เปลี่ยนกรองแอร์ Honda freed

ตอนเข้าศูนย์บริการ ก็มีการแจ้งว่ากรองแอร์ของรถถึงเวลาต้องเปลี่ยนแล้ว เพราะว่าดำมาก ราคาค่าเปลี่ยนชิ้นละเกือบพันบาท ผมเองก็รู้สึกคุ้นๆว่าราคาน่าจะถูกกว่านี้ เพราะเคยเห็นมีคนประกาศขายกันอันละ 200 บาทเอง ก็เลยบอกเขาว่ายังไม่เปลี่ยน กะว่าไปหาเองข้างนอกก็ถูกกว่า

เลยมาถามใน Facebook ห้อง Thaifreed ว่ามีใครขายอยู่ไหมจะขอซื้อ มีพี่ใจดีที่เป็นสมาชิกแวะไปถามร้านแถวบ้านให้ ปรากฏว่าราคา 2 อัน 260 บาท ค่าส่งจากโคราชอีก 28 บาท รวมเป็น 288 บาท โอนเงินให้พี่เขา อีกสองวันก็ได้ของมา

ก็เลยถอดเปลี่ยนเองเลย ถามจากในเว็บก็พอรู้วิธีเปลี่ยน ถอดไม่ยาก ลิ้นชักหน้ารถ แกะออกมา แล้วก็จะเจอ หยิบอันเก่าออกมาตกใจมาก ดำชนิดที่ว่าเห็นแล้วต้องเรียบเปลี่ยนออกเลย

DSC_1625.JPG

DSC_1623.JPG

ของเก่าคือทางซ้าย ของใหม่คือทางขวา แม้ว่าลอนกระดาษกรองจะไม่เหมือนกัน แต่ก็ใส่แทนกันได้ พอเปลี่ยนแล้วก็ตั้งนัดหมายไว้ในมือถือว่าอีก 6 เดือนให้เปลี่ยนอีกครั้ง เพราะสั่งซื้อไว้สองอัน……… นี่คือเรื่องราวเมื่อ 6 เดือนที่แล้ว

ผ่านมา 6 เดือน ถึงเวลาที่ระบบเตือนในมือถือเตือนให้เปลี่ยนกรองแอร์อีกครั้ง ครั้งนี้ก็เลยไปหยิบตัวที่สองที่เคยซื้อไว้มาเปลี่ยน ก่อนเปลี่ยนก็ถ่ายรูปเทียบกับตัวที่ดึงออกมาจากรถเอาไว้

P_20141108_140010

P_20141108_140021

P_20141108_140028

P_20141108_140051

ภาพซ้ายคือตัวที่เปลี่ยนเมื่อ 6 เดือนที่แล้ว ภาพขวา คือตัวใหม่ ถ่ายให้เห็นหลายๆมุม กรองแอร์จะดักฝุ่นต่างๆที่วิ่งมากับระบบปรับอากาศ ถ้าไม่มีกรองแอร์ฝุ่นพวกนี้ก็อยู่ในรถ อย่าลืมเปลี่ยนทุกหกเดือนนะครับ

Honda Freed กับชีวิตเล็กๆ

วันที่ 20 กรกฎาคม 2555 เป็นวันที่ชีวิตผมเปลี่ยนไปตลอดกาล

เช้ามืดวันที่ 20 เป็นวันนัดที่ผมจะพาภรรยาไปคลอดลูก  ลูกของผมเป็นผู้ชาย  ผมคิดชื่อให้เขาแล้วตั้งแต่ตอนที่ยังไม่รู้เพศ  ถ้าเป็นผู้หญิงจะให้ชื่อกลางใจ ถ้าเป็นผู้ชายจะให้ชื่อขอบฟ้า  ชื่อกลางใจหมายถึงจุดที่ใกล้ตัวที่สุด  ชื่อขอบฟ้าหมายถึงที่ที่ไกลที่สุด มีความหมายเป็นนัยว่าไม่มีใครไปไกลกว่าขอบฟ้า

Untitled

ก่อนวันคลอด ผมหัดใส่คาร์ซีทในฮอนด้า freed  คาร์ซีทได้รับบริจาคมาจากพี่สาวของผมผู้ที่หยิบยื่นแคมรี่มาให้ผมขับอยู่แปดพันกิโลเมตรนั่นแหละ การติดตั้งคาร์ซีทเต็มไปด้วยความมึนงง ให้เพื่อนช่วยดูให้เหมือนกัน  ก็คิดว่าน่าจะติดได้ไม่ผิด  แต่ก็ไม่มั่นใจ  จัดกระเป๋าเสื้อผ้าของตัวเอง กระเป๋าภรรยา และกระเป๋าของลูก  นอกจากนี้ยังเตรียมป้ายชื่อของลูกเอาไว้ด้วย ตั้งใจจะเอาไปใช้ติดหน้าเตียง เวลามีใครมาเยี่ยมจะได้หาได้สะดวก

Untitled

ผมขับรถไปโรงพยาบาลรามาตั้งแต่เช้ามืด เพื่อหนีรถติด  นัดหมอไว้เก้าโมงเช้า แต่แม่เด็กต้องไปเตรียมตัวตั้งแต่เจ๊ดโมง  ในห้องพักก่อนผ่าตัดผมก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดตัวเขียว เพื่อเตรียมตัวไปยืนลุ้นอยู่ข้างเตียงผ่าตัด  ระหว่างที่รอเวลา ผมทะยอยเตรียมของใช้ที่จำเป็น  ไม่ว่าจะเป็นกล้องดิจิทัล Fujix100 พร้อมแบตเตอรี่สองก้อน เมมโมรี่อีก 16 Gb กล้องฟิล์ม Leica minilux ใส่ฟิล์มขาวดำเอาไว้เพราะผมต้องการภาพขาวดำแท้ๆเก็บไว้ด้วย  ลูกผมเกิดทีเดียว  ไมโครโฟนบันทึกเสียงก็เตรียมไว้เพราะอยากจะเก็บเสียงแรกให้ได้  แต่ว่าสุดท้ายก็ไม่ได้พกเข้าไป  เพราะชุดเขียวไม่มีช่องให้ใส่อุปกรณ์อย่างอื่นเลย

Untitled

ในห้องผ่าตัดเป็นอย่างไรผมจำรายละเอียดไม่ค่อยได้  เพราะทุกอย่างมันเร็วมาก  รู้ตัวอีกทีลูกผมก็ถูกหิ้วออกมาที่เตียงเล็ก ทำการกระตุ้นระบบหายใจ ดูดน้ำออกจากปอด ผมเป็นพ่อคนแล้ว  พ่อมือใหม่ทำอะไรไม่ถูกเลย  ภาพเด็กเกิดใหม่น่าเกลีียดมาก เด็กคนนี้เหรอที่ผมร้องเพลงให้มันฟังบ่อยๆ  ผมจะเริ่มรักมันนาทีไหนกัน  พอเสียงเด็กดังขึ้น บรรยากาศทุกอย่างเปลี่ยนไปเป็นความสุขที่อบอวล ผมรักมันแล้วแหละ  จากนั้นก็ได้สติ ผมไปยืนถ่ายรูปพ่อแม่ลูกด้วยท่ามาตรฐานของทีมหมอที่เขาบรรจงถ่ายภาพให้อย่างมืออาชีพ  ผมว่าผมเป็นช่างภาพที่ถ่ายภาพมาเยอะ แต่ภาพครอบครัวคงต้องยกให้หมอและพยาบาลในนี้  เพราะเขาคงถ่ายวันละหลายครอบครัว ปีละสามร้อยหกสิบห้าวัน

Untitled

ผมใช้เวลาอยู่ในโรงพยาบาลสามคืน  เพื่อให้ภรรยาพักฟื้นและทำความคุ้นเคยกับลูก หัดป้อนนม หัดอาบน้ำ  หัดอดนอน หัดตื่นทุกสามชั่วโมง ทุกอย่างพยาบาลค่อยๆฝึกเราทั้งคู่เพื่อให้พร้อมออกไปเลี้ยงลูกอย่างมั่นใจ  แต่จริงๆแล้ว พ่อแม่มือใหม่อย่างผมและภรรยามีแต่ความกลัว มีแต่ความวิตกกังวล  แต่ก็ทำหน้าเฉยๆเพื่อไม่ให้เสียกำลังใจ

ผมออกจากโรงพยาบาล พร้อมด้วภรรยาและเด็กชายขอบฟ้า  ชีวิตใหม่กำลังเริ่มต้น  ผมขับ Freed คลานเป็นเต่าออกจากรั้วโรงพยาบาล  ทีแรกตั้งใจจะวางลูกไว้ในคาร์ซีท  แต่ลูกผมตัวเล็ก น้ำหนักเพียง 2778 กรัมตอนเกิด  รูปร่างยังเล็กมากเมื่อเทียบกับคาร์ซีทที่ติดไว้ในรถ  วางลูกลงไปแล้วทุกอย่างดูหลวมๆ  มันหลวมซะจนคิดว่าลูกน่าจะกลิ้งตกได้เลย  ภรรยาผมเริ่มใจเสีย  มีสิ่งที่ผิดคาดเกิดขึ้นในชีวิตแล้วหนึ่งอย่าง  ลูกนอนในคาร์ซีทไม่ได้ทำให้ต้องอุ้มอยู่อก  ซึ่งรู้กันอยู่แก่ใจว่าเป็นท่าที่อันตรายมาก  ถ้าผมขับเร็วไป หรือมีอุบัติเหตุอะไรไม่คาดฝันเกิดขึ้นลูกคงหลุดจากมือได้ง่ายๆ

Untitled

ขับรถออกจากรั้วโรงพยาบาลไปแค่ห้าสิบเมตรผมก็รู้สึกว่ารถแรงไปแล้ว  อยากขับให้ช้ากว่านี้  ผมกลัวลูกจะหลุดมือ กลัวว่าถ้าวิ่งเร็วลูกจะอันตราย  กลัวว่าถ้าต้องเบรกกระทันหันลูกจะหลุดจากอกแม่  ผมกลัวแค่ไหนภรรยาผมกลัวยิ่งกว่า  ผ่านไปหนึ่งสี่แยก มีรถเมล์วิ่งแซงรถผมไปแล้ว   ผมภาวนาให้รถติดเยอะหน่อยเพื่อให้ผมจะได้ไม่ต้องเร่งความเร็วขึ้นไป  อยากให้ทุกอย่างช้าลง  อยากให้รถติดค่อยๆขยับเพราะผมกลัวลูกหลุดมือ    ใครหลายคนเคยบ่นว่าอยากให้ฟรีดติดเครื่องสองพันซีซี  สถานการณ์ของผมผมกลับอยากได้เครื่องเล็กกว่านี้ อยากให้ถนนแคบกว่านี้  อยากวิ่งช้าๆ  ผู้หญิงคนหนึ่งที่คุณรัก กับลูกอีกคนที่ทั้งคุณและภรรยาต่างพร้อมใจใช้ทั้งชีวิตที่เหลือเพื่อปกป้องและเลี้ยงดูเขา  ผมจะไม่ขับรถเร็วเด็ดขาด จะไม่เผลอปล่อยให้รถวิ่งแบบอันตรายเลยแม้แต่นาทีเดียว  ระหว่างรถติดผมหันไปมองภรรยาและลูกบ่อยมาก  ภรรยาเริ่มร้องไห้  ผมถามว่าทำไมถึงร้อง เธอบอกว่า เธอกลัว  กลัวเลี้ยงได้ไม่ดี  เห็นน้ำตาแล้วผมก็ทำอะไรไม่ถูกเลย  ผมบอกเธอว่า มีผู้หญิงเป็นล้านคนผ่านวันแบบนี้ไปได้พวกเราไม่โชคร้ายหรอก

Untitled

สามสิบวันผ่านไป  ผมนัดหมอที่โรงพยาบาลเพื่อตรวจสุขภาพและฉีดยาให้ขอบฟ้า  คาร์ซีทได้ใช้งานอีกครั้ง  คราวนี้ขอบฟ้าตัวโตขึ้น  วางในคาร์ซีทแล้วไม่หลวมเหมือนวันแรก  คาร์ซีทรุ่นนี้เป็นกระเช้าในตัว ประตูสไลด์ของ Freed ทำให้ผมจัดท่าของขอบฟ้าในคาร์ซีทได้สะดวก  ตำแหน่งที่ติดตั้งคาร์ซีทที่ปลอดภัยที่สุดของรถยนต์คือหลังคนขับ  ผมเพิ่งพบข้อดีของ Freed อีกข้อหนึ่งที่ดีกว่ารถเก๋งตอนติดคาร์ซีทนี่แหละ  นั่นคือ  ผมสามารถติดคาร์ซีทไว้ที่แถวสองด้านขวาซึ่งอยู่หลังคนขับได้  และใช้เบาะแถวสองเลื่อนขึ้นหน้าเพื่อบีบให้คาร์ซีทติดแน่นไม่ขยับ  ถ้าเป็นรถเก๋ง  เราจะพบว่าคาร์ซีทมักจะติดอยู่กับเบาะหลังด้านซ้าย  เหตุผลก็เพราะว่าต้องเลื่อนเบาะหน้าลงมาดันคาร์ซีทเอาไว้  เนื่องจากรถเก๋งเลื่อนเบาะหลังไม่ได้  ถ้าติดด้านหลังคนขับจะกลายเป็นว่าต้องเลื่อนเบาะคนขับลงมาดันคาร์ซีท  ซึ่งมันก็ทำให้ตำแหน่งคนขับไม่อยู่ในตำแหน่งการขับที่ดี  อันตรายยิ่งกว่าเดิม  รถเก๋งเลยต้องติดด้านซ้ายแทน  แต่ Freed ติดคาร์ซีทหลังคนขับได้ เพราะไม่ต้องเลื่อนเบาะคนขับไปดัน  แต่ใช้เบาะแถวสองดันขึ้นมาแทน  มันดีกว่ากันตรงนี้

Untitled

มีอีกครั้งที่ Freed ทำให้ผมรู้สึกดี  ตอนที่พาขอบฟ้าไปหาหมออีกครั้งหนึ่งตอนครบหกสิบวัน  หลังจากออกจากโรงพยาบาลแล้วก็แวะไปร้านขายของเด็ก  ภรรยาผมต้องการซื้อของใช้ให้ขอบฟ้า  ไปจอดที่ร้านค้าแล้วก็ให้ภรรยาเดินลงไปซื้อ ผมกับขอบฟ้ารออยู่บนรถ  ดูเหมือนเป็นคนไม่รักโลก เพราะจอดรถเปิดแอร์  แต่ผมให้อภัยตัวเอง เหตุผลง่ายๆก็คือผมรัก ลูกมากกว่ารักโลก  พอจอดได้ตำแหน่งที่ดีแล้ว ผมก็เข้าเกียร์ P แล้วเดินจากแถวหน้ามานั่งแถวสอง เพื่อเล่นกับขอบฟ้า  มาอยู่เป็นเพื่อนให้ขอบฟ้าเห็นหน้าจะได้ไม่ร้องไห้  แดดร้อน แต่ผมไม่ต้องลงจากรถเพื่อย้ายที่นั่ง  ยิ่งถ้าฝนตกยิ่งรู้สึกดีว่าเลือกรถไม่ผิด  ชีวิตครอบครัวที่มีเด็กเล็กการได้รถอย่าง Freed  มาใช้มันเป็นความอเนกประสงค์ที่รื่นรมย์  แม้ว่าจะใช้รถเก๋งก็เลี้ยงลูกได้ ไปไหนต่อไหนได้ไม่ต่างกัน แต่ความสนุกไม่เท่ากัน  ภรรยาผมสามารถโฟกัสกับลูกได้ตลอดเวลา ไม่ต้องพะวงกับการเปิดปิดประตู  เพราะประตูไฟฟ้าสั่งได้จากคนขับ  แม้แต่ตอนที่ผมนั่งเล่นกับลูก ผมก็กดรีโมทเปิดปิดประตูได้ตลอดเวลาที่ต้องการ  ชีวิตเหนือระดับมันเกิดขึ้นได้ง่ายๆใน Freed นี่แหละ

Untitled

ช่วงนี้ฝนตกบ่อยมาก ผมจะพาแม่กลับบ้านตอนเย็นทุกวัน  วันที่ฝนตก ผมให้แม่นั่งแถวสอง แล้วถือร่มเอาไว้  รอเปิดประตูรถตรงกับหน้าบ้านแล้วให้แม่กางร่มเดินลงไปเลย  ประตูไฟฟ้าสไลด์ออก แม่ค่อยๆกางร่ม แล้วเดินออกจากรถไป หัวไม่เปียก ของในรถไม่เปียก ไม่ต้องเอื้อมมือกลับมาปิดประตู เพราะผมสั่งปิดจากตำแหน่งคนขับได้ แม่เดินเข้าบ้านตัวแห้ง  ส่วนคนขับอย่างผมก็ดับเครื่อง แล้วเดินมาออกทางประตูสไลด์  วิ่งหนีฝนออกจากรถ แล้วค่อยกดรีโมทให้ประตูปิด  ไม่ต้องไปเสียเวลาหันไปปิดเอง

Untitled

ตอนนี้ขอบฟ้าเริ่มแสดงอารมณ์ได้แล้ว สามารถยิ้มทักกับทุกคนได้แล้ว รอยยิ้มของเด็กมันมีแรงดึงดูดประหลาด จะโกรธมันแค่ไหนตอนที่มันงอแง แต่พอมันยิ้มให้เราก็รักมันยิ่งกว่าเดิม

Untitled

เปลี่ยนล้อ honda freed สองปี หกหมื่นกิโลเมตร

ขับรถฮอนด้า freed มา 2 ปีแล้ว ระยะทางประมาณหกหมื่นกว่ากิโลเมตร ก็ถึงเวลาต้องเปลี่ยนยางสักที ผมเองไม่ใช่คนเล่นรถรักรถสักเท่าไหร่ พอใจที่จะขับรถคันเดิม แบบเดิมไม่ต้องแต่งเพิ่ม ยางที่จะต้องเปลี่ยนเลยไม่ได้หาข้อมูลว่าควรจะเลือกอย่างไรดี ยี่ห้อไหนเด่นเรื่องความเงียบ ยี่ห้อไหนเด่นเรื่องเกาะถนน ยี่ห้อไหนเด่นเรื่องประหยัดน้ำมัน ดังนั้นผมไม่คิดจะขวนขวายหายางลักษณะพิเศษเหล่านั้นเลย

สิ่งที่นึกขึ้นมาได้ในหัวก็คือ ถ้าได้ยางเดิม ล้อเดิมก็น่าสนใจ เพราะตั้งแต่รถ freed มีการปรับราคาก็ทำให้ยอดขายเพ่ิมขึ้นอย่างมาก สังเกตุได้จากรถ freed ป้ายแดงวิ่งให้เห็นกันทุกวันในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา เยอะขนาดที่ว่าบางวันเห็นป้ายแดงหลายคันเสียด้วย บางวันผมก็ขับรถตีคู่ไปกับรถใหม่เหล่านั้น ขับไปก็มองไป รถ freed มันมีเสน่ห์ดึงดูดสายตาจริงๆ ซึ่งรถป้ายแดงเหล่านั้นมีหลายคันที่เปลี่ยนล้อทันทีที่ออกจากโชว์รูม ผมเลยประกาศรับซื้อไว้ในคลับ thaifreed.com

ทีแรกว่าจะขอซื้อแค่ยางอย่างเดียว แต่ก็ไม่ค่อยมีใครขาย สุดท้ายเลยตัดสินใจซื้อทั้งล้อเลยดีกว่า รถที่ใจดีขายให้ผมเขาก็เข้ามาแจ้งในประกาศว่า รถเขาเพิ่งออกได้สองสัปดาห์ ล้อเก่าวิ่งไปประมาณ 300 กิโลเมตร ผมตกลงซื้อไม่ลังเลเลย ถึงวันที่ไปขนล้อเหล่านั้นกลับมาติดรถตัวเอง ดูจากตัวเลขที่ยางแล้วระบุวันที่ผลิตไว้ตอนเดือนมีนาคม ปี2012 ซึ่งเป็นข้อมูลที่สอดคล้องว่ารถคันนี้ขายถึงลูกค้าปลายเดือนพฤษภาคม 2012 ผมเลยมั่นใจว่าได้ของคุณภาพดีตามสภาพ คือสภาพเกือบ 100เปอร์เซ็นต์ ในราคาเก้าพันบาท ยางพร้อมล้อแม็กซ์ ราคานี้ผมถือว่าถูก เพราะว่า ถ้าให้ไปซื้อยางใหม่ไปเลย ผมอาจต้องจ่ายเส้นละสามพันบาทขึ้นไป การที่ได้ล้อพร้อมยางมาในราคาที่ต่ำกว่า แม้ต่ำกว่าแค่เพียงนิดเดียวผมก็ถือว่าคุ้มสำหรับผม เพราะเมื่อเปลี่ยนของใหม่ใส่เข้าไป ผมยังสามารถเอาของเก่าไปขายได้อีกที

ผมจำไม่ได้ว่าใครเป็นคนสั่งสอนกันทั่วบ้านทั่วเมืองว่ายางรถยนต์มีอายุการใช้งานประมาณสองปีถ้านับตามเวลา หรือ 40000 กิโลเมตรถ้านับตามระยะทาง ผมก็จำตัวเลขเหล่านั้นมาตลอด และรถคันเก่าก็พยายามเปลี่ยนตามระยะทางที่่ว่า แต่กับ freed คันนี้ผมขับเพลินจริงๆ และช่วงจังหวะที่มันเลยสี่หมื่นกิโลเมตรผมก็ลืมที่จะเปลี่ยนยางให้มัน มันอาจจะเป็นเพราะปลายปีทีแล้วผมยุ่งมากกับภาระต่างๆทั้งงานและปัญหาน้ำท่วม และปัญหาสุขภาพของพ่อผมเอง ก็เลยไม่ได้เปลี่ยนตอนถึงเวลาที่ควรเปลี่ยน

พอได้ยางจากรถป้ายแดงมา ก็หาร้านริมทางแวะเปลี่ยนทันที ค่าแรงเปลี่ยนทั้งล้อทางร้านบอกราคาล้อละ 50 บาท สี่ล้อ 200 บาท ไม่รู้ว่าถูกหรือแพง แต่ผมก็ขี้เกียจเปลี่ยนเอง รอช่างเปลี่ยนครบทั้งสี่ล้อแล้วเช็คน็อตอีกทีว่าใส่ครบทุกตัว เพราะเคยอ่านผ่านๆในเว็บพันทิพย์ว่าเคยมีรถเข้าศูนย์แล้วทางศูนย์ใส่น็อตไม่ครบ หรือไขไม่แน่น อ่านแล้วจำแบบหลอนๆ กลัวมากเรื่องช่างมักง่าย

เปลี่ยนของใหม่เข้าไป ถอดของเก่าเก็บ ทำการล้างล้อเก่าให้สะอาด สภาพล้อเก่ายังดูดีอยู่เลย ยางไม่ได้สึกจนโล้น การวิ่งไปสองปี ในระยะหกหมื่นกิโลเมตรผมเข้าใจว่าดอกยางจะสึกมากกว่านี้ แต่เท่าที่เห็นมันยังมีระยะความลึกอยู่มาก น่าจะใช้งานได้อีกนาน แต่เพื่อนก็เตือนไว้ว่าถ้าเปลี่ยนได้ก็ควรเปลี่ยน แม็กส์บางวงสภาพแทบจะร้อยเปอร์เซ็น มี 1วงที่มีรอยขีดข่วนเล็กน้อย อีก 1 วงมีขีดยาวลึก ซึ่งผมจำไม่ได้เลยว่าเอาไปเบียดกับอะไรมา จากนี้คงจะทะยอยประกาศขายออกไป

การได้ล้อและยางสภาพป้ายแดงมาใช้มันก็คือล้อใหม่ ยางใหม่นั่นแหละ ความนุ่มของยางทำให้รถสะเทือนน้อยลง ความรู้สึกจากการได้เปลี่ยนยางมันทำให้เรารู้สึกเหมือนรถเราสภาพดีขึ้นคล้ายๆรถใหม่ อีกทั้งยังได้เปลี่ยนล้อเก่าที่มีตำหนิชวนรำคาญสายตาออกไปด้วย ผ่านเรื่องยางไปผมเริ่มนึกถึงโช้คอัพแล้ว กะว่าอีกสักปีหรือสองปีจะลองประกาศซื้อโช้คป้ายแดงอีกสักที เพราะสมาชิกที่เล่นใน thaifreed.com มีคนเปลี่ยนโช้คอยู่เนืองๆ ขอบคุณ thaifreed.com อย่างมากที่่เป็นสังคมออนไลน์ที่นอกจากได้ความรู้แล้วยังเปิดโอกาสสมาชิกได้แลกเปลี่ยนข้าวของเครื่องใช้เกี่ยวกับรถอีกด้วย ที่นี่อบอุ่นครับ

ขับรถ honda freed ขับมาแล้วสองปี

เราต้องแยกให้ออกระหว่างคำว่า สมรรถนะ กับ ความรู้สึกนะครับ

ผมได้รถฟรีดมาใช้ตอนปี 2553 เดือนเมษายน นับเป็นผู้ใช้รุ่นโง่บุกเบิก (ขอเหน็บฮอนด้านิดนึง) ตอนนี้ก็ผ่อนมาได้ครึ่งทางแล้วครับ เหตุที่เลือกก็เพราะตั้งใจเอามาใช้กับคนในครอบครัว

ฟรีด เป็นรถมหาสนุกครับ ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อให้วิ่งชนะวิออส หรือแคมรี่ มันออกแบบมาให้ใช้งานสำหรับความบันเทิงของคนในครอบครัว ลองคิดดูนะครับว่า มีรถคันไหนนั่งได้เกินห้าคนแล้วไม่อึดอัดบ้าง

การมีรถที่สามารถอำนวยความสะดวกให้กับพ่อแม่และคนแก่หลายๆคนเป็นเรื่องที่อิ่มในความรู้สึก มันวัดด้วยเงินไม่ได้  เอารถสปอร์ตสองที่นั่งมารับแม่ไปกินข้าว แม่ผมบอกว่า นั่งไม่สบาย เข้าออกลำบากมาก ดังนั้นเรื่องตัวเงินตัดไป  คนอายุเยอะเขาผ่านโลกมาเยอะ ของแพงเขาก็พอรับรู้ แต่ของน่าใช้มันวัดได้ที่รอยยิ้ม

รูปถ่าย0235

ถ้ามีเรื่องต้องเข้าออกโรงพยาบาล ผมยืนยันเลยว่าฟรีดเหมาะสม ตำแหน่งที่นั่งที่สูงของฟรีด มันเหมาะกับคนป่วยที่ไม่ต้องออกแรงพยุงตัวเองมาก  ถ้าใครเคยปวดหลังจะรู้ว่าการเข้าออกรถเก๋งมันใช้แรงที่หลังเยอะ พ่อผมป่วยเข้าออกโรงพยาบาลอยู่พักใหญ่ การมีรถแบบฟรีดทำให้ความรู้สึกในการเดินทางไปโรงพยาบาล มันเป็นกิจกรรมหนึ่งๆที่ไม่น่ากลัว ไม่น่าเบื่อ  ลองจินตนาการว่าถ้าต้องไปโรงพยาบาลด้วยแท็กซี่ กับรถเก๋ง มันไม่ต่างกัน มันจะรู้สึกว่าไปโดนเชือด ไปให้หมอด่า  แต่ถ้าไปด้วยฟรีด มันเป็นอีกเรื่องหนึ่งเลย มันคล้ายๆกับการไปหาข้าวนอกบ้านกิน บรรยากาศมันจะไม่เครียด พอความเครียดน้อย มันจะช่วยให้มีความสุขเพิ่มขึ้นจากภาวะการป่วยได้ ตอนพ่อผมเริ่มป่วยหนักและต้องใช้คนอุ้มเข้าออกจากรถ ประตูไฟฟ้าของฟรีดก็ช่วยให้การเข้าออกไม่ลำบากมาก ตอนนี้พ่อผมเสียไปแล้ว  ผมมั่นใจอย่างมากว่าตัดสินใจไม่ผิดที่ซื้อฟรีด  เพราะตอนที่เลือกรถคราวนั้น ผมลังเลระหว่างฟอร์ดโฟกัส TDCI ที่แรงและประหยัด  ส่วนฟรีดเลือกเพราะพ่อเลยและมันได้รับใช้พ่อผมเกือบสองปี

DSCF4355

DSCF4371

เทียบกับรถกระบะยกสูงยอดฮิตทั้งหลาย ช่วงน้ำท่วมผมได้มีโอกาสใช้วิโก้สี่ประตูยกสูง ความรู้สึกมันก็เหมือนฟอร์จูนเนอร์ไม่ผิดเลย มันใหญ่ นิ่ง เอิกเกริก จอดยากเหมือนกัน พละกำลังเหลือเฟือมาก ผมขับวิโก้ไปซื้อปูน 20 ถุงมาทำกำแพงกั้นน้ำ มันเป็นสิ่งที่ฟรีดทำไม่ได้ แต่ถ้าพูดถึงเรื่องการใช้งานประจำวัน ผมว่ามันใหญ่ไป แม่ผมต้องปืนขึ้นรถ แค่นี้้ก็ไม่ค่อยดีแล้ว พี่สาวพาพ่อกับแม่หนีน้ำท่วมไปต่างจังหวัด พ่อผมทรมานมาก เพราะไม่ค่อยแข็งแรง ผมอยากให้พี่สาวสลับรถเอาฟรีดไปแทน แต่พี่สาวกับแม่ก็ไม่อยากเสี่ยง เพราะไม่รู้จะไปเจอน้ำที่ไหน ตอนขนของส่วนตัวและเสื้อผ้าด้วยวิโก้สี่ประตู ด้านหลังเป็นกระบะเปลือย มันขนได้น้อยกว่าฟรีด เพราะของที่ไม่ต้องการให้โดนฝนหรือโดนน้ำต้องยัดในห้องโดยสาร กระเป๋าเสื้อผ้าของพ่อแม่ และของใช้คนป่วยยัดแทบไม่พอ พ่อนั่งหน้า แม่ผมต้องนั่งตัวลีบๆแถวสองไปกับกองของใช้ทั้งหลาย นาทีนั้นผมรู้สึกอยากได้ไมโครบัสมาใช้แทนจริงๆเลย

พี่สาวผมอีกคนซื้อแคมรี่ 2.0 มาใช้เมื่อสามเดือนก่อน แล้วก็ขับมาแลกกับผมเลยตอนออกจากโชว์รูม ผมเลยได้ใช้แคมรี่ป้ายแดงตั้งแต่หลักกิโลที่ห้าสิบ  ขับมาสามเดือน ใช้ไปแล้วแปดพันกิโล เหตุที่เขาเอามาแลกก็คือ เขาอยากลองขับฟรีดดูบ้าง  จะยืมผมขับเปล่าๆเป็นเดือนก็เกรงใจ

Camry 2.0

สามเดือนที่ผมขับแคมรี่ก็ค้นพบหลายๆอย่าง  ข้อดีของแคมรี่ก็คือ นุ่ม นิ่ม นิ่ง แรงดี ขับไปต่างจังหวัดสบายมาก  ผมสามารถเดินทางไปต่างจังหวัดได้เร็วกว่าฟรีดอย่างชัดเจน มันยอดเยี่ยมครับถ้านั่งคนเดียวหรือสองคน  แต่…….แต่พอนั่งห้าคน  สามคนด้านหลังแคมรี่มีอาการเมื่อยอย่างมาก ฟังจากคำบอกเล่าของแม่ยาย  แม่ยายนั่งรถผมไปเที่ยวพัทยา ไปพักหนึ่งคืน กลับมาบ้านนอนตัวงอเลย เพราะนั่งแถวหลังไปและนั่งเบียดไปสามคน  ผมกับแฟนนั่งหน้า เนื่องจากผมขับและแฟนกำลังท้อง เลยไม่ได้ให้คนแก่นั่งหน้า  เหตุการณ์คล้ายๆกัน ผมกับแม่ กับพี่สาว และน้อง และแฟน นั่งฟรีดไปพัทยา  ไปกินข้าวไกลๆ  ไปกลับแล้วคนนั่งทุกคนสบายดี คนที่เมื่อยคือผมเอง เพราะขับฟรีดด้วยความเร็วร้อยกว่า  มันต้องใช้สมาธิมากกว่าแคมรี่  แต่จบทริปแล้วก็สบายๆ ทุกคนมีความสุขกับการเดินทาง  แม่บอกว่า นั่งฟรีดเหมือนนั่งห้องรับแขก มันสบาย โปร่ง

อัตราสิ้นเปลืองของฟรีดผมเคยเข้าใจว่าประหยัด แต่พอได้ลองแคมรี่แล้วผมกลับพบว่าแคมรี่ทำอัตราสิ้นเปลืองได้ดีกว่า  โดยเฉพาะการขับในเมือง  ผมวัดด้วยระยะทางแปดพันกิโล จดค่าน้ำมันทุกถังที่เติม ฟรีดที่ผมขับทำได้อัตราเฉลี่ย 9-10กิโลเมตรต่อลิตร  ส่วนแคมรี่ทำได้ 10-11  ทางไกล ตอนผมไปเที่ยวพิษณุโลก สุโขทัย ทริปนั้นทั้งทริปผมจำตัวเลขไม่ได้แต่คุ้นๆว่าประมาณ 13-14 กิโลเมตรต่อลิตร  ส่วนแคมรี่ ผมขับลงใต้ไปเที่ยวชุมพร ไปกลับทั้งทริปทำได้ประมาณ 12-13 กิโลเมตรต่อลิตร

ประตูของแคมรี่มันไหลครับ ปกติประตูรถยนต์จะมีระยะการเปิดได้หลายระดับ  เปิดนิดเดียวตอนเจอที่แคบ  เปิดระยะกลางๆเพื่อให้ขึ้นลงได้สบาย  เปิดสุดๆเลยเน้นกว้างเอาไว้เผื่อขนของเข้ารถ  คราวนี้ ประตูฟรีดมันก็มีระยะแบบนี้เหมือนกัน แคมรี่ก็มี  แต่ของฟรีดมันจะหยุดค้างที่สเต๊ปต่างๆได้เลย ไม่ไหลต่อ

แต่ของแคมรี่มันจะมีระยะให้เรารู้ว่ามันมีสเต๊ป แต่มันไม่หยุดค้างให้  พอเราเปิดแคบๆเพื่อระวังรถที่จอดข้างๆ ปล่อยมือจากประตูเมื่อไหร่  มันจะค่อยๆไหลออกไป แล้วก็ไปกระแทกค้นข้างๆ ผมเจอเหตุการณ์นี้บ่อยๆ ส่วนฟรีดเปิดนิดเดียวมันก็ค้างแบบนิดๆให้ แต่ถ้าเจอที่แคบมากๆ ก็ลงทางประตูสไลด์ไปเลย ผมก็ว่านี่แหละรถสำหรับเมืองหลวงอย่างแท้จริง

ตอนนี้แฟนผมท้องแก่แล้ว ก็เตรียมความพร้อมเรื่อง car seat เอาไว้ ไม่มีรถเก๋งคันไหนที่ติด car seat  1 จุดที่แถวสอง แล้วยังนั่งได้อีก 5 คน รวมคนขับ มีแค่ฟรีดนี่แหละ  จริงๆต้องบอกว่ามีแต่ MPV ที่ทำได้  ซึ่งในตลาดก็มียี่ห้ออื่นๆใกล้เคียงให้เลือก แต่ ฟรีด เป็น MPV ที่ประหยัดน้ำมันที่สุด และหน้าตาดีที่สุด  และมีประตูสไลด์

ผมไม่แปลกใจที่แคมรี่ขายดี เพราะใครได้ลองขับย่อมถูกใจทุกคน ระหว่าง วิออส อัลติส แคมรี่ ให้เลือกหยิบฟรี ทุกคนย่อมหยิบแคมรี่แน่นอน แล้วถ้าเลือกระหว่าง แคมรี่กับฟรีดล่ะ ผมก็จะยกมือบอกว่า ผมเลือกฟรีด ตอนนี้ผมแลกกลับแล้ว เพราะว่าฟรีดเป็นรถที่เอาใจคนนั่ง ไม่ได้เอาใจคนขับ ผมมีความสุขเมื่อคนที่นั่งรถไปกับผมมีความสุข  เหตุผลมันเรียบง่ายแค่นี้จริงๆ

เปลี่ยนแบตเตอรี่ honda freed

รถยนต์ Honda Freed ใช้งานมาประมาณ 50000 กิโลเมตร ผมเอาเข้าศูนย์ฮอนด้าแถวบ้านเพื่อเช็คระยะ เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง ช่างที่ศูนย์มีการตรวจสอบเช็คของเหลวต่างๆในรถให้ตามปกติ ตรวจสอบสภาพไฟแบตเตอรี่แล้วก็แจ้งว่าควรจะเปลี่ยนแล้ว พร้อมกันแนบผลการตรวจให้ดูด้วย

ผมถามราคา พนักงานที่ศูนย์แจ้งราคามาว่าประมาณ 2900 บาท ผมรู้สึกว่าแพงไปหน่อย ก็เลยไม่เปลี่ยนในศูนย์ ตั้งใจจะเปลี่ยนข้างนอก เพราะคุ้นๆว่าแบตรถ city civic และ accord จะถูกกว่านี้

ขับรถออกไปใช้งานปกติ การเปลี่ยนแบตเตอรี่รอบนี้ผมตั้งใจจะเปลี่ยนก่อนที่จะไฟหมดตามสภาพ ขับรถมาสิบปี เปลี่ยนแบตมาห้าครั้ง ทุกครั้งไฟหมดสตาร์ทไม่ติดเสมอ รอบนี้ก็เลยตั้งใจว่าจะต้องรีบเปลี่ยนก่อนจะต้องพ่วงสตาร์ท

หลายวันต่อมาผมขับรถไปร้านบีควิกสาขาแถวบ้าน ไปดูราคาแบตเตอรี่ ในใบปลิวของร้านมีราคาเริ่มต้นที่ 2190 บาท เป็นราคาของแบตเตอรี่ขนาด 35 แอมป์ ผมแจ้งรุ่นรถ Honda freed กับเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่เข้าไปในห้องสักครู่ก็ออกมาพร้อมใบราคา รถผมต้องใช้ 45 แอมป์ ราคาอยู่ที่ 2490 บาท ผมรู้สึกลังเลนิดหน่อย ก็เลยไม่เปลี่ยนที่นี่

ขับรถไปร้านริมถนนดีกว่า เพราะผมจำได้ว่ารถคันเก่าของผมเป็นรถเก๋งเครื่องยนต์ 1600CC เปลี่ยนแบตเตอรี่ไม่เคยเกิน 2000 บาท ออกจากราชพฤกษ์เลี้ยวรถมาจอดที่ถนนวุฒากาศ ร้านแรกที่เจอเป็นร้านท่อเฮดเดอร์และแบตเตอรี่ เช้าวันอาทิตย์ใครเปิดร้านผมคิดว่าร้านนี้ตั้งใจทำงาน จอดรถให้เขาดู เถ้าแก่ในร้านดูแบตแล้วก็บอกว่าน่าจะประมาณ 35 แอมป์ ราคา 1500 บาท ผมทำท่าคิดนิดหน่อยแล้วก็บอก “เปลี่ยนเลยครับ”

จากนั้นเถ้าแก่ก็แกะแบตยี่ห้อ 3k จากกล่องใหม่ แล้วก็เอาไปเติมน้ำกลั่น แล้วก็มาเสียบไฟชาร์จเบื้องต้นก่อน เถ้าแก่บอกว่าให้นั่งรอชาร์จไฟประมาณ 20 นาที

ส่วนแบตลูกเก่าที่ยกออกมาก็ไม่ได้มีสเป็คอะไรบอกไว้ แต่ขนาดต่างๆมันเท่ากับแบตลูกที่ผมกำลังจะเปลี่ยนก็เลยคิดว่าคงไม่มีปัญหาอะไร

ก่อนจะยกแบตลูกเก่าออก ทางร้านมีแบตสำหรับการพ่วงไฟชั่วคราวสำหรับการเสียบไฟค้างไว้ด้วย การเปลี่ยนแบตทั่วไปถ้ายกแบตออกทันที การตั้งค่าของระบบแอร์และระบบไฟต่างๆของรถยนต์จะทำการ reset ค่าทั้งหมด การร reset ค่าต่างๆไม่ใช่ปัญหาอะไร เพราะแอร์มันก็เปิดขึ้นมากดปรับให้เย็นลงได้ไม่ยาก แต่ที่มักจะมีปัญหาปวดหัวก็คือเครื่องเสียงที่ตั้งค่าซับซ้อน เท่ากับว่าเราต้องปรับแต่ง จูนเสียงใหม่เลย มันเป็นเรื่องน่าเบื่ออย่างหนึ่ง ร้านนี้มีแบตเตอรี่แบ็คอัพให้ระหว่างเปลี่ยน ผมคิดว่ามันเป็นความปราณีตอย่างหนึ่งของร้านนี้

ติดตั้งเสร็จลองสตาร์คเครื่อง ทุกอย่างปกติ แอร์และเครื่องเสียงอยู่ในค่าเซ็ทอัพค่าเดิม จ่ายเงินแล้วก็ขับออกมา

 

เปลี่ยนแบต honda freed 2558

ประวัติ ซ่อมบำรุง honda freed

วันที่ 28 กรกฎาคม 2553 เช็คระยะ 10000 กิโลเมตร เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง ไส้กรอง 703 บาท
วันที่ 23 มีนาคม 2554 เช็ค 30000 กิโลเมตร เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง ไส้กรอง แหวนรอง 1437.50 บาท
วันที่ 28 มีนาคม 2554 เปลี่ยนสปริงค์วาล์ว recall ไม่เสียค่าใช้จ่าย

รถ honda freed 1 ปีต่อมา ต้องบำรุงด้วยวาสลีน

เมื่อประมาณเดือนที่แล้วมีข่าวว่า Honda เรียกรถสามรุ่นกลับไปเปลี่ยนสปริง 1 ตัว ซึ่งเป็นชิ้นส่วนเล็กๆในเครื่องยนต์  รถยนต์รุ่นที่โดนแจ็คพ็อตก็คือ Jazz City และ Freed เพราะใช้เครื่องยนตัวเดียวกัน  แต่ว่า ไม่โดนทุกคัน มีเพียงบางล็อตเท่านั้น  ซึ่งผมอยู่ในล็อตที่โดนเรียกครับ

การประกาศประกาศออกทางอินเทอเน็ต  และผมไม่รู้ว่าผมอยู่ในล็อตที่โดนเรียกไหม?  ทีแรกก็ลุ้นว่าจะไม่โดน  แต่พอเมื่อสองวันก่อนเอารถเข้าศูนย์เพื่อเช็คระยะ 30000 กิโลเมตร พนักงานในศูนย์ก็ตรวจสอบเลขเครื่องยนต์แล้วแจ้งว่า ต้องเปลี่ยนสปริงวาล์วครับ

พนักงานอธิบายวิธีเปลี่ยนไว้ละเอียด  สรุปแล้วเป็นงานที่ใช้เวลา ต้องรื้อเครื่องเยอะ  ต้องรอเครื่องยนต์เย็นและใช้เวลา 3 ชั่วโมงต่อเนื่อง  ดังนั้น  ต้องนัดคิวล่วงหน้า  วันที่ตรวจเช็คระยะ 30000 กิโลเมตรผมจึงทำได้แค่เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง ไส้กรอง เท่านั้น  การเปลี่ยนสปริงค์ต้องนัดในอีกห้าวันถัดไป

การเข้าเช็ครอบนี้เป็นตามกำหนดระยะทาง และได้ทำการบ่นเพื่อขอเคลมอาการเสียงพลาสติกกรอบในห้องโดยสาร  เพราะในช่วงประมาณสามเดือนที่ผ่านมาผมสังเกตว่า เสียงพลาสติกหรือยางขอบประตูที่กั้นระหว่างประตูกับตัวถังรถยนต์มีอาการส่งเสียงดังเวลามีการเคลื่อนไหวหรือสั่นสะเทือน  อาการคล้ายๆกับยางแข็งตัวแล้วทำให้เกิดการเบียดตัวไปมาทำให้มีเสียงดังผิดปกติ  บอกช่างให้รับทราบ  ช่างรับปากจะดูให้

ส่งรถตอนสายๆสิบโมงเช้านิดหน่อย บ่ายสามครึ่งพนักงานโทรมาแจ้งว่าทำเสร็จแล้วไปรับรถได้  ตอนไปรับก็ตรวจสอบความเรียบร้อย  ไขน็อตครบทุกตัวไหม  เพราะช่วงเดือนที่ผ่านมา  ในเว็บบอร์ดพันทิพย์ดอตคอม ห้องรัชดา มีกระทู้บ่นและต่อว่ากรณีศูนย์บริการบกพร่อง ลืมไขน็อตให้ลูกค้าหลายยี่ห้อ หลายคันมาก  พอถึงคิวผมต้องเข้าศูนย์เลยวิตกจริตนิดหน่อย  ตอนรับรถเลยเดินดูล้อโดยรอบ  แต่ก็ไม่พบอาการผิดปกติ

เรื่องเสียงรบกวนของยางขอบประตูช่างได้ทำการแก้ไขโดยการทาน้ำมันหล่อลื่นลงไปที่ตัวยาง  เพื่อปรับสภาพผิวยางให้มีความอ่อนตัว  เสียงหายไปสนิทเลย  เพิ่งรู้ว่าเดี๋ยวนี้รถยนต์ก็ต้องใช้วาสลีน  หน้าหนาวผิวแตกเลยส่งเสียงดัง

ตอนนี้รถอยู่ในสภาพเหมือนใหม่ เงียบสนิท เครื่องยนต์เดินเรียบ  อัตราการกินน้ำมันอยู่ในระดับที่ควบคุมได้  ก็คือ ขับเพลินๆได้ 11-12 กิโลเมตรต่อลิตร  ขับทางไกลได้ 15 กิโลเมตรต่อลิตร  ขับแบบงกๆพยายามประหยัดที่สุดจะทำได้ 18 กิโลเมตรต่อลิตร  แต่ว่าต้องขับช้าลงและอาจจะทำให้รถคันอื่นรำคาญได้

ประมาณสัปดาห์ที่แล้วอีกเช่นกัน อากาศในประเทศไทยเย็นลงอย่างกระทันหัน  เมื่อวาน 30 องศาเซลเซียสอยู่ดีๆ วันรุ่งขึ้นตื่นมากลายเป็น 18 องศา ยิ่งกว่าหน้าหนาวที่ผ่านมาทุกฤดู  กรุงเทพก็หนาวได้  Freed ได้ทำหน้าที่ให้ประทับใจอีกหนึ่งอย่างคือการเปิดฮีทเตอร์  เพราะแอร์ในรถ Freed สามารถตั้งเป็น Auto ได้  ผมเลยตั้งเป็น Auto 25 องศา  ผลก็คือ รถไม่ทำความเย็น  แต่เปลี่ยนเป็นทำความร้อนแทน  อากาศข้างนอกเย็นจนผมต้องหาเสื้อกันหนาวมาใส่  แต่อยู่ในรถมันเย็นกำลังสบายเพราะได้ระบบฮีทเตอร์มาช่วย  เป็นเรื่องดีๆอีกเรื่องหนึ่งในรถคันนี้

หนาวจนหมาที่บ้านยืนสั่น ต้องไปผ้ามาห่มให้ขนาดนี้

เบาะนั่งตอนขับรถตอนนี้ผมชินแล้ว  ปรับตัวได้ ไม่เมื่อยหลังอีกต่อไป  กลายเป็นรถที่รู้สึกถูกใจมากยิ่งขึ้น ยิ่งกว่าเดือนแรกเสียอีก  แม้ว่าสมรรถนะจะสู้รถเก๋งไม่ได้  แต่ผมก็ไม่คิดว่าจะเอารถคันนี้ไปอัดแข่งกับใคร หรือเอาไปดริฟท์เหมือนในหนัง  เลยไม่ได้เดือดร้อนกับอัตราเร่งที่ต่ำกว่ารถเก๋ง  ความรู้สึกดีที่ขับรถคันนี้คือมันไม่อึดอัด  ห้องโดยสารกว้างขวางโดยที่ตัวรถยังไม่ใหญ่เกินไป  ถ้ารีบขับหรือต้องการทำเวลาอาจจะต้องใช้รถเก๋งเครื่องแรงๆ  แต่ถ้าไม่รีบ หรือต้องใช้เวลาทนรถติดนานๆ  ผมว่าคันนี้น่าใช้กว่า

สนุกกับการใช้ชีวิตใน Honda Freed

ผมขับรถคันนี้มาเกือบปีแล้ว ความคุ้นเคยต่างๆเต็มร้อย แตกต่างไปจากเดือนแรกที่ยังเก้ๆกังๆ เปิดปิดประตูมั่วๆ การใช้งานต่างๆในหลายรูปแบบก็ได้ค้นพบความสะดวกและไม่สะดวกปนกันไป แต่จะออกไปทางสะดวกมากกว่า

สิ่งที่ชอบเพิ่มเติม มันมีเหตุการณ์หลายครั้งที่ผมต้องคุยกับลูกค้าและคิดราคาด่วน การทำงานมันจะต้องใช้คอมพิวเตอร์เป็นหลัก วันหนึ่งขณะขับรถอยู่ ลูกค้าโทรมาขอราคาด่วน ธุระผมกำลังจะขึ้นทางด่วนไปหาลูกค้าอีกคน คงใช้เวลาเดินทาง สักชั่วโมงกว่า แต่ลูกค้าในสายต้องการราคาด่วนอีกภายในสิบนาที

พอรับปากว่าเดี๋ยวอีกสิบนาทีโทรแจ้งราคาก็แวะเข้าข้างทาง แล้วก็เดินจากแถวหน้ามาแถวกลาง เปิดโน้ตบุ๊คแล้วก็คำนวนราคา เปิดแอร์ นั่งทำงานเหมือนเป็นอ็อฟฟิศ ต่ออินเทอเน็ตด้วย mifi ที่พกพาอยู่คู่กับกระเป๋าโน้ตบุ๊ค ทำไมต้องใช้อินเทอเน็ต? เพราะผมใช้โปรแกรม Dropbox ที่จะคอยซิงค์ข้อมูลเครื่องคอมฯที่อ็อฟฟิศกับโน้ตบุ๊คให้เหมือนกันตลอดเวลา ข้อมูลลูกค้าก็อยู่ในอ็อฟฟิศและโน้ตบุ๊ค การแก้ไขหรือทำไฟล์เอกสารเพ่ิมเติมไม่ว่าจะแก้ไขที่เครื่องใด อีกเครื่องหนึ่งก็จะได้รับการแก้ไขไปด้วย


เดินมานั่งเบาะแถวสอง

แล้วรถเก๋งทำไม่ได้หรือ ก็ต้องตอบว่าทำได้ แต่ไม่สะดวกเท่า เพราะว่า ตอนขับรถเก๋งผมจะเก็บกระเป๋าโน้ตบุ๊คไว้ที่ท้ายรถ ถ้าจะหยิบโน้ตบุ๊ค ต้องลงไปเปิดท้ายเพื่อหยิบ และบังเอิญรถเก๋งที่ผมเคยใช้เปิดเบาะหลังทะลุไปยังกระโปรงท้ายไม่ได้ แต่เป็น Freed ก็แค่ปีนจากแถวหน้าไปแถวกลาง แล้วก็เอื้อมไปล้วงโน้ตบุ๊คที่วางไว้ใต้เบาะแถวสามออกมาใช้ เหตุที่วางไว้ใต้เบาะแถวสามเพราะต้องการพรางไม่ให้มองเห็นว่าในรถมีคอมพิวเตอร์อยู่

ผมเร่ิมงานในรถได้โดยไม่ต้องลงจากรถ มันอาจจะเป็นประสบการณ์ธรรมดาไม่น่าจดจำ แต่ถ้ามันเป็นวันฝนตก ผมคิดว่าคงไม่มีใครอยากลงจากรถ

นั่งทำงานจนจบ ส่งไฟล์ให้ลูกค้าเสร็จ ก็เก็บของแล้วเดินกลับไปที่นั่งคนขับ ขับรถต่อเลย ง่ายไหมล่ะ

ติดรถเข็นใน honda freed

ในเว็บ thaifreed.com มีการจัดมีทติ้งกันเมื่อวันที่ 26 กันยายน 2553 ไฮไลท์ในงานนี้มีสมาชิกท่านหนึ่งติดเก้าอี้คนป่วยระบบไฮดรอลิกค์มาด้วย  งานนี้เพื่อนร่วมเว็บต่างก็ชื่นใจที่เห็นการทำงานของระบบอำนวยความสะดวกตัวนี้  อ็อพชั่นติดเก้าอี้ไฮดรอลิกค์ทำให้ honda freed กลายเป็นรถอเนกประสงค์ที่มีความคุ้มค่าเพิ่มยิ่งขึ้น  เก้าอี้ชุดนี้ทำให้การเดินทางของคนที่เดินไม่ได้สามารถใช้ชีวิตร่วมกับสมาชิกในครอบครัวได้ไกลจากเตียงนอนมากยิ่งขึ้น  วันหนึ่งผมคงจะหามาติดเช่นกัน

มีคนอธิบายไว้ว่า  รถยนต์ที่มีระบบเก้าอี้ไฮดรอลิกค์แบบนี้เคยต้องจ่ายเงินด้วยค่าตัวระดับสามล้าน  เพราะมันอยู่ในรถตู้คันละสามล้านนั่นเอง  อาจจะมีคนบอกว่ารถตู้คันเล็กก็ติดได้  ผมก็ชื่อว่าติดได้  แต่ยังไม่เคยเห็น  รถ freed คันนี้เป็นรถคันเล็กที่สุดที่ผมเคยเห็นที่เคยมีการติดตั้งเก้าอี้ไฮดรอลิกค์  ราคาเก้าอี้สองแสน  ราคารถ freed ประมาณหนึ่งล้าน  รวมแล้วล้านสองแสน  รถกระทัดรัด ประหยัดน้ำมัน  ขับง่าย จอดสะดวก  พาคนป่วยออกจากบ้านได้  ไม่เป็นภาระการเดินทาง  สังขารไม่เป็นปัญหาอีกต่อไป  ไม่ใช่แค่ขับเที่ยวหรอก  แต่การเดินทางพาไปโรงพยาบาล  การพาไปกินข้าวนอกบ้าน  การทำกิจกรรมร่วมกัน  มันสัมผัสความรู้สึกดีๆได้ชัดเจน

การแสดงออกถึงความใส่ใจคนสูงอายุในบ้านที่แลกมาด้วยเงินล้านสองแสนแบบผ่อนได้สี่ปีเป็นอย่างน้อย  มันคุ้มค่ามาก  ผมคิดไม่ออกว่าผมอยากให้ honda freed มีอะไรเพิ่มเติมไปกว่านี้  เพราะเท่าที่มีอยู่มันก็ทำให้ผมรู้สึกพอใจแล้ว

พา honda freed ไปเข้าศูนย์ เช็คระยะ 10000 กิโลเมตร

ขับรถยนต์คันใหม่ Honda Freed มาครบสามเดือนแล้ว วิ่งไปได้ประมาณ 10500 กิโลเมตร ได้เวลาพาไปเข้าศูนย์เสียที ตอนแรกที่ได้รถมาใหม่ๆ พอใกล้จะครบ 1000 กิโลเมตร ก็โทรไปถามเซลส์ว่าต้องเอาเข้าศูนย์ไหม? เซลส์ตอบมาว่า เดี๋ยวนี้รถ Honda ออกแบบมาให้พ้นรันอินตั้งแต่วันขายแล้ว และเอาเข้าศูนย์อีกทีตอน 10000 กิโลเมตรได้เลย

ก็เลยเพิ่งจะได้เข้าศูนย์กับเขาครั้งนี้เป็นครั้งแรก ขับรถไปจอดไว้ที่โชว์รูม ใช้เวลาทำเอกสารประมาณ 15 นาที ก็เรียบร้อย อีกสองชั่วโมงเสร็จ ผมเลยนั่งแท๊กซีี่กลับมาทำงานก่อน แล้วค่อยแวะไปอีกที ค่าใช้จ่ายที่ศูนย์ประเมินอยู่ที่ 700 บาท เป็นค่าน้ำมันเครื่อง ฟรีค่าแรง ฟรีเพราะอะไรผมก็จำไม่ได้แล้ว

ทำงานไปเรื่อยๆ ช่างโทรมาแจ้งว่าเสร็จแล้ว เข้าไปรับได้เลย ก็เลยนั่งแท๊กซี่ไปกลับไป ไปถึงยังไม่ได้ทันที กำลังล้างรถอยู่ ก็เลยขึ้นไปนั่งรอที่ห้องรับรองลูกค้า ซึ่งห้องรับรองที่นี่น่าประทับใจมาก มันเป็นห้องกว้างๆ มีโต๊ะรับแขก มีโต๊ะทำงาน มีเคาเตอร์ มีเก้าอี้นวย มีที่นั่งทุกรูปแบบที่คนเราน่าจะชอบ มีอินเทอร์เน็ตให้เล่นฟรี เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ทั้งชุดเลย มีบริการ WIFI ด้วย มีขนม มีคุ๊กกี้ มีกาแฟให้ชงเอง มีน้ำส้ม น้ำหวานแบบกดเอาเองเลย มีไอศครีมอยู่ในตู้แช่ ทุกอย่างหยิบเองตามสบาย ผมสามารถใช้พื้นที่แห่งนี้ทำงานได้เลย ประทับใจกับความพยายามที่จะดูแลลูกค้าแบบนี้มาก

พอล้างรถเสร็จช่างก็เดินมาแจ้ง ผมรับรถ แล้วขับออกมาทำงานต่อ ค่าใช้จ่ายทั้งหมดของการเช็ค 10000 กิโลเมตรอยู่ที่ 702.99 บาท ผมจ่าย 703 บาท ไม่ต้องทอน 55555555555555

ปล. ลืมบอกชื่อโชว์รูม ฮอนด้า สาขาบางปะแก้ว

รถป้ายแดงของผมตกรุ่นแล้ว

Honda Freed ป้ายแดง อายุสองเดือน วันนี้วิ่งไปหกพันกว่ากิโลเมตร  ยังไม่ได้เข้าศูนย์ครั้งแรกเลย (รถฮอนด้าสมัยใหม่ นัดเข้าศูนย์ครั้งแรกที่ 10000 กิโลเมตร) ตอนนี้ตกรุ่นแล้ว  เหตุเพราะมี Freed ตัวใหม่ออกมา  แต่ก็อาจจะยังไม่มีขายในไทย  แต่สักวันคงมี  เพราะตอนนี้มันวิ่งที่ญี่ปุ่นแล้ว  มันคือ Freed Spike

Freed Spike ทำขายคนกลุ่มเล็กๆที่มีอาชีพดังต่อไปนี้

อาชีพช่างภาพ เอาไว้วางของ ใส่อุปกรณ์กล้อง เอาไว้ไปท่องเที่ยวถ่ายรูป กล้องในภาพเป็นกล้อง canon ถ้าใครใช้ไลก้าอาจจะไม่เหมาะกับ freed เพราะไลก้าเกิดมาเพื่อเก็บภาพข้างถนน หรือแนวภาพ street life นั่นเอง รถของช่างภาพที่ใช้กล้องไลก้าน่าจะเป็น jeeb เก่าๆเสียมากกว่า (เสียมากกว่าใช้ได้ ขับไปซ่อมไป) แต่งตัวบูติกอย่่างในรูปนี้เหมาะกับ freed แล้ว


อาชีพแม้ค้าตลาดนัด เปิดท้ายขายของ คนเคยรวย คนตกงาน


จุดเด่นคือเบาะแถวสองสามารถพับราบเพื่อใช้เป็นพื้นที่วางของได้ทั้งหมดเลย มันดีอย่างนี้นี่เอง แต่ในรูปไม่เห็นเบาะแถวสามเลย คงเป็นการเอาแถวสามออกแล้วใส่ชั้นวางแทนเข้าไป


อาชีพนักกีฬาขี่จักรยานก็ได้ คราวนี้ใส่จักรยานได้มากกว่า 1 คันแล้ว


อาชีพขายพรม ขายต้นไม้ สบายเลย ไม่ต้องเข็นไปขายร้อนๆเหมือนแต่ก่อนแล้ว


จะเห็นว่ามีพื้นที่วางของเยอะมาก มีช่องเต็มรถไปหมดเลย ถ้าเก็บของอะไรไว้จะจำได้ไหมว่ามันอยู่ตำแหน่งไหนของตัวรถ?


แผงภายในยังเหมือนเดิม


รูปทรงภายนอกเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย

Honda FREED ขับมาแล้ว 1 เดือน

วันนี้ครบรอบ 1 เดือนที่ใช้งาน Honda FREED
มีหลายอย่างที่ยังไม่คุ้น แต่ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญมาก โดยรวมแล้วถือว่าเป็นรถที่น่าใช้
สามารถนั่งได้หลายคนจริงๆ สามารถขนของได้จริง ขึ้นลงสะดวก จอดง่าย
อุปกรณ์อำนวยความสะดวกก็ถือว่าเกือบจะพรั่งพร้อมที่สุด
คงเหลือแต่ GPS เท่านั้นที่ผมยังไม่ได้ไปติดเพิ่ม
แต่ FREED ตัวท็อปก็มีมาให้ตั้งแต่ออกจากโรงงานเลย
คนซื้อรุ่นประหยัดอย่างผมเลยยังต้องรอไปติดเอง

ขับมาได้ 1 เดือนก็สังเกตว่า บางครั้งรถนิ่มหนึบดี บางครั้งรถเด้งกว่าปกติ
มันเป็นๆหายๆ มาพิจารณาดูแล้วก็เพ่ิงจะมั่นใจว่าเป็นเพราะอะไร
ซึ่งจริงๆแล้วมันก็คือ คนนั่งเยอะรถจะนิ่มหนึบ นั่งคนเดียวจะเด้งมากกว่าพอรู้สึกได้
เวลาขับผ่านลูกระนาดในซอย ขับคนเดียว เนินต่างๆมันจะยกรถค่อนข้างเร็ว
แม้ว่าจะค่อยๆขับให้ช้าแล้วก็ตาม แต่พอนั่งกันสี่คน อาการเด้งหายไปทันที
คงเป็นลักษณะของรถนั่งหลายที่นั่งที่เซ็ตช่วงล่างมาให้เหมาะกับน้ำหนักคนหลายๆคนพร้อมกัน
พอนั่งคนเดียวก็เลยไม่นิ่มเท่า

อาการรถโคลงเยอะเวลาเจอเนินเล็กหรือ หลุมบ่อถนนโลกพระจันทร์
คิดว่าเป็นเพราะรถสูง ตำแหน่งคนนั่งอยู่สูงกว่าระดับเบาะในรถเก๋งน่าจะเกือบสองเท่า
ระยะเหวี่ยงของรถที่เกิดขึ้นกับตัวรถอาจจะเท่ากับรถเก๋ง
แต่ระยะเหวี่ยงที่ส่งมาถึงคนขับบน FREED มันมากกว่าบนรถเก๋ง
ตามระยะความสูงของที่นั่ง มันก็เลยรู้สึกเหวี่ยงมากกว่า

เสียงลมเสียงพื้นถนนจะเริ่มได้ยินชัดขึ้นตอนวิ่งประมาณ 80-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ยิ่งถนนแย่ยิ่งได้ยินดังขึ้น และถ้าวิ่งเร็วๆยิ่งดัง ถ้าฟังเพลงในระดับรถวิ่งปกติปรับระดับเสียงให้พอดี
พอวิ่งเร็ว เสียงลมและพื้นดัง จะทำให้ฟังเพลงและวิทยุแทบไม่ได้ยินเลย
ต้องเร่งเสียงมากกว่าปกติเยอะมากมาก อันนี้ก็คงเป็นปกติของรถราคาถูก

ทางเดินในรถเป็นแบบทะลุถึงกันหมดทำให้ไม่รู้จะวางของยังไง
รองเท้าที่ติดอยู่ในรถก็เลยอยู่ไม่เป็นที่ บางวันก็อยู่ที่ด้านหลัง
บางวันก็อยู่ข้างคนขับ ยังหาที่วางที่ถาวรไม่ได้

กระเป๋ากล้องวางท้ายรถ หลังสุด ใช้พนักพิงของที่นั่งแถวสามช่วยบังสายตา
ขาตั้งกล้องก็อยู่ใต้เบาะแถวสามร่วมกับกระเป๋าโน้ตบุ๊คอีกเช่นกัน
เวลาจะหยิบของต้องเปิดประตูหนัง การเปิดประตูหลังต้องจอดห่างจากรถคันหลังพอสมควร
ไม่งั้นเปิดไม่ได้

ที่นั่งแถวสามเป็นที่นั่งที่มีพื้นที่ยืดขาน้อยที่สุด ไม่เหมาะกับคนตัวสูง มีช่องวางแก้วน้ำให้ด้วย
ดูแล้วท่่าทางเป็นรถที่ทำมาให้มีคนนั่งเต็มรถเป็นหลัก เพราะที่วางแก้วมีครบสำหรับทุกที่นั่ง
ผมเอาหนังสือเล่มเล็กไปวางแทนแก้วน้ำ ตั้งใจเอาไว้ให้คนนั่งหลังมีหนังสืออ่านเล่นระหว่างเดินทาง

ถังขยะในรถยังหาที่วางบนพื้นรถไม่ได้ แต่ก็ได้อภินันทนาการมาจากแฟนมาใบหนึ่ง
ลักษณะเป็นกระป๋องพลาสติกขนาดไม่ใหญ่มาก ใหญ่กว่าแก้วน้ำเล็กน้อย
มีจุกพลาสติกสูญญากาศให้ดูดติดกับกระจก ผมเลือกติดไว้ที่กระจกด้านข้างบนประตู
อาศัยก้นกระป๋องวางขอบประตูเพื่อให้มันรับน้ำหนักได้ด้วย ใช้ทิ้งเศษขยะ เศษกระดาษต่างๆ

พื้นที่บนคอนโซลหน้าไม่มีที่ราบเรียบให้วางของได้เลย แม้มันจะมีพื้นที่กว้างแต่มันไม่ได้ทำเป็นช่องวางของ
มันเป็นเพียงที่วางที่ลาดเดียง วางอะไรก็ไหลออกหมด เลยต้องไปหาตาข่ายพลาสติกมาปูรองเอาไว้
เพื่อให้มันมีความหนืด พอจะวางของแล้วไม่ไหลไปไหลมา

พื้นที่วางของที่เตรียมไว้บางของเล็กๆน้อยๆก็พอมีอยู่บ้าง เอาไว้วางเศษเหรียญ ของเล็กๆ
พื้นที่ผิวเป็นพลาสติกเนื้อแข็งของทั้งคอนโซลทำให้เศษเหรียญไถลไปมาได้เวลาเลี้ยงรถแรงๆ
เลยต้องใช้ตาข่ายพลาสติกตัดเป็นชิ้นเล็กมาปูรองพื้นเอาไว้ เพื่อไม่ให้เหรียญไถล

เนื่องจากไม่มีคอนโซลกลาง เพราะเว้นไว้เป็นทางเดิน แต่ผมก็มีของที่อยากจะวางไว้ในรถ
ซึ่งปกติมันจะอยู่ในพื้นที่ตรงกลางนี่แหละ ก็เลยต้องไปหากล่องมาใส่ของแล้ววางไว้ที่ด้านข้างคนขับ
กินพื้นที่ทางเดินตรงกลางไปเลย แต่กล่องที่ใช้มันเป็นกล่องเหล็ก ตั้งใจไว้แล้วว่าจะต้องเป็นกล่องที่ยกไปยกมาได้ง่ายๆ
ถ้าต้องการพื้นที่ทางเดินก็ยกทั้งกล่องออกไปเลยก็ได้

ที่วางของด้านข้างประตูให้ช่องใส่ของมาค่อนข้างกว้างและลึก สามารถใส่ของได้เยอะ
แต่ผมไม่ค่อยนิยมใส่ของในช่องนี้ เพราะรถคันเก่าผมไม่เคยใส่ของที่ช่องด้านข้างนี้เลย
ที่เห็นในภาพว่ามีของ เพราะว่า ยังไม่รู้จะเอาไปวางไว้ที่ไหน ถ้าคิดออก ของในช่องนี้จะไม่ใช่กระดาษพวกนี้เลย

ที่นั่งแถวสองเป็นที่นั่งที่นั่งสบายที่สุด เพราะปรับระยะหน้าหลังได้ค่อนข้างเยอะ
และปรับเบาะเอนหลังได้เยอะเช่นกัน บางทีมันถูกปรับไปแทบจะเป็นเบาะนอนเลย

มองจากด้านหลัง เวลาที่เปิดประตูข้างทั้งสองข้างทิ้งไว้ เหมือนปีกนกเลย
แต่พอดูรวมกับตัวถังทั้งคันแล้ว ดูเหมือนเป็ดไก่เตรียมกระพือปีกมากกว่า

ตอนนี้พบปัญหาคราบดำที่ไหลออกมาจากช่องเปิดประตู มันเป็นคราบน้ำมัน
เคยเช็ดจนสะอาดแล้ว แต่ก็มีให้เห็นอีกทุกครั้งที่มีน้ำไหลผ่าน

ตอนขนของต้องพับเบาะแถวสามขึ้น แล้วก็วางของ