Tag Archives: bw
งานขาวดำ
ความสนุกในการถ่ายภาพมันเกิดจากเราได้อยู่กับภาพนั้นนานมากโดยที่เราไม่รู้ตัว มันเริ่มจากเรื่องราวของกิจกรรมที่เรากำลังทำ มีส่วนร่วม เป็นหนึ่งในเหตุการณ์ ไม่ว่าจะเป็นชีวิตประจำวัน การเดินทาง การท่องเที่ยว หรือการทำงาน เมื่อเราเป็นคนในเหตุการณ์ เราจะเห็นภาพเหตุการณ์ด้วยตา และเมื่อเราหยิบกล้องมาบันทึกภาพ มันคือจังหวะที่เราบันทึกสิ่งที่เราอยากจดจำและมันเป็นภาพที่เราเลือกแล้วว่าจะเก็บไว้นานๆ
เราหยิบกล้องขึ้นมา มันเป็นกล้องที่เราเตรียมไว้ก่อนจะออกจากบ้าน เราเตรียมเครื่องมือตั้งแต่ก่อนเหตุการณ์จะเกิด เรามีความพยายามโดยไม่รู้ตัว และเมื่อถ่ายภาพเสร็จ เราจะส่งฟิล์มไปล้าง แม้โลกนี้จะมีกล้องดิจิทัลมากกว่าจำนวนมนุษย์ในโลก แต่เราก็ยังใช้กล้องฟิล์มในบางวัน ซึ่งบางวันนี้แหละคือภาพจำชั้นดีที่จะอยู่กับเราได้นานเกินคาด และอาจจะนานกว่าภาพดิจิทัลในโทรศัพท์มือถือเสียด้วย

การล้างฟิล์มเราเลือกวิธีล้าง เลือกร้าน ถ้าเป็นฟิล์มสีกับฟิล์มสไลด์เราจะส่งไปล้างที่ร้านขาประจำ ฟิล์มขาวดำเราสามารถล้างเองได้ถ้าเคยฝึกล้าง ตอนล้างฟิล์มเราจะถือฟิล์มในมือเราไปอีกอย่างน้อย 10 นาทีแล้วแต่สูตรเคมี สมาธิเราจะอยู่กับเวลาที่แม่นยำ ถ้าเรานับเวลาผิดฟิล์มก็อาจจะมืดหรือสว่างเกินไป และตอนนี้ก็เป็นช่วงลุ้นด้วยว่าเมื่อล้างแล้วจะได้ภาพที่ดีไหม เมื่อล้างเสร็จ ก็เข้าสู่การตากหรือทำให้แห้ง การรอฟิล์มแห้งก็ใช้เวลาเป็นชั่วโมง เราจะเห็นภาพบนฟิล์มขาวเป็นดำ ดำเป็นขาวตั้งแต่ตอนตาก เราจะเห็นว่าทั้งม้วนมีกี่ภาพ มีภาพเสียไหม มีภาพที่ดีไหม มีส่วนไหนที่ดำเกินไป หรือ ฟิล์มใสเกินไป

พอฟิล์มแห้ง ถ้าเป็นร้านก็จะใช้ฟิล์มทั้งม้วนไปสแกนได้เลย แต่ถ้าล้างฟิล์มเองที่บ้าน เราจะต้องตัดฟิล์มเพื่อเก็บเข้าซองพลาสติก ซองพลาสติกเราใส่ได้ 6 ภาพต่อแถว เราก็ต้องจับแผ่นฟิล์มแล้วนับ6 ภาพแล้วตัดฟิล์ม มือใหม่บางคนก็ตัดเบี้ยว มือเก่าที่ทำบ่อยจะตัดได้ชัวร์กว่า เราจะเห็นแต่ละภาพบนฟิล์ม เราจะเล็งตัดอย่างระวังเพื่อไม่ให้รอยตัดเบี้ยวไปโดนส่วนของภาพ หลังจากขั้นตอนนี้เราจะพร้อมนำไปอัดขยาย หรือบางคนก็นำไปสแกนด้วยเครื่องสแกนฟิล์มอย่างง่าย ผมใช้วิธีติดฟิล์มบนกล่องไฟ แล้วใช้กล้องดิจิทัลถ่ายภาพฟิล์มนั้นตรงๆ จากนั้นใช้ซอร์ฟแวร์ปรับแต่งให้ภาพกลับมาเป็นโทนขาวดำปกติ ปรับความเข้มอ่อน ส่วนขาว ส่วนเทา ส่วนดำ จนได้ภาพที่ชอบ

กว่าจะเป็นภาพให้เราได้ชื่นชม เราผ่านขั้นตอนต่างๆจำนวนมาก เราได้อยู่กับภาพที่เราตั้งใจถ่ายนานมากตั้งแต่ต้นจนจบ ได้ลุ้นว่าจะดีตามที่ตั้งใจไหม มันเป็นช่วงเวลาที่เราได้ความสนุกจากการใช้ฟิล์ม ขั้นตอนที่เยอะและเวลาที่ยาวนานแบบนี้ทำให้เราเกิดความชอบ ประทับใจในภาพ และรับรู้ว่ามันสร้างผลกระทบกับหัวใจมากกว่ากล้องดิจิทัล นี่คือเสน่ห์ของการถ่ายภาพด้วยฟิล์ม เป็นความทรงจำที่เรามีส่วนร่วมกับมัน.
การสแกนฟิล์มด้วย DigitaLIZA
หลักการของการสแกนฟิล์มในยุคดิจิทัลก็คือ ทำให้แสงส่องผ่านฟิล์ม แล้วเอากล้องดิจิทัลมาถ่ายภาพแผ่นฟิล์มนั้น จากนั้นก็ไปเข้าโปรแกรมปรับแต่ง ถ้าถ่ายภาพฟิล์มเน็กกาทีฟ ก็ต้องกลับสีให้เป็นโพสิทีฟเสียก่อน ถ้าสแกนฟิล์มขาวดำ ก็ต้องใช้การปรับ อินเวิต เพื่อกลับขาวเป็นดำ ดำเป็นขาว และถ้าสแกนฟิล์มสไลด์ ก็ไม่ต้องกลับสีเลย แค่ปรับความสว่างอีกเล็กน้อยก็ได้ภาพที่ดีแล้ว
1สแกนฟิล์มขาวดำด้วยกล้องดิจิทัล
สแกนฟิล์มขาวดำด้วยกล้องดิจิทัล
ในปัจจุบันการถ่ายภาพของเราจะเป็นการถ่ายด้วยกล้องดิจิทัลไปเกือบทั้งหมดแล้ว แต่ก็ยังคงมีบางคนที่ยังคงถ่ายภาพด้วยฟิล์ม ซึ่งการถ่ายภาพด้วยฟิล์มที่ยังคงนิยมอยู่ในกลุ่มช่างภาพก็จะมีระบบฟิล์มเน็กกาทีฟสี และฟิล์มขาวดำ โดยคนที่หลงใหลการถ่ายภาพด้วยฟิล์มอย่างมากก็มักจะใช้ฟิล์มขาวดำ เพราะเป็นระบบฟิล์มที่สามารถล้างฟิล์มเองได้ที่บ้านโดยไม่ต้องใช้เครื่องมือซับซ้อน นั่นทำให้ฟิล์มขาวดำยังมีคนนิยมใช้งานอยู่
ฟิล์มขาวดำเมื่อผ่านการล้างมาเรียบร้อยแล้ว เราจะยังคงไม่ได้เห็นภาพที่เราต้องการ จะต้องมีการอัดภาพลงบนกระดาษเสียก่อน หรือ หากเราไม่ต้องการอัดภาพเป็นกระดาษ เราก็ยังสามารถใช้วิธีสแกนฟิล์มให้เป็นไฟล์ดิจิทัลได้ การสแกนฟิล์มจำเป็นต้องมีสแกนเนอร์สำหรับสแกนฟิล์ม ซึ่งราคาก็สูงมาก แต่ปัจจุบันเรามีทางเลือกอื่นในการสแกนคือการถ่ายภาพฟิล์มด้วยกล้องดิจิทัล
การถ่ายภาพฟิล์มด้วยกล้องดิจิทัลจะทำให้เราได้ไฟล์ดิจิทัลไม่ต่างจากการสแกนฟิล์มเลย อาศัยเลนส์ที่ถ่ายภาพระยะใกล้ได้หรือเลนส์มาโคร ทำงานร่วมกับกล้องดิจิทัล เราก็จะได้ภาพถ่ายฟิล์มเน็กกาทีพออกมา แล้วหลังจากนั้นเราก็จะนำไฟล์ภาพไปประมวลผลต่ออีกครั้ง เพื่อกลับสีจากเน็กกาทีฟให้เป็นสีขาวดำปกติ
ความสนุกของการถ่ายภาพ
การถ่ายภาพด้วยฟิล์มขาวดำเป็นสิ่งที่ให้ความรู้สึกได้ดีสุดๆในบรรดาความบันเทิงจากการถ่ายภาพ ช่างภาพจำนวนมากมีความสุขจากการได้กดชัตเตอร์ บางคนมีความสุขจากการได้จับกล้อง ผมเองก็มีความสุขจากการได้บันทึกภาพที่เป็นจังหวะหายาก แม้ว่าดิจิทัลจะทำหน้าที่ได้ดี แต่การมีฟิล์มบันทึกก็เป็นสิ่งที่ผมชื่นชอบมากกว่า เพราะอะไรที่มันซับซ้อน ใช้ความสามารถ ใช้เวลา มันจะอยู่ในความรู้สึกไปได้นานกว่า
ถ้าลองย้อนนึกดู เราจะเคยเห็นภาพถ่ายแต่งงานของพ่อแม่ เราจะเคยเห็นภาพสมัยเราเป็นเด็ก ในยุคนั้นจะเป็นการถ่ายภาพด้วยฟิล์มและอัดภาพออกมาเป็นกระดาษ ทุกวันนี้ภาพเหล่านั้นยังอยู่ มันยังคงอยู่ในลิ้นชักสักตัวในบ้าน และมันอาจจะวางไว้ใกล้ๆกับฟิล์มที่ใส่ไว้ในซองกระดาษ มันคงวางอยู่ข้างๆกัน
เราเดินผ่านมุมนั้นแล้วเราก็หยิบอัลบั้มภาพมาดูได้ นั่นคือความดีงามของการมีภาพบนกระดาษ ขณะที่กล้องดิจิทัลที่ให้ภาพแสนสมบูรณ์ แสงสวย สีสวย ปรับแต่งได้ตามใจ แต่เราแทบจะไม่อัดภาพเป็นกระดาษเลย ถ้าเราไม่มีคอมพิวเตอร์ ถ้าคอมพิวเตอร์เสีย หรือฮาร์ดดิสก์พัง เราก็ไม่สามารถดูภาพดิจิทัลเหล่านั้นได้อีกเลย
ผมมีภาพนี้เป็นฟิล์ม แม้จะไม่ได้อัดลงบนกระดาษ แต่ผมก็มีฟิล์ม คอมพิวเตอร์เสีย ฮาร์ดดิสก์เสีย อินเทอเน็ตล่ม ผมก็ยังมีฟิล์ม ผมใช้คอมพิวเตอร์ดูภาพก็จริง แต่ก็มีต้นฉบับเป็นฟิล์มเก็บไว้ วันที่ผมขยันและหัวใจพร้อม ผมก็แค่เข้าห้องอัดภาพขาวดำ อัดภาพแช่น้ำยาแล้วก็ได้กระดาษที่มีภาพออกมา หรือแม้แต่การสแกนภาพแล้วพิมพ์ออกมาบนเครื่องพิมพ์สักตัวก็ทำได้
บางทีความสนุกของการถ่ายภาพก็คือขั้นตอนการผลิตภาพ ยิ่งมีขั้นตอนเยอะ เราก็ยิ่งได้อยู่ในเวลาแห่งความสุขนานเท่านั้น
ภาพก่อนไปโรงเรียน
เช้าวันหนึ่งก่อนจะออกจากบ้านไปโรงเรียน แม่ลูกเตรียมตัวขึ้นรถ วันนี้พ่อไปส่ง ในมือพ่อมีกล้องตัวหนึ่งที่ใส่ฟิล์มไว้ถ่ายเล่น ฟิล์มขาวดำที่ซื้อไว้นานแล้วหลายปี กับกล้องเก่าเก็บที่นานๆใช้ที แม้โทรศัพท์จะเป็นอวัยวะติดมือผู้คน แต่การถ่ายภาพอย่างตั้งใจก็เป็นกิจกรรมที่สนุก การมีภาพธรรมดาในรูปแบบของฟิล์มก็นับว่าเป็นเรื่องไม่ธรรมดาในยุคสมัย 5G.
กล้อง nikon fm2n
เลนส์ nikon 50f1.8
ฟิล์ม ilford pan100
Film developer D76 20องศา 7 นาที
กระดาษอัดภาพ ilford Kentmere
Paper developer Kodak Dektol
รีวิวฟิล์มขาวดำกับกล้อง Harman Reusable Camera
กล้อง Harman Reusable Camera เป็นกล้องที่ขายมาเป็นเซ็ต แถมฟิล์มมา 2 ม้วน เมื่อปีก่อนผมได้รีวิวกล้องตัวนี้ไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่เป็นการรีวิวหรือทดลองใช้กับฟิล์มสี เพราะเจตนาอยากจะเห็นภาพเร็วๆ เนื่องจากการเตรียมอุปกรณ์เพื่อล้างฟิล์มขาวดำจะต้องใช้ของจำนวนมาก และใช้ความพยายามในการล้างฟิล์มเองด้วย ทำให้ตัดสินใจเลือกฟิล์มสีไปก่อนเพื่อความสะดวกและจะได้รู้ผลเร็ว ซึ่งก็ได้เห็นคุณภาพของกล้องราคาไม่แพงตัวนี้กันแล้ว และถือว่าน่าพอใจกับกล้องตัวนี้ กลับไปอ่านรีวิวได้ที่นี่
กว่าจะได้มีโอกาสใช้ฟิล์มขาวดำในชุดของมันเองก็ผ่านไปอีกหลายเดือน ผมใช้กล้อง Harman
Reusable กับฟิล์มในชุดคือฟิล์ม Kentmere pan400 กลักสีม่วงสวยงาม ฟิล์มตัวนี้เป็นฟิล์มขาวดำ ความไวแสง 400 ต้องล้างด้วยน้ำยาขาวดำแท้ ผมเลือกใช้น้ำยา Kodak D76 ซึ่งเป็นน้ำยามาตรฐานของฟิล์มขาวดำ ตามสูตรของผู้ผลิตจะแนะนำเอาไว้ว่า ถ้าล้างด้วยน้ำยา D76 จะต้องล้างที่อุณหภูมิ 20 องศาเซลเซียส และใช้เวลาล้าง 9.30 นาที
และเมื่อล้างเสร็จขั้นตอนทุกอย่างแล้ว ก็เลยสแกนภาพด้วยมือถือ โดยการถ่ายภาพฟิล์มแล้วนำไปปรับแต่งด้วยซอร์ฟแวร์ เพื่อให้ได้ภาพขาวดำออกมา ภาพที่ได้เป็นภาพที่ไม่ค่อยคมชัดนัก อาจจะเป็นเพราะวิธีสแกน หรืออาจจะเป็นเพราะกล้องมีระยะชัดตายตัว ปรับโฟกัสไม่ได้ ทำให้บางภาพที่ถ่ายใกล้กับตัวแบบจะทำให้ภาพดูไม่คมชัด หรือ โฟกัสไม่ตกอยู่บนตัวแบบ
ข้อดีของ Harman Reusable Camera คือ มันเป็นกล้องคอมแพ็คที่ออกแบบมาเพื่อให้มือใหม่ได้ทดลองใช้ ไม่มีระบบวัดแสง มีแต่การเปิดแฟลชหรือปิดแฟลชเท่านั้นที่ดูเป็นลูกเล่นให้เลือกปรับแต่ง กล้องใช้แบตเตอรี่ขนาด AAA จำนวน 1 ก้อนเพื่อใช้งานในการเปิดแฟลช หากใช้ในที่แสงพอดีกับสเป็คกล้อง ก็จะให้ภาพที่มีน้ำหนักเข้มอ่อนพอดี ภาพเหตุการณ์ที่มีแสงแดดอ่อนบนกล้องตัวนี้มีคุณภาพดีเกินราคา แต่หากไปเจอกับที่มืด หรือเหตุการณ์ในร่มเงา ในห้อง ในตึก สภาพแสงในบ้านมักจะน้อยอยู่แล้ว กล้องคอมแพ็คชัตเตอร์คงที่แบบนี้จะให้ภาพอันเดอร์ทันที การเปิดแฟลชช่วยก็จะพอทำให้ได้ภาพ แต่แสงแฟลชก็ไม่แรงนัก ภาพที่เปิดแฟลชถ่ายในบ้านยังคงดูอันเดอร์อยู่
หากจะสรุปถึงคุณภาพของกล้องและฟิล์มของบ็อกเซ็ตชุดนี้ กล้องคอมแพ็คเปลี่ยนฟิล์มได้มีกลไกการทำงานที่แม่นยำ สปีดชัตเตอร์ระดับ 1/100 วินาทีโดยประมาณพร้อมรูรับแสง f10 ทำให้มันเหมาะกับการถ่ายภาพในที่มีแสงสว่างมากพอ อย่างเช่นตอนกลางวัน ภาพตัวแบบที่โดนแสงแดดโดยตรงจะให้คุณภาพที่ดี หากถ่ายในที่แสงน้อยก็ต้องเปิดแฟลชเสมอ และพยายามยืนใกล้แบบเอาไว้ เพราะแสงแฟลชจากพลังงานแบตเตอรี่ก้อนเดียวก็ทำงานได้ในระยะประมาณ 1-1.5เมตรเท่านั้น
ทดลองนำฟิล์มไปอัดขยายด้วยกระบวนการห้องมืด ก็อัดภาพออกมาได้สวยงามดี ภาพที่ถ่ายมาค่าแสงพอดีก็จะสามารถอัดภาพออกมาได้มีน้ำหนัก มีส่วนขาวสุดและดำสุดในภาพ ดังนั้นการเลือกถ่ายภาพด้วยกล้อง Harman Reusable ก็ควรจะเลือกสถานการณ์ที่เหมาะสมกับสเป็คกล้องไว้ก่อน ก็คือ แสงแดดส่อง หรือ แดดกำลังดี จะให้ภาพที่ดีที่สุด หลีกเลี่ยงการถ่ายภาพในที่ร่ม หลีกเลี่ยงภาพในบ้านในอาคารที่ไม่มีแสงธรรมชาติ
บ็อกเซ็ตชุดนี้ให้ความสนุกสนานได้ดี แต่ต้องอาศัยคนที่มีความชำนาญในการล้างฟิล์มด้วย ค่าใช้จ่ายกล้องพร้อมฟิล์มประมาณ 1000 บาท ค่าน้ำยาล้างฟิล์มประมาณ 1000 บาท ซึ่งน้ำยาจะใช้ล้างได้เกินสิบม้วน ใครมีน้ำยาล้างฟิล์มอยู่แล้วก็ไม่ต้องซื้อ แต่ใครไม่มีก็ต้องลงทุนกันหน่อย หรือ ถ้าจะไปจ้างคนอื่นล้างก็หายากและราคาก็แพงระดับหลายร้อยบาทต่อม้วน ค่าใช้จ่ายหลังการถ่ายภาพที่สูงระดับนี้คงทำให้มีคนลองเล่นไม่มากนัก
สั่งซื้อได้ที่ https://shope.ee/1q7YfKc1bU
ล้างฟิล์มขาวดำ ilford pan100
วันนี้อยากล้างฟิล์มที่ถ่ายเก็บไว้นานแล้ว แถมยังโหลดฟิล์มเข้าแท้งค์สแตนเลสไว้เกือบปี ทั้งฟิล์ม ทั้งแท้งค์นอนนิ่งอยู่ในถุงดำมาตลอด กลัวผงน้ำยา Kodak D76 จะหมดอายุ เลยทดลองล้างดู
ขั้นตอนพื้นฐานก่อนล้างฟิล์มก็คือ การเตรียมน้ำยา ซึ่งผมเลือกใช้ D76 ของโกดักแบบผง นำมาละลายน้ำด้วยอัตราส่วน ผง D76 16.6g ละลายในน้ำประมาณ 300CC หรือเท่ากับน้ำใน 1 แท้งค์สแตนเลสที่จะใช้ล้างฟิล์มนั่นเอง จริงๆตัวเลข300CC นี่ผมไม่มั่นใจว่าจะถูกต้องไหม เพราะไม่มีถ้วยตวงที่แม่นยำ เลยใช้วิธีตวงน้ำด้วยแท้งค์ล้างฟิล์มเสียเลย เพื่อความชัวร์
เมื่อผสมได้แล้วก็ทดลองประสิทธิภาพของน้ำยาเสียก่อน เพราะว่าตัวผงและน้ำยาฟิกเซอร์เข้มข้นเป็นของกึ่งสำเร็จรูปที่ซื้อมานานเกิน 1 ปีแล้ว ผมไม่แน่ใจเรื่องการหมดอายุ เลยทดลองใช้หัวฟิล์มที่ตัดเป็นชิ้นเล็กๆจากม้วนฟิล์มที่จะล้างออกมาจุ่มทดสอบ ฟิล์มที่จุ่มในน้ำยา d76 ประมาณ 25 วินาที จะให้สีเข้มดำ ส่วนฟิล์มที่จุ่มลงฟิกเซอร์ 25 วินาที จะให้ความโปร่งใสมองทะลุได้เหมือนฟิล์มล้างเสร็จแล้ว และผลการทดลองก็ได้ผลตามที่คาดหวัง คือ น้ำยายังมีประสิทธิภาพที่ดี น่าจะใช้งานล้างฟิล์มได้
เมื่อได้น้ำยาที่พร้อมใช้งานแล้ว ก็ลดอุณหภูมิน้ำยาด้วยถ้วยน้ำแข็ง วัดอุณหภูมิด้วยเทอโมมิเตอร์ เราจะทำการล้างฟิล์ม ilford pan100 ด้วยน้ำยา D76 ที่อุณหภูมิ 20 องศาเซลเซียส ใช้เวลา 7 นาที ซึ่งเป็นตัวเลขที่ผู้ผลิตฟิล์มแนะนำ ตัวเลขเหล่านี้มีอยู่ในกล่องใส่ฟิล์ม และมีอยู่ในอินเทอเน็ต หากเราทำกล่องฟิล์มหาย เราก็จำเป็นต้องพึ่งพาข้อมูลจากอินเทอเน็ต
ขั้นตอนการล้างก็คือ จับเวลาเริ่มต้นตั้งแต่เริ่มเทน้ำยาเข้าไปในแท้งค์ พยายามเทน้ำยาให้หมดและไม่หกไม่หยดทิ้งออกนอกแท้งค์ เมื่อเวลาผ่านไปทุก 30 วินาที ให้ทำการเขย่าแทงค์ล้างฟิล์มประมาณ 5 วินาที แล้ววางแท้งค์ไว้กับโต๊ะหรือพื้น อย่าใช้มือจับ เพื่อป้องกันอุณหภูมิไม่ให้ขึ้นสูง จากนั้นก็รอเวลาครบ 1 นาที แล้วเขย่าอีกประมาณ 5 วินาที ทำอย่างนี้จนครบ 7 นาที เมื่อครบนาทีที่ 7 นี้แล้วก็เทน้ำยาออก จะเทคืนใส่ขวดที่เตรียมไว้ก็ได้ เราสามารถเก็บน้ำยาไว้ล้างฟิล์มม้วนอื่นได้อีก ส่วนมากผมจะใช้น้ำยา 2 ครั้ง
การจับเวลาผมใช้วิธีเขียนตัวเลขเรียงไปเลย ต้องการล้าง 7 นาที ก็เขียน 1 2 3 4 5 6 7 ให้ครบทุกตัว แล้วแต่ละนาทีที่ผ่านไปผมก็จะติ๊กบนตัวเลขไปทีละตัว เพื่อให้เราใช้เวลาล้างอย่างถูกต้องแม่นยำ ป้องกันการลืมว่า ผ่านไปกี่นาทีแล้ว เมื่อครบ 7 นาทีแล้ว ก็เทน้ำยาออก และเทฟิกเซอร์ใส่แทน เวลาฟิกส์จะใช้ประมาณ 5 นาที ขั้นตอนฟิกส์นี้ไม่จำเป็นต้องคุมอุณหภูมิแล้ว เพราะฟิกส์จะหยุดทุกอย่างให้เร็วที่สุด เมื่อเทฟิกส์ออกก็ล้างด้วยน้ำเปล่าเปิดให้ไหลทิ้งสัก 20 นาที เพื่อให้น้ำชะล้างสารเคมีต่างๆออกไป ผมเลือกเอาขวดน้ำขนาดใหญ่ มาเจาะรูให้มีน้ำไหลทิ้งได้ที่ด้านล่างขวด แล้วก็ปล่อยน้ำเข้าที่ด้านบน เพื่อให้น้ำท่วมฟิล์มและชะล้างสารเคมีตกค้างออกไปกับน้ำ
ก่อนจะเก็บฟิล์มมาตาก ให้หยด น้ำยา โฟโต้โฟล์ 1 cc ลงไปผสมกับน้ำที่กำลังไหลทิ้ง เพื่อให้ไม่มีคราบน้ำเกาะบนฟิล์มตอนแห้งตัว เมื่อหยด จากนั้นก็เก็บฟิล์มมาตากได้เลย ตากฟิล์มให้ทิ้งตัวเป็นเส้นตรง เมื่อฟิล์มแห้งสนิทแล้วก็ให้เก็บมาตัดใส่ซองพลาสติกใส หลังจากนี้จะนำไปทำ contact sheet หรือ สแกนเป็นไฟล์ภาพดูในคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือก็ตามสะดวก
ด้วยความที่ไม่ได้มีอุปกรณ์กล่องไฟจะถ่ายภาพทั้งม้วนเพื่อทำ contactsheet ก็เลยจะใช้วิธีถ่ายภาพทีละเฟรมเพื่อดูผลงานก่อน ผมใช้โฟมที่ยัดมากับสินค้าเป็นตัวประคองฟิล์ม แล้วก็ใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายภาพฟิล์มตรงๆเลย ภาพที่ได้จะต้องนำไปผ่านโปรแกรมกลับสีดำเป็นขาว และ ขาวเป็นดำ ปรับแต่งโทนกลางภาพให้เข้มสว่างตามที่ชอบ แล้วก็จะได้ภาพขาวดำออกมา
เมื่อดูภาพคร่าวๆแล้วว่าเป็นภาพที่ต้องการ ก็เข้าห้องมืด อัดภาพลงบนกระดาษ เราต้องใช้ห้องที่มืดสนิท มีแท่นอัดภาพขาวดำ และมีถาดน้ำยาสร้างภาพ ถาดน้ำยาล้างน้ำ และมีที่ตากที่หนีบภาพ ขั้นตอนการทำงานในห้องมืดจะคล้ายๆกับที่เราเคยเห็นในหนังหลายเรื่อง และเมื่อได้กระดาษมาแล้วก็เอามาดู เอามาใส่อัลบั้มภาพเก็บไว้
ฟิล์มขาวดำ น้ำยาล้างฟิล์ม อุปกรณ์การล้าง ห้องมืด น้ำยาสร้างภาพในการอัดลงกระดาษ สารเคมีต่างๆที่เกี่ยวข้องยังคงมีขายในยุคปัจจุบัน ถ้าโลกนี้มีอุบัติเหตุทำให้คอมพิวเตอร์และโทรศัพท์พัง งานถ่ายภาพด้วยฟิล์มยังคงเป็นทางเลือกที่บันทึกภาพได้ แต่โลกเราน่าจะไม่แย่ขนาดนั้นหรอก
ภาพจากกล้อง Harman Reusable Camera
ภาพจากการใช้กล้อง Harman Reusable Camera ใส่ฟิล์ม fuji c200 ซึ่งเป็นฟิล์มเน็กกาทีฟสี และทำการล้างอัดพร้อมสแกนภาพเสร็จสรรพ ได้เป็นภาพสีดูได้ในคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือ ภาพสีที่ได้ก็ไม่ค่อยสวยนัก เพราะกล้องที่ใช้เป็นกล้องคุณภาพต่ำ จุดประสงค์ของกล้องเป็นกล้องที่ใช้เพื่อทดแทนกล้องใช้แล้วทิ้ง เป็นกล้องพลาสติก เลนส์พลาสติก ผลิตขึ้นมาเพื่อการบันทึกภาพเหตุการณ์เฉพาะหน้า หรือเหตุการณ์เร่งด่วน
แม้ว่าสีสันจะไม่ดี ความคมชัดก็แค่ระดับพอใช้ได้ แต่หากเรานำภาพมาปรับแต่งเป็นโทนขาวดำ แล้วเราปรับภาพอย่างเข้าใจ คือปรับด้วยประสบการณ์ว่า ภาพขาวดำที่ดีควรจะเป็นอย่างไร เราก็จะได้ภาพขาวดำดีๆออกมาได้เช่นกัน
การทำภาพเป็นขาวดำด้วยระบบคอมพิวเตอร์จะมีวิธีการปรับที่ยืดหยุ่น เราสามารถได้ภาพแทบจะดังใจนึก โทนสีขาวสุด ดำสุด เราสามารถกำหนดได้ตามใจเรา ซึ่งการปรับเพื่อดูในหน้าจอคอมพิวเตอร์นี้บางทีผมว่า มันให้ภาพที่ดีกว่าการอัดขยายบนกระดาษขาวดำแล้วค่อยมาสแกนกระดาษเสียอีก เพราะแม้แต่การสแกนจากกระดาษขาวดำ เราก็ยังต้องปรับภาพอยู่ดี อย่างน้อยก็ปรับเรื่องความสว่างและคอนทราสต์ของภาพ
ผมชอบภาพสีขาวดำที่ปรับจากภาพสี เพราะว่าข้อมูลสีที่เป็นสีธรรมชาติมันประกอบไปด้วยข้อมูลจำนวนมาก มากกว่าภาพโทนขาวดำจากฟิล์มขาวดำแท้ๆด้วยซ้ำ นั่นทำให้เราได้การไล่ระดับสีเข้มอ่อนได้ละเอียดกว่าการสแกนฟิล์มขาวดำเป็น grayscale โดยตรง เพราะข้อมูล Grayscale จะมีความละเอียดเพียง 8bit เทียบเป็นระดับความเข้มสุดไปอ่อนสุดเท่ากับ 256 ระดับ เท่านั้น
แต่ถ้าเราใช้ภาพสี jpg หรือ tif ที่เป็นสี RGB หรือภาพสแกนจากฟิล์มเน็กกาทีฟสี เราจะมีข้อมูลตั้งต้นเป็น RGB อย่างละ 8bit x 3 = 24bit คิดเป็นระดับความเข้มไล่ไปอ่อนได้ 16.7 ล้านระดับ เห็นไหมว่าแตกต่างกันมาก
ผมไม่ได้บอกว่าให้เลิกใช้ฟิล์มขาวดำ แต่แนะนำว่า การเล่นขาวดำจากฟิล์มเน็กกาทีฟสีแล้วดูแค่บนจอภาพไม่อัดลงกระดาษ เราสามารถได้คุณภาพงานขาวดำที่ดีได้เช่นกันจากหลักการที่อธิบายไป เรื่องศิลปะไม่มีผิดถูก ชอบแบบไหนก็ทำแบบนั้น และอยากเสริมอีกนิดว่า ศิลปะ สะดวกแบบไหนก็ทำตามสะดวก เราก็จะได้งานเช่นกัน
ลองน้ำยาล้างฟิล์ม
ไปเจอน้ำยาล้างฟิล์มชุดนี้ที่งานโฟโต้แฟร์2019 เลยซื้อมาลองใช้สักหน่อย การล้างฟิล์มขาวดำเป็นงานทำมือที่ทำยากขึ้นทุกวัน น้ำยาล้างฟิล์มไม่หลากหลายเหมือนในอดีต แต่ก็พอมีให้ใช้ เดี๋ยวถ้าล้างเสร็จจะเอาภาพมาโพสท์ประกอบไว้ด้วย
ภาพขาวดำบนกระดาษขาวดำ
ภาพขาวดำบนกระดาษขาวดำแท้ๆนั้นเป็นภาพขาวดำที่สมบูรณ์ที่สุด หากเราวัดแสงถูกต้อง ล้างฟิล์มด้วยมาตรฐานที่ดี เราก็จะได้ฟิล์มขาวดำคุณภาพดี และเมื่อนำฟิล์มมาอัดลงกระดาษอัดภาพขาวดำด้วยวิธีการฉายแสงอย่างพอเหมาะ รวมถึงการล้างกระดาษอัดภาพด้วยน้ำยาสร้างภาพที่มีคุณภาพ เราก็จะได้ภาพขาวดำบนกระดาษขาวดำที่ดีมาก
ยิ่งอ่านก็ยิ่งงง กว่าจะได้ภาพขาวดำดีๆสักภาพทำไมต้องมีขั้นตอนการทำงานที่เยอะเพียงนี้ แค่การถ่ายภาพด้วยกล้องดิจิทัลแล้วแปลภาพเป็นโทนขาวดำ แล้วเอาไปพิมพ์ด้วยเครื่องพิมพ์ภาพสักเครื่องก็ได้แล้วไม่ใช่หรือ คำตอบก็คือมันได้ภาพตามที่ต้องการ แต่ภาพมันไม่เหมือนกัน สีขาวดำบนกระดาษขาวดำมันคมชัดและให้ความดำที่มากกว่า จะบอกว่าคอนทราสของภาพบนกระดาษขาวดำสูงกว่าก็ใช่ เพราะส่วนสีดำบนกระดาษขาวดำมีความดำมากกว่าบนกระดาษอัดภาพสี หรือบนระบบการพิมพ์ภาพสี แม้ว่าภาพสีจะทำให้เป็นสีโทนขาวดำ แต่ความดำที่ได้ ยังคงดำไม่มากเท่าระบบกระดาษอัดภาพโบราณ
หากเราจะดูในส่วนของสีขาว ภาพจากเครื่องพิมพ์จะให้ส่วนสีขาวเป็นภาพที่ขาดรายละเอียด จุดที่ขาวมากๆในภาพดิจิทัล เมื่อพิมพ์ลงกระดาษ ส่วนสีขาวก็จะเป็นพื้นที่สว่าง แต่ถ้าเป็นภาพที่อัดลงบนกระดาษขาวดำแท้ๆ ส่วนสีขาวจะยังคงมีรายละเอียดอยู่
ภาพลูกของผมเมื่อวันแรกที่คลอดออกมา ผมพกกล้องคอมแพ็คฟิล์มยี่ห้อ leica minilux พร้อมฟิล์มขาวดำเข้าไปในโรงพยาบาลด้วย ตั้งใจจะถ่ายภาพในวันนี้เอาไว้เป็นฟิล์ม และก็ล้างอัดด้วยระบบขาวดำแท้ๆ ซึ่งฟิล์มก็ทำหน้าที่ได้สมบูรณ์ แต่กว่าจะมีเวลามาอัดภาพก็ล่วงเลยไปหลายปี ผมล้างฟิล์มและสแกนเป็นดิจิทัลเก็บเอาไว้ดูตั้งแต่สองเดือนแรกที่ถ่ายภาพ และเอาไฟล์ดิจิทัลไปพิมพ์ออกมาเป็นภาพใส่อัลบั้ม ภาพด้านบนนี้ด้านซ้ายเป็นภาพขาวดำบนกระดาษขาวดำที่ทำโดยการฉายแสงซึ่งเป็นวิธีดั้งเดิม ส่วนด้านขวาเป็นการเอาไฟล์ดิจิทัลที่สแกนฟิล์มไปสั่งพิมพ์ด้วยเครื่องพิมพ์ภาพถ่าย canon selphy กระดาษสองใบนี้ผมเอามาวางข้างๆกันเพื่อถ่ายรูปร่วมกัน เป็นการถ่ายเพื่อเปรียบเทียบระบบการทำภาพสองระบบ
ผมชอบภาพด้านซ้ายมากกว่า ด้วยเหตุผลว่า เมื่อมองงานขาวดำด้วยตาเปล่า มองบนกระดาษขาวดำแท้ๆ ผมจะได้ภาพที่ดูดีมีความเป็นสามมิติที่ชัดมาก ซึ่งแตกต่างไปจากภาพดิจิทัลที่พิมพ์ลงกระดาษภาพถ่าย ภาพดิจิทัลจะแบนกว่า จะรู้สึกว่ารายละเอียดในเงามืดหายไป นี่ก็เป็นเหตุผลสำคัญที่ผมชอบถ่ายภาพขาวดำและอัดภาพขาวดำแท้ๆ
ภาพจากฟิล์มที่ขายได้

ภาพถ่ายตอนแรกเกิดที่ผมถ่ายลูกด้วยกล้องฟิล์ม ใช้กล้อง Leica minilux ฟิล์มขาวดำยี่ห้อ lucky ที่เคยมีเก็บไว้หลายปีแล้ว หลังจากที่ถ่ายหมดม้วน กลับมาอยู่บ้านแล้ว ก็ล้างฟิล์มม้วนนี้ แล้วก็ลองสแกนด้วยกล้องดิจิทัลจนได้เป็นไฟล์ไว้ดู ผ่านไปหลายปี เลยเอาไปลองขายดู ปรากฏว่าวันนี้มียอดโหลด ขายได้ด้วย แม้จะได้เงินเพียงเล็กน้อย แต่มันเป็นการบอกว่าภาพของเราเป็นที่ต้องการของบางคน และภาพนี้จะอยู่ในระบบคอมฯตลอดไปจนกว่าโลกเราจะเลิกใช้อินเทอเน็ต
ภาพนี้มีที่มาจากการสแกนด้วยเลนส์มาโคร ดูรายละเอียดวิธีทำได้จากโพสท์นี้
การสแกนฟิล์มด้วยเลนส์มาโครและกล่องไฟ





















































