ทดสอบเลนส์ canon efs18-55 vs efm18-55

บังเอิญว่ามีอุปกรณ์ canon อยู่หลายชิ้น และมีสองชิ้นที่สเป็คเดียวกัน แต่ออกมาให้ใช้กับคนละบอดี้ คือ ef-s 18-55is MkII ที่ได้มาตั้งแต่ช่วงปี 2007 ซึ่งเป็นช่วงที่ยังใช้กล้อง Dslr รุ่น eos350 อยู่ และ อีกตัวเป็นเลนส์ efm 18-55stm ที่ออกมาเป็นเลนส์ Kit ของกล้อง eos-m ซึ่งเป็น mirrorless ตัวแรกของ canon

สิ่งที่เป็นสมมุตฐานในใจก็คือ เลนส์รุ่นใหม่ๆจะคมชัดกว่าเลนส์รุ่นเก่า เป็นสิ่งที่สังเกตุมาหลายครั้งแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้โอกาสทดสอบแบบสเป็คเดียวกันเสียที การทดสอบก็จะใช้กล้อง eos-m เป็นตัวรับภาพหลัก เปลี่ยนเลนส์สองตัวเข้าไปแล้วถ่ายทุกค่า F มาเปรียบเทียบกับ เลนส์ stm จะต่อตรงเข้ากับกล้อง ส่วน 18-55is จะต่อผ่าน adaptor ef to efm ก่อน ภาพที่ถ่ายเป็นกระดาษชาร์จสี เมื่อถ่ายแล้วเอาด้านบนซ้ายของภาพมาเปรียบเทียบกัน เพื่อวัดคุณภาพของขอบภาพของเลนส์แต่ละตัว เหตุที่ไม่เอากลางภาพมาคิดเพราะเลนส์ส่วนใหญ่จะดีที่กลางภาพอยู่แล้ว เอาที่ขอบภาพซึ่งเป็นของยากมาเทียบกันเลยจะเห็นผลแตกต่างมากที่สุด

กล้อง eos-m ตั้งค่าดังนี้ iso400 whitebalance เป็น Daylight ใช้โหมด Av เก็บภาพเป็น jpg ภาพทดสอบถ่ายไปหลายสิบภาพ ดูไปดูมาก็เร่ิมงง ก็ขอเอาภาพตัดสินมาวางเทียบเลยดังนี้

efm1855 f8 L 18
ภาพบนเป็นของ efm 18-55stm ช่วงซูมที่ 18 ค่า f8 ให้ความคมชัดสูงสุด กว่าค่า f อื่นๆ

efs1855 f8 L 18
ภาพล่างเป็นภาพของ ef-s 18-55is MkII ช่วงซูมที่ 18mm ค่า f8 ซึ่งให้ความคมชัดสูงสุดเช่นกัน

จากสองภาพก็จะเห็นได้ว่า efm18-55 ชัดกว่า efs18-55is อย่างชัดเจน เป็นไปตามสมมุติฐานว่าเลนส์รุ่นใหม่ สเป็คเดิม จะคุณภาพสูงกว่าเลนส์รุ่นเก่า

สิ่งที่จะทดสอบต่อไปก็คือ เลนส์ฟิกซ์ เทียบกับเลนส์ L ไว้ทำเสร็จจะมาโพสท์อีกทีครับ

ลูกตัดเล็บ เปรียบเทียบกล้อง eos m vs nikon v1

เป็นเรื่องน่าตื่นเต้นมากสำหรับคนเป็นพ่อที่เห็นลูกชอบตัดเล็บเล่น เหตุการณ์นี้น่ารักจะไม่อยากให้ผ่านไป ทุกวันที่ลูกค่อยๆโตขึ้นความไร้เดียงสาจะค่อยๆหายไป สิ่งที่ทำได้สำหรับบันทึกความทรงจำก็คือถ่ายภาพเก็บไว้ และ ถ่ายวิดีโอเก็บไว้

ในเวลาสองวันติดกันขอบฟ้าตัดเล็บทุกวัน ตัดให้พ่อบ้าง ตัดตัวเองบ้าง ถือโอกาสถ่ายวิดีโอเก็บไว้ โดยใช้กล้องสองตัว วันแรกใช้กล้อง canon eos m ติดเลนส์ 22f2 เปิดโหมด P และปรับค่า iso auto ถ่ายเป็นวิดีโอ Full HD

ขอบฟ้าชอบการตัดเล็บ ทั้งตัดให้ตัวเองและตัดให้คนอื่น  คงเป็นความสนุกของเด็กที่เล่นอะไรแปลกๆไม่เคยเล่น  เวลาเอาที่ตัดเล็บมาจ่อแล้วบีบกดให้มีเสียงขอบฟ้าจะพอใจ  แต่ถ้าตัดแล้้วไม่มีเสียงกิ๊ก  ขอบฟ้าจะบอกว่า บ๊ะตัดไม่เป็น ให้แม่ตัดให้  ให้ยายตัดให้

ส่วนอีกคลิปหนึ่งด้านล่างเป็นการถ่ายด้วยกล้อง nikon v1 ติดเลนส์ 10f2.8 ปรับโหมด P ค่า iso auto วางกล้องไว้บนชั้นวาง

 

จากวิดีโอทั้งสองคลิปนี้จะเห็นได้ว่า วิดีโอที่ถ่ายโดย nikon v1 จะไม่มีอาการโฟกัสวืดเลย เทียบกับ canon eos m ที่จะมีจังหวะวืดวาด ต้องขยับโฟกัสใหม่บ่อยครั้ง  การติดตามวัตถุทำได้ไม่ดี  ทั้งๆที่การเคลื่อนไหวในภาพก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไร  การมีเลนส์ติดกล้องอย่าง 22f2 นั้นไม่ช่วยให้ canon เร็วขึ้น หรือ ผิดพลาดน้อยลง  สมองกลที่ทำการประมวลผลเรื่องโฟกัส canon eos m นั้นแย่กว่า nikon v1 อย่างมาก  ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจ  เพราะ nikon v1 หรือ series 1  ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อกำหนดมาตรฐานใหม่  ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้เป็นกล้องเล็กแต่คุณภาพหัวแถว  แตกต่างจาก canon ที่ทำ eos m ออกมาแบบไม่ได้ตั้งธงว่าจะต้องให้มันดีขึ้น  เป็นการเอากล้องที่มีอยู่แล้วมาตัดอะไหล่บางชิ้นออกแล้วขายเลย  ไม่ได้ใส่สิ่งใหม่ๆลงไป   แปลแบบบ้านๆก็คือ eos m เป็นกล้องน้องเล็กและพิการที่คลานตามรุ่นพี่ออกมาเท่านั้น

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

eos m กับงานถ่ายแพ็คช็อต หรือถ่ายภาพสินค้า

eos m กับงานถ่ายแพ็คช็อต หรือถ่ายภาพสินค้า

เมื่อก่อนตอนใช้ DSLR จะถ่ายสินค้า ก็จะตั้งโหมด m เลือกค่า f ตามใจ เลือกสปีดตามความเร็วซิงค์แฟลชของกล้องตัวนั้นๆ เลือก iso ต่ำๆไว้ก่อน 200 บ้าง 400 บ้าง ต่อหัวจุกทริกเกอร์เพื่อส่งสัญญาณไร้สายไปยังตัวรับที่ต่อกับแฟลชนอก เวลาถ่ายก็โฟกัสด้วยช่องมองภาพ กดถ่าย แฟลชติด ได้ภาพ

sale2013-IMG_0230

พอใช้ eos m ตั้งโหมด m เหมือนเดิม ตั้ง iso ประมาณ 400 ต่อทริกเกอร์ตัวเดิม ผลก็คือ ภาพในจอมืด จัดองค์ประกอบไม่ได้เลย ต้องกดโฟกัสลงไปครึ่งนึงเพื่อให้กล้องเริ่มโฟกัส ภาพถึงจะมา เราไม่สามารถจัดองค์ประกอบได้ตลอดเวลา เพราะภาพมืด มันรับแสงตามค่าโหมด m แต่ถ่ายได้ กดถ่ายก็ได้ภาพ ได้แสงพอดี เพราะแสงแฟลชจากทริกเกอร์ทำงานได้ปกติ

กล้อง eos m จะส่งภาพที่ค่าแสงจริงที่ถ่ายได้โดยไม่รู้ว่าเราจะถ่ายด้วยแฟลช ที่ต่อกับทริกเกอร์ ภาพในจอเลยมืด ถ้าเราปรับโหมดไปที่ A Tv หรือ P ภาพจะสว่างพอดี

IMG_0430

กรณีนี้ถ้าเปลี่ยนจากทริกเกอร์เป็นแฟลชของcanonเอง กล้องจะรู้ว่าเราใช้แฟลช ก็จะแสดงภาพให้มองเห็นอัตโนมัติ แม้เราจะตั้งเป็นโหมด M ก็ตาม แต่แสงแฟลชจากหัวโดยตรงก็ไม่ดีพอจะถ่ายสินค้า
สรุปได้ว่า eos m ถ่ายสินค้าลำบากมากถ้าใช้แฟลชทริกเกอร์ แต่จะทำงานได้ถ้าใช้แฟลช canon

ทางออกที่เปลืองที่สุดสำหรับกรณีนี้ก็คือ ใช้แฟลช canon ทุกตัว แฟลชติดกล้องก็เป็น canon หรือเป็นตัวส่งสัญญาณแฟลชของ canon แฟลชนอกกี่ตัวก็ใช้เป็น canon เพื่อรับคำสั่งไร้สายทั้งหมด
เปลืองมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ แต่ผลลัพธ์จะสะดวกมากๆ และทำงานได้เร็วสุดๆ

ผมลอง ex90 ติดกล้อง ส่งสัญญาณไปยังแฟลช 580ex และ 550ex เพื่อถ่ายสินค้า สะดวก เร็ว แต่เปลืองมาก ถ้าไม่เป็นเพราะมีของเยอะ เคยรับงานมาหลายปี มีอุปกรณ์เป็นคันรถอยู่แล้วคงไม่คิดจะลองให้จบแบบนี้ เพราะแค่จะลงทุนซื้อแฟลชค่ายมาสามตัวก็ดูเปลืองมากๆ เทียบกับทริกเกอร์ของจีนชุดไม่กี่ร้อยบาท แฟลชบ้านๆเก่าๆแต่ไฟแรงตัวละสองพัน ประหยัดกว่ากันเยอะ

IMG_0428

ใครรู้เรื่องแฟลชและจะลงทุนซื้อกล้องมาถ่ายสินค้า ใช้ DSLR ไปเถอะ แต่ถ้าไม่คิดจะใช้แฟลช ใช้แสงหลอดไฟ ใช้แสงธรรมชาติก็คงไม่มีปัญหา eos m ยังคงน่าใช้ แต่สำหรับผมคิดว่าถ่ายสินค้าอีกที คงกลับไปใช้ DSLR เหมือนเดิม