“ดิจิทัลมาเก็ตติ้งคือความรู้ที่จำเป็นในยุคนี้”
ในอดีตเมื่อเรามีสินค้าที่ผลิตออกมา เราก็จัดจำหน่ายด้วยการนำไปวางขายในร้านค้า มีทั้งร้านค้าปลีก ค้าส่ง ร้านค้าในห้างสรรพสินค้า และบางอุตสาหกรรมก็ขายส่งไปต่างประเทศ บางคนก็ขายให้ตัวแทนจำหน่ายแล้วตัวแทนจำหน่ายก็ไปกระจายสินค้าสู่ห้าง สู่ร้านค้าที่ปลายทางอีกทอดหนึ่ง บางคนก็อาจจะต้องไปเช่าพื้นที่ในห้างเพื่อขายสินค้าของตัวเอง เป็นที่มาของคำว่าเปิดร้าน การเปิดร้านเราต้องเลือกทำเล เลือกห้าง เลือกภาพลักษณ์ของห้างนั้นๆเพื่อทำการขายสินค้าของเรา
ยอดขายที่ดีมาจากการขายได้จำนวนมาก การขายได้จำนวนมากมาจากคนซื้อรู้จักสินค้า คนรู้จักสินค้าเพราะการโฆษณา การโฆษณาสินค้าหรือแผนการตลาดจึงเป็นสิ่งที่กำหนดความอยู่รอดของธุรกิจ เราจำเป็นต้องรู้ว่าเราจะโฆษณาอะไร ไปสู่ลูกค้าคนไหน ด้วยวิธีการหรือด้วยสื่อในช่องทางใด
หากคุณเปิดร้านอาหาร นอกจากการตั้งร้านตกแต่งให้สวยงามเรียบร้อยแล้ว สิ่งที่ต้องทำลำดับถัดไปก็คือ บอกคนในพื้นที่รอบร้านอาหารว่ามีร้านนี้เปิดบริการอยู่ ในยุคก่อนจะมีโซเชียลเน็ตเวิร์ค การบอกคนในพื้นที่จะทำผ่านใบปลิว บ้างก็โฆษณาทางวิทยุ ออกโทรทัศน์ ซื้อหน้าโฆษณาในนิตยสารและหนังสือพิมพ์ การทำใบปลิวถ้าไม่แจกด้วยตัวเองก็ต้องจ้างคนไปแจก จ้างคนไปหย่อนใบปลิวหน้าบ้าน หย่อนตู้ไปรษณีย์ของแต่ละบ้าน นั่นคือการทำมาเก็ตติ้งแบบออฟไลน์ มีต้นทุนการทำสื่อ มีต้นทุนการซื้อเวลาของสถานีวิทยุและโทรทัศน์ และมีต้นทุนในการกระจายสื่อให้ทั่วถึง
สินค้าแบบเดียวกัน หรือถ้าเป็นร้านอาหารแบบเดียวกันแล้วจะโฆษณาในยุคอินเทอเน็ตแบบปัจจุบัน นอกจากวิธีเก่าแบบออฟไลน์แล้ว เรายังมีทางเลือกอื่นที่ทรงประสิทธิภาพ อย่างวิธีการเปิดเว็บไซต์ เปิดเพจในโซเชียลมีเดีย เพราะผู้คนยุคปัจจุบันมีสมาร์ทโฟนติดตัว ทุกคนเข้าสู่อินเทอเน็ตได้ตลอดเวลา และทุกคนเป็นสมาชิกโซเชียลเน็ตเวิร์คบางตัวอยู่แล้ว เราก็แค่เอาร้านของเราไปเปิดตัวในโซเชียลเน็ตเวิร์คที่กลุ่มเป้าหมายเราเล่นอยู่ แล้วก็ซื้อโฆษณาในโซเชียลเน็ตเวิร์ค กลุ่มเป้าหมายของเราก็จะได้รับรู้ข้อมูลของร้านอาหารของเรา เห็นภาพ เห็นสิ่งที่เราอยากนำเสนอ และเราเลือกได้ว่าจะเข้าถึงลูกค้าแบบไหน ชายหรือหญิง ช่วงอายุเท่าใด มีกำลังซื้อมากน้อยแค่ไหนก็เลือกได้ และสามารถเปลี่ยนภาพโฆษณาให้แต่ละกลุ่มเป้าหมายที่จะมองเห็นภาพเห็นโปรโมชั่นแตกต่างกันได้ นี่คือความสามารถของการตลาดในยุคอินเทอเน็ตที่ทำได้มากขึ้นละเอียดขึ้น ประหยัดเวลากว่าแบบเก่า ประหยัดแรงกว่า เราเรียกการตลาดที่เราทำบนอินเทอเน็ตว่า ดิจิทัลมาเก็ตติ้ง
ความทรงพลังของดิจิทัลมาเก็ตติ้งยังมีมาในรูปแบบความเร็ว ความง่ายในการสื่อสาร เราสามารถเพิ่มช่องทางการสอบถามความพึงพอใจเพื่อนำมาปรับปรุงบริการหรือปรับปรุงสินค้าของเราให้ดียิ่งขึ้น การร้องเรียนของลูกค้าผ่านระบบอินเทอเน็ตจะทำให้เราสามารถรับรู้ปัญหาที่เกิดขึ้นและสามารถลงมือแก้ปัญหาได้เร็ว ทำให้ลดผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในสินค้าได้ บริษัทยังสามารถใช้เทคโนโลยีเพื่อกระตุ้นลูกค้าเก่าให้กลับมาซื้อซ้ำได้ ทำให้ผู้ประกอบการบางคนแทบจะหันหลังให้การตลาดแบบออฟไลน์หรือแบบดั้งเดิม บางคนเลิกพิมพ์ใบปลิว เลิกเดินแจกใบปลิวไปแล้ว เพราะดิจิทัลมาเก็ตติ้งเข้าถึงผู้คนได้มากกว่าในต้นทุนการตลาดที่ต่ำกว่า การเรียนรู้และใช้งานดิจิทัลมาเก็ตติ้งจึงเป็นทางเลือกที่ต้องเลือกในปัจจุบัน
การทำการตลาดที่แท้จริงก็จะหมายถึงการใช้เครื่องมือทั้งแบบออฟไลน์และออนไลน์ ใช้ทรัพยากรทั้งหมดที่เรามีเพื่อทำให้ลูกค้าซื้อสินค้าของเรานั่นเอง บริษัทของเราควรจะมีแผนพัฒนาทั้งสินค้าและพัฒนาคนตลอดเวลา การพัฒนาคนจะเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการทำธุรกิจอย่างยั่งยืน ถ้าธุรกิจของเราเป็นการทำงานแบบยุคเก่า ไม่ยอมใช้เครื่องมือของดิจิทัลมาเก็ตติ้งในการทำตลาดเลยเราจะสูญเสียตลาดให้คู่แข่ง เพราะคู่แข่งที่เกิดใหม่ทั้งหมดจะเข้าสู่ตลาดพร้อมเทคโนโลยี คู่แข่งเก่าที่ปรับตัวพัฒนาตัวเองก็จะเก่งยิ่งกว่าเดิม สื่อการตลาดชิ้นเดียวกันสามารถใช้เทคโนโลยีส่งโปรโมชั่นให้ว่าที่ลูกค้าได้นับล้านคนทั่วโลกพร้อมกัน ซึ่งหากเราไม่รู้จักเครื่องมือ ใช้ไม่เป็น สุดท้ายความไม่รู้จะเป็นปัญหา และเราจะสูญเสียยอดขายที่ควรเป็นของเรา หากเราละเลยไม่เรียนรู้เกี่ยวกับดิจิทัลมาเก็ตติ้งในวันนี้ วันข้างหน้าเราก็จะถูกบังคับให้เรียนรู้เพื่อให้ทันคู่แข่งอยู่ดี แต่เมื่อวันนั้นมาถึงก็เท่ากับตลาดและคู่แข่งเริ่มทิ้งเราไปหลายก้าวแล้ว
ในเรื่องการทำตลาดด้วยโซเชียลเน็ตเวิร์คก็มีประเด็นหลายอย่างที่ต้องคิดและวางแผนให้รอบคอบ บางบริษัทลงทุนโฆษณาทางเฟสบุ๊คมายาวนาน แล้วก็ทำยอดขายได้เรื่อยๆจนวางใจ วันหนึ่งเกิดปัญหา ไม่ว่าจะเป็นเพจโดนปิด โดนขโมย หรือ หายไปเฉยๆ สิ่งที่ลงทุนไว้ หรือกลุ่มเป้าหมายที่เรายิงโฆษณาไปถึงพวกเขาเกิดสูญหาย การเชื่อมโยงกับผู้คนในเพจหายไปหมดเลย ข้อมูลการติดต่อ การขาย การส่งสินค้า ข้อมูลลูกค้าควรจะนำมาเก็บในช่องทางอื่นแบบออฟไลน์ด้วย จะเก็บในรูปแบบไฟล์ บันทึกชื่อที่อยู่เบอร์โทรลูกค้าไว้ในไฟล์เอกสาร excel ก็ได้ เรื่องเหล่านี้ควรทำอย่างสม่ำเสมอ เพราะเหตุการณ์เพจโดนแฮ้คเกิดขึ้นตลอดเวลาทั่วโลก และนอกจากแพลตฟอร์มอย่างเฟสบุ๊คแล้ว โลกเราก็ยังมีอีกหลายแพลตฟอร์มให้เราเข้าไปทำตลาด เราควรเข้าไปทุกแพลตฟอร์มที่มีกลุ่มเป้าหมายของเราอยู่ในนั้น ทั้ง ไลน์ ทวิตเตอร์ ติ๊กต๊อก และอื่นๆ เหมือนกับคำที่เคยมีคนบอกว่า อย่าเก็บไข่ไว้ในตระกร้าใบเดียว เราจึงควรทำตลาดดิจิทัลมาเก็ตติ้งในช่องทางที่หลากหลาย ทำในแพลตฟอร์มทั้งหมดที่ลูกค้าของเราอยู่ในนั้น
จากการเปิดบริษัทสอนทำดิจิทัลมาเก็ตติ้งมาหลายปี ผู้สอนยังรับจ้างทำการตลาดออนไลน์ให้ด้วย เพื่อพิสูจน์ว่าสิ่งที่สอนในหลักสูตรเป็นสิ่งที่นำมาทำจริงแล้วได้ผล เพราะการลงมือยิงโฆษณาทำให้รู้ว่าต้องปรับปรุงความรู้ที่สอนในแง่ใดบ้าง ต้องเพิ่มความทันสมัยของหลักสูตรทุกครั้งที่เปิดกลุ่มการสอนใหม่ตลอดเวลา เพราะทุกแพลตฟอร์มก็ปรับปรุงตัวเองตลอดเวลานั่นเอง
นอกจากบริษัทเอกชนที่มองเห็นความสำคัญของการเรียนรู้ดิจิทัลมาเก็ตติ้งแล้ว เป็นเรื่องน่ายินดีที่มหาวิทยาลัยก็เริ่มปรับปรุงหลักสูตรด้านมาเก็ตติ้ง มีการเชิญไปสอนในหลักสูตร ปริญญาตรี และปริญญาโท ส่วนของหน่วยงานราชการอย่างกระทรวงพาณิชย์ก็เชิญไปสอนให้กับกลุ่มผู้ประกอบการอยู่หลายครั้งต่อปี ความรู้เรื่องดิจิทัลมาเก็ตติ้งกำลังจะเป็นเครื่องมือหลักในการเพิ่มผลประกอบการของภาคธุรกิจ เริ่มเรียนรู้วันนี้เพื่อให้พรุ่งนี้เรายังอยู่ในธุรกิจของเราต่อไป
ข้อมูลโดย
James 062 394 9265
https://www.facebook.com/GoldfingerDigital