เช้าวันศุกร์

วันนี้เริ่มต้นฝึกตามคลิปนี้ วนรอบกรวย ประมาณ 10 นาที

fuji instax evo แสดงวันที่

ในยุคสมัยของกล้องฟิล์ม กล้องถ่ายภาพส่วนมากจะไม่มีการแสดงวันที่ในภาพ แต่กล้องรุ่นที่สามารถใส่วันที่ลงไปในฟิล์มซึ่งจะทำให้ภาพที่อัดขยายออกมาเห็นวันที่กำกับอยู่ก็จะมีราคาสูงขึ้นกว่ารุ่นปกติเล็กน้อย นักถ่ายภาพระดับจริงจัง ระดับทำงานมืออาชีพมักจะไม่ชอบให้มีการพิมพ์วันที่ลงไปในฟิล์ม เพราะมันเป็นการรบกวนภาพ ทำให้ดูไม่สวย

ส่วนในยุคของกล้องดิจิทัล ระบบแสดงวันที่ในภาพไม่มีแล้ว เพราะไฟล์ดิจิทัลมีข้อมูลการถ่ายภาพที่สำคัญบันทึกไว้ เราสามารถดูคุณสมบัติต่างๆของไฟล์ดิจิทัลได้ สามารถดูวันที่ เวลาถ่ายภาพ ค่าความไวชัตเตอร์ รูรับแสง ความไวแสงของเซ็นเซอร์ ดูได้ละเอียดมาก ส่วนภาพที่พิมพ์ออกมาเป็นกระดาษจากไฟล์ดิจิทัลก็จะไม่มีวันที่บอกไว้ เมื่อเวลาผ่านไปนานสักหน่อยเราก็อาจจะลืมวันเวลาของเหตุการณ์ไปแล้ว

DSCF0593
ภาพจากไฟล์ดิจิทัล ไม่มีวันที่กำกับไว้

ในยุคปัจจุบันกล้องดิจิทัลบางรุ่นเริ่มใส่วันที่เข้ามาแสดงในหน้าจอ เพราะเป็นความนิยมอดีตชนิดหนึ่งที่ช่างภาพยุคนี้โหยหา กล้อง Fuji instax evo เป็นกล้องดิจิทัลที่สามารถพิมพ์ภาพบนฟิล์ม instax ได้ และตัวกล้องก็มีลูกเล่นการแสดงวันที่ด้วย เราสามารถตั้งค่าเพื่อดูวันที่ในภาพได้เลยบนจอ และวันที่นั้นก็สามารถจะถูกพิมพ์ติดออกมากับภาพด้วย ซึ่งในทางเทคนิค ไฟล์ดิจิทัลในกล้องไม่ได้ถูกใส่ภาพวันที่เอาไว้ กล้องใช้ซอร์ฟแวร์แสดงวันที่ให้เห็นตอนดู และตอนพิมพ์เท่านั้น ถ้าเราก็อปปี้ไฟล์ไปเปิดในเครื่องคอมพิวเตอร์ตัวอื่นๆ ส่วนของวันที่ซึ่งแสดงผลในภาพด้วยสีส้มก็จะไม่มีให้เห็น ดูจากภาพตัวอย่างในโพสท์นี้ภาพแรก ที่เป็นภาพจากแผ่นหน่วยความจำ

IMG_20250824_081518510
ภาพที่พิมพ์ออกมาเป็นใบจะมีวันที่สีส้มกำกับไว้ด้านมุมขวาล่าง

ภาพที่สองจะเป็นภาพจากการพิมพ์ออกมา ตัวหนังสือบอกวันที่ซึ่งเป็นสีส้มจะแสดงอยู่ในแผ่นภาพ(แผ่นฟิล์ม) ให้ความรู้สึกเหมือนดูภาพถ่ายสมัยเด็กๆ(โบราณ) มีข้อดีคือเรารู้ว่าเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นเมื่อใด ช่วงปีไหน ช่วยทำให้ความทรงจำชัดเจนยิ่งขึ้น ยิ่งคนดูอายุเยอะขึ้นยิ่งต้องการวันที่ในภาพประกอบด้วย

IMG_20250824_085614854

กล้อง Fuji instax Evo เป็นกล้องดิจิทัลที่พยายามทำตัวให้โบราณ เป็นส่วนผสมของความทันสมัยโดยการใช้กล้องดิจิทัล แต่เลียนแบบผลลัพธ์ของยุคอดีต ยิ่งใช้งานก็ยิ่งรู้สึกสนุก ติดขัดอยู่อย่างเดียว คุณภาพของภาพจากกล้องตัวนี้ค่อนข้างต่ำ ความละเอียดไม่มาก ถ่ายในสภาพแสงน้อยไม่สวย

เดาะบอล 100 ครั้ง

สนามหญ้าที่ปลูกเองได้ใช้งานเต็มที่ ใช้เป็นที่ซ้อมฟุตบอลและนั่งเล่นจัดงานปาร์ตี้ต่างๆ

S__24977413
DSC08043
DSC08049

เช้าพาลูกไปสอบ เย็นไปงานเลี้ยงรุ่น สวนกุหลาบ 112

เช้าพาลูกไปสอบสวนกุหลาบ เข้า ม.1 ถ้าเข้าได้ลูกจะเป็นเด็กสวนรุ่น 149 จากนั้นตอนเย็นไปงานเลี้ยงรุ่น สวนกุหลาบ 112 จัดที่ราชนาวีสโมสร ใกล้ๆวัดพระแก้ว

DSC07411


อีกหลายวันต่อมาประกาศผล สอบติด ได้รับการยืนยันให้ไปรายงานตัว ก็เลยไปซื้อเสื้อ

IMG_20250323_121200
20250325083627_IMG_2939
DSC07443

วันมอบตัว แต่งชุดนักเรียนไปมอบตัว เสร็จสิ้นขั้นตอนการสอบเข้า หลังจากนี้คือนักเรียนสวนกุหลาบ

DSC07617

วันแรกที่เรียนปรับพื้นฐาน เด็ก ม1 ได้เรียนตึกยาว ซึ่งเป็นตึกที่เป็นจุดแลนมาร์คของโรงเรียน ตึกนี้สมัยพ่อเรียนไม่ได้นั่งเรียนประจำนะ ไปเรียนตึกนี้แค่บางวิชา และใช้ตึกนี้ทำกิจกรรมต่างๆของโรงเรียน

คัดตัว STB 14oct2024

DSC05015

หลายวันก่อนได้ข้อมูลส่งต่อๆกันมาว่ามีการคัดตัวเข้าสู่ทีมฟุตบอล STB academy ทีมนี้จะรับนักเรียนมาฝึกฟุตบอลจริงจัง และจะส่งเรียนมัธยมที่โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพ โดยจะได้เล่นฟุตบอลให้โรงเรียนด้วย เด็กที่เข้าสู่โครงการนี้จะได้รับทุนการศึกษา ได้เล่นฟุตบอล มีคนดูแลเรื่องการกินอยู่ทุกอย่าง นั่นทำให้มีคนสมัครมาคัดตัวจำนวนมาก น่าจะเป็นพันคน

462697225_1059188815993720_1344005173927066109_n

กรอกข้อมูลทางออนไลน์แล้วเมื่อถึงวันคัดตัวก็พามาสนามมหาวิทยาลับกรุงเทพธนบุรี เราอยู่ในพื้นที่คัดตัวตั้งแต่ 10.00 น. ถึง 18.30 น. คนเยอะ จัดคิวแบ่งทีมเตะกัน ทุกคนจะได้ลงทีมแข่ง 2 ครั้ง กว่าจะครบก็ใช้เวลาหลายชั่วโมง ลูกผมก็โชคดีได้เตะครั้งแรกตอนบ่ายสาม และเตะครั้งที่สองตอนค่ำหรือเป็นกลุ่มสุดท้ายเลย

เด็กที่มาคัดตัวก็เป็นเด็กที่ฝึกฟุตบอลกันเป็นประจำอยู่แล้ว หลายคนก็มีร่างกายที่แข็งแรง ทักษะฟุตบอลสูง ลูกผมถือว่าตัวเล็กไปเลยเมื่อเทียบกับคนอื่น วันนี้มีทั้งแดดออก และฝนตก มีจังหวะฝนตกเป็นเวลานานจนต้องหยุดการคัดตัวชั่วคราวทำให้ต้องยืดเวลาต่างๆออกไป แต่สุดท้ายก็ได้ลงเตะกันครบทุกคน คนละ 2 ครั้ง

DSC05075

DSC05090

ในเกมส์ที่ลงแข่งลูกผมก็ทำได้พอใช้ มีลูกที่ยิงได้ มีลูกส่งให้คนอื่นยิง มีการวิ่งไล่เพรสแย่งบอลทำให้ทีมคู่แข่งเล่นลำบาก ดูโดยรวมแล้วก็ทำได้ดี แต่ทุกทีมที่แข่งก็มีคนเก่งและทำได้ดีไม่ต่างกัน ยังไม่รู้ว่าจะผ่านการคัดตัวในรอบแรกนี้ไหม

เด็กประถมทำ vlog ส่งครู

เด็ก ป5 ในยุคอินเทอเน็ตต้องทำงานส่งวิชาภาษาอังกฤษโดยครูให้ทำงานที่เรียกว่า vlog หรือเป็นการบันทึกคลิปวิดีโอเพื่ออธิบายตัวตน หรือสิ่งที่ชอบ

เมื่อได้ยินคำว่า vlog ก็เลยถามลูกว่ารู้ที่มาของคำนี้ไหม เลยถือโอกาสอธิบายให้ลูกฟัง ว่า vlog คืออะไร แล้ว blog คืออะไร มันเหมือน youtuber ไหม ซึ่งต้องขอเราเท้าความยาวสักหน่อย

IMG_9999

ในอดีตยุคก่อนอินเทอเน็ต เวลามนุษย์จะจดบันทึกก็จะใช้กระดาษ กับปากกา หรือดินสอ เขียนบันทึกเป็นข้อความ อดีตที่โบราณกว่านั้นก็จดลงบนใบลาน อดีตที่ไกลยิ่งกว่านั้นก็จะลงบนฝาผนัง จดลงบนดินเหนียวกันเลย กลับมาที่ยุคหลังจากที่เรามีคอมพิวเตอร์ราคาไม่แพงให้ชาวบ้านได้ซื้อใช้ คนเราก็เริ่มเปลี่ยนวิธีจดบันทึกเป็นการบันทึกไว้ในคอมพิวเตอร์ เก็บเป็นไฟล์ดิจิทัล

2019-01-26 07.03.32 1


พอโลกเรามีเว็บไซต์ การทำเว็บก็เป็นสิ่งที่ผู้คนให้ความสนใจ การจดบันทึกในอินเทอเน็ตเริ่มได้รับความนิยม และเมื่อจดบ้นทึก ก็เริ่มมีการเปิดให้คนอื่นมาอ่านสิ่งที่เราบันทึก การจดบันทึกในคอมพิวเตอร์เราจะมีศัพท์เทคนิคเรียกว่าบันทึก log นั่นทำให้การบันทึกในเว็บถูกเรียกว่า web log ซึ่งพอตัดคำให้สั้นลงเลยเป็นคำว่า blog และคนที่จดบันทึกในเว็บและเปิดให้คนอื่นเข้ามาอ่านได้ เราก็จะเรียกว่า blogger

pexels-mikael-blomkvist-4152562

พอเริ่มมีสมาร์ทโฟน และอุปกรณ์พกพาเริ่มมีความสามารถมากขึ้น โทรศัพท์มือถือเริ่มถ่ายวิดีโอได้ และเข้าสู่ยุคเปิดตัวไอโฟนที่เราสามารถบันทึกคลิปวิดีโอได้ง่ายมาก การถ่ายวิดีโอด้วยโทรศัพท์มือถือเริ่มเป็นลูกเล่นมาตรฐาน ทำให้การจดบันทึกจากการจดเป็นภาพนิ่งและข้อความก็เริ่มบันทึกด้วยวิดีโอ พูดหรือเล่าเป็นเรื่องราวแล้วถ่ายเก็บเป็นคลิปวิดีโอ และอัพโหลดเข้าสู่อินเทอเน็ต เราเลยมีศัพท์ใหม่เรียกว่า video log และเมื่อรวบคำให้สั้นลง ก็เลยกลายเป็น vlog

IMG_0364

งาน vlog กลายเป็นสิ่งที่ได้รับความนิยม หลังจากการเปิดตัวเฟสบุ๊ค ผู้ใช้งานส่งภาพและวิดีโอเข้าสู่เฟสบุ๊ค และทำให้คนอื่นเข้ามาดูภาพของเราหรือดูวิดีโอของเราได้ รวมถึงการมีเว็บไซต์อย่าง youtube ก็ทำให้การฝากไฟล์วิดีโอเพื่อแสดงไว้ในอินเทอเน็ตกลายเป็นเรื่องปกติที่ใครๆก็ทำได้ vlog เลยกลายเป็นสิ่งที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม และเกิดเป็นการทำ vlog ทั้งเพื่อความบันเทิงและเพื่อใช้งานทางธุรกิจ

การฝีกให้เด็กประถมได้หัดทำ vlog เป็นเรื่องน่าตื่นเต้นสำหรับคนอายุวัยกลางคนอย่างพ่อแม่ เพราะสมัยพ่อแม่ยังเป็นนักเรียนนั้นไม่เคยมีอุปกรณ์แนวนี้ และไม่มีอินเทอเน็ตให้ใช้ แต่สำหรับเด็กยุคใหม่มันก็คงเป็นเรื่องปกติ และครูก็คงคิดว่าเป็นสิ่งที่เด็กประถมควรจะหัดทำได้แล้ว ผลลัพธ์ก็คือ ผมได้เห็นผลงาน vlog ของลูกตามที่เห็นในด้านบนโพสท์นี้ ได้เห็นการเขียนสคริป ได้เห็นทักษะการใช้งานโปรแกรมตัดต่อในโทรศัพท์มือถือ ได้เห็นการบันทึกเสียงที่พ่อแม่ก็ไม่คาดคิดว่ามันจะง่ายและมีคุณภาพที่ดีขนาดนี้ เครื่องบันทึกเสียงที่เคยซื้อเล่นก็ดูจะไม่จำเป็นอีกเลยสำหรับงาน vlog ในยุคที่โทรศัพท์มือถือคุณภาพสูงมากอย่างปัจจุบัน

ส่วนคำว่า youtuber คือคนที่ทำวิดีโอส่งเข้า youtube เป็นประจำจนเกิดเป็นธุรกิจ มีแฟนคลับติดตามดูจำนวนมาก รายได้ของ youtube จะมาจากสปอนเซอร์ที่โฆษณาอยู่ในคลิปวิดีโอ เป็นการตกลงจ่ายกันตามความพอใจของผู้จ้างและคนทำคลิปวิดีโอ ส่วนรายได้อีกทางของ youtuber ก็จะมาจาก google ที่จ่ายให้เจ้าของคลิปวิดีโอ ยิ่งมีคนดูคลิปเยอะ ยอดวิวสูง รายได้จากคลิปนั้นก็จะสูงตามกัน เนื่องจาก youtube ชอบที่จะให้คนเข้ามาดูเยอะๆเพราะจะสามารถแทรกโฆษณาได้ และรายได้โฆษณาที่ทาง youtube ได้รับก็จะแบ่งบางส่วนมาให้เจ้าของคริปวิดีโอนั่นเอง

โปรแกรมตัดต่อที่ลูกใช้ชื่อ vllo
มือถือระบบปฏิบัติการ android

เบื้องหลังการทำงาน


ลองปรับภาพให้ได้โทนเท่ห์ๆแบบฝรั่ง

ภาพนี้เป็นภาพสมัยที่ลูกผมอายุ 3 ขวบ และบ้านเราก็หอบหิ้วกันไปเที่ยวญี่ปุ่น ลูกตัวเล็กน่ารัก กำลังนั่งมองการ์ตูนในแท็บเบล็ตที่เราพกไว้สำหรับใช้ถ่วงเวลา เวลาที่งอแงหรือกินอะไรยากเย็น แสงสว่างตอนเช้าส่องเข้าที่หน้าต่าง แดดยังไม่แรง ความสว่างในระยะเริ่มต้นวันใหม่กำลังสวย เลนส์ efm 22f2 เป็นเลนส์ที่ใช้อยู่บนกล้อง canon eos m1 ซึ่งเป็นกล้อง mirrorless รุ่นแรกของ canon

ผมถ่ายภาพนี้ด้วย setting แบบ jpg+raw และตั้งค่าการถ่ายเป็น Av f2 ตั้งค่าให้กล้องไม่ต้องชดเชยขอบมืด เพราะเจตนาอยากได้ภาพที่ขอบมืดเล็กน้อย กลางภาพสว่างจะดูเด่นขึ้น ส่วนค่า White balance ก็ตั้งไว้ที่ Auto ซึ่งกล้องก็ทำงานได้ภาพที่ดี รูรับแสง F2 ทำให้นายแบบดูคมชัดและด้านหลังที่เป็นกำแพงก็ดูเบลอไปเล็กน้อย ชัดตื้นระดับแค่คนชัดข้างหลังเบลอเป็นลักษณะภาพที่สวยและต้องการอุปกรณ์ที่ดีระดับหนึ่ง เพราะหากเป็นเลนส์ที่รูรับแสงไม่กว้างมากก็ยากที่จะได้ภาพที่มีความเบลอด้านหลังแบบนี้

IMG_8995
dpp-japan2015t-IMG_8995

ในตอนเดินทางเราพบเหตุการณ์อะไร มีอะไรน่าสนใจ เราก็ถ่ายภาพเก็บไว้เรื่อยๆตลอดทริป และทริปนี้ก็เป็นทริปที่ผมพกกล้องและเลนส์ไปตัวเดียว ชุดเดียวถ้วน ไม่มีสำรอง ไม่มีเลนส์เปลี่ยน เนื่องจากการเดินทางข้ามประเทศพร้อมลูกเล็กและรถเข็นเด็กก็ทำให้มีข้าวของพะรุงพะรัง ทำให้ไม่อยากพกอุปกรณ์กล้องไปเยอะ ผมไม่มีแม้แต่กล้องสำรอง คิดเพียงว่าถ้ากล้องพัง กล้องเสีย หรือ กล้องหาย ก็ซื้อใหม่ที่ญี่ปุ่นไปเลย

เมื่อกลับมาเมืองไทย และเวลาผ่านไปสักพัก ผมก็เปิดดูภาพชุดนี้อยู่เรื่อยๆ และหลายปีต่อมา ก็ทดลองเอามาปรับสีเล่นเพื่อให้ดูคล้ายๆกับแนวทางของช่างภาพเมืองฝรั่งดูบ้าง เพราะภาพแนวสตรีทหรือแนวชีวิตผู้คนก็มักจะมีโทนสีหม่นๆ หรือ อมเขียว อมฟ้าอย่างบอกไม่ถูก กำแพงห้องที่เป็นสีโทนขาว ในหนังอาร์ต หรือหนังฮอลีวู้ดบางเรื่องก็ถ่ายออกมาอมเขียวรุนแรงมาก ผมก็เลยคิดว่า ถ้าเราปรับโทนของภาพ ให้โทนขาวเทาดำมีความเจือปนสีเขียวเล็กน้อยจะเป็นอย่างไร ก็เลยออกมาเป็นภาพเหล่านี้

ภาพโทนอมฟ้าอมเขียวเป็นสิ่งที่ได้รับความนิยมมากขึ้นตามกระแสกล้องฟิล์มที่ฮิตมากอย่างน่าประหลาดใจในช่วงหลายปีก่อน ฟิล์มที่ไม่มีคนสนใจเริ่มถูกซื้อไปถ่ายเล่น กล้องเก่าเริ่มขายดี ฟิล์มถ่ายภาพจากม้วนละไม่ถึงหนึ่งร้อยบาท กลายเป็นสองร้อย สามร้อย และในปีนี้ คศ 2023 ฟิล์มสีม้วนละ 550 บาทไปแล้ว การลองย้อนไปถ่ายฟิล์มเพื่อให้ได้โทนสีแบบฟิล์มก็ดูจะเป็นเรื่องสิ้นเปลืองอยู่ไม่น้อย ดังนั้น ดิจิทัลที่นอนนิ่งอยู่ในคอมพิวเตอร์ก็ลองเอามารับเล่นดูดีกว่า เลยเกิดเป็นภาพอมเขียว อมฟ้า เล็กน้อยแบบนี้

โพสท์แบบ compare

ปฏิทินขอบฟ้า 2566

ปฏิทินขอบฟ้าคือปฏิทินที่ทำมาตลอดทุกปี บันทึกตัวตึงประจำบ้าน จากปีแรกที่ทำเล่นๆ ปีถัดมาเป็นของต้องทำ ปีนี้เป็นของที่อาม่ารอคอย เพราะอาม่าเก็บทุกเล่มตั้งแต่เล่มแรก ปีนี้ขอบฟ้าอายุ 10 ขวบแล้ว แต่ละเดือนที่เรียงลำดับเอาไว้ จะใช้รูปของเดือนเดียวกันเมื่อปีที่แล้ว เพื่อให้รู้ว่าปีที่แล้วเราทำอะไร ไปไหนกันมาบ้าง ปีที่มีโคิวดก็จะมีภาพในบ้านเยอะหน่อย

ภาพถ่าย panorama ที่ชอบ

DSCF8074

การถ่ายภาพที่ให้ภาพกว้างมากเป็นพิเศษเราจะเรียกกว่า panorama ซึ่งสัดสวนภาพจะมีความยาวต่อความสูงของภาพที่เยอะมาก อย่างในโรงหนังที่ให้ภาพกว้างที่สุดก็จะประมาณ 2.39:1 หรือภาพ panorama ระดับเบาๆที่มีให้เลือกถ่ายเป็นวิดีโอในกล้องถ่ายภาพทั่วไปก็จะเป็นภาพสัดส่วน 16:9

แต่ภาพนี้ เป็นภาพแม่ลูกกำลังหลับอยู่ ผมใช้กล้อง Fuji x100 มาถ่ายภาพนี้ ตั้งกล้องให้ถ่ายภาพด้วยระบบ sweep panorama คือเป็นการกดชัตเตอร์กล้องเพื่อรับภาพ แล้วหันกกล้องไปเรื่อยๆจากซ้ายไปขวาจนกว่าจะพอใจ ซึ่งจะเป็นมุมกวาดรับภาพประมาณ 120-180 องศากันเลยทีเดียว ก็เลยหยิบเทคนิคนี้มาใช้ถ่ายภาพตอนแม่กับลูกตอนหลับ จากเตียงแม่สู่เตียงลูก ท่านอนก็สุดแสนจะสอดคล้องกัน เป็นจังหวะที่หายากมาก การถ่ายภาพนี้ออกมาถือว่าให้ลักษณะภาพที่ตรงกับใจ แม้ว่าคุณภาพความคมชัดจะไม่มาก ภาพไม่คบกริบ แต่มันก็เป็นภาพที่ถ่ายจากสถานการณ์จริง ไม่ได้จัดถ่าย ไม่เซ็ทอัพใดๆให้ภาพดูสวย ใช้ความพยายามที่จะกดชัตเตอร์แล้วถือกล้องให้นิ่งและลากต่อเนื่องเท่านั้น

ภาพที่ขายได้

Screen Shot 2565-02-11 at 08.57.18

ภาพนี้เป็นภาพลูกของผมตอนที่ไปเที่ยวเมือง nikko ประเทศญี่ปุ่น ตอนนั้นผมพกกล้องไปตัวเดียวคือ eos m รุ่น1 ติดเลนส์ตัวเดียวตลอดทริปคือเลนส์ 22f2 การเดินทางที่ญี่ปุ่นกับลูกเล็กวัย 3 ขวบ เป็นการเดินทางที่ต้องเตรียมรถเข็น เตรียมอุปกรณ์ของเด็กพอสมควร พ่อกับแม่ต้องช่วยกันยก ช่วยกันอุ้มในหลายสถานการณ์เพราะการเดินทางหลักๆของทริปคือรถไฟ

เลนส์ 22f2 ผมใช้ค่ารูรับแสงที่ f2 ตลอดทริปเลย เพราะต้องการความชัดตื้นที่ละลายหลังให้เบลอดูสวยงาม และต้องการให้มันรองรับสถานการณ์แสงได้ดีหลากหลายสถานที่ และส่วนมากเราก็จะถ่ายภาพในอาคาร ในที่ร่ม การใช้เลนส์ที่มีรูรับแสงกว้างจะเป็นทางเลือกที่เหมาะสมมาก

กล้อง eos m เป็นกล้องที่มีหน้าจอด้านหลังระบบสัมผัส สามารถใช้มือแตะเพื่อให้กล้องทำการโฟกัสและลั่นชัตเตอร์ได้ด้วย มันทำให้เกิดความสะดวกในการใช้งานบางโอกาส เช่นโอกาสเด็กกำลังสนใจกับภาพในจอ มีแสงตอนเช้าเข้ามาทางหน้าต่าง แสงหน้าต่างมักจะสร้างผลลัพธ์ที่ดีกับภาพถ่ายเสมอ ผมเห็นองค์ประกอบนี้ก็รีบหยิบกล้องมากดเปิดกล้องแล้วแตะโฟกัสเพื่อถ่ายเลย แล้วเราก็เก็บวินาทีสวยๆได้ตามที่ตาเห็น ทั้งทริปผมแทบจะไม่ได้ปิดฝาหน้าเลนส์เลย เพราะอยากให้กล้องพร้อมใช้ตลอดเวลา แม้ว่าเลนส์อาจจะเสี่ยงต่อการเสียหายหรือเป็นรอยขีดข่วนบ้าง แต่ผมก็ใช้วิธีติด Hood เหล็กไว้ที่เลนส์ ทำหน้าที่เป็นที่บังแสง และเป็นกันชนให้กับเลนสได้ระดับนึง ภาพลูกผมฝากขายในเว็บ Eyeem.com ครับ

IMG_0338