ดิจิทัลปริ๊นท์ ตอนที่ 1

เครื่องพิมพ์ดิจิทัลที่ผมใช้คือ FujiXerox รุ่น 700 ซึ่งถึง ณ วันที่เขียนข้อความนี้ ผมได้ใช้งานมาสามเดือนเต็ม พอจะรู้เรื่อง รู้เทคนิค และรู้ข้อจำกัดต่างๆ มากมาย ข้อเขียนครั้งที่แล้วที่เกี่ยวกับเครื่องพิมพ์ดิจิทัลเครื่องนี้เป็นอย่างไรผมก็เริ่มลืมไปแล้ว เพราะตลอดเวลานับเดือนที่ผ่านมา มีงานยุ่งมาก งานเยอะ ทั้งงานพิมพ์ปกติ และงานพิมพ์ดิจิทัล และงานถ่ายรูปอีกหลายครั้ง

ในตอนนี้จะพูดถึงข้อดีของเครื่องพิมพ์ดิจิทัลที่ค้นพบด้วยตัวเองเสียก่อน
แล้วในตอนต่อๆไปจะเป็นเรื่องของ ข้อเสีย ข้อด้อย ข้อจำกัด เทคนิคต่างๆ

ข้อดีที่พบก็คือ
1 เครื่องพิมพ์ดิจิทัล ช่วยลดต้นทุนได้จริง แม้ว่าค่าผ่อนเครื่องจะแพงมาก แต่มันก็ลดต้นทุนงานพิมพ์ได้จริง มีงานพิมพ์หลายตัวที่ย้ายมาทำบนระบบดิจิทัล และได้งานที่รวดเร็วสวยงามไม่แตกต่างไปจากการพิมพ์อ็อพเซ็ท

ยกตัวอย่าง
งานพิมพ์นามบัตร 1000 ใบ เวลาเราจะพิมพ์นามบัตรสี่สีสักชุดหนึ่ง จะมีค่าเพลทประมาณ 1000 บาท ซึ่งเป็นเพลทขนาดเล็ก (มีเพลทขนาดใหญ่ ราคาแพงกว่านี้) โรงพิมพ์ต้องจ่ายค่าเพลท พอได้เพลทมาแล้ว ก็ต้องทำการพิมพ์ การพิมพ์ใช้ช่างพิมพ์ งานสี่สีจำนวนน้อย ใช้ช่างพิมพ์ไม่เกิน 1 วัน จะจ้างช่างมาพิมพ์งาน 1 ชั่วโมง ก็ต้องจ่ายค่าจ้าง 1 วันอยู่ดี ต้นทุนค่าแรงช่างพิมพ์ก็เลยต้องคิด 1 วัน และพอพิมพ์เสร็จ ก็ต้องรอแห้ง 1 วัน วันรุ่งขึ้นค่อยตัดไปส่ง
สรุปแล้วต้นทุนการพิมพ์นามบัตรด้วยระบบอ็อพเซ็ท จะเท่ากับ ค่าเพลท + ค่าแรงช่าง1วัน + ค่ากระดาษที่ใช้ไป แถมต้องรอเวลา ทำเพลท 1 วัน พิมพ์ 1 วัน รอแห้ง 1 วัน เท่ากับรอ 3 วัน
ถ้ามีงานสองชิ้น ก็พิมพ์งานที่สองหลังจากเสร็จงานที่ 1 ซึ่งอาจจะหมายถึงได้พิมพ์ในวันที่สองซึ่งก็พิมพ์ไปขณะที่รองานที่ 1 แห้ง สรุปแล้ว จบสองงานใช้เวลา 4 วัน

เปลี่ยนมาเป็นพิมพ์ด้วยระบบดิจิทัล
ได้อาร์ตเวิร์คมาแล้วก็เอามาสั่งพิมพ์ได้ทันที ใช้กระดาษกี่ใบก็นับไปตามจริง หลังจากสั่งพิมพ์อีกไม่กี่นาทีก็เสร็จ นามบัตร 1000 ใบเล็ก เท่ากับ จำนวนสั่งพิมพ์ประมาณ 50 ใบพิมพ์ ใช้เวลาพิมพ์ไม่เกิน 10 นาที ต้นทุนระบบนี้ก็คือ ค่าพิมพ์ 50 ใบ + ค่ากระดาษตามจริง
ต้นทุน 50 ใบพิมพ์ ราคาไม่กี่บาท ถูกกว่าค่าเพลทเยอะหลายเท่า และใช้เวลาสั้นมากเมื่อเทียบกับการพิมพ์เพลท วันหนึ่งๆสามารถทำงานประเภทนี้ได้หลายสิบชิ้น แทนที่จะต้องรอ 3 วัน

สรุปข้อดีประเด็นลดต้นทุนก็คือ มันลดต้นทุนได้จริง และลดเวลาได้อย่างมหาศาล จากเดิมที่ต้องใช้เวลา 3 วันเพื่อจบงานพิมพ์จำนวนน้อยๆ 1 งาน ดิจิท้ล ทำงานเดียวกันเสร็จภายใน 10 นาที

fujixerox x700 cost

 เครื่องพิมพ์ดิจิทัลของ fujixerox เป็นเครื่องที่เหมาะนำมาทำงาน print on demand ต้นทุนค่าเครือง 2.65 ล้านบาท ผ่อนห้าปี คิดรวมดอกเบี้ยแล้วเกือบ 3.2 ล้านบาท

หารย่อย 3.2ล้าน/5 = 640000 บาท ต่อปี
640000/52 สัปดาห์ = 12307 บาทต่อสัปดาห์
12307 / 5 วันต่อสัปดาห์ = 2461.4 บาทต่อวัน คิดที่การทำงานห้าวันต่อสัปดาห์

การทำกำไรวันละประมาณ 2500 บาท หาได้จากอะไรบ้้าง
///////////////////////////////////////////////////////////////////////
ถ้าทำกรอบรูป ขนาด A3 ขายกรอบละ 300 บาท
ต้นทุนพิมพ์ 5 บาท ต้นทุนไม้ 30 บาท
เหลือกำไร 265 ต่อชิ้น แบบนี้ขายวันละ 10 อัน

ทำโฟโต้บุ๊ค เล่มละ 800 บาท มี 10 แผ่น 20 หน้า
ต้นทุน 5 ใบพิมพ์ (พิมพ์สองหน้า) x 9 บาท ทำปก50บาท รวมทุน 95 บาท
กำไร 705 บาท แบบนี้ต้องทำ 4 เล่มต่อวัน

อัดภาพจัมโบ้ พิมพ์หน้าเดียว ใบใหญ่ตัดได้ 8 ภาพ ขายใบละ 4 บาทขายได้ 32 บาท
ต้นทุน 5 บาท หารเป็นต่อใบ 5/8 = 0.625 บาท
กำไรใบละ 4-0.625 = 3.375 บาท ต้องทำ 2500/3.375 = 740.74
หรือต้องทำภาพจัมโบ้ 741 ใบต่อวัน

ถ้าคิดแบบนี้ เหนื่อยน่าดู กว่าจะหางานจนคืนทุน
///////////////////////////////////////////////////////////////////////

2500 บาทต่อวัน หรือ 12500 บาท ต่อสัปดาห์
ถ้าถ่ายภาพเวดดิ้ง 1 ครั้ง พร้อมทำอัลบั้มรูปให้ 1 เล่ม
สมมุตว่าต้นทุนทำเล่ม เล่มละ 200 บาท ขายแพ็ดเกจถ่ายรูป 15000 บาท
เท่ากับได้ค่าแรงถ่ายรูป 15000 – 12500ค่าผ่อนเครื่อง – 200 = 2300 ต่อสัปดาห์ต่อ 1 งาน

ถ้ามองเป็นเดือน เดือนนึงต้องผ่อนเครื่อง 12500×4 = 50000 บาท
ค่าช่างภาพ 1 คน จ้างเป็นเดือน 15000 ค่าช่างทำผมแต่งหน้า 10000
รวมแล้ว 50000+15000+10000 = 75000 บาท
ต้องรับงานถ่ายเวดดิ้ง 15000 ต่องาน เป็นจำนวน 5 ครั้ง ถึงจะเท่าทุน

รู้สึกว่าเหนื่อยกว่าเดิม

///////////////////////////////////////////////////////////////////////

คิดใหม่ว่าลงทุน 3.2 ล้าน ถ้าทำกำไรหน่วยละ 50 บาท ต้องทำกี่หน่วย
3200000 / 50 = 64000 หน่วย ขายอะไรได้ 64000 ชิ้นต่อ 5 ปี
หรือขาย 64000/5 = 12800 ชิ้น ต่อปี
นั่นสิ ขายอะไร

งานสัมมนา คนเข้างาน 100 คน ลงทะเบียน รับป้ายชื่อ …..
พิมพ์ป้ายชื่อ พร้อมสูจิบัตรแจกคนละ 1 ชุด คิดคนละ 50 บาท กำไรคนละ 40 บาท
100 คน กำไร 4000 บาท ยังได้ค่าผ่อนเครื่องไม่ถึงสองวัน…..

บัตรเข้างานเทศกาลเทียน 5000 คน จะเอาเงินจากกลุ่มนี้คนละเท่าไหร่?
ถ้าคนละ 100 บาท ได้เงิน 5 แสน ผ่อนเครื่องได้ 1 ปี
เอาเงินคนละ 100 บาท ต้องทำอะไรให้เขาบ้าง คงต้องมีระบบเว็บลงทะเบียน
ปริ๊นท์บัตรเข้างานติดชื่อ มีหน้าด้วยยิ่งดี แถมปฏิทินพกพาด้วย
……… ยังไม่จบ

print on demand return

วันนี้คุณนกจากฟูจิซีร๊อกซ์ นัดเข้ามาคุยเรื่องเครื่องพิมพ์ดิจิทัลตัวใหม่ เมื่อสามปีที่แล้วได้เคยคุยกันอย่างละเอียด และผมได้เคยไปทดสอบพิมพ์งานถึงที่บริษัทฟูจิซีร๊อกซ์ ตอนนั้นไม่ค่อยรู้ประวัติของบริษัทนี้มากนัก คุณภาพงานก็อยู่ในระดับที่ยอมรับได้ แต่ต้นทุนเครื่องและต้นทุนพิมพ์ต่อแผ่นแพงเหลือเกิน ในเวลานั้นคิดไม่ออกว่าจะไปหาลูกค้าได้อย่างไร

ปีนี้ วันนี้ คุณนกก็ยังคงเสนอเครื่องพิมพ์ให้เช่นเดิม แต่เครื่องรุ่นใหม่มีคุณภาพสูงขึ้น พิมพ์วัสดุได้หลากหลายขึ้น ที่น่าสนใจก็คือการพิมพ์สติ๊กเกอร์ และการพิมพ์แผ่นใส ส่วนการพิมพ์กระดาษอาร์ต กระดาษปอนด์ก็เป็นสิ่งที่ำทำได้ดีมาตั้งนานแล้ว ที่สำคัญกว่านั้นราคาขายเครื่องก็ถูกลง ราคาค่าพิมพ์ต่อแผ่นก็ถูกลง โครงสร้างการผ่อนก็เน้นให้ปีแรกผ่อนน้อยหน่อย ปีหลังๆจะมียอดผ่อนสูงขึ้น ดูเหมือนเป็นการจูงใจให้ไม่หมดกำลังใจผ่อนตั้งแต่ปีแรก

งานพิมพ์ตามสั่งหรือ print on demand เป็นงานพิมพ์ที่สร้างมูลค่าเพิ่มได้มากมาย หากจะเอาเครื่องนี้ไปผลิตงานขาย งานตัวนั้นควรจะเป็นงานที่มีราคาสูงและไม่สามารถพิมพ์ด้วยเครื่องพิมพ์อ๊อฟเซ็ทมาตรฐานได้ เช่นการพิมพ์โบรชัวร์ที่มีฐานข้อมูลลูกค้าถูกพิมพ์ออกไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นชื่อ ที่อยู่ หรือข้อมูลใดๆที่ลูกค้าต้องการจริงๆ คำว่าฐานข้อมูลก็คือคำว่า database ซึ่งเป็นลักษณะข้อมูลที่ต้องอาศัยการเรียนรู้อย่างลึกซึ้ง ถึงจะสามารถเข้าถึงฐานข้อมูลที่ต้องการได้ (ง่วงนอนมาก เดี๋ยวค่อยมาต่อ