ทดลองทำนามบัตร RFID และ RFID Blocking

ในปัจจุบันเรามีการใช้งานบัตรเครดิต บัตรผ่านเข้าออกอาคาร หรือบัตรรถไฟฟ้า โดยใช้เซ็นเซอร์ RFID เป็นตัวส่งสัญญาณซึ่งจะติดตั้งไว้ในบัตร เครื่องอ่านจะอ่านค่าโดยไม่ต้องสัมผัส เพียงแค่นำบัตรไปวางไว้ใกล้ๆเครื่องอ่านเท่านั้น เมื่ออ่านค่าเจอบัตรแล้ว ถ้าเป็นบัตรเครดิตก็จะตัดเงินได้ทันที ถ้าเป็นบัตรผ่านไม้กั้นหรือประตูก็จะเปิด ความสะดวกเหล่านี้เป็นบริการขั้นเทพ แต่ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงที่จะถูกขโมยข้อมูลด้วยเช่นกัน

RFID ทำงานด้วยความถี่วิทยุ มีมาตรฐานหลายความถี่ แต่ละความถี่แต่ละการใช้งานจะมีลักษณะที่แตกต่างกัน เช่นตรวจได้แบบห่างหลายเมตรก็จะใช้กับบัตรผ่านทางด่วน ตรวจผ่านระยะใกล้ๆเกือบสัมผัสก็จะใช้กับบัตรผ่านประตู หากใช้คลื่นความถี่ที่ 13.56Mhz และตรวจจับได้ในระยะใกล้ โดยถูกนำไปใช้ร่วมกับระบบของสมาร์ทโฟนด้วย จะเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า NFC หรือ Near Field Communication

การใส่ความสามารถในการส่งสัญญาณ RFID หรือ NFC ให้กับนามบัตร นอกจากใช้แจกเพื่อแนะนำตัวตามหน้าที่หลักแล้ว ยังสามารถใช้โทรศัพท์ที่มีตัวอ่าน NFC มาแตะเพื่อเข้าสู่หน้าเว็บได้ด้วย หรือจะบันทึกข้อมูล contact ของนามบัตรเอาไว้แล้วพอแตะเพื่ออ่านข้อมูล ก็จะมีข้อความขึ้นมาถามเพื่อบันทึกเบอร์โทรใหม่ลงเครื่องโทรศัพท์ก็ได้ การใช้งานอีกหลายแนวทางก็จะขึ้นอยู่กับการออกแบบของเจ้าของนามบัตร

ขณะเดียวกันก็มีความกังวลว่าหากการสื่อสารไร้สายแบบ contactless เช่นนี้ถูกโจรนำเครื่องสแกนหรือเครื่องอ่าน RFID มาเฉียดใกล้กับบัตรเครดิตของเราเพื่อดึงข้อมูล หรือ เพื่อตัดเงินเหมือนใช้บัตรเครดิตซื้อสินค้า แล้วจะทำให้โจรได้เงินไปง่ายๆ ปัญหาเหล่านี้ก็ถูกแก้ไขด้วยการป้องกันการอ่าน โดยการทำบัตรป้องกันมาใช้วางแนบกับบัตรเครดิตเพื่อให้เครื่องอ่าน RFID ไม่สามารถอ่านได้ บัตรป้องกันนี้เรียกว่า RFID Blocking Card เพียงเท่านี้ก็ลดความเสี่ยงที่จะถูกอ่านบัตรในกระเป๋าของเราได้

บัตรผ่านชนิด RFID ส่วนมากทำมาเป็นแบบสำเร็จรูป เป็นบัตรพลาสติกมีความหนา ทำให้ไม่ได้ถูกใช้งานในวงการสิ่งพิมพ์ การติดความสามารถในการสื่อสารแบบ RFID เข้าไปบนกระดาษทำให้เราสามารถผลิตบัตรผ่านด้วยเครื่องพิมพ์ระบบอ๊อพเซ็ทหรือดิจิทัลได้ ทำให้นามบัตรกระดาษมีความสามารถในการสื่อสารไร้สายได้ เป็นทางเลือกหนึ่งที่มีความสวยงาม แถมยังออกแบบให้สื่อสิ่งพิมพ์อื่นๆสามารถส่งข้อมูลเพิ่มเติมให้ผู้อ่านได้อีกหลายวิธีขึ้นอยู่กับความคิดสร้างสรรค์การทำสื่อของแต่ละคน

ออกแบบนามบัตรใช้เอง อีกแบบ

การเป็นเจ้าของโรงพิมพ์จะต้องทำงานสิ่งพิมพ์ให้ลูกค้าจำนวนมาก งานพิมพ์ที่ทำบ่อยก็คืองานนามบัตร โรงพิมพ์ในยุคปัจจุบันสามารถพิมพ์นามบัตรได้รวดเร็ว เพราะมีเครื่องพิมพ์ระบบดิจิทัลที่สั่งการด้วยคอมพิวเตอร์ เพียงแค่ส่งไฟล์อาร์ตเวิร์คที่พร้อมพิมพ์เข้าสู่เครื่องพิมพ์ ตั้งค่าเล็กน้อยว่าจะพิมพ์ด้วยกระดาษอะไร แล้วก็สั่งพิมพ์ออกมาได้เลย

IMG_6485

หากเป็นเมื่อก่อนตอนที่ยังไม่มีเทคโนโลยีการพิมพ์ดิจิทัล งานนามบัตรตัวหนังสือคมชัด สีสวย จะต้องพิมพ์ด้วยระบบการพิมพ์อ๊อพเซ็ท ค่าแม่พิมพ์ ค่าแรงการพิมพ์ เมื่อรวมกันแล้วต้นทุนการพิมพ์งานออกมาจะอยู่ที่ระดับหลายพันบาท นี่เป็นปัญหาของลูกค้าที่จะใช้นามบัตรจำนวนน้อย การมีเครื่องพิมพ์ดิจิทัลทำให้เราสามารถพิมพ์งานคุณภาพแบบเดียวกับการพิมพ์อ๊อพเซ็ทแต่พิมพ์แค่พอใช้งานหรือเท่าที่ต้องการ ราคาต่อใบก็ไม่แพงมาก นามบัตร 100 ใบ เราไม่ต้องจ่ายเงินระดับหลักพันบาทอีกแล้ว ทำให้การพิมพ์นามบัตรในยุคปัจจุบันจึงเป็นเรื่องที่ราคาไม่แพงและได้งานเร็วมาก

IMG_6481

เมื่อพิมพ์เสร็จแล้วก็นำมาวางเพื่อถ่ายรูปกันหน่อย นามบัตรออกแบบใหม่ครั้งนี้ทำโลโก้ใหม่ และจัดวางไว้ 2 รูปแบบเนื่องจากยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะใช้แบบไหน ก็เลยพิมพ์ทั้ง 2 แบบเลย การถ่ายภาพสิ่งพิมพ์ก็เน้นถ่ายให้เห็นข้อมูลในสิ่งพิมพ์ แบ็คกราวน์ต่างๆในภาพก็เลือกเท่าที่หาได้ และทั้งหมดก็จบงานในรถยนต์ เพราะเลือกใช้เบาะรถยนต์เป็นพื้นหลัง

IMG_6482

ทำนามบัตรใช้

ผมทำงานสิ่งพิมพ์มายาวนานหลายปี แต่ไม่ค่อยมีนามบัตรของตัวเองใช้งานเลย หลายครั้งก็ทำนามบัตรแบบเร่งด่วนเพื่อนำไปใช้แจกแบบเร่งรีบ ทุกครั้งที่หยิบนามบัตรของตัวเองออกไปพบปะผู้คน นามบัตรใบนั้นก็มักจะถูกทำด่วนขึ้นมา และวิธีการออกแบบรวมถึงการผลิตก็ไม่ได้พิถีพิถัน เพราะมีเรื่องของเวลามากำหนดไว้ ทำให้ทำงานนามบัตรที่มีขั้นตอนหรือ มีความซับซ้อนไม่ได้

2021-05-25_09-07-24

ในช่วงเวลาที่ประเทศไทยประสบกับปัญหาโควิด19 ระบาด ทำให้เศรษฐกิจพัง ลูกค้าโรงพิมพ์เริ่มน้อยลง ผมมีเวลาว่างมากขึ้น เลยคิดถึงการออกแบบนามบัตรเพื่อใช้งานอย่างจริงจัง และจริงใจกับอาชีพตัวเอง ก็เลยเลือกวิธีผลิตนามบัตรด้วยเทคนิคการพิมพ์ที่พิเศษและไม่ค่อยมีใครทำ นั่นคือการพิมพ์นามบัตรด้วยเครื่องพิมพ์ Letterpress ซึ่งเทคโนโลยีการพิมพ์แบบนี้คือสิ่งที่เกิดขึ้นมาเมื่อประมาณสี่ร้อยปีที่แล้ว และในปัจจุบันก็ยังมีการทำงานด้วยเทคนิคแบบนี้อยู่บ้าง แต่ก็ไม่เป็นที่นิยมมากนัก

20210427163427_IMG_0339

เมื่อเลือกที่จะทำงานนามบัตรด้วยเทคนิคที่เรียกว่า Letterpress การออกแบบหน้าตาอาร์ตเวิร์คก็ต้องสอดคล้องไปกับวิธีการพิมพ์ งานพิมพ์แนวทางนี้ต้องใช้แม่พิมพ์ที่เป็นตัวหนังสือคมชัดหรือลายเส้นที่ชัดเจน การพิมพ์ไม่สามารถทำน้ำหนักอ่อนแก่ได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่แตกต่างไปจากเทคนิคการพิมพ์อ๊อพเซ็ท งานจัดวางตัวหนังสือและเล่นกับสีสันที่ไม่เหมือนกันก็จะเป็นสิ่งที่เหมาะสมกับเทคนิคนี้ ผมก็เลยเลือกพิมพ์ตัวหนังสือด้วยฟ้อนต์ที่เรียบง่ายและดูคล้ายๆกับตัวหนังสือที่อยู่ในเครื่องพิมพ์ดีด

20210427163201_IMG_0338

กระดาษที่ใช้ก็หาสต๊อคจากที่มีอยู่ในโรงพิมพ์ เป็นกระดาษลายผ้าเกรดสูงมาก ราคากระดาษเปล่าที่สั่งจากคนขายก็แพงมาก จนไม่ค่อยกล้าใช้กับงานทั่วไป แต่การทำนามบัตรไม่ได้ใช้กระดาษเยอะเหมือนงานใบปลิว และเราก็มักจะทำนามบัตรกันในจำนวนหลักหนึ่งร้อยหรือสองร้อยใบ นั่นก็จะไม่เปลืองนัก

IMG_20191024_113424

แม่พิมพ์ถูกสั่งทำออกมา แบ่งเป็นแม่พิมพ์สีดำ กับ แม่พิมพ์สีขาว ตอนพิมพ์เราจะพิมพ์ด้วยแม่พิมพ์ทีละสี และตอนที่กำลังพิมพ์เราก็จะสามารถเพิ่มแรงกดของแม่พิมพ์ให้มากกว่าปกติ เพื่อให้มีลักษณะของตัวหนังสือที่กดจมลงไปในเนื้อกระดาษ ซึ่งเป็นบุคลิกของงานพิมพ์ Letterpress ที่ระบบการพิมพ์แบบอื่นให้ไม่ได้

พอทำงานเสร็จ ผมพอใจกับสิ่งที่ได้เห็น นามบัตรที่แสดงตัวตน มีข้อมูลการติดต่อครบถ้วน ต่อไปนี้ผมก็มีนามบัตรทางการใช้งานแล้ว

NEC pocket02 นามบัตรหรือเศษกระดาษ

นามบัตรหรือเศษกระดาษ

IMG_0994thailetterpress-Full

ในการทำธุรกิจของทุกคนต้องมีการใช้นามบัตรเสมอ และการที่ท่านออกจากบ้านไปหาเพื่อนๆ ไปร่วมกลุ่มเน็ตเวิร์คกิ้งต่างๆนั้น บางท่านอาจจะพกนามบัตรไปแจกแบบเน้นปริมาณ บางท่านตั้งใจจะแจกทุกคนที่ได้คุยด้วย อาการแจกไม่เลือกแบบนี้จะไม่สร้างผลดีต่อท่านเลย เพราะภาพลักษณ์ของท่านจะกลายเป็นเซลส์ที่เน้นการขายของ มาออกบู๊ทมาแจกใบปลิว มาแจกนามบัตร หนังสือบางเล่มจะเรียกคนแจกนามบัตรแบบไม่คิดว่า “นักยัดเยียดนามบัตร”

นามบัตรหนึ่งใบราคาไม่ถูกไม่แพง แต่มันจะกลายเป็นเศษกระดาษราคาแพงไปเลยถ้าท่านใช้ไม่ถูกวิธีหรือแจกไปยังคนที่ไม่ต้องการ และในทางตรงข้าม นามบัตรใบละไม่กี่บาทจะเป็นคัมพานีโพรไฟล์ที่ถูกที่สุดในโลกหากท่านแจกถูกคนและถูกโอกาส

วิธีการที่ดีที่สุดในการแจกนามบัตรให้มีคุณค่าก็คือ แจกเฉพาะคนที่เขาเอ่ยปากขอครับ ใครไม่ขออย่าเพิ่งไปแจก เพราะเขาอาจไม่ต้องการ เขาอาจมาอยู่ในกลุ่มเน็ตเวิร์คกิ้งแบบโดนบังคับมา โดนหลอกมา เขาไม่ได้อยากทำธุรกิจ หรือแม้แต่ธุรกิจเขาอาจไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเราเลย การหยิบนามบัตรแจกไม่เลือกหน้ามีโอกาสที่มันจะถูกนำไปวางในลิ้นชักแบบมัดยางรวมเป็นกอง เพราะใครๆก็แจกไม่คิด คนรับก็รับแบบไม่อยากเสียมารยาท สุดท้ายมันก็จะกลายเป็นเศษกระดาษราคาแพง ผมเชื่อว่าทุกท่านจะมีกองนามบัตรที่ไม่อยากได้อยู่สักกองหนึ่งในที่ทำงาน ซุกไว้ในลิ้นชักหรือในซอกตู้เก็บเอกสารสักที่หนึ่ง

สิ่งที่เราควรจะเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการแจกนามบัตรอย่างมีคุณค่าก็คือ
1 มีนามบัตรติดตัวพร้อมแจกเสมอ
2 มีนามบัตรที่แสดงถึงตัวตนความเป็นมืออาชีพในธุรกิจของท่าน และไม่ลืมระบุ ชื่อท่าน ชื่อบริษัท เบอร์โทรที่ต้องการให้เขาโทรกลับ และรายละเอียดธุรกิจของท่านอย่างสรุปย่อ
3 แจกเฉพาะคนที่เขาอยากได้

คราวนี้ถ้าเกิดว่า คุณอยากจะให้นามบัตรกับใครเป็นพิเศษ คนที่คุณเชื่อว่าเขาสามารถเชื่อมโยงกับธุรกิจของคุณได้ คุณจะทำอย่างไรให้เขาเอ่ยปากขอนามบัตรจากคุณ
วิธีทำให้เขาเอ่ยปากขอนามบัตรจากคุณก็ทำได้โดยการเข้าไปทำความรู้จักและขอนามบัตรของเขาก่อน เมื่อได้คุย และได้นามบัตรมาแล้ว ถ้าเขาไม่ลืมเขามักจะขอนามบัตรจากคุณเช่นกัน มันเป็นจิตวิทยา การตอบแทนซึ่งกันและกัน คือถ้าคุณทำอะไรต่อเขา เขามักจะทำแบบนั้นต่อคุณ แค่นี้คุณก็สามารถให้นามบัตรแก่คนที่คุณสนใจได้แล้ว

อย่าลืมว่า นามบัตรเล็กๆหนึ่งใบ เป็นได้ทั้งคัมพานีโพรไฟล์ และเศษกระดาษ ใช้มันให้ถูกวิธี ถูกกาละเทศะ มันพาคุณไปสู่ลูกค้าที่คุณต้องการ