดาษสีหลายสีที่เรียงตัวกันอยู่ในงานใบเสร็จรับเงิน กระดาษแต่ละชั้นจะทำหน้าที่เป็นต้นฉบับ เป็นสำเนาหลายชุด และมีใบติดเล่มด้วย การซื้อขายในอดีตใช้แบบฟอร์มใบเสร็จรับเงินรูปแบบนี้ ใช้ปากกาเขียน ใช้มือฉีกเป็นชุดออกมา แต่ยุคใหม่ๆหลายคนหันไปใช้แบบฟอร์มต่อเนื่อง สั่งพิมพ์ผ่านคอมพิวเตอร์ กระดาษต่อเนื่องมาเป็นกล่อง ต้องใช้เครื่องพิมพ์หัวเข็มในการพิมพ์เพื่อให้เกิดสำเนาในชั้นที่ 2 3 4 5 จะมีกี่ชั้นก็ตามที่บริษัทต้องการ แต่ที่แน่ๆ ระบบกระดาษแบบมือฉีก เขียนด้วยปากกาจะค่อยๆหายไป และแบบฟอร์มต่อเนื่องก็จะหายไปตามกันในที่สุด ด้วยการมาของอินเทอเน็ตที่ระบบจัดส่งใช้มือถือจดบันทึก จ่ายเงินโดยการโอนเข้าบัญชี ใบเสร็จรับเงินอาจไม่ต้องใช้อีก เพราะมีแบ็คอัพอยู่ในรูปแบบอิเล็คทรอนิกส์แล้ว
พิมพ์การ์ดแต่งงานด้วยระบบ letterpress
การ์ดแต่งงานเป็นตัวแทนของเจ้าบ่าวเจ้าสาวที่จะเชื้อเชิญแขกให้มาร่วมงาน บุคลิกของเจ้าบ่าวเจ้าสาวเป็นอย่างไรก็จะสะท้อนภาพแรกออกมายังการ์ดแต่งงานใบนี้ หลายคู่เลือกใช้การ์ดสำเร็จรูป แต่ก็มีบางคู่ที่อยากได้การ์ดแต่งงานที่แตกต่างออกไป
ในเมื่อการแต่งงานคือความทรงจำที่เกิดขึ้นครั้งเดียวในชีวิตของคนส่วนใหญ่ ไม่เคยมีใครวางแผนแต่งงานมากกว่าหนึ่งครั้งถ้าไม่จำเป็น ดังนั้นความทรงจำที่มีกับงานแต่งงานครั้งหนึ่งในชีวิตก็เป็นเรื่องราวที่ควรได้รับการออกแบบ ตั้งแต่รูปแบบการจัดงาน การเลือกชุด การเลือกสถานที่ การเลือกอาหาร การเลือกช่างภาพ การเลือกวงดนตรี การเลือกสิ่งต่างๆที่ประกอบอยู่ในงาน การ์ดแต่งงานก็เป็นสิ่งที่ควรได้รับการออกแบบอย่างปราณีตเพื่อเป็นความทรงจำอย่างแรกที่แขกจะมีต่อเจ้าภาพ และมันจะเป็นความทรงจำระยะยาวที่จะทำให้ผู้คนจดจำบ่าวสาวได้หากงานแต่งงานครั้งนี้มีอะไรบางอย่างที่น่าสนใจ หากงานแต่งงานครั้งนี้มีอะไรบางอย่างที่แตกต่างไปจากงานอื่นๆ
มีวิธีมากมายในการสร้างการ์ดแต่งงานขึ้นมา ตามแต่จินตนาการของเจ้าภาพและที่ปรึกษาของเจ้าภาพ ตำแหน่งที่ปรึกษาก็หมายถึงเพื่อนที่เคยแต่งงานมาแล้ว หรือ เพื่อนผู้ที่มีประสบการณ์ในการออกแบบและสั่งทำการ์ด และที่ปรึกษาอาจหมายถึงออแกไนเซอร์ที่ช่วยจัดงาน การ์ดแต่งงานที่ทำได้เร็ว และเป็นรูปแบบมาตรฐานที่พ่อแม่คุ้นเคยก็คือไปแถวๆพาหุรัด แล้วหาร้านขายของชำร่วยที่หน้าร้านมีบอกว่ารับพิมพ์การ์ดแต่งงาน แล้วก็บอกเขาว่าจะแต่งงานเมื่อไหร่ เขียนรายชื่อพ่อแม่สองฝ่าย สถานที่จัดงาน ชื่อบ่าวสาว และวันเดือนปี แล้วเลือกการ์ดจากแค็ตตาล๊อค แล้วก็จ่ายเงิน อีกสามถึงห้าวันมารับของได้ วิธีนี้จบ ได้การ์ด ได้ของชำร่วย เสียเวลาเดินทางแค่สองวัน คือวันแรกไปสั่งการ์ด วันที่สองตอนไปรับการ์ด เหมาะกับคนที่ไม่อยากคิดอะไร ไม่อยากเสียเวลา ราคาก็จะถูกที่สุดด้วย แต่การ์ดแบบนี้ อย่าคาดหวังว่าแขกจะเก็บไว้เป็นที่ระลึก เพราะไม่รู้ว่าอีกกี่สิบกี่ร้อยคู่ที่จัดงานปีเดียวกันก็ใช้การ์ดแบบนี้
การออกแบบการ์ดเองแล้วสั่งพิมพ์เองเป็นรูปแบบที่น่าสนใจ เพราะจะได้การ์ดที่แสดงตัวตนของบ่าวสาวได้ดี สามารถออกแบบให้ถูกหรือแพงก็ได้ การออกแบบและสั่งทำเองนี้จะมีสองแนวทางคือแนวง่ายและเร็ว กับแนวยากแต่เท่ห์สะใจ ซึ่งทั้งสองแนวทางนี้จะมีราคาค่าใช้จ่ายสูงกว่าการ์ดพาหุรัดเสมอ แนวง่ายและเร็วก็คืออาจจะเป็นการออกแบบแล้วทำอาร์ตเวิร์คด้วยโปรแกรมจัดหน้าในคอมพิวเตอร์ แล้วก็เอาไฟล์ไปให้โรงพิมพ์จัดพิมพ์ อาจจะพิมพ์การ์ดและซองไปด้วยเลย ขั้นตอนการพิมพ์ก็จะเป็นการพิมพ์ระบบอ๊อพเซ็ท โรงพิมพ์บางแห่งอาจจะเป็นระบบดิจิทัล ถ้าเป็นระบบอ๊อพเซ็ทอาจจะต้องใช้เวลาในโรงพิมพ์ประมาณ 7 วัน แต่ถ้าเป็นงานพิมพ์ระบบดิจิทัลก็อาจจะใช้เวลาประมาณ 1-2 วัน เพราะไม่ต้องเสียเวลาทำเพลท
ถ้าพ้นจากแนวง่ายและเร็วไปแล้วก็จะเป็นแนวยากแต่เท่ห์ นั่นก็คือเป็นการพิมพ์ในโรงพิมพ์เหมือนเดิม แต่จะเพิ่มขั้นตอนพิเศษเข้าไปด้วย คืออาจจะเป็นงานพิมพ์ระบบดิจิทัลก็ได้ ระบบอ๊อพเซ็ทก็ได้ แล้วเพิ่มขั้นตอนอย่างการปั๊มนูนที่โลโก้ แบบนี้ก็จะได้ความแปลกและน่าสนใจเพิ่มขึ้น อาจจะเพิ่มเทคนิคการปั๊มเงิน ปั๊มทองเข้าไปด้วยเพื่อให้ดูหรูเลิศขึ้นไปอีก อาจจะมีการเพิ่มเทคนิคการเคลือบผิวเข้าไป หรืออาจจะใช้เทคนิคการประกบกระดาษเพื่อเพิ่มความหนาให้รู้สึกหนามากจนดูเด่น ไม่ว่าจะเพิ่มเทคนิคอะไรเข้าไปก็จะเป็นการเพิ่มความดูดี ความน่าสนใจ และแน่นอนว่าราคาสูงขึ้น แต่ก็ได้มาซึ่งความเท่ห์ที่มากกว่าปกติ เหมาะกับบ่าวสาวที่ต้องการความพิเศษ ต้องการให้การ์ดดูแตกต่าง
ในช่วงไม่กี่ปีนี้มีการ์ดแต่งงานอีกรูปแบบหนึ่งที่ค่อยๆได้รับความนิยมขึ้นมา เป็นการ์ดที่มีลักษณะพิเศษกว่าการพิมพ์อ๊อพเซ็ท และระบบดิจิทัล นั่นก็คือการ์ดที่พิมพ์ด้วยเทคนิค Letterpress ซึ่งเป็นเทคนิคการพิมพ์ที่โบราณที่สุด เป็นระบบการพิมพ์ที่เกิดขึ้นมาหลายร้อยปีแล้ว แต่ได้มีการนำมาใช้กับงานพิมพ์ในรูปแบบใหม่ให้น่าดูยิ่งขึ้น ทำให้การ์ดลักษณะนี้มีความพิเศษ มีลักษณะเฉพาะตัวที่เลียนแบบได้ยาก
การพิมพ์ระบบ Letterpress คือการพิมพ์ด้วยแม่พิมพ์ที่มีความแข็ง แกะลายเป็นตัวหนังสือหรือรูปทรงต่างๆ แล้วนำไปป้ายด้วยหมึกพิมพ์ จากนั้นก็นำไปกดทับลงบนกระดาษ ลักษณะจะคล้ายกับการพิมพ์ตรายางที่เราคุ้นเคย แต่จะแตกต่างจากตรายางตรงที่ แม่พิมพ์ตรายางจะทำด้วยแผ่นยางติดไว้บนไม้ แต่แม่พิมพ์ Letterpress ที่พูดถึงนี้จะทำด้วยแผ่นเหล็กแทนยาง
ลักษณะเครื่องพิมพ์ที่จะพิมพ์ระบบ Letterpress จะมีหลักการคือ แม่พิมพ์จะยึดติดไว้กับแท่น แล้วมีลูกกลิ้งหมึกคอยพาหมึกมาทาบนแม่พิมพ์ แล้วก็มีหน่วยป้อนกระดาษที่จะพากระดาษไปสัมผัสกับแม่พิมพ์จนเกิดเป็นภาพ การ์ดแต่งงานที่พิมพ์ด้วยระบบนี้จะมีความละเอียดไม่มาก แต่จะมีลายเส้นที่มีน้ำหนักกดทับที่ชัดเจน เพราะเป็นการเคลื่อนกระดาษไปกดลงบนแม่พิมพ์ และการกดทับที่มากเป็นพิเศษจะทำให้งานพิมพ์ดูมีเสน่ห์ ซึ่งแตกต่างจากระบบการพิมพ์อ๊อพเซ็ทที่แทบจะไม่มีการกดทับให้กระดาษเป็นรอยเลย
การกดทับจนเกิดเป็นรอยลึก หรือรอยจมลงบนเนื้อกระดาษจะยิ่งมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้นหากเราใช้กระดาษที่หนาขึ้น กระดาษทั่วไปที่ใช้พิมพ์การ์ดเชิญรูปแบบต่างๆจะมีความหนาประมาณ 300 แกรม แต่การ์ดแต่งงานที่เราพยายามทำให้แตกต่างนั้นจะใช้กระดาษที่หนาเป็นพิเศษ นั่นคือเราเลือกใช้กระดาษชานอ้อยที่มีความหนาประมาณ 500-600 แกรม ความหนาของกระดาษชานอ้อยนี้เมื่อมองด้วยตาเปล่าแล้วน่าจะมีความหนาประมาณ 1-2 มิลลิเมตร นั่นหมายความว่ากระดาษชานอ้อยเป็นกระดาษที่หนามาก หนาจนไม่สามารถจะดัดโค้ง หรือพับงอได้
ลักษณะงานพิมพ์ Letterpress จะมีเนื้องานที่มีความดิบ รอยหมึกที่กดทับเป็นภาพหรือตัวหนังสือจะมีลักษณะไม่สม่ำเสมอ บางส่วนอาจจะดูแล้วเป็นเส้นบาง บางส่วนอาจจะดูแล้วเป็นเส้นหนา บางครั้งดูเหมือนเป็นตัวหนังสือขาดวิ่น ที่กล่าวมาล้วนเป็นเสน่ห์ของระบบการพิมพ์ Letterpress ความไม่เพอเฟ็คเหล่านี้เป็นบุคคลิกเฉพาะตัว ความหนาของกระดาษ และความลึกของรอยกดมันทำให้ผู้จับการ์ดรู้สึกว่ามันออกมาด้วยความตั้งใจ แน่นอนว่ามันมีโอกาสถูกเก็บเป็นที่ระลึกมากกว่าการ์ดลักษณะอื่นๆ
การพิมพ์ Letterpress 1 สี จะใช้แม่พิมพ์ 1 ชิ้น หากจะพิมพ์ 2 สี ก็จะใช้แม่พิมพ์ 2 ชิ้น ยิ่งมีจำนวนสีเยอะ ก็ยิ่งใช้แม่พิมพ์เยอะขึ้น ในตัวอย่างนี้เป็นการ์ดแต่งงานที่ใช้แม่พิมพ์ 4 ชิ้น โดยสองชิ้นแรกจะพิมพ์ด้านหน้า โดยหนึ่งชิ้นเป็นหมึกสีน้ำตาล อีกหนึ่งชิ้นสำหรับด้านหน้าจะพิมพ์แบบไม่ใส่หมึกเพื่อกดให้เป็นรอยจมแต่เพียงอย่างเดียว ส่วนด้านหลังก็จะมีสองสี ใช้แม่พิมพ์อีก 2 ชิ้นสำหรับแต่ละสี รวมเป็น 4 ชิ้น
ติดตั้งเครื่องพิมพ์ 4 สี
12 ธันวาคม 2554 ที่โรงพิมพ์ทำการติดตั้งเครื่องพิมพ์ 4 สี เครื่องพิมพ์เครื่องนี้ทำให้ครอบครัวผมเป็นหนี้ตัวจริง แต่ก็เชื่อว่ามันจะปลดหนี้ได้ในเวลาไม่นาน

ภาพถ่ายด้วยมือถือ samsung galaxy note โดยใช้โปรแกรม FXCamera เพื่อถ่ายภาพให้มีกรอบภาพแบบโพลารอยด์ จากนั้นใช้โปรแกรมตกแต่งภาพเพื่อเขียนตัวหนังสือลง การเขียนตัวหนังสือใช้ S pen ซึ่งเป็นอุปกรณ์ประจำตัวของมือถือรุ่นนี้
ด้วยความที่มือถือรุ่นนี้มีความเร็วสูง สามารถถ่ายวิดีโอความละเอียดสูงได้ค่อนข้างดี ก็เลยถ่ายบรรยากาศการติดตั้งเครื่องเก็บไว้เป็นที่ระลึก
print on demand พิมพ์เร็วด่วนได้
มีอยู่วันหนึ่งระหว่างที่กำลังนั่งเฝ้าร้านเพื่อทำโอที มีลูกค้ารายหนึ่งโทรมาถามเรื่องพิมพ์ดิจิทัล เขาต้องการพิมพ์ A3 แล้วพับเป็น A4 ส่งไฟล์ประมาณสองทุ่ม ต้องส่งของก่อนวันรุ่งขึ้น ก่อน 8.00 น. ผมดูเวลา คิดประมาณ 10 วินาที แล้วตอบตกลง
ผมตัดสินใจส่งของตอนสี่ทุ่ม เพราะพรุ่งนี้ผมไม่มีเวลาออกไปส่งของรอบเช้า ดังนั้นงานนี้ผมเลยต้องพิมพ์ให้เสร็จประมาณสามทุ่ม และเดินทางไปส่งของถึงที่บ้านลูกค้าของลูกค้าอีกที
ผมดาวน์โหลดไฟล์งานเสร็จประมาณสองทุ่มครึ่ง ใช้เวลาตรวจและพิมพ์ทดสอบกระดาษอยู่ 15 นาที และใช้เวลาพิมพ์จริงประมาณห้านาที ใช้เวลาพับและตัดอีกประมาณ 15 นาที ผมออกจากโรงพิมพ์ตอนสามทุ่มสี่สิบนาที ไปถึงบ้านลูกค้าประมาณสี่ทุ่ม ส่งของเรียบร้อย
พิมพ์เร็วด่วนได้ เครื่องพิมพ์ดิจิทัลมันก็ทำได้ไม่ยากเย็น print on demand มันต้องแบบนี้แหละ
ข้อมูลงาน
โบรชัวร์ A3 พับเป็น A4
กระดาษ UPM 200g สั่งซื้อจากเอกวิน กระดาษตัวนี้พิมพ์ดิจิทัลได้สวยมาก
ก่อนจะเลือกกระดาษตัวนี้ ผมลองกระดาษอาร์ตด้าน 160 ของบริษัทสองเอ
คุณภาพงานดูไม่ได้ พิมพ์ออกมานึกว่าเครื่องพิมพ์เสีย พอเปลี่ยนกระดาษเท่านั้นแหละแทบจะไปเผากระดาษของสองเอทิ้งเลย
เครื่องพิมพ์ ใช้ Fujixerox 700 เป็นเครื่องดิจิทัลที่ผมเคยบนไว้ไม่ค่อยน่าใช้ ตอนที่มันยังมีปัญหาซ่อมไม่หายขาด แต่ตอนนี้มันปกติ ซ่อมบำรุงเรียบร้อย มันทำงานดีๆให้ผมได้ไม่ติดขัดเลย
งานยุ่งอีกครั้ง บ่น และบันทึก
ตั้งแต่ปีใหม่เป็นต้นมาจนถึงเดือนนี้ ประมาณเก้าเดือน ที่โรงพิมพ์ไม่ได้ทำโอทีเลย จะมีบ้างแค่บางวันที่งานเร่งมากๆ และเดือนกรกฎาคมกับสิงหาคมที่ผ่านมาก็เป็นช่วงเวลาที่งานค่อนข้างน้อย บางวันเครื่องพิมพ์หยุดรองานครึ่งวัน ส่วนหนึ่งเพราะงานมันน้อยลงจริงๆ อีกส่วนก็คือผมมีเครื่องพิมพ์ดิจิทัลที่สามารถทำงานได้เร็วมาก งานพิมพ์หลายตัวถ่ายโอนจากเครื่องระบบเก่าไปสู่ดิจิทัลแล้ว มันทำให้งานที่ป้อนเข้าเครื่องพิมพ์ระบบเก่ายิ่งน้อยลงไปอีก
แม้ว่างานระบบเก่าจะน้อย แต่ยอดขายและรายได้ก็ไม่ได้ลดลงไปตามเหตุการณ์ เห็นได้จากว่าเสมียนงานเยอะขึ้น เพราะต้องเปิดบิลส่งของมากขึ้น โรงพิมพ์ผมมีงานที่ต้องส่งมากขึ้นกว่าต้นปี มอเตอร์ไซด์ที่จ้างไว้สองคันก็วิ่งส่งกันไม่ทัน บางครั้งต้องจ้างรถรับจ้างเพิ่ม บางครั้งผมต้องออกไปเอง เครื่องพิมพ์ว่างแต่งานเอกสารเยอะขึ้น เป็นสิ่งที่ยากจะอธิบายให้คนรุ่นเก่าให้เข้าใจ แม่ผมเห็นเครื่องพิมพ์ว่างแล้วรู้สึกไม่สบายใจ แต่ก็แก้ได้ด้วยการให้ดูตัวเลขรายได้ ส่วนพ่อผมที่ตอนนี้ปลดเกษีียรไปแล้วเพราะกำลังป่วยอยู่ แต่ก็ยังใช้ชีวิตปกติ เห็นเครื่องพิมพ์ว่างแล้วก็หงุดหงิด อันนี้ไม่รู้จะแก้ยังไง เพราะพ่อไม่เคยดูบัญชี
เดือนนี้เดือนตุลาคม ผมกำลังจะเร่ิมทำโอทีอย่างจริงๆจังตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป เพราะอยู่ๆลูกค้าหลายรายก็สั่งงานเข้ามาพร้อมกัน ทั้งงานจำนวนน้อย และงานจำนวนมาก มันมาพร้อมกันจนเริ่มปวดหัว นอกจากลูกค้าเก่าแล้ว ยังมีลูกค้าใหม่เกิดขึ้นอีกหลายราย ทุกรายมาจากการแนะนำบอกต่อของลูกค้าเก่า บางรายก็เกิดใหม่จากการที่เขาสั่งงานเข้าบริษัท และ ลองสั่งงานส่วนตัว บางรายย้ายที่ทำงาน ไปที่ใหม่ก็เลยเรียกให้ไปรับงาน บางรายเคยเป็นลูกน้องในบริษัท พอเปิดบริษัทเองก็สั่งพิมพ์งานเอง
หลายวันมานี้มีงานเข้าต่อเนื่องหลายงาน บางงานผมยังไม่ว่างทำให้เลยด้วยเหตุผลว่ากำลังตามงานเก่าบางงานอยู่ งานเก่าที่มีปัญหาของสายการบิน ผมเดินทางไปกลับดอนเมืองเกินสิบครั้งแล้ว วันนี้ผมก็แวะเข้าไปอีกครั้ง แต่เป็นการเข้าไปเซ็นรับมอบงาน ผมถือเอกสารรับมอบงานออกจากดอนเมืองแบบสบายใจสุดๆ เพราะปัญหาที่เรื้อรังมันกำลังจะหมดลงแล้ว งานนี้ไม่ขาดทุนทางตัวเลข แต่ผมขาดทุนเรื่องการเดินทางและเสียเวลา เสียสุขภาพจิตมากมายมหาศาลตลอดกาลใครอย่าแตะ แต่ก็ดีใจที่เข็นให้งานนี้ผ่านไปได้
สัปดาห์ที่แล้ว เซลส์ของฟูจิซีร๊อกซ์โทรมาถามไถ่ ถามถึงเครื่องพิมพ์ดิจิทัลที่มีปัญหาจุกจิก ผมตอบไปว่าตอนนี้เครื่องทำงานปกติดี ไม่มีปัญหาอะไร เซลส์เลยขอว่า ข้อมูลการใช้เครื่องที่ผมเคยโพสท์ไว้ในอินเตอเน็ตขอให้เอาลงได้ไหม ผมถามว่าทำไม คุณเซลส์ตอบว่ามันทำให้เขาขายของลำบากขึ้น ลูกค้า หรือว่าที่ลูกค้าได้มาอ่านบทความของผมทำให้เซลส์ขายของไม่ได้ ผมเลยถามกลับว่า สิ่งที่ผมเขียนไว้เป็นเรื่องโกหกหรือเปล่า เซลส์ตอบว่าไม่ แต่ขอให้ช่วยเอาลงได้ไหม ผมคิดนิดนึงแล้วก็รับปากไปว่าจะเอาลงให้ แต่ตอนนี้ผมก็ยังไมได้เอาลง เพราะว่าผมงานยุ่งมาก ติดไว้ก่อน อีกสักพักจะค่อยเอาลงนะครับ คุณเซลส์
เมื่อวานนี้เอง ผมกำลังพิมพ์ซองจดหมายด้วยเครื่องพิมพ์ดิจิทัล ยอดสั่งพิมพ์ 1000 ใบ ลูกค้าเอาซองเปล่ามาเอง ผมแค่สั่งพิมพ์ พิมพ์ไปเกือบพันใบ ก็เห็นว่ามีบางใบที่เอียง มันเอียงจนน่าเกลียด ผมคิดว่ามันคงเป็นแค่บางใบ พอให้ลูกน้องเอามาคัด ปรากฎว่านับยอดพิมพ์เสียได้ 200 ใบ นั่นคือมีของเสีย 20% ผมหยุดพิมพ์ทันที แล้วก็โทรแจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อเรียกช่างมาซ่อม ผมโทรไปตอนห้าโมงเย็นแจ้งเรื่องเสร็จ อีกสิบนาทีช่างก็โทรเข้ามาหาผมถามอาการ แล้วก็แจ้งว่าจะเบิกอะไหล่บางตัวที่เอาไว้พิมพ์ซองจดหมายมาให้ และจะเข้ามาพรุ่งนี้เช้า ผมตกลง
มาตอนเช้าเก้าโมงกว่า ช่างเข้ามาและตรวจสอบอยู่ชั่วโมงกว่า ผมได้วิธีแก้ปัญหาแล้ว สามารถพิมพ์ซองต่อจนครบยอดสั่งพิมพ์ ผมพอใจผลการแก้ไข ผมดีใจที่บริการของฟูจิซีร๊อกซ์กลับมารวดเร็วเหมือนคำสัญญา ไม่ว่าเป็นเพราะผมไปบ่นจนเขาขายของลำบากหรืออะไรก็ตาม ถ้าทำได้ดีตามที่รับปากไว้ก็ถือว่าต้องได้รับคำชมเชย แต่ว่า…. ดูไปเรื่อยๆดีกว่า วันนี้งานมันจบ ลุล่วง แต่เมื่อวานเหตุการมันก็ไปตรงกับคำที่ว่า Print on demand but wait for service tomorow. ลูกค้าก็บอกว่า tomorow ก็ tomorow ยังไงก็ต้องรอ โชคดีที่เขาไม่ย้ายไปพิมพ์ที่อื่น
digital print problem solved
แก้ปัญหา permission ในการโยนไฟล์จากเครื่อง mac ไปเครื่อง fujixerox ได้แล้ว โดยการอัพเดท mac 10.6.3 ไปเป็น 10.6.4 ซึ่งตัวอัพเดทเพิ่งจะมีปล่อยออกมาเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2553 นี้เอง พออัพเดทเสร็จ ปัญหาก็หมดไปเอง ผมอัพเดทโดยการเลือก software update.. ซึ่งมันจะเช็คข้อมูลอัพเดทตัวล่าสุดให้ว่ามีหรือยัง ถ้ามีแล้วก็จะโหลดให้อัตโนมัติ แต่ถ้ามันพ้นช่วงออกใหม่ไปนานแล้ว จะเข้าไปโหลดตัวอัพเดทเองก็ให้ไปที่ apple.com






































