เปลี่ยนฟองน้ำหูฟัง KOSS Ksc35 เก่าเก็บ12 ปี

IMG_1853

หูฟังรุ่นหนึ่งที่มีขายในประเทศไทยมาเกือบยี่สิบปี นั่นก็คือ Koss รุ่น Ksc35 เป็นหูฟังออนเอียร์ แขวนใบหู คุณภาพเสียงดี เบสหนักแน่น เสียงกลางชัด เสียงสูงใส เป็นหูฟังที่ฟังเพลงได้สนุก จัดว่าเป็นหูฟังที่เสียงดี และที่เหนือชั้นกว่าหูฟังตัวอื่นคือ ใส่ได้นานไม่เจ็บหู ไม่อับ ไม่ร้อน เพราะมันเป็นหูฟังเปิดที่ถ่ายเทอากาศได้ดี ฟังเพลงอยู่แต่ยังได้ยินเสียงคนรอบข้าง เรียกก็ได้ยิน หูฟังตัวนี้ได้รับความนิยมมากในยุคทองของเครื่องเล่น mp3 โดยเฉพาะคนที่ใช้ ipod หลายคนมักจะซื้อไปใช้ร่วมกัน

IMG_20250825_124915181
IMG_20250825_124920581

ผมเองก็หาซื้อมือสองมาใช้ และขณะเดียวกันก็ซื้อมือหนึ่งเก็บไว้ด้วย หูฟังตัวนี้ขายโดยร้านมั่นคงแก๊ดเจ็ทซึ่งเป็นตำนานร้านขายหูฟังระดับจริงจังร้านแรกและยังคงขายอยู่มาถึงปัจจุบัน Ksc35 ที่ซื้อเก็บยาวเมื่อปี 2013 พอจะหยิบออกมาลองฟังก็พบว่า ฟองน้ำเปื่อยยุ่ย ละลายแทบจะหายไปหมดแล้ว ในถุงสีดำที่มาพร้อมหูฟังก็มีแต่ผงสีดำร่วงหล่นอยู่ด้านในราวกับว่าสลายตัวไปพร้อมกับการดีดนิ้วของทานอสเลย

IMG_1856

ก็เลยจัดการซื้อฟองน้ำสำหรับเปลี่ยนใหม่ ร้านมั่นคงขายฟองน้ำ Koss ด้วย 1แพ็คมี 3 คู่ ก็เลยจัดการเปลี่ยนทั้งตัวที่ใช้ประจำซึ่งฟองน้ำยังไม่ละลาย แต่ย้วยยืดจนเกาะหูฟังไม่ได้แล้ว เหมือนกางเกงยางยืดที่หลุดกองกับพื้นเสมอ และเปลี่ยนให้กับตัวเก่าเก็บที่ตั้งใจจะเก็บยาวด้วย พอเปลี่ยนฟองน้ำแน่นๆเด้งๆเข้าไป ก็เหมือนได้หูฟังตัวใหม่ ทั้งตัวมือสองอายุมากก็กลับมาอยู่ในสภาพดีเหมือนใหม่ ทำให้เข้าใจเลยว่าหูฟังใหม่หรือเก่า ถ้าฟองน้ำใหม่ก็จะกลายเป็นความรู้สึกของใหม่ทันที คุณภาพเสียงตัวมือสอง และตัวเก่าเก็บเหมือนกันเป๊ะ ลองย้อนไปอ่านรีวิว Koss Ksc35 ได้ที่นี่

รีวิวหูฟัง Lenovo H500 Pro 7.1

มีเหตุให้ต้องเอาคอมพิวเตอร์ไปซ่อมที่ฟอร์จูน และเดินผ่านร้านขายสินค้าร้านหนึ่งที่ขาย lenovo ทั้งร้าน มองผ่านๆเจอมุมลดราคาก็เลยเข้าไปดูสินค้าทีละชิ้น ส่วนมากก็เป็นเม้าส์ คีย์บอร์ด และมีหูฟังวางโชว์อยู่ด้วย ดูชื่อรุ่น สเป็คคร่าวๆ สะดุดตากับคำว่า 7.1 ก็เลยสนใจ

IMG_20250831_171248652

หาข้อมูลเพิ่มเติมทันที หูฟัง lenovo H500 pro 7.1 ก็พบว่าเคยมีราคาขายอยู่ที่ 2990 บาทในบางร้านเมื่อหลายปีก่อน มาปีนี้คงเป็นสินค้าที่เก่าเก็บ ขายไม่ออก อาจจะเพราะหูฟังครอบหูไม่ได้รับความนิยม และราคาขายระดับเกือบสามพันบาทก็จะมีคู่แข่งเยอะมาก ไม่แปลกใจถ้าจะขายไม่ดี เพราะชื่อ lenovo ไม่ได้เด่นเรื่องหูฟัง ในแวดวงเครื่องเสียง ยี่ห้อหูฟังมีตัวเลือกอื่นๆอีกเพียบที่ได้รับความนิยมมากกว่า

IMG_20250831_192023210

เห็นคำว่า 7.1 ก็ทำให้สงสัย เลยไปหาข้อมูลเพิ่ม พบว่า H500 มีฮาร์ดแวร์ที่สร้างเสียง 7.1 ได้ในตัวทำให้ไม่ต้องลงไดรเวอร์ เป็นความสะดวกสบายลำดับแรกเลย และที่สำคัญ ใช้กับ mac ก็ได้ ใช้กับ android tv ก็ได้ ตรงนี้น่าสนใจมาก ถ้าเสียงมันดีและได้ระบบ 7.1 มาด้วยสร้างเสียงรอบทิศในการดูหนังก็จะน่าใช้มาก แต่หาอ่านรีวิวในเรื่องของคุณภาพเสียงไม่ได้เลย ก็เลยซื้อมาลองเอง วัดดวงกันว่าจะดีหรือไม่ดี

messageImage_1756647712135

หูฟัง lenovo H500pro 7.1 จะเรียกสั้นๆว่า H500 เป็นหูฟ้งไดรเวอร์ไดนามิคแบบเดี่ยวขนาด 5cm ซึ่งถือว่าใหญ่พอใช้ได้ ตัวหูฟังออกแบบให้เป็นสายเสียบ 3.5มม. แบบ TRRS หรือมีขีดดำ 3 ขีด ขั้วสัมผัสออกแบบมาให้ใช้กับโทรศัพท์มือถือได้ ใช้กับโน้ตบุ๊คที่มีช่องหูฟังแบบ combo ได้ คือหูฟังกับไมค์อยู่ในแจ็คเดียวกัน ขณะเดียวกันก็มีอุปกรณ์อีกชิ้นที่ออกแบบมาให้ใช้คู่กันคือมีซาวน์การ์ดหรือ usb sound พร้อมปุ่มคอนโทรล ด้านหนึ่งเป็นสาย usb เอาไว้เสียบกับคอมพิวเตอร์ อีกด้านเป็น 3.5mm เพื่อใช้เสียบหูฟัง และเราสามารถใช้หูฟังอื่นๆมาเสียบกับ usb sound ตัวนี้ได้ด้วย

messageImage_1756647308499

ที่ปุ่มควบคุมจะมีปุ่มกดดังนี้ ด้านซ้ายเป็นตัวปิดไมค์หรือ mic on/off ด้านหน้าปุ่มบนเป็นปุ่ม 7.1 กดเพื่อใช้งาน กดอีกครั้งเพื่อเลิกใช้ ตอนใช้งานฟังค์ชั่น 7.1 จะมีไฟสีฟ้าเรืองแสงขึ้นมา ปุ่มถัดมาที่ด้านหน้าจะเป็นปุ่ม EQ เอาไว้ปรับโทนเสียง มีให้เลือก 3 แบบ คือ 1 Game, 2 Music, 3 Movie

ทดลองฟัง

อุปกรณ์ที่่ใช้ร่วมทดสอบคือคอมพิวเตอร์เล่นเกมส์ msi claw ultra5 ปิดการทำงานของซอร์ฟแวร์ติดเครื่อง Nahimic ซึ่งเป็นตัวจัดการเสียงของเครื่อง ปล่อยให้เป็นการทำงานของวินโดส์และหูฟัง H500 เท่านั้น ในส่วนของ sound setting ของวินโดส์ก็ปิดการช่วยเหลืออื่นๆด้วย

จุดเด่นของ H500 คือ หูฟังมีน้ำเสียงที่สมดุลย์ดี เสียงย่านต่ำ กลาง แหลม มาพอดีกัน ไม่ได้เด่นไปทางใดทางหนึ่ง เป็นสไตล์เสียงของเครื่องเสียงบ้าน ให้เสียงกลางที่เปิดเผย และปลายเสียงสูงที่ลากยาวได้ดี สามารถให้เสียงประกายของเครื่องเคาะโลหะแบบค่อยๆจางหายไป แนวนี้คือเสียงจะใส ความไวของหูฟังค่อนข้างสูง เทียบกับหูฟังมอนิเตอร์ที่มีชื่อเสียงหลายๆตัวที่มักจะกินกำลังขับมาก หากฟังเพลงด้วย H500 ด้วยระดับเสียงที่พอดีแล้ว พอเปลี่ยนไปเป็นหูฟังอย่าง AKG k701 เสียงจะเบาลงมากจนต้องเร่งเสียงเพิ่มขึ้น

จุดเด่นอีกอย่างคือ ระบบเสียงรอบทิศที่ฝังมากับ usb soundcard เลย ทำให้ไม่ต้องลงไดรเวอร์ และทำให้ใช้กับระบบปฏิบัติการอย่าง macos ได้ด้วย เพราะปกติ ระบบเสียงรอบทิศโดยเฉพาะ 7.1 มักจะต้องติดตั้งไดรเวอร์หรือซอฟแวร์พิเศษ และมักจะมีใช้ในระบบปฏิบัติการวินโดส์เท่านั้น ทำให้การฟังเสียงรอบทิศแบบ 7.1 บน macos เป็นเรื่องที่ทำไม่ได้เลย แต่ H500 ให้ระบบเสียงรอบทิศในตัวฮาร์ดแวร์ ทำให้ไม่เลือกระบบปฏิบัติการ

H500 จะสร้างเสียง 7.1 ทำให้การดูหนังได้รับเสียงที่สนุกขึ้น เสียงดีขึ้น เสียงโอบล้อมมากขึ้น H500 สร้างเสียงพูดให้อยู่ด้านหน้าคนฟังได้ทันที พร้อมกับเสียงแวดล้อมอื่นๆที่ห่อหุ้มคนฟังอยู่ การกดปุ่ม 7.1 ระหว่างใช้ กับ ไม่ใช้ ให้เสียงที่ต่างกันมากในแง่ของการโอบล้อมและการเน้นเสียงพูด แต่ไม่เปลี่ยนโทนเสียง การดูหนังแล้วใช้เสียง 7.1 ทำให้หนังสนุกขึ้น แต่ข้อเสียเดียวของ 7.1 ใน H500 คือ เสียงพูดมีความก้องหรือมี echo+reverb มากไปเล็กน้อย เสียงพูดถูกจัดวางไว้ด้านหน้าหรือเสียงที่เลียนแบบลำโพงเซ็นเตอร์นั้นดีมากแม่นยำในตำแหน่งกลาง แต่จะมีความก้องมากไปเหมือนอยู่ในโรงหนังขนาดใหญ่ ถ้าตัวหนังบันทึกเสียงพูดมาเยอะๆ ชัดๆ เราจะรู้สึกว่าเสียงก้องมากเกินไปในโหมด 7.1 แต่ถ้าเป็นหนังพูดน้อย หนังแอ็คชั่นไม่ค่อยพูด เราจะไม่รู้สึกว่ามันมีปัญหา

ปุ่ม 7.1 จะใช้งานได้แค่เพียงลำพัง ไม่สามารถใช้ร่วมกับปุ่ม EQ ได้ ถ้าเราเลือกใช้ปุ่ม EQ เพื่อปรับเสียง เจ้า H500 จะยกเลิกการทำเสียง 7.1 ทันที การฟังด้วยปุ่ม EQ จะเลือกได้ 3 โหมดคือ 1 Game, 2 Music, 3 Movie แต่ละโหมดจะเหมาะสมกับการใช้งานแตกต่างกัน ไม่มีกฏตายตัว ทดลองกดเลือกดู ถูกใจเสียงไหนก็ใช้เสียงนั้น เท่าที่ลองทั้ง 3 โหมด โหมด1จะเพิ่มเสียงเบส โหมด2จะเพิ่มเสียงกลาง โหมด3จะเพิ่มเสียงแหลม แต่หากจะปิด EQ ไปเลย เพื่อฟังเพลงแบบไม่ปรับแต่งก็ทำได้เช่นกัน และผมชอบเสียงแบบไม่ปรับแต่งนี้ที่สุดเมื่อใช้กับหูฟัง H500 แต่ถ้าใช้หูฟังอย่าง K701 กับ usb soundcard ตัวนี้ ผมจะปรับไป EQ1 ซึ่งจะทำให้เสียงเบสเยอะขึ้น เพราะ k701 เป็นหูฟังที่มีแนวเสียงที่เน้นเสียงกลางและแหลม เบสจะบางกว่าหูฟังทั่วไป และกับ K701 เราจะต้องเร่งระดับเสียงเพิ่มขึ้นอีกพอสมควรเลยถึงจะทำงานร่วมกันได้

เมื่อลอง usb sound ตัวนี้กับหูฟัง Audio technica ตัวหนึ่งที่เสียงเด่นในด้านเบส พบกว่าการปรับโหมด Eq ไปที่โหมด 3 เพื่อเพิ่มเสียงแหลมก็ให้เสียงโดยรวมของหูฟังมีความไพเราะขึ้น ผมเชื่อว่า Eq เป็นการปรับเสียงที่มีประโยชน์ หากเราใช้ให้ถูกวัตถุประสงค์ เพราะมันช่วยแก้ปัญหาให้กับบางอุปกรณ์ได้ แต่ถ้าหูฟังคุณสมดุลย์อยู่แล้ว ไม่ใช้ Eq ก็เป็นเรื่องที่ดีเช่นกัน

ปกติหูฟังราคาประมาณ 3000-5000 บาท มักจะมีคุณภาพที่ดีพอใช้งานจริงจังได้อยู่แล้ว เราคาดหวังกับคุณภาพเสียงการฟังเพลงได้ และ H500 ก็มีคุณภาพเสียงที่ดีตามระดับราคาหลักพัน แต่เมื่อลดราคาเหลือหลักร้อยมันเรียกว่าเป็นความคุ้มค่าแบบต้องรีบไปซื้อเลย ลำพังเพียงแค่ usb soundcard ที่ให้มาในชุดนี้ก็คุ้มค่าเต็มที่แล้ว เพราะเราไม่เคยมีอุปกรณ์สร้างเสียงรอบทิศ 7.1 แบบแยกมาให้ใช้ง่ายๆแบบนี้ แถมยังเปลี่ยนไปใช้กับหูฟังอื่นๆใดๆได้ด้วย เท่าที่จำได้ ประมาณห้าปีที่แล้วเรามี usb soundcard ราคาเกือบหมื่นบาทที่สามารถทำเสียง 7.1 ได้ ซึ่งมีแค่เครื่องนะ ไม่มีหูฟัง เรายังต้องซื้อหูฟังอื่นๆมาใช้ร่วมกันอีก

คุณภาพเสียงของ usb soundcard ดีกว่าเสียงที่ได้จาก sound onboard ที่มากับเครื่องคอมฯอย่างชัดเจน ลองบนเครื่องเล่นเกมส์ msi claw ultra5 ที่เป็นเครื่องสมัยใหม่เพิ่งออกไม่เกิน 1 ปี เสียงจาก sound usb มีความชัด ใสและไดนามิคเรนจ์ดีกว่ากันมาก เสียงกลางจะเปิดเผยฟังสบาย เสียงสูงจะมีประกายสดใสที่มากกว่าอย่างชัดเจน เสียงดนตรีต่างๆมีความเป็นธรรมชาติมากกว่า

ลองใช้ H500 กับ macbookair เสียบสาย usb ก็ใช้งานได้ ฟังเพลงเพราะ ดูหนังได้ปกติ และกดปุ่ม 7.1 เพื่อใช้เสียงรอบทิศตอนดูหนังใน macos ก็ทำได้ด้วย ใครชอบดูหนังในคอมพิวเตอร์ควรจะหามาลองใช้ เพราะทำให้เสียงคล้ายกับในโรงหนังได้จริง ระบบ 7.1 จะดันเสียงพูดให้ไปอยู่ด้านหน้าตรงกลาง เสียงลำโพงซ้ายขวาจะถูกผลักให้อยู่ด้านหน้าซ้ายและหน้าขวาไม่ใช่อยู่ข้างหู ส่วนเสียงแอมเบี้ยนส์หรือเสียงแวดล้อมต่างๆของหนังก็จะให้ความรู้สึกว่าเสียงกระจายตัวห่อหุ้มเราอยู่ ความสามารถของ 7.1 แบบหูฟังทำให้ดูหนังสนุกขึ้น ตอนลองใช้ 7.1 ในนาทีแรกๆคุณอาจจะรู้สึกแปลกประหลาด แต่ถ้าคุณใช้ไปสัก 5 นาทีก็จะคุ้นเคยและรู้สึกว่าแบบ 7.1 ใช้ดูหนังสนุกดีเหมือนอยู่ในโรงหนังขนาดใหญ่จริงๆ

H500 ออกแบบ usb soundcard และหูฟังมาให้ทำงานร่วมกันได้พอดี เสียงโดยรวมออกมาดีมาก เป็นการแม็ทกันจากโรงงานมาเลย เปรียบเทียบให้ฟังคร่าวๆดังนี้ ปกติผมจะชอบใช้หูฟัง AKG K701 สำหรับการฟังเพลง และการทำให้ K701 ให้เสียงดีถูกใจที่สุดก็จะต้องต่อกับ headphoneamp ซึ่งจะทำให้มีกำลังขับที่เยอะเพียงพอจะไปสั่งการ K701 ให้มีคุณภาพสูง ส่วนหูฟังอีกตัวอย่าง Hifiman He400se มีเสียงดีมากเมื่อต่อตรงกับ Macbookair M1 หรือต่อกับเครื่องเล่นเพลงกำลังขับสูงๆ การจะใช้งาน H500 ให้ดีที่สุดก็คือใช้กับชุดของมันเอง ซึ่งคุณภาพสูงสุดของ H500 ยังไม่เทียบเท่ากับชุดฟังเพลง แต่ก็ให้โทนเสียงในแนวเดียวกัน

ข้อดี
H500 เสียบแล้วใช้งานได้เลย ไม่ต้องลงซอร์ฟแวร์เพิ่ม ให้โทนเสียงที่ฟังเพลงได้ดี มี EQ ปรับแต่งเสียงกดใช้งานได้ทันที โหมดการดูหนังสามารถเข้าสู่ 7.1 ด้วยปุ่มเดียว พกพาย้ายไปเสียบเครื่องอื่นได้สะดวก พกสาย usb sound ติดกระเป๋าโน้ตบุ๊คได้สะดวกมาก สามารถใช้ร่วมกับหูฟังอื่นๆเพื่อเปลี่ยนแนวเสียงได้ คุณภาพของ usb soundcard ดีกว่าของ onboard ที่ติดมากับคอมพิวเตอร์

ข้อเสีย
ถ้าซื้อในราคาเต็มก็จะต้องเทียบกับอุปกรณ์ระดับราคาเดียวกัน ซึ่งมีคู่แข่งหลายราย คุณภาพเสียงหูฟังไม่ได้ดีที่สุดในย่านราคานี้ น้ำเสียงเมื่อฟังเพลงยังไม่ใกล้เคียงกับเครื่องเล่นเพลงคุณภาพสูง ภาพdacและภาคขยายเสียงในอุปกรณ์ยังไม่เด่นในด้านคุณภาพ

สรุป
ผมซื้อ H500 เพราะต้องการใช้งานระบบเสียง 7.1 ที่ใช้งานง่ายในตอนดูหนัง และสามารถใช้งานได้ใน window และ mac os รวมถึงใช้กับ android box ได้ด้วย คุณภาพเสียงของ usb soundcard กับตัวหูฟังอยู่ในระดับที่ยอมรับได้ ใช้งานได้หลากหลาย ถ้ามีหูฟังชุดเดียว ชุดนี้ใช้ได้ยาวๆ ไม่ต้องกังขาเรื่องคุณภาพ ถ้ามันทนนะ

IMG_1866

สาย usb soundcard ตัวนี้กลายเป็นอุปกรณ์สุดโปรดที่พกพาไปใช้ทุกที่ ใช้กับหูฟังตัวเล็ก ตัวใหญ่ ได้อย่างหลากหลายตามสะดวก เรียกได้ว่าติดกระเป๋าโน้ตบุ๊คเอาไว้เลย เพราะมันเป็นการอัพเกรดคุณภาพเสียงของเครื่องคอมพิวเตอร์ทุกตัวได้ทันที

ข้อมูลทางเทคนิค
Headphone
Transducer Type Dynamic 50 mm with Neodymium Magnets
Frequency Range 20 Hz – 20 kHz
Impedance 32Ω ± 15% @ 1 kHz
Sensitivity (SPL) 99 ± 3 dB / 1 mW @ 1 kHz
Power Handling Capacity 50 mW
THD 200~3 kHz ≤ 3%

Microphone
Transducer Type Electret Condenser Microphone with Noise-Cancel
Operating Principle Pressure Operated
Polar Pattern Omnidirectional
Nominal Impedance ≤2.2KΩ
Frequency Range 100 Hz – 10 kHz
Sensitivity (SPL) -38 ± 3 dB
Advanced Audio Control Box
7.1 Mode Virtual 7.1 Surround Sound On/Off
EQ 3 Pre-set EQ (Game, Music, Movie)
Volume Control

CONNECTIVITY
Dimensions (W x D x H) (mm) : 182 x 210 x 92 (inches) : 7.2″ x 8.3″ x 3.6″
Weight Around 0.7 lbs (320 g)
Headband Structure Self-Adjust Suspension Headband with

Wired Connectivity
Wired via 3.5 mm Audio Jack or USB 2.0
Cable Length
Headset to 3.5 mm : 1 m
USB Advanced Control Box : 1 m

Supported OS*
Windows 10
Windows 8.1
Windows 8
Windows 7
Mac OS X 10.5.x or later
Xbox One™
PlayStation® 4
Nintendo Switch™

Compatibility Matrix
PC : 7.1 Surround via USB,
Stereo via 3.5 mm
PlayStation® 4 : Stereo via 3.5 mm
Xbox One™ : Stereo via 3.5 mm
Nintendo Switch™ : Stereo via 3.5 mm
Apple : Stereo via 3.5 mm
Mobile : Stereo via 3.5 mm

รีวิว Soundpeat Clear

หูฟังสำหรับฟังเพลงและคุยโทรศัพท์เริ่มเป็นแบบไร้สายมาตั้งแต่ apple ทำ airpod ออกมา แต่ราคาก็สูงหลายพันบาท ขณะที่ยี่ห้ออื่นต่างก็ทะยอยทำตามและปรับปรุงพัฒนามาเรื่อยๆ ผ่านมาหลายปีราคาก็ต่ำลงเรื่อยๆ และในปีนี้เราสามารถใช้งานหูฟังคุณภาพดีในราคาต่ำกว่า 1000 บาท และรุ่นหูฟังตัวนี้นี้ยี่ห้อ Soundpeat รุ่น clear ก็ราคาแค่ 799 บาท เท่านั้น

20250113162855_IMG_1550

หูฟัง Soundpeat Clear เป็นหูฟังไร้สายระบบบลูทูธ 5.3 เชื่อมต่อง่าย มีหลายสี กล่องชาร์จก็ทำฝาใสๆให้เห็นดูก็รู้ว่าหูฟังครบไหม หายไหม ผมชอบฝาใสมากกว่าฝาทึบ

ลองดูสเป็คคร่าวๆ ซึ่งทั้งหมดเป็นเพียงตัวหนังสือที่ไม่ได้หมายถึงคุณภาพเสียง เราจะรู้ว่าเสียงดีหรือไม่ดีก็ต้องทดลองฟังเท่านั้น ส่วนเรื่องลูกเล่นต่างๆ หรือแม้แต่ระบบตัดเสียงรบกวนผมก็ไม่ได้สนใจ เพราะอยากจะซื้อใส่เพื่อฟังเพลงและฟังคอนเท้นท์ต่างๆที่ให้ความคล่องตัวไม่ต้องมีสายพะรุงพะรัง

  • 12mm Dynamic Driver for Immersive Sound
  • 7 Hrs Single Playtime & 40 Hrs Full Playtime
  • Clear Call with Dual Mics  (FF+FB Mic) 
  • BT5.3 Faster One-Step Pairing
  • Game Mode & App Control

Bluetooth: Bluetooth5.3

Profiles: HFP/A2DP/AVRCP

Chipset: JL6973D8

Supported Bluetooth Codec: SBC, AAC

Battery Capacity: 400mAh(Case)

Battery Capacity: :38mAh*2(Earbuds)

Earbuds Charging Time: 1.5 hours

Charging Case Charging Time: 2 hours

Charging Port: Type-C

Total Playtime: 40 hours

การพูดคุยโทรศัพท์ทำได้ดี ได้ยินเสียงชัด เราพูดกลับไปปลายทางก็สื่อสารกับเรารู้เรื่อง สามารถคุยได้นาน สามารถแยกใช้แค่ตัวเดียวก็ยังคุยได้ ทำให้เราสามารถยืดเวลาการใช้งานได้ยาวนานขึ้นด้วยการใช้ทีละตัว ส่วนตัวชาร์จมีพอร์ต usb-c เอาไว้ชาร์จไฟ

หูฟังตัวนี้ให้จุกยางมาหลายคู่ เราต้องเลือกขนาดจุกยางให้เหมาะสมกับขนาดรูหูของเรา ถ้าใส่จุกยางเล็กเกินไปเสียงจะบางและน้ำเสียงแย่มาก ถ้าใส่จุกยางขนาดใหญ่เกินไปเสียงจะมีเบสเยอะและทำให้เจ็บหูเมื่อใส่นานๆ รวมถึงน้ำเสียงเน้นเบสมากไปทำให้ฟังแล้วอีดอัด เราควรเลือกขนาดจุกยางให้เสียงถูกใจเราและใส่สบายเป็นหลัก

น้ำเสียงการฟังเพลงทำได้ดีมาก เสียงกลาง เสียงสูงทำได้เหมือนหูฟังราคาแพง ส่วนเสียงต่ำเมื่อใช้จุกที่พอดีกับหูเราแล้วจะให้เสียงเบสที่ใหญ่แต่ไม่ล้น การฟังเพลงด้วยหูฟังตัวนี้ไม่มีระบบการเพิ่มเสียงสิ่งแวดล้อม มันกลับเป็นการกันเสียงอื่นไม่ให้เข้าสู่หูเรามากกว่า การพูดคุยกับคนอื่นรอบข้างขณะใส่หูฟังตัวนี้อาจจะไม่รู้เรื่อง เพราะหูฟังลดเสียงภายนอกลงจนฟังยาก เกือบทุกครั้งที่ผมต้องถอดหูฟังมาถือไว้ในมือเพื่อคุยกับคู่สนทนาที่กำลังคุยกัน

รีวิว Hifiman HE400se

ในยุคที่โทรศัพท์มือถือเป็นอุปกรณ์ที่มากกว่าแค่การใช้สื่อสาร หลายคนใช้โทรศัพท์ถ่ายรูป ใช้ฟังเพลง ใช้ดูหนัง สิ่งที่แถมมากับโทรศัพท์นอกจากที่ชาร์จแล้วก็มีหูฟัง คนส่วนใหญ่ในโลกจึงมีหูฟังติดตัวอยู่แล้วอย่างน้อยคนละ 1 เส้นหรือ 1 ชุด แม้ว่าระยะหลังโทรศัพท์บางยี่ห้อจะไม่แถมที่ชาร์จและหูฟัง แต่ผู้ใช้งานก็ยังคงดิ้นรนหาซื้อหูฟังมาใช้อยู่ดี

หูฟังแถมมากับโทรศัพท์ หรือ แม้แต่การซื้อเพิ่มเติมเองส่วนมากคนจะนิยมใช้หูฟังตัวเล็ก และโดยมากก็จะเป็นหูฟังชนิด in-ear หรือยัดเข้าไปในหูได้เลย รวมไปถึงบางคนก็ใช้หูฟังไร้สายขนาดเล็ก หรือ true wireless ทำให้ปัจจุบันหูฟังตัวใหญ่ขายได้น้อย แต่ก็ยังมีบางคนที่พยายามหาหูฟังตัวใหญ่มาใช้ นั่นเป็นเพราะหูฟังตัวใหญ่เสียงดีกว่าตัวเล็ก ตามธรรมชาติของการออกแบบ

พูดถึงหูฟังตัวใหญ่ เราจะพบว่าส่วนมากเป็นหูฟังแบบครอบหู มีสายคาดบนหัว หูฟังชนิดนี้ยังได้รับความนิยมในห้องบันทึกเสียง มักจะถูกใช้งานในระดับอาชีพ และพบได้บ่อยในกลุ่มของนักเล่นเกมส์ และพบในกลุ่มนักฟังเพลงจริงจัง การเลือกใช้หูฟังเพื่อฟังเพลง เราจะเรียกหูฟังครอบหูว่า Full size ซึ่งมีหลายยี่ห้อที่ผลิตออกมาขาย โดย Hifiman ก็เป็นหนึ่งในยี่ห้อเหล่านั้นที่ทำหูฟังขนาดใหญ่ขาย และรุ่นที่สร้างชื่อเสียงให้บริษัทก็คือหูฟังขนาดใหญ่หรือ Full size ที่ใช้ระบบการสร้างคลื่นเสียงแบบ Plana Magnetic

DSC03527

หูฟัง Hifiman HE400se เป็นหูฟังแบบ plana magnetic ที่อาศัยตะแกรงสนามแม่เหล็กช่วยขยับไดอะแฟลมเพื่อสร้างคลื่นเสียง หูฟังชนิดนี้จะมีจุดเด่นที่ความฉับไว ตอบสนองต่อสัญญาณไฟฟ้าได้รวดเร็ว และมักเป็นเทคนิคที่อยู่ในหูฟังระดับท๊อป หรือรุ่นสูงๆเท่านั้น แต่ HE400se เป็นหูฟังระดับล่างสุดของกลุ่ม Fullsize ราคาขายนับว่าถูกมาก

DSC03531

HE400se ตอบสนองความถี่ 20-20,000Hz มีความต้านทาน 25 โอห์ม ซึ่งถือว่าไม่สูงมาก แต่มีความไวหรือ Sensitivity เพียงแค่ 91dB ซึ่งค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับหูฟังทั่วไป เพราะหูฟังแถมหรือหูฟังขนาดเล็กมักจะมีความไวเกิน 100dB ไปเยอะ นั่นก็หมายความว่า HE400se เป็นหูฟังที่ให้เสียงค่อนข้างเบา ต้องใช้เครื่องเล่นเพลงที่มีพละกำลังที่มากพอถึงจะทำงานร่วมกันได้อย่างดี หากนำไปใช้กับเครื่องเล่นเพลงยุคเก่าอย่างipod หรือ วอล์คแมนโบราณ ก็อาจจะได้เสียงที่ไม่เต็มประสิทธิภาพ แต่กับเครื่องเล่นยุคใหม่ โทรศัพท์รุ่นใหม่หลายๆรุ่นก็ทำได้พอใช้ได้ ใช้กับคอมพิวเตอร์หรือโน้ตบุ๊คสมัยใหม่ก็ทำงานได้ดี เพราะอุปกรณ์ยุคใหม่มักจะมีสเป็คที่สูงขึ้นมากและสามารถส่งกำลังไฟฟ้าออกมาได้มากกว่านั่นเอง

DSC03530

หูฟังออกแบบให้สามารถเปลี่ยนสายได้ ทำให้เรามีช่องทางในการอัพเกรดหากต้องการ สายหูฟังที่แถมมาเป็นสายขนาด 3.5มม. แบบ TRS หากนำไปใช้กับโทรศัพท์จะไม่มีไมโครโฟน ทำให้ใช้คุยโทรศัพท์ไม่ได้ แต่คนที่ใช้หูฟังตัวนี้กับโทรศัพท์เชื่อว่าเป็นคนที่ไม่ได้ต้องการคุยงานใดๆผ่านหูฟังตัวนี้อยู่แล้ว

20240807155626_IMG_2793

คุณภาพเสียง

ทดลองฟังเพลงผ่านเครื่องคอมพิวเตอร์ เปิดไฟล์ wav ด้วยโปรแกรม iTune ระบบ windows และต่อ external dac เข้ากับ แอมป์หูฟัง แล้วต่อออกมายัง HE400se กับอีกระบบหนึ่งที่เป็นแบบพกพาคือเล่นผ่านเครื่องเล่นเพลง Aune M1 ที่เป็น wav player สัญญาณเสียงต่อตรงเข้า HE400se

น้ำเสียงที่ฟังในนาทีแรกก็รับรู้ได้ถึงเสียงกลางที่ชัด เสียงเบสอิ่ม โดยเฉพาะเสียงเบสที่ห่อหุ้มเพลงทั้งเพลงไว้แสดงตัวได้เด่นชัดมาก จะเรียกว่าเบสหนาก็ได้ แต่เบสไม่กลบเสียงกลางเลย ยิ่งเป็นเพลงที่โซโล่เบสยิ่งน่าฟัง เบสที่ขึ้นไว กระชับ คึกคัก เป็นจุดเด่นของหูฟังตัวนี้เลย เพลงช้าก็ฟังอบอุ่น เพลงเร็วก็สนุก

ทุ้มกลางแหลมออกมาพอดีๆ แต่ละเพลงมีสมดุลย์เสียงที่น่าฟัง กลางที่ร้องชัดๆไม่ได้เด่นไปกว่าย่านเสียงอื่น เสียงกลองสแนร์ฟาดก็ได้ยินชัดโดยไม่มีอาการคมแข็งเลย ส่วนเสียงย่านสูงก็มีให้พอดี แต่ไม่ได้เด่นมาก ไม่ได้ใสกริ๊งแบบทอดประกายยาวๆ อาจจะรู้สึกเสียงย่านสูงประกายน้อยไปหน่อย

เสียงกลางที่ชัดและเบสที่ฉับไว ย่านสูงที่ไม่กัดหู ทำให้เพลงฟังสนุก ติดตามเนื้อเพลง ติดตามเสียงร้องได้อย่างเพลิดเพลิน เสียงหายใจ เสียงลูกคอยังไม่ชัดมากเท่ากับหูฟังอย่าง AKG K701 แต่ความอิ่มหนาของเสียงเพลงทำให้ฟังสนุกกว่า เปรียบเทียบแล้วก็เหมือนเอา K701 มาเติมซับวูฟเฟอร์

สไตล์เสียงของ HE400se เป็นสไตล์ลำโพงบ้านเสียงดี เราจะไม่ได้ยินเสียงแบบนี้จากลำโพงคอมพิวเตอร์ใดๆเลย และจะไม่ได้ยินเสียงแบบนี้กับลำโพงในชุดสเตอริโอระดับตลาดราคาประหยัดแน่นอน ลำโพงบ้านที่ให้น้ำเสียงโทนแบบนี้น่าจะมีราคาแพงระดับหลายหมื่นบาทและต้องใช้งานคู่กับแอมป์ที่ดีด้วย ซึ่งทั้งหมดนั้น HE400se ทำงานภายใต้เครื่องเสียงพกพาตัวเดียวก็ได้ มันเป็นความคุ้มค่ามากๆที่ค่าตัวเพียงสองพันกว่าบาทเมื่อรอจังหวะลดราคาแรงๆ แต่กลับให้เสียงที่ดีทัดเทียมกับชุดเครื่องเสียงบ้านหลักหมื่นได้ ราคาเต็มของหูฟังตัวอยู่นี้อยู่ที่ 99 ดอลล่าร์

DSC03538

หูฟังขนาดใหญ่ มีแรงบีบหัวค่อนข้างมาก ฟองน้ำหนาช่วยทำให้ไม่รู้สีกเจ็บ แต่ก็รู้สึกว่าบีบแน่นเกินไป ส่วนฟองน้ำจะหุ้มหนังเทียมเอาไว้ทำให้ส่วนที่สัมผัสกับหัวจะรู้สึกร้อนเมื่อใส่เป็นเวลานาน ความสบายในการใส่ยังถือว่าต่ำ แต่ก็ทนใส่ได้เพราะคุณภาพเสียงที่ดี

หูฟังตัวนี้ไม่ใช่หูฟังมอนิเตอร์ มันฟังเพลงอะไรก็เพราะ ถ้าจะใช้ทำมาสเตอร์หรือมอนิเตอร์การบันทึกเสียงที่เน้นเรื่องการปรับโทนเสียงให้ไพเราะจะไม่เหมาะเลย ควรไปใช้หูฟังที่จืดกว่านี้ หรือเปิดเผยมากกว่านี้ อย่างเช่นหูฟังแบบ AKG K701 ซึ่งจะเหมาะกับงานมากกว่า

สรุป

Hifiman HE400se เป็นหูฟัง Full size ที่ให้น้ำเสียงน่าฟัง เหมาะสำหรับการฟังเพลง ไม่เหมาะกับการเป็นมอนิเตอร์ในงานบันทึกเสียง เสียงทุ้มกลางแหลมที่พอดี เสียงมีความอิ่มปนหวาน เหมาะที่จะฟังเพลงป๊อป เพลงอคูสติก จริงๆต้องบอกว่าเหมาะกับการฟังเพลงแทบทุกประเภท โดยเฉพาะเพลงที่บันทึกเสียงเบสมาดีๆยิ่งทำให้เสียงเพราะขึ้น น้ำหนักค่อนข้างมากอาจจะทำให้รู้สึกไม่สบายหัวหากฟังนานๆหลายชั่วโมง ถ้าต้องเลือกตัวเดียวสำหรับการฟังเพลงเป็นหลัก เพิ่มการดูหนังบ้าง ตัวนี้ก็น่าเลือกที่สุด

ก็แค่อยากฟังเพลง

P_20151228_132107

เราจำความรู้สึกตอนที่อินเทอเน็ตยังไม่มีเพลงให้ฟังได้ไหม เราไปเดินผ่านร้านขายเทปหรือ แผ่นซีดีในห้าง มีแผ่นโชว์เต็มไปหมด เรามีวงดนตรีที่เราสนใจ หรือ ชอบบางเพลง หรือ เคยได้ยินเพลงของเขาในรายการวิทยุ แล้วเราก็หยุดดูที่แผงแล้วเราก็หยิบวงที่เราอยากฟัง จ่ายเงิน เทปม้วนละ 85-100บาท หรือถ้าเป็นแผ่นซีดีเพลงก็จะประมาณ 350-500 บาท พอได้แผ่นแล้ว เราก็อยากจะรีบกลับบ้านไปนั่งฟัง 

ถึงบ้าน แกะเทป เปิดปกเทปอ่านชื่อทีมงาน อ่านชื่อคนแต่งเพลง อ่านชื่อโปรดิวเซอร์ อ่านข้อความที่ศิลปินเขียนบรรยายขอบคุณใครหลายคน อ่านเบื้องหลังการทำงาน ดูภาพที่เรียงอยู่บนปกเทป หรือ ปกซีดี แล้วเราก็เปิดเพลงฟัง สนุกอยู่กับเพลงทั้งอัลบั้ม อีก 1 ชั่วโมง เราก็ออกจากภวังค์ เราได้ลิ้มรสเพลงที่เรารอคอย ดีบ้าง เฉยๆบ้าง สิบเพลงอาจมีเพลงถูกใจเราสัก 3 เพลง และก็คงเปิดซ้ำไปซ้ำมาอีกหลายเดือน

ความชอบของคนฟังเพลงคือการได้ฟังเพลงจากวงดนตรีที่เราสนใจ หรือ ได้ฟังอัลบั้มที่ชอบ หรือ ได้ฟังเพลงรวมฮิตในแผ่นรวมฮิตที่ทุกเพลงดังอยู่แล้ว การได้ยินได้ฟังคือความบันเทิงของคนฟัง และถ้าเพลงมันดีถูกใจก็ถือว่ากำไรในด้านความรู้สึก ตลอดเวลาก่อนอินเทอเน็ตจะมีเพลงให้ฟังเราก็ใช้เงินหลายร้อยบาทสำหรับเพลง 1 อัลบั้ม และเราเป็นอย่างนี้อยู่เป็นสิบปี มีเแผ่นซีดีในบ้านอยู่นับร้อยแผ่น มีเทปอยู่ร้อยกว่าม้วน นี่คือนิสัยคนชอบฟังเพลงแต่ไม่ค่อยมีเงิน ไม่ต้องเทียบกับเพื่อนบางคนที่มีรายได้เยอะกว่า มีค่าขนมเยอะกว่า อาจมีเทปและแผ่นซีดีรวมกันเลยหลักพันชุด

photo

ที่เล่ามายืดยาวก็จะเข้าเรื่องว่าวันนี้ได้เครื่องเล่น ipod touch ตัวเก่ามาตัวหนึ่ง เป็น ipod touch gen3 เปิดตัวครั้งแรกปี คศ 2009 ที่บรรจุเพลงไว้ประมาณ 64Gb มีเพลง 9300 เพลง ipod อายุ 14 ปี กับเพลงที่ติดมากับเครื่อง สภาพใช้งานได้ เปิดเพลงฟังได้ เป็นความคุ้มค่าในราคามือสอง จ่ายไปแค่หนึ่งพันบาท ลองเปิดรายชื่อศิลปิน รายชื่ออัลบั้มพบว่ามีหลากหลาย มีวงที่มีชื่อเสียงจำนวนมาก มีเพลงน่าฟังเยอะมาก ฟังอีก 1 ปี ก็ฟังไม่ครบ เหมือนเราได้แผงเทปหรือเหมาร้านขายแผ่นซีดีเอาไว้ในบ้าน ผมมั่นใจว่าจำนวนแผ่นซีดีที่จะเทียบกับสิ่งที่อยู่ใน ipod ตัวนี้น่าจะต้องใหญ่กว่าร้านเล็กๆตามซอกหลืบในห้าง ทำให้นึกถึงร้านขายแผ่นซีดีขนาดใหญ่อย่าง Tower record หรือ Quark record ซึ่งเป็นร้านที่ทำให้คนฟังเพลงรู้สึกตื่นเต้นมากเมื่อได้ไปเดินเล่นภายในร้าน และชาตินี้คงไม่พบร้านแนวนี้อีกแล้ว เพราะระบบการฟังเพลงเปลี่ยนไปเป็นการฟังผ่านอินเทอเน็ตกันหมดแล้ว ไม่มีร้านขายแผ่นซีดีให้เห็นแล้ว และที่บ้านก็ไม่มีเครื่องเปิดแผ่นซีดีแล้วด้วย

IMG_0308napa

การครอบครองเครื่องเล่นเพลงเป็นความสุขส่วนตัว เปิดฟังได้ทุกที่ ไม่มีอินเทอเน็ตก็มีเพลงฟัง ยิ่งมีเกือบหนึ่งหมื่นเพลงติดตัว ยิ่งทำให้สนุกกับการค่อยๆฟังเพลงไปเรื่อยๆ เพราะเพลงที่เราไม่เคยฟัง หรือเพลงดีที่ไม่ได้ฟังนานแล้ว มันก็คงหลบอยู่ในหนึ่งหมื่นเพลงนี้ แค่เปิดหน้าจอเลื่อนดูรายชื่อเพลง ก็มีความสุขแล้ว ใครที่ชอบฟังเพลง ลองหาของมือสองราคาไม่แพงเหล่านี้ไปฟังดู ลำโพงติดคอมพิวเตอร์สามารถใช้งานร่วมกับเครื่องเล่น ipod ได้แน่นอน แล้วคุณจะได้สัมผัสความสนุกจากการฟังเพลงอีกครั้ง โดยเราไม่ต้องไปสนใจคำว่า สตรีม ไฮเรส digital audio lossless dsd wav mp3 หรืออะไรที่เป็นศัพท์เทคนิคของระบบคอมพิวเตอร์ เราแค่เสียบลำโพงหรือหูฟังตัวโปรดแล้วเปิดเพลงฟัง แล้วก็อยู่กับดนตรีที่ปลดปล่อยออกมา

รีวิวหูฟัง EPOS GSP301 หูฟังขาวดำ เสียงดีไมค์ดี

ในวงการหูฟังจะมีการแบ่งลักษณะหูฟังด้วยหลายปัจจัย หากแบ่งตามขนาดและลักษณะการสวม เราก็จะมีหูฟัง

IMG_0313

1 หูฟัง Earbud รูปทรงจะคล้ายหูฟังแบบสายที่แถมมากับ iphone ในยุคแรกหรือหูฟังที่แถมมากับเครื่องเล่นเพลงอย่าง ipod หรือเป็นหูฟังที่แถมมากับเครื่องเล่นเพลงยุคอนาลอกอย่างเครื่องเล่นเทปกันเลย

IMG_0052

2 หูฟัง inear ที่ลักษณะจะเป็นก้อนๆเล็กๆที่จะต้องมีจุกยาง มักเป็นหูฟังที่แถมมาในยุคสมัยปัจจุบัน ซึ่งจะให้เสียงเบสที่ใหญ่โตกว่า ได้รับการปรับปรุงออกมาทีหลัง earbud หูฟังแบบนี้มักกันเสียงภายนอกไม่ให้เล็ดลอดเข้าไปในหู บางครั้งคนที่ไม่ชินก็จะรู้สึกอึดอัดอยู่บ้าง ขนาดตัวหูฟังจะไม่ใหญ่ ถือว่ามีความกระทัดรัดหรือเล็กที่สุดเมื่อเทียบกับหูฟังชนิดอื่น

IMG_1769

3 หูฟัง on ear ที่มีขนาดของตัวส่งเสียงใหญ่ใกล้เคียงใบหู เวลาใช้งานก็จะแปะไว้กับหู ซึ่งอาจจะมีสายคาดบนศรีษะ หรือ มีก้านคล้องสำหรับแขวนกับใบหูก็ได้ หูฟังแนวนี้จะไม่คลุมหูเราสนิท เราจะได้ยินเสียงภายนอกได้ค่อนข้างชัด เหมาะกับการใช้ฟังเพลงที่ยังคงต้องการได้ยินเสียงภายนอกอยู่ด้วย

20200323074804_IMG_0123

4 หูฟัง Fullsize ที่เป็นลักษณะครอบใบหูไว้ทั้งใบหูเลย ขนาดตัวส่งเสียงจะใหญ่มาก พวกนี้ต้องมีก้านครอบศรีษะ น้ำหนักค่อนข้างมาก แต่ก็เป็นหูฟังที่ให้คูณภาพที่ดีที่สุดด้วย บริษัทที่ทำหูฟังขายก็มักจะมีรุ่นท๊อปสุดเป็น fullsize

หูฟังในยุคปัจจุบันเป็นของจำเป็นที่จะต้องมีติดไว้ใช้กับโทรศัพท์หรือคอมพิวเตอร์ เพราะตั้งแต่มีการระบาดของเชื้อโควิด การสื่อสารผ่านหน้าจอหรือการประชุมผ่านหน้าจอเป็นสิ่งจำเป็น การพูดคุย การต่อไมโครโฟน การต่อหูฟังเพื่อใช้สื่อสารก็เป็นเรื่องจำเป็น นั่นทำให้วงการหูฟังคึกคักมากขึ้น และที่นิยมมากจนตลาดแตกคือหูฟังไร้สายหรือหูฟังบลูทูธ หรือเรืยกให้เต็มยศก็ หูฟังแบบ True wireless ซึ่งทำออกมาขายกันเกือบทุกยี่ห้อแล้ว ซึ่งลักษณะรูปทรงของหูฟังก็มีหลากหลายไม่ต่างจากหูฟังแบบมีสายเลย

IMG_5401

หูฟังในส่วนของการเล่นเกมส์ก็ได้รับความนิยมมากขึ้น อุปกรณ์เล่นเกมส์หลายอย่างก็ได้รับการปรับปรุงเพื่อให้อรรถรสการเล่น จากคุณภาพระดับทั่วไปที่ฟังเพลงไม่เพราะก็พัฒนาให้มีคุณภาพเสียงที่ดีขึ้น มีการเพิ่มความสามารถในการประมวลผลเสียงรอบทิศภายในหูฟังเพื่อให้เล่นเกมส์ได้สนุกขึ้น ใช้ดูหนังได้สมจริงคล้ายกับอยู่ในโรงหนัง ปรับปรุงไมโครโฟนให้รับเสียงดีขึ้น นอกจากนี้ก็ยังปรับปรุงหน้าตา สีสัน และดีไซร์การออกแบบที่ดูสวยงาม และโพสท์นี้ผมก็ได้ทดสอบหูฟังเล่นเกมส์ตัวหนึ่งที่หน้าตาสวย โดยผมเห็นหูฟังตัวนี้มานานแล้วแต่ก็ไม่ได้สนใจมากในทีแรก พอเห็นว่ามีลดราคาแรงๆก็ใจแตก กดซื้อมาจนได้

IMG_5483

Epos เป็นยี่ห้อที่ทำผลิตภัณฑ์สำหรับการเล่นเกมส์ โดยเป็นเครือเดียวกับ Sennheiser ที่มีชื่อเสียงด้านอุปกรณ์ไมโครโฟนและหูฟังมายาวนานมาก Epos GSP301 เป็นหูฟังทรง Full size ที่มีตัวส่งเสียงใหญ่ครอบใบหูได้ทั้งใบ รูปทรงสีขาวตัดกับสีดำดูทันสมัย มองผ่านๆก็ชวนให้นึกถึงตัวละครในหนังเรื่องสตาร์วอร์ ก้านไมค์ก็ดูใหญ่แข็งแรง มีวอลลุ่มที่ตัวหูฟังเพื่อปรับความดังเบาได้เลย สายเสียบก็เป็นชนิด 3.5มม. จำนวน 2 ตัว ตัวหนึ่งเป็นแจ็คหูฟัง อีกตัวเป็นแจ๊คของไมโครโฟน ก้านไมค์บิดขึ้นบิดลงได้ หากเราอยากปิดเสียงไมค์ ไม่ต้องการให้ไมค์ทำงานก็บิดก้านไมค์ขึ้น แต่หากจะใช้ไมค์ก็แค่บิดก้านไมค์ลงมาใกล้ปาก

สเป็คคร่าวๆของหูฟังเป็นดังนี้

Colorwhite
Wearing styleHeadband
Impedance19 Ω
Connector2 x 3.5 mm / 1 x 3.5 mm (PCV 05 Combo Audio Adaptor)
Frequency response (Microphone)10 – 15,000 Hz
Frequency response (Headphones)15 – 26,000 Hz
Sound pressure level (SPL)113 dB
Ear couplingCircum-aural
Cable length2 m
Weight290 g
Pick-up patternNoise-cancelling
Microphone sensitivity– 41 dBV/PA

สเป็คที่สำคัญก็คือ ความไวหรือ SPLของหูฟังอยู่ที่ 113dB ซึ่งเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างสูง หมายความว่าหูฟังตัวนี้ให้เสียงที่ดังแม้จะใช้งานกับเครื่องเล่นเพลงหรือคอมพิวเตอร์ที่มีกำลังขับที่ไม่แรงมาก ความต้านทานที่ต่ำประมาณ 19โอห์มทำให้มันเหมาะกับเครื่องเล่นแทบทุกเครื่อง จะเรียกว่าไม่กินกำลังขับเลยก็ได้ แต่ข้อเสียของความไวระดับนี้ก็คือ มันจะไวต่อสัญญาณรบกวนด้วย ถ้าเราใช้กับซาวด์การ์ดคุณภาพต่ำ หรือ แอมป์ขยายเสียงที่ทำมาไม่ดี มีสัญญาณรบกวนอยู่ในวงจรขยายเยอะก็จะทำให้เราได้ยินเสียงซ่าบางๆอย่างชัดเจน


ทดลองฟัง

เมื่อฟังเพลงต่างๆ ก็พบว่า หูฟังตัวนี้ให้เสียงโดยรวมถือว่าดี เสียงสูงมีปลายแหลมที่ทอดยาว ไม่ทึบ เสียงกลางชัด เสียงเบสอิ่มหนา มีความหวานอยู่ในน้ำเสียง ให้เสียงฟังสนุก โฟกัสเสียงร้องอยู่ตรงกลางหัวเป๊ะ วอลลุ่มที่มากับหูฟังก็มีปุ่มหมุนที่ใหญ่โต ปรับหมุนเพื่อลดเสียงได้แม่นยำตามความรู้สึกเลย ผมชอบปุ่มปรับระดับเสียงแบบนี้ เพราะว่ามันปรับได้ระดับที่ตรงกับความต้องการจริงๆ หลายครั้งที่ใช้หูฟังที่ไม่มีตัวปรับเสียงแยก เวลาปรับความดังเบาที่ปุ่มโทรศัพท์ก็จะไม่ได้ความดังที่พอดีกับความต้องการ เลื่อนขึ้นนิดก็ดังเกินไป เลื่อนลงหน่อยก็เบาไป การมีปุ่มหมุนโดยตรงแบบนี้ทำให้ปรับละเอียดได้เป็นความปราณีตเล็กๆน้อยๆที่มีให้ใช้งาน

จุดเด่นของหูฟังตัวนี้คือเป็นหูฟังทรง Gaming ที่ฟังเพลงเพราะ เมื่อก่อนเป็นเรื่องที่หายากหรือถ้าจะมีหูฟังเล่นเกมส์ที่ฟังเพลงเพราะก็มักจะราคาแพง แต่สำหรับยุคนี้ หูฟัง Gaming ในปัจจุบันน่าจะพัฒนากันโดยส่วนใหญ่แล้วทำให้ราคาไม่แพง น้ำเสียงของไมค์โครโฟนก็มีคุณภาพเสียงที่ดี ไม่บีบเสียงหรือเน้นเสียงแหลมจนผิดธรรมชาติ สามารถบันทึกเสียงพูดเพื่อทำคอนเท้นต์ได้เลย ลองฟังคลิปรีวิวที่ใช้ไมค์ของหูฟังตัวนี้บันทึกที่ด้านล่างสุดครับ

644f9fcb-c4c7-4176-ac1e-70247e012983_21358_a1_pcv-05_fullsizepng

แจ๊คหูฟังและไมค์มาแบบแยกกันคนละตัว ทำให้มันต้องเสียบกับคอมพิวเตอร์ที่ใช้รูเสียบแบบโบราณแยกกันระหว่างไมค์กับหูฟัง ถ้าจะเสียบกับโน้ตบุ๊คยุคใหม่ หรือเสียบกับสมาร์ทโฟนที่มีรูเดียว เราจะต้องใช้อแด๊ปเตอร์รวมสองแจ๊คให้ออกเป็นแจ็คเดียวที่เป็นแบบ TRRS ซึ่งก็มีแถมมาในกล่องด้วย

IMG_7223

หูฟัง Epos แนะนำให้ใช้กับซาวด์การ์ดที่สามารถสร้างเสียงรอบทิศแบบ Virtual 7.1 ด้วย จะเป็นซาวด์การ์ดภายในหรือเป็นแบบแยกชิ้นติดตั้งภายนอกก็ได้ ยี่ห้ออะไรก็ได้ แต่ Epos เองก็มีทำ External soundcard ออกมาขายด้วย และหน้าตาก็ดูสวยงามเข้ากันได้กับหูฟังตัวนี้ ที่แนะนำให้ใช้ร่วมกันก็คือ Epos Gsx300 ซึ่งเป็นรุ่นเล็กสุดหน้าตากระทัดรัดสวยงาม และมีสีขาวให้เลือกใช้

ระบบเสียงรอบทิศ Virtual 7.1 จะจำลองเสียงรอบทิศให้เราได้ยินคล้ายๆกับเมื่อเราอยู่ในห้องดูหนัง มันจะทำให้เรารู้สึกว่ามีลำโพงคู่หน้า ลำโพงเซนเตอร์ ลำโพงด้านหลังของเรา ทดลองฟังกับหนังที่บันทึกหรือให้เสียงแบบ Dolby Digital 5.1 หรือ Dts 5.1 ก็ได้ เราจะได้ยินเสียงรอบทิศเหมือนเราอยู่ในห้องโฮมเธียเตอร์ เหมือนกับที่เราได้ยินในโรงหนัง แม้จะไม่ได้ชัดเจนเด็ดขาดเหมือนฟังจากลำโพงแยกชิ้นจริงๆ แต่มันก็ทำได้ดีพอใช้ได้ และมันน่าใช้กว่าการดูด้วยเสียงสเตอริโอปกติ

การใช้ Virtual 7.1 ในหูฟังนอกจากจะทำให้ดูหนังสนุกแล้วแล้ว ยังเหมาะกับการเล่นเกมส์ด้วย เพราะเสียงรอบทิศในเกมส์เป็นเสียงที่ออกแบบเสียงอย่างจงใจ ทุกเสียงสร้างขึ้นมาทั้งหมด มันให้ความกว้างของมิติต่างๆที่ชัดเจน ให้น้ำหนักเสียงที่ดุดัน ให้เสียงเอฟเฟ็คที่ชัดมาก ชัดสุดๆ การยิงและการระเบิดในระยะใกล้ของเหตุการณ์ในเกมส์ทำให้ตกใจได้ง่ายๆเลย ใครชอบเล่นเกมส์ควรจะต้องใช้ระบบ 7.1 เสมอ เพราะมันทำให้เกมส์สนุกขึ้นอีกมาก

สรุป

หูฟัง Epos GSP301 เป็นหูฟัง Fullsize ที่มีคุณภาพเสียงที่ดี สามารถใช้ฟังเพลงแบบจริงจังได้ สามารถใช้สื่อสารในการประชุมทางไกลผ่านหน้าจอได้ มีก้านไมค์ที่รับเสียงได้ดี สามารถปิดไมค์ได้ด้วยการโยกขึ้น มีปุ่มปรับระดับความดังที่ตัวหูฟังทำให้สะดวกในการใช้งาน สีขาวสลับดำดูสวยงามและเข้าพวกกับซาวด์การ์ดภายนอกในค่ายเดียวกัน ถ้าจะให้เลือกหูฟังเพื่อทำงานได้เกือบทุกอย่างโดยไม่เน้นเรื่องขนาด ไม่สนใจเรื่องพกพา ก็เลือกตัวนี้ได้เลย ทั้งดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกมส์ สื่อสาร ทำได้ดีทั้งหมด ด้วยราคาที่ไม่สูงมากยิ่งทำให้หูฟังตัวนี้น่าใช้งาน



คลิปรีวิวบันทึกโดยใช้ Macbookair M1 ต่อหูฟัง Epos GSP301 เข้าที่ช่อง 3.5mm บนโน้ตบุ๊ค ใช้ App ชื่อ Photobooth ในการบันทึก

สั่งซื้อ Epos Gsp301 ได้ที่นี่

https://shope.ee/7pQxehbkCO

รีวิวหูฟังไร้สาย Apple Airpod Gen1 Gen2

IMG_5404

หูฟังชนิดไร้สายที่ส่งสัญญาณผ่านระบบบลูทูธได้รับความนิยมอย่างมาก ใครที่ต้องการหูฟังสำหรับฟังเพลง หรือ สำหรับการพูดคุยโทรศัพท์และการประชุมจะพยายามหาหูฟังไร้สายเป็นลำดับแรก หูฟังไร้สายระบบบลูทูธที่มาพร้อมกล่องเก็บป้องกันหายและยังเป็นกล่องที่ชาร์จไฟได้ในตัวกลายเป็นแพ็คเกจมาตรฐานของหูฟังบลูทูธในยุคนี้ไปเสียแล้ว และผู้ที่นำเสนอหูฟังไร้สายพร้อมกล่องชาร์จไฟได้ในตัวเป็นเจ้าแรกก็คือ Apple นั่นเอง โดยหูฟังไร้สายรุ่นแรกของค่ายนี้ที่มาพร้อมกล่องชาร์จก็คือ Apple Airpod ซึ่งภายหลังเราจะเรียกเพิ่มเติมว่า Airpod Gen1 เพราะว่าในอีกหลายปีต่อมาก็มี Gen2 ออกมา และมี Airpod pro ตามออกมาด้วย

20220116171445_IMG_0795

Apple Airpod Gen1 เป็นหูฟังที่นำหูฟัง Earpod ดั้งเดิมที่เป็นรุ่นมีสายมาตัดสายออก แล้วยัดแบตเตอรี่ไว้ในหูฟัง พร้อมทั้งออกแบบกล่องเก็บหูฟังให้มีแบตเตอรี่ในกล่อง ทำให้ตอนเก็บหูฟัง ตัวกล่องสามารถส่งพลังงานไฟฟ้าเข้าไปชาร์จหูฟังได้ และตัวกล่องก็มีช่องเสียบสาย lightning แบบเดียวกับ iphone เอาไว้ชาร์จไฟเข้ากล่อง

IMG_5402

คุณภาพเสียงของหูฟัง Earpod เป็นหูฟังเสียงดี ให้ความเป็นกลาง มีเบสชัดเจน มีปลายแหลมพอใช้ สามารถใช้ฟังดนตรี ฟังเสียงทั่วไปได้เป็นอย่างดี และคุณสมบัติทางเสียงเหล่านี้ก็ได้รับการถ่ายทอดไปสู่หูฟังไร้สายอย่าง Airpod ด้วยเช่นกัน เราคาดหวังว่า Earpod จะให้เสียงเป็นอย่างไร หูไร้สายก็เสียงเหมือนแบบมีสายแทบไม่ต่างกันเลย มันจึงเป็นหูฟังไร้สายที่จัดว่าเสียงดีมาก นักฟังเพลงที่ชอบดนตรีชัดๆ น่าจะชอบหูฟังอย่าง Airpod ได้ไม่ยาก เจ้าของ iphone ทุกคนก็จะคุ้นเคยกับเสียงเดิมนี้เช่นกัน

20220116171144_IMG_0790

ด้วยความที่ได้รับความนิยมล้นหลาม และขายดีทั่วโลก ก็มีผลทำให้มีอุปกรณ์เสริมอย่างเคสสำหรับใส่กล่องชาร์จออกมาขายจำนวนมาก และผมก็เลือกซื้อเคสหน้าตาเหมือนแอมป์กีต้าร์มาใช้ มันก็ดูน่ารักดี ผมซื้อ Airpod Gen1 มาก่อนหลายเดือนให้ภรรยาใช้ และซื้อ Airpod Gen2 มาเพิ่มเติม ทั้งสองรุ่นหน้าตาเหมือนกัน ถ้าวางปนกันจะแยกไม่ออกเลย และกล่องชาร์จของทั้งคู่ก็ยังมีรูปร่างและขนาดเหมือนกันอีก ถ้าไม่ใส่เคสที่แตกต่างกันจะดูไม่ออกเลย สิ่งที่แตกต่างระหว่าง Airpod Gen1 กับ Gen2 ก็คือ กล่องชาร์จของรุ่น Gen2 จะเป็นกล่องที่ชาร์จระบบไร้สายได้ นั่นคือเราสามารถวางกล่องชาร์จของ Gen2 บนที่ชาร์จไร้สายได้เพื่อชาร์จไฟเข้ากล่อง เป็นความสะดวกที่มาตามยุคสมัย

IMG_4829

ผลการทดลองฟัง

น้ำเสียงของ Airpod ให้ความสมดุลย์ของเสียงทุกย่านพอกัน เป็นแนวทางของเสียงที่เราเรียกว่าเสียงมอนิเตอร์ เราสามารถใช้หูฟังตัวนี้ในการฟังเปรียบเทียบ หรือ ฟังตรวจสอบงานบันทึกเสียงได้ดี มันให้เสียงกลางที่ชัด ให้น้ำหนักแรงประทะของเสียงกลองได้กระชับ ให้เบสได้ลงลึกและไม่มากเกินไป เสียงย่านต่ำไม่บวม เป็นสัดส่วนทุ้มกลางแหลมที่ลงตัวมาก หูฟังไร้สายยี่ห้ออื่นมักจะมีเสียงไม่โปร่ง ไม่ใส ไม่ชัด ขาดบ้าง เกินบ้าง บางยี่ห้อก็เบสเยอะมาก บางยี่ห้อก็ใส่ไม่สบาย Airpod ของ Apple นี่แหละที่ใส่ได้สบายที่สุด ใส่หลายๆชั่วโมงก็ยังไม่รู้สึกรำคาญหรืออึดอัด

ผมทดลองใช้งานกับโทรศัพท์ android ของ Xiaomi ซึ่งก็เชื่อมต่อได้ดี แต่มีปัญหาหนึ่งที่พบก็คือ Airpod Gen1 ต่อกับ Android แล้วเสียงฟังเพลง รวมถึงดู Youtube ต่างก็ให้เสียงที่เบามาก แต่เสียงพูดคุยตอนโทรศัพท์ยังดังปกติ ส่วน Airpod Gen2 ให้เสียงที่ดังปกติทั้งการฟังเพลงและคุยโทรศัพท์ ไม่พบอาการเสียงเบาแบบ Gen1 ซึ่งเป็นเรื่องที่แปลกอยู่ ดังนั้น ใครใช้ Android เมื่อจะหาหูฟัง Airpod มาใช้ ต้องระวังอย่าไปเลือกใช้ Gen1 เพื่อจะได้ไม่ต้องพบปัญหาเสียงเพลงเบา ความเบานี้เป็นระดับ่ที่เบาจนฟังแทบไม่รู้เรื่องถ้าไม่อยู่ในที่เงียบจริงๆ ถ้าเราเดินอยู่ในที่สาธารณะ หรือ ขับรถ นั่งรถอยู่ เราจะฟังเสียงเบาๆนี้ไม่รู้เรื่องเลย คือเบาจนใช้งานไม่ได้นั่นเอง

แต่กับการใช้ Airpod ทั้ง Gen1 และ Gen2 กับโทรศัพท์ iphone กลับไม่มีปัญหาใดๆเลย ทั้งคู่ให้เสียงที่เหมือนกันมากจนแยกแยะไม่ออกว่าตัวไหนเป็น Gen1 หรือ Gen2 ผมพยายามหาข้อมูลในเน็ตแล้วว่าจะทำยังไวให้ตั้งค่า Gen1 กับมือถือ Android ให้มีระดับเสียงที่ดังปกติ แต่ก็ไม่พบวิธีทำที่ได้ผล

สรุป Apple Airpod ทั้ง Gen1 และ Gen2 ให้คุณภาพเสียงที่ดีมาก ให้น้ำหนักเสียงทุ้มกลางแหลมที่พอดีทุกย่าน สามารถใส่เพื่อฟังเป็นเวลานานก็ได้ การชาร์จไฟเต็มกล่องชาร์จแล้วหมั่นใช้หมั่นวางหูฟังเก็บเข้ากล่องก็จะทำให้หูฟังสามารถใช้งานได้หลายชั่วโมง บางครั้งหากธุระการพูดคุยไม่มาก เราก็พกหูฟังพร้อมกล่องโดยไม่ต้องเสียบชาร์จตัวกล่องได้หลายวัน แต่ถ้าเล่นโทรศัพท์เยอะ ใช้งานทั้งวันก็ทำให้เราต้องชาร์จไฟเข้ากล่องประมาณวันเว้นเว้น และหากใครจะซื้อเพื่อใช้งานกับโทรศัพท์ระบบ Android ควรได้ทดลองก่อนซื้อ เพื่อป้องกันกรณีเสียงเบาเร่งไม่ขึ้นด้วย

สั่งซื้อได้ที่นี่ https://shope.ee/AUY1dBdQqg

รีวิวหูฟังไร้สายเสียงดี ฟังค์ชั่นครบ Logitech g435

IMG_20220604_074425

การใช้งานคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์ในยุคสมัยนี้อยู่กับชีวิตเราแทบตลอดเวลา เป็นยุคที่เรามีโทรศัพท์มือถือกันแทบทุกคน มือถือจะฟังเพลงจากระบบสตรีมได้ ข้อมูลภาพและเสียงมาจากอินเทอเน็ต เราแทบจะไม่มีใครเก็บไฟล์เพลงไว้ในเครื่องอีกแล้ว และหูฟังนอกจากทำหน้าที่ฟังเพลง ก็ยังทำหน้าที่สำหรับการสื่อสารด้วย ใช้ฟัง ใช้พูดคุยผ่านระบบอินเทอเน็ต หูฟังจึงเป็นสิ่งจำเป็นมากยิ่งขึ้น


หูฟังแบบครอบหูเป็นหูฟังที่ดูอลังการ ใหญ่โตและดูจริงจัง เมื่อก่อนเราจะพบเห็นการใช้งานหูฟังแนวนี้ในสตูดิโอระดับมืออาชีพ แต่การใช้งานในปัจจุบัน ยุคสมัยของการสื่อสารหลังโควิด เราใช้หูฟังพร้อมไมค์โครโฟนกันมากขึ้น การเล่นเกมส์ผ่านคอมพิวเตอร์ก็นิยมใช้หูฟังมานานแล้ว ทุกวันนี้เราพบหูฟังขนาดใหญ่หรือ Full Size เป็นเรื่องปกติ

ScreenClip

Logitech g435 เป็นหูฟังครอบหูขนาด full size ออกแบบมาให้เป็นหูฟังระบบไร้สาย 2 ระบบ คือเป็นไร้สายแบบรับสัญญาณไร้สายคลื่นความถี่ 2.4gHz ผ่านตัวส่งสัญญาณ usb ที่มีมากับชุดหูฟังเลย และแบบที่สองคือรับสัญญาณผ่านบลูทูธ นั่นหมายความว่า เราใช้งานหูฟังตัวนี้กับโทรศัพท์ผ่านบลูทูธได้ ใช้กับคอมพิวเตอร์ที่มีพอร์ต usb ก็ได้ ซึ่งเป็นความยืนหยุ่นที่ดีมาก

การใช้งานกับคอมพิวเตอร์ผ่านพอร์ต usb จะมีตัวเสียบ usb เอาไว้รับส่งสัญญาณไร้สายโดยเฉพาะ จะทำให้คุณภาพเสียงดีที่สุดตามสเป็คของหูฟัง เพราะการสื่อสารผ่าน 2.4 gHz จะเป็นการสื่อสารที่เน้น sound quality หากต้นฉบับเสียงของเราเป็นสัญญาณระดับ cd quality เราก็จะได้ยินเสียงคุณภาพสูงเกือบเท่าต้นฉบับ Logitech ยังไม่ได้เปิดเผยว่า protocal ในตัวส่ง usb นั้นเป็นการสื่อสารชนิดใด แต่เดาว่าจะเป็นระบบที่ออกแบบให้ดีเลย์ต่ำและมีบิทเรทที่สูงเพียงพอสำหรับการเน้นเรื่องคุณภาพเสียง ส่วนการใช้งานผ่านระบบ Bluetooth จะเป็นการส่งสัญญาณแบบบีบอัด เพราะแบนด์วิดธ์การสื่อสารข้อมูลหรือ bite rate ของ bluetooth จะน้อยในระดับ 300-990bps แล้วแต่มาตรฐาน แม้เราจะเล่นเพลงจากไฟล์คุณภาพสูง แต่การที่ต้องแปลงข้อมูลให้บิทเรตน้อยลงเพื่อให้วิ่งผ่าน bluetooth ก็จะทำให้ข้อมูลเพลงถูกลดทอนและมีการสูญเสียไปในการแปลงข้อมูลกลับไปกลับมา

ScreenClip

หูฟัง g435 มีพอร์ต usb-c บนตัวมันเพื่อเอาไว้ชาร์จไฟ แบตเตอรี่ในตัวสามารถถอดเปลี่ยนได้โดยดูจากคู่มือ นับว่าเป็นการออกแบบหูฟังไร้สายที่ใส่ใจกับสิ่งแวดล้อมมาก เพราะหลายๆค่ายที่ทำหูฟังไร้สาย มักจะไม่ค่อยบอกว่าเปลี่ยนแบตได้ไหม จริงๆต้องบอกว่าหลายยี่ห้อไม่ได้คิดจะให้ลูกค้าเปลี่ยนแบตเตอรี่ภายในเลยด้วยซ้ำ

Driver Type40mm 
Impedance45 Ohms
Frequency Response20 – 20,000 Hz
Microphone TypeDual-beamforming on-cup; 100Hz – 8,000 Hz frequency response
Connectivity OptionsLightspeed wireless (2.4 GHz USB Type-A dongle), Bluetooth
CablesUSB Type-C to Type-A charging cable (6 feet/ 1.8 m)
Weight0.36 pounds /165 g 
สเป็ค

ทดลองฟัง

ต่อตัวส่งสัญญาณเข้าทางพอร์ต usb บนคอมพิวเตอร์ ใช้ระบบไร้สายแบบ 2.4gHz ฟังเพลงป๊อปทั่วไปทำได้ดีมาก เสียงกลางชัด เสียงแหลมใสมีประกาย เสียงเบสมีเพียงพอ ติดไปทางอิ่มๆหนาๆเล็กน้อย แต่เสียงเบสไม่ได้บังเสียงกลางแหลมให้รู้สึกทึบห้วน เป็นเบสใหญ่ๆที่ทำให้ฟังเสียงกลอง เสียงเครื่องเคาะต่างๆมีพละกำลังมาก หากฟังเพลงร็อคที่เน้นจังหวะกลองสนุกๆก็ทำได้สนุกจริงๆ เสียงแหลมที่เป็นเครื่องเคาะโลหะไม่มีอาการเสียดหูหรือทิ่มแทง เสียงแนวอบอุ่นฟังสบายเป็นเสียงที่ทำให้เราใช้งานหูฟังได้นานโดยที่เราไม่ปวดหู แต่หูฟังแนวครอบหูมักจะมีข้อจำกัดเรื่องความรู้สึกเมื่อใส่นานๆแล้วจะร้อนใบหู เพราะตัวครอบหูมันคลุมใบหูไว้ทั้งใบ

หากเทียบกับหูฟังอย่าง AKG K701 ที่เป็นหูฟังเกรดมอนิเตอร์ นิยมใช้ในห้องบันทึกเสียงและนักเล่นเครื่องเสียงที่เน้นเสียงสดเป็นธรรมชาติ เสียงของAKG จะใสกว่า กลางแหลมจะชัดกว่า เบสจะคมและไม่ได้มีบรรยากาศห่อหุ้มใหญ่เท่า G435 ถ้าเทียบเฉพาะเสียงกลาง G435 จะสู้ไม่ได้ แต่ G435 ก็ทำได้ดีน่าทึ่งมากๆ ยิ่งเป็นระบบไร้สายยิ่งมีความน่าสนใจ เพราะทำให้เราใช้งานได้สะดวกมากยิ่งขึ้น

1687522970057

ใช้เชื่อมต่อกับโทรศัพท์ผ่านระบบ Bluetooth ก็ทำได้ดีเช่นกัน รองรับ codec ชนิด AAC เสียงคู่สนทนาได้ยินชัดเจน เสียงไมโครโฟนที่เราพูดเข้าไปปลายทางได้ยินชัดเจน แม้ว่าหูฟังจะไม่ได้มีก้านไมค์ยื่นออกมารับเสียง แต่มันก็มีระบบการรับเสียงพูดที่ดีมากเรียกว่าระบบ beam forming ที่จะช่วยให้การรับคลื่นเสียงทำได้อย่างชัดเจนและมีคุณภาพสูง

เราสามารถใช้ไมโครโฟนของ g435 เพื่อทำ content ได้เลย เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ด้วย usb แล้วบันทึกเสียงด้วยไมค์ในตัวของหูฟังตัวนี้ ให้เสียงดีมาก มีความเป็นธรรมชาติมาก สามารถทำรายการแนวพูดคุย แนวเล่าเรื่องได้เลยไม่ต้องปรับแต่ง ยิ่งเมื่อเทียบกับราคาค่าตัวประมาณ 2000 บาท ก็ทำให้มันเป็นหูฟังที่ดีเลิศในระดับราคานี้และแทบไม่ต้องไปค้นหาหูฟังที่คุ้มค่ายิ่งกว่านี้เลย เพราะตลอดเวลาที่ติดตามข้อมูลเกี่ยวกับหูฟังมา ก็มีตัวนี้นี่แหละที่ให้คุณภาพสูง ราคาต่ำ และฟังค์ชั่นเยอะมาก

ให้ลูกลองบันทึกการเล่มเกมส์แบบนักสตรีมเกมส์ ก็เก็บเสียงพูดได้ชัดถ้อยชัดคำ น้ำเสียงเป็นธรรมชาติ ส่วนใครชอบเสียงแนวใหญ่ หรือแนวแหลมเพื่อให้ฟังชัดเจนยิ่งขึ้นก็ไปปรับแต่งในซอร์ฟแวร์ได้ สิ่งสำคัญคือไมโครโฟนของหูฟังเก็บเสียงที่ดีให้เราได้จริงๆ ลองฟังเสียงพูดในคลิปนี้ดูครับ

อยู่บ้านก็ใช้ g435 กับคอมพิวเตอร์ ออกนอกบ้านเราก็เปลี่ยนไปใช้ g435 กับโทรศัพท์ ก็ทำงานได้กับอุปกรณ์ที่หลากหลาย การเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์เป็นมาตรฐานของ usb หมายความว่า เครื่องคอมพิวเตอร์หรือเครื่องเล่นเกมส์ หรือเครื่องฟังเพลงเครื่องไหนที่รองรับการเชื่อมต่อ usb เราเอา g435 ไปเสียบใช้งานได้เลย ผมลองกับกล่องดูทีวีของ ais play เมื่อเสียบเข้าไปที่พอร์ต usb ด้านหลังกล่อง เราก็ได้ยินเสียงในหูฟังเลย ใครใช้กล่อง android เพื่อดูหนังฟังเพลง ก็เชื่อว่าใช้งานกับ g435 ได้ทันทีไม่ต้องลงไดรเวอร์ใดๆ

g435 ไม่ได้มีซอร์ฟแวร์ใดๆแถมมาด้วย นั่นก็หมายความว่ามันไม่มีลูกเล่นการสร้างเสียงรอบทิศทางในหูฟัง หรือไม่มีระบบ virtual 7.1 สำหรับหูฟัง ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะวัตถุประสงค์ของหูฟังตัวนี้คือเน้นความเป็นหูฟังที่ใช้งานง่ายในระบบไร้สาย และมันทำได้ดีมาก

ข้อดี

1 ระบบไร้สายทางพอร์ต usb เป็นการเชื่อมต่อคุณภาพสูง ให้เสียงเต็มสเป็ค ทำให้ได้คุณภาพเสียงที่ดี

2 การเชื่อมต่อบลูทูธกับโทรศัพท์ แท็ปเบล็ต คอมพิวเตอร์ ก็ทำได้ดี ใช้พูดคุยได้ เสียงดังฟังชัด ไมโครโฟนรับเสียงพูดได้ชัดเจน คู่สนทนารู้เรื่อง

3 ระบบการชาร์ตไฟด้วยพอร์ต usb-c มาตรฐาน สะดวกในการชาร์จมาก

4 แบตเตอรี่ในตัวเป็นแบบเปลี่ยนเองได้ คู่มือก็สอนวิธีเปลี่ยน

ข้อเสีย

1 ปุ่มเปิดปิดอยู่ในตำแหน่งที่มักจะโดนกดเมื่อใส่หรือถอดหูฟังจากหัว บางครั้งเราแค่อยากหยิบใส่ หยิบออกชั่วคราว แต่ก็เผลอไปกดปุ่มแล้วเปลี่ยนโหมด

2 ปุ่มกดเพื่อเข้าฟังค์ชั่นพิเศษทำได้ลำบาก ซับซ้อน ถ้าไม่มีคู่มือจะไม่สามารถใช้ลูกเล่นพิเศษได้เลย

3 ขนาดใหญ่ พกพาในกระเป๋าใหญ่ๆเท่านั้้น ไม่สามารถยัดหูฟังไว้ในกระเป๋าเสื้อหรือกางเกงได้


สรุป

หูฟังไร้สาย Logitech G435 เป็นหูฟังไร้สายทำงานได้ 2 ระบบ สามารถใช้กับคอมพิวเตอร์ทางพอร์ต usb ได้ สามารถใช้กับโทรศัพท์มือถือทาง bluetooth ได้ มีคุณภาพเสียงในการฟังเพลงที่ดี ใช้ฟังเพลงเพื่อทำงานหรือเพื่อความบันเทิงได้ มีความสามารถในการรับเสียงพูดคุยได้ดี ใช้สื่อสารพูดคุยกันได้ชัดเจน ใช้บันทึกเสียงเพื่อทำรายการพอดคาสท์ได้ เป็นหูฟังที่คุ้มค่ามากๆในราคาแค่สองพันบาท ถ้าต้องเดินทาง อยู่หอพัก และอยากได้อุปกรณ์การทำงานและการดูหนังฟังเพลงตัวเดียวครบทุกความต้องการ ก็ต้องตัวนี้เท่านั้น

พาดพิงหูฟัง Akg K701 ลองกลับไปอ่านรีวิวได้ครับ

สั่งซื้อ logitech g435 เชิญที่นี่ครับ https://s.shopee.co.th/qNW7b5OBn

รีวิว หูฟัง Hifiman Re400a

หูฟัง Hifiman Re400a เป็นหูฟังที่ออกมาภายหลังจากที่ Re400 ทำตลาดมาระยะหนึ่ง เนื่องจาก Re400 เป็นหูฟังที่เน้นการฟังเพลงจากเครื่องเล่นเพลงโดยเฉพาะ ส่วน Re400a เป็นหูฟังที่มีส่วนของไมโครโฟนด้วย คงตั้งใจทำออกมาให้ใช้กับโทรศัพท์ระบบปฏิบัติการ android เป็นหลัก โดยใช้ขั้วต่อแจ๊คชนิด Trrs ซึ่งเป็นแจ๊ค 3.5 มม. ที่มีขีดดำ 3 ขีด หรือ มีขั้วเชื่อมต่อทางไฟฟ้า 4 ขั้วนั่นเอง ส่วนฝั่ง iphone ก็จะมีรุ่น Re400i ออกมาด้วยเช่นกัน

ระบบการฟังเพลงในยุคปี 2022 กระแสหลักคือการฟังผ่านสมาร์ทโฟน หูฟังไร้สาย และหูฟังที่ต้องเสียบกับโทรศัพท์เป็นอุปกรณ์สำคัญสำหรับการฟังเพลงไปแล้ว และแหล่งโปรแกรมก็จะเป็นบริการ streaming จากหลายๆยี่ห้อ หูฟังที่ถูกทำขายในตลาดใหญ่ๆจะต้องรองรับการใช้งานกับโทรศัพท์เต็มรูปแบบ

20220111174222_IMG_0773

Hifiman Re400a เป็นหูฟังชนิด inear ในกล่องจะมีอุปกรณ์แถมมาจำนวนมาก นั่นคือมี จุกยางสำหรับเปลี่ยนขนาดให้พอดีกับหูของผู้ใช้ ในกล่องมีจุกยางจำนวน 7 คู่ รวมกับที่ติดมากับหูฟังด้วยอีก 1 รวมเป็น 8 คู่ ซึ่งจุกยางที่ติดมาจากโรงงานจะเป็นจุกยางสีดำ นอกจากนี้ยังแถมซองใส่หูฟังหรือกระเป๋าใส่หูฟัง ที่เป็นเหมือนกระเป๋าขนาดเล็กๆ รูปร่างกลม ขึ้นรูปเป็นทรงค่อนข้างแข็ง

20220111174249_IMG_0774

พอสินค้าตัวนี้มาถึงผม ก็ทดลองฟังทันที โดยหยิบหูฟังแกะออกจากกล่อง แล้วลองฟังเลย คุณภาพเสียงที่ได้ยินก็ตรงกับที่คาดไว้เหมือนเมื่อครั้งที่ทดลองฟังกับ Re400 รุ่นที่ยังไม่มีไมโครโฟน นั่นคือ เสียงไม่ได้เรื่องเมื่อฟังผ่านจุกยางสีดำที่ติดมาจากโรงงาน ผมก็ไม่รอช้า ลองเปลี่ยนทันที โดยเลือกเอาจากจุกยางอีก 7 คู่ที่มีให้ ผมรู้สึกว่าถ้าใช้จุกยางเล็กเกินไปเสียงเบสจะบาง ถ้าใช้จุกยางใหญ่เกินไปเบสจะหนาและทำให้กลางแหลมทึบ ส่วนจุกยางที่มีความยาวจะทำให้ตัวส่งเสียงถูกวางตัวห่างจากรูหูมากกว่าปกติก็จะทำให้เบสบางและเสียงกลางแหลมหดหาย ดังนั้นการเลือกจุกยากที่เหมาะกับรูปร่างของหูเราเองเป็นสิ่งสำคัญมาก ลองทดลองเปลี่่ยนให้ครบทั้ง7 คู่เพื่อหาเสียงที่ชอบที่สุด

20220216110128_IMG_0649

ผมเลือกเปลื่ยนจากจุกยางสีดำที่ติดมาจากโรงงานเป็นจุกสีขาวที่ขนาดเล็กที่สุดในกลุ่ม ผลการทดลองฟังได้บาลานซ์เสียงที่พอใจแล้ว ก็เลยเลือกจุกขาวคู่นี้เป็นหลักและใช้งานตั้งแต่วันที่ได้มา ระยะเวลาใช้บ้างไม่ใช้บ้างประมาณสองสัปดาห์ ผมก็เริ่มฟังอย่างจริงจัง

20220216110401_IMG_0654

Specification

Frequency Response : 15Hz-22KHz
Sensitivity : 102dB
Impedance : 32 Ohms+/- 3.2
Weight : 13.5g ( 0.47Oz )
Plug : 3.5mm
Maximum Input : 30mW

คุณภาพเสียง

re400a เป็นหูฟังอินเอียร์ ที่ให้ความสมดุลย์ของเสียงที่ดี ใช้เป็นตัวมอนิเตอร์ในการบันทึกเสียงพูดคุยต่างๆได้ดีเยี่ยม การถ่ายทอดเสียงในการฟังเพลงทำได้น่าฟัง เสียงกลางชัดมาก แต่ไม่ขึ้นขอบแหลมๆเสียดหู เสียงสูง เสียงเครื่องเคาะต่างๆทำได้เป็นธรรมชาติน่าฟัง ประกายแหลมที่ดังขึ้นแล้วค่อยๆจางไปทำได้ดีไม่รำคาญหู เสียงเบสก็มีให้ได้ยินเพียงพอ เสียงโซโล่เบส ก็ชัดเจนและมีความคม แน่น ไม่ยาน ไม่ล้น การเลือกจุกยางจะมีผลกับเสียงเบสชัดเจน เมื่อเลือกได้จุกที่ชอบแล้ว ก็ทำให้เราฟังเพลงต่างๆได้เพลิดเพลินมาก เสียงกลางที่ชัดเหมือนลำโพงบ้านทำให้เราถูกใจ เพราะมันเป็นแนวทางของเครื่องเสียงบ้านคุณภาพดี ส่วนการนำไปใช้คุยโทรศัพท์ก็ทำได้ดีไม่มีปัญหา คู่สนทนาน่าจะได้ยินเสียงที่เราพูดลงไปได้ชัดเจน เพราะใช้คุยไปกับหลายคน ทุกคนก็ไม่มีใครบ่นว่าเสียงเบาหรือเสียงบี้แบน แสดงว่าไมค์รับเสียงทำงานได้ปกติ

20220111174608_IMG_0779

จุดด้อยที่พบคือ หูฟังมีขนาดเล็กทำให้ไม่สามารถส่งเสียงย่านต่ำพิเศษได้ เสียงกลองตัวใหญ่ๆความถี่ต่ำมากๆในบางเพลงเราจะไม่ได้ยินเลย ผมรู้สึกได้ชัดกับเพลงของ Rachael Yamagata อัลบั้ม Acoustic Happenstance – 2016 ในเพลง Paper doll ให้ลองฟังนาทีที่ 2.20 เป็นต้นไป ดนตรีจะมีเสียงกลองที่ต่ำลึกมากๆ หูฟังเล็ก หูฟังยัดหูทุกตัวที่ผมมีแทบจะไม่ได้ยินเลย แต่จังหวะกลองมันมีอยู่ เพราะผมฟังผ่านหูฟังครอบหูไดรเวอร์ใหญ่ๆจะได้ยินชัดเจน หูฟังที่ได้ยินชัดก็อย่างเช่น Akg K701 หรือหูฟังออนเอียร์อย่าง Audio Technica Ath-250M ที่ใช้ไดรเวอร์ขนาด 40มม. ก็ได้ยินแต่น้อยลงกว่า K701 เล็กน้อย หรืออย่างหูฟังอย่าง Koss Ksc35 ก็ได้ยินเสียงต่ำลึกแผ่วๆ ซึ่งการที่เราฟังผ่านหูฟังอินเอียตัวเล็กๆไดรเวอร์เท่าเม็ดถั่วแบบนี้ การไม่ได้ยินเสียงความถี่ต่ำลึกก็คงเป็นข้อจำกัดทางกายภาพของหูฟังที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

สรุป

หูฟัง Hifiman Re400a เป็นหูฟังที่ออกมาเพื่อทำงานเหมือน Re400 แต่เพิ่มความสามารถเรื่องไมโครโฟนเข้ามาเพื่อให้ใช้กับโทรศัพท์มือถือ สามารถใช้สื่อสารพูดคุยได้ คุณภาพเสียงเหมือน Re400 มาก ใครเคยใช้งาน Re400 แล้วอยากให้มันมีไมค์เพื่อใช้คุยโทรศัพท์ไปด้วยเลยก็จะสมหวังกับ Re400a ตัวนี้แล้ว น้ำเสียงแนวเดียวกับลำโพงบ้านชั้นดี เป็นหูฟังให้เสียงดีที่สามารถใช้ฟังเพลงใช้ติดตัวไปกับโทรศัพท์ได้ทุกวัน ราคาพันต้นๆนับว่าเป็นราคาที่ชักชวนให้เสียเงินจริงๆ

หากสนใจซื้อ คลิกลิงค์นี้ครับ https://shope.ee/A9qoN3hNwg

รีวิว soundcard Epos gsx300

เมื่อประมาณเกือบสองปีก่อนผมได้มีโอกาสได้รีวิวหูฟังตัวนึง เป็นหูฟังสำหรับเล่นเกมส์ เป็นหูฟังครอบหูและมีไมค์โครโฟนสำหรับสื่อสาร ในตอนนั้นได้ลองเล่นแล้วก็ได้ค้นพบความสามารถบางอย่างของระบบที่ใช้ในหูฟัง นั่นคือระบบเสียง 7.1 ซึ่งเป็นระบบเสียงรอบทิศชนิดหนึ่งที่มีใช้ในวงการหูฟัง และดูเหมือนจะได้รับความสนใจในวงการเกมส์อย่างมาก

IMG_20220208_203654

หูฟังตัวนั้นคือ Sennheiser Gsp350 ซึ่งเป็นหูฟังแบบครอบหู เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ทางพอร์ต usb โดยตัวมันเองมี usb soundcard ในตัว และไม่สามารถใช้ฟูฟังตัวนี้กับพอร์ต 3.5มม. ได้ เพราะตัวมันไม่มีแจ็คชนิดนี้ สิ่งหนึ่งที่ประทับใจกับหูฟังตัวนี้คือระบบเสียงรอบทิศที่มีตราสัญลักษณ์ของดอลบี้ปรากฏอยู่บนสาย มีคำว่า Dolby Audio อยู่ด้วย และวงจรเสียงรอบทิศที่จำลองในหูฟังตัวนี้ก็น่าจะจัดการโดยเทคโนโลยีของบริษัท Dolby และผลการใช้งานก็ยอดเยี่ยม หูฟังสามารถให้เสียงใกล้เคียงกับการดูหนังในโรงหนังมาก เสียงพูดอยู่ตรงกลางด้านหน้าเหมือนมีลำโพงเซ็นเตอร์ เสียงซ้ายและขวาถูกดันไปอยู่ด้านหน้าคล้ายลำโพงคู่หลักของระบบเสียงโฮมเธียเตอร์จริงๆ มันเป็นประสบการณ์การฟังเสียงรอบทิศในหูฟังที่น่าตื่นเต้นมาก เพราะมันสมจริงทั้งตำแหน่งและอรรถรสการดูหนัง

ในช่วงเวลานั้นผมสนใจที่จะหาคำตอบต่อว่า ถ้าผมไม่ใช้หูฟังตัวนี้ แล้วผมอยากจะใช้ระบบเสียงรอบทิศกับหูฟังตัวอื่นที่ชอบได้หรือไม่ หลังจากที่ได้ลอง gsp350 จบไปแล้ว หลายเดือนต่อมาผมก็ได้ทดลองซื้อหูฟังราคาไม่แพงที่มีคำว่า 7.1 อยู่บนกล่อง และเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ด้วยพอร์ต usb มาลองใช้ ก็พบว่า มันไม่เหมือนกับ gsp350 เลย ไม่มีความใกล้เคียงเลย เหมือนไม่ได้ใช้เทคโนโลยีเดียวกัน แสดงว่า 7.1 มีแบบไม่ได้เรื่องด้วย

IMG_0581

ในใจก็ยังคงหาวิธีการต่อไป จนได้มาพบกับ Gsx300 ซึ่งเป็นซาวการ์ดตัวหนึ่งที่เป็นรุ่นเล็กของอนุกรม gsx โดยแปะยี่ห้อ EPOS ทำให้เข้าใจได้ว่า EPOS คือบริษัทในเครือเดียวกับ Sennheiser ที่เน้นทำตลาดวงการเกมส์ เพราะปกติ Sennheiser จะมีชื่อเสียงในวงการออดิโอวิดีโอ ระบบไมค์ ระบบหูฟัง ระดับมืออาชีพ Gsx300 เป็นน้องเล็ก มีรุ่นกลางเป็น Gsx1000 และ มีรุ่นใหญ่เป็น Gsx1200

ในเว็บ EPOS ให้ข้อมูลไว้ว่า GSX1200 และ Gsx1000 จะมีกำลังขับที่มากกว่า และเป็นอุปกรณ์ที่มีอินเทอเฟสบนตัวเครื่องที่มากกว่า สามารถสั่งการเปลี่ยนโหมดได้โดยตรง และสามารถชื่อต่อกับหูฟังและไมโครโฟนได้หลากหลายกว่า แต่สิ่งที่เหมือนกันกับ Gsx300 ก็คือ ทุกตัวมีระบบเสียง 7.1 คุณภาพเดียวกัน นั่นทำให้ผมสนใจ Gsx300 และเป็นที่มาของรีวิวนี้

gsx300back

ข้อมูลผลิตภัณฑ์

General
USB standard USB 2.0
Total harmonic distortion < 0.01%
Cable length 1200 mm
Connector plugs
3.5 mm headset socket
3.5 mm microphone socket
Micro USB
Compatibility PC
Warranty 2 years, international
Supported sample rates Main Audio 24 bit 96 kHz 7.1 @ 16 bit 48 kHz with EPOS Gaming Suite
Audio outputs Headphones
Recommended headphone impedance 25 – 75 Ω
Packaging Dimension of product packaging (L x W x H) 168 x 144 x 57 mm
Package weight (incl. complete product and packaging) 309 g
Dimension of master carton (L x W x H) 350 x 310 x 310 mm
Units in distributor master carton 20
Languages English, German, French, Spanish, Russian, Chinese Content of delivery
What’s in the box USB cable, Quick Start Guide, Safety Guide

Gsx300 เป็น external soundcard ที่เชื่อมต่อเข้าคอมพิวเตอร์ด้วยพอร์ต usb บนตัวมันมีช่อง micro usb 1 ช่อง มีช่องเสียบหูฟัง 3.5mm ชนิด TRS และช่องเสียบไมค์ 3.5 มม. อีก 1 ช่อง มีปุ่มหมุนวอลลุ่มอยู่ด้านหน้า มีปุ่มโหมดอีก 1 ปุ่มเอาไว้เปลี่ยนโหมดการทำงาน ทั้งหมดมีเท่านี้ วงจรภายในทำงานยังไง ใช้ชิปเสียงอะไรก็ไม่ได้บอกไว้ แม้แต่กำลังขับก็หาไม่เจอว่ามีกี่วัตต์ รู้แค่มันถอดรหัสเสียงได้ระดับ 24bit 96K ในแบบสเตอริโอ และทำงานได้ที่ 16bit 48k ในแบบเสียงรอบทิศ

13337_0

Gsx300 ออกแบบมาสำหรับการใช้งานกับคอมพิวเตอร์เท่านั้น และซอร์ฟแวร์ที่ประมวลผลละเอียดที่ต้องลงเพิ่มก็จะทำงานบนวินโดน 10 และ 11 เท่านั้น ไม่มีซอร์ฟแวร์สำหรับ osx และวินโดส์เก่าๆเลย หมายความว่าถ้าจะใช้ระบบเสียง 7.1 จาก Gsx300 ต้องใช้บนระบบปฏิบัติการวินโดส์ 10 หรือ 11 เท่านั้น ส่วนถ้าจะต่อคอมฯแล้วไม่ลงซอร์ฟแวร์เฉพาะทาง คือจะใช้แค่ไดรเวอร์กลางๆ เราก็สามารถใช้มันเป็น soundcard usb ได้ และสามารถใช้กับคอมพิวเตอร์ทั่วไปได้เลย มันทำงานได้บนวินโดส์ 7 ทำงานได้กับโทรศัพท์มือถือ android และคาดว่าจะใช้กับ osx ได้ หากใช้แค่ไดรเวอร์พื้นฐาน

ทดลองฟัง

ผมต่อ Gsx300 เข้ากับคอมพิวเตอร์ระบบปฏิบัติการ windows11 และทดลองฟังเพลง ทดลองดูหนัง ทดลองระบบเสียง 7.1 รวมถึงไปลองต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์ระบบปฏิบัติการ windows7 ด้วย ซึ่งเป็นเครื่องทำงานหลักตัวหนึ่งที่ใช้ดูข้อมูลในเว็บ ดูภาพ และฟังเพลง ซึ่งการต่อกับ windows7 จะไม่สามารถลงซอร์ฟแวร์เฉพาะทางได้ และผมก็ตั้งใจจะใช้ฟังเพลงเป็นหลักอยู่แล้ว

กับการฟังเพลง Gsx300 ให้เสียงที่กระฉับกระเฉง เสียงคมชัด เบสใหญ่ กลางชัด แหลมเพราะ ทุกอย่างดีกว่าการฟังผ่านช่องแบบออนบอร์ด เสียงเพลงสวิงขึ้นลง ดังและเบาในช่วงที่กว้างยิ่งกว่าเดิม คอนทราสต์ของเสียงมีน้ำหนักที่จะแจ้งอย่างมาก เสียงฟาดกลอง เสียงดีด เสียงเคาะ ทุกเสียงเหล่านี้มีความฉับไว มีความเร็วที่สมกับธรรมชาติของเครื่องดนตรี ซึ่งหาไมไ่ด้กับเสียงชนิด on board ที่ติดกับกับเครื่อง การอัพเกรดระบบเสียงในคอมพิวเตอร์ด้วย Gsx300 เป็นช่องทางที่ให้เสียงดีในทันที ความแตกต่างรับรู้ได้ชัดเจนมาก

epos-soft-3

Gsx300 สามารถขับหูฟังได้หลากหลาย หูฟังเกือบทุกตัวที่ผมมีก็ได้ทะยอยนำมาลองไปทีละตัว Hifiman re400a , Audio Technica Ath-250m, Koss Ksc35, Akg K701 หูฟังเหล่านี้ทำงานได้ดีกับ Gsx300 เหมือนกับว่า Gsx300 เป็น Dac-amp ที่มาอัพเกรดระบบเสียงให้กับคอมพิวเตอร์เลย ซึ่งจริงๆมันก็คือ Dac-amp นั่นเอง เสียงย่านความถี่ต่ำบนหูฟังตัวใหญ่ๆอย่าง Akg K701 ทำให้ประทับใจมาก การส่งเสียงกลองกระเดื่องอย่างทรงพลังยังคงมีให้อยู่อย่างชัดเจน ไม่จม ไม่หลบ ไม่ผ่อนกับเสียงเลย คุณภาพเสียงใกล้เคียงกับการต่อผ่าน Headphone amp ที่ใช้อยู่อย่างมาก แต่จะเปิดดังมากเหมือนแอมป์หูฟังก็จะไม่ได้ เพราะแอมป์หูฟังที่ผมใช้อยู่เป็นแอมป์ทำเอง ใช้ไฟเลี้ยงสูงกว่า usb นั่นทำให้แอมป์หูฟังแบบ Diy ให้เสียงสวิงขึ้นลงได้มันส์กว่า

20220205181547_IMG_0607

สัญญาณรบกวนในวงจรของ Gsx300 อยู่ในระดับต่ำ สามารถใช้กับหูฟังความไวสูงได้โดยไม่ได้ยินเสียงซ่า หูฟังเล็กๆทั้งหลายก็จะสามารถใช้งานร่วมกันได้ไม่ต้องทนฟังเสียงซ่า บางเพลงที่มีเสียงเครื่องดนตรีความถี่ต่ำ Gsx300 ก็ผลักดันหูฟังตัวใหญ่อย่าง Akg K701 ให้ส่งเสียงย่านต่ำได้ไม่คลุมเครือ เราติดตามโน้ตต่ำๆ หรือเครื่องดนตรีย่านต่ำได้อย่างสนุกสนานน่าฟัง นับว่ามันสามารถใช้งานเป็นอุปกรณ์ฟังเพลงตัวหลักของระบบเครื่องเสียงได้เลย สเป็คแบบนี้ หากเป็นสักสิบปีก่อน เราอาจจะต้องจ่ายเงินกัน 5000-10000 บาท สำหรับ Dac-amp ที่ขับหูฟังใหญ่ๆได้ แต่ในวันนี้มันอยู่ในอุปกรณ์ตัวเล็กๆน่ารักแต่คุณภาพไม่ธรรมดาเลย

ลองฟังเสียง 7.1

การฟังเสียงรอบทิศผมฟังจากการดูหนังผ่าน netflix และ ดูจากไฟล์ Mkv ที่เคยโหลดเก็บไว้โดยเปิดผ่านโปรแกรมเล่นไฟล์ VLC พบกว่า เสียงรอบทิศแบบ 7.1 ให้คุณภาพเสียงที่ดี ไม่มีอาการเฟสเสียงแปลกๆหลอนหูในแบบที่เคยได้ยินกับโปรแกรมเสียง 3d แบบเกือบยี่สิบปีก่อน ในเว็บและในคู่มือ ไม่ได้บอกว่าการถอดรหัสเสียงของ Gsx300 ใช้ซอร์ฟแวร์หรือตัวถอดรหัสเสียงรอบทิศของใคร เพราะไม่ได้มีคำว่า Dolby Digital หรือ Dts ในซอร์ฟแวร์และในกล่อง ในคู่มือในเว็บ ไม่มีบอกเลย เข้าใจว่าการถอดรหัสเสียงรอบทิศ 7.1 ของ Gsx300 จะเป็นถอดรหัสตามใจ EPOS เอง ก็คือออกแบบระบบการจำลองเสียงเองไม่ได้อ้างอิงมาตรฐาน dolby

กับการดูหนัง เสียงพูด เสียงที่ควรจะอยู่กับลำโพงเซ็นเตอร์ในโรงหนัง ก็ให้เสียงที่อยู่ตรงกลางหัว ดันออกไปด้านหน้าเล็กน้อย ไม่ได้ผลักออกไปอยู่ไกลแบบที่เคยได้ยินใน Gsp350 ซึ่งถ้าให้สิ่งที่เคยได้ยินนั้นเทียบเป็น 100% เสียงรอบทิศของ Gsx300 จะดันเสียงออกไปได้ระดับประมาณ 70-80% เท่านั้น ตรงนี้น่าเสียดายมากที่ไม่สามารถทำได้เท่าระบบของ Dolby Audio ความแตกต่างของ 7.1 ใน Gsx300 จะต่างกันที่ความรู้สึกของตำแหน่งลำโพงหน้า คือหน้าซ้าย หน้าขวา และลำโพงเซ็นเตอร์เป็นหลัก ส่วนเสียงแวดล้อม หรือ แอมเบี้ยนส์ ที่โอบล้อมคนฟังนั้นมีครบถ้วน ถือว่าทำได้ดีเลย เสียงแวดล้อมมันทำให้บางครั้งเราต้องหันหลังกลับไปมองว่ามันเป็นเสียงคนเดินในห้องหรือเป็นเสียงในหูฟัง

ท่ามกลางเสียงโอบล้อม แล้วมีเสียงพูด เสียงหลักที่เหมือนจะออกมาจากลำโพงหน้า มันผสมเสียงกันอย่างลงตัว เสียงพูดลอยเด่นท่ามกลางเสียงโอบล้อม มันปล่อยเสียงออกมาอย่างกลมกลืน ถือว่าการจำลองเสียงรอบทิศแบบ 7.1 จาก Gsx300 ทำได้ดีสมราคาคุย และดีเกินราคาไปมากเมื่อเทียบกับเทคโนโลยีที่หยิบยื่นให้ ดูเหมือนพลังการประมวลผลเสียงรอบทิศที่อยู่ใน Gsx300 จะมีความสามารถสูงลิบ คงเป็นเพราะฮาร์ดแวร์รุ่นใหม่มันทำงานได้รวดเร็วและไร้รอยต่อ ประสบการณ์การฟังเสียงสามมิติในอดีตที่เคยลองใช้ วันนี้มันเปลี่ยนไปหมดเลย

ผมไม่ได้เป็นคนเล่มเกมส์ แต่อาศัยลองเปิด youtube ในคลิปที่เป็นเกมส์แนว fps และ openworld ซึ่งจะเป็นคลิปทดสอบเสียงรอบทิศในเกมส์ เข้าใจว่าเสียงในเกมส์จะไม่ได้รองรับระบบเสียง 5.1 แบบหนังทั่วไป คือเสียงรอบทิศที่ไม่ใช่ dolby digital ไม่ใช่ dts มันน่าจะเป็นเสียงรอบทิศแบบตัวใครตัวมัน อย่างมากก็คล้ายๆ dolby surround หรือ binaural recording ซึ่งผมก็ไม่ได้รู้รายละเอียดในเกมส์มากนัก แต่ฟังเสียงคลิปทดสอบแล้ว การแยกแยะทิศทางทำได้พอใช้ เสียงโอบล้อมและความกระหึ่มของเสียงนั้นจัดเต็มและฟังสนุกมาก พอฟังคลิปเกมส์แล้วรู้สึกได้เลยว่าเสียงในเกมส์มันโอบล้อมยิ่งกว่าเสียงจากหนังฮอลีวู้ดเสียอีก เหมือนกับว่ามันเสกเสียงดีๆแน่นๆให้เราฟังกันเลย เสียงฝีเท้าชัดขึ้นเมื่อเทียบกับเสียงออนบอร์ด ความแม่นยำในการเดาทิศทางนั้นทำได้ง่ายขึ้น เสียงปืนยิงแล้วมีเบส มีน้ำหนักของการระเบิดที่คมชัด ถ้าเปิดดังมากๆอาจจะตกใจได้

20220205181227_IMG_0592

สรุป

Gsx300 เป็น external soundcard ที่มีคุณภาพเสียงที่ดีมาก สามารถส่งสัญญาณความละเอียดสูงระดับ 24bit 96kHz ออกมาได้ ใช้เป็น Dac-amp สำหรับหูฟังได้ดีมาก หากทำงานในแบบ 7.1 หรือระบบเสียงรอบทิศก็ให้ความกลมกลืนของเสียงรอบทิศและเสียงหลักของหนังได้ดี หากย้อนไปสักสิบปีที่แล้ว การจะหา Dac+Amp ที่ใช้งานกับหูฟัง เน้นคุณภาพระดับ 24bit 96K จะต้องใช้เงินหลายพันหรือเป็นหมื่นบาทเลยก็มี ซึ่ง Dac เหล่านั้นจะเน้นแค่การแปลงเสียงสำหรับฟังเพลงเท่านั้น ไม่ได้มีการรับสัญญาณไมค์ และ ไม่ได้มีเสียงรอบทิศให้ใช้ Gsx300 เป็นอุปกรณ์ขนาดเล็กที่หน้าตาน่ารักและใช้งานได้คุณภาพ เป็นของที่น่าใช้อีกชิ้นหนึ่งจริงๆ

หากต้องการซื้อ เชิญที่นี่ครับ
https://shope.ee/99wMP5U8Pw?share_channel_code=6

รีวิวหูฟังพร้อมไมค์สำหรับ work from home และเรียนออนไลน์ logitech h111

ยุคโควิดครองเมือง ประเทศไทยมีการระบาดรอบที่4แล้ว ตอนนี้ ณ เวลานี้ รัฐบาลประกาศล็อคดาวน์ การทำงาน การเรียนหนังสือ ให้ทำจากที่บ้านทั้งหมด ลูกของผมเองก็เรียนออนไลน์มาตั้งแต่เปิดเทอม และดูแล้วไม่มีวี่แววว่าจะได้เรียนที่โรงเรียนแบบปกติเมื่อใดเลย

H592cae5c47fc4f9eab232c5b304ba220v

การเรียนออนไลน์ หรือการทำงานจากที่บ้าน เราจะใช้ระบบ Video Conference เป็นหลัก โดยซอร์ฟแวร์ที่ใช้ประชุมทางไกลก็จะมี Zoom meeting ที่ใช้กันค่อนข้างเยอะ ปกติการประชุมทางไกลก็ใช้มือถือ หรือ คอมพิวเตอร์ คุยตรงๆกับเครื่องได้เลย ใช้ลำโพงในเครื่อง ใช้ไมค์ติดเครื่อง ก็สื่อสารได้ แต่ถ้าเราอยู่ในที่เสียงรบกวนเยอะ ก็จะไม่สะดวก เพราะคุณภาพทั้งเสียงเข้าเสียงออกจะโดนรบกวนเยอะมาก ทำให้สื่อสารไม่รู้เรื่อง

การใช้สายหูฟังพร้อมไมค์จะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับการสื่อสารทางไกลในที่ที่มีเสียงรบกวนเยอะ เพราะจะทำให้เราได้ยินเสียงชัด และพูดลงไปปลายทางก็จะได้ยินเสียงเราชัดเช่นกัน นอกจากที่มีเสียงรบกวนเยอะแล้ว ในบ้านก็อาจจะมีปัญหาเสียงรบกวนได้ มันคือสถานการณ์ที่มีคนอยู่ในห้องหลายคน และทุกคนก็ต้องสื่อสารกับกลุ่มของตัวเอง ลูกเรียนออนไลน์ พ่อแม่ทำงานจากที่บ้าน นั่งอยู่ในห้องเดียวกัน เสียงพูดคุยก็จะตีกันเอง ทำให้สื่อสารไม่ได้ การใช้หูฟังจึงเป็นทางเลือกเดียวสำหรับสถานการณ์แบบนี้

H30bb0e61ddd941b98b3f4a0116d70110Q

หรือแม้แต่ที่ทำงาน หรือใน co-working space การพูดคุยผ่านโทรศัพท์จะใช้เสียงลำโพงไม่ได้เลย เพราะเป็นการรบกวนคนอื่นในห้อง และเราเองก็คงไม่สะดวกใจที่จะให้คนอื่นได้ยินเสียงที่เราคุย ดังนั้นหูฟังพร้อมไมค์ก็จะเป็นตัวเลือกที่แก้ปัญหาได้ ทุกคนต้องใช้หูฟังของตัวเอง และหูฟังที่ต้องหามาใช้ก็ควรจะมีคุณภาพที่ดี สื่อสารได้ และมีราคาไม่แพงเกินไป

ลองนึกดูเล่นๆว่า ถ้าพ่อแม่จะต้องซื้อหูฟังให้ลูกสองคน พ่อกับแม่ใช้อีกสอง รวมแล้วต้องมีหูฟัง 4 เส้น เราจะซื้อ 4 เส้นที่ราคาประหยัดหรือราคาแพง ใครมีกำลังซื้อก็ไม่ต้องอ่านรีวิวนี้ แต่ใครอยากหาของถูกใช้ก็อ่านและดูคลิปให้จบนะครับ หูฟังที่แนะนำในรีวิวนี้คือ Logitech H111 เป็นหูฟังที่มีไมค์ยื่นออกมารับเสียง ราคาขายอยู่ที่ประมาณ 300 บาท มันถือว่าไม่แพง เพราะถ้าต้องซื้อจำนวนมากๆมันจะมีประเด็นราคาที่ทำให้เราอยากหาของถูกใช้ ถ้าบ้านต้องซื้อ 4 เส้น เราก็จ่ายแค่ 1200 บาท ได้ใช้แล้ว ถ้าบริษัทต้องซื้อแจกพนักงาน 100 คน บริษัทอยากจ่าย 100×300 บาท หรือ 100×2000 บาท เท่านี้ก็น่าจะพอเห็นภาพว่าราคาคือประเด็นสำคัญ ยิ่งถ้าเป็นโรงเรียน มีครู 100 คน ต้องใช้เงินเท่าไหร่สำหรับหูฟัง?

H542211265e914d62bf7b2eaed7fd3750d

จุดเด่นของหูฟังตัวนี้คือ เล็ก เบา ไมค์ชัด และราคาไม่แพง หากเราไปใช้หูฟังขนาดใหญ่ นอกจากราคาที่แพง น้ำหนักที่เยอะแล้ว ยังทำให้เราใส่นานๆไม่ไหวด้วย เพราะหูฟังขนาดใหญ่จะกดทับค่อนข้างมาก ใส่แค่ 5 นาทีก็ไม่ลำบาก แต่ถ้าต้องใส่เป็นชั่วโมงก็จะเป็นปัญหาแล้วว่าหนักเกินไป แล้วยังมีเรื่องความร้อนที่เกิดขึ้นกับหูด้วย ดังนั้นหูฟังที่กดเบาๆ น้ำหนักเบา จะทำให้เราใส่ได้นานกว่า

จุดเด่นเรื่องไมค์ก็สำคัญ หูฟังแนว call center แบบนี้ มีก้านไมค์ยื่นออกมาเพื่อรับเสียงใกล้ปาก ทำให้การพูดคุยสามารถทำได้มีคุณภาพ เสียงพูดเข้าไมค์ได้เต็มๆ ทำให้เราไม่ต้องตะโกนพูด ใช้น้ำหนักเสียงปกติก็พูดคุยสื่อสารได้ชัดเจน ไม่เหนื่อยมาก ทำให้เราสามารถพูดคุยใช้งานได้เป็นระยะเวลาที่นานกว่านั่นเอง

จุดเด่นเรื่องคุณภาพเสียง หูฟังตัวนี้บังเอิญว่าให้เสียงที่ดี เพราะว่าเมื่อนำไปลองฟังเพลงแล้วพบกว่าให้น้ำเสียงที่น่าฟัง เสียงกลางชัด เสียงทุ้มพอมีให้ได้ยิน เสียงด้านแหลมก็มีเพียงพอ ซึ่งเป็นเรื่องที่หายากมากกับหูฟังราคาประหยัดที่จะให้เสียงที่ดีเหมาะกับการฟังเพลง แต่ h111 ตัวนี้ให้ได้ดีเลย มันเป็นหูฟังที่น่าใช้มากเมื่อเทียบกับคุณภาพเสียง คุณภาพการสื่อสารการประชุดและยิ่งเทียบราคายิ่งน่าใช้ ฟังรายละเอียดในคลิปนี้ได้เลยครับ

สนใจสั่งซื้อ logitech h111 คลิกลิงค์นี้ครับ https://shope.ee/9eyueQwLOf

ลองดูคลิปรีวิวอุปกรณ์ตัวนี้ครับ ผมใช้หูฟังพร้อมไมค์ Logitech H111 ตัวนี้ในการบันทึกเสียง อุปกรณ์ที่ใช้ถ่ายคลิปวิดีโอคือโทรศัพท์มือถือ redmi note7 ต่อสายหูฟังพร้อมไมค์เข้าที่ช่อง 3.5มม. บนโทรศัพท์โดยตรงเลย และใช้กล้องหน้าบันทึกคลิป ใช้ App ถ่ายคลิปชื่อ open camera ซึ่งมีข้อดีคือสามารถล็อคค่าแสงสว่างในภาพได้ ทำให้สภาพแสงไม่เปลี่ยนแปลงเวลาเราขยับตัวไปมา เพราะกล้องจะไม่วัดแสงตลอดเวลาเหมือน app ติดกล้อง


เรียนออนไลน์ ทำงานจากที่บ้าน

รีวิว Apple USB-C to headphone jack 3.5mm

โทรศัพท์มือถือในยุคปัจจุบันเริ่มออกแบบให้ไม่มีช่องเสียบหูฟังแบบ 3.5mm โดยคงเหลือไว้แต่พอร์ตชนิด usb-c แค่เพียงพอร์ตเดียวเท่านั้น เป็นผลให้หูฟังระบบเก่าที่เป็นแจ็ค 3.5mm ไม่สามารถใช้งานกับเครื่องรุ่นใหม่ได้ หลายยี่ห้อก็จะผลิต accessory ออกมาทดแทน คือ ทำตัว usb-c to headphone jack 3.5mm ออกมา คนที่จะใช้โทรศัพท์รุ่นใหม่กับหูฟังรุ่นเก่าก็ต้องพึ่งอแด๊ปเตอร์ตัวนี้เท่านั้น และเมื่อมันเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยส่งเสียงเข้าหูฟัง ก็เลยมีประเด็นเรื่องคุณภาพเสียงออกมาให้พิจารณาด้วย

Apple usb-c to 3.5mm

ค่าย apple ก็มีพอร์ตเฉพาะของตัวเองเป็น lightning มือถือและแท็ปเบล็ตอย่าง ipad ก็ใช้พอร์ตชนิดนี้ แต่ก็ดันมีรุ่นหนึ่งอย่าง ipad pro ที่เลือกใช้พอร์ต usb-c ออกมา และไม่มีช่องเสียบหูฟัง การจะใช้หูฟังกับ ipad รุ่น usb-c ก็เลยจำเป็นต้องมีตัวแปลง usb-c to headphone jack 3.5mm ตัวนี้ เราก็เลยมี apple usb-c to 3.5mm ให้ใช้

(เพิ่มเติม oct2023 มือถือ iphone15 ที่เปิดตัวในปี 2023 ก็เปลี่ยนมาใช้พอร์ต usb-c แล้ว)

IMG_20200612_130433

google ทำอแด๊ปเตอร์ usb-c to 3.5mm มาใช้กับมือถือ nexus ราคาเส้นละ 20 ดอลล่าร์ พอ apple ทำบ้าง แต่ตั้งขาย 10ดอลล่าร์ ก็เป็นประเด็นให้สาวกค่าย google บ่นว่า google ทำของแพง และยิ่งมีคนเทียบคุณภาพเสียงแล้ว พบกว่า apple ทำเสียงออกมาดีกว่า google ก็เลยยิ่งเป็นประเด็น และในที่สุด google ก็ลดราคาอแด๊ปเตอร์ของตัวเองลงมาอยู่ในระดับราคาเดียวกับ apple

ด้วยข้อมูลที่ฝรั่งหลายเว็บบอกไว้ว่าคุณภาพเสียงของ apple ทำออกมาดี ผมก็เลยสนใจสั่งซื้อมาลองกับโทรศัพท์ของตัวเองด้วย โดยโทรศัพท์ที่ใช้ก็คือ Redmi Note7 ที่ใช้พอร์ต usb-c และเมื่อได้ทดลองเสียบอแด๊ปเตอร์ของ apple เข้าใช้งานกับมือถือ android พบว่าทำงานได้ดี ก็เลยจัดการทดสอบจริงจัง และ อยากจะทดลองใช้ร่วมกับคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คด้วย เลยหาตัวแปลงพอร์ต usb-c to usb-a มาใช้ร่วมกัน

คุณภาพเสียงของ apple usb-c to 3.5mm ตัวนี้ถือว่าน่าสนใจ มันให้ความโปร่งฟังสบาย เสียงใส และมีเสียงย่านเบสที่ลงลึก ติดตามการเล่นโน้ตเบสได้ง่าย และฟังเสียงกลองแยกแยะเสียงกระเดื่องได้ชัดเจน เทียบเสียงที่ต่อหูฟังตรงกับโทรศัพท์ กับเสียงที่เสียบผ่านอแด๊ปเตอร์เส้นนี้ เสียงตรงจากโทรศัพท์จะให้เสียงโดยรวมเหมือนนักดนตรียืนทับซ้อนกัน ชิ้นดนตรีแต่ละชิ้นจะอยู่ชิดติดกัน แต่เสียงที่ผ่านอแด๊ปเตอร์เส้นนี้จะแยกแยะช่องไฟได้ห่างและชัดเจนกว่า การทับซ้อนกันของแต่ละชิ้นดนตรีไม่มีเลย แบบนี้ถือว่าเสียงจาก apple ทำได้ดีน่าชื่นชมมาก ยิ่งเมื่อดูจากราคาขายในไทย ราคาเพียง 390 บาท ก็ทำให้รู้สึกดียิ่งขึ้นไปอีก เพราะเราใช้เงินแค่นี้ก็อัพเกรดเสียงโทรศัพท์มือถือให้ดีมากๆได้แล้ว

ทดลองเอาอแด๊ปเตอร์ apple usb-c เส้นนี้ไปใช้กับคอมพิวเตอร์และโน้ตบุ๊ค ก็ทำงานได้ดี โน้ตบุ๊คระบบปฏิบัติการวินโดส์ 10 สามารถใช้งานได้เลย ผมมีโน้ตบุ๊ค asus ใช้ cpu ryzen ก็ทำงานได้ แต่ใช้กับคอมพิวเตอร์ที่เป็นระบบปฏิบัติการ windows 7 ไม่ได้ กับเครื่องที่ใช้ได้เสียบตรงเข้ากับพอร์ต usb-c ก็ทำงานได้เลย ถือว่าเป็น external soundcard ก็ได้ คุณภาพเสียงก็ดีขึ้นกว่าเสียงจากฮาร์ดแวร์ติดเครื่องมา น้ำเสียงสดใส ช่องไฟแต่ละชิ้นดนตรีก็จัดวางห่างกันไม่ทับซ้อน เป็นการอัพเกรดคุณภาพที่ราคาแค่หลักร้อยบาท ฟังแล้วอยากซื้อมาติดกับคอมฯทุกตัวในบ้าน

Screen Shot 2563-07-22 at 8.25.36 AM

ทดลองใช้ร่วมกับโน้ตบุ๊ค Macbookair ปี 2010 โดยหาตัวแปลงพอร์ต usb-a to usb-c มาใช้ร่วมด้วย ระบบปฏิบัติการ osx ก็จัดการติดตั้งฮาร์ดแวร์ให้เสร็จสรรพ ไม่ต้องใช้ไดรเวอร์ใดๆ คุณภาพเสียงของฮาร์ดแวร์ติดเครื่อง macbookair รุ่นนี้ให้น้ำเสียงที่ดีมากอยู่แล้วตั้งแต่ต้น ถือว่าเป็นคอมพิวเตอร์ที่มีคุณภาพเสียงที่ดี เสียงผ่านอแด๊ปเตอร์ usb-c to 3.5mm ก็ให้แนวเสียงไปในทิศทางเดียวกัน จะบอกว่าเสียงเหมือนกันเลยก็ได้

ทดลองใช้กับ mac mini ก็ทำงานได้ราบรื่นไม่มีปัญหา อแด๊ปเตอร์เส้นนี้สามารถส่งเสียงไมค์ได้ด้วย ทำให้เราสามารถใช้หูฟังพร้อมไมค์กับสายเส้นนี้ได้ และใช้พูดคุยในโปรแกรม chat หรือ โปรแกรมประชุมใดๆก็ได้ เป็นความสะดวกที่เพิ่มเติมขึ้นมา

ปกตินักเล่นเครื่องเสียงจะหาซื้อ usb dac มาต่อกับคอมพิวเตอร์เพื่ออัพเกรดคุณภาพเสียงของคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะให้ดียิ่งขึ้น usb-dac จากจีนที่เป็นยี่ห้อประหลาดพูดไปก็ไม่มีคนรู้จักก็มักจะมีราคาขายกันอยู่ในระดับหลัก 500 บาทขึ้นไป และ บางยี่ห้อที่มีสเป็คสูงขึ้น หรือ มีแอมป์หูฟังด้วย ก็จะมีระดับราคาหลักพันบาท ขึ้นไปจนถึงเป็นหมื่นบาท ไปถึงหลายๆหมื่นบาทก็มี ใครที่อยากอัพเกรดแต่ไม่อยากจ่ายแพง เลือก apple usb-c to 3.5mm ก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะราคาถูกมาก

ถ้าเราใช้หูฟังรุ่นที่มีไมค์ด้วย ในคอมพิวเตอร์ก็จะมีไมค์ โผล่เข้ามาเป็น 2 ตัว คือไมค์จากตัวเครื่องคอมพิวเตอร์เอง และ ไมค์จาก usb-c หรือหูฟังนั่นเอง ภาพด้านล่างนี้เป็นหูฟังมีไมค์ของ sony

IMG_20200722_082652
Screen Shot 2563-07-22 at 8.26.29 AM

ถ้าเราใช้หูฟังที่ไม่มีไมค์ ในคอมพิวเตอร์ก็จะมีแค่ไมค์จากคอมฯ เท่านั้น ไม่มีไมค์จากช่อง usb-c ภาพด้านล่างนี้คือหูฟัง AKG K701

IMG_20200722_082716
Screen Shot 2563-07-22 at 8.27.20 AM

ข้อดี

ประหยัดและเสียงดี

ข้อเสีย

ทำงานได้ในระดับ cd quality หรือ 16bit 44.1kHz เท่านั้น และพลังเสียงเบาเกินไปเมื่อใช้กับหูฟัง AKG K701 อยากให้ดังกว่านี้สักเท่าตัวจะดีมาก

สรุป

น้ำเสียงเป็นกลาง ย่านเสียงทุ้มกลางและแหลมมาพอดีๆกัน เราสามารถต่อกับหูฟังได้หลากหลาย และทดลองใช้กับหูฟังขนาดใหญ่อย่าง AKG K701 ก็ให้น้ำเสียงได้นุ่มนวลกลมกล่อม ถือว่าเป็นการอัพเกรดแบบประหยัดแต่คุณภาพเสียงดีเทียบกับโน้ตบุ๊คราคาแพงจากค่าย apple เลย

สนใจสั่งซื้อได้ที่ https://shope.ee/5AS8OHI8Yc


เพิ่มเติมเรื่องระดับเสียง

apple usb-c to 3.5mm ตัวนี้ให้เสียงเบาเมื่อใช้งานกับโทรศัพท์ android อย่าง redmi note7 และคาดว่ากับ ยี่ห้ออื่นก็อาจจะให้ผลเสียงเบาเช่นกัน แต่เมื่อเอา adaptor ตัวนี้ไปใช้กับโน้ตบุ๊คระบบปฏิบัติการ windows10 จะได้เสียงที่ดังกว่ามาก สามารถเปิดเสียงได้ดังกว่าใช้งานบนโทรศัพท์เกิน 2 เท่า เรียกได้ว่า เปิดให้เสียงดังจนไม่อยากทนฟังก็ยังได้ อาจจะเป็นเพราะระบบปฏิบัติการในโทรศัพท์มีการจำกัดระดับความดังไว้ ส่วนใน windows10 ให้เสียงที่ดังเพียงพอต่อการใช้งาน

สนใจสั่งซื้อได้ที่ https://shope.ee/5AS8OHI8Yc