Tag Archives: notebook
รีวิวโน้ตบุ๊ค ryzen7 2in1 flip 14 นิ้ว ASUS – um462da-AIO48T
um462da-AIO48T คือชื่อเต็มของโน้ตบุ๊คตัวที่ผมเพิ่งได้มาใช้งาน มันคือโน้ตบุ๊คที่ใช้ซีพียู AMD Ryzen 7 3700U (2.30 GHz up to 4.00 GHz, 4 MB L3 Cache) รุ่น 4 หัว 8 เทรด ซึ่งเป็นค่าย AMD คู่แข่งตลอดกาลของอินเทล โดยในอดีตที่ผ่านมาสักยี่สิบกว่าปีก่อน ซีพียูของ AMD จะมีชื่อเสียงในแง่ความร้อนมหาศาล คุณภาพใกล้เคียงอินเทล แต่ร้อนกว่ามากๆ แต่เหตุการณ์ในรุ่นปัจจุบันซีพียูของ AMD ความร้อนน้อยลง สามารถใช้งานกับโน้ตบุ๊คได้ และพลังประมวลผลก็ทัดเทียมกับอินเทล
รูปร่างรูปทรง ความเหลี่ยม ความแบน เป็นรูปแบบที่ถูกใจผม เพราะมันคล้ายๆ macbook pro ตัวเก่าในยุคปี 2007 ซึ่งเป็นทรงที่ผมว่าลงตัวสำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ดูดีมีชาติตระกูล สเป็คของโน้ตบุ๊คตัวนี้มีรายละเอียดมากมายที่สามารถหาอ่านได้ในเว็บของ Asus เอง แต่จะยกมาบอกเท่าที่สำคัญและน่าสนใจดังนี้
หน้าจอ Full Hd ขนาด 14 นิ้ว พับกลับหลัง 360องศาให้เป็น tablet ได้
จอภาพแบบ Touchcreen ให้ความคมชัดจอมันวาว และสัมผัสแม่นยำดี
พอร์ตไฟเลี้ยงเป็น adaptor หัวกลม 19v 2.37A
ช่องเสียบ usb มี 2 ช่องเป็น usb type A และ 1 ช่องแบบ type C
มี micro sd reader
ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม.
ช่องเสียบสายภาพ Hdmi
wifi 802.11a/b/g/n/ac
bluetooth 4.2
กล้องเว็บแคม
Ram 8Gb
SSD 512 GB PCIe NVMe
คีย์บอร์ดเรืองแสง
ตัวเครื่องแถมวินโดส์ 10 แบบ 64bit มาในตัว เปิดใช้งานได้เลย ระยะเวลาตอนเปิดเครื่องใช้เวลาประมาณ 10 วินาที ก็พร้อมใช้ ซึ่งถือว่าเป็นความเร็วการบู๊ทเครื่องที่เร็วกว่าโทรศัพท์มือถือเสียอีก คีย์บอร์ดปุ่มทรงสี่เหลี่ยมมุมมน ฝรั่งเรียกว่าปุ่มหมากฝรั่ง ให้ไฟเรืองแสงที่สั่งเปิดปิดได้ ระดับการเรืองแสงเลือกได้ 3 ระดับ การลดความสว่างไฟคีย์บอร์ดมีประโยชน์ตอนแสงน้อยๆ หรือเกือบมืด เพราะจะไม่แสบตา เมื่อใช้ในห้องนอน
ความเร็วในการใช้งานก็รวดเร็วทันใจมาก การเปิดโปรแกรม เปิดไฟล์ ปิดไฟล์ทำได้รวดเร็ว เอกสารที่สร้างใหม่เปิดและปิดได้ทันใจมาก แทบไม่ต้องหยุดรอเลย ส่วนเอกสารที่ผมใช้สั่งงานใช้คิดราคางานเป็นไฟล์ชนิด excel ที่มีภาพแปะไว้ในไฟล์จำนวนมาก บนคอมพิวเตอร์ตัวเก่าที่ใช้งานตั้งแต่ปี 2012 ซีพียูเป็น intel core2duo 2.4 ใช้ฮาร์ดดิสก์เป็น SSD แล้วด้วย ผมยังต้องใช้เวลารอตอนเปิดไฟล์นานเกือบจะ15 วินาที แต่ไฟล์ตัวเดียวกันเปิดบน Ryzen7 ตัวนี้ ใช้เวลาประมาณ 5 วินาที นับว่าความเร็วของเครื่องคอมพิวเตอร์ยุคใหม่นั้นรวดเร็วกว่ายุคเก่าอย่างชัดเจน
การประมวลผลภาพจากไฟล์ชนิด Raw ที่ถ่ายจากกล้อง DSLR ก็ทำได้เร็วขึ้น การ preview ภาพ raw ในโปรแกรม DPP ที่ใช้แปลงภาพ ก็แสดงผลการเปลี่ยนแปลงได้รวดเร็ว เดิมคลิกไปแต่ละภาพต้องรอสัก 2 วินาทีเพื่อให้คอมนำภาพ preview มาแสดงบนจอ แต่ Ryzen กดแล้วแทบจะมาเลยในเวลาไม่เกินครึ่งวินาที
ความเร็วโดยรวมของคอมพิวเตอร์เครื่องใหม่ย่อมเร็วกว่าเครื่องเก่าเสมอ ยิ่งเครื่องเก่ามีอายุเยอะความแตกต่างยิ่งชัดเจน ยิ่งไปเทียบกับโน้ตบุ๊คตัวเก่าอย่าง macbook air ปี 2010 ยิ่งมีความแตกต่างชัดเจน คอมฯปี 2010 เปิด youtube ในปี 2019 กดแล้วรอหลายวินาทีกว่าหน้าแรกของ youtube จะแสดงผลครบทั้งจอ แต่กับ ryzen7 ตัวนี้ กดแล้วภาพขึ้นเต็มภายในเวลา ไม่เกิน 2 วินาที แล้วก็กดดูคลิปได้เลย ภาพและเสียงเริ่มต้นทันทีที่กด แต่คอมฯปี 2010 กดแล้วต้องรออีกหลายวินาที บางครั้งรอ 10 วินาทีกว่าภาพและเสียงจะเล่น
ระยะเวลาการใช้งานผ่าน battery คาดว่าได้ประมาณ 4 ชั่วโมง เพราะหลายครั้งที่ลองเช็คสถานะว่าทำงานได้อีกกี่นาที ส่วนใหญ่จะเห็นตัวเลขประมาณ 4-6 ชั่วโมงในตอนเปิดเครื่องใหม่ๆ ซึ่งการใช้งานของแต่ละคนน่าจะใช้พลังงานไม่เท่ากัน ในภาพนี้ ผมชาร์จไฟจนเต็มสักพัก แล้วก็ถอดปลั๊กออก รอสัก 3 นาที ปรับหน้าจอให้สว่างพอทำงานได้ แล้วก็เอาเม้าส์ไปจ่อที่โปรแกรมด้านล่างเพื่อดูระยะเวลาที่เครื่องทำงานต่อได้ ก็ประมาณ 6 ชั่วโมง 25 นาที โดยผมปรับระดับการประหยัดพลังงานไว้ที่ระดับประหยัดที่สุด
มีเรื่องน่าแปลกใจที่ใช้งานจากจุดที่เริ่มนับครั้งแรก ใช้งานไปอีก 44 นาที ลองเช็คเวลาอีกครั้ง ระบบแสดงค่าเหลือเวลาใช้งานเป็น 8 ชม. 21 นาที เอาเป็นว่า ชั่วโมงทำงานของโน้ตบุ๊คตัวนี้ยาวนานพอใช้ได้ และขึ้นอยู่กับการใช้งานว่าเราใช้งานทำอะไร หากเล่นเน็ตอย่างเดียว ก็จะได้เวลาการทำงานขึ้นมาระดับ 8 ชั่วโมง + เลย
ความร้อนด้านล่างของตัวเครื่องไม่มาก ถือว่าอยู่ในระดับที่อุ่นๆ หากเทียบกับคอมพิวเตอร์ 10 ปีที่แล้วต้องบอกว่าด้านล่างโน้ตบุ๊คตัวโบราณร้อนจนสามารถเอาไปรีดผ้าได้เลย แต่ Asus Ryzen7 ตัวนี้ แค่อุ่นๆเท่านั้น พัดลมระบายความร้อนทำงานแล้วได้ยินเสียงชัดเจน ยิ่งเปิดเว็บเยอะ หรือ เปิด youtube ยิ่งพัดลมหมุนเร็ว จังหวะที่พัดลมเร่งความเร็วดังขึ้นมาจะได้ยินเสียงที่ชัดเจนมาก ส่วนจังหวะหมุนช้าก็เงียบจนคิดว่าไม่มีพัดลมเลย
ASUS แถมปากกามาใช้งานด้วย เป็นปากกาที่ต้องใส่ถ่าน 1 ก้อน เราสามารถใช้ปากกาแทนเม้าส์ได้ และ การขีดเขียนบนหน้าจอก็ทำได้แม่นยำดี เลือก app ให้ถูกใจแล้ววาดภาพได้เลย น้ำหนักกดมีเส้นเล็ก เส้นใหญ่ เปลี่ยนตามน้ำหนักมือ คนที่ชอบวาดภาพน่าจะถูกใจ แต่ปากกาจะยังไม่สามารถกดปุ่มเพื่อเปลี่ยนภาพในการดู slideshow หรือ กด next แทนเม้าส์ได้ น่าเสียดายที่ไม่ยอมใส่ฟังค์ชั่นนี้ในปากกา
จุดเด่นหลักๆของโน้ตบุ๊คตัวนี้คือจอสัมผัส ทำให้เราใช้งานเป็น tablet ได้เลย การลากการสั่งงานต่างๆด้วยนิ้วก็ตอบสนองเร็วมาก ความรวดเร็วและแม่นยำก็สูง ใช้งานได้ไม่ต่างจากมือถือสเป็คแรงๆเลย หน้าจอความละเอียดระดับ Full Hd ทำให้เราทำงานสะดวกขึ้น มองเห็นข้อมูลเยอะขึ้น ยิ่งสามารถพับเป็น tablet แล้ววางแนวตั้ง เราจะได้ข้อมูลในเว็บแสดงผลลงมาแนวยาวเยอะมาก ดูจากข้อมูล ตารางคะแนนพรีเมียร์ลีกจากภาพนี้ได้
ถ้าเราดูภาพแนวนอน เราจะเห็นคะแนนได้ถึง 18 ทีม แต่พอเราเอียงเป็นแนวตั้ง เราจะเห็นครบทั้ง 20 ทีม และมีพื้นที่เหลือด้านล่างอีกมาก ถ้ามี 30 ทีม ก็เห็นทั้ง 30 ทีมได้ในภาพเดียวเลย
ผมชอบโน้ตบุ๊คที่สามารถใช้งานแนวตั้งได้ เพราะว่าเราจะได้เห็นข้อมูลจำนวนมากในการแสดงผล 1 หน้าจอ มันทำให้การอ่านเว็บทำได้เร็วและมีประสิทธิภาพมาก ลองดูภาพเว็บที่แสดงผลแนวนอนเทียบกับแนวตั้งดูครับ
เล่นเว็บแนวตั้งจะสะใจมาก การแสดงผลแนวตั้งเหมาะกับรูปแบบข้อมูลในยุคปัจจุบัน เพราะข้อมูลจะเรียงตัวลงมาได้สวยงามและมีจำนวนมาก การเห็นข้อมูลเยอะทำให้เราทำงานต่างๆจบได้เร็วขึ้น
ในด้านคุณภาพเสียง ฟังผ่านหูฟังให้คุณภาพเสียงพอใช้ได้ ไม่มีเสียงรบกวนเหมือนน้ำเดือดแบบที่ผมเคยพบกับเครื่องคอมพิวเตอร์ all in one บางเครื่อง และเมื่อลองใช้กับ usb Dac อย่าง NAD Dac1 ที่เป็นเครื่องแปลงสัญญาณเสียง Digital ให้เป็นเสียง Analog เพื่อต่อกับเครื่องขยายเสียงด้วยระบบไร้สาย ตัวส่ง usb เสียบกับ ASUS ตัวนี้แล้วก็ทำงานได้เลย ตัววินโดส์ใช้เวลาไม่กี่วินาทีในการติดตั้งไดรเวอร์ให้กับ usb แบบอัตโนมัติ คุณภาพเสียงผ่านตัวแปลงเสียงอย่าง NAD เป็นเสียงแนวทางออดิโอไฟล์ คือเสียงนุ่มละมุนและน่าฟังมาก ผมเคยรีวิว NAD Dac1 ไปแล้วลองคลิกไปอ่านได้
สรุป
ASUS Flip14 นิ้ว ตัวนี้ ใช้ซีพียูตระกูล Ryzen7 ของค่าย AMD ถือว่าเป็นคอมพิวเตอร์ที่ตั้งใจออกแบบมาให้ทำงานแรงๆ สามารถใช้งานเพื่อทำงานประจำวันต่างๆได้ยอดเยี่ยมมาก หน้าจอแบบสัมผัสและลูกเล่นการพับจอ การกางเป็นสามเหลี่ยมช่วยให้การใช้งานคล่องตัว การพับกลับไป 360องศาแล้วกลายเป็น tablet ก็ช่วยให้สามารถใช้งานแนวตั้งได้ ปากกาที่ให้มาก็ทำงานขีดเขียนได้แม่นยำ เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ซื้อเข้ามาแล้วเพิ่มความเร็วการทำงานในทุกแง่มุม ผมประทับใจกับการออกแบบเครื่องนี้มาก และรู้สึกดีที่ตัดสินใจไม่ผิด ข้อเสียเพียงอย่างเดียวที่พบคือ มันน่าจะทำงานได้ไม่ถึง 10 ชั่วโมงบนแบตเตอรี่ในตัว แต่เป็นข้อเสียที่ผมคาดว่าผมคงไม่พบข้อเสียนี้ในการใช้งาน เพราะใช้โน้ตบุ๊คมาเกือบยี่สิบปี ไม่เคยต้องทำงานแบบยาวนานเกิน 4 ชั่วโมงแบบไร้ปลั๊กไฟเลย สุดท้าย เครื่องนี้ราคา 22900 บาท(กันยายน2562) ได้ของแถมของร้านอีก 1 กล่อง เป็นเม้าส์ไร้สาย และอุปกรณ์ทำความสะอาดโน้ตบุ๊ค
speacial notebook
เราขอมอบสมุดโน้ตที่มีชื่อของคุณบนหน้าปก ฟรี 1 เล่ม
เพียงคุณกรอก ชื่อ นามสกุล(ไทยหรืออังกฤษก็ได้) อีเมล ที่อยู่ ในฟอร์มด้านล่างนี้ เราจะทำสมุดที่มีเล่มเดียวในโลกให้คุณ สมุดจะถูกผลิตและจัดส่งไปยังร้านภายใน 7 วัน ในการแวะมาครั้งหน้าให้คุณถามถึงสมุดชื่อของคุณจากทางร้านได้เลย
หรือหากไม่สะดวกแวะมารับที่ร้าน อยากให้เราส่งของให้ถึงบ้าน เราคิดค่าส่ง 50 บาท เราจะจัดทำและส่งภายใน 7 วัน ส่งสลิปโอนเงินมาที่ email pockethifi@gmail.com
(เลขบัญชี กสิกรไทย 7332119596 วุฒิชัย เจริญบุรี)

Your message has been sent
ทดสอบ macbook air 11นิ้ว
macbook air เป็นโน้ตบุ๊คของ apple ที่ออกมาหลายปีแล้ว ถือว่าเป็นโน้ตบุ๊คที่มีหน้าตาดูดีและรูปร่างที่เพรียวบางที่สุดในโลกรุ่นหนึ่ง ในครั้งแรกออกมาราคาแพงลิบริ่ว แต่ก็มีเทคโนโลยีที่ดีตามมาเพียบ ไม่ว่าจะเป็นตัวถังแบบอะลูมิเนียมขึ้นรูปชิ้นเดียวทำให้มีความแข็งแรง การออกแบบที่แบนบางทำให้สามารถพกพาได้สะดวก การไม่มีช่องใส่ซีดีทำให้มีซอร์ฟแวร์แชร์ไดร์ฟซีดีจากเครื่องอื่นๆมายังเครื่อง macbook air ได้ โลกของอินเทอเน็ตแบบไร้สายเป็นจริงเป็นจังยิ่งกว่าเดิม
วันดีคืนดี macbook air กลับกลายมาเป็นโน้ตบุ๊คที่ราคาถูกที่สุดที่ apple เคยผลิตออกมา และขณะเดียวกันก็เป็นโน้ตบุ๊คที่มีน้ำหนักเบาที่สุดอีกต่างหาก โน้ตบุ๊คตัวเก่าของผมเป็น macbook pro จอ 15 นิ้ว เป็นโน้ตบุ๊คที่ตั้งใจซื้อมาเพื่อการทำงานโดยเฉพาะ และมันก็ทำหน้าที่ได้สมบูรณ์แบบ มันทำได้ทุกอย่างที่คอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งควรจะทำได้ แต่มันก็ต้องแลกมาด้วยขนาดตัวที่ใหญ่พอสมควร กระเป๋าโน้ตบุ๊คใบเก่าๆของผมหลายใบใช้กับ macbook pro ไม่ได้ เพราะที่ผ่านมาผมใช้โน้ตบุ๊คตัวเล็กมาตลอด เลยต้องหากระเป๋าใบใหม่ ใบที่ใหญ่พอจะใส่โน้ตบุ๊ค 15 นิ้วได้ ผลก็คือ กระเป๋าใหญ่และหนักมาก
ผมชอบโน้ตบุ๊คตัวเล็กมากกว่าตัวใหญ่ แต่โน้ตบุ๊คตัวเล็กๆอื่นๆที่เคยซื้อก็มีคุณภาพที่น้อยไปหน่อย บางตัวก็เล็กเกินไป บางตัวก็ช้าเหลือเกิน บางตัวก็ทั้งช้าและเล็ก เลยได้แต่รอว่า macbook air ลดราคาเมื่อไหร่จะได้ซื้อมาใช้แทนตัวเก่า
แล้วมันก็เป็นจริง macbook air หน้าจอ 11 นิ้ว มันเปิดตัวเมื่อประมาณสองสัปดาห์ที่แล้ว และเมื่อวานนี้มันก็วางขายในประเทศไทย และวันนี้มันก็มาตั้งอยู่ที่โต๊ะทำงานผมแล้วด้วยค่าตัว 34900 บาท
หน้าจอ 1366×768 พิกเซล ขนาดกว้าง 11.6 นิ้ว ถือว่าเป็นโน้ตบุ๊คจอเล็ก แต่ก็ไม่เล็กเกินไป มันยังให้ความละเอียดที่เพียงพอต่อการทำงาน ดีกว่าเน็ตบุ๊คราคาหมื่นกว่าบาทที่หน้าจอให้มาเพียง 1024×600 พิกเซล อย่าง acer one ที่ผมเคยอยากได้ แต่พอซื้อมือสองมาลองแล้วถึงจะรู้ว่าเน็ตบุ๊คมันช้าเกินไปสำหรับการทำงานในปัจจุบัน
macbook air รุ่น 11.6 นิ้วตัวนี้ใช้ซีพียู intel core2duo ความเร็ว 1.4Ghz ดูเหมือนจะน้อยไปเมื่อเทียบกับมาตรฐานปัจจุบันที่ความเร็วซีพียูวิ่งกันอยู่ที่ระดับ 2-3GHz กันแล้ว แต่ก็มีการทดลองเปรียบเทียบในต่างประเทศแล้ว และพบว่า macbook air ไม่ได้ช้าไปกว่าตัวอื่นๆเลย ตัวเลขซีพียูไม่ได้เป็นตัวชี้วัดความสามารถทั้งหมดของคอมพิวเตอร์ มันมีอย่างอื่นอีกที่ทำให้ macbook air มีความเร็วสูงอย่างไม่น่าเชื่อ นั่นคือการเลือกใช้ตัวเก็บข้อมูลแบบโซลิทสเตท หรือไม่ใช้ฮาร์ดดิสก์แบบแม่เหล็กอีกแล้ว เพราะความเร็วของโซลิทสเตทมันเร็วกว่าแม่เหล็กอยู่หลายเท่า แถมยังประหยัดพลังงานกว่าอีกด้วย ระยะเวลาที่ใช้งานได้ของ macbook air รุ่น 11 นิ้วนี้ อยู่ในระหว่าง 5-8 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับการใช้งาน ซึ่งถือว่าเป็นระยะเวลาการทำงานที่ยาวนานเพียงพอ
การเชื่อมต่อที่มีให้ จะมีช่องต่อจอภาพใช้ขั้วต่อแบบ mini display port ซึ่งเป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของ apple ช่องต่อ usb 2 ช่อง ซึ่งดูเหมือนจะน้อยไปหน่อย และช่องเสียบสายหูฟังเท่านั้น ไม่มี card reader และไม่มีช่องเสียบไมโครโฟน คีย์บอร์ดที่ให้มามีขนาดใหญ่โตเป็นปกติ ทำให้การวางมือเพื่อเตรียมพิมพ์ข้อความเป็นไปได้อย่างเป็นธรรมชาติ สามารถพิมพ์ตัวหนังสือได้สะดวก เพียงแต่รู้สึกว่า ปุ่มกดต่างๆมันมีระยะจมตัวค่อนข้างน้อย ซึ่งอาจจะเป็นเพราะว่าตัวถังโน้ตบุ๊คมันบางมาก ทำให้ปุ่มกดมีระยะยุบตัวน้อยตามไปด้วย แต่ก็ไม่เป็นปัญหา เพราะปรับตัวไม่กี่นาทีก็สามารถพิมพ์ข้อความเร็วๆและยาวๆเหมือนรีวิวนี้ได้
สิ่งที่ประทับใจทันทีก็คือระยะเวลาเปิดเครื่องทำได้ภายใน 15 วินาทีเท่านั้น แตกต่างจากเครื่องตั้งโต๊ะและโน้ตบุ๊คตัวเก่าที่ใช้ฮาร์ดดิสก์แบบแม่เหล็กอย่างไม่เห็นฝุ่น เดี๋ยวนี้ผมเล่นอินเทอเน็ตผ่านตัวต่อสัญญาณแบบ 3g ซึ่งเป็นอุปกรณ์พกพาประเภทหนึ่ง มันมีหน้าตาคล้ายโทรศัพท์ มันมีปุ่มกดเพื่อเปิดเครื่อง กดเพื่อรับสัญญาณไวเลสแลน และกดปุ่มเพื่อต่อสัญญาณกับเครือข่ายโทรศัพท์ 3g ซึ่งไอ้เจ้าตัวต่อสัญญาณตัวนี้ หรือ เรียกย่อๆว่า mifi มันเปิดตัวเองและเข้าสู่โหมดพร้อมทำงาน ใช้เวลานานกว่า macbookair เสียอีก ไม่ใช่ว่าอุปกรณ์อื่นมันช้า แต่เป็นเพราะ macbook air มันเร็วมาก
ใช้เล่นเน็ตไปเรื่อยๆ ผ่านไปสองชั่วโมง ความเร็วของ macbook air ไม่ตกเลย การเปิดอ่านข้อมูลในอินเทอเน็ตหลายๆหน้าต่าง สลับแต่ละหน้าไปมา อ่านแล้วคลิก อ่านแล้วคลิกไปเรื่อยๆ มันราบลื่น ไม่หน่วง เวลาเปิดโปรแกรมต่างๆใช้เวลาโหลดน้อยลง พอโหลดเสร็จแล้วการเปลี่ยนโปรแกรมไปมาระหว่างสองถึงสามโปรแกรมทำได้เร็วมาก เร็วกว่าการทำงานในอดีตที่ผ่านมาทั้งชีวิตเลย ความดีความชอบครั้งนี้เป็นเพราะการใช้ตัวเก็บข้อมูลแบบโซลิทสเตท ซึ่งมันคงเป็นอนาคตที่ทุกอุปกรณ์ทุกเครื่องมือจะต้องเข้าไปสู่ระบบเดียวกัน
การไม่มีฮาร์ดดิสก์แบบจานแม่เหล็ก ทำให้ไม่ต้องมีชิ้นส่วนเคลื่อนไหว ทำให้ไม่เปลืองพลังงาน ลดการสึกหรอ อายุการใช้งานจะยาวนานยิ่งกว่าเดิม และชั่วโมงการทำงานด้วยแบตเตอรี่ก็จะนานขึ้น ความร้อนที่เกิดจาก macbook air ค่อนข้างน้อยอย่างน่าประหลาดใจ เพราะ macbook pro ตัวเก่าของผมมันร้อนมากจนไม่อยากจับเลย การอุ้มโน้ตบุ๊คทำงานบนตักเป็นสิ่งที่ผมหลีกเลี่ยงมาตลอด เพราะมันร้อนจนน่าจะเอาไปรีดผ้าได้ แต่กับ macbook air ตัวใหม่นี้ เอามือจับที่ใต้เครื่องตอนที่ใช้งานไปสองชั่วโมง มันแค่อุ่นๆ
น้ำหนักตัว 1.06 กิโลกรัม เวลาหยิบขึ้นมาใช้งานนับว่าเป็นความรู้สึกที่ดี เพราะมันเบา ทำให้ไม่รู้สึกเกี่ยงที่จะหยิบมาเปิดดูข้อมูลต่างๆ คือลดความรู้สึกลำบากลงไปได้เยอะ สิ่งที่น่าชื่นชมอีกประการหนึ่งก็คือ เวลาเอาโน้ตบุ๊ควางบนโต๊ะ เราสามารถมือเพียงข้างเดียวยกฝาเพื่อกางหน้าจอขึ้น ความหนืดของบานพับฝืดกำลังพอดี ไม่ได้ฝืดแน่นจนยกฝาแล้วคีย์บอร์ดด้านล่างก็ติดขึ้นมาด้วย เพราะโน้ตบุ๊คเกือบทุกตัวที่เคยใช้มา ต้องใช้สองมือเพื่อกางหน้าจอทั้งสิ้น คือมือนึงจับฝา มือนึงจับฐาน แล้วก็กางให้มันแยกกัน macbook air มันออกแบบบานพับได้ดี ดีมาตั้งแต่รุ่นแรกเสียด้วยซ้ำ
หลังจากได้มาสองวัน ก็ทะยอยลงโปรแกรมเพื่อทำงาน แล้วก็ทดสอบเปิดไฟล์อาร์ตเวิร์คต่างๆ ปกติ เวลาลูกค้าส่งไฟล์อาร์ตเวิร์คมาให้พิมพ์ ก็ต้องเปิดมาตรวจสอบ ปรับขนาด แล้วก็ save ออกไปเป็น pdf เพื่อเอาไฟล์ pdf ไปทำดิจิทัลปรู๊ฟ ผมลองกับงานตัวเดิมของลูกค้ารายหนึ่ง ผมเคยต้องใช้เวลาประมาณ 3 นาที สำหรับการเปิด ตั้งขนาด และ save ใหม่อีกครั้ง แต่บน macbook air ตัว 11 นิ้วนี้ ผมใช้เวลาประมาณ 1 นาทีก็ทำเสร็จแล้ว ถือว่าเป็นความเร็วที่น่าทึ่งมาก มันตอกย้ำชัดเจนว่า ความเร็วของหน่วยประมวลผล หรือ ซีพียู ไม่ได้เป็นตัวชี้วัดความเร็วของทั้งระบบ ทุกอย่างต้องมีความเร็วที่สอดคล้องกันมันถึงจะพาให้ทั้งระบบเร็วขึ้นได้ แปลเป็นภาษาชาวบ้านอีกทีก็ต้องบอกว่า ทีมเวิร์คที่ดี ทำให้ผลงานดี ความเร็วของเมนบอร์ด แรม ตัวเก็บข้อมูล ยิ่งเร็วทันกัน ระบบโดยรวมก็ยิ่งเร็วตามกันไป
การเตรียมเครื่องเพื่อใช้กับงานสิ่งพิมพ์และภาพถ่ายจะต้องมีการคาลิเบรตจอภาพด้วย ผมมีเครื่องมือสำหรับคาลิเบรตอยู่ มันคือ X-rite รุ่น i1 ซึ่งมีขนาดค่อนข้างใหญ่ สิ่งที่พบก็คือผมไม่สามารถแขวนอุปกรณ์ตัวนี้บนหน้าจอ macbook air 11 นิ้วได้ เพราะจอมันเล็ก ความสูงของจอไม่เพียงพอ สุดท้ายก็เลยต้องวางนอน ปล่อยให้ macbook air นอนอ้าซ่าแบบในภาพเพื่อทำการคาลิเบลต ผลการคาลิเบลตก็ผ่านไปได้ด้วยดี ภาพก่อนทำ และหลังทำมีความแตกต่างกัน ภาพที่มากับตัวเครื่องจะมีความดำมากกว่าเล็กน้อย ส่วนภาพที่ผ่านการคาลิเบรตแล้วจะลดความดำลง คือเปิดให้เห็นรายละเอียดในส่วน shadow หรือ เงามืดได้มากขึ้น แต่มันก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ถ้าเทียบเป็นหน่วยการรับแสง f-stop ผมคิดว่ามันเหมือนภาพสว่างขึ้นประมาณ 1/3 stop
สรุปสั้นสำหรับการทดสอบ macbook air หน้าจอ 11 นิ้วตัวนี้
มันสอบผ่านในเรื่องประสิทธิภาพการทำงาน เพราะมันทำงานหลายๆอย่างได้เร็วขึ้น
มันสอบผ่านในเรื่องของความเบา เพราะมันเบาเกือบจะที่สุดในโลกเมื่อเทียบกับโน้ตบุ๊คหน้าจอ 11 นิ้วตัวอื่น
มันสอบผ่านเรื่องความสวยงาม
มันสอบผ่านเรื่องราคา เพราะมันเป็นโน้ตบุ๊คของ apple ที่ถูกที่สุดเท่าที่เคยมีมา
มันสอบผ่านเรื่องแบตเตอรี่ เพราะมันทำงานไม่ต่ำกว่า 5 ชั่วโมง ยิ่งรุ่นที่เป็นจอ 13 นิ้ว จะให้แบตมากกว่านี้อีก



















