ข้อดีของการใช้ dropbox

dropbox เป็นบริการตัวหนึ่งที่มีประโยชน์ต่อการทำงานอย่างมาก ผมรู้จักบริการตัวนี้ในยุคที่เริ่มใช้ netbook จริงจัง ซึ่งการใช้ netbook จะเป็นการใช้คอมพิวเตอร์ตัวเล็ก เบา สเป็คไม่สูงมาก พื้นที่ฮาร์ดดิสก์จำกัด มีความคล่องตัว พกพาง่าย และต่ออินเทอเน็ตจากที่ไหนก็ได้ที่มี wifi หรือ โน้ตบุ๊คบางตัวก็ใส่ซิมแล้วสามารถออนไลน์ได้ตลอดเวลา และการใช้งานยุคนั้นก็จะมีการใช้ซอร์ฟแวร์ที่ช่วยเก็บไฟล์งานบนคราวด์ นั่นทำให้รู้จัก dropbox เป็นครั้งแรก

บริการ dropbox เป็นบริการบนอินเทอเน็ต เราสามารถเก็บไฟล์ต่างๆไว้ใน ระบบ cloud ของ dropbox และไฟล์นั้นก็จะอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ของเราด้วย ไฟล์ทั้งสองแห่งจะเหมือนกันตลอดเวลา เวลาเราแก้ไขไฟล์ในเครื่องคอมพิวเตอร์ของเรา หรือในโฟลเดอร์ dropbox ในเครื่องของเรา ไฟล์นั้นก็จะถูกอัพโหลดไปอยู่ใน cloud ด้วย นั่นทำให้เรามีไฟล์อัพเดทเสมอใน cloud และ ในเครื่องคอมพิวเตอร์ของเรา

ถ้าเราใช้คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะอยู่ที่อ๊อฟฟิศ และพกโน้ตบุ๊คติดตัวเพื่อทำงานนอกสถานที่ โดยที่ทั้งสองเครื่องเชื่อมกับ dropbox เอาไว้ เราจะแก้ไขไฟล์ต่างๆในเครื่องตั้งโต๊ะ ไฟล์นั้นจะถูกส่งขึ้นไปบนcloudเสมอ และเมื่อเราเปิดโน้ตบุ๊คที่ร้านกาแฟ เมื่อเราต่ออินเทอเน็ตและ dropbox ในโน้ตบุ๊คเริ่มทำงาน ไฟล์จาก cloud ที่อัพเดท จะไหลเข้าสู่โน้ตบุ๊คเราอัตโนมัติ นั่นทำให้เรามีไฟล์ที่อัพเดทอยู่เสมอในโน้ตบุ๊ค และที่เจ๋งสุดๆก็คือเราเข้าถึง dropbox ผ่านมือมือหรือแท็บเบล็ตได้ด้วย นอกจากจะสะดวกต่อการทำงานแล้ว เราก็ยังได้ผลพลอยได้เป็นการแบ็คอัพ เพราะมีไฟล์ล่าสุดทุกไฟล์ในโฟลเดอร์ที่อยู่ใน cloud นั่นเอง

ผมมีไฟล์คิดราคางานสิ่งพิมพ์จำนวนมากเป็นหมื่นไฟล์ เพราะทำงานคิดราคางานพิมพ์มายาวนานกว่ายี่สิบปี ก่อนจะมี dropbox ก็เก็บไฟล์ไว้ในคอมพิวเตอร์ที่บ้านอย่างเดียว โน้ตบุ๊คยังไม่ค่อยพกไปนั่งทำงานข้างนอก เวลาจะคิดราคาก็จะกลับมาคิดราคาในที่ทำงาน ไฟล์ก็จะอยู่ที่เดียวเสมอ การไปคิดราคาข้างนอก นั่งทำงานนอกสถานที่ เราจะต้องก็อปปี้ไฟล์คิดราคามาเก็บไว้ในที่ทำงานด้วย สมัยก่อนก็จะใช้วิธีก็อปปี้ใส่แฟลชไดร์ฟ แล้วมาก็อปปี้ลงเครื่องอีกที แต่พอยุคสมัยที่มี dropbox ให้ใช้ ทุกไฟล์ที่ใช้คิดราคาอยู่ใน cloud และอยู่ในคอมพิวเตอร์ที่ทำงาน และอยู่ในโน้ตบุ๊คเสมอ นี่คือความสะดวกขั้นสุดของบริการ dropbox

ข้อดีของการเก็บไฟล์ใน cloud คือ ไฟล์มีความปลอดภัย แต่ cloud ของระบบอื่นๆอย่าง google drive หรือ onedrive จะเก็บไฟล์ไว้ใน cloud แต่เพียงอย่างเดียว ไม่มีไฟล์ตัวจริงอยู่บนเครื่องคอมพิวเตอร์ของเรา ถ้าเน็ตล่มไม่สามารถออนไลน์ได้ เราจะเข้าถึงไฟล์ไม่ได้เลย แตกต่างจาก dropbox ที่ไฟล์อยู่ในเครื่องเราด้วย นั่นทำให้การเข้าถึงไฟล์แม้จะไม่มีอินเทอเน็ต ก็ยังทำงานกับไฟล์งานของเราได้ ต่อให้เน็ตล่ม เราก็ยังทำงานกับไฟล์เก่าได้ และเมื่อทำงานเสร็จ เราก็แค่รอให้อินเทอเน็ตกลับมาใช้งานได้ เมื่อออนไลน์อีกครั้ง dropbox จะทำการอัพเดทไฟล์ที่มีการเปลี่ยนแปลง ให้ทุกที่มีไฟล์เป็นเวอร์ชั่นล่าสุดเหมือนกัน

ลองสมัครใช้บริการ dropbox ดู เพื่อใช้ประโยชน์จาก cloud ให้เต็มที่ สมัครได้ที่นี่

การเลือกที่เก็บภาพ online

การใช้รูปประกอบบทความเป็นสิ่งที่ทำให้บทความน่าอ่าน wordpress สามารถใส่ภาพได้ง่าย และเก็บภาพเหล่านั้นไว้ในระบบได้  ข้อดีคือทุกอย่างอยู่ในระบบเดียวกัน  แต่ข้อเสียคือ หากเราเขียนอย่างต่อเนื่องหลายปี บทความและรูปจะเยอะมาก และทำให้พื้นที่ใน wordpress เต็มได้ง่าย  เพราะ wordpress แบบฟรี จะมีพื้นที่จำกัด  ส่วนแบบจ่ายเงินก็จะได้พื้นที่เก็บข้อมูลเยอะขึ้น ยิ่งจ่ายต่อปีแพงขึ้นก็ยิ่งได้พื้นที่มากขึ้น  การเขียนบทความที่ยาวนาน มีเนื้อหาจำนวนมาก ภาพประกอบก็จะมากตามไปด้วยทำให้การแบ็คอัพก็จะทำยากขึ้น นานขึ้น

การหาที่เก็บภาพแบบ online แล้วนำไปใช้ใน wordpress จะเป็นสิ่งที่ช่วยให้เราประหยัดพื้นที่ใน wordpress ได้ และเรายังคงได้ใช้ความสามารถของระบบเก็บภาพเพื่อวัตถุประสงค์อื่นได้อีกด้วย  อย่างเช่น เราอาจจะมีเว็บไซต์หลายเว็บ และหลายเว็บใช้คลังภาพเดียวกัน  การแยกคลังภาพไปเก็บไว้ต่างหากนอก wordpress ก็เป็นสิ่งที่เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับการใช้งานหลายวัตถุประสงค์

Flickr-Logo-700x394

แนะนำการใช้คลังภาพเป็นระบบของ flickr เพราะว่าเป็นระบบการเก็บภาพที่พัฒนามายาวนานมาก  มีการจัดระเบียบ หมวดหมู่  สามารถสั่งให้เรียงลำดับตามวันเวลาที่บันทึกภาพก็ได้ หรือ เรียงลำดับตามวันที่อัพโหลดเข้า flickr ก็ได้  ความยืดหยุ่นในการจัดเรียงไฟล์ภาพทำให้เราสามารถย้อนดู หรือ ย้อนหาภาพที่ต้องการได้เร็วมากหากเราจำเหตุการณ์หรือวันเวลาที่ต้องการย้อนไปดูได้  การหาภาพในคลังของ flickr เราจะใช้เวลาไม่นานเพื่อเข้าถึงภาพนั้น  และ flickr ยังมีความสามารถในการนำภาพออกไปแชร์ได้หลายรูปแบบ  ซึ่งดีกว่า google photo  ดีกว่าเก็บไว้ใน cloud ระบบอื่นๆ  เพราะ cloud ของ flickr ออกแบบให้บริหารจัดการภาพได้ดีกว่ายี่ห้ออื่น

image

การส่งรูปภาพเข้า flickr สามารถทำได้ทีละหลายร้อยรูป และทุกรูปมีความละเอียดสูงเท่าต้นฉบับ  flickr จึงเป็นแหล่งแบ็คอัพหรือคลังเก็บภาพที่ดีมาก  แถมยังสามารถจัดกลุ่มแยกเป็นอัลบั้มได้อิสระ  ตั้งค่าให้แต่ละภาพเป็น private หรือ public ได้ด้วย  ต่อให้เราไม่ทำเว็บไซต์ เราก็ยังสามารถใช้ flickr เป็นที่เก็บภาพบนอินเทอเน็ตได้  ถือว่าเป็นเว็บเก็บภาพที่ทรงพลังมาก  ในตอนที่ผมเริ่มเขียนบทความก็ได้ทดลองใช้ระบบเก็บภาพบางแห่ง และสุดท้ายก็ต้องเลิกใช้ในที่สุดเนื่องจากระบบนั้นปิดตัวเองลง  การเลือก cloud เพื่อเก็บข้อมูลก็จะมีความเสี่ยงอยู่ในเรื่องเหล่านี้  การเลือกระบบที่ชำนาญเรื่องภาพถ่ายและอยู่มายาวนานก็เป็นวิธีคิดที่ถูกต้องที่สุด

External-Harddisk-WD-My-Passport-5TB

แต่อย่างไรก็ตาม เราก็ยังคงต้องมีแบ็คอัพรูปภาพทั้งหมดเอาไว้ในบ้านด้วย  เราควรเลือกใช้ external harddisk สักตัวเพื่อเก็บภาพทุกภาพเอาไว้ถือเป็นช่องทางเก็บอีกระบบหนึ่ง  ความแน่นอนที่สุดที่ไฟล์ภาพจะไม่หายคือการมีภาพนั้นไว้ในฮาร์ดดิสก์และวางฮาร์ดดิสก์ก้อนนั้นไว้ในบ้านและขณะเดียวกันไฟล์นี้ก็ต้องอัพโหลดเข้าไปอยู่ใน cloud ที่ดีด้วย เพื่อให้เราได้ใช้งานในการเขียนบทความและทำเว็บไซต์ สรุปสั้นๆก็คือไฟล์ที่เราอยากเก็บควรมีไว้ทั้งในฝั่ง online และ offline