การถ่ายภาพให้สวยทำอย่างไร

ในปัจจุบันที่ใครก็สามารถมีกล้องถ่ายภาพได้ โทรศัพท์ใหม่ๆทุกเครื่องก็มีกล้องถ่ายภาพติดมาด้วย สมาร์ทโฟนที่ใช้สื่อสารกับอินเทอเน็ตก็มีกล้องคุณภาพดีมาให้แล้ว กล้องถ่ายภาพโดยเฉพาะสำหรับมือสมัครเล่น และมืออาชีพก็มีราคาเริ่มต้นไม่แพง ยิ่งหากหาของมือสองมาใช้ก็ยิ่งราคาต่ำ ยุคนี้เครื่องมือคือสิ่งที่นักถ่ายภาพแทบจะไม่ต้องไปสนใจเรื่องสเป็คและคุณภาพอุปกรณ์อีกแล้ว

การถ่ายภาพให้สวยก็จะกลายเป็นสิ่งที่ทำได้ง่ายขึ้น แต่มันก็มีหลักการนิดเดียวที่สามารถนำไปหัดใช้ได้ ผมขอให้แนวคิดเอาไว้ ถ้าเห็นด้วยก็ทดลองฝึกฝนดู “การถ่ายภาพให้สวยเกิดจากการที่เราผ่านการถ่ายแบบไม่สวยไปแล้ว” ให้ลองดูตัวอย่างภาพต่อไปนี้

IMG_6418
ภาพนี้คือต้นตำลึกที่ขึ้นมาเกาะต้นไม้ใหญ่ ใบอ่อนสีเขียวโดนแสงแดดส่อง ช่างภาพมองเห็นก็พอรู้ด้วยประสบการณ์ว่ามุมที่สวยน่าจะถ่ายย้อนแสง แสงแดดที่กระทบใบตำลึงจะทำให้ใบเรืองแสง ฉากหลังที่ไม่โดนแสงจะสีเข้ม ทำให้ใบไม้ยิ่งเด่นขึ้นไปอีก ภาพนี้ถือว่าเป็นภาพสวยสำหรับผมแล้ว ดังนั้น ก่อนจะมาเป็นภาพนี้ จะให้ดูว่าผ่านภาพแบบไหนมาบ้าง

เริ่มจากเดินออกมาที่หน้าบ้านแล้วก็พบว่า ต้นไม้ใหญ่มีใบไม้เกาะอยู่ และมีแดดส่องพอดี และคิดจบในหัวแล้วว่าเราจะต้องถ่ายภาพใบตำลึงในมุมมองที่สวยแปกตา เลยหยิบกล้องถ่ายภาพ เริ่มจากเราเห็นภาพนี้

IMG_6419

หลังจากนั้นเราก็เดินดูรอบๆสิ่งที่น่าสนใจ ผมรู้แล้วว่าผมอยากได้ภาพใบตำลึง ก็เลยเดินดูรอบๆ ไปดูหน้าหน้าก็เห็นภาพนี้

IMG_6408

กล้องในมือก็คือ eos m ติดเลนส์ kit ที่แถมมาพร้อมกับกล้อง เป็นเลนส์ซูม 18-55มม. เป็นกล้องเปลี่ยนเลนส์ได้ที่ราคาต่ำที่สุด และเลนส์ก็เป็นเลนส์ที่มีแต่คนถอดขายทิ้ง อัพเกรดไปเป็นตัวอื่น แต่ผมชอบเลนส์ตัวนี้เพราะมันคุณภาพพอใช้ได้ และราคาถูก ใช้แบบไม่ต้องระวัง ฟิลเตอร์คุณภาพสูงบางชิ้นยังแพงกว่าเลนส์ตัวนี้ นั่นหมายความว่าผมใช้เลนส์ตัวนี้ไม่ต้องใส่ฟิลเตอร์ที่หน้าเลนส์ก็ได้ เราจะได้คุณภาพที่สูงที่สุดจากเลนส์เพียวๆไม่ใส่ฟิลเตอร์ เพราะมีความเชื่อว่า best filter is no filter มองภาพด้วยตาเปล่าสวยกว่ามองผ่านแว่นตา ถ้าคุณไม่สายตาสั้นหรือยาวผิดปกติ

ลองถ่ายภาพใกล้เข้าไปอีกหน่อย ตัดสิ่งที่ไม่น่าสนใจในภาพด้วยการเลือกถ่ายเฉพาะต้นไม้และใบไม้ ขวดน้ำไม่ได้หยิบออกเพราะว่าสุดท้ายจะเข้าใกล้กว่านี้ เลยไม่จำเป็นต้องหยิบตอนนี้

IMG_6409

แล้วก็ขยับกล้อง พร้อมกับซูมภาพเข้าไปอีกให้เหลือแต่ต้นไม้กับใบไม้ ซึ่งก็ให้ลักษณะภาพที่ดูดีขึ้น ซึ่งภาพใบไม้เกาะต้นไม้ใหญ่แค่ภาพนี้ก็พอจะใช้นำไปเขียนบทความเกี่ยวกับใบตำลึงได้แล้ว

IMG_6410

ลองซูมเลนส์ให้ได้ภาพใหญ่ขึ้น เข้าใกล้มากขึ้นก็จะได้ภาพที่ใบตำลึงเด่นขึ้น แต่การเข้าใกล้มาก ก็จะมีผลตามมาด้วยคือระยะชัดของใบไม้ครอบคลุมไม่ครบทั้งใบ บางส่วนของใบไม่ชัด และรวมถึงมือก็อาจจะสั่นด้วยทำให้ภาพไม่คมชัด

IMG_6411

ผ่านสามภาพนี้ไปเราก็ได้ภาพที่ดูน่าสนใจขึ้นแล้ว แต่จากการที่ดูภาพมานาน และเคยถ่ายภาพต้นไม้ใบไม้มาแล้วเลยลองไปถ่ายจากด้านหลังบ้าง เพราะการถ่ายภาพย้อนแสงก็สามารถให้ภาพที่ดีได้

IMG_6413

ลองถอยออกมาอีกนิด ปรับภาพให้มีใบเรียงตัวกันแนวตั้ง ลองถ่ายมุมที่ห่างออกมาหน่อยก็พบว่าให้ภาพที่สวยขึ้น

IMG_6412

จากนั้นก็ลองเปลี่ยนไปถ่ายภาพแนวนอนบ้าง เพราะอยากจะเก็บเฉพาะใบเดียวเด่นๆไปเลย กล้องอยู่ในมือ เวลาเหลือเฟือ ก็ลองเปลี่ยนลักษณะภาพไปเรื่อยๆ และก็พบว่าภาพมุมนี้ถูกใจตัวเราที่สุด

IMG_6415

จริงๆจะหยุดแค่นี้ก็ได้ ภาพที่พอใจเราถ่ายด้วยรูรับแสง f5.6 ซึ่งเป็นระยะรูรับแสงกว้างสุดของเลนส์ที่ช่วงซูมสูงสุดของเลนส์คือ 55มม. การใช้รูรับแสงกว้างจะทำให้ระยะชัดน้อย อาจจะดีกับบางภาพ แต่ถ้าลองใช้รูรับแสงแคบลงไปหน่อยเพื่อให้ระยะชัดมากขึ้น จะได้ผลที่แตกต่างไปอีกเล็กน้อย กล้องอยู่ในมือ เวลาเหลือเฟือ ก็ลองได้เลย

IMG_6418

ภาพสุดท้ายนี้คือมุมภาพเหมือนเดิมแต่ปรับรูรับแสงให้มากขึ้นเป็น f11 ซึ่งจะทำให้มีระยะชัดมากขึ้น ฉากหลังจะไม่เบลอเท่ารูรับแสงกว้าง เราได้รายละเอียดในส่วนของใบและต้นไม้ใหญ่มากขึ้น ส่วนของลำต้นที่มีรายละเอียดปรากฏให้เห็นทำให้ภาพดูสวยกว่าเดิม ความเบลอที่ทำให้ภาพสวย กับการลดความเบลอแล้วภาพสวย เป็นสิ่งที่ต้องทดลองทำ เห็นภาพถึงจะรู้คำตอบ ดังนั้น กล้องอยู่ในมือ เวลาเหลือเฟือ ก็ทดลองไป

การถ่ายภาพให้สวยเป็นเรื่องของการค้นหา ทดลอง ประสบการณ์คือสิ่งสำคัญที่ทำให้เราได้ภาพสวย และภาพที่สวยจะตามมาหลังจากที่เราถ่ายภาพไม่สวยไปครบแล้ว ดังนั้น การหัดถ่ายภาพต้องถ่ายให้เยอะ ผ่านภาพไม่สวยมาให้ครบทุกแบบเราถึงจะถ่ายภาพได้สวยตามที่คาดหวัง เมื่อเจอสิ่งที่อยากถ่าย ให้ลองมองรอบๆ เดินดู มองหา ทดลองถ่าย เปลี่ยนระยะภาพ เปลี่ยนตำแหน่งที่ยืน กล้องอยู่ในมือ เวลาเหลือเฟือ ทดลองไปเรื่อยๆ จะผ่านไปร้อยรูปก็ไม่ผิด ถ้ารูปสวยจะมาเป็นรูปที่ร้อยหนึ่ง ก็แค่ถ่ายให้ผ่านร้อยภาพที่แตกต่างกัน เรียนรู้ทุกภาพที่ถ่าย เดี๋ยวก็ถึงภาพที่สวยเอง


ถ่ายคลิปวิดีโอสไตล์โบราณ

การถ่ายภาพและวิดีโอในปัจจุบันปี คศ 2023 จะใช้เครื่องมือดิจิทัลกันหมดแล้ว และคุณภาพของภาพและวิดีโอก็สูงลิบ เป็นภาพความละเอียดสูงมาก และวิดีโอระดับ 2K 4K และในระดับโปรดักชั่นก็อาจจะไปถึง 8K กันแล้ว แถมโทรศัพท์มือถือถ่ายรูปได้สวยจนกล้องคอมแพ็คดิจิทัลกำลังจะสูญพันธ์ุ กล้องระดับกลางเริ่มขายยาก เพราะมือถือพัฒนาคุณภาพขึ้นมาสูงมากแถมราคาก็แซงกล้องระดับมือสมัครเล่นไปแล้ว ทำให้ทุกคนที่ซื้อมือถือใหม่ๆสามารถทำคอนเท้นต์คุณภาพดีได้ไม่ยาก

ความนิยมกล้องฟิล์มก็เสื่อมถอยหลังจากที่บูมขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งเมื่อหลายปีก่อน เนื่องจากฟิล์มถ่ายภาพที่เคยราคาม้วนละร้อยบาทกลายเป็นม้วนละสี่ร้อย ไม่รู้ว่ากลไกราคาทำงานยังไงทำให้ราคาสูงขึ้นยิ่งกว่าทอง ผลก็คือคนแทบจะเลิกเล่นกล้องฟิล์ม นักถ่ายภาพที่ต้องการภาพสีประหลาด โทนสีอุ่นนุ่มแบบอนาลอก เริ่มถอยจากฟิล์ม แต่จะหันไปทางไหนเพื่อเล่นของแปลก ก็เลยเป็นกระแสกลับไปเล่นกล้องดิจิทัลโบราณ เพราะความต้องการที่จะไม่เหมือนใคร การเล่นฟิล์มที่เคยเป็นทางออก ก็เปลี่ยนมาเป็นกล้องดิจิทัลยุคแรกแทน

ลักษณะของภาพถ่ายจากกล้องดิจิทัลโบราณจะดูพอรู้ว่าคุณภาพไม่สูงมาก กล้องดิจิทัลอายุ 20 ปี จะมีความละเอียดประมาณ 2-4 ล้านพิกเซล ซึ่งก็เพียงพอสำหรับการอัดขยายภาพในระดับโปสการ์ด เพียงพอสำหรับการดูในจอโทรศัพท์หรือแม้แต่จอคอมพิวเตอร์ แต่สิ่งที่มันบ่งบอกถึงความโบราณคือคุณภาพของภาพที่ไม่สวยใสแบบกล้องสมัยใหม่ ซึ่งก็หลายเป็นลักษณะที่แตกต่างที่มีคนตามหา แและกล้องเหล่านี้ก็จะมีความสามารถในการถ่ายวิดีโอด้วย ภาพวิดีโอแนวโบราณ ความละเอียดระดับ dvd หรือ 640×480 หรือต่ำกว่า กลายเป็นภาพที่ดูแปลก เป็นความอินดี้ด้วยคุณภาพที่ต่ำ มันก็เป็นเสน่ห์สำหรับบางคน มีไว้ถ่ายสนุกๆ เก็บภาพความทรงจำใหม่ด้วยสไตล์โบราณ

youtuber บางคน ก็ทำมิวสิควิดีโอแนวภาพโบราณออกมา เพลงเพราะรวมกับภาพแนวเก่าเหมือนสมัยคุณพ่อยังหนุ่ม มันก็ทำให้อารมณ์ในคลิปดูแปลกตา ภาพที่แปลกก็มักจะเป็นภาพที่เรียกร้องความสนใจได้ บางคนก็ถ่ายด้วยกล้องคุณภาพดีมากแต่นำมาประมวลผลด้วยฟิลเตอร์ที่ทำให้ดูโบราณก็มี หลายคนก็เลยหันไปใช้อุปกรณ์โบราณจริงๆเลยก็ได้เหมือนกัน และประหยัดเวลาไม่ต้องมาทำโพสโปรดักชั่นด้วย

นี่คือภาพวิดีโอจากกล้อง kodak c140 กล้องตัวนี้แม้ไม่โบราณมาก แต่ภาพวิดีโอก็ดูโบราณได้แล้ว กล้องตัวนี้ออกขายประมาณปี 2009 ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล บันทึกวิดีโอด้วยความละเอียด 640×480 เท่านั้น เป็นกล้องที่ซูมภาพได้ประมาณ 3 เท่า คุณภาพจะดีที่ช่วงมุมกว้าง ถ้าซูมเยอะๆภาพจะไม่ค่อยสวย

ผมลองใช้อุปกรณ์เก่าๆไปถ่ายคลิปวิดีโอเพิ่มเติมด้วย เพื่อจะได้ดูคุณภาพ

คลิปที่สองนี้ใช้ ipod touch gen4 มาถ่าย คาดว่า ipod ตัวนี้ออกมาช่วงปี 2010 ซึ่งจะเริ่มมีการบันทึกคลิปวิดีโอระดับ Hd แล้ว คุณภาพของมือถือและอุปกรณ์ไอทีช่วงนี้จะเริ่มพัฒนาจนใกล้เคียงกับกล้องคอมแพ็คราคาถูกๆ และหลังจากรุ่นนี้ออกอีกไม่กี่ปีค่ายมือถือ จะเริ่มพัฒนาไปอย่างก้าวกระโดดจนผู้คนเริ่มไม่คิดจะซื้อกล้องคอมแพ็คอีกแล้ว

คลิปที่ 3 นี้เป็นคลิปที่บันทึกด้วยกล้อง canon eos m ซึ่งออกมาในปี 2014 โดยสามารถบันทึกวิดีโอด้วยความละเอียดระดับ Full Hd หรือ 2k ซึ่งเป็นระดับความละเอียดมาตรฐานอยู่ถึงปัจจุบัน แต่ก็กำลังจะล้าสมัยเพราะอุปกรณ์ต่างๆในช่วงปีนี้กำลังไปสู่ 4K

จากการลองเล่นกล้อง 3 ยุค เพื่อถ่ายคลิปวิดีโอ ก็มีความรู้สึกว่า กล้องถ่ายภาพมีพัฒนาการไปตลอดเวลา คุณภาพการบันทึกก็จะดีขึ้นเรื่อยๆ และกล้องที่เกิดในยุคหลังจะมีคุณภาพที่ดีกว่าเสมอ แต่สิ่งหนึ่งที่ยังคงอยู่กับการถ่ายภาพรวมถึงถ่ายวิดีโอก็คือ คุณค่าของภาพหรือคลิปจะแปรเปลี่ยนไปตามสิ่งที่เราสนใจ ถ้าเป็นเหตุการณ์ที่เราชอบ ถ้าเป็นคนที่เรารัก เราก็จะดูสิ่งที่เป็นเนื้อหาและเหตุการณ์ ไม่ได้ดูพิกเซล ไม่ได้ดูน้อยส์หรือสัญญาณรบกวน เรายังคงสนใจสิ่งที่เราสนใจ หมายความว่าเราใช้กล้องอะไรก็ได้ที่อยู่ในมือเราเพื่อบันทึกสิ่งที่เราต้องการ การเลือกใช้อุปกรณ์สมัยใหม่ หรือ อุปกรณ์สมัยก่อน ต่างก็เป็นแค่แนวทาง เป็นแค่เครื่องมือเท่านั้น

ความนิยมในการใช้กล้องเก่ามาถ่ายภาพ น่าจะค่อยๆเพิ่มขึ้น เพราะราคาฟิล์มแพงเหลือเกิน มันแพงกว่าเมมโมรี่การ์ดไปหลายเท่าแล้ว ถ้ายังคงปรับราคากันไม่หยุด สุดท้ายเราจะได้เลิกใช้ฟิล์มกันจริงๆ และอาจจะถึงขั้นสูญพันธ์ุเหมือนแผ่น VCD DVD ที่ทุกวันนี้ไม่มีใครผลิตอีกแล้ว

ภาพที่ขายได้

Screen Shot 2565-02-11 at 08.57.18

ภาพนี้เป็นภาพลูกของผมตอนที่ไปเที่ยวเมือง nikko ประเทศญี่ปุ่น ตอนนั้นผมพกกล้องไปตัวเดียวคือ eos m รุ่น1 ติดเลนส์ตัวเดียวตลอดทริปคือเลนส์ 22f2 การเดินทางที่ญี่ปุ่นกับลูกเล็กวัย 3 ขวบ เป็นการเดินทางที่ต้องเตรียมรถเข็น เตรียมอุปกรณ์ของเด็กพอสมควร พ่อกับแม่ต้องช่วยกันยก ช่วยกันอุ้มในหลายสถานการณ์เพราะการเดินทางหลักๆของทริปคือรถไฟ

เลนส์ 22f2 ผมใช้ค่ารูรับแสงที่ f2 ตลอดทริปเลย เพราะต้องการความชัดตื้นที่ละลายหลังให้เบลอดูสวยงาม และต้องการให้มันรองรับสถานการณ์แสงได้ดีหลากหลายสถานที่ และส่วนมากเราก็จะถ่ายภาพในอาคาร ในที่ร่ม การใช้เลนส์ที่มีรูรับแสงกว้างจะเป็นทางเลือกที่เหมาะสมมาก

กล้อง eos m เป็นกล้องที่มีหน้าจอด้านหลังระบบสัมผัส สามารถใช้มือแตะเพื่อให้กล้องทำการโฟกัสและลั่นชัตเตอร์ได้ด้วย มันทำให้เกิดความสะดวกในการใช้งานบางโอกาส เช่นโอกาสเด็กกำลังสนใจกับภาพในจอ มีแสงตอนเช้าเข้ามาทางหน้าต่าง แสงหน้าต่างมักจะสร้างผลลัพธ์ที่ดีกับภาพถ่ายเสมอ ผมเห็นองค์ประกอบนี้ก็รีบหยิบกล้องมากดเปิดกล้องแล้วแตะโฟกัสเพื่อถ่ายเลย แล้วเราก็เก็บวินาทีสวยๆได้ตามที่ตาเห็น ทั้งทริปผมแทบจะไม่ได้ปิดฝาหน้าเลนส์เลย เพราะอยากให้กล้องพร้อมใช้ตลอดเวลา แม้ว่าเลนส์อาจจะเสี่ยงต่อการเสียหายหรือเป็นรอยขีดข่วนบ้าง แต่ผมก็ใช้วิธีติด Hood เหล็กไว้ที่เลนส์ ทำหน้าที่เป็นที่บังแสง และเป็นกันชนให้กับเลนสได้ระดับนึง ภาพลูกผมฝากขายในเว็บ Eyeem.com ครับ

IMG_0338

เทียบกล้องโปร กับ กล้องถ่ายเล่น

canon eos 6d กับเลนส์ 24-105F4L is เป็นชุดถ่ายภาพระดับจริงจังของผมเอง ส่วนชุดพกพาถ่ายเล่นในวันเบาๆ ไม่ได้เอาไปรับงานก็จะใช้ eos m กับเลนส์ efm 18-55 is stm มีโอกาสได้ถ่ายภาพเปรียบเทียบกัน จะแตกต่างกันแค่เพียง eos m จะติด cpl ไว้ที่เลนส์ด้วย

IMG_0039
eos 6d + 24-105is F4L
IMG_6094
eos m + 18-55is + cpl


IMG_20190417_122339
huawei p9

ลองถ่ายในมุมคล้ายๆกันในทริปกระบี่ เป็นทะเลที่เกาะรอก น้ำทะเลสวยใส ชายหาดขาวสะอาด แสงแดดจัดแสบตามากหากมองทรายด้วยตาเปล่า

IMG_0041
eos 6d + 24-105is F4L
IMG_6119
eos m + 18-55is + cpl
IMG_0077
eos 6d + 24-105is F4L
IMG_6198
eos m + 18-55is + cpl

IMG_0071
eos 6d + 24-105is F4L
IMG_6188
eos m + 18-55is + cpl

IMG_0073
eos 6d + 24-105is F4L
IMG_6189
eos m + 18-55is + cpl