leica minilux 2024 กับฟิล์ม Kodak gold200

dpp-IMG_9980

หลังจากส่งกล้อง Leica minilux ที่หลับไหลจากอาการสายแพรขาดไปซ่อมเรียบร้อย ก็ทดลองงานซ่อมกับฟิล์มสักม้วน ยุคปี 2024 ฟิล์มราคาแพงมาก ลองซื้อฟิล์มสีที่ราคาถูกที่สุดในท้องตลาดก็คือ Kodak Gold 200 ราคาม้วนละ 350 บาท แพงอย่างน่าตกใจ แต่ก็อยากลอง

IMG_20240825_183820

กล้อง Leica minilux เป็นกล้องที่รูรับแสงกว้าง วัดแสงแม่น โฟกัสแม่น ถ้าสภาพดีมันคืออุปกรณ์ระดับเทพที่ให้คุณภาพสูง มีข้อเสียอย่างเดียวคือหากเราต้องการถ่ายภาพแบบไม่เปิดแฟลช เราต้องกดปุ่มสั่งการกล้องทุกครั้งที่เปิดกล้อง แถมต้องกดปุ่มถึง 6 ครั้งเพื่อปิดแฟลช ถ้าเราถ่ายภาพในที่แสงน้อย อย่างเช่นถ่ายในบ้าน ถ่ายตอนกลางคืน กล้องจะเปิดแฟลชเสมอ ทำให้ต้องกดสั่งปิดทุกครั้งนั่นเอง

000049

ลองวัดฝีมือการถือกล้องว่านิ่งได้แค่ไหน ภาพในบ้าน แสงสว่างได้จากโคมไฟอ่านหนังสือ ความไวชัตเตอร์น่าจะต่ำจนต้องลุ้นว่าภาพจะสั่นหรือไม่ ผลออกมาก็พอใช้ได้ เลนส์รูรับแสงกว้างระดับ f2.4 ดูจะเก็บแสงโคมไฟได้ดี ให้แสงในภาพดูสวยงาม สวยกว่าตาเห็น ภาพนั่งโต๊ะภาพนี้ให้สีสันและระดับความสว่างที่ถูกใจ ลักษณะภาพสว่างบริเวณกลางภาพ และมืดดำที่ขอบภาพช่วยทำให้จุดสนใจเด่นชัด การไล่ระดับแสงจากสว่างไปมืดบนฟิล์มทำได้รุนแรงเด็ดขาด นั่นเป็นเพราะความสามารถในการรับแสงของฟิล์มต่ำกว่ากล้องดิจิทัลยุคปัจจุบันมาก ภาพโต๊ะหนังสือนี้ถ้าใช้กล้องดิจิทัลหรือโทรศัพท์รุ่นใหม่ในการถ่าย เราจะเห็นรายละเอียดในขอบภาพที่สว่างกว่าภาพนี้ ฉากหลังจะไม่ดำเท่านี้

000045
ภาพในร้านตัดผม ภาพนี้ถ่ายด้วยกล้องดิจิทัลไปแล้วหลายภาพ แต่ก็รู้สึกว่าอยากได้ภาพบนฟิล์มด้วย ก็เลยหยิบ minilux ออกมาถ่าย เล็งโฟกัสที่หน้าของเด็กในกระจก ผลงานออกมาก็คมชัดในจุดที่ต้องการ minilux โฟกัสได้แม่นยำมาก แถมยังวัดแสงได้พอดีเหลือเชื่อ แสงนอกหน้าต่างที่ส่องเข้ามายังจุดนั่งตัดผม พอดีกับแสงภายในร้าน ผมเจตนาให้เห็นแขนของผมเองในภาพนิดๆ เพื่อให้รู้ว่าเราก็อยู่ในภาพเหมือนกัน ลูกตัดผม พ่อถ่ายภาพ โมเม้นนี้มีแค่ตอนเด็กเท่านั้น ถ้าเด็กโตขึ้นเป็นวัยรุ่นก็คงไม่แวะร้านแนวนี้แล้ว

000048

เวลาถ่ายภาพด้วยกล้องฟิล์ม เราจะไม่มีข้อมูลการถ่ายภาพใดๆเลย อาศัยความจำเท่านั้น การดูภาพสแกนก็จะไม่รู้ว่าเป็นภาพจากกล้องตัวไหน ก็เลยจะพยายามถ่ายภาพให้พอรู้ว่าใช้กล้องอะไรโดยการถ่ายภาพตัวเองพร้อมกล้องในกระจก การถ่ายเซลฟี่สะท้อนกระจกทำให้รู้ว่าภาพชุดนี้ถ่ายจากกล้องตัวไหน แต่บังเอิญภาพนี้เงาในกระจกดูเบลอไปหน่อยทำให้ดูยากว่าเป็นกล้องอะไร แต่คนเคยจับกล้องรุ่นนี้ก็จะพอนึกออก พอเดาได้

000061

ภาพถนนเยาวราชตอนกลางคืน เป็นการถ่ายภาพในที่แสงน้อยที่มีข้อจำกัดคือไม่ใช้ขาตั้งกล้อง เพราะว่าคนเยอะมากจนไม่สามารถกางขาตั้งก้องออกมาโดยไม่กีดขวางการเดินทางของผู้อื่น จึงใช้วิธีถือถ่ายด้วยมือ ตั้งโฟกัสบนกล้องเป็นระยะอินฟินิตี้ เพื่อลดความผิดพลาดจากการโฟกัส เพราะตอนกลางคืนมักจะทำให้การโฟกัสทำงานผิดพลาดได้ง่าย ก่อนถ่ายก็สูดลมหายใจเข้าลึกหน่อยจากนั้นกลั้นหายใจแล้วกด

000052
000043
000064



เสริมเกี่ยวกับการใช้แฟลชถ่ายภาพ

IMG_20240825_181237

สองภาพนี้เป็นการยกตัวอย่าง ภาพบนคือการถ่ายภาพด้วยระบบอัตโนมัติ กล้องคิดให้ยังไงก็ถ่ายไปอย่างนั้น สภาพแสงในบ้านค่อนข้างน้อย พอกล้องคิดให้ทุกอย่าง กล้องก็ถ่ายแบบเปิดแฟลชให้ ทุกอย่างในภาพก็จะสว่าง ชัด เคลียร์ ดูรู้ว่ามีอะไรอยู่ในภาพบ้าง ส่วนภาพล่างก็เป็นภาพที่ถ่ายแบบไม่เปิดแฟลช คนถ่ายต้องกดปุ่มสั่งเพื่อปิดแฟลชก่อน แล้วพยายามถือกล้องให้นิ่งในการถ่าย ฟิล์มความไว 200 กับสภาพแสงในบ้านตอนกลางคืนเป็นงานยาก ต้องพยายามมากเพื่อไม่ให้ภาพสั่น แต่ผลลัพธ์ก็ออกมาดีเกินคาด ภาพดูสวยงามกว่า ถูกใจมากกว่าการเปิดแฟลช

InCollage_20250712_212037366

ภาพตัวอย่างเปรียบเทียบกับใช้แฟลชกับไม่ใช้

ภาพม้วนนี้ใช้บริการร้านล้างฟิล์มพร้อมสแกน Toiletlab ส่งฟิล์มห้าโมงเย็น ผ่านไปชั่วโมงกว่าๆก็ได้ไฟล์ทาง google drive แล้ว ร้านทำงานบริการได้ดีน่าอุดหนุน ไฟล์ภาพที่ได้ก็มีขนาดประมาณ 8.9 ล้านพิกเซล (3661 × 2456) สามารถใช้พิมพ์ขนาด A4 แบบคุณภาพสูงได้

Screenshot 2567-08-26 at 20.07.10

Leica minilux ยังคงน่าใช้ในปี 2024 สภาพกล้องยังแข็งแรง สามารถซ่อมบำรุงได้แทบจะทุกอาการ โดยเฉพาะอาการเสียประจำรุ่นอย่างสายแพรขาดก็สามารถซ่อมได้ เพราะมีอะไหล่ขายอยู่ในอินเทอเน็ต ใครยังอยากได้กล้องคุณภาพสูง เป็นไอค่อนของวงการถ่ายภาพอีกตัวหนึ่งก็ลองหามาใช้ได้ มันดีและมันน่าใช้ และที่สำคัญ มันสะกิดให้เราอยากถ่ายภาพ แม้ฟิล์มจะแพงก็เถอะ

บันทึกไว้
ล้างสแกนที่ Toiletlab
ค่าฟิล์ม 350
ค่าล้างพร้อมสแกน 150
ค่าส่งฟิล์มกลับ 70

รีวิวเป็นเสียง leica minilux

กล้อง leica minilux ผมใช้มานานหลายปีแล้ว ลองเอามาเล่าเป็นเสียงบ้าง แง่มุมที่พูดถึงจะเป็นเนื้อหาที่เพิ่มเติมไปจากรีวิวปกติที่เคยเขียนไว้ เช่น ภาพขาวดำจาก minilux การสแกนภาพจากฟิล์มสีของร้านล้างฟิล์ม ความทนทาน อาการเสียประจำรุ่น เชิญฟังได้ครับ หลังจากฟังแล้วค่อยกลับมาอ่านต่อด้านล่างนี้

ภาพที่ชอบที่สุดจากกล้อง leica minilux คือภาพวันแรกเกิดของลูกผมเอง ก่อนจะได้ถ่ายภาพนี้ผมก็เตรียมตัวมาล่วงหน้าหลายเดือน การเตรียมตัวก็คือ เอาฟิล์มขาวดำมาทดลองถ่ายและล้างฟิล์มออกมาดู ยังมีขั้นตอนการโหลดฟิล์มเข้าแท๊งค์ล้างฟิล์มด้วย ซึ่งเป็นขั้นตอนที่เสี่ยงต่อความเสียหายที่สุด เพราะหากโหลดฟิล์มติดขัด ฟิล์มไม่เรียงตัวในตะแกรงอย่างเป็นระเบียบ ฟิล์มก็จะทำปฏิกิริยากับสารเคมีไม่ทั่วถึง ภาพก็จะเสียนั่นเอง การซ้อมยังรวมถึงการทดลองผสมน้ำยา ทดลองล้างที่อุณหภูมิตามสเป็ค เพื่อดูผลของฟิล์มว่าผ่านการล้างแล้วเป็นอย่างไร และอีกส่วนที่ต้องทำก็คือเตรียมกล้องให้อยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานเพราะกล้องเก่าแล้ว เช็คสภาพก่อนจะถ่ายจริงก็เป็นเรื่องที่ควรทำ ฟิล์มขาวดำผมเลือกใช้ยี่ห้อตลาดราคาไม่แพง ด้วยเหตุผลว่า มันยังมีขายในช่วงเวลานั้นและเคยใช้ฟิล์มตัวนี้กับน้ำยาล้างฟิล์มตัวที่คุ้นเคย และภาพที่ออกมาก็สร้างความรู้สึกตื่นเต้นได้ดี และในตอนที่ถ่ายภาพในเหตุการณ์จริง ทุกอย่างก็เป็นไปตามที่ซ้อมไว้

IMG_9465
ภาพอัดลงกระดาษขาวดำ

หลังจากไปยืนเป็นพยานตอนลูกเกิด ไปรอถ่ายภาพพ่อแม่ลูกในห้องคลอดเสร็จแล้ว ก็ออกมาที่ห้องพัก คุณหมอจะพาลูกมาให้เริ่มดูดนมแม่ และเปิดโอกาสให้พ่อแม่ได้เห็นหน้าลูกชัดๆ และสามารถถ่ายรูปได้ตามใจด้วย ผมเข็นเตียงเด็กไปอยู่ใกล้ๆหน้าต่างเพื่อให้แสงสว่างมากเพียงพอที่จะถ่ายภาพได้ ยกกล้อง minilux ตั้งค่าที่ตัวกล้องเป็นการถ่ายแบบเลือกรูรับแสงเอง ผมตั้งรูรับแสงของกล้องไว้ที่ 2.4 แล้วก็โฟกัสสิ่งที่ต้องการแล้วถ่ายภาพเลย หลังจากถ่ายไป ประมาณ 2 สัปดาห์ ผมว่างพอจะล้างฟิล์ม ก็ทำการล้างในแบบที่เคยซ้อมไว้ ได้ฟิล์มที่มีภาพบันทึกสมบูรณ์แบบ คุณภาพการล้างเป็นไปตามมาตรฐาน เราสามารถใช้ฟิล์มนี้ไปสแกนด้วยเครื่องสแกนฟิล์มก็ทำได้สวยงาม ทดลองสแกนด้วยการถ่ายภาพผ่านกล้องดิจิทัลก็ทำได้ และ การอัดภาพลงกระดาษขาวดำโดยตรงก็ได้ดังภาพที่เห็น

ไฟล์สแกนดูบนจอ

ภาพขาวดำบนกระดาษขาวดำแท้ๆ เป็นภาพที่สวยงามมาก ระบบการแสดงภาพบนจอทุกชนิดไม่สามารถให้คุณภาพได้เหมือนกระดาษ ไม่ว่าเราจะพยายามสแกนฟิล์มให้ได้ไฟล์ที่มีคุณภาพอย่างไร ภาพที่ได้ก็ไม่เหมือนภาพบนกระดาษอัดภาพแท้ๆที่ผ่านการฉายแสงด้วยวิธีดั้งเดิม ผมเอาไฟล์ดิจิทัลที่สแกนฟิล์มไปทดลองพิมพ์ด้วยเครื่องพิมพ์ต่างๆก็ไม่ได้คุณภาพแบบที่กระดาษขาวดำให้ได้ ผมลองทั้งเครื่องดิจิทัลปริ๊นท์ระดับโปรดักชั่นของโรงพิมพ์ราคาเครื่องเป็นล้าน หรือ เครื่องพิมพ์ภาพถ่ายของ canon ที่เป็นระบบการพิมพ์แบบ dye-sublimation ซึ่งเป็นการผลิตภาพที่ให้คุณภาพสีจากไฟล์ดิจิทัลที่สูงที่สุดของเทคโนโลยีทางการพิมพ์แล้ว ความรู้สึกตรงนี้ต้องเห็นด้วยตาตัวเองถึงจะเข้าใจ มันเหมือนการมองโลกผ่านกระจก มันมีอารมณ์ร่วมมากกว่ามองผ่านจอทีวี แล้วชีวิตเราดีขึ้นไหมจากการถ่ายภาพ ล้างฟิล์ม อัดภาพเอง ก็ไม่ได้ดีขึ้นหรอก เราแค่หาความสุขจากการถ่ายภาพให้ครบวงจรเท่านั้นเอง

การสแกนภาพจากฟิล์มขาวดำด้วยเครื่องอัดภาพ

ภาพขาวดำจากฟิล์มมีความคลาสิคในบางอย่าง ทำให้ยังคงมีนักเล่นนักถ่ายภาพบางส่วนยังคงอยู่กับฟิล์มขาวดำ น้ำยาเคมี แท้งค์ล้างฟิล์ม และเครื่องอัดภาพ กว่าจะได้ภาพบนกระดาษอัดภาพก็ใช้ขั้นตอนมหาศาล ทั้งยังต้องใช้ความปราณีตผิดมนุษย์อีกต่างหากถึงจะมีภาพขาวดำดีๆบนกระดาษให้เราได้ดูกัน

แต่ด้วยความใจร้อนและขี้เกียจปนๆกัน ผมก็เลยลองลัดขั้นตอนบางอย่าง คือ ยังคงถ่ายภาพและล้างฟิล์มด้วยวิธีปกติ แต่ในขั้นตอนการทำภาพออกมาดู ผมใช้วิธีขยายภาพฟิล์มด้วยเครื่องอัดภาพขาวดำ ให้ฉายลงพื้นสีขาวหรือกระดาษขาวไปเลย แทนที่จะเป็นกระดาษอัดภาพ เพราะผมไม่อยากเตรียมน้ำยาเคมีทั้งถาดเพื่ออัดภาพแค่ภาพเดียว เลยขยายภาพจากฟิล์มด้วยเครื่องอัดให้ใหญ่ที่สุดเท่าที่เครื่องจะทำได้ พอเห็นภาพฉายแสงแล้ว ก็ใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายภาพที่ปรากฏนั้นเลยIMG_20180425_105223

ผมใช้โทรศัพท์ huawei p9 ตั้งค่าให้ถ่ายภาพในโหมดขาวดำ แล้วก็ถ่ายภาพในห้องมืด ก็จะได้ภาพในมือถือเป็นภาพกลับสีกัน เพราะฟิล์มเป็นฟิล์มเน็กกาทีฟนั่นเอง เมื่อได้ภาพมาแล้วก็เอามาคร็อปภาพให้ได้ขอบเขตที่ต้องการ ตัดส่วนนอกโดยรอบออก

IMG_20180425_111517

เราก็จะได้กลับสีที่ใหญ่ขึ้น กรอบภาพและตัวภาพก็อยู่ในระยะที่เหมาะสม ขั้นตอนการคร็อปภาพนี้ใช้มือถือสั่งทำได้โดยตรง พอได้ภาพที่คร็อปมาแล้ว ก็มาทำการเปลี่ยนสีด้วย app ที่ชื่อ negative image หาโหลดได้ใน play store ของ android เป็นของฟรี มีโฆษณานิดหน่อย แต่ก็ทนใช้งานได้

Negative Image_1524629748890-01

เมื่อกลับสีแล้วเราก็จะได้ภาพโทนสีปกติ ผมคนเป็นสีดำ ผมปรับสีของขาวดำด้วย app ที่ชื่อ vsco ซึ่งมีความสามารถในการเปลี่ยนสีได้หลายรูปแบบ ซึ่งผมใช้เปลี่ยนสีขาวดำ มีการปรับ ความสว่าง คอนทราสต์ และรายละเอียดในเงามืดให้สว่างขึ้นนิดหน่อย ก็ได้ภาพตามที่เห็นภาพสุดท้ายนี้

IMG_20180425_104932

Negative Image_1524628196867-01

การใช้มือถือถ่ายภาพจากเครื่องอัดขยายเป็นเทคนิคของคนขี้เกียจ ผมแค่อยากจะเห็นภาพในมือถือ แค่อยากจะมีภาพไว้ส่งให้คนอื่นดู ยังไม่ได้อยากจะอัดเป็นกระดาษจริงๆ ก็เลยใช้วิธีนี้

ภาพขาวดำดิจิทัล

IMG_20180330_080015

 

กล้องดิจิทัลออกมาโกยตลาดอยู่เกือบยี่สิบปี  ในสิบปีล่าสุดนี้ทำให้กล้องฟิล์มสูญพันธ์ุไปในที่สุด  ด้วยเหตุผลว่า กล้องดิจิทัลไม่เปลือง ไม่มีค่าใช้จ่ายในการถ่ายรูปอีกเลย ไม่ต้องซื้อฟิล์ม ไม่ต้องล้าง ไม่ต้องรอ คนทั้งโลกก็ยินดีต้อนรับและใช้งานได้ตามวัตถุประสงค์

ในการถ่ายรูป  จะมีงานภาพขาวดำที่เป็นยาขมของระบบดิจิทัล  เพราะสีขาวดำของดิจิทัลมักจะไม่ให้โทนสีที่เข้มสวยสะใจเหมือนกับการถ่ายภาพด้วยฟิล์มแล้วอัดลงกระดาษ  ซอร์ฟแวร์ที่ช่วยแปลงภาพสีให้เป็นขาวดำก็ทำงานได้ไม่โดนใจ ต้องใช้ความสามารถของคนแปลงสีอยู่เยอะ  แม้แต่การแปลงสีเป็นขาวดำในกล้องก็ยังไม่สามารถยอมรับได้  ซึ่งสิ่งนี้เป็นยาขมของช่างภาพขาวดำที่ใช้กล้องดิจิทัลถ่ายยังไงก็ขาวดำไม่สวยถูกใจเหมือนฟิล์ม

ซอร์ฟแวร์ช่วยแปลงภาพสีให้เป็นขาวดำบางตัว มีฟิลเตอร์ขาย เป็นโหมดการแปลงขาวดำที่ดูดี ค่าฟิลเตอร์แพงกว่าซอร์ฟแวร์  เพราะซอร์ฟแวร์บางตัวฟรี บางตัวเสียตังนิดหน่อย บางตัวเสียตังแพง  แต่ฟิลเตอร์สีขาวดำเท่ห์ๆนั้นมีราคาค่าตัวด้วย  คนที่อยากได้ขาวดำระดับโปร ดูเหมือนมืออาชีพก็มักจะต้องซื้อฟิลเตอร์ยอดนิยมเหล่านั้น

ผมก็ใช้กล้องดิจิทัลมาหลายปี และก็ไม่ได้ซื้อซอร์ฟแวร์แปลงขาวดำสักที  เพราะอาศัยตัวแปลงอื่นๆที่เราพยายามมากหน่อย ใช้เวลามากหน่อยก็ได้ภาพที่เราพอใจ  แต่มันก็ลำบากและใช้เวลาพอสมควร และด้วยความบังเอิญที่ได้เปลี่ยนมาใช้โทรศัพท์ Huawei รุ่น P9 ที่มีโหมดการถ่ายขาวดำที่ดูดี  มีการแปลงสีที่ใช้ได้  อาจเป็นเพราะว่าเป็นมือถือที่ใช้ระบบกล้องจากไลก้า ใช้ซอร์ฟแวร์ของไลก้า ซึ่งไลก้ามีชื่อเสียงกับวงการถ่ายภาพมานานเกือบร้อยปี  และโทนสี โทนขาวดำที่ไลก้านำเสนอก็เป็นแนวทางสีที่มือโปรชอบกัน  มือถือ P9 ก็เลยเป็นมือถือที่ถ่ายขาวดำได้สวย และมีการแปลงสีที่สวยนั่นเอง  ไม่ใช่แค่รุ่นP9เท่านั้น แต่รุ่นอื่นที่พ่วงสัญลักษณ์ไลก้าลงไปบนตัวมันก็ต่างใช้ซอร์ฟแวร์ที่ให้สีสันแบบไลก้าจริงๆ  การถ่ายภาพขาวดำด้วยมือถือ huawei หรือ การปรับสีให้เป็นขาวดำด้วย app ติดเครื่องมากับมือถือเหล่านี้ก็เลยให้ภาพที่ถูกใจคนชอบขาวดำ

หลายภาพที่ถ่ายแล้วถูกใจในองค์ประกอบผมจะทดลองแปลงเป็นขาวดำด้วยมือถือ huawei P9 เช่นกัน แม้แต่ภาพที่ถ่ายจาก DSLR ก็ยังต้องเอามาลอง  เพราะถูกใจสีขาวดำของ Huawei นั่นเอง

 

IMG_20180326_195306

 

IMG_20180324_094332

 

IMG_20180324_092648

 

2018-03-24 09.16.22 1

 

IMG_20180318_232513

 

IMG_20180401_165152

 

IMG_20180401_165921

การสแกนฟิล์มด้วยเลนส์มาโครและกล่องไฟ

การถ่ายภาพด้วยฟิล์มในยุคดิจิทัลยังเป็นสิ่งที่มีลมหายใจอยู่  เมื่อก่อนในวันที่เป็นยุคทองของฟิล์ม เราถ่ายภาพ แล้วส่งล้างอัด แล้วก็ได้ภาพมาดูเป็นเล่ม  มันสะดวกมากสำหรับฟิล์มสี  ส่วนฟิล์มขาวดำก็ต้องล้างฟิล์มแล้วสั่งอัดภาพ  แต่การอัดภาพด้วยร้านถ่ายภาพสีทั่วไป ภาพสีขาวดำก็จะออกมาดูไม่น่ามอง  ภาพขาวดำที่ีสวยก็ต้องเป็นการอัดภาพลงบนกระดาษขาวดำแท้ๆเท่านั้น

แต่บางคนก็ไม่สามารถอัดภาพได้เอง  ต้องอาศัยวิธีสแกนภาพแล้วดูในคอมพิวเตอร์  หรือ ดูในมือถือแทนโดยไม่ต้องอัดบนกระดาษจริง  ยิ่งยุคนี้เป็นยุคโซเชียลเน็ตเวิร์ค อยากมีภาพเป็นไฟล์เพื่อส่ง เพื่อแชร์ให้เพื่อนดูกันทั้งนั้น  การเอาภาพจากฟิล์มขาวดำก็ต้องใช้วิธี สแกน  ร้านถ่ายภาพทั่วไปก็มีบริการรับสแกน  แต่ค่าใช้จ่ายก็แพงขึ้นกว่าเดิม  ไหนๆเราก็มีกล้องดิจิทัลกันอยู่แล้ว ก็ลองใช้อุปกรณ์ของเราสแกนฟิล์มเลยดีกว่า ซึ่งกล้องดิจิทัลที่มีเลนส์มาโครหรือเลนส์ถ่ายใกล้ๆได้จะสามารถนำมาใช้สแกนฟิล์มได้  วิธีนี้ ประหยัด ไม่เสียเงินซักบาท  แต่อาจเสียเงินซื้อเลนส์มาโครแทน

scan-bw-IMG_0205

ให้จัดการเซ็ทอัพอุปกรณ์ตามนี้  ใช้กล่องพลาสติกขนาดใหญ่ หรือ เล็กก็ได้ แต่ในภาพของผมจะใช้กล่องใหญ่เพราะตั้งใจจะใช้ถ่ายฟิล์มทั้งม้วนเลย  โดยการเอากล่องขาวขุ่นมาวางพื้น แล้วเอาฟิล์มบางบนกล่อง  หาของทับฟิล์มให้เรียบแนบไปกับกล่อง  กล่องขาวขุ่นนี้ผมซื้อจากร้านขายอุปกรณ์แต่งบ้าน มันถูกขายเป็นถังขยะสีขาว ผมเห็นแล้วก็ถูกใจเลยสอยมาใช้  ส่วนแสงสว่างที่ส่องในกล่อง ผมใช้แฟลชเก่าๆตัวนึงที่ทำงานได้ แล้วต่อชุดส่งสัญญาณแฟลชไร้สาย หรือ ไวเลสทริกเกอร์  โดยตัวส่งสัญญาณจะเสียบอยู่กับกล้องถ่ายภาพ  ตัวรับสัญญาณจะต่อกับแฟลช  เมื่อเรากดถ่ายภาพ แสงแฟลชก็จะทำงาน ส่งผลให้กล่องเรืองแสง

IMG_0198

ดูใกล้ๆก็จะเป็นแบบนี้  เราถ่ายภาพฟิล์มขาวดำด้วยกล้องดิจิทัลโดยตรงได้เลย  ภาพที่ได้ก็จะเป็นภาพแบบที่ตาเห็น คือ เป็นภาพดูไม่ค่อยรูัเรื่อง สีสันก็เป็นแบบตรงกันข้าม   หากเราจะสแกนภาพจากฟิล์มแค่บางภาพ เราก็ถอดฟิล์มจากซองมาวางบนกล่อง แล้วใช้เลนส์มาโครถ่ายภาพซะเลย

DSCF7049

ถ้าเราจะสแกนฟิล์มขาวดำทั้งม้วน โดยให้เรียงตัวสวยๆเหมือนภาพ คอนแท็คปริ๊นท์ หรือcontact print ก็ใช้ใช้วิธี วางซองฟิล์มทั้งซองบนกล่องขาวขุ่นนี้เลย นี่คือเหตุผลที่ผมเลือกใช้กล่องขนาดใหญ่ เพราะต้องการถ่ายภาพฟิล์มทั้งม้วน ซึ่งใช้พื้นที่ใหญ่พอสมควร กล่องใหญ่ก็จะได้เปรียบคือทำงานคอนแท็คปริ๊นท์ได้นั่นเอง

DSCF7210

ภาพฟิล์มทั้งม้วนที่ถ่ายด้วยกล่องไฟจะเป็นแบบนี้  เมื่อถ่ายภาพได้แล้ว ก็เอาภาพ jpg ที่ได้มา ไปปรับค่าต่อในโฟโต้ช็อป โดยการสั่ง invert เพื่อกลับภาพจากดำเป็นขาว และ ขาวเป็นดำ  และทำการปรับระดับสีดำ และสีขาวให้สมจริง เราก็จะได้ภาพสีปกติออกมา

 

DSCF7210-contactsheet 20jul2012

แค่นี้เราก็ได้ภาพคอนแท็คปริ๊นท์ที่ดูคลาสิคมากออกมา  เราสามารถปริ๊นท์ภาพนี้เก็บไว้เป็นภาพโชว์ได้เลย  ขนาดภาพของคอนแท็คปริ๊นท์ในอดีตจะใหญ่เท่าจริง คือฟิล์มเรามาใหญ่แค่ไหน คอนแท็คปริ๊นท์แท้ๆก็จะใหญ่เท่านั้น

คราวนี้เราจะมาสแกนบางภาพที่เราต้องการบ้าง  บางภาพที่เราต้องการนี้ก็อาจจะเป็นภาพที่เราตั้้งใจจะโพสท์หรือตั้งใจจะเอาไปอัดขยายให้ใหญ่  เราก็จะทำการถ่ายฟิล์มที่ต้องการแค่ภาพเดียว ซึ่งการถ่ายฟิล์มแค่ภาพเดียวเราจะต้องใช้เลนส์มาโคร เพื่อให้สามารถถ่ายภาพฟิล์ม 1 ภาพให้ใหญ่เกือบเต็มเฟรมของกล้องดิจิทัล

IMG_0284

ภาพที่ถ่ายได้จากเลนส์มาโครจะทำให้เราได้ชิ้นฟิล์มค่อนข้างใหญ่  จริงๆเราสามารถใช้เลนส์มาโครระดับ 1:1 เพื่อถ่ายชิ้นฟิล์มได้ใหญ่กว่านี้  แต่ผมชอบภาพที่เห็นรูหนามเตยของฟิล์ม เพราะทำให้ภาพดูน่ามอง ดูเท่ห์กว่า  ก็เลยถ่ายแบบให้เห็นขอบฟิล์มเยอะหน่อย   จากนั้นก็เอาภาพมากลับสีด้วยคำสั่ง invert ในโปรแกรมโฟโต้ช็อป ซึ่งถ้าใครถนัดโปรแกรมอื่น หรือ ถนัดใช้ app ในมือถือ ก็แล้วแต่สะดวก  เมื่อกลับสีแล้วก็จัดการปรับค่าดำ ค่าขาว ในภาพให้ดูสมจริง ดูเป็นภาพขาวดำปกติ

IMG_0284bw

ออกมาได้แบบนี้เลย  ภาพลูกชาย วันแรกที่เกิด  ฟิล์ม lucky กล้องไลก้า minilux ล้างฟิล์มเอง สแกนเอง ภูมิใจเอง

 

รีวิว leica minilux

Richman toy or Poorman leica with Leica Minilux compact camera

Leica Minilux

กล้องไลก้า รุ่น มินิลักซ์ เป็นกล้องถ่ายรูปใช้ฟิล์ม ติดเลนส์ 40 มม. มาให้ ไม่สามารถซูมได้ รูรับแสงของเลนส์กว้างสุด f2.4 ถือว่าเป็นเลนส์ไวแสงระดับหนึ่ง ใช้ถ่านขนาด cr123a ซึ่งพอจะหาซื้อได้ในห้างและร้านสะดวกซื้อ ราคากล้องตัวนี้สมัยออกใหม่ๆคิดเป็นเงินประมาณสองหมื่น ในยุคที่ดิจิทัลยังไม่แพร่หลายกล้องรุ่นนี้ถือเป็นกล้องคอมแพ็คไฮเอนด์ บางคนบอกว่ามันคือ poorman leica หรือเป็นไลก้าคนยาก เพราะกล้องแมน่วลของไลก้าพร้อมเลนส์ในยุคนั้นราคาเกือบแสนทุกตัว มีเพียงกล้องคอมแพ็คตัวนี้เท่านั้นที่ราคาระดับสองหมื่น ใครเงินน้อยแต่อยากได้ไลก้าก็ต้องเล่นคอมแพ็คตัวนี้

แต่อีกฝั่งหนึ่งของผู้ใช้ บางคนบอกว่ากล้องคอมแพ็คตัวนี้คือของเล่นคนรวย เพราะกล้องคอมแพ็คยี่ห้ออื่นขายกันอยู่ในระดับหลักพัน แพงระดับหลักหมื่นมีแค่ไม่กี่ตัว และทะลุสองหมื่นคงมีเพียงแค่ไลก้าตัวนี้ และกล้องอีกสองสามตัวที่ติดกลุ่มกล้องน่าสะสม

ผมเจอกล้องตัวนี้ประกาศขายอยู่ในเน็ตก็รีบโทรศัพท์เพื่อนัดดูของทันที ราคาที่ได้มาหลักพันทำให้รู้สึกว่าผมโชคดี แม้ว่ากล้องรุ่นนี้จะมีชื่อเสียงเรียงนามว่ามันจะต้องรวนในส่วนที่เป็นสายแพรที่เชื่อมต่อเลนส์อยู่ด้านใน แต่ ณ วันนี้ที่มันยังคงใช้งานได้ เงินประมาณเจ็ดพันบาทสำหรับกล้องไลก้า กล้องที่มีบุคคลิกของไลก้าอยู่เต็มตัว ผมคิดว่ามันน่าลอง

เมื่อได้กล้องมาแล้วผมก็ไปขุดฟิล์มขาวดำที่เคยซื้อไว้มาลองถ่ายเล่น ตอนล้างฟิล์มก็เป็นปัญหาเช่นกัน เพราะว่าฟิล์มขาวดำหาคนรับจ้างล้างค่อนข้างยาก แถมยังไม่รู้ว่าเขาจะล้างให้เราแบบปราณีตไหม คนเล่นขาวดำจึงต้องล้างฟิล์มเองเป็นส่วนใหญ่

จุดเด่นของกล้องตัวนี้นอกจากจะเป็นเลนส์ไลก้าที่คุณภาพดีแล้ว ระบบของกล้องก็น่าสนใจมาก มันเป็นกล้องคอมแพ็คออโตโฟกัสที่สามารถรับเป็นแมน่วลโฟกัสได้ โดยเราสามารถเลือกระยะโฟกัสเป็นโซนได้ เช่นจะให้มันโฟกัสที่อินฟินิตี้ไปเลยก็ได้ หรือปรับแป้นหมุนระยะโฟกัสไปตามระยะต่างๆที่กล้องออกแบบเอาไว้ การเลือกโซนโฟกัสแบบนี้เหมาะกับช่างภาพที่คุ้นเคยกับการถ่ายภาพด้วยระบบไฮเปอร์โฟกัส ซึ่งมันเป็นการกำหนดระยะชัดที่เราต้องการได้อย่างแม่นยำ นอกจากนี้ยังมีระบบ Av หรือการเลือกรูรับแสงที่เราต้องการแล้วให้กล้องหาความไวชัตเตอร์ที่ทำให้วัดแสงพอดีได้โดยอัตโนมัติ มันมีลูกเล่นระดับโปร แต่อยู่ในบอดี้กล้องคอมแพ็ค คนที่เป็นช่างภาพระดับจริงจังน่าจะถูกใจลูกเล่นเหล่านี้

ลองถ่ายลองล้างอัดกัน ฟิล์มที่ใช้ส่วนใหญ่จะเป็นฟิล์ม fomapan ล้างด้วยน้ำยา Kodak d76 และทำการสแกนภาพด้วยสแกนเนอร์ตั้งโต๊ะ Epson perfection4490

tag minilux 24aug2012-29


ภาพเครื่องพิมพ์อ๊อพเซ็ท

scan-2012-minilux-jul-09


หมาบ้านเรากับหมาบ้านเขา

scan-2012-minilux-jul-17


เครื่องเล่นเพลงในรถยนต์ยุคดิจิทัล ใช้ ipod ต่อกับระบบในรถซะเลย

scan-2012-minilux-jul-15


เครื่องดื่มในรถเพื่อให้การเดินทางปราศจากความง่วง

scan-2012-minilux-jul-11


แม่ของลูก

tag minilux 24aug2012-28


กองกระดาษและเครื่องตัดในโรงพิมพ์

scan2012-minilux24aug2012-15


ก๋วยจั๊บหมาที่ใช้ชีวิตเหมือนคน

scan2012-minilux24aug2012-19


สวนหลังบ้าน

scan-m-2012-09


งานแต่งงานเอ็ม

ภาพลูกชายอายุ 1 วัน สแกนด้วยวิธีถ่ายภาพแผ่นฟิล์มด้วยกล้องดิจิทัลกับเลนส์มาโคร

(ดูวิธีสแกนฟิล์มขาวดำ)

30สิงหาคม2560 อัพเดท

เจ้า minilux ตัวนี้ ผมใช้ถ่ายภาพขาวดำอยู่หลายม้วน แล้วมันก็ประสบกับชะตากรรมสายแพรขาดและไม่สามารถซ่อมได้อยู่หลายปี  กล้องนอนนิ่งอยู่ในลิ้นชักอยู่ตลอด  จนกระทั่งมีเพื่อนทางเน็ตทักมาว่า มีคนซ่อมได้แล้วนะ ให้ลองติดต่อช่างเฮงดู  ผมก็ได้เล่าให้เพื่อนท่านนั้นฟังว่า ผมได้เคยติดต่อช่างเฮงแล้วรอบหนึ่ง ช่างเฮงแจ้งกับผมว่า ไม่มีอะไหล่สำหรับซ่อม และไม่รู้ว่าจะมีอะไหล่อีกไหม  เพื่อนก็บอกกลับมาว่า ตอนนี้เปลี่ยนไปแล้ว ช่างเฮงซ่อมได้แล้ว  ผมแทบกรี๊ดดดดดดดด  แล้วก็รีบไปหาช่างเฮงโดยพลัน

อีก 1 เดือนต่อมาหลังจากส่งซ่อม ผมได้กล้องกลับมาในสภาพที่สวยงามพร้อมใช้ สภาพกล้องสะอาดเอี่ยมถ่ายรูปได้แสนสวย  กล้องทำงานได้ครบถ้วนทุกฟังค์ชั่น สายแพรที่ขาดช่างเฮงแจ้งว่าในอีเบย์มีคนขายอยู่ทำให้สามารถซ่อมอาการนี้ได้  ขอบคุณอีเบย์ ขอบคุณช่างเฮง ขอบคุณเพื่อนจากเน็ตที่เราไม่รู้จักกันมาก่อน แล้ว minilux ก็ฟื้นคืนชีพ  พร้อมด้วยการทดลองใช้กับฟิล์มสีกันซะที

เหตุที่ผมทดลองใช้ฟิล์มสีในปีนี้ก็เพราะ เพื่อนสนิทคนนึ่งหัดถ่ายภาพมาพร้อมกันได้มาเรียนวิชาล้างฟิล์มขาวดำกับผม ซึ่งเพื่อนก็ได้ซื้อกล้องไลก้า m ไว้ใช้  ใช้กับฟิล์มสีมาหลายม้วน และจะลองฟิล์มขาวดำ เลยมาเรียนล้างฟิล์มกับผม  ผมจึงได้รู้ว่า ยังมีฟิล์มสีขายอยู่ และเป็นฟิล์มรุ่นใหม่ๆ  ไม่ใช่ฟิล์มเก่าเก็บ ผมหายโง่หายเชยไปเลย  ก็เลยได้ซื้อฟิล์มสีใหม่ๆมาลองถ่ายเล่น

01014minilux-000050
01014minilux-000031
01013minilux-000068
01013minilux-000066
01013minilux-000044
01012minilux-000048

ความคมชัดของเลนส์ติดกล้อง miniliux ตัวนี้อยู่ในระดับสุดยอด คมกริบเกินกว่ากล้องคอมแพ็คทั่วไป  แถมยังคมกว่าเลนส์กล้อง SLR อย่าง nikon 35-70 มม. และ 50f1.8 ที่บิดโฟกัสด้วยตัวเองอีกด้วย  นับว่าเป็นกล้องที่น่าใช้สุดๆ  ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมมันถึงเป็นที่หมายปองในตลาดมือสองอย่างต่อเนื่องยาวนาน  และมีทีท่าว่าจะนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ  โดยสถิติการอ่านรีวิวชิ้นนี้แต่ละปี มีคนอ่านเยอะขึ้น  ผมมีความสุขจริงๆเลยที่ได้ครอบครองกล้องตัวนี้ และมีภาพแสนคลาสิคจากกล้องที่เราโปรดปราน  ก่อนจะเขียนรีวิวเพิ่มเติม ผมก็จัดการแพ็คกล้องลงกระเป๋าติดตัว เพื่อรอโอกาสถ่ายภาพในชีวิตประจำวันอีกครั้ง  จะมีอุปกรณ์การถ่ายภาพสักกี่ชิ้นที่ทำให้เราอยากออกไปถ่ายรูป    ถ้าเราหาอุปกรณ์ชิ้นนี้เจอ เราก็จะมองข้ามข้อจำกัดของมัน และอยู่กับเหตุการณ์ที่เราอยากบันทึกภาพไว้เท่านั้น

IMG_20170523_175036-01

ลองไฟฟังรีวิวเป็นเสียง เป็นการรีวิวเพิ่มเติม เนื้อหาแตกต่างจากบทความนี้ เป็นแง่มุมการใช้งาน คลิกฟังต่อที่ลิงค์นี้ได้ครับ https://pockethifi.wordpress.com/2019/07/23/%e0%b8%a3%e0%b8%b5%e0%b8%a7%e0%b8%b4%e0%b8%a7%e0%b9%80%e0%b8%9b%e0%b9%87%e0%b8%99%e0%b9%80%e0%b8%aa%e0%b8%b5%e0%b8%a2%e0%b8%87-leica-minilux/