leica minilux 2024 กับฟิล์ม Kodak gold200

dpp-IMG_9980

หลังจากส่งกล้อง Leica minilux ที่หลับไหลจากอาการสายแพรขาดไปซ่อมเรียบร้อย ก็ทดลองงานซ่อมกับฟิล์มสักม้วน ยุคปี 2024 ฟิล์มราคาแพงมาก ลองซื้อฟิล์มสีที่ราคาถูกที่สุดในท้องตลาดก็คือ Kodak Gold 200 ราคาม้วนละ 350 บาท แพงอย่างน่าตกใจ แต่ก็อยากลอง

IMG_20240825_183820

กล้อง Leica minilux เป็นกล้องที่รูรับแสงกว้าง วัดแสงแม่น โฟกัสแม่น ถ้าสภาพดีมันคืออุปกรณ์ระดับเทพที่ให้คุณภาพสูง มีข้อเสียอย่างเดียวคือหากเราต้องการถ่ายภาพแบบไม่เปิดแฟลช เราต้องกดปุ่มสั่งการกล้องทุกครั้งที่เปิดกล้อง แถมต้องกดปุ่มถึง 6 ครั้งเพื่อปิดแฟลช ถ้าเราถ่ายภาพในที่แสงน้อย อย่างเช่นถ่ายในบ้าน ถ่ายตอนกลางคืน กล้องจะเปิดแฟลชเสมอ ทำให้ต้องกดสั่งปิดทุกครั้งนั่นเอง

000049

ลองวัดฝีมือการถือกล้องว่านิ่งได้แค่ไหน ภาพในบ้าน แสงสว่างได้จากโคมไฟอ่านหนังสือ ความไวชัตเตอร์น่าจะต่ำจนต้องลุ้นว่าภาพจะสั่นหรือไม่ ผลออกมาก็พอใช้ได้ เลนส์รูรับแสงกว้างระดับ f2.4 ดูจะเก็บแสงโคมไฟได้ดี ให้แสงในภาพดูสวยงาม สวยกว่าตาเห็น ภาพนั่งโต๊ะภาพนี้ให้สีสันและระดับความสว่างที่ถูกใจ ลักษณะภาพสว่างบริเวณกลางภาพ และมืดดำที่ขอบภาพช่วยทำให้จุดสนใจเด่นชัด การไล่ระดับแสงจากสว่างไปมืดบนฟิล์มทำได้รุนแรงเด็ดขาด นั่นเป็นเพราะความสามารถในการรับแสงของฟิล์มต่ำกว่ากล้องดิจิทัลยุคปัจจุบันมาก ภาพโต๊ะหนังสือนี้ถ้าใช้กล้องดิจิทัลหรือโทรศัพท์รุ่นใหม่ในการถ่าย เราจะเห็นรายละเอียดในขอบภาพที่สว่างกว่าภาพนี้ ฉากหลังจะไม่ดำเท่านี้

000045
ภาพในร้านตัดผม ภาพนี้ถ่ายด้วยกล้องดิจิทัลไปแล้วหลายภาพ แต่ก็รู้สึกว่าอยากได้ภาพบนฟิล์มด้วย ก็เลยหยิบ minilux ออกมาถ่าย เล็งโฟกัสที่หน้าของเด็กในกระจก ผลงานออกมาก็คมชัดในจุดที่ต้องการ minilux โฟกัสได้แม่นยำมาก แถมยังวัดแสงได้พอดีเหลือเชื่อ แสงนอกหน้าต่างที่ส่องเข้ามายังจุดนั่งตัดผม พอดีกับแสงภายในร้าน ผมเจตนาให้เห็นแขนของผมเองในภาพนิดๆ เพื่อให้รู้ว่าเราก็อยู่ในภาพเหมือนกัน ลูกตัดผม พ่อถ่ายภาพ โมเม้นนี้มีแค่ตอนเด็กเท่านั้น ถ้าเด็กโตขึ้นเป็นวัยรุ่นก็คงไม่แวะร้านแนวนี้แล้ว

000048

เวลาถ่ายภาพด้วยกล้องฟิล์ม เราจะไม่มีข้อมูลการถ่ายภาพใดๆเลย อาศัยความจำเท่านั้น การดูภาพสแกนก็จะไม่รู้ว่าเป็นภาพจากกล้องตัวไหน ก็เลยจะพยายามถ่ายภาพให้พอรู้ว่าใช้กล้องอะไรโดยการถ่ายภาพตัวเองพร้อมกล้องในกระจก การถ่ายเซลฟี่สะท้อนกระจกทำให้รู้ว่าภาพชุดนี้ถ่ายจากกล้องตัวไหน แต่บังเอิญภาพนี้เงาในกระจกดูเบลอไปหน่อยทำให้ดูยากว่าเป็นกล้องอะไร แต่คนเคยจับกล้องรุ่นนี้ก็จะพอนึกออก พอเดาได้

000061

ภาพถนนเยาวราชตอนกลางคืน เป็นการถ่ายภาพในที่แสงน้อยที่มีข้อจำกัดคือไม่ใช้ขาตั้งกล้อง เพราะว่าคนเยอะมากจนไม่สามารถกางขาตั้งก้องออกมาโดยไม่กีดขวางการเดินทางของผู้อื่น จึงใช้วิธีถือถ่ายด้วยมือ ตั้งโฟกัสบนกล้องเป็นระยะอินฟินิตี้ เพื่อลดความผิดพลาดจากการโฟกัส เพราะตอนกลางคืนมักจะทำให้การโฟกัสทำงานผิดพลาดได้ง่าย ก่อนถ่ายก็สูดลมหายใจเข้าลึกหน่อยจากนั้นกลั้นหายใจแล้วกด

000052
000043
000064



เสริมเกี่ยวกับการใช้แฟลชถ่ายภาพ

IMG_20240825_181237

สองภาพนี้เป็นการยกตัวอย่าง ภาพบนคือการถ่ายภาพด้วยระบบอัตโนมัติ กล้องคิดให้ยังไงก็ถ่ายไปอย่างนั้น สภาพแสงในบ้านค่อนข้างน้อย พอกล้องคิดให้ทุกอย่าง กล้องก็ถ่ายแบบเปิดแฟลชให้ ทุกอย่างในภาพก็จะสว่าง ชัด เคลียร์ ดูรู้ว่ามีอะไรอยู่ในภาพบ้าง ส่วนภาพล่างก็เป็นภาพที่ถ่ายแบบไม่เปิดแฟลช คนถ่ายต้องกดปุ่มสั่งเพื่อปิดแฟลชก่อน แล้วพยายามถือกล้องให้นิ่งในการถ่าย ฟิล์มความไว 200 กับสภาพแสงในบ้านตอนกลางคืนเป็นงานยาก ต้องพยายามมากเพื่อไม่ให้ภาพสั่น แต่ผลลัพธ์ก็ออกมาดีเกินคาด ภาพดูสวยงามกว่า ถูกใจมากกว่าการเปิดแฟลช

InCollage_20250712_212037366

ภาพตัวอย่างเปรียบเทียบกับใช้แฟลชกับไม่ใช้

ภาพม้วนนี้ใช้บริการร้านล้างฟิล์มพร้อมสแกน Toiletlab ส่งฟิล์มห้าโมงเย็น ผ่านไปชั่วโมงกว่าๆก็ได้ไฟล์ทาง google drive แล้ว ร้านทำงานบริการได้ดีน่าอุดหนุน ไฟล์ภาพที่ได้ก็มีขนาดประมาณ 8.9 ล้านพิกเซล (3661 × 2456) สามารถใช้พิมพ์ขนาด A4 แบบคุณภาพสูงได้

Screenshot 2567-08-26 at 20.07.10

Leica minilux ยังคงน่าใช้ในปี 2024 สภาพกล้องยังแข็งแรง สามารถซ่อมบำรุงได้แทบจะทุกอาการ โดยเฉพาะอาการเสียประจำรุ่นอย่างสายแพรขาดก็สามารถซ่อมได้ เพราะมีอะไหล่ขายอยู่ในอินเทอเน็ต ใครยังอยากได้กล้องคุณภาพสูง เป็นไอค่อนของวงการถ่ายภาพอีกตัวหนึ่งก็ลองหามาใช้ได้ มันดีและมันน่าใช้ และที่สำคัญ มันสะกิดให้เราอยากถ่ายภาพ แม้ฟิล์มจะแพงก็เถอะ

บันทึกไว้
ล้างสแกนที่ Toiletlab
ค่าฟิล์ม 350
ค่าล้างพร้อมสแกน 150
ค่าส่งฟิล์มกลับ 70

รีวิวเป็นเสียง leica minilux

กล้อง leica minilux ผมใช้มานานหลายปีแล้ว ลองเอามาเล่าเป็นเสียงบ้าง แง่มุมที่พูดถึงจะเป็นเนื้อหาที่เพิ่มเติมไปจากรีวิวปกติที่เคยเขียนไว้ เช่น ภาพขาวดำจาก minilux การสแกนภาพจากฟิล์มสีของร้านล้างฟิล์ม ความทนทาน อาการเสียประจำรุ่น เชิญฟังได้ครับ หลังจากฟังแล้วค่อยกลับมาอ่านต่อด้านล่างนี้

ภาพที่ชอบที่สุดจากกล้อง leica minilux คือภาพวันแรกเกิดของลูกผมเอง ก่อนจะได้ถ่ายภาพนี้ผมก็เตรียมตัวมาล่วงหน้าหลายเดือน การเตรียมตัวก็คือ เอาฟิล์มขาวดำมาทดลองถ่ายและล้างฟิล์มออกมาดู ยังมีขั้นตอนการโหลดฟิล์มเข้าแท๊งค์ล้างฟิล์มด้วย ซึ่งเป็นขั้นตอนที่เสี่ยงต่อความเสียหายที่สุด เพราะหากโหลดฟิล์มติดขัด ฟิล์มไม่เรียงตัวในตะแกรงอย่างเป็นระเบียบ ฟิล์มก็จะทำปฏิกิริยากับสารเคมีไม่ทั่วถึง ภาพก็จะเสียนั่นเอง การซ้อมยังรวมถึงการทดลองผสมน้ำยา ทดลองล้างที่อุณหภูมิตามสเป็ค เพื่อดูผลของฟิล์มว่าผ่านการล้างแล้วเป็นอย่างไร และอีกส่วนที่ต้องทำก็คือเตรียมกล้องให้อยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานเพราะกล้องเก่าแล้ว เช็คสภาพก่อนจะถ่ายจริงก็เป็นเรื่องที่ควรทำ ฟิล์มขาวดำผมเลือกใช้ยี่ห้อตลาดราคาไม่แพง ด้วยเหตุผลว่า มันยังมีขายในช่วงเวลานั้นและเคยใช้ฟิล์มตัวนี้กับน้ำยาล้างฟิล์มตัวที่คุ้นเคย และภาพที่ออกมาก็สร้างความรู้สึกตื่นเต้นได้ดี และในตอนที่ถ่ายภาพในเหตุการณ์จริง ทุกอย่างก็เป็นไปตามที่ซ้อมไว้

IMG_9465
ภาพอัดลงกระดาษขาวดำ

หลังจากไปยืนเป็นพยานตอนลูกเกิด ไปรอถ่ายภาพพ่อแม่ลูกในห้องคลอดเสร็จแล้ว ก็ออกมาที่ห้องพัก คุณหมอจะพาลูกมาให้เริ่มดูดนมแม่ และเปิดโอกาสให้พ่อแม่ได้เห็นหน้าลูกชัดๆ และสามารถถ่ายรูปได้ตามใจด้วย ผมเข็นเตียงเด็กไปอยู่ใกล้ๆหน้าต่างเพื่อให้แสงสว่างมากเพียงพอที่จะถ่ายภาพได้ ยกกล้อง minilux ตั้งค่าที่ตัวกล้องเป็นการถ่ายแบบเลือกรูรับแสงเอง ผมตั้งรูรับแสงของกล้องไว้ที่ 2.4 แล้วก็โฟกัสสิ่งที่ต้องการแล้วถ่ายภาพเลย หลังจากถ่ายไป ประมาณ 2 สัปดาห์ ผมว่างพอจะล้างฟิล์ม ก็ทำการล้างในแบบที่เคยซ้อมไว้ ได้ฟิล์มที่มีภาพบันทึกสมบูรณ์แบบ คุณภาพการล้างเป็นไปตามมาตรฐาน เราสามารถใช้ฟิล์มนี้ไปสแกนด้วยเครื่องสแกนฟิล์มก็ทำได้สวยงาม ทดลองสแกนด้วยการถ่ายภาพผ่านกล้องดิจิทัลก็ทำได้ และ การอัดภาพลงกระดาษขาวดำโดยตรงก็ได้ดังภาพที่เห็น

ไฟล์สแกนดูบนจอ

ภาพขาวดำบนกระดาษขาวดำแท้ๆ เป็นภาพที่สวยงามมาก ระบบการแสดงภาพบนจอทุกชนิดไม่สามารถให้คุณภาพได้เหมือนกระดาษ ไม่ว่าเราจะพยายามสแกนฟิล์มให้ได้ไฟล์ที่มีคุณภาพอย่างไร ภาพที่ได้ก็ไม่เหมือนภาพบนกระดาษอัดภาพแท้ๆที่ผ่านการฉายแสงด้วยวิธีดั้งเดิม ผมเอาไฟล์ดิจิทัลที่สแกนฟิล์มไปทดลองพิมพ์ด้วยเครื่องพิมพ์ต่างๆก็ไม่ได้คุณภาพแบบที่กระดาษขาวดำให้ได้ ผมลองทั้งเครื่องดิจิทัลปริ๊นท์ระดับโปรดักชั่นของโรงพิมพ์ราคาเครื่องเป็นล้าน หรือ เครื่องพิมพ์ภาพถ่ายของ canon ที่เป็นระบบการพิมพ์แบบ dye-sublimation ซึ่งเป็นการผลิตภาพที่ให้คุณภาพสีจากไฟล์ดิจิทัลที่สูงที่สุดของเทคโนโลยีทางการพิมพ์แล้ว ความรู้สึกตรงนี้ต้องเห็นด้วยตาตัวเองถึงจะเข้าใจ มันเหมือนการมองโลกผ่านกระจก มันมีอารมณ์ร่วมมากกว่ามองผ่านจอทีวี แล้วชีวิตเราดีขึ้นไหมจากการถ่ายภาพ ล้างฟิล์ม อัดภาพเอง ก็ไม่ได้ดีขึ้นหรอก เราแค่หาความสุขจากการถ่ายภาพให้ครบวงจรเท่านั้นเอง

การสแกนภาพจากฟิล์มขาวดำด้วยเครื่องอัดภาพ

ภาพขาวดำจากฟิล์มมีความคลาสิคในบางอย่าง ทำให้ยังคงมีนักเล่นนักถ่ายภาพบางส่วนยังคงอยู่กับฟิล์มขาวดำ น้ำยาเคมี แท้งค์ล้างฟิล์ม และเครื่องอัดภาพ กว่าจะได้ภาพบนกระดาษอัดภาพก็ใช้ขั้นตอนมหาศาล ทั้งยังต้องใช้ความปราณีตผิดมนุษย์อีกต่างหากถึงจะมีภาพขาวดำดีๆบนกระดาษให้เราได้ดูกัน

แต่ด้วยความใจร้อนและขี้เกียจปนๆกัน ผมก็เลยลองลัดขั้นตอนบางอย่าง คือ ยังคงถ่ายภาพและล้างฟิล์มด้วยวิธีปกติ แต่ในขั้นตอนการทำภาพออกมาดู ผมใช้วิธีขยายภาพฟิล์มด้วยเครื่องอัดภาพขาวดำ ให้ฉายลงพื้นสีขาวหรือกระดาษขาวไปเลย แทนที่จะเป็นกระดาษอัดภาพ เพราะผมไม่อยากเตรียมน้ำยาเคมีทั้งถาดเพื่ออัดภาพแค่ภาพเดียว เลยขยายภาพจากฟิล์มด้วยเครื่องอัดให้ใหญ่ที่สุดเท่าที่เครื่องจะทำได้ พอเห็นภาพฉายแสงแล้ว ก็ใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายภาพที่ปรากฏนั้นเลยIMG_20180425_105223

ผมใช้โทรศัพท์ huawei p9 ตั้งค่าให้ถ่ายภาพในโหมดขาวดำ แล้วก็ถ่ายภาพในห้องมืด ก็จะได้ภาพในมือถือเป็นภาพกลับสีกัน เพราะฟิล์มเป็นฟิล์มเน็กกาทีฟนั่นเอง เมื่อได้ภาพมาแล้วก็เอามาคร็อปภาพให้ได้ขอบเขตที่ต้องการ ตัดส่วนนอกโดยรอบออก

IMG_20180425_111517

เราก็จะได้กลับสีที่ใหญ่ขึ้น กรอบภาพและตัวภาพก็อยู่ในระยะที่เหมาะสม ขั้นตอนการคร็อปภาพนี้ใช้มือถือสั่งทำได้โดยตรง พอได้ภาพที่คร็อปมาแล้ว ก็มาทำการเปลี่ยนสีด้วย app ที่ชื่อ negative image หาโหลดได้ใน play store ของ android เป็นของฟรี มีโฆษณานิดหน่อย แต่ก็ทนใช้งานได้

Negative Image_1524629748890-01

เมื่อกลับสีแล้วเราก็จะได้ภาพโทนสีปกติ ผมคนเป็นสีดำ ผมปรับสีของขาวดำด้วย app ที่ชื่อ vsco ซึ่งมีความสามารถในการเปลี่ยนสีได้หลายรูปแบบ ซึ่งผมใช้เปลี่ยนสีขาวดำ มีการปรับ ความสว่าง คอนทราสต์ และรายละเอียดในเงามืดให้สว่างขึ้นนิดหน่อย ก็ได้ภาพตามที่เห็นภาพสุดท้ายนี้

IMG_20180425_104932

Negative Image_1524628196867-01

การใช้มือถือถ่ายภาพจากเครื่องอัดขยายเป็นเทคนิคของคนขี้เกียจ ผมแค่อยากจะเห็นภาพในมือถือ แค่อยากจะมีภาพไว้ส่งให้คนอื่นดู ยังไม่ได้อยากจะอัดเป็นกระดาษจริงๆ ก็เลยใช้วิธีนี้

การสแกนภาพจากฟิล์มขาวดำอย่างง่าย

คนที่ยังคงถ่ายภาพขาวดำด้วยฟิล์ม นิยมล้างฟิล์ม และชอบงานห้องมืด บางทีการได้ถ่ายภาพด้วยฟิล์มขาวดำสักม้วนเราก็อยากจะดูบางภาพเร็วๆ  อยากจะแชร์ภาพให้เพื่อนดู ก็จะมีวิธีการง่ายๆเร็วๆในการเอาภาพลงจอ  ดังนี้

 

2018-04-23_08-53-36

เมื่อล้างฟิล์มจบแล้ว เราจะได้ฟิล์มขาวดำดังภาพ  ให้เราใช้มือถือถ่ายภาพฟิล์มโดยให้ด้านหลังของฟิล์มเป็นส่วนสีขาวเรียบๆ  ซึ่งผมเลือกใช้ท้องฟ้า  บางคนอาจจะใช้ผนังบ้านก็ได้  เราจะได้ภาพฟิล์มขาวดำมาอยู่ในโทรศัพท์

 

2018-04-23_08-53-16

ให้จัดการคร็อปภาพให้เรียบร้อย และหมุนภาพให้ได้ฉากแบบที่เราชอบ  ซึ่งผมชอบภาพที่วางไม่ตรงเป๊ะ มันดูดิบและเป็นธรรมชาติของงานแฮนด์เมดดี

 

2018-04-23_08-52-57

จากนั้นให้เรากลับสีด้วยคำสั่ง invert ซึ่งหากทำในคอมพิวเตอร์ ก็ต้องอาศัย photoshop ทำ แต่หากทำในมือถือ ก็ต้องหา app มากลับสี  ผมใช้ app ชื่อ negative image ใน android มาทำให้  เราก็จะได้ภาพจากฟิล์มขาวดำเน็กกาทีฟกลับมาเป็นภาพขาวดำแบบปกติ  แต่ภาพจะยังไม่ดำ เพราะกล้องที่ใช้ถ่ายภาพมักจะถ่ายเป็นภาพสี  ไม่ได้ถ่ายเป็นขาวดำตั้งแต่ต้น

 

2018-04-23_08-52-41

เมื่อได้ภาพคร็อปที่สีปกติเกือบตรงแล้ว ก็ให้ทำการปรับสีของภาพให้เป็นขาวดำ และปรับส่วนเข้มให้ดูดำสมจริง  ขั้นตอนนี้ในคอมพิวเตอร์ก็คือใช้ photoshop  แต่ถ้าในมือถือ ผมใช้ app ชื่อ snapseed ปรับสีให้    ซึ่งเราก็จะได้ภาพขาวดำที่ถูกใจในที่สุด

 

 

PHOTO_COLLAGE1524441900259

 

ภาพที่ได้จากการลองเล่นครั้งนี้ เอาภาพแต่ละขั้นตอนมาเรียงด้วยโปรแกรมต่อภาพที่ชื่อ picture collage ก็จะได้ภาพเล็ก3 ภาพต่อกัน ดูสวยไปอีกแบบ

 

 

PHOTO_COLLAGE1524469103374

 

ถ่ายภาพด้วยกล้องฟิล์ม leica minilux

 

กล้องฟิล์มเป็นสิ่งที่แทบจะไม่มีคนใช้ทำงานแล้ว คงเหลือแต่การใช้เพื่อความบันเทิง เพื่อความสุข เพื่อความมันส์ของช่างภาพยุคเก่าและช่างภาพรุ่นใหม่ที่อยากลองของเก่า ผมก็นับว่าเป็นช่างภาพยุคเก่า ยุคที่หัดถ่ายรูปในช่วงที่ฟิล์มได้รับความนิยมสูงสุด ยุคที่การถ่ายรูปรับปริญญาและงานแต่งงานคุยกันว่าถ่ายกันกี่ม้วน ยุคที่มีร้านล้างอัดฟิล์ม 24 ชั่วโมง ยุคที่ฟิล์มตลาดราคาสามม้วนสองร้อยบาท

พอพ้นจากช่วงเวลายุคทองของฟิล์มไปแล้ว ทุกคนก็หันหน้าเข้าสู่ดิจิทัล การทำงาน การรับจ้างถ่ายภาพเป็นระบบดิจิทัลทั้งหมด จากงานรับปริญญาที่ถ่ายกัน 4-5 ม้วน ได้ภาพเป็นเล่ม รวมกันไม่ถึงสองร้อยภาพ กลายเป็นงานรับปริญญามีภาพให้ดูพันภาพจากกล้องดิจิทัล งานแต่งงานมีภาพให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวดูกันสามพันภาพ ซึ่งไม่มีทางดูกันได้ครบถ้วน ฟิล์มที่เคยตุนเอาไว้เพื่อรับงานก็ยังคงนอนนิ่งอยู่ในบ้านไม่ถูกจับต้องอีกเลย ผ่านไปเกือบสิบปี ฟิล์มเหล่านั้นก็หมดอายุ และระหว่างที่เพลินกับการใช้กล้องดิจิทัล ผมก็ลืมฟิล์มไปแล้ว และคิดไปว่า ไม่มีฟิล์มสีดีๆขายอีกแล้ว เพราะมีแต่ข่าวการเลิกผลิต ปิดโรงงาน รวมไปถึงข่าวการล้มละลายของโกดัก

แต่ในความเป็นจริง ฟิล์มยังมีลมหายใจอยู่ แต่อยู่ในกลุ่มเล็กๆ ร้านถ่ายรูปย่านลาดพร้าวก็ปรับตัว หลายร้านปิดตัวลง บางร้านที่เคยเปิด 24ชม. ก็เปลี่ยนมาเป็นเปิดปิดเป็นเวลา ผมถ่ายรูปด้วยฟิล์มขาวดำอยู่บ้าง ซื้อน้ำยาไว้ล้างเอง ซ์้อฟิล์มขาวดำตุนไว้ถ่ายเล่น โดยที่ในใจก็คิดว่าไม่มีฟิล์มสีขายแล้ว เพราะถึงมีก็คงคุณภาพต่ำ อาจเป็นของเก่าเก็บ หรือเป็นงานผลิตใหม่แต่ไม่ได้มีคุณภาพเหมือนเดิม

ผมเพิ่งรู้จากเพื่อนว่าฟิล์มเน็กกาทีฟสีรุั่นใหม่ๆยังคงออกสู่ตลาด และมีแนวโน้มว่าจะได้รับความนิยมมากขึ้น เมื่อเทียบจากช่วงซบเซาสุดขีด ผู้คนหันมาซื้อกล้องฟิล์มมือสอง ทำให้ต้องหาฟิล์มมาถ่ายเล่นด้วย ฟิล์มสีเกรดตลาดราคาร้อยกว่าบาท ค่าล้างฟิล์มราคาขึ้นไปเกินสองเท่าตัว และมีการส่งฟิล์มไปด้วยไปรษณีย์เพื่อให้ล้างและสแกนภาพแล้วส่งเป็นแผ่นซีดีกลับมา ซึ่งผมก็ลองใช้บริการดูแล้วก็ปลาบปลื้ม เลยเป็นที่มาของการเขียนโพสท์นี้

ฟิล์มฟูจิ c200 เป็นฟิล์มเน็กกาทีฟ น่าจะเป็นฟิล์มเกรดกลางๆ และกล้องที่ใช้ถ่ายก็เป็น leica minilux ตัวที่นอนพังอยู่หลายปี เพิ่งจะหาอะไหล่มาซ่อมได้ เมื่อซ่อมเสร็จก็เริ่มเดินเท้าอีกครั้งเพื่อตระเวณถ่าย แต่คำว่าตระเวณในวันเวลาของผม ก็คือการถ่ายรูปลูกเล่นจนหมดม้วน พกกล้องติดตัว พกไว้ในเป้สะพายตลอดเวลา เมื่อมีโอกาสถ่ายก็ถ่ายรูปลูก เผลอแป๊ปเดียวหมดม้วน  ถ่ายเล่นราวกับปืนกล  ในสมัยที่ฟิล์มถูกๆผมยังไม่ถ่ายเร็วเท่านี้  ดูเหมือนการถ่ายภาพด้วยฟิล์มของผมในช่วงเวลานี้เหมือนคนลงแดง รีบถ่าย รีบล้าง อยากดูภาพแล้ว  อารมณ์เหมือนวัยรุ่นใจร้อนเลย

01012minilux-000048

การถ่ายภาพเด็กที่ง่ายที่สุดคือถ่ายตอนเขาหลับนั่นเอง  ลิงน้อยของผมที่มีความไวมากกว่าระบบออโต้โฟกัสของกล้องทุกตัว  กล้องคอมแพ็คระดับโปร วัดแสงแม่นมาก และโฟกัสก็แม่นมากเช่นกัน  ถ้าให้หมุนโฟกัสเองด้วยกล้องแมน่วล เลนส์แมน่วล ผมคิดว่าภาพจะไม่ชัดเท่านี้

 

01012minilux-000050

 

01013minilux-000048

 

01013minilux-000049

ตึกรามบ้านช่อง ข้าวของเครื่องใช้ และมุมภาพบางมุมในบ้านก็ถ่ายเล่นๆ เหมือนถ่ายเพื่อให้หมดม้วนเร็วขึ้นเลย  ความใจร้อนของผมมาจากอยากเห็นภาพสีจากกล้อง leica minilux ที่เพิ่งซ่อมเสร็จตัวนี้

 

01013minilux-000065

 

01013minilux-000068

วัยเด็กที่กำลังเรียนอนุบาลก็เป็นภาพที่ควรถ่ายเก็บไว้  เพราะการเปลี่ยนแปลงของเด็กวัยนี้จะรวดเร็วมาก หากพลาดหรือลืมถ่ายไว้ในช่วงวัยเด็กเล็กนี้จะไม่สามารถย้อนเวลากลับไปถ่ายได้ใหม่อีกแล้ว  เด็กโตแล้วโตเลย ย้อนกลับไม่ได้ กลับไปถ่ายซ่อมก็ไม่ได้

 

01014minilux-000004

 

01013minilux-000058

 

01013minilux-000061

 

01013minilux-000066

 

01014minilux-000001

 

01014minilux-000030

 

01014minilux-000042

 

01014minilux-000047

 

ภาพที่เราอยากดูมักจะเป็นภาพของสิ่งของหรือคนอันเป็นที่รักของเรา จะของใช้ ของเล่น หรือแม้แต่สมาชิกในครอบครัวต่างก็ควรจะมีภาพเดี่ยวของตัวเองเก็บไว้  ภาพที่น่าดูไม่จำเป็นต้องมีเทคนิกอะไรที่ล้ำหลุดโลก หรือองค์ประกอบภาพต้องเป๊ะ ขอแค่ภาพชัด ไม่มืดไม่สว่างเกินไปก็นับว่าเป็นภาพที่ดีแล้ว  ภาพบันทึกชีวิตไม่ใช่ภาพประกวด

 


 

การสแกนฟิล์มด้วยเลนส์มาโครและกล่องไฟ

การถ่ายภาพด้วยฟิล์มในยุคดิจิทัลยังเป็นสิ่งที่มีลมหายใจอยู่  เมื่อก่อนในวันที่เป็นยุคทองของฟิล์ม เราถ่ายภาพ แล้วส่งล้างอัด แล้วก็ได้ภาพมาดูเป็นเล่ม  มันสะดวกมากสำหรับฟิล์มสี  ส่วนฟิล์มขาวดำก็ต้องล้างฟิล์มแล้วสั่งอัดภาพ  แต่การอัดภาพด้วยร้านถ่ายภาพสีทั่วไป ภาพสีขาวดำก็จะออกมาดูไม่น่ามอง  ภาพขาวดำที่ีสวยก็ต้องเป็นการอัดภาพลงบนกระดาษขาวดำแท้ๆเท่านั้น

แต่บางคนก็ไม่สามารถอัดภาพได้เอง  ต้องอาศัยวิธีสแกนภาพแล้วดูในคอมพิวเตอร์  หรือ ดูในมือถือแทนโดยไม่ต้องอัดบนกระดาษจริง  ยิ่งยุคนี้เป็นยุคโซเชียลเน็ตเวิร์ค อยากมีภาพเป็นไฟล์เพื่อส่ง เพื่อแชร์ให้เพื่อนดูกันทั้งนั้น  การเอาภาพจากฟิล์มขาวดำก็ต้องใช้วิธี สแกน  ร้านถ่ายภาพทั่วไปก็มีบริการรับสแกน  แต่ค่าใช้จ่ายก็แพงขึ้นกว่าเดิม  ไหนๆเราก็มีกล้องดิจิทัลกันอยู่แล้ว ก็ลองใช้อุปกรณ์ของเราสแกนฟิล์มเลยดีกว่า ซึ่งกล้องดิจิทัลที่มีเลนส์มาโครหรือเลนส์ถ่ายใกล้ๆได้จะสามารถนำมาใช้สแกนฟิล์มได้  วิธีนี้ ประหยัด ไม่เสียเงินซักบาท  แต่อาจเสียเงินซื้อเลนส์มาโครแทน

scan-bw-IMG_0205

ให้จัดการเซ็ทอัพอุปกรณ์ตามนี้  ใช้กล่องพลาสติกขนาดใหญ่ หรือ เล็กก็ได้ แต่ในภาพของผมจะใช้กล่องใหญ่เพราะตั้งใจจะใช้ถ่ายฟิล์มทั้งม้วนเลย  โดยการเอากล่องขาวขุ่นมาวางพื้น แล้วเอาฟิล์มบางบนกล่อง  หาของทับฟิล์มให้เรียบแนบไปกับกล่อง  กล่องขาวขุ่นนี้ผมซื้อจากร้านขายอุปกรณ์แต่งบ้าน มันถูกขายเป็นถังขยะสีขาว ผมเห็นแล้วก็ถูกใจเลยสอยมาใช้  ส่วนแสงสว่างที่ส่องในกล่อง ผมใช้แฟลชเก่าๆตัวนึงที่ทำงานได้ แล้วต่อชุดส่งสัญญาณแฟลชไร้สาย หรือ ไวเลสทริกเกอร์  โดยตัวส่งสัญญาณจะเสียบอยู่กับกล้องถ่ายภาพ  ตัวรับสัญญาณจะต่อกับแฟลช  เมื่อเรากดถ่ายภาพ แสงแฟลชก็จะทำงาน ส่งผลให้กล่องเรืองแสง

IMG_0198

ดูใกล้ๆก็จะเป็นแบบนี้  เราถ่ายภาพฟิล์มขาวดำด้วยกล้องดิจิทัลโดยตรงได้เลย  ภาพที่ได้ก็จะเป็นภาพแบบที่ตาเห็น คือ เป็นภาพดูไม่ค่อยรูัเรื่อง สีสันก็เป็นแบบตรงกันข้าม   หากเราจะสแกนภาพจากฟิล์มแค่บางภาพ เราก็ถอดฟิล์มจากซองมาวางบนกล่อง แล้วใช้เลนส์มาโครถ่ายภาพซะเลย

DSCF7049

ถ้าเราจะสแกนฟิล์มขาวดำทั้งม้วน โดยให้เรียงตัวสวยๆเหมือนภาพ คอนแท็คปริ๊นท์ หรือcontact print ก็ใช้ใช้วิธี วางซองฟิล์มทั้งซองบนกล่องขาวขุ่นนี้เลย นี่คือเหตุผลที่ผมเลือกใช้กล่องขนาดใหญ่ เพราะต้องการถ่ายภาพฟิล์มทั้งม้วน ซึ่งใช้พื้นที่ใหญ่พอสมควร กล่องใหญ่ก็จะได้เปรียบคือทำงานคอนแท็คปริ๊นท์ได้นั่นเอง

DSCF7210

ภาพฟิล์มทั้งม้วนที่ถ่ายด้วยกล่องไฟจะเป็นแบบนี้  เมื่อถ่ายภาพได้แล้ว ก็เอาภาพ jpg ที่ได้มา ไปปรับค่าต่อในโฟโต้ช็อป โดยการสั่ง invert เพื่อกลับภาพจากดำเป็นขาว และ ขาวเป็นดำ  และทำการปรับระดับสีดำ และสีขาวให้สมจริง เราก็จะได้ภาพสีปกติออกมา

 

DSCF7210-contactsheet 20jul2012

แค่นี้เราก็ได้ภาพคอนแท็คปริ๊นท์ที่ดูคลาสิคมากออกมา  เราสามารถปริ๊นท์ภาพนี้เก็บไว้เป็นภาพโชว์ได้เลย  ขนาดภาพของคอนแท็คปริ๊นท์ในอดีตจะใหญ่เท่าจริง คือฟิล์มเรามาใหญ่แค่ไหน คอนแท็คปริ๊นท์แท้ๆก็จะใหญ่เท่านั้น

คราวนี้เราจะมาสแกนบางภาพที่เราต้องการบ้าง  บางภาพที่เราต้องการนี้ก็อาจจะเป็นภาพที่เราตั้้งใจจะโพสท์หรือตั้งใจจะเอาไปอัดขยายให้ใหญ่  เราก็จะทำการถ่ายฟิล์มที่ต้องการแค่ภาพเดียว ซึ่งการถ่ายฟิล์มแค่ภาพเดียวเราจะต้องใช้เลนส์มาโคร เพื่อให้สามารถถ่ายภาพฟิล์ม 1 ภาพให้ใหญ่เกือบเต็มเฟรมของกล้องดิจิทัล

IMG_0284

ภาพที่ถ่ายได้จากเลนส์มาโครจะทำให้เราได้ชิ้นฟิล์มค่อนข้างใหญ่  จริงๆเราสามารถใช้เลนส์มาโครระดับ 1:1 เพื่อถ่ายชิ้นฟิล์มได้ใหญ่กว่านี้  แต่ผมชอบภาพที่เห็นรูหนามเตยของฟิล์ม เพราะทำให้ภาพดูน่ามอง ดูเท่ห์กว่า  ก็เลยถ่ายแบบให้เห็นขอบฟิล์มเยอะหน่อย   จากนั้นก็เอาภาพมากลับสีด้วยคำสั่ง invert ในโปรแกรมโฟโต้ช็อป ซึ่งถ้าใครถนัดโปรแกรมอื่น หรือ ถนัดใช้ app ในมือถือ ก็แล้วแต่สะดวก  เมื่อกลับสีแล้วก็จัดการปรับค่าดำ ค่าขาว ในภาพให้ดูสมจริง ดูเป็นภาพขาวดำปกติ

IMG_0284bw

ออกมาได้แบบนี้เลย  ภาพลูกชาย วันแรกที่เกิด  ฟิล์ม lucky กล้องไลก้า minilux ล้างฟิล์มเอง สแกนเอง ภูมิใจเอง