รีวิว เครื่องเล่นเพลง Sony NW-A105

เครื่องเล่นเพลงพกพาเรามีมานานประมาณ 40 ปี ซึ่งในปัจจุบันเราผ่านการใช้งานเครื่องเล่นเพลงเหล่านี้มาหลายรูปแบบ ตั้งแต่เทปคาสเซ็ท แผ่นซีดี แผ่นมินิดิสก์ และปรับเปลี่ยนมาเป็นเครื่องเล่นไฟล์ที่ใช้สื่อบันทึกเป็นหน่วยความจำ ทั้งแบบแผ่นเมมโมรี่และหน่วยความจำภายใน เครื่องเล่นเพลงที่ฮิตที่สุดในโลกก็คือ ipod ของ apple แต่ในปัจจุบัน ipod แทบจะหยุดพัฒนาแล้ว ส่วน Sony มีออกเครื่องเล่นมาแล้วทุกรูปแบบ และในปัจจุบันก็เป็นเครื่องเล่นเพลงของ Sony ก็มีทั้งแบบที่ใช้ระบบปฏิบัติการเฉพาะกิจและใช้ระบบปฏิบัติการ android ของ Smartphone ด้วย

IMG_0370

Sony NW-A105 เป็นเครื่องเล่นตัวล่าสุดของปี คศ 2020 ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชั่น 9 โดยเป็นเครื่องเล่นที่มีความสามารถเล่นเพลงระดับ Hi-res ได้เกือบทุกชนิดเท่าที่โลกเราเคยมี วงการเพลงอยู่กับระบบเสียงดิจิทัลชนิด 16bit 44.1k มาหลายสิบปี และเริ่มมีมาตรฐานการเล่นที่ใช้ไฟล์ละเอียดขึ้นในช่วงสิบปีนี้ ความละเอียดเพิ่มจาก 16bit ไปเป็น 24 บิท อัตราแซมปลิ้งเพิ่มเป็น 96k จนไปถึง 192k และในที่สุด มาตรฐานไฟล์เสียงชนิดความละเอียดสูงตัวล่าสุดอย่าง DSD ก็ปล่อยออกมาให้นักเล่นได้ลองใช้งานกันแล้ว เครื่องเล่นเพลงยุคใหม่จะต้องเล่นเพลงได้ทุกระดับความละเอียด และ A105 ก็ทำได้ครบถ้วน

A105 เป็นเครื่องเล่นเพลงที่มีความสามารถเหมือนโทรศัพท์ Smartphone เครื่องหนึ่งที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Android แต่ตัดช่องใส่ ซิมการ์ด และกล้องถ่ายภาพออกไป และใส่ความสามารถในการเล่นไฟล์ความละเอียดสูงเข้ามาเพิ่มเติม ใส่ชิพเสียงแปลงสัญญาณเสียงดิจิทัลเป็นอนาลอกที่ทันสมัยที่สุด ทำให้มันมีความสามารถเรื่องเพลงที่เหนือกว่าโทรศัพท์อย่างชัดเจน

ลักษณะทั่วไป

IMG_0371

A105 มีขนาดหน้าจอประมาณ 3.6 นิ้ว ความละเอียด 1280x720pixel ซึ่งถือว่าเป็นเครื่องเล่นที่เล็กมากเมื่อเทียบกับโทรศัพท์ในยุคนี้ แต่หน้าจอเล็กและความละเอียดต่ำก็ไม่ได้เป็นปัญหาใดๆในการใช้งานเป็นเครื่องเล่นเพลง หน้าจอเป็นระบบสัมผัสไม่มีปุ่มด้านหน้าเลย โครงสร้างหลักของตัวเครื่องเป็นอลูมิเนียมแข็งแรง ด้านขวาเป็นปุ่มกดที่ทำหน้าที่สำหรับการควบคุมการเล่นเพลง โดยมีสวิตซ์ Hold เอาไว้ล็อคการทำงานไม่ให้หน้าจอสัมผัสรับคำสั่ง ถัดมาจะเป็นปุ่มย้อนเพลง ปุ่มเล่น/หยุดชั่วคราว ปุ่มข้ามเพลง ตามมาด้วยปุ่มวงกลมที่ใหญ่กว่าปุ่มอื่นเป็นปุ่มลดเสียง ปุ่มเพิ่มเสียง และปุ่มสุดท้ายจะเป็นปุ่ม power กดเพื่อปิดหน้าจอ หรือ กดเพื่อเปิดเครื่องและปิดเครื่อง

IMG_0365

ส่วนด้านล่างของตัวเครื่องจะเป็นช่องเสียบหูฟัง ขนาด 3.5มม. ตามมาด้วยช่องร้อยสายสำหรับแขวน ช่องชาร์จไฟและสื่อสารข้อมูลเป็นพอร์ตชนิด usb-c และขวาสุดจะเป็นช่องใส่แผ่นหน่วยความจำชนิด microSD โดยมีแผ่นยางปิดทับช่องนี้โดยเฉพาะ ส่วนด้านซ้ายและด้านบนของตัวเครื่องเป็นแบบผิวเรียบไม่มีช่องต่อใดๆ ตัวเครื่องที่ขายในไทยเป็นแบบที่ไม่มีหูฟังแถมมาด้วย ซึ่งคงมีเหตุผลหลายอย่างที่ไม่แถมมา คาดว่ากลุ่มลูกค้าที่ซื้อ A105 จะเป็นนักฟังเพลงที่เน้นเรื่องคุณภาพเสียงเป็นประเด็นสำคัญ และนักเล่นกลุ่มนี้น่าจะมีหูฟังตัวโปรดอยู่แล้ว ทาง Sony เลยไม่มีการแถมหูฟังให้

สเป็คตัวเครื่อง

ระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชั่น 9

กำลังขับ 35+35 มิลลิวัตต์

ตอบสนองความถี่ 20-40,000 Hz

ซีพียู ARM cortex A53 quad -core Rom16 Ram4gb (ข้อมูลจาก Gizmodo)

ใส่หน่วยความจำเพิ่มเติมได้ 1 ช่อง เป็น ชนิด : Micro SD Micro SDHC Micro SDXC

ระบบ bluetooth เวอร์ชั่น 5 มีระบบ NFC มี wifi

ขนาด ประมาณ 55.9 มม. x 98.9 มม. x 11.0 มม.

น้ำหนัก 103g

ไฟล์เสียงที่เล่นได้ MP3 (.MP3): 32 – 320kbps (สนับสนุนอัตราบิตแปรผัน (VBR)),/ 32, 44.1, 48kHz,WMA ( .WMA): 32 – 192kbps (สนับสนุนอัตราบิตแปรผัน (VBR) ) / 44.1kHz,FLAC ( .flac): 16, 24 บิต / 8-384kHz,WAV ( .WAV): 16, 24, 32 บิต (Float / Integer) / 8-384kHz,AAC ( .mp4, .m4a, .3gp): 16-320kbps / 8-48kHz,HE-AAC ( .mp4, .m4a, .3gp): 32-144kbps / 8-48kHz,Apple Lossless ( .mp4, .m4a): 16, 24 บิต / 8-384kHz,AIFF ( .aif, .aiff, .afc, .aifc): 16, 24, 32 บิต / 8-384kHz,DSD ( .dsf, .dff): 1bit / 2.8224, 5.6448, 11.2896 MHz *เอาต์พุตคือเสียงที่ถูกแปลงเป็น Linear PCM,APE ( .ape): 8, 16, 24 บิต / 8-192kHz (Fast, Normal, High) ,MQA ( .mqa.flac): สนับสนุน

ทดลองฟัง

เพลงที่ใช้ทดสอบส่วนใหญ่เป็นเพลง 16bit 44.1kHz และมีเพลงความละเอียดสูงระดับ 24bit รวมถึงไฟล์ DSD ด้วย แต่มีข้อมูลต้องแจ้งเบื้องต้นก่อนว่า ระบบปฏิบัติการ android จะมี app เล่นเพลงที่ติดมามีความสามารถในการเล่นไฟล์เสียงได้แค่ระดับ 16bit 48kHz เท่านั้น หากจะเล่นไฟล์เพลงความละเอียดสูง ต้องใช้ app เฉพาะของ Sony ที่มีมาให้พิเศษ และนั่นหมายความว่า ใครเอา A105 ไปฟัง youtube หรือ spotify หรือระบบ stream ใดๆทุกชนิด จะได้คุณภาพเสียงที่ไม่เกิน 16bit 48kHz หรือ cd quality เท่าน้ัน

A105 ให้ระบบ Noise Canceling มาด้วย แต่ไม่ได้ให้หูฟังมา และระบบนี้ต้องใช้กับหูฟังรุ่นที่ออกแบบมาเฉพาะให้ใช้กับเครื่องนี้ ซึ่ง ผมไม่มี และคงไม่มีใครมีเพราะไม่ได้มีขายมาพร้อมเครื่อง หูฟังรุ่นนี้คือ  IER-NW510N หากไม่ใช้กับรุ่นนี้ เราก็ต้องข้ามไปใช้หูฟังระบบบลูทูธบางรุ่นที่ sony ระบุว่าใช้ได้อย่าง WH-XB900N กับ MH-1000XM3 ส่วนระบบการปรับแต่งเสียงมีให้อีกหลาย 6 แบบ ซึ่งลองแล้วบางอย่างก็ฟังออก บางอย่างก็ฟังไม่ออก โดยในการทดลองฟังผมจะเลือกไปที่ direct soundเป็นหลัก คือไม่ปรับแต่งเสียงเลย การเลือกหูฟังมาฟังทดสอบผมเลือกใช้ Koss KSC35 ต่อตรงกับเครื่องเล่น ส่วนอีกชุดใช้ AKG K701 ผ่านแอมป์หูฟัง ใช้สองตัวเป็นหลัก

A105 ต่อตรงกับ KSC35 ให้น้ำเสียงที่กลมกล่อมพอใช้ได้ เสียงเบส กลาง แหลม ออกมาอย่างครบถ้วน คุณภาพเสียงจากไฟล์ 16bit 44.1k ให้น้ำเสียงที่คมชัด เสียงย่านเบสลึกจะพอมี แต่ไม่ค่อยได้ยินชัดเท่าเสียงกลาง ส่วนกลางแหลมให้น้ำหนักที่ดี เสียงร้องมีความใหญ่และโฟกัสชัด ติดตามได้ง่าย เสียงโดยรวมจะออกไปทางหนา ไม่มีอาการเสียงจัดหรือสากเสี้ยนเล็ดลอดมาให้ได้ยินเลย เพลงอคูสติก ของ ธีร์ ไชยเดช ให้ความนุ่มนวลละมุนละไม ฟังเพลินๆ หรือ เพลงโชว์เสียงร้อง over the rainbow จากอัลบั้ม audiophile voice ก็ได้เสียงร้องที่ชัดมาก เสียงลำคอเสียงลูกคอได้ยินทุกเม็ดเลย

เสียงนักร้องหญิงหวานใส เพลง fly me to the moon ที่ร้องโดย Susan Wong มีโฟกัสชัด และได้ยินเสียงหายใจระหว่างที่กำลังร้อง เสียงเปียโนที่เล่นบางๆอยู่ในหลายๆเพลงก็เป็นเสียงที่กังวาล เสียงย่านเบสคลุมเครือเล็กน้อย เข้าใจว่าเป็นผลจาก KSC35 ที่เป็นหูฟังเน้นเบสลูกใหญ่

ฟังกับเพลงป๊อปร๊อคของไทย ก็พบว่า คู่ A105 กับ KSC35 ให้น้ำหนักเสียงที่แน่นและเบสไม่ขาดแคลน ฟังได้นาน หน้าจอของเครื่องจะเปลี่ยนเป็นภาพเทปคาสเซ็ททุกครั้งที่มีการเล่นเพลง ถือว่าเป็นลูกเล่นหน้าตาดีอีกอย่างหนึ่งของเครื่องเล่นตัวนี้

IMG_0382

แบตเตอรี่หมดค่อนข้างเร็วเมื่อเทียบกับโทรศัพท์ทั่วไป แม้แต่การชาร์จเต็มแล้วถอดสาย ปล่อยไว้ทั้งคืนโดยไม่ได้ใช้งานแบตก็ลดลงไปเร็วกว่าโทรศัพท์ อาจจะเป็นเพราะตัวเครื่องให้แบตเตอรี่ความจุต่ำกว่าปกติก็เป็นไปได้ เพราะตัวเครื่องมีขนาดเล็กกว่าโทรศัพท์มาก สิ่งหนึ่งที่ชอบในเครื่องเล่นเพลงตัวนี้นอกจากเสียงที่ดีแล้วคือการมีปุ่มบังคับเพลงเป็นปุ่มเฉพาะทำให้ใช้งานได้สะดวก และยิ่งสะดวกมากเมื่อนำไปใช้งานบนรถยนต์ เพราะว่าเราสามารถกดข้ามเพลง ได้ง่ายโดยไม่ต้องละสายตามาดู ใช้มือคลำแล้วสัมผัสปุ่มที่เราจำได้ แล้วก็กดได้เลย การสั่งการข้ามเพลง ลดเสียง เพิ่มเสียง หรือ หยุดเล่น ทำได้แบบไม่ต้องมองทำให้การขับรถของเราปลอดภัย คนที่ใช้เครื่องเล่นเพลงแบบนี้ต่อไว้ในรถน่าจะชอบ

ผมใช้เครื่องเล่นเพลงตัวเก่าอย่าง Aune M1 มาหลายปี สิ่งที่ชอบคือคุณภาพน้ำเสียงที่ได้ เจ้า A105 ก็ให้เสียงที่ดีได้ไม่ต่างกัน การเล่นไฟล์เพลง 16bit ที่ rip ออกจากแผ่นซีดีมีคุณภาพที่ดีมากทั้งคู่ แต่สิ่งที่คิดมาตลอดก็คือ ถ้า Aune M1 เล่นไฟล์เพลงชนิดอื่นได้ก็คงสะดวกดี นั่นทำให้ A105 น่าใช้มากกว่า Aune M1 ในปัจจุบันก็มีเครื่องเล่นอีกหลายเครื่องที่เล่นได้ทั้ง mp3 wav flac แต่ระยะหลัง ผมมีการโหลดคลิปจาก youtube มาฟังด้วย การโหลดบางครั้งเป็นไฟล์ video บางครั้งก็ดูจาก youtube เลย รวมถึงการฟังเพลงผ่านระบบ stream ก็มีเพลงมากมายมหาศาลให้เราเสพ ก็คิดต่อว่า ถ้าเครื่องเล่นเพลงเราสามารถต่อเน็ตได้ ถ้าเครื่องเล่นเพลงเราเล่นได้ทุกอย่างเหมือนมือถือก็คงดี นั่นก็คือ Sony A105 ตัวนี้เลย

IMG_0416

การมีเครื่องเล่นที่เก่งเหมือนโทรศัพท์มือถือยุคปัจจุบัน และมีคุณภาพเสียงระดับสูงเพื่อการฟังเพลงจริงจัง ผลรวมความสามารถและคุณภาพที่ต้องการออกมาเป็น A105 ก็เป็นจุดที่ดีน่าใช้งาน เพลงอะไรที่มีที่เคยสะสมไว้เอาไปใส่ A105 ก็เล่นได้ทุกชนิด แบบนี้สะดวกมาก และเมื่อลองเอาไปฟังกับชุดเครื่องเสียงบ้าน ต่อสายสัญญาณ mini to RCA เข้ากับแอมป์บ้าน ฟังผ่านลำโพงคู่หลัก น้ำเสียงใสและอิ่มหวานก็ออกมาได้ง่ายๆ เสียงนักร้อง เสียงเครื่องดนตรี เรียงตัวอยู่หลังลำโพง ซาวด์สเตจทางลึกยอดเยี่ยม มีลำดับชั้นที่ชัด และแยกแต่ละเครื่องดนตรีมีช่องไฟห่างกันพอดี ติดตามฟังแต่ละชิ้นดนตรีได้ง่าย ผมสามารถถอดเมมโมรี่จากเครื่องเล่นเพลงตัวเก่ามาใส่ A105 แล้วใช้งานต่อได้เลย เพราะมันเปิดไฟล์ได้ทุกชนิด ไม่เหมือนกับการเพิ่มเพลงเข้า Aune M1 ที่เล่นได้แต่ wav

แม้ว่าการฟังเพลงจากระบบ stream จะได้คุณภาพเสียงระดับ 16bit เท่านั้้น ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายของเครื่องเล่นเพลง hi-res เพราะว่า ต้นทางก็ส่งสัญญาณมาไม่เกิน 16bit อยู่แล้ว เสียงอนาลอกที่ออกจาก A105 มีความไพเพราะ ละมุนละไมมากกว่าโทรศัพท์ธรรมดา คราวนี้เครื่องเสียงชุดใหญ่ในบ้านของเราก็สามารถเปิดฟังระบบ stream ได้คุณภาพสูงแล้วจากการใช้ผ่าน A105

A105 ต่อตรงกับหูฟัง AKG K701 ให้เสียงธรรมดา เรียกว่าไม่พอก็ได้ กำลัง 35มิลลิวัตต์น้อยเกินไปสำหรับการขับหูฟังตัวใหญ่ น้ำเสียงที่ได้มีอาการอั้นๆ เสียงกลองหนักๆจะมีน้ำเสียงไม่กระชับ บางครั้งมีเสียงเสียดหูในบางจังหวะ แต่ถ้ามีแอมป์หูฟังมาต่อใช้งานช่วยขับ K701 เราก็จะได้คุณภาพเสียงที่ดีตามปกติกลับมา เสียงย่านเบสที่เคยคลุมเครือเมื่อฟังผ่านหูฟังแบบต่อตรง พอใช้ K701 พร้อมแอมป์ก็ให้ความคมชัดแยกแยะได้ดีขึ้นมาก A105 เป็นเครื่องเล่นเพลงที่ถ่ายทอดคุณภาพเสียงตรงไปตรงมา ผมได้ฟังเสียงที่ดีมากจากไฟล์เพลงคุณภาพสูง และได้ยินเสียงที่ไดนามิคแคบๆจากเพลง mp3 บิทเรทต่ำ

ข้อดี

เล่นไฟล์เพลงได้หลากหลาย

เสียงดี ใช้กับเครื่องเสียงบ้านชุดใหญ่ก็ดี

มีปุ่มกดข้ามเพลง เพิ่มลดเสียง ทำให้ปลอดภัยต่อการใช้งานตอนขับรถ

ข้อเสีย

แบตหมดเร็ว

สายชาร์จต้องเลือกคุณภาพดี สายบางเส้นชาร์จไม่เข้า

IMG_0425

สรุป

Sony A105 เป็นเครื่องเล่นเพลงคุณภาพสูง สามารถเล่นไฟล์เพลงได้หลากหลายมาก นอกจากไฟล์เพลงคุณภาพสูงแล้ว มันยังเล่นเพลงจากระบบ stream เพลงได้อีกด้วย เป็นข้อดีที่เพิ่มขึ้นจากเครื่องเล่นไฟล์เพลงทั่วไป ขนาดที่เล็กทำให้เหมาะสมในการพกพา แม้ว่าแบตเตอรี่จะหมดเร็วไปหน่อย แต่ก็ยังน่าใช้เพราะมันเสียงดีจริง ปุ่มกดด้านข้างตัวเครื่องมีประโยชน์มากสำหรับการสั่งงานแบบไม่มองหน้าจอ ถูกใจคนฟังเพลงตอนขับรถมาก

ขอขอบคุณร้าน ร้านมั่นคงแก็ดเจ็ท ที่เอื้อเฟื้อให้ยืมสินค้ามาทดสอบนะครับ

คิดถึง ipod คิดถึงความสุขในการฟังเพลง

IMG_9017

เครื่องเล่น mp3 เครื่องแรกที่ผมเคยได้ยินข่าวคราวก็คือเครื่องยี่ห้อ rio ผมจำสเป็คโดยละเอียดไม่ได้ และไม่เคยมีโอกาสได้ฟัง ในช่วงเวลาแรกเริ่มของ mp3 ผมฟังผ่านเครื่องคอมพิวเตอร์และไม่เคยรู้สึกหลงใหลได้ปลื้มกับ mp3 เลย ทั้งๆที่ ณ เวลานั้นมีแผ่นรวมเพลง mp3 ขายอยู่แล้วมากมาย

อาจจะเป็นเพราะว่าการฟัง mp3 ในยุคแรกนั้นต้องใช้คอมพิวเตอร์เป็นหลัก ทำให้ผมไม่สามารถพกพามันไปกับตัวได้  ปี 1998 ปีนั้นที่ฝรั่งเศสได้แชมป์ฟุตบอลโลก ผมยังคงไปซื้อเครื่องเล่นเทปแบบวอล์คแมนเครื่องใหม่หน้าตาสวยมาใช้งานอยู่เลย อัลบั้มเพลงที่ผมจำได้ว่าผมฟังจากเทปวอล์คแมนเครื่องนี้บ่อยที่สุดคืออัลบั้มของ pause ชุด mind ที่มีเพลงข้อความ เพลงความลับ ที่ยังคงเป็นเพลงน่าฟังอยู่ตลอดกาลของวงดนตรีวงนี้

mp3 ฮิตมากกับการใช้งานบนโต๊ะทำงาน เพราะเปิดด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ ผมมีเพลง mp3 สะสมอยู่ในเวลานั้นหลายร้อยเพลง มีเพลงที่ชอบมากๆอยู่ประมาณ 100 เพลง และผมก็ไม่คิดว่าจะพกพามันไปฟังบนรถเมล์ หรือ ฟังตอนขับรถ เพราะไม่รู้จะขนเพลงเหล่านั้นทั้งร้อยเพลงไปได้อย่างไร ตอนนั้นลืมเครื่องเล่น mp3 แบบพกพาไปได้เลย เพราะเครื่องแพงมาก และหน่วยความจำที่มีอยู่ก็อยู่ที่ระดับประมาณ 16-32 เม็กกะไบต์ มันเก็บเพลงได้ไม่ถึง 10 เพลง ผมพกเครื่องเล่นเทปยังได้เพลงเยอะกว่า

หลายปีต่อมาผมได้ข่าวว่า apple ทำเครื่องเล่น mp3 ออกมาขายราคาประมาณสองหมื่นบาท ผมไม่สนใจเลยเนื่องจากไม่มีเงินซื้อ และไม่เคยคิดว่าจะต้องจ่ายเงินให้กับอุปกรณ์การฟังเพลงในราคาสูงขนาดนั้น แม้ว่าผมจะเป็นคนเล่นเครื่องเสียง และยินดีจ่ายให้กับเครื่องเสียงราคาหลายหมื่น แต่ผมก็ไม่คิดว่าจะต้องจ่ายให้กับเครื่องเล่น mp3 ในราคาแพงกว่าเครื่องเสียงบ้าน ผมปฏิเสธ mp3 มาตลอดทั้งในด้านคุณภาพ และราคา

ในบางวันที่ผมฟังเทปจากวอล์คแมน ผมก็อยากฟังวิทยุบ้าง ตอนนั้นก็ไปซื้อเครื่องรับวิทยุมาใช้ เป็นเครื่องรับวิทยุที่ราคาถูกๆ มันรับคลื่นได้แต่ไม่ชัด สุดท้ายก็ทนฟังไม่ได้ ผมก็เลยหันหลังให้กับรายการวิทยุไปนานแสนนาน กว่าจะรู้ตัวอีกทีเขาก็มีคลื่นวิทยุที่เปิดเพลงกันต่อเนื่องห้าสิบนาทีเสียแล้ว ผมตกยุคไปหลายปีเลย

_MG_6408

แล้วผมก็ไปเพลิดเพลินอยู่กับการหัดถ่ายภาพ ผมแทบไม่ได้ฟังเพลงอย่างตั้งใจอีกเลย จนวันหนึ่งเพื่อนเอา ipod mini มาให้ลองฟัง ก่อนจะทดลองฟัง ผมก็ออกตัวกึ่งด่า กึ่งดูถูกไว้หลายอย่าง เพื่อนก็หวังดีบอกให้ผมฟังดูก่อน พอลองฟังสักสองเพลง ผมถามราคา เพื่อนบอกเจ็ดพันบาท ผมฝากซื้อทันที และมีเพื่อนอีกสองคนที่อยู่ในที่นั้นก็ซื้อพร้อมผมอีกคนละเครื่อง ผมบอกไม่ถูกว่าเกิดอะไรขึ้นกับเทคโนโลยี แต่เพลง mp3 ในเครื่องเล่น ipod มันเพราะมาก มันเหมือนคนที่ไม่ได้กินอาหารถูกปากมานาน พอเจอเมนูอร่อยเข้าไปกลายเป็นคนตะกละขึ้นมาเลย

ipod mini เป็นเครื่องเล่นเพลงติดตัวผมตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เครื่องเล่นเทปวอล์คแมนผมก็เก็บลืมตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาเช่นกัน และจนบัดนี้มันก็ไม่เคยทำงานอีกเลย คุณภาพเสียงของ ipod mini ทำให้ผมเริ่มหาข้อมูลที่เกี่ยวข้อง หาประวัติของ ipod เลยทำให้เริ่สนใจเครื่องคอมพิวเตอร์ของ apple ไปพร้อมกัน แม้ว่าผมจะชอบ ipod แต่ผมก็ยังไม่คิดจะใช้คอมพิวเตอร์ของ apple เพราะว่าตอนนั้นผมมีอาชีพเป็นโปรแกรมเมอร์ และเครื่องโน้ตบุ๊คส่วนตัวผมเป็น ibm หน้าตาดำๆถึกๆ มันเป็นโลกของ windows และ ibm และ โปรแกรม visual studio ของ microsoft

สิ่งที่ผมชอบใน ipod mini คือหน้าตาที่ดูคลาสิค และรูปร่างไม่ใหญ่โต ตัวถังเป็นอลูมิเนียมที่เป็นรอยยากมาก หน้าจอใช้ไฟเรืองแสงสีขาว มันเป็นความลงตัวที่ผมรู้สึกดี ความจุที่มี 4Gb สามารถเก็บเพลงได้ประมาณ 1000 เพลง แน่นอนว่าผมมีเพลงสะสมจนเต็มความจุแล้ว ทุกวันนี้ยังไม่เจออุปกรณ์อะไรที่ดูน่าทนุถนอมขนาดนั้นเลย คุณภาพเสียงก็ดีถูกใจมาก โดยเฉพาะหูฟังที่มาพร้อมกับ ipod mini เป็นหูฟังที่มีบุคลิกที่เป็นกลาง คือมันราบเรียบ ฟังเสียงคนได้ชัดเจน มันสามารถฟังเพลงได้นานโดยที่ไม่รู้สึกล้า ไม่เลี่ยน มันแตกต่างไปจากหูฟังโซนี่ที่ฟังทีแรกจะรู้สึกว่าเพราะ มัน เสียงใส แต่ฟังนานๆหลายชั่วโมงแล้วทรมาน

เคยมีคนแย้งว่าทำไมถึงอยากจะฟังเพลงตั้งพันเพลง ipod ความจุเยอะเกินความจำเป็น ต้องจ่ายราคาแพงกว่าชาวบ้าน ipod ราคาเกือบหมื่น แต่ของคนอื่นขายกันสองพันบาท ความจุ 512mb ก็พอแล้ว หลายความเห็นออกมาแนวทางเดียวกันคือ ipod แพงเกินไป ผมก็รู้สึกว่าแพง แต่ผมก็พบว่าการที่ผมมีเพลงติดตัวไปสักหนึ่งพันเพลงผมก็ไม่ได้อยากฟังทุกเพลงหรอก แต่ว่าผมสามารถเลือกฟังเพลงอะไรก็ได้จากหนึ่งพันเพลง เลือกฟังได้ทันทีโดยไม่ต้องกลับบ้านไปลบเพลงเก่าและก็อปปี้เพลงที่ต้องการลงไป แต่ละวันผมอาจจะฟังเพลงแค่สิบเพลง แต่มันก็ไม่สามารถจะบอกได้หรอกว่าสิบเพลงนั้นมีเพลงอะไรบ้าง การแบกเพลงใส่ ipod ไว้หนึ่งพันเพลงมันทำให้ผมสามารถเลือกเพลงที่อยากฟังได้ครบตามที่ต้องการ หรือเกือบครบทุกเพลง มันเป็นสิ่งที่เครื่องเล่นอื่นๆให้ไม่ได้

ตอนนั้น ipod ไม่มีคู่แข่งเลย ทั้งในแง่คุณภาพเสียงและความจุ มียี่ห้ออื่นๆพยายามจะทำขายก็ยังไม่มีจุดเด่นที่ดีกว่า มันเป็นเรื่องที่ช่วยไ่ม่ได้จริงๆที่จะไม่เปิดใจให้กับเครื่องเล่นยี่ห้ออื่นๆ เพราะเมื่อลองฟังก็รู้สึกว่ามันไม่ลงตัว เสียงยังไม่ถูกใจ แต่ผมก็ทดลองฟังตัวอื่นๆอยู่เรื่อยๆ แล้ววันดีคืนดีก็เจอกับเครื่องเล่น mp3 ตัวใหม่ที่เสียงดีกว่าเดิม

IMG_9032

มันคือ ipod รุ่น shuffle รุ่นที่มีความจุเพียง 512 Mb หรือเก็บเพลงได้แค่ 120 เพลงเท่านั้น ผมเดินผ่านร้านขายเครื่องเสียง ก็แวะดูไปตามเรื่อง ถามพนักงานเรื่องคุณภาพเสียงของ ipod 3 ตัวที่วางเรียงกันอยู่ในร้าน พนักงานบอกว่า shuffle เสียงดีที่สุด ผมไม่เชื่อเลยขอลองฟังบ้าง ฟังเพลงเดียวกัน หูฟังเดียวกัน แล้ววันนั้นผมก็เสียเงิน ได้ shuffle กลับบ้านไปอีกตัว มันเป็นเครื่องเล่นที่ไม่มีหน้าจอ ก็อปปี้เพลงลงไปแล้วก็เปิดเล่นเลย หลายคนออกความเห็นว่าไร้สาระ เอา ipod ตัวใหญ่มาติดเทปบังหน้าจอไว้ก็เหมือนได้ใช้งาน shuffle แล้ว ซึ่งผมก็ไม่ได้แย้งอะไร แต่ผมรู้สีกว่า ipod shuffle ที่ไม่มีจอภาพมันมีดีกว่านั้น มันเป็นมากกว่านั้น แต่ก็อธิบายไม่ได้

การก็อปปี้เพลงลงไปในเครื่องเล่น ipod ต้องทำผ่านโปรแกรม iTune ซึ่งเป็นโปรแกรมที่สามารถเปิดเพลงได้ทั่วไป สร้างรายการเพลงที่ชอบ รวมเพลงเป็นชุดๆได้ตามใจ ทุกเพลงที่อยู่ใน iTune กดปุ่มเดียวมันก็จะก๊อปปี้ทุกอย่างลงไปใน ipod แปลว่า บนเครื่องคอมพิวเตอร์เรามีเพลงอะไร จัดระเบียบจัดอัลบั้มรวมกันไว้อย่างไรมันก็มีอย่างนั้นใน ipod เช่นกัน และความพิเศษมากขึ้นอย่างหนึ่งก็คือมันบันทึกการเล่นเพลงต่างๆเอาไว้ เพลงไหนเล่นบ่อยที่สุดก็มีการนับไว้ และมันก็มีรายการเพลง top hit ให้เราอัตโนมัติ แปลว่า ในหลายๆพันเพลงจะมีเพลงที่เราฟังบ่อย 25 เพลงถูกจัดเป็น top hit ให้ และเราสามารถสั่งให้ ipod shuffle ก็อปปี้เพลง top hit เหล่านั้นลงได้ได้อัตโนมัติ

ipod shuffle ที่เก็บเพลงได้เพียงเล็กน้อยมีเพลงที่เราฟังบ่อยๆอยู่ในนั้น มันเป็นรูปแบบการเลือกเพลงที่”ไม่ผิดหวัง” เพราะว่าเราฟังบ่อยจริง มันแก้ปัญหาของคนลังเลได้อย่างดี เพราะเราคงเคยเจอปัญหาว่า มีเพลง มีแผ่น (เมื่อก่อนก็มีเทปด้วย) เยอะไปหมด จะเลือกเอาเพลงไหนไปฟังบนรถดี หรือจะเอาแผ่นเพลงไหนติดตัวไปเที่ยวต่างจังหวัดดี เมื่อก่อนผมเคยขับรถไปต่างจังหวัดหลายวัน ผมขนแผ่นซีดีใส่ลังไปด้วยเกือบห้าสิบแผ่น มันเป็นเรื่องบ้าๆที่เคยทำ

พอรับ ipod เข้ามาในชีวิต ความบันเทิงแบบพกพาก็เริ่มขึ้นอย่างจริงจัง จากการฟังเพลงแต่เพียงอย่างเดียวมันเริ่มมีความต้องการให้ ดูภาพได้ ดูวิดีโอได้ ซึ่งคนที่คิดแบบผมไม่ได้มีคนเดียว มันคิดแบบเดียวกันทั้งโลก และแล้ว ipod ก็มีรุ่น ipod photo ที่สามารถก็อปปี้ภาพลงไปดูได้ และแน่นอนว่าหน้าจอของ ipod กลายเป็นจอสีแล้ว หลังจากนั้นอีกไม่นาน ipod video ก็ตามมาติดๆ เป็นเครื่องเล่นแบบพกพาที่สามารถดูวิดีโอได้ด้วย ซึ่งในเวลานั้นเครื่องเล่นโนเนมจากจีนก็มีความสามารถในการเล่นวิดีโอออกมาก่อนแล้ว แต่วิดีโอในเครื่องโนเนมต่างๆเป็นวิดีโอที่คุณภาพต่ำ การแสดงผลยังไม่ประทับใจ และไม่สามารถต่อสายภาพออกมาเข้าเครื่องรับโทรทัศน์ได้ แต่ ipod video ทำได้ทุกอย่างที่บอกมา มันเป็นข้อได้เปรียบที่ ipod มีความจุเยอะ เลยสามารถเก็บข้อมูลวิดีโอที่มีขนาดใหญ๋ได้ คุณภาพของวิดีโอเลยดีกว่า

ความนิยมของ ipod ค่อยๆสะสมก่อตัวขึ้น จนกระทั่งแพร่หลายไปทั้งโลก สิ่งที่ชี้วัดได้ง่ายที่สุดก็คือมีอุปกรณ์เสริมต่างๆออกมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นซองผ้า ซองหนัง ซองพลาสติก ลำโพง เครื่องเสียง ทุกอย่างที่เอามาต่อพ่วงกับ ipod ได้จะถูกผลิตออกมาเต็มไปหมด แม้แต่เครื่องมีดโกนหนวดต่อกับ ipod ก็ยังมี เลเซอร์พอยเตอร์ก็มี มันไม่ได้เกี่ยวกับการฟังเพลงแต่ก็มีคนทำอุปกรณ์เสริมออกมา มันมากมายลามไปถึงกลุ่มแฟชั่น กระเป๋าหนังบางยี่ห้อมีช่องใส่ ipod แยกต่างหาก มันฮิตระเบิดเลย

scan-2012-minilux-jul-17

มาถึงปี ค.ศ. 2006  ipod พัฒนาไปมากกว่าเดิมหลายช่วงตัว มันกลายไปเป็น iphone เป็นเครื่องเล่นหน้าจอสัมผัส เล่นอินเทอเน็ตได้ มันมีกล้องในตัว มันเป็นอุปกรณ์อเนกประสงค์ มันใส่โปรแกรมเพิ่มเพื่อทำงานอื่นๆได้อีกมากมาย มันไปไกลจนเกินกว่าจะเป็นเครื่องเล่นเพลงไปเสียแล้ว เราหยุดการพัฒนาไม่ได้ มันเป็นเรื่องปกติของอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ ผมแอบคิดเล่นๆว่า ipod ชวนคนทั้งโลกให้หันมาฟังเพลง แต่ตอนนี้กำลังพาคนทั้งโลกออกจากเพลง ไปสู่สิ่งใหม่ที่สับสนวุ่นวาย ทั้งภาพ วิดีโอ อินเทอเน็ต มันน่าคิดเหมือนกันว่าตอนจบจะเป็นอย่างไร เครื่องเล่นเพลงที่แท้จริงมันอาจจะหยุดอยู่ที่ ipod รุ่นสุดท้ายก่อนที่จะเริ่มใช้ระบบสัมผัสหน้าจอ อารมณ์คนฟังเพลงต้องการแค่นั้นจริงๆ ที่มากกว่านั้นและทุกอย่างที่อยู่ใน iphone มันมากเกินไปสำหรับคำว่าดนตรี

Pro application need Pro Machine ภาค 1

ผมนึกถึงคำพูดนี้ขึ้นมา เพราะว่าชีวิตผมเริ่มต้องทำงานแบบโปรเฟสชั่นนัลเสียที  ในสมัยที่ยังหาเงินได้ไม่เยอะ  จะซื้อจะหาอะไรมาเล่นหรือใช้งาน ก็มักจะหาของถูก  ของลดราคา หรือแม้แต่ของตกรุ่นมาใช้  ผลก็คือผมมีของใช้งานจริงตามที่ตั้งใจ  แต่ก็แลกมากับข้อจำกัดบางอย่างที่เราก็รู้อยู่แก่ใจ  ถ้าพ่อเป็นนักการเมืองผมก็คงจะเลือกใช้ของที่ดีที่สุดโดยไม่ต้องสนใจเรื่องตัวเงิน  แต่ว่าชีวิตจริงไม่ได้เป็นแบบนั้น  เงินที่มีอยู่จำกัด เลยต้องใช้แบบจำกัด  เลยต้องพยายามใช้ของถูกเข้าไว้  เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่สาระสำคัญของชีวิตในวันที่ผ่านมา  เพราะผมใช้ของเหล่านั้นเพื่อความเพลิดเพลิน  แต่ระยะหลังงานอดิเรกหลายอย่างสามารถเปลี่ยนเป็นรายรับได้  เลยทำให้เริ่มอยากทำอะไรมากขึ้น เริ่มไปถึงข้อจำกัด และสุดท้ายอยากก้าวให้พ้นข้อจำกัดของถูก หรือ ของที่ยังไม่โปรเฟสชันนัลเสียที

IMG_9021

 

เครื่องเล่นเพลงต่างๆที่ผมเคยใช้มา  สมัยเด็กๆ  ผมใช้เครื่องเล่นซีดีที่ราคาต่ำที่สุดในท้องตลาด เครื่องขยายเสียงหรือแอมป์ก็รุ่นเล็ก  แค่ได้ใช้งานแผ่นซีดีเพลงก็รู้สึกยอดเยี่ยมแล้ว  รู้ว่ามีของราคาแพงกว่านี้เป็นสิบเป็นร้อยเท่า แต่ผมก็พอใจกับเครื่องเล่นซีดีที่ผมพยายามเก็บเงินซื้อ และทนใช้จนเรียนจบ  วันที่ผมเริ่มเที่ยวเล่นไปตระเวณฟัง  ไปดูการทำงานในห้องบันทึกเสียง ผมก็เริ่มจะเข้าใจว่าเสียงที่ดีกว่าเครื่องเล่นซีดีถูกๆของผมนั้นเป็นอย่างไร  ผมฟังออกรับรู้ทุกอย่าง  แต่ก็ทำใจบอกว่า เราไม่จำเป็นต้องใช้ขนาดนั้น  ทำไมเครื่องเล่นซีดีในห้องบันทึกเสียงถึงต้องแพงเหยียบแสน  เครื่องเล่นซีดีของนักทดสอบเครื่องเสียงหลายๆคนราคาแพงอย่างไม่น่าเชื่อ  สิ่งที่แตกต่างก็คือมันให้เสียงที่ดีกว่า  ตอบสนองย่านความถี่กว้างกว่า  ให้เสียงที่ชัดกว่า  ผมถามตัวเองว่าแล้วมันมีประโยชน์กับเราไหม  ผมมีคำตอบให้ตัวเองว่า เราฟังเพื่อความเพลิดเพลิน  ไม่ได้ฟังเพื่อวิจารณ์ทดสอบ เราไม่ต้องใช้ขนาดนั้นก็ได้  แต่ถ้าวันหนึ่งที่ผมจะต้องวิจารณ์เครื่อง หรือวิจารณ์เพลง  ผมก็คงจะเลือกซื้อเครื่องแพงๆเหล่านั้นเอาไว้ใช้เป็น “เครื่องมือ” สำหรับทำงาน  โชคดีที่วันนี้ผมยังไม่ต้องวิจารณ์เครื่องเสียง

IMG_1378

 

กล้องถ่ายรูปก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ชัดเจนที่สุด  ผมหัดถ่ายภาพด้วยกล้องราคาประหยัด ฟังค์ชั่นพอใช้ได้  และเลือกใช้เลนส์อเนกประสงค์  คุณภาพเป็นอย่างไรช่างมัน  เอาซูมช่วงกว้างเยอะๆเข้าไว้  จะถ่ายอะไรก็สามารถเลือกซูมภาพได้ตามใจ  ผมเลือกใช้เลนส์ช่วงซูม 28-200 ยี่ห้อแทมรอน  เป็นเลนส์ที่ผมเรียนรู้หลักการถ่ายภาพและเที่ยวเล่นไปพร้อมๆกัน  มันทำงานให้ผมได้ตรงตามความต้องการ  คือจะถ่ายมุมกว้างก็ได้  ถ่ายซูมใกล้ๆก็ได้  สิ่งที่ผมรู้ในวันนั้นก็คือ  ไม่เห็นจะต้องใช้ของแพงเลย  เลนส์ที่แพงกว่าผมห้าเท่า  แต่ซูมแคบกว่ามากๆ ไม่เห็นจำเป็นเลย  สองปีผ่านไปเลนส์อเนกประสงค์ของผมก็เริ่มมีอาการรวน และสุดท้ายมันเสียหายไม่สามารถใช้การได้  มันอาจจะเป็นเรื่องปกติที่จะมีของเสียหาย  รวมไปถึงกล้องถ่ายภาพที่เริ่มรวนบ่อยขึ้นเรื่อยๆ  ซึ่งเป็นเพราะผมใช้งานมันอย่างหนัก  ปีแรกเอาไว้หัดถ่าย ปีที่สองเป็นต้นมาผมเริ่มรับจ้างถ่ายภาพ

_MG_6346

 

สองปีผ่านไปกล้องกลับเลนส์ทำงานหนักมาก จนในที่สุดก็เสีย  และมันดันเสียวันที่ผมกำลังรับจ้างทำงาน  นาทีนั้นถ้าเสกได้  ผมจะเสกกล้องกับเลนส์รุ่นท๊อปมาใช้เลย  โดยเหตุผลประการเดียวคือความทนทาน   ซึ่งมันหมายถึงผมไว้ใจมันได้เกือบร้อยเปอร์เซ็นว่ามันสามารถอยู่กับผมจนงานจบ  นั่นทำให้ผมเริ่มเข้าใจช่างภาพอาชีพที่เขาใช้ของระดับโปร ราคาสูงกว่าผม  กล้องของเขาไว้ใจได้ว่าทนกว่ากล้องระดับสมัครเล่น  เลนส์ของเขาแต่ละคนมีอายุไม่น้อย บางคนห้าปี  บางคนสิบปี  แต่ผมกลับต้องทิ้งเลนส์ตัวเองในปีที่สามเท่านั้น  ผมต้องซื้อกล้องตัวใหม่เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งตัว  ซื้อเลนส์ตัวใหม่อีกหนึ่งตัว  ซึ่งผมดันคิดงกกับตัวเองคือไม่ยอมซื้อเลนส์แพงๆเกรดดีมาใช้  อีกปีต่อมาผมก็ต้องทิ้งเลนส์แล้วซื้อตัวใหม่อีกเหมือนเดิม  แบบนี้เขาเรียกว่าเสียน้อยเสียยากเสียมากเสียง่าย

_MG_2847

 

ในที่สุดวันหนึ่งที่ผมต้องซื้อเลนส์อีกครั้ง  ผมเลือกซื้อเลนส์เกรดโปรราคาแพงที่สุดที่ผมเอื้อมถึง  แล้วมันก็ทำงานให้ผมได้อย่างยอดเยี่ยม  คุณภาพดีกว่าเลนส์ราคาถูกอย่างไม่ต้องเทียบ  ภาพสวยจากเลนส์แพงๆมันเป็นอย่างไรผมก็ได้สัมผัส  และสิ่งที่ตามมามากกว่านั้นคือมันไว้ใจได้ มันทนมาก  หยิบออกมาใช้งานผมไม่เคยต้องกังวลว่ามันจะมีปัญหาอะไร  สามปีผ่านไปมันยังทำงานได้เหมือนวันแรก  ไม่มีอาการโทรมให้เห็นเลย  เป็นกรณีตัวอย่างที่ดีสำหรับผม  ทำให้ผมมั่นใจว่าคิดไม่ผิด

IMG_20170408_100658

 

ในงานถ่ายภาพ นอกจากเลนส์ก็มี แฟรชอีกตัวหนึ่งที่เข้าข่ายเสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่ายเหมือนกัน  ผมเริ่มต้นด้วยของถูก  ถูกมากๆ  แล้วมันก็เสียบ้าง  ไม่สามารถใช้งานได้ในบางสถานการณ์บ้าง  คุณภาพที่ได้จากแฟรชก็ไม่ดีเท่าของเกรดโปร  ลูกเล่นและความสามารถพิเศษที่สามารถเนรมิตภาพได้ทันจินตนาการก็ต่ำตามงบประมาณ  ผมใช้ของถูกหลายตัว  เพราะมันทำบางอย่างไม่ได้ เลยต้องมีหลายตัว  สุดท้ายผมซื้อของถูกรวมๆกันใช้เงินแพงกว่าซื้อของดีแค่ตัวเดียว  วันดีคืนดี  แฟรชที่ใช้งานอยู่เกิดเสีย  ตัวอื่นๆที่มีอยู่ก็ไม่มีฟังค์ชั่นที่ผมต้องการใช้  หมายความว่าผมไม่มีแฟรชสำรองให้ใช้เลย  วันนั้นผมต้องถ่ายรูปงานรับปริญญาของลูกค้าคนหนึ่ง  ผมคงจะไม่หงุดหงิดสักเท่าไรถ้าลูกค้าคนนั้นไม่ใช่อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ  แม้เขาจะเป็นคนธรรมดา แต่ในใจผมก็อยากจะมีผลงานที่ผมถ่ายคนดังเก็บไว้  แฟรชเสียขณะกำลังจะถึงเวลานัดพบ  ผมต้องอาศัยขอความช่วยเหลือจากเพื่อนให้ไปซื้อแฟรชตัวใหม่ให้ทันที แล้วรีบเอามาให้ผมให้เร็วที่สุด  และแน่นอนที่สุด  ผมให้เพื่อนช่วยซื้อรุ่นท๊อปมาให้  ของถูกอยู่กับผมสองปี เสียหนึ่งครั้ง  ของแพงอยู่กับผมปีที่สี่แล้ว ยังไม่เสียเลย  มันเป็นเรื่องที่อดคิดไม่ได้ว่าของเกรดโปร ดีกว่าจริงๆ