รีวิว nikon fm2n

nikon fm2n เป็นกล้องถ่ายภาพฟิล์มที่มีความทนทานเหลือเชื่อ และเหมาะกับการฝึกฝนเพื่อพัฒนาฝีมือในหลายๆด้าน แม้ว่าระบบดิจิทัลจะทำให้เราไม่ต้องเสียค่าฟิล์ม แต่หากเราอยากกลับไปถ่ายฟิล์ม กล้องที่ตอบสนองต่อความคิดสร้างสรรค์ในการถ่ายภาพก็ควรจะมีสเป็คระดับ nikon fm2n ตัวนี้

IMG_0077

การใช้กล้องแมน่วลแบบนี้เราจะได้เรียนรู้อะไรบ้าง ลองมาไล่กัน อย่างแรก เราจะได้เรียนรู้การวัดแสง การวัดแสงที่เราจะต้องกำหนดค่า isoตามฟิล์มที่เราใช้ กำหนดรูรับแสงที่ต้องการใช้ และเราจะต้องหาค่าสปีดชัตเตอร์ที่ทำให้ได้แสงพอดี การได้บิด ได้หมุนทุกอย่างจะทำให้ตัวเลขต่างๆผ่านสายตา และเราจะรู้ความสัมพันธ์ของค่ามาก ค่าน้อยต่างๆ

IMG_0064

ยกตัวอย่าง เมื่อเราใส่ฟิล์ม iso200 เรากำลังจะถ่ายภาพวิวต้นไม้ที่อยู่ในสวนสาธารณะ แดดออกตอนเช้ากำลังสวย เราอยากจะใช้รูรับแสง f8 เพื่อให้ได้ภาพชัดทั้งภาพ สปีดชัตเตอร์ที่ได้แสงพอดีอาจจะ 1/250 วินาที พอเราถ่ายภาพเสร็จ เปลี่ยนมุม แสงแดดแรงขึ้นอีกเล็กน้อย ภาพที่สอง เราถ่ายด้วยค่าเดิม แสงจะมากเกินไป ค่าแสงที่วัดได้ในกล้องจะแจ้งว่าเป็น + หรือโอเวอร์ เราจะต้องปรับสิ่งใดสิ่งหนึ่งให้ค่าแสงในกล้องลดลงมาที่พอดี เราอาจจะปรับรูรับแสงเป็น f11 แล้วได้ค่าแสงพอดี หรือถ้าเราจะใช้รูรับแสงเดิม f8 เราก็ต้องปรับสปีดชัตเตอร์เป็น 1/500 วินาที เพื่อให้ค่าแสงพอดีก็ได้เช่นกัน ความสัมพันธ์ระหว่างรูรับแสงและสปีดชัตเตอร์นี้เป็นความรู้ความเข้าใจในการวัดแสง เราได้เรียนรู้แน่ๆจากการใช้กล้องที่เราต้องปรับทุกอย่างเอง

สมมุติว่า เราใช้ฟิล์ม iso 100 และเราปรับสปีดกล้องไว้ที่ 1/125 วินาที การใช้กล้องแมน่วลจะทำให้เราได้เห็นค่ารูรับแสงที่เปลี่ยนไปเมื่อเราถ่ายในแต่ละเหตุการณ์

หากเราถ่ายในที่แสงแดดจัดจนแสบตา เราต้องปรับรูรับแสงประมาณ f16

หากเราถ่ายภาพที่มีแสงแดดปกติ เราต้องปรับค่า f11

หากเราไปถ่ายที่สภาพแสงแดดอ่อนๆ รูรับแสงที่พอดีจะเป็น f8

ค่าแสง f16 f11 f8 ที่เปลี่ยนไปนี้ จะตรงกับกฏ sunny16 ที่เป็นความรู้คู่กับช่างภาพมายาวนาน กฏนี้ถูกกำหนดขึ้นจากสถานการณ์แสงแดดที่มีค่าต่างๆ

นี่คือเรื่องราวที่เราจะผ่านการเรียนรู้จากการใช้กล้องแมน่วล

ผมทำคลิปแนะนำการใช้งานกล้อง nikon fm2 เอาไว้ให้ดูเป็นพื้นฐานสำหรับคนที่สนใจกล้องแมน่วลตัวนี้

ภาพตัวอย่างที่ถ่ายด้วยกล้อง nikon fm2n

slide-img089
slide-img092
slide-img328
slide-img744
neg-samui-img580

neg-place-img-giantswing

img4800dpi397e

img1200dpi460e

scanSuanlun-Sep2007-012

scanSuanlun-Sep2007-006

สแกนฟิล์มสไลด์ด้วยมือถือ

การถ่ายภาพด้วยฟิล์มกลับมานิยมอีกครั้งในยุคปีพศ 2562 ซึ่งเป็นความนิยมที่ค่อยๆก่อนตัวมาก่อนหน้านี้สัก 3 ปี ปัจจุบันมีร้านล้างฟิล์มเกิดขึ้นอีกหลายร้านหากนับจากช่วงตกต่ำของวงการถ่ายภาพด้วยฟิล์ม และฟิล์มที่นิยมใช้งานกันก็จะเป็นฟิล์มเน็กกาทีฟและฟิล์มขาวดำ ส่วนฟิล์มสไลด์ยังถือว่ามีความนิยมเล่นน้อยอยู่เพราะการล้างฟิล์มสไลด์มีต้นทุนสูงกว่า และมีร้านที่รับจ้างล้างน้อยกว่า

เมื่อมีการถ่ายภาพด้วยฟิล์ม การล้างฟิล์มก็มีคนรับล้างแล้ว ขั้นตอนต่อจากการล้างฟิล์มในอดีตจะเป็นการอัดภาพมาเป็นกระดาษ แต่ในปัจจุบัน(พศ2562) แทบไม่มีใครอัดภาพเป็นกระดาษแล้ว แต่จะใช้วิธีสแกนฟิล์มให้เป็นไฟล์ภาพดิจิทัล แล้วดูด้วยโทรศัพท์มือถือกันเกือบ 100% นั่นทำให้การสแกนภาพเป็นสิ่งจำเป็น และหากเราจะสแกนฟิล์มสักม้วน ถ้าไม่ทำเอง ถ้าไม่ลงทุนเครื่องสแกนและเรียนรู้เอง เราก็ต้องจ้างร้านทำให้ ร้านล้างฟิล์มยุคปัจจุบันจึงต้องสแกนฟิล์มด้วย

ฟิล์มเน็กกาทีฟสี และ ฟิล์มขาวดำ จำเป็นต้องสแกนด้วยเครื่องมือพิเศษ เพราะจะต้องมีขั้นตอนการกลับสี ต้องมีโหมดการแก้สีช่วยทำงาน ขั้นตอนเหล่านี้เป็นขั้นตอนปกติในการสแกนฟิล์ม และเราควรใช้เครื่องสแกนที่ทำหน้าที่นี้อย่างตรงหน้าที่ ส่วนฟิล์มสไลด์เรามีทางเลือกอื่นนอกจากสแกนด้วยเครื่องสแกนจริงๆ

ฟิล์มสไลด์เป็นฟิล์มที่ให้สีปกติ สามารถมองด้วยตาเปล่าเป็นภาพปกติ ดังนั้นเราสามารถใช้กล้องดิจิทัลถ่ายภาพจากฟิล์มได้เลย จัดแสงให้เข้าด้านหลังฟิล์มแล้วถ่ายภาพเป็นภาพสีเก็บไว้ดูในคอมพิวเตอร์หรือบนมือถือก็สามารถทำได้ทัน และแม้แต่จะถ่ายด้วยโทรศัพท์มือถือเลยก็ทำได้ ยิ่งมือถือปัจจุบันมีความสามารถในการถ่ายภาพที่ดีมาก มีพิกเซลจำนวนมหาศาล ทำให้เราถ่ายภาพจากฟิล์มสไลด์แล้วคร็อปภาพเพื่อดูได้ทันที

ตัวอย่างด้านล่างนี้เป็นการสแกนสไลด์ด้วยโทรศัพท์มือถือ เป็นขั้นตอนที่ง่าย รวดเร็ว และได้ภาพไปดูและแชร์ได้ทันที

ผมใช้มือถือที่ผลิตขายในปี พศ 2562 หรือ คศ 2019 อย่าง redmi note7 ที่มีความสามารถในการถ่ายภาพที่ความละเอียด 48ล้านพิกเซลมาเป็นตัวถ่ายภาพ เอาฟิล์มเก่ามาส่องบนกล่องไฟ แล้ววางมือถือให้นิ่งบนกล่องกระดาษยกสูงเล็กน้อย พอให้มือถือสามารถโฟกัสภาพบนฟิล์มได้ แล้วก็กดถ่าย



เมื่อเราได้ภาพแรกจากการถ่ายแล้ว ฟิล์มสไลด์จะอยู่กลางภาพเพื่อให้โฟกัสได้ ภาพที่ได้เราจะต้องเอามาคร็อปขอบภาพออกเพื่อให้เหลือพื้นที่เฉพาะภาพตรงกลาง การคร๊อปก็ใช้ความสามารถของโทรศัพท์มือถือได้เลย และหลังจากคร็อปภาพแล้วเราจะแก้ไขสี ปรับสี ปรับแต่งโทนสีต่างๆอย่างไรก็ได้ตามใจเรา ภาพที่ได้จะมีความคมชัดเพียงพอต่อการดูบนโทรศัพท์มือถือ สามารถดูในคอมพิวเตอร์ได้ และใช้แชร์ในโซเชียลเน็ตเวิร์คต่างๆได้เลย

ลองสแกนฟิล์มอีกหลายม้วน ดูเพลินๆก็สวยดีสำหรับการย้อนดูอดีตอันรุ่งเรืองของฟิล์ม

IMG_20190718_143626_1
IMG_20190718_200725

ภาพจากฟิล์มที่ขายได้

ภาพถ่ายตอนแรกเกิดที่ผมถ่ายลูกด้วยกล้องฟิล์ม ใช้กล้อง Leica minilux ฟิล์มขาวดำยี่ห้อ lucky ที่เคยมีเก็บไว้หลายปีแล้ว  หลังจากที่ถ่ายหมดม้วน  กลับมาอยู่บ้านแล้ว ก็ล้างฟิล์มม้วนนี้ แล้วก็ลองสแกนด้วยกล้องดิจิทัลจนได้เป็นไฟล์ไว้ดู  ผ่านไปหลายปี เลยเอาไปลองขายดู  ปรากฏว่าวันนี้มียอดโหลด ขายได้ด้วย  แม้จะได้เงินเพียงเล็กน้อย  แต่มันเป็นการบอกว่าภาพของเราเป็นที่ต้องการของบางคน  และภาพนี้จะอยู่ในระบบคอมฯตลอดไปจนกว่าโลกเราจะเลิกใช้อินเทอเน็ต

IMG_0284

IMG_0284bw

ภาพนี้มีที่มาจากการสแกนด้วยเลนส์มาโคร ดูรายละเอียดวิธีทำได้จากโพสท์นี้
การสแกนฟิล์มด้วยเลนส์มาโครและกล่องไฟ  

 

 

กล้องฟิล์ม canon eos33

IMG_5395

กล้องฟิล์มของ canon eos33 เป็นกล้องระดับกลางของค่าย  ในยุคที่กล้องรุ่นสูงสุด ไฮเทคสุดของกล้องฟิล์มยุคสุดท้ายคือกล้อง eos3 ที่เป็นเกรดโปร  มีรุ่นกลางเป็น eos33 eos30 และมีรุ่นเล็กเป็น eos300 ซึ่งเป็นแนวทางของ canon ที่ตัวเลขประจำรุ่นสูงจะใช้เลขตัวเดียว  ส่วนรุ่นเล็กจะเป็นเลข 3 หลัก

กล้องยุคสุดท้ายของฟิล์มผมจะวัดจากกล้องที่รองรับระบบแฟลช e-ttl ที่เป็นระบบแฟลชไฮเทคมาก  เป็นระบบแฟลชของ canon ที่พัฒนาจนทำให้ช่างภาพกล้องฟิล์มสามารถควบคุมแสงแฟลชได้ดังใจยิ่งกว่าแฟลชแมน่วลเสียอีก  หากเราศึกษาทำความเข้าใจระบบแฟลชไฮเทคของ canon จนใช้งานได้เป็น  มันจะให้ความแม่นยำของแสงแฟลชระดับจับวาง  เกือบจะแม่นจำเท่ากับการวัดด้วยมิเตอร์วัดแสงแฟลชเลย

eos33 เป็นกล้องที่ผมซื้อมาใช้เพื่อรับงานถ่ายภาพรับจ้าง โปรคนอื่นใช้ eos1  eos3 ส่วนผมใช้ eos33 เนื่องจากไม่สามารถลงทุนกับบอดี้ได้หนักเท่ากับมืออาชีพ  เพราะผมแค่หาเงินเติมน้ำมัน หาเงินเที่ยวเท่านั้น  แต่มันก็อยู่กับผมมาตลอดตั้งแต่วันแรกที่ซื้อเข้ามา มันทำเงินให้ผมตั้งแต่วันแรกเลย  และในตอนที่เริ่มใช้ดิจิทัล eos33 ก็ถูกวางเก็บไว้ เก็บลืมไปเลย  จนหลายปีผ่านมา หยิบออกมาเล่นดู ก็พบกว่ายางเหนียวทั้งตัว  และด้วยความหงุดหงิด  ก็เลยหาอะไรมาเช็ดให้ยางหายเหนียว  ทิชชูอยู่ใกล้ตัวก็เลยใช้ทิชชู่เช็ด  เช็ดไปเช็ดมาเศษขาวๆของทิชชู่ก็ติดอยู่กับบอดี้ตั้งแต่วันนั้น

วันนี้ความนิยมกล้องฟิล์มค่อยๆเพิ่มขึ้น  กล้องมือสองที่ราคาร่วงติดดิน กล้อง SLR ที่เคยขายทิ้งกันหลักร้อยบาทก็ค่อยๆราคาแข็งขึ้น จนขึ้นมาอยู่ระดับหลายพันบาท   วันนี้เลยหยิบออกมาตรวจอีกครั้ง และทดลองใส่เลนส์เพื่อลองใช้งานดู  ผลก็คือใช้งานได้ดี  ระบบไฟฟ้ายังทำงานครบถ้วนเหมือนเดิม หน้าจอดิจิทัลที่แสดงสถานะก็ทำงานทุกส่วน ทุกค่าสามารถแสดงผลได้

คาดว่าจะได้นำไปใช้ถ่ายภาพอีกครั้งในเร็วๆนี้

ตอนนี้ขอหาภาพเก่าๆที่ถ่ายด้วยกล้องฟิล์มตัวนี้มาแปะไว้ดูเล่นก่อน

neg-place-img203

neg-place-img395

neg-sanamluang-img343

slide-img105

neg-fruit-img017-resize

neg-fruit-img018

slide-img673

ใช้เลนส์มาโครถ่ายภาพจากแผ่นฟิล์ม

การถ่ายภาพด้วยฟิล์มกำลังกลับมาฮิตอีกครั้งหนึ่งในช่วงปี พศ 2561 กล้องมือสองขายดิบขายดี กล้องรุ่นคลาสิคมีคนจับจองราคาค่าตัวขึ้นกันหลายสิบหลายร้อยเปอร์เซ็น และการถ่ายภาพด้วยฟิล์มก็จะต้องสแกนฟิล์มออกมาเพื่อดูหรือเพื่อแชร์ผ่านเฟสบุ๊ค ผ่านอินสตาแกรม การสแกนฟิล์มเราจะใช้บริการร้านล้างฟิล์มเป็นส่วนใหญ่ คือส่งฟิล์มไปล้างพร้อมกับขอให้สแกนให้ด้วย ค่าใช้จ่ายก็จะเป็นค่าล้างบวกกับค่าสแกน

Scan by macro lens

ฟิล์มสไลด์เป็นฟิล์มที่ให้ภาพตรงกับที่ตาเห็น คือสีสันปกติ การสแกนฟิล์มสไลด์นอกจากจะใช้เครื่องสแกนฟิล์มแล้ว เราก็ยังสามารถใช้เลนส์มาโครถ่ายภาพจากฟิล์มได้อีกด้วย การถ่ายภาพจากแผ่นฟิล์มนี้มีเทคนิคไม่ซับซ้อน เพียงใช้เลนส์มาโครที่สามารถถ่ายภาพด้วยอัตราขยาย 1:1 และใช้แหล่งกำเนิดแสงสีขาวส่องผ่านฟิล์มจากด้านหลังเท่านั้น บางคนอาจจะใช้แสงธรรมชาติ แต่ในบทความนี้จะใช้แสงจากแฟลช

Scan by macro lens

เนื่องจากไม่อยากจะใช้ขาตั้งกล้องเลยเลือกใช้แฟลชแทน ผมเอาฟิล์มหนีบไว้ด้วยกล่องกระดาษ แล้ววางไว้ใกล้ๆกับผนังสีขาว ให้มีระยะห่างจากผนังประมาณ 1 ฟุต แล้วใช้แฟลชต่อกับทริกเกอร์หรือตัวส่งสัญญาณไร้สาย เมื่อกดชัตเตอร์แฟลชจะทำงาน แสงจากแฟลชจะวิ่งไปชนกำแพงแล้วกระจายแสงออกมา ฟิล์มก็จะสว่างและได้เป็นภาพบันทึกไว้ในกล้อง สปีดการถ่ายภาพผมตั้งไว้ที่ 1/125 วินาที ความไวแสงตั้งไว้ที่ iso 400 รูรับแสง f16 กล้อง canon eos 6d เลนส์ canon macro100

IMG_0362

ภาพที่ได้มีสีสันที่ตรงกับฟิล์ม แต่ก็มีหลายจุดที่ควรจะปรับปรุงให้ภาพมีคุณภาพมากขึ้น เช่น

  1. ฝุ่นต่างๆบนฟิล์ฒจะพบเห็นจำนวนมาก เราควรทำความสะอาดปัดฝุ่นให้เกลี้ยงก่อนถ่ายภาพ
  2. ภาพเอียง มีกรอบภาพสีดำโผล่อยู่ในเฟรม เนื่องจากเป็นการถือกล้องถ่าย ไม่ได้ใช้ขาตั้งกล้อง การถือกล้องเอียงหรือ ทำภาพเอียงเป็นเรื่องปกติของการไม่ใช้ขาตั้งกล้อง เพราะมือคนจะไม่นิ่งอยู่แล้วตามธรรมชาติ แม้ว่าจะต้องอาศัยการฝึกถือกล้องให้ตรง แต่จริงๆแล้วเราควรใช้ขาตั้งกล้องในการถ่ายภาพ

ถ้าเป็นไปได้เราควรจะใช้ขาตั้งกล้อง และทำอุปกรณ์เสริมมาหนีบฟิล์มเอาไว้ให้เป็นระยะที่ตายตัว เพราะจะทำให้เราสามารถถ่ายภาพแผ่นฟิล์มได้เร็วขึ้นและได้คุณภาพคงที่ในทุกๆภาพ ช่วยให้ประหยัดเวลาอย่างมาก

IMG_0367

IMG_0368

Scan by macro lens

การทำ contact sheet ด้วยกล้องดิจิทัล

เมื่อเราถ่ายภาพด้วยฟิล์มขาวดำ การจะทำภาพ contact sheet โดยไม่ต้องใช้ห้องมืด ก็มีแต่การทำด้วยกล้องดิจิทัล อาศัยถ่ายภาพฟิล์มผ่านกล่องไฟ แล้วใช้ app ในโทรศัพท์มือถือปรับภาพของฟิล์มนั้นให้เป็นภาพขาวดำ  ขั้นตอนการปรับสีด้วย app ก็ให้ดูตามวิดีโอในโพสท์นี้ครับ

 

IMG_20180616_120207

กล่องไฟอาศัยดัดแปลง เอาถังขยะสีขาวขุ่นมาคว่ำหน้าลง แล้วเอาไฟส่องที่ด้านหลัง  ด้านหน้าที่มองเห็นก็ติดฟิล์มขาวดำทั้งซองพลาสติกเอาไว้

 

IMG_20180616_120240

ใช้กล้องดิจิทัลวางบนขาตั้งแล้วถ่ายภาพ ซึ่งเราอาจจะใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายก็ได้  เมื่อได้ภาพฟิล์มบนกล่องไฟแล้ว ก็จัดการปรับโทนสีด้วย app ที่ชื่อ snapseed

IMG_20180616_121458

 

 

สุดท้ายเราก็จะได้ภาพ contact sheet ที่ใช้ดูเป็นไกด์ในการอัดขยายภาพในห้องมืดต่อไป  หรือบางคนก็เก็บ contact sheet เอาไว้ดูเลย

2018-06-19_12-00-53

 

 

เรามาเตรียมตัวเพื่อย้อนเวลากันดีกว่า

IMG_0909.JPG

 

การย้อนเวลากลับไปดูอดีตเป็นเรื่องน่าตื่นเต้น  เราสามารถที่จะรับรู้ความตื่นเต้นได้จากการดูหนัง ดูการ์ตูน  ในทีวี  การ์ตูนเรื่องโดเรม่อนมีตัวโดเรม่อนเป็นตัวละครที่ทำให้เรารู้ว่าการเดินทางข้ามเวลาคืออะไร การเดินทางย้อนอดีตและการเดินทางข้ามเวลาไปสู่อนาคตเป็นไปได้ในทางจินตนาการ  และเป็นสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์หลายคนก็พยายามหาวิธีข้ามเวลา   มีสมมุติฐานมากมายเกี่ยวกับการเดินทางข้ามเวลา ถ้าเราติดตามบทความเกี่ยวกับฟิสิกส์และจักรวาลเราจะเจอเรื่องเวลาเต็มไปหมด

 

แม้ว่าวันนี้เราจะไม่รู้ว่าเราจะต้องทำอย่างไรกับการข้ามเวลา  แต่เราสามารถสัมผัสความรู้สึกของการข้ามเวลาได้  มันน่าตื่นเต้น มันน่าสนใจ และถ้ารู้ว่าจะรู้สึกดีขนาดนี้จะเตรียมการข้ามเวลาเอาไว้เพื่อจะได้รู้สึกดีแบบนี้บ่อยๆ

leona-prewedding-dpp1-IMG_5879

ผมเดินทางข้ามเวลาหรือย้อนเวลาได้น่ะเหรอ  ยังไม่ได้หรอกครับ แต่ได้รับความรู้สึกนั้นแล้วจากการนั่งมองรูปถ่ายเก่าๆที่ไม่เคยเห็น  การถ่ายภาพเป็นการหยุดเวลาในภาพไว้  เหตุการณ์นั้นถูกทำให้คงที่ สิ่งที่อยู่ในภาพนั้นจะไม่เปลี่ยนแปลง  แต่คนเรา และผู้คนทั่วโลกต่างก็ถ่ายภาพกันมาตลอดชีวิต  แล้วจะมาบอกว่าย้อนเวลากันทำไม  นั่นสิ อย่าเพิ่งสับสน  มันเป็นอย่างนี้

 

หากเราถ่ายภาพ และ ดูภาพเหล่านั้น เราก็จะมีความทรงจำเหล่านั้น และมันก็จะไม่เหมือนการย้อนเวลา มันเป็นความทรงจำที่เข้าสู่ตัวเราในเวลานั้น   แต่หากเราได้ดูภาพที่เราไม่เคยเห็น เป็นภาพที่เราอยากเห็น แต่เพิ่งจะเคยเห็น แบบนี้มันคือได้อรรถรสของการย้อนเวลา  ผมกำลังรู้สึกดีกับการดูภาพถ่ายลูกตัวเองในช่วงชีวิตหนึ่งๆขณะที่เขายังเป็นเด็กน้อย สามารถหกล้มได้ตลอดเวลา  ซึ่งในเวลาปัจจุบันลูกผมกำลังจะอายุ 6 ขวบ แต่การได้ดูภาพตอนเขาอายุ ขวบกว่าๆ มันฟิน  มันปลาบปลื้ม เราไม่เคยเห็น และเราเพิ่งได้เห็น

IMG_20170605_091540_384

 

ลูกเราโตครั้งเดียว โตแล้วโตเลย เด็กตัวเล็กๆหน้าตาไร้เดียงสา เราไม่สามารถเห็นได้อีกแล้วในชีวิตปัจจุบัน เหมือนกับที่เราส่องกระจกก็พบตัวเราเองในปัจจุบัน เราไม่สามารถมองเห็นตัวเราตอน 1 ขวบได้อีก ถ้าเราไม่ถ่ายรูปไว้  แต่การได้เห็นภาพในอดีตที่มันเป็นภาพที่เราลืมไปแล้ว  เราอาจไม่เคยรู้เลยว่ามีภาพนี้อยู่ มันสร้างความตื่นเต้นไปกับภาพอย่างยิ่ง  สิ่งนี้แหละที่ทำให้รู้สึกดี  และถ้ารู้ว่ามันจะรู้สึกดีขนาดนี้ จะถ่ายภาพแบบนี้เก็บไว้ในทุกๆช่วงเวลา

IMG_20170408_100420

 

ถ่ายภาพแบบไม่เห็นภาพ แล้วเราจะทำได้อย่างไร  ก็ถ่ายด้วยฟิล์มไง  หาเราถ่ายด้วยกล้องดิจิทัล หรือถ่ายด้วยโทรศัพท์เราก็เห็นภาพไปแล้ว  ภาพเหล่านี้ก็จะหมดความน่าสนใจลงไป  แรงดึงดูดมันไม่มี  แต่กับภาพจากฟิล์ม  ภาพที่เราเพิ่งล้างฟิล์มออกมาแล้วดูเหตุการณ์ในภาพ ก็เหมือนเราได้ย้อนเวลาจริงๆ  อารมณ์ตอนเห็นภาพมันเป็นความรู้สึกยากจะบรรยาย เรื่องความรู้สึกต้องสัมผัสเองถึงจะเข้าใจ

 

ฟิล์มม้วนนี้ ผมถ่ายไว้เมื่อไหร่ผมก็ลืมไปแล้ว  แต่ดูจากเหตุการณ์ในภาพก็น่าจะช่วงที่ลูกผมอายุ ประมาณ 2 ขวบ ซึ่งมันก็เท่ากับว่าผ่านมาประมาณเกือบ 4 ปี   4ปีของเด็กไม่เหมือน 4 ปีของผู้ใหญ่  ภาพตัวผมเมื่อ 4 ปีที่แล้วดูไม่แตกต่างจากตอนนี้มาก  แต่ของเด็ก 2 ขวบ กับ เด็ก 6 ขวบ มันต่างกันลิบลับ  และความลิบลับนี่เองที่ทำให้คนดูภาพรู้สึกดี

IMG_20180422_082707

 

 

Vsco

 

ยังคงมีภาพที่น่าดูอีกหลายภาพ ผมอัดภาพออกมาเป็นกระดาษหลายใบ  การล้างฟิล์ม การอัดภาพขาวดำเป็นศาสตร์และศิลป์ที่ให้ความสุขทั้งคนถ่ายภาพ คนล้างฟิล์ม คนอัดภาพ และคนดูภาพ ใครทำเองทุกขึ้นตอนก็ฟิน 4 เท่า

 

IMG_20180513_024044

อย่างภาพลูกผมถ่ายคู่กับรถของเล่นคันนี้  อายุลูกในภาพก็น่าจะประมาณขวบเศษ เด็กวัยนี้ยังพูดไม่ชัดเลย  เหตุการณ์นี้แม้ว่าผมจะเป็นคนถ่ายภาพไว้เอง แต่เป็นการถ่ายด้วยฟิล์ม และไม่ได้ล้างทันที เพิ่งมาล้างเมื่อ 4 ปีผ่านไป  ก็เลยได้เห็นภาพอดีตที่ลืมไปแล้ว  การย้อนเวลามันให้ความรู้สึกแบบนี้นี่เอง

 

การเตรียมตัวเพื่อย้อนเวลาในแบบของผมก็คือ การถ่ายภาพด้วยฟิล์มเก็บไว้ ยังไม่ต้องล้าง เพื่อจะได้ไม่ต้องดู รอเวลาให้ผ่านไปนานๆหน่อย  ถ้าเป็นไปได้ ตอนนี้อยากจะถ่ายภาพด้วยฟิล์มเก็บไว้ปีละ 2 ม้วน เพื่อให้ในอนาคตผมสามารถได้ย้อนเวลากลับมาดูได้ทุกช่วงปี  กล้องฟิล์ม ม้วนฟิล์มยังคงมีอยู่ในโลกเรา  ถ้าจะใช้ก็มีให้ใช้  กล้องฟิล์มเป็นกล้องที่บันทึกภาพด้วยความละเอียดมหาศาล ไม่มีระบบดิจิทัลใดๆมาทดแทนได้  การใช้งานแม้จะยุ่งยากและสิ้นเปลือง แต่สิ่งที่มันให้กับเรา ในอนาคตเงินเท่าไหร่ก็ซื้อไม่ได้  นั่นคือ เวลาในอดีต  อย่าเพิ่งแย้งว่า ดิจิทัลถ่ายแบบไม่ดูก็ทดแทนได้เหมือนกัน  หลายคนอาจคิดเช่นนั้น แต่สิ่งหนึ่งที่ผมเชื่อว่าดิจิทัลทดแทนไม่ได้  มันไม่เหมือนฟิล์ม  ก็เพราะหน่วยความจำมันพังได้ แต่ฟิล์มไม่พังครับ  ในความเป็นจริงฟิล์มมันอาจมีวันพังก็ได้แต่ฟิล์มที่ผมเคยสัมผัสมาตลอดชีวิต ผ่านมาเกินครึ่งชีวิตแล้ว ไม่มีม้วนไหนที่พังเลย

 

 

รีวิวกล้องโดฟ dove toy camera

กาลครั้งหนึ่ง ในประเทศไทยเคยมีโปรโมชั่นขายยาสระผมแถมกล้องถ่ายรูป ซึ่งกล้องที่แถมในคราวนั้นคือกล้องพลาสติก มีเคสกันน้ำ สกรีนยี่ห้อยาสระผมไว้ที่ตัวกล้องด้วย นับตั้งแต่การขายครั้งนั้นก็มีกล้องตัวใหม่ที่มีชื่อในวงการถ่ายภาพ  “กล้องโดฟ”  เป็นกล้องสำหรับนักถ่ายภาพแนวโลโม่ อะไรที่ไม่ต้องวัดแสง ไม่ต้องโฟกัส ยกขึ้นมาแล้วกดเลย ถือว่าเป็นแนวโลโม่  และกล้องโดฟคือของที่ต้องมี

_MG_2878

กล้องโดฟเป็นกล้องพลาสติก ระยะเลนส์ 28mm focus free แปลว่าไม่ต้องโฟกัส มันจะชัดทั้งภาพ  คาดว่ารูรับแสงของเลนส์ตัวนี้จะประมาณ f8-11 ไม่ต้องใส่ถ่าน  เวลาถ่ายภาพจะต้องกะสภาพแสงให้เป็นสภาพแสงแดดออก ค่อนข้างแรง  คือมีแดดที่ทำให้มีเงาค่อนข้างชัด  ใช้กับฟิล์มความไว 200 น่าจะพอดี  และการที่มันมีเคสกันน้ำก็ทำให้มันถูกทดลองใช้ใต้น้ำด้วย

IMG_7357

การถ่ายภาพบนดินทั่วไปเราก็พกเฉพาะกล้องแต่เพียงอย่างเดียว เคสกันน้ำไม่ต้องใส่ ใส่ฟิล์มแล้วกดถ่ายไปเรื่อยๆ  ถ่ายแต่ละครั้ง จะต้องหมุนฟิล์มแก๊กๆๆๆๆๆ  พอหมดม้วนจะได้ภาพประมาณ 36 ภาพ  ภาพจะสวยถ้าแดดจัด  ความคมชัดของภาพวิว ภาพระยะไกลก็พอใช้ได้  ถ่ายใกล้มากๆจะเบลอนิดหน่อย เพราะระยะชัดน่าจะอยู่ที่ประมาณ 1.5 เมตรเป็นต้นไป (เดา)

rscan-pk-513

สภาพแสงแดดจัดแบบนี้เหมาะกับกล้องโดฟ  ยกขึ้นมาเล็งแล้วกดเลย ไม่ต้องวัดแสง ไม่ต้องโฟกัส

rscan-pk-511

อะไรที่โดนแดดก็คือได้ภาพทั้งหมด ไม่มีพลาด ไม่มีคำว่ามืด

rscan-pk-542

ตัวกล้องขนาดเล็กสามารถยัดไว้ในกระเป๋าเสื้อ กางเกง หรือเป้ แม้แต่กระเป๋าสะพายของสาวๆก็น่าจะได้  ผมพกไว้ถ่ายเล่นตอนไปขึ้นเครื่องบิน นั่งรถรับส่งไปยังลานจอดเครื่องบิน คนเยอะๆ ของพะรุงพะรังก็ยังหยิบถ่ายได้  เพราะว่าสามารถใช้งานได้ด้วยมือเดียว

rscan-pk-540

แม้แต่การถ่ายผ่านกระจกรถออกมาข้างนอกก็ยังได้ภาพ  มันเป็นกล้องสำหรับนักเดินทางอย่างแท้จริง ถ้ามีทริปไปเมืองหนาวผมเชื่อว่ากล้องโดฟจะเป็นกล้องที่ทำงานได้ตลอดทริป พึ่งพาได้

000025

000025

ลองใช้กับฟิล์มสีที่หมดอายุถ่ายภาพที่โดนแดด ก็ยังได้ภาพโอเค แม้ว่าตอนได้ภาพสีจากฟิล์มบูดจะดูจืดๆ แต่พอสแกนแล้วปรับเป็นขาวดำ ปรับคอนทราสต์ช่วยก็ได้ภาพที่พอดูได้  สิ่งสำคัญในภาพก็คือ เหตุการณ์ที่เราต้องการเก็บไว้  ภาพนี้ผมปลาบปลื้มกับความไวของกล้องโดฟมาก จังหวะเด็กสองคนที่กำลังช่วยกันเข็นรถของเล่นไม่ให้ตกลงไป  ถ้าใช้กล้องโปร คุณภาพระดับโลก ผมก็ไม่มั่นใจว่าจะโฟกัสได้ทันวินาทีนี้ไหม

000012

ใช้กับฟิล์มใหม่ ก็ให้สีสันสดใส  ขอเพียงให้ตัวแบบโดนแดด ที่เหลือก็ให้เป็นหน้าที่ของฟิล์มและกล้อง ภาพสถานการณ์บางอย่างเราต้องการแค่ภาพบันทึก  ไม่ได้ต้องการคุณภาพเนี้ยบ  อีกอย่าง กล้องของแถมค่าตัวแค่สองร้อยบาท จะต้องการอะไรจากมันบ้างล่ะ

000047

ลองลงน้ำกันบ้าง  ใส่ฟิล์มความไว200 แล้วใส่เคสกันน้ำ แล้วก็ลงน้ำกันเลย  แต่ต้องไม่ลืมว่าตัวแบบต้องโดนแดด  ผมเลยให้เด็กเล่นน้ำในตอนที่มีแดดส่องลงสระน้ำ แล้วก็ถ่ายให้ใกล้หน่อยระยะประมาณ 1.5 เมตรจากกล้อง

000045

ถ้าแบบเริ่มไกลออกไป จะรู้สึกว่าคอนทราสต์น้อยลง ดังนั้นการถ่ายเล่นใต้น้ำต้องพยายามอยู่ใกล้ๆเอาไว้

000018

กิจกรรมใต้น้ำ  ยิ้มให้กล้องก็สนุกสนานกันทั้งเด็กและคนถ่ายภาพ  เคสกันน้ำทำงานได้ดี แม้จะกดยากไปหน่อย แต่ก็พอใช้งานได้  น้ำหนักกดชัตเตอร์ของเคสกันน้ำจะค่อนข้างมากทำให้เด้กห้าขวบกดไม่ลง พ่อต้องกดแทน  บางครั้ง ผมก็ใช้นิ้วโป้งกดเลย  เพื่อให้ได้ภาพ ณ วินาทีที่ต้องการจริงๆ

000019

ถ้าเข้าใกล้กล้องเกินไป ภาพจะเบลอนิดหน่อย แต่ได้สีสันจัดเต็ม  นั่นเป็นเทคนิคที่ต้องคอยระวังคือ ถ่ายภาพใต้น้ำต้องพยายามอยู่ใกล้ๆกัน

000034

ในวันที่กล้องดิจิทัลยังแพงอยู่ การถ่ายภาพใต้น้ำก็มีแค่กล้องโดฟกับกล้องโปรอย่างนิโครนอสเท่านั้น  แต่ถ้าคุณใช้นิโครนอส ก็ต้องจ่ายหลายหมื่น  กล้องโดฟแค่ 200 บาท ได้ยาสระผมมาใช้ด้วยตอนขึ้นจากน้ำ เข้าท่าดีนะ

IMG_20180429_164357

กล้องพลาสติก หรือ toy camera อย่างกล้องโดฟตัวนี้ได้รับความนิยมมาเป็นสิบปี  บางครั้งก็ถูกนำไปแถมกับสินค้าตัวอื่น บางครั้งก็มีคนขายกล้องตรงๆไม่สกรีนยี่ห้อ  ในเน็ตน่าจะหาได้ในราคาร้อยกว่าบาท  นับว่าเป็นความบันเทิงระดับรากหญ้าที่ให้ความประทับใจระดับโลก  คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม

กล้อง toy รุ่นใหม่หาซื้อได้ที่นี่ https://s.lazada.co.th/s.Q4lct?cc

คำเตือน

กล้องโดฟต้นฉบับสีขาวที่ออกมาเมื่อสิบกว่าปีก่อน มาพร้อมกรอบพลาสติกกันน้ำ ทั้งคู่ใช้งานร่วมกันได้ดี  แต่กล้อง toy camera สีสันหลากหลายที่ผลิตใหม่ มีขายเกลื่อน และผมได้มาเป็นของแถมในเซ็นทรัล เป็นกล้องที่ดูเหมือนออกจากโรงงานเดียวกัน มีพลาสติกกันน้ำเหมือนกัน และคิดว่าจะงานได้เหมือนกัน  ผมเอาไปออกทริปลงน้ำแล้ว ปรากฏว่า ใช้งานในน้ำไม่ได้ครับ กดชัตเตอร์ได้ แต่หมุนฟิล์มขึ้นภาพใหม่ไม่ได้  เป็นปัญหาที่พลาสติกกันน้ำกับกล้องทำงานไม่สัมพันธ์กัน  ผลก็คือ ผมลงน้ำ ถ่ายได้รูปเดียว หมุนฟิล์มเพื่อขึ้นชัตเตอร์ครั้งใหม่ไม่ได้  ใครจะใช้กล้องทอยออกทริป กรุณาลองสถานการณ์จริงก่อน  เสียฟิล์มสักม้วนลองใต้น้ำให้รู้เรื่องก่อนว่าทำงานได้ไหม มีปัญหาไหม ถ้ามีปัญหาจะได้ไม่ต้องพกลงน้ำ  เพราะถ้าคุณไปเจอปัญหาตอนอยู่ใต้น้ำ มันเสียดายโอกาส  แต่ถ้าจะใช้ทั่วไปไม่ลงน้ำ  ก็ซื้อได้เลยตามสะดวก

การสแกนภาพจากฟิล์มขาวดำด้วยเครื่องอัดภาพ

ภาพขาวดำจากฟิล์มมีความคลาสิคในบางอย่าง ทำให้ยังคงมีนักเล่นนักถ่ายภาพบางส่วนยังคงอยู่กับฟิล์มขาวดำ น้ำยาเคมี แท้งค์ล้างฟิล์ม และเครื่องอัดภาพ กว่าจะได้ภาพบนกระดาษอัดภาพก็ใช้ขั้นตอนมหาศาล ทั้งยังต้องใช้ความปราณีตผิดมนุษย์อีกต่างหากถึงจะมีภาพขาวดำดีๆบนกระดาษให้เราได้ดูกัน

แต่ด้วยความใจร้อนและขี้เกียจปนๆกัน ผมก็เลยลองลัดขั้นตอนบางอย่าง คือ ยังคงถ่ายภาพและล้างฟิล์มด้วยวิธีปกติ แต่ในขั้นตอนการทำภาพออกมาดู ผมใช้วิธีขยายภาพฟิล์มด้วยเครื่องอัดภาพขาวดำ ให้ฉายลงพื้นสีขาวหรือกระดาษขาวไปเลย แทนที่จะเป็นกระดาษอัดภาพ เพราะผมไม่อยากเตรียมน้ำยาเคมีทั้งถาดเพื่ออัดภาพแค่ภาพเดียว เลยขยายภาพจากฟิล์มด้วยเครื่องอัดให้ใหญ่ที่สุดเท่าที่เครื่องจะทำได้ พอเห็นภาพฉายแสงแล้ว ก็ใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายภาพที่ปรากฏนั้นเลยIMG_20180425_105223

ผมใช้โทรศัพท์ huawei p9 ตั้งค่าให้ถ่ายภาพในโหมดขาวดำ แล้วก็ถ่ายภาพในห้องมืด ก็จะได้ภาพในมือถือเป็นภาพกลับสีกัน เพราะฟิล์มเป็นฟิล์มเน็กกาทีฟนั่นเอง เมื่อได้ภาพมาแล้วก็เอามาคร็อปภาพให้ได้ขอบเขตที่ต้องการ ตัดส่วนนอกโดยรอบออก

IMG_20180425_111517

เราก็จะได้กลับสีที่ใหญ่ขึ้น กรอบภาพและตัวภาพก็อยู่ในระยะที่เหมาะสม ขั้นตอนการคร็อปภาพนี้ใช้มือถือสั่งทำได้โดยตรง พอได้ภาพที่คร็อปมาแล้ว ก็มาทำการเปลี่ยนสีด้วย app ที่ชื่อ negative image หาโหลดได้ใน play store ของ android เป็นของฟรี มีโฆษณานิดหน่อย แต่ก็ทนใช้งานได้

Negative Image_1524629748890-01

เมื่อกลับสีแล้วเราก็จะได้ภาพโทนสีปกติ ผมคนเป็นสีดำ ผมปรับสีของขาวดำด้วย app ที่ชื่อ vsco ซึ่งมีความสามารถในการเปลี่ยนสีได้หลายรูปแบบ ซึ่งผมใช้เปลี่ยนสีขาวดำ มีการปรับ ความสว่าง คอนทราสต์ และรายละเอียดในเงามืดให้สว่างขึ้นนิดหน่อย ก็ได้ภาพตามที่เห็นภาพสุดท้ายนี้

IMG_20180425_104932

Negative Image_1524628196867-01

การใช้มือถือถ่ายภาพจากเครื่องอัดขยายเป็นเทคนิคของคนขี้เกียจ ผมแค่อยากจะเห็นภาพในมือถือ แค่อยากจะมีภาพไว้ส่งให้คนอื่นดู ยังไม่ได้อยากจะอัดเป็นกระดาษจริงๆ ก็เลยใช้วิธีนี้

การสแกนภาพจากฟิล์มขาวดำอย่างง่าย

คนที่ยังคงถ่ายภาพขาวดำด้วยฟิล์ม นิยมล้างฟิล์ม และชอบงานห้องมืด บางทีการได้ถ่ายภาพด้วยฟิล์มขาวดำสักม้วนเราก็อยากจะดูบางภาพเร็วๆ  อยากจะแชร์ภาพให้เพื่อนดู ก็จะมีวิธีการง่ายๆเร็วๆในการเอาภาพลงจอ  ดังนี้

 

2018-04-23_08-53-36

เมื่อล้างฟิล์มจบแล้ว เราจะได้ฟิล์มขาวดำดังภาพ  ให้เราใช้มือถือถ่ายภาพฟิล์มโดยให้ด้านหลังของฟิล์มเป็นส่วนสีขาวเรียบๆ  ซึ่งผมเลือกใช้ท้องฟ้า  บางคนอาจจะใช้ผนังบ้านก็ได้  เราจะได้ภาพฟิล์มขาวดำมาอยู่ในโทรศัพท์

 

2018-04-23_08-53-16

ให้จัดการคร็อปภาพให้เรียบร้อย และหมุนภาพให้ได้ฉากแบบที่เราชอบ  ซึ่งผมชอบภาพที่วางไม่ตรงเป๊ะ มันดูดิบและเป็นธรรมชาติของงานแฮนด์เมดดี

 

2018-04-23_08-52-57

จากนั้นให้เรากลับสีด้วยคำสั่ง invert ซึ่งหากทำในคอมพิวเตอร์ ก็ต้องอาศัย photoshop ทำ แต่หากทำในมือถือ ก็ต้องหา app มากลับสี  ผมใช้ app ชื่อ negative image ใน android มาทำให้  เราก็จะได้ภาพจากฟิล์มขาวดำเน็กกาทีฟกลับมาเป็นภาพขาวดำแบบปกติ  แต่ภาพจะยังไม่ดำ เพราะกล้องที่ใช้ถ่ายภาพมักจะถ่ายเป็นภาพสี  ไม่ได้ถ่ายเป็นขาวดำตั้งแต่ต้น

 

2018-04-23_08-52-41

เมื่อได้ภาพคร็อปที่สีปกติเกือบตรงแล้ว ก็ให้ทำการปรับสีของภาพให้เป็นขาวดำ และปรับส่วนเข้มให้ดูดำสมจริง  ขั้นตอนนี้ในคอมพิวเตอร์ก็คือใช้ photoshop  แต่ถ้าในมือถือ ผมใช้ app ชื่อ snapseed ปรับสีให้    ซึ่งเราก็จะได้ภาพขาวดำที่ถูกใจในที่สุด

 

 

PHOTO_COLLAGE1524441900259

 

ภาพที่ได้จากการลองเล่นครั้งนี้ เอาภาพแต่ละขั้นตอนมาเรียงด้วยโปรแกรมต่อภาพที่ชื่อ picture collage ก็จะได้ภาพเล็ก3 ภาพต่อกัน ดูสวยไปอีกแบบ

 

 

PHOTO_COLLAGE1524469103374

 

ชุบชีวิต z340 กล้องโพลารอยด์ยุคดิจิทัล

กล้อง z340 เป็นกล้องถ่ายรูประบบดิจิทัลที่รวมเอาปริ๊นเตอร์ไว้ในกล้อง สามารถพิมพ์ภาพขนาด 3×4นิ้วได้  โดยการใช้กระดาษเฉพาะที่เรียกว่า zink paper ซึ่งเป็นนวัตกรรมของโพลารอยด์ในยุคใหม่  แต่กระดาษขนาดนี้  และกล้องรุ่นที่พิมพ์ภาพขนาด 3×4 นิ้วนี้ไม่ได้รับความนิยม  อาจจะเป็นเพราะตัวกล้องขนาดใหญ่เกินไป  และผมก็ซื้อมาใช้ตั้งแต่ช่วงปีแรกที่มันออกวางขาย  ตอนนี้ผ่านมาห้าปี  ตัวกล้องที่เป็นเนื้อพลาสติกมีอาการตัวเหนียว มือจับแทบไม่ได้เลย  ต้องใช้เวลาเช็ดและขัดน้ำยาเหนียวๆออกจากกล้องนานนับชั่วโมงกว่าที่จะจับแล้วไม่รำคาญมือ

P_20160505_143122

กล้องโพลารอยด์พร้อมระบบการพิมพ์ภาพในยุคใหม่ ที่ใหม่กว่า z340 ก็คือ รุ่น snap เป็นกล้องพร้อมระบบพิมพ์ภาพ ใช้กระดาษ zink paper เช่นเดิม แต่ปรับขนาดกระดาษเหลือเพียง 2×3 นิ้ว หรือขนาดนามบัตรเท่านั้น  และตัวกล้องก็เล็กลงมาเหลือเพียงขนาดใหญ่กว่านามบัตรเล็กน้อย  ทำให้เป็นกังวลว่ากระดาษ 3×4 นิ้วจะหายไปจากตลาด  จะไม่มีให้ใช้

วันนี้ก็เลยลองขุดเอามาพิมพ์ภาพเล่นๆ  ชาร์จแบตให้ไฟเข้าป้องกันแบตเสื่อม ลองพิมพ์ภาพเพื่อให้กลไกได้ทำงานบ้าง  เพื่อให้กล้องอยู่ในสภาพที่ไม่เสีย  ภาพที่ได้ก็มีคุณภาพไม่สูงมาก ยิ่งเมื่อเทียบกับเครื่องพิมพ์ภาพของ canon ในรุ่น cp1200 ก็ให้คุณภาพคนละโลกเลย   ตอนพิมพ์ภาพเลยถ่ายวิดีโอเก็บไว้ เพื่อให้นักเล่นได้ค้นหา  ได้ดูว่า z340 พิมพ์ภาพยังไง

2018-03-15_12-36-36

ภาพที่ได้จะมีคุณภาพไม่คมชัดนัก  แต่พอถ่ายด้วยมือถือ  ถ่ายในห้องที่มีผนังสีแดง ภาพถ่ายดูเหมือนจะคุณภาพดี  มันพอใช้งานสำหรับการดูเป็นที่ระลึก  แต่ยังสู้การอัดภาพด้วยระบบการพิมพ์ของ canon selphy  cp1200 ไม่ได้  ดูผิวเผินพอไหว แต่ถ้าเลือกให้พิมพ์เพื่อเก็บไว้ดูตลอดชีวิต ผมจะใช้ระบบของ canon มากกว่า

2018-03-15_12-37-38

ภาพเปรียบเทียบ ใบเล็กคือภาพพิมพ์จากกล้อง Z340 กระดาษ zink3x4 นิ้ว  ส่วนภาพใหญ่คือออกจากเครื่อง canon selphy cp1200  กระดาษ 4×6 นิ้ว