leica minilux 2024 กับฟิล์ม Kodak gold200

dpp-IMG_9980

หลังจากส่งกล้อง Leica minilux ที่หลับไหลจากอาการสายแพรขาดไปซ่อมเรียบร้อย ก็ทดลองงานซ่อมกับฟิล์มสักม้วน ยุคปี 2024 ฟิล์มราคาแพงมาก ลองซื้อฟิล์มสีที่ราคาถูกที่สุดในท้องตลาดก็คือ Kodak Gold 200 ราคาม้วนละ 350 บาท แพงอย่างน่าตกใจ แต่ก็อยากลอง

IMG_20240825_183820

กล้อง Leica minilux เป็นกล้องที่รูรับแสงกว้าง วัดแสงแม่น โฟกัสแม่น ถ้าสภาพดีมันคืออุปกรณ์ระดับเทพที่ให้คุณภาพสูง มีข้อเสียอย่างเดียวคือหากเราต้องการถ่ายภาพแบบไม่เปิดแฟลช เราต้องกดปุ่มสั่งการกล้องทุกครั้งที่เปิดกล้อง แถมต้องกดปุ่มถึง 6 ครั้งเพื่อปิดแฟลช ถ้าเราถ่ายภาพในที่แสงน้อย อย่างเช่นถ่ายในบ้าน ถ่ายตอนกลางคืน กล้องจะเปิดแฟลชเสมอ ทำให้ต้องกดสั่งปิดทุกครั้งนั่นเอง

000049

ลองวัดฝีมือการถือกล้องว่านิ่งได้แค่ไหน ภาพในบ้าน แสงสว่างได้จากโคมไฟอ่านหนังสือ ความไวชัตเตอร์น่าจะต่ำจนต้องลุ้นว่าภาพจะสั่นหรือไม่ ผลออกมาก็พอใช้ได้ เลนส์รูรับแสงกว้างระดับ f2.4 ดูจะเก็บแสงโคมไฟได้ดี ให้แสงในภาพดูสวยงาม สวยกว่าตาเห็น ภาพนั่งโต๊ะภาพนี้ให้สีสันและระดับความสว่างที่ถูกใจ ลักษณะภาพสว่างบริเวณกลางภาพ และมืดดำที่ขอบภาพช่วยทำให้จุดสนใจเด่นชัด การไล่ระดับแสงจากสว่างไปมืดบนฟิล์มทำได้รุนแรงเด็ดขาด นั่นเป็นเพราะความสามารถในการรับแสงของฟิล์มต่ำกว่ากล้องดิจิทัลยุคปัจจุบันมาก ภาพโต๊ะหนังสือนี้ถ้าใช้กล้องดิจิทัลหรือโทรศัพท์รุ่นใหม่ในการถ่าย เราจะเห็นรายละเอียดในขอบภาพที่สว่างกว่าภาพนี้ ฉากหลังจะไม่ดำเท่านี้

000045
ภาพในร้านตัดผม ภาพนี้ถ่ายด้วยกล้องดิจิทัลไปแล้วหลายภาพ แต่ก็รู้สึกว่าอยากได้ภาพบนฟิล์มด้วย ก็เลยหยิบ minilux ออกมาถ่าย เล็งโฟกัสที่หน้าของเด็กในกระจก ผลงานออกมาก็คมชัดในจุดที่ต้องการ minilux โฟกัสได้แม่นยำมาก แถมยังวัดแสงได้พอดีเหลือเชื่อ แสงนอกหน้าต่างที่ส่องเข้ามายังจุดนั่งตัดผม พอดีกับแสงภายในร้าน ผมเจตนาให้เห็นแขนของผมเองในภาพนิดๆ เพื่อให้รู้ว่าเราก็อยู่ในภาพเหมือนกัน ลูกตัดผม พ่อถ่ายภาพ โมเม้นนี้มีแค่ตอนเด็กเท่านั้น ถ้าเด็กโตขึ้นเป็นวัยรุ่นก็คงไม่แวะร้านแนวนี้แล้ว

000048

เวลาถ่ายภาพด้วยกล้องฟิล์ม เราจะไม่มีข้อมูลการถ่ายภาพใดๆเลย อาศัยความจำเท่านั้น การดูภาพสแกนก็จะไม่รู้ว่าเป็นภาพจากกล้องตัวไหน ก็เลยจะพยายามถ่ายภาพให้พอรู้ว่าใช้กล้องอะไรโดยการถ่ายภาพตัวเองพร้อมกล้องในกระจก การถ่ายเซลฟี่สะท้อนกระจกทำให้รู้ว่าภาพชุดนี้ถ่ายจากกล้องตัวไหน แต่บังเอิญภาพนี้เงาในกระจกดูเบลอไปหน่อยทำให้ดูยากว่าเป็นกล้องอะไร แต่คนเคยจับกล้องรุ่นนี้ก็จะพอนึกออก พอเดาได้

000061

ภาพถนนเยาวราชตอนกลางคืน เป็นการถ่ายภาพในที่แสงน้อยที่มีข้อจำกัดคือไม่ใช้ขาตั้งกล้อง เพราะว่าคนเยอะมากจนไม่สามารถกางขาตั้งก้องออกมาโดยไม่กีดขวางการเดินทางของผู้อื่น จึงใช้วิธีถือถ่ายด้วยมือ ตั้งโฟกัสบนกล้องเป็นระยะอินฟินิตี้ เพื่อลดความผิดพลาดจากการโฟกัส เพราะตอนกลางคืนมักจะทำให้การโฟกัสทำงานผิดพลาดได้ง่าย ก่อนถ่ายก็สูดลมหายใจเข้าลึกหน่อยจากนั้นกลั้นหายใจแล้วกด

000052
000043
000064



เสริมเกี่ยวกับการใช้แฟลชถ่ายภาพ

IMG_20240825_181237

สองภาพนี้เป็นการยกตัวอย่าง ภาพบนคือการถ่ายภาพด้วยระบบอัตโนมัติ กล้องคิดให้ยังไงก็ถ่ายไปอย่างนั้น สภาพแสงในบ้านค่อนข้างน้อย พอกล้องคิดให้ทุกอย่าง กล้องก็ถ่ายแบบเปิดแฟลชให้ ทุกอย่างในภาพก็จะสว่าง ชัด เคลียร์ ดูรู้ว่ามีอะไรอยู่ในภาพบ้าง ส่วนภาพล่างก็เป็นภาพที่ถ่ายแบบไม่เปิดแฟลช คนถ่ายต้องกดปุ่มสั่งเพื่อปิดแฟลชก่อน แล้วพยายามถือกล้องให้นิ่งในการถ่าย ฟิล์มความไว 200 กับสภาพแสงในบ้านตอนกลางคืนเป็นงานยาก ต้องพยายามมากเพื่อไม่ให้ภาพสั่น แต่ผลลัพธ์ก็ออกมาดีเกินคาด ภาพดูสวยงามกว่า ถูกใจมากกว่าการเปิดแฟลช

InCollage_20250712_212037366

ภาพตัวอย่างเปรียบเทียบกับใช้แฟลชกับไม่ใช้

ภาพม้วนนี้ใช้บริการร้านล้างฟิล์มพร้อมสแกน Toiletlab ส่งฟิล์มห้าโมงเย็น ผ่านไปชั่วโมงกว่าๆก็ได้ไฟล์ทาง google drive แล้ว ร้านทำงานบริการได้ดีน่าอุดหนุน ไฟล์ภาพที่ได้ก็มีขนาดประมาณ 8.9 ล้านพิกเซล (3661 × 2456) สามารถใช้พิมพ์ขนาด A4 แบบคุณภาพสูงได้

Screenshot 2567-08-26 at 20.07.10

Leica minilux ยังคงน่าใช้ในปี 2024 สภาพกล้องยังแข็งแรง สามารถซ่อมบำรุงได้แทบจะทุกอาการ โดยเฉพาะอาการเสียประจำรุ่นอย่างสายแพรขาดก็สามารถซ่อมได้ เพราะมีอะไหล่ขายอยู่ในอินเทอเน็ต ใครยังอยากได้กล้องคุณภาพสูง เป็นไอค่อนของวงการถ่ายภาพอีกตัวหนึ่งก็ลองหามาใช้ได้ มันดีและมันน่าใช้ และที่สำคัญ มันสะกิดให้เราอยากถ่ายภาพ แม้ฟิล์มจะแพงก็เถอะ

บันทึกไว้
ล้างสแกนที่ Toiletlab
ค่าฟิล์ม 350
ค่าล้างพร้อมสแกน 150
ค่าส่งฟิล์มกลับ 70

ถ่ายคลิปวิดีโอสไตล์โบราณ

การถ่ายภาพและวิดีโอในปัจจุบันปี คศ 2023 จะใช้เครื่องมือดิจิทัลกันหมดแล้ว และคุณภาพของภาพและวิดีโอก็สูงลิบ เป็นภาพความละเอียดสูงมาก และวิดีโอระดับ 2K 4K และในระดับโปรดักชั่นก็อาจจะไปถึง 8K กันแล้ว แถมโทรศัพท์มือถือถ่ายรูปได้สวยจนกล้องคอมแพ็คดิจิทัลกำลังจะสูญพันธ์ุ กล้องระดับกลางเริ่มขายยาก เพราะมือถือพัฒนาคุณภาพขึ้นมาสูงมากแถมราคาก็แซงกล้องระดับมือสมัครเล่นไปแล้ว ทำให้ทุกคนที่ซื้อมือถือใหม่ๆสามารถทำคอนเท้นต์คุณภาพดีได้ไม่ยาก

ความนิยมกล้องฟิล์มก็เสื่อมถอยหลังจากที่บูมขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งเมื่อหลายปีก่อน เนื่องจากฟิล์มถ่ายภาพที่เคยราคาม้วนละร้อยบาทกลายเป็นม้วนละสี่ร้อย ไม่รู้ว่ากลไกราคาทำงานยังไงทำให้ราคาสูงขึ้นยิ่งกว่าทอง ผลก็คือคนแทบจะเลิกเล่นกล้องฟิล์ม นักถ่ายภาพที่ต้องการภาพสีประหลาด โทนสีอุ่นนุ่มแบบอนาลอก เริ่มถอยจากฟิล์ม แต่จะหันไปทางไหนเพื่อเล่นของแปลก ก็เลยเป็นกระแสกลับไปเล่นกล้องดิจิทัลโบราณ เพราะความต้องการที่จะไม่เหมือนใคร การเล่นฟิล์มที่เคยเป็นทางออก ก็เปลี่ยนมาเป็นกล้องดิจิทัลยุคแรกแทน

ลักษณะของภาพถ่ายจากกล้องดิจิทัลโบราณจะดูพอรู้ว่าคุณภาพไม่สูงมาก กล้องดิจิทัลอายุ 20 ปี จะมีความละเอียดประมาณ 2-4 ล้านพิกเซล ซึ่งก็เพียงพอสำหรับการอัดขยายภาพในระดับโปสการ์ด เพียงพอสำหรับการดูในจอโทรศัพท์หรือแม้แต่จอคอมพิวเตอร์ แต่สิ่งที่มันบ่งบอกถึงความโบราณคือคุณภาพของภาพที่ไม่สวยใสแบบกล้องสมัยใหม่ ซึ่งก็หลายเป็นลักษณะที่แตกต่างที่มีคนตามหา แและกล้องเหล่านี้ก็จะมีความสามารถในการถ่ายวิดีโอด้วย ภาพวิดีโอแนวโบราณ ความละเอียดระดับ dvd หรือ 640×480 หรือต่ำกว่า กลายเป็นภาพที่ดูแปลก เป็นความอินดี้ด้วยคุณภาพที่ต่ำ มันก็เป็นเสน่ห์สำหรับบางคน มีไว้ถ่ายสนุกๆ เก็บภาพความทรงจำใหม่ด้วยสไตล์โบราณ

youtuber บางคน ก็ทำมิวสิควิดีโอแนวภาพโบราณออกมา เพลงเพราะรวมกับภาพแนวเก่าเหมือนสมัยคุณพ่อยังหนุ่ม มันก็ทำให้อารมณ์ในคลิปดูแปลกตา ภาพที่แปลกก็มักจะเป็นภาพที่เรียกร้องความสนใจได้ บางคนก็ถ่ายด้วยกล้องคุณภาพดีมากแต่นำมาประมวลผลด้วยฟิลเตอร์ที่ทำให้ดูโบราณก็มี หลายคนก็เลยหันไปใช้อุปกรณ์โบราณจริงๆเลยก็ได้เหมือนกัน และประหยัดเวลาไม่ต้องมาทำโพสโปรดักชั่นด้วย

นี่คือภาพวิดีโอจากกล้อง kodak c140 กล้องตัวนี้แม้ไม่โบราณมาก แต่ภาพวิดีโอก็ดูโบราณได้แล้ว กล้องตัวนี้ออกขายประมาณปี 2009 ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล บันทึกวิดีโอด้วยความละเอียด 640×480 เท่านั้น เป็นกล้องที่ซูมภาพได้ประมาณ 3 เท่า คุณภาพจะดีที่ช่วงมุมกว้าง ถ้าซูมเยอะๆภาพจะไม่ค่อยสวย

ผมลองใช้อุปกรณ์เก่าๆไปถ่ายคลิปวิดีโอเพิ่มเติมด้วย เพื่อจะได้ดูคุณภาพ

คลิปที่สองนี้ใช้ ipod touch gen4 มาถ่าย คาดว่า ipod ตัวนี้ออกมาช่วงปี 2010 ซึ่งจะเริ่มมีการบันทึกคลิปวิดีโอระดับ Hd แล้ว คุณภาพของมือถือและอุปกรณ์ไอทีช่วงนี้จะเริ่มพัฒนาจนใกล้เคียงกับกล้องคอมแพ็คราคาถูกๆ และหลังจากรุ่นนี้ออกอีกไม่กี่ปีค่ายมือถือ จะเริ่มพัฒนาไปอย่างก้าวกระโดดจนผู้คนเริ่มไม่คิดจะซื้อกล้องคอมแพ็คอีกแล้ว

คลิปที่ 3 นี้เป็นคลิปที่บันทึกด้วยกล้อง canon eos m ซึ่งออกมาในปี 2014 โดยสามารถบันทึกวิดีโอด้วยความละเอียดระดับ Full Hd หรือ 2k ซึ่งเป็นระดับความละเอียดมาตรฐานอยู่ถึงปัจจุบัน แต่ก็กำลังจะล้าสมัยเพราะอุปกรณ์ต่างๆในช่วงปีนี้กำลังไปสู่ 4K

จากการลองเล่นกล้อง 3 ยุค เพื่อถ่ายคลิปวิดีโอ ก็มีความรู้สึกว่า กล้องถ่ายภาพมีพัฒนาการไปตลอดเวลา คุณภาพการบันทึกก็จะดีขึ้นเรื่อยๆ และกล้องที่เกิดในยุคหลังจะมีคุณภาพที่ดีกว่าเสมอ แต่สิ่งหนึ่งที่ยังคงอยู่กับการถ่ายภาพรวมถึงถ่ายวิดีโอก็คือ คุณค่าของภาพหรือคลิปจะแปรเปลี่ยนไปตามสิ่งที่เราสนใจ ถ้าเป็นเหตุการณ์ที่เราชอบ ถ้าเป็นคนที่เรารัก เราก็จะดูสิ่งที่เป็นเนื้อหาและเหตุการณ์ ไม่ได้ดูพิกเซล ไม่ได้ดูน้อยส์หรือสัญญาณรบกวน เรายังคงสนใจสิ่งที่เราสนใจ หมายความว่าเราใช้กล้องอะไรก็ได้ที่อยู่ในมือเราเพื่อบันทึกสิ่งที่เราต้องการ การเลือกใช้อุปกรณ์สมัยใหม่ หรือ อุปกรณ์สมัยก่อน ต่างก็เป็นแค่แนวทาง เป็นแค่เครื่องมือเท่านั้น

ความนิยมในการใช้กล้องเก่ามาถ่ายภาพ น่าจะค่อยๆเพิ่มขึ้น เพราะราคาฟิล์มแพงเหลือเกิน มันแพงกว่าเมมโมรี่การ์ดไปหลายเท่าแล้ว ถ้ายังคงปรับราคากันไม่หยุด สุดท้ายเราจะได้เลิกใช้ฟิล์มกันจริงๆ และอาจจะถึงขั้นสูญพันธ์ุเหมือนแผ่น VCD DVD ที่ทุกวันนี้ไม่มีใครผลิตอีกแล้ว

ภาพก่อนไปโรงเรียน

1614325933698-01
ก่อนไปโรงเรียน

เช้าวันหนึ่งก่อนจะออกจากบ้านไปโรงเรียน แม่ลูกเตรียมตัวขึ้นรถ วันนี้พ่อไปส่ง ในมือพ่อมีกล้องตัวหนึ่งที่ใส่ฟิล์มไว้ถ่ายเล่น ฟิล์มขาวดำที่ซื้อไว้นานแล้วหลายปี กับกล้องเก่าเก็บที่นานๆใช้ที แม้โทรศัพท์จะเป็นอวัยวะติดมือผู้คน แต่การถ่ายภาพอย่างตั้งใจก็เป็นกิจกรรมที่สนุก การมีภาพธรรมดาในรูปแบบของฟิล์มก็นับว่าเป็นเรื่องไม่ธรรมดาในยุคสมัย 5G.

กล้อง nikon fm2n

เลนส์ nikon 50f1.8

ฟิล์ม ilford pan100

Film developer D76 20องศา 7 นาที

กระดาษอัดภาพ ilford Kentmere

Paper developer Kodak Dektol

IMG_0075
IMG_4834
1613978668855

ล้างฟิล์มขาวดำ ilford pan100

IMG_4833

วันนี้อยากล้างฟิล์มที่ถ่ายเก็บไว้นานแล้ว แถมยังโหลดฟิล์มเข้าแท้งค์สแตนเลสไว้เกือบปี ทั้งฟิล์ม ทั้งแท้งค์นอนนิ่งอยู่ในถุงดำมาตลอด กลัวผงน้ำยา Kodak D76 จะหมดอายุ เลยทดลองล้างดู

ขั้นตอนพื้นฐานก่อนล้างฟิล์มก็คือ การเตรียมน้ำยา ซึ่งผมเลือกใช้ D76 ของโกดักแบบผง นำมาละลายน้ำด้วยอัตราส่วน ผง D76 16.6g ละลายในน้ำประมาณ 300CC หรือเท่ากับน้ำใน 1 แท้งค์สแตนเลสที่จะใช้ล้างฟิล์มนั่นเอง จริงๆตัวเลข300CC นี่ผมไม่มั่นใจว่าจะถูกต้องไหม เพราะไม่มีถ้วยตวงที่แม่นยำ เลยใช้วิธีตวงน้ำด้วยแท้งค์ล้างฟิล์มเสียเลย เพื่อความชัวร์

เมื่อผสมได้แล้วก็ทดลองประสิทธิภาพของน้ำยาเสียก่อน เพราะว่าตัวผงและน้ำยาฟิกเซอร์เข้มข้นเป็นของกึ่งสำเร็จรูปที่ซื้อมานานเกิน 1 ปีแล้ว ผมไม่แน่ใจเรื่องการหมดอายุ เลยทดลองใช้หัวฟิล์มที่ตัดเป็นชิ้นเล็กๆจากม้วนฟิล์มที่จะล้างออกมาจุ่มทดสอบ ฟิล์มที่จุ่มในน้ำยา d76 ประมาณ 25 วินาที จะให้สีเข้มดำ ส่วนฟิล์มที่จุ่มลงฟิกเซอร์ 25 วินาที จะให้ความโปร่งใสมองทะลุได้เหมือนฟิล์มล้างเสร็จแล้ว และผลการทดลองก็ได้ผลตามที่คาดหวัง คือ น้ำยายังมีประสิทธิภาพที่ดี น่าจะใช้งานล้างฟิล์มได้

IMG_20210220_101933

เมื่อได้น้ำยาที่พร้อมใช้งานแล้ว ก็ลดอุณหภูมิน้ำยาด้วยถ้วยน้ำแข็ง วัดอุณหภูมิด้วยเทอโมมิเตอร์ เราจะทำการล้างฟิล์ม ilford pan100 ด้วยน้ำยา D76 ที่อุณหภูมิ 20 องศาเซลเซียส ใช้เวลา 7 นาที ซึ่งเป็นตัวเลขที่ผู้ผลิตฟิล์มแนะนำ ตัวเลขเหล่านี้มีอยู่ในกล่องใส่ฟิล์ม และมีอยู่ในอินเทอเน็ต หากเราทำกล่องฟิล์มหาย เราก็จำเป็นต้องพึ่งพาข้อมูลจากอินเทอเน็ต

IMG_20210220_104859

ขั้นตอนการล้างก็คือ จับเวลาเริ่มต้นตั้งแต่เริ่มเทน้ำยาเข้าไปในแท้งค์ พยายามเทน้ำยาให้หมดและไม่หกไม่หยดทิ้งออกนอกแท้งค์ เมื่อเวลาผ่านไปทุก 30 วินาที ให้ทำการเขย่าแทงค์ล้างฟิล์มประมาณ 5 วินาที แล้ววางแท้งค์ไว้กับโต๊ะหรือพื้น อย่าใช้มือจับ เพื่อป้องกันอุณหภูมิไม่ให้ขึ้นสูง จากนั้นก็รอเวลาครบ 1 นาที แล้วเขย่าอีกประมาณ 5 วินาที ทำอย่างนี้จนครบ 7 นาที เมื่อครบนาทีที่ 7 นี้แล้วก็เทน้ำยาออก จะเทคืนใส่ขวดที่เตรียมไว้ก็ได้ เราสามารถเก็บน้ำยาไว้ล้างฟิล์มม้วนอื่นได้อีก ส่วนมากผมจะใช้น้ำยา 2 ครั้ง

IMG_20210220_110807

การจับเวลาผมใช้วิธีเขียนตัวเลขเรียงไปเลย ต้องการล้าง 7 นาที ก็เขียน 1 2 3 4 5 6 7 ให้ครบทุกตัว แล้วแต่ละนาทีที่ผ่านไปผมก็จะติ๊กบนตัวเลขไปทีละตัว เพื่อให้เราใช้เวลาล้างอย่างถูกต้องแม่นยำ ป้องกันการลืมว่า ผ่านไปกี่นาทีแล้ว เมื่อครบ 7 นาทีแล้ว ก็เทน้ำยาออก และเทฟิกเซอร์ใส่แทน เวลาฟิกส์จะใช้ประมาณ 5 นาที ขั้นตอนฟิกส์นี้ไม่จำเป็นต้องคุมอุณหภูมิแล้ว เพราะฟิกส์จะหยุดทุกอย่างให้เร็วที่สุด เมื่อเทฟิกส์ออกก็ล้างด้วยน้ำเปล่าเปิดให้ไหลทิ้งสัก 20 นาที เพื่อให้น้ำชะล้างสารเคมีต่างๆออกไป ผมเลือกเอาขวดน้ำขนาดใหญ่ มาเจาะรูให้มีน้ำไหลทิ้งได้ที่ด้านล่างขวด แล้วก็ปล่อยน้ำเข้าที่ด้านบน เพื่อให้น้ำท่วมฟิล์มและชะล้างสารเคมีตกค้างออกไปกับน้ำ

ก่อนจะเก็บฟิล์มมาตาก ให้หยด น้ำยา โฟโต้โฟล์ 1 cc ลงไปผสมกับน้ำที่กำลังไหลทิ้ง เพื่อให้ไม่มีคราบน้ำเกาะบนฟิล์มตอนแห้งตัว เมื่อหยด จากนั้นก็เก็บฟิล์มมาตากได้เลย ตากฟิล์มให้ทิ้งตัวเป็นเส้นตรง เมื่อฟิล์มแห้งสนิทแล้วก็ให้เก็บมาตัดใส่ซองพลาสติกใส หลังจากนี้จะนำไปทำ contact sheet หรือ สแกนเป็นไฟล์ภาพดูในคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือก็ตามสะดวก

IMG_20210220_132925

ด้วยความที่ไม่ได้มีอุปกรณ์กล่องไฟจะถ่ายภาพทั้งม้วนเพื่อทำ contactsheet ก็เลยจะใช้วิธีถ่ายภาพทีละเฟรมเพื่อดูผลงานก่อน ผมใช้โฟมที่ยัดมากับสินค้าเป็นตัวประคองฟิล์ม แล้วก็ใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายภาพฟิล์มตรงๆเลย ภาพที่ได้จะต้องนำไปผ่านโปรแกรมกลับสีดำเป็นขาว และ ขาวเป็นดำ ปรับแต่งโทนกลางภาพให้เข้มสว่างตามที่ชอบ แล้วก็จะได้ภาพขาวดำออกมา

IMG_20210220_135351
IMG_20210220_134601
1613803606110-01

เมื่อดูภาพคร่าวๆแล้วว่าเป็นภาพที่ต้องการ ก็เข้าห้องมืด อัดภาพลงบนกระดาษ เราต้องใช้ห้องที่มืดสนิท มีแท่นอัดภาพขาวดำ และมีถาดน้ำยาสร้างภาพ ถาดน้ำยาล้างน้ำ และมีที่ตากที่หนีบภาพ ขั้นตอนการทำงานในห้องมืดจะคล้ายๆกับที่เราเคยเห็นในหนังหลายเรื่อง และเมื่อได้กระดาษมาแล้วก็เอามาดู เอามาใส่อัลบั้มภาพเก็บไว้

IMG_20210226_195837

ฟิล์มขาวดำ น้ำยาล้างฟิล์ม อุปกรณ์การล้าง ห้องมืด น้ำยาสร้างภาพในการอัดลงกระดาษ สารเคมีต่างๆที่เกี่ยวข้องยังคงมีขายในยุคปัจจุบัน ถ้าโลกนี้มีอุบัติเหตุทำให้คอมพิวเตอร์และโทรศัพท์พัง งานถ่ายภาพด้วยฟิล์มยังคงเป็นทางเลือกที่บันทึกภาพได้ แต่โลกเราน่าจะไม่แย่ขนาดนั้นหรอก

รีวิวกล้อง kodak easyshare c140 ในวันที่มันกลายเป็นของโบราณไร้ราคา

กล้องตัวนี้เป็นกล้องดิจิทัลคอมแพ็ค ตัวเล็ก ผมตั้งใจซื้อเพื่อใช้พกพา ใช้สารพัดประโยชน์ ปกติก็มีกล้อง DSLR ใช้อยู่แล้ว แต่ก็อยากมีกล้องตัวเล็กอีกสักตัวที่เอาไว้พกติดตัวตลอดเวลา และกล้องตัวนี้ต้องราคาไม่แพง หายก็ไม่เสียดาย ใช้หน่วยความจำเป็นแบบ SD card และต้องใช้ถ่าน AA เท่านั้น เนื่องจากเบื่อหน่ายกับกล้องที่ใช้แบตเตอรี่เฉพาะยี่ห้อของตัวเอง เพราะเมื่อแบตเสื่อมจะต้องเสียเงินซื้อแบตอีกเกือบพันบาท มันเป็นค่าใช้จ่ายที่สูงทีเดียวเมื่อเทียบกับราคากล้อง

วันนี้ผ่านมาเกือบสิบปี กล้องตัวนี้ยังคงอยู่ ก็เลยย้อนนึกถึงวันแรกที่ซื้อมันมา และก็ถือโอกาสเขียนรีวิวให้กับเจ้าตัวเล็กสักหน่อย เพราะกล้องรุ่นนี้อยู่กับผมมาอย่างยาวนาน และ มันก็ยังคงใช้งานได้ดีอยู่ถึงทุกวันนี้ และมันได้รับใช้ลูกของผมด้วย ปีนี้ลูกผมอายุ 6 ขวบ และได้ใช้กล้องตัวนี้ออกไปเที่ยวกันเต็มทริป พ่อกับแม่มีรูปคู่กันจากกล้องคอมแพ็คตัวนี้ด้วย

IMG_20141226_214855

กล้อง kodak c140 มีสัญลักษณ์ Youtube บนตัวกล้องด้วย เจตนาให้ถ่ายวิดีโอแล้วอัพโหลดเข้าสู่ youtube ได้ง่ายๆ ผมจำได้ลางเลือกนว่า มีซอร์ฟแวร์ของกล้องแถมมาด้วย และซอร์ฟแวร์แถมมีคำสั่งพื้นฐานในการก็อปปี้ภาพลงคอมพิวเตอร์ รวมถึงเลือกไฟล์วิดีโอเพื่อส่งเข้าสู่ youtube แต่ในการใช้งานตลอดหลายปี ผมไม่เคยใช้ซอร์ฟแวร์แถมตัวนี้เลย เพราะใช้วิธีถอดแผ่นหน่วยความจำมาก็อปปี้ลงเครื่องคอมพิวเตอร์เป็นหลัก

IMG_8296

ขนาดกล้องเล็กใส่กระเป๋ากางเกงได้พอดี ผมมีโอกาสเจอ accessory น่าใช้ชิ้นหนึ่งคือ ฝาขวดน้ำที่มีหัวบอลเอาไว้ติดกล้องถ่ายรูป ก็เอามาลองติดใช้งานเล่นๆ จะเห็นว่ากล้องขนาดเล็กมาก

100_0002

นี่คือภาพที่ทดลองกล้องในวันที่ซื้อออกจากร้าน ผมซื้อกล้องตัวนี้ที่งานโฟโต้แฟร์ปี 2009 ซึ่งผ่านมาถึงวันนี้ มันกำลังจะอายุครบ 10 ปีพอดี

100_1470
100_1320
100_1135
100_1212
100_0991

คุณภาพของภาพออกมาก็ถือว่าพอใช้งานได้ ในยุคที่มือถือยังถ่ายภาพไม่สวยนัก กล้องคอมแพ็คตัวเล็กสักตัวก็ให้ภาพที่ดีกว่ามือถือทุกตัวในท้องตลาด และมันก็เป็นจริงอยู่อย่างนั้นหลายปี ต้องรอจนถึงช่วงที่ iphone 4 วางตลาด มือถือกับกล้องคอมแพ็คก็มีคุณภาพสูสีกัน และตั้งแต่ iphone5 เป็นต้นไป คุณภาพของมือถือก็เริ่มแซงกล้องคอมแพ็คเล็กๆไปแล้ว จนทำให้จุดจบของกล้องคอมแพ็คราคาถูกก็มาถึงในเวลาไม่นาน

100_0478
100_0520

ผมใช้ c140 ติดตัวไปดูคอนเสิร์ตที่เขาใหญ่ ภาพงานตอนกลางคืนก็พอยอมรับได้ ถ่ายติด และให้ภาพที่ดูรู้เรื่อง เหตุที่ใช้กล้องตัวเล็กก็เพราะอยากจะใช้เวลากับบรรยากาศและเสียงเพลง ไม่ได้อยากจะเป็นช่างภาพที่คิดแต่เรื่องภาพสวย เพลงเพราะๆ อากาศเย็นสบายเป็นสิ่งที่ผ่อนคลาย ก็เลยเลือกกล้องตัวเล็กไปแทน DSLR แล้วก็ใช้มันตลอดงาน

100_0589
100_0613

ภาพตอนกลางวันเป็นของง่ายของกล้องถ่ายรูปแทบทุกตัว ถ้าอากาศดี ท้องฟ้าสดใส แดดออกชัดเจน ภาพก็จะสวยเสมอไม่ว่าจะถ่ายด้วยกล้องอะไร

100_0663
100_0670
100_0719

แผงขายผลไม้ข้างถนนก็เต็มไปด้วยสีสรร การหยิบกล้องตัวเล็กออกมาถ่ายก็ทำได้ง่าย เร็ว และดูไม่เอิกเริก แม่ค้าไม่ไล่ ไม่ว่าจะซื้อหรือไม่ซื้อของจากร้านเขา รูปผลไม้กองกันเต็มร้านก็ลองถ่ายใกล้ๆให้ดูเป็นงานลวดลายหรือ texture ภาพพุทราก็ดูสวยดี องุ่นสีม่วงก็มีสีสรรที่ใกล้เคียงกับตาเห็น จบงานเที่ยวคอนเสิร์ตด้วยกล้องตัวเล็กๆ ราคาไม่แพง หายก็ไม่เสียดาย

ต่อไปนี้เป็นภาพที่ลูกเป็นผู้ถ่าย บางภาพก็สวย บางภาพก็เบลอ

100_3775
100_3734
143_2190

เมื่อให้ลูกถือกล้องถ่ายภาพไปโรงเรียน

 

โรงเรียนเพลินพัฒนามีกิจกรรมหนึ่งที่ให้นักเรียนแต่งตัวเป็นคนในครอบครัว  โดยให้เด็กเลือกว่าจะเป็นใครแล้วก็แต่งตัวเลียนแบบไปเลย  ขอบฟ้า ลูกของผม เลือกจะเป็นตัวเอง  คือไม่เป็นพ่อแม่หรือตายาย  ไม่เป็นใครเลย  จะเป็นตัวเอง แต่ตัวของตัวเองแบบขอบฟ้าจะมีกล้องถ่ายรูปที่เล่นอยู่เป็นประจำด้วย  ก็เลยให้ถือกล้องไปโรงเรียน

2015-01-01 newyear partyIMG_0058

การไปโรงเรียนแบบมีกล้องถ่ายภาพ สำหรับเด็ก 5 ขวบก็ดูจะเป็นอันตรายต่อกล้องนิดหน่อย แต่ขอบฟ้าคุ้นเคยกับกล้องถ่ายภาพมาตลอดชีวิตตั้งแต่มีลมหายใจ  ตั้งแต่มือมีแรงก็หยิบจับของเล่นสารพัด และหนึ่งในหลายสิ่งก็มีกล้องถ่ายรูปของพ่ออยู่ด้วยที่หยิบมาเล่น หยิบมาถ่ายเป็นประจำ

IMG_20161204_194617

IMG_20161204_192035

ผมหัดให้ขอบฟ้าได้ถ่ายภาพแบบจริงจังมาสักปีกว่า  คำว่าจริงจังสำหรับเด็กอนุบาลหมายถึงถ่ายภาพแล้วต้องได้ภาพ  ได้ภาพคนเต็มตัว หรือ ได้ภาพคนครึ่งตัวก็ต้องได้ตามที่คิดไว้ รวมไปถึงการชื่นชอบอะไรแล้วถ่ายสิ่งของสิ่งนั้นด้วย  ผลการฝึกมาหลายครั้ง ในระยะเวลาปีกว่าก็ทำให้ขอบฟ้ามีทักษะการถือกล้องถ่ายรูปที่พอใช้ได้  สามารถไหว้วานให้ถ่ายภาพคู่ของพ่อแม่ได้แล้ว  นับเป็นความภาคภูมิใจเรื่องหนึ่งของพ่อและแม่

IMG_20141226_214855

ในกิจกรรมของโรงเรียนที่ให้ขอบฟ้าติดกล้องถ่ายรูปไปโรงเรียน เป็นกล้องคอมแพ็ค kodak รุ่น c140 ที่ผมซื้อไว้เมื่อปี คศ2008 ซึ่งจนป่านนี้ยังไม่พังเลย ผมชอบกล้องตัวนี้ในความเรียบง่ายและทนทาน ใส่ถ่าน AA 2 ก้อนก็ทำงานได้แล้ว    เมื่อกลับมาถึงบ้าน เปิดกล้องดูก็พบว่ามีภาพใหม่ๆมากมายที่ขอบฟ้าไปถ่ายมา  การดูภาพถ่ายจากเด็กคนหนึ่งที่เราไม่รู้ว่าเขาไปเจออะไรมาบ้างเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นมาก  เพราะเราได้เห็นโลกที่เราไม่เคยเห็น ได้เห็นมุมมองและการตอบสนองของคนในภาพ  อย่างน้อย ภาพก็เล่าเรื่องว่าขอบฟ้าไปเล่นกับใครมาบ้าง และคนรอบตัวของฟ้ามีอัธยาศัยที่ดีน่ารักเพียงไร

 

100_3396

100_3402

100_3403

100_3400

100_3410

100_3408

100_3413

100_3417

100_3418

100_3419

100_3426

 

เมื่อได้ดูจนจบวันของขอบฟ้า สิ่งที่สังเกตุและเพิ่งจะได้รับรู้ก็คือ มุมมองของเด็กที่มองผู้ใหญ่เป็นมุมเงยเสมอ   แม้จะเป็นเรื่องธรรมชาติ แต่เราก็ลืมไป  แอบคิดไปว่าการพูดคุยกับเด็ก หากเราย่อตัวไปคุยกับเขาในระยะที่เขาไม่ต้องเงย เราอาจได้ความไว้วางใจ ความเป็นเพื่อน และความสบายใจมากยิ่งขึ้น