Aune M1 player

IMG_0269

Stock M1 build with PCM1793 as DAC and NE5532 + OPA2134 as amplifier. It’s able to push 700 mW into 32Ω load

เครื่องเล่นเพลง Aune M1 เป็นเครื่องเล่นเพลงที่มีคุณสมบัติเฉพาะ ใช้งานค่อนข้างยากแต่ก็มีคุณภาพที่สูงมาก มันเป็นเครื่องเล่นไฟล์ชนิด wav เท่านั้น ไม่สามารถเล่น Mp3 หรือ Flac ได้เลย แถม Wav ที่เล่นได้ต้องมีสเป็คแค่ 16bit 44.1kHz เท่านั้น จะเป็น Wav ระดับ Hi-res หรือ 24bit ก็ไม่ได้ นี่เป็นความเฉพาะเจาะจงที่ทำให้ใช้งานยาก

IMG_0285

เวลาที่เราได้ไฟล์เพลงมาจากการซื้อ Mp3 เราก็เล่นไม่ได้ เวลาโหลดไฟล์เพลงใน Bittorrent ก็มักจะได้มาเป็น Flac ก็เล่นไม่ได้ นานๆทีถึงจะมีคนปล่อยไฟล์เป็นแบบ wav 16bit มาให้ ซึ่งมักจะเป็นเพลงเก่าหรืออัลบั้มที่ออกมานานแล้ว เพราะ Flac เพิ่งมาฮิตในยุคหลังๆ หากเราย้อนไปในยุคแรกของไฟล์ดิจิทัล และยุคของ ipod ช่วงแรกเรายังหาไฟล์ wav ได้ง่าย แต่พอโลกเรามีเครื่องเล่นเพลงยี่ห้ออื่นๆที่เล่นไฟล์ Flac ได้ เราก็จะพบไฟล์ Flac ได้บ่อยมากและตอนนี้ก็เป็นไฟล์ที่ฮิตมากที่สุดในโลกของ Bittorrent สุดท้ายในปัจจุบันหาเราอยากได้ไฟล์ wav เราแทบจะต้อง rip ไฟล์ออกจากแผ่นซีดีของเราเอง

การ rip ไฟล์เพลงเองก็หมายความว่าเราจะต้องมีแผ่นซีดีเป็นของตัวเอง หรือไม่ก็ยืมเพื่อนมา rip ดังนั้น ความยุ่งยากของการใช้ M1 เป็นเครื่องเล่นก็คือ กว่าจะได้ฟังมันมีขั้นตอนที่ยุ่งยาก และมันก็อาจจะทำให้เบื่อหน่ายได้ ซึ่งเหตุผลเรื่องความยุ่งยากก็ทำให้ M2 ออกมาทดแทน M1 โดยเพิ่มความสามารถในเรื่องการเล่นไฟล์เพลงได้หลากหลายอย่างแท้จริง และทำให้ M1 เป็นของที่ถูกเมิน

สิ่งที่ทำให้ผมยังคงชอบที่จะใช้งาน Aune M1 ก็คือ ปุ่มวอลลุ่มที่เป็นแบบอนาลอกโบราณ เป็นแบบที่ใช้งานได้เข้าใจง่าย ความคุ้นเคยกับการบิดสุดด้านทวนเข็มนาฬิกาเพื่อปิดเสียงเงียบ หรือค่อยๆหมุนตามเข็มนาฬิกาเพื่อเพิ่มเสียงทีละนิด ทำให้เราได้ระดับเสียงที่ถูกใจเราทุกครั้งที่หมุน มันดีกว่าปุ่มกดดิจิทัลที่บางครั้งเรากดเพิ่มนิดเดียว แต่มันเพิ่มความดังให้เราเยอะเกินไป เนื่องจากผมเคยเจอเครื่องเล่นที่ปุ่มปรับความดังมันมีระยะสเต็ปของดิจิทัลที่ค่อนข้างห่าง level ที่เราฟังรู้สึกเบาไป พอกดเพิ่มเสียงไปอีก 1 คลิก ระดับเสียงก็ดังเกินไป มันไม่มีระยะความดังที่พอดีกับหูของเรา การมีปุ่มวอลลุ่มโบราณที่บิดไปมากน้อยตามใจเราจะทำให้เราตั้งระดับเสียงที่ถูกใจที่สุดได้ง่ายดายมาก และอย่างที่สองก็คือ มันเสียงดี ซึ่งข้อนี้เป็นสิ่งที่เราได้ยินกับหู แล้วเรารู้สึกว่าเราพอใจเสียงแบบนี้แล้ว

จุดสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่ชอบก็คือการมี digital out ทำให้การอัพเกรดระบบเป็นเรื่องง่าย เราสามารถเลือกใช้ Dac ตัวอื่นมาต่อเพื่อถอดรหัสเสียงดิจิทัลได้ เราเลือกสไตล์เสียงของ Dac ที่มาต่อได้ แม้ว่าเราจะพอใจกับเสียงที่มันแปลงเป็นอนาลอกให้แล้ว แต่เราก็มี Dac ตัวอื่นๆในใจเราอีกหลายตัวที่เราอยากลอง ยังคงมี Dac ระดับไฮเอนด์ที่ราคาตกมากๆให้เราลองซื้อลองเล่นดู เครื่องเล่นเพลงที่มีสัญญาณ digital out ในท้องตลาดปัจจุบันเป็นสิ่งที่หายากมาก เครื่องเล่นส่วนใหญ่จะตัดความสามารถตรงนี้ออกไป อาจจะเพราะไม่จำเป็น อาจจะเพราะ Dac รุ่นใหม่ๆเสียงดีกว่า Dac เก่าสเป็คต่ำ ก็เป็นได้ แต่เราเป็นนักเล่น อะไรที่ลองเล่นได้ก็อยากเล่น เครื่องเล่นเพลงที่ต่อ digital out จึงเป็นตัวเลือกที่ต้องการใช้งานนั่นเอง ถามว่า ipod มีสัญญาณ Digital out ให้เราใช้หรือไม่ ก็ตอบว่า ไม่มี เราจะต้องใช้อุปกรณ์เสริมราคาหลายพันบาทเพื่อที่จะใช้ดึงสัญญาณ digital out ออกจาก ipod ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ต้องจ่ายเพิ่มและใช้งานไม่สะดวก เพราะอุปกรณ์ที่ดึงสัญญาณดิจิทัลให้เรานั้นมันคือแท่นวางที่มีช่องเชื่อมต่อสารพัดช่องนั่นเอง เราแทบจะพกพาไม่ได้เลย

คุณภาพการเล่นเพลงของ Aune M1 ไม่มีข้อกังขา ผมรู้สึกว่ามันดีเหมือนเครื่องเล่นซีดี รู้สึกว่ามันดีเหมือนการเล่นไฟล์เพลงคุณภาพสูงบนคอมพิวเตอร์ แต่มาในรูปแบบของอุปกรณ์พกพาขนาดกระทัดรัด ในอดีตผมเคยฟังเพลงอย่างจริงจังกับเครื่องเสียงรถยนต์ นักเล่นยุคเก่าก็จะชอบต่อเครื่องเล่นซีดีแบบหลายแผ่นในรถ เพื่อให้สามารถเปิดแผ่นที่ชอบได้สัก 6 แผ่นเป็นอย่างน้อย เครื่องเล่นแผ่นซีดีบางรุ่นก็ใส่ได้ 10 แผ่น เทียบกับเครื่องเล่นเพลงดิจิทัลอย่างปัจจุบันที่ใส่เพลงได้เป็นร้อยเป็นพันเพลงแทบไม่ได้เลยในแง่ความสะดวก และการพกพาเพลงไปฟังบนรถ

ในวันที่เราเดินทางต่างจังหวัด เราต้องขับรถประมาณ 10 ชั่วโมง เราต้องใช้ซีดีกี่แผ่นเพื่อจะเปิดเพลงให้ได้ 600 นาทีเท่ากับเวลาที่รถวิ่ง ซีดี 1 แผ่นเรามีเพลงประมาณ 50 นาที จะฟังตลอดเส้นทางต้องมี 12 แผ่น และต้องเป็นแผ่นที่เราชอบทั้งหมด และชอบทุกเพลงด้วย ซึ่งมันเป็นเรื่องยากมาก สุดท้ายผมก็เคยขนซีดี 50 แผ่นติดรถไปเที่ยวยาวๆไกลๆ

พอใช้เป็นเครื่องเล่นเพลงอย่าง ipod ผมก็มี 1000 เพลงอยู่ในฝ่ามือ นั่นเป็นความสะดวกของการฟังเพลงผ่านไฟล์เพลง และเมื่อ ipod ครองโลก การจะมีเครื่องเล่นเพลงอะไรที่เจ๋งกว่าออกมาและมีจุดขายที่เด่นชัดย่อมเป็นเรื่องยาก ในตลาดเครื่องเล่นเพลงก็หาตัวที่จะทำมาดีกว่า ipod ก็แทบไม่มีเลย และนี่ก็คือโชคและจังหวะที่ดีที่ Aune มีเครื่องเล่นตัวนี้ออกมา แต่มันไมไ่ด้ออกมาแทน ipod ที่จุเพลงได้เป็นพันเป็นหมื่น แต่มันออกมาแทนเครื่องเล่นซีดี ทั้งแบบแผ่นเดียวและแบบหลายๆแผ่น เพราะเราจะก็อปปี้ไฟล์เพลงจากแผ่นซีดีลงบนหน่วยความจำแล้วนำไปเปิดเล่นเปิดฟังในสถานที่ที่เราต้องการ

คนรักแผ่นซีดีน่าจะรักชอบเครื่องเล่นไฟล์เพลงแบบนี้ เพราะมันให้คุณภาพเสียงที่ดีมากทัดเทียมกับเครื่องเล่นแผ่นซีดี แต่มันเก็บไฟล์เพลงได้มากกว่า มันสามารถเก็บเพลงได้หลายสิบแผ่นเสียด้วย การเปิด การเลือกเพลง ก็ทำได้ง่ายดาย คนที่ซื้อ Aune M1 น่าจะเป็นคนที่มีแผ่นซีดีอยู่ในบ้านค่อนข้างเยอะ และยังคงหลงใหลกับแผ่นซีดีเหล่านั้น ความสุขของการมีไฟล์เพลงจากแผ่นออดิโอไฟล์เป็นร้อยเพลงติดตัวออกจากบ้านไปเที่ยวเล่น อยากฟังเมื่อไหร่ก็ได้ฟังเพลงคุณภาพสูง เหตุผลเหล่านี้ทำให้เรายอมซื้อเครื่องเล่นเครื่องนี้ได้ไม่ยากเลย

แต่ ipod ก็เล่นเพลง wav ได้และจุได้เยอะเหมือนกัน แล้วเราอยากได้อะไรที่ ipod ให้ไม่ได้ล่ะ นั่นคือคำตอบที่ชัดเจนยิ่งขึ้น เพราะจุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของเครื่องเล่น Aune M1 ก็คือ มีภาค headphone amp ที่ดีมาก มันสามารถส่งกำลังขับไปใช้งานกับหูฟังขนาดใหญ่ได้ สามารถใช้งานกับหูฟังความต้านทานสูงได้ เพราะหูฟัง Fullsize มักจะต้องการพลังงานในการผลักดันตัวไดรเวอร์ส่งเสียงที่มากเพียงพอ ipod จะกำลังไม่พอเมื่อใช้กับหูฟังขนาดใหญ่ ซึ่ง Aune M1 ทำได้ค่อนข้างดี

จุดเด่นที่ชัดเจน ทำให้เรายอมใช้งานและอดทนกับความยุ่งยากในการเล่น เมื่อเราเตรียมเพลงให้พร้อม แล้วเปิดไฟล์เพลงนั้นๆด้วย Aune M1 พร้อมหูฟัง Fullsize สักตัว เราจะพบว่า สิ่งที่เรายอมแลก ที่เรายอมยุ่งยาก มันให้คุณภาพเสียงที่ดีมากนั่นเอง และทำให้เราไม่อยากกลับไปฟัง ipod ในแบบเดิมๆอีกเลย

IMG_20210806_220238

อัพเดทสิ่งที่เพิ่งค้นพบ

Aune M1 มีโหมดการเล่นลับที่ซ่อนไว้ นั่นคือ pro mode ที่จะเล่นไฟล์เสียงให้น้ำเสียงที่แตกต่างไปจากเดิมเล็กน้อย วิธีการเข้าระบบ pro ก็คือ ตอนเปิดเครื่องให้กดปุ่ม play ค้างไว้ แล้วค่อยเลื่อนสวิตซ์เปิดเครื่อง เมื่อเปิดแล้วเครื่องจะเข้าระบบ Pro และจะมีตัวหนังสือสีแดงขึ้นในจอภาพ หากเลือกใช้แล้ว การปิดแล้วเปิดใหม่ครั้งต่อไป ก็จะติดเป็นโหมด Pro ไปตลอด แต่หากจะเลิกใช้โหมด Pro นี้ ก็ให้ใช้วิธีเหมือนตอนเข้า ก็คือขณะปิดเครื่องอยู่ ให้กดปุ่ม play ค้างไว้ แล้วค่อยเลื่อนสวิตซ์เปิด ตัวเครื่องเล่นก็จะออกจากโหมด Pro แล้วกลับสู่ระบบปกติ

รีวิวหูฟัง AKG k701 หูฟังขนาดใหญ่ เสียงดี ใส่สบาย

IMG_0088

AKG เป็นบริษัที่ทำผลิตภัณฑ์จำพวกไมโครโฟนและหูฟังเอาไว้เยอะมาก โดยหูฟังขนาดใหญ่ตัวหนึ่งที่มีรูปร่างหน้าตาใหญ่โต ตัวหูฟังมีรูปร่างเป็นวงกลม ตัวนี้ชื่อรุ่น k701 ซึ่งเป็นรุ่นหูฟังรุ่น referrence ระดับ ultra หรือ เป็นหูฟังระดับอ้างอิงที่เน้นเรื่องคุณภาพเสียงเป็นหลัก ฟองน้ำหรือตัวนวมที่จะรองรับการกดลงบนหัวผู้ฟังเป็นฟองน้ำหนา นุ่ม และ กดทับบนหัวแล้วไม่รู้สึกหนักเลย กลับรู้สึกว่าสบายขึ้น และยิ่งใช้งานไปยาวนาน ตัวนวมยิ่งนุ่มยิ่งย้วยยิ่งทำให้รู้สึกสบายกว่าของใหม่

IMG_0105

การทำงานบันทึกเสียงในห้องอัด สิ่งสำคัญสิ่งหนึ่งก็คือการมอนิเตอร์เสียง เราควรจะมีลำโพงหรือหูฟังมอนิเตอร์สักตัวหนึ่งที่ให้คุณภาพเสียงที่ไม่เน้นย่านใดย่านหนึ่งเป็นพิเศษ หรือ เรียกกันในวงการนักเล่นเครื่องเสียงว่าเป็นหูฟังที่ flat หรือ ตอบสนองราบเรียบนั่นเอง

แต่คำว่าราบเรียบหรือ flat ไม่ได้หมายความว่าเสียงจืดชืด มีหลายครั้งที่ลำโพงและหูฟังถูกวิพากษ์วิจารณ์เอาไว้ว่าให้เสียงจืดชืด ไม่น่าฟัง บางทีไม่ได้เป็นเพราะมันออกแบบมาผิดพลาด แต่มันต้องไปพิจารณาเรื่องแอมป์ที่ขับลำโพง หรือ ตัววงจรขยายที่ส่งสัญญาณที่ขยายเสียงแล้วให้กับลำโพงหรือหูฟังคู่นั้นว่าออกแบบแอมป์มาดีไหม

IMG_0120

AKG k701 เป็นหูฟังระดับมอนิเตอร์ที่ได้รับความนิยมใช้ในห้องบันทึกเสียงมายาวนาน ด้วยเหตุผลว่ามีความสามารถในการแจกแจงรายละเอียดได้ดี และสิ่งสำคัญเหนือสิ่งอื่นใดของหูฟังตัวนี้คือ ความราบเรียบในการตอบสนองต่อสัญญาณดนตรีที่ตรงไปตรงมา ไม่เน้นย่านใดย่านหนึ่งเป็นพิเศษ บุคลิกนี้เป็นสิ่งที่ผู้ควบคุมการบันทึกเสียงหรือ ซาวด์เอนจิเนียร์ต้องการเป็นลำดับแรกๆของการทำงาน

K701 ให้แท่นวางหูฟังมาด้วย มีประโยชน์ในการใช้งานประจำวันอย่างมาก เพราะเราไม่ต้องซื้อแท่นวางแยกต่างหาก และยังให้ความสวยงามของการจัดวางได้อีกด้วย นักเล่นที่พิถีพิถันและชอบจัดวางให้ดูสวยงามสบายตาน่าจะชอบกับที่วางแบบนี้

IMG_0110

สเป็คของหูฟัง AKG K701

IMG_0101

ความต้านทานหูฟัง 62 โอห์ม

การตอบสนองความถี่ 10-39,800 Hz

ความไว 105 spl/V

น้ำหนัก 293 กรัม

ทนกำลังขับ 200 mW

สายหูฟังยาว 10 ฟุต แจ๊คหูฟังขนาด 6.3mm แถมอแด๊ปเตอร์ 3.5 to 6.3mm สีทอง

2020-01-09_09-53-38-01

อุปกรณ์ทดลองฟัง

เครื่องคอมพิวเตอร์ intel i3 ระบบปฏิบัติการ windows7

โปรแกรมเล่นเพลง itune พร้อมไฟล์เพลงที่ rip จาก CD เป็นไฟล์ชนิด wav

โปรแกรมเล่นเพลง spotify เล่นไฟล์จากอินเทอเน็ต

แอมป์หูฟัง Aune B1 และ แอมป์หูฟังที่ทำเอง

Dac ใช้ชิพ  SA9023 + ES9018K2M Audio DAC

NAD Dac1

เครื่องเล่นเพลง Aune M1

ก่อนการลองฟังจริงก็เบิร์นอินหูฟังอย่างยาวนานด้วยการเปิดเพลงให้ทั้งวันทั้งคืน สลับกับการเปิดกับรายการวิทยุด้วยเครื่องรับวิทยุ tivoli model1 ใช้เวลารวมกันจนมั่นใจว่าเกิน 200 ชั่วโมงไปแล้ว

IMG_0252

ผลการทดลองฟัง

เมื่อซื้อมาใช้ใหม่ๆ ลองเปิดตั้งแต่ชั่วโมงแรกก็พบว่า เสียงต่างๆที่ได้ยินมีความชัดเจน เสียงแหลมใสก็คมชัดและไม่บาดหู เสียงกลางชัดมาก เสียงเบสก็มีให้ได้ยินชัดเจน เสียงทุ้มกลางแหลมมีความพอดีซึ่งกันและกัน แนวโน้มแบบนี้ค่อนข้างมั่นใจว่าหูฟังตัวนี้ให้เสียงที่ดีสมคำล่ำลือแน่ๆ เพราะแค่ชั่วโมงแรกก็น่าฟังแล้ว

เมื่อผ่านเวลาการเบิร์นไปเกิน 200 ชั่วโมงก็ทดลองฟังจริงจัง เลือกต่อระบบเสียงจากคอมพิวเตอร์ผ่าน dac 9018 แล้วนำสัญญาณอนาลอก LR มาเข้า headphone amp รุ่น DIY แล้วต่อ K701 เข้าเสียบที่ช่องหูฟัง 6.3mm

บางครั้งก็ใช้ NAD Dac1 บางครั้งก็ใช้แอมป์หูฟัง Aune B1 ส่วนแหล่งโปรแกรมที่เป็นเครื่องเล่นไฟล์เพลงดิจิทัลก็จะเป็น Aune M1 ซึ่งเป็นเครื่องเล่นที่เล่นไฟล์ wav ระดับ 16bit 44.1kHz และไฟล์ที่ใช้กับเครื่องเล่นนี้ก็มาจากการ rip จากแผ่นซีดี

ทดลองฟังเพลงแนวออดิโอไฟล์ก่อนเลย  Jennifer Warnes ชุด The Hunter เป็นอัลบั้มยอดนิยมของวงการเครื่องเสียง เพลงชุดนี้เป็นแนวอคูสติกป๊อป หวานๆ และโชว์ความสามารถทั้งการร้องและการเล่นดนตรีรวมถึงแนวทางการออกแบบดนตรีที่น่าฟัง แม้เวลาจะผ่านมากว่าสามสิบปีเพลงเหล่านี้ก็ยังคงน่าฟังอยู่ เสียงร้องที่ได้มีความใส ชัดเป็นตัวเป็นตน โฟกัสน้ำเสียงนิ่งมาก ติดตามลูกคอและเสียงริมฝีปากกระทบกันได้ชัดเจนสุดๆ ส่วนเสียงย่านเบสที่เป็นจุดเด่นของอัลบั้มนี้ก็มีออกมาเยอะมาก แต่ไม่ล้น ไม่เกิน ไม่บวม เสียงเบสปกคลุม แสดงตัวเป็นสัดเป็นส่วนกับดนตรีทั้งหมด เบสชัดแต่ไม่กระเทือนเสียงร้องเลย ยิ่งเป็นเพลงที่มีการเหยียบกระเดื่องกลองให้หนักแน่นพร้อมกับเล่นโน้ตเบสพร้อมด้วยเสียงไม้กลองเคาะขอบสแนร์ที่คมกริบ ให้น้ำหนักเสียงที่ลงลึกพร้อมกับความฉับไวของแรงกระแทก ฟังแล้วฟินมากสำหรับหูฟังตัวนี้ หูฟังให้เสียงการกระทบกันของวัสดุแข็งได้อย่างคมชัดและมีน้ำหนัก เสียงทุ้มและแหลมออกเสียงมาพร้อมกันและได้ยินทุกอย่างในระดับความดังที่พอดี

IMG_0253

ทดลองฟังกับวง Dream Theater ชุด image and words เป็นวงดนตรีแนวโปรเกรสซีพเมทัล กีต้าร์ไฟฟ้าแตกซ่านแต่เล่นได้กระชับแม่นยำ พร้อมกับเสียงกลองระดับยอดมนุษย์ เบสที่เล่นคมเป๊ะ ถือเป็นวงดนตรีระดับหัวแถวของดนตรีเฮฟวี่เมทัลของโลก เสียงกลองคมชัด กระเดื่องเป็นก้อนๆเลย สแนร์ฟาดเปรี๊ยะ ทุกอย่างชัดและบาลานซ์กันพอดี เสียงร้องก็ลอยอยู่ท่ามกลางเสียงดนตรีที่ดุดัน ผมมั่นใจเลยว่าถ้าใช้ k701 แกะเพลงจะทำได้เร็วมาก เพราะหากเราอยากจะโฟกัสกับเสียงอะไรเราก็ฟังด้วยหู k701 ตัวนี้ได้อย่างครบถ้วนทุกเสียง

จริงๆแล้วผมลองฟังกับเพลงแทบทุกชนิดเลยแต่จะยกตัวอย่างด้วยอัลบั้มที่นักเล่นเครื่องเสียงนิยมเป็นหลักให้เยอะหน่อย เพราะจะได้รู้ว่าแนวเสียงเป็นอย่างไรเมื่อเน้นเพลงแบบออดิโอไฟล์

มาที่ อัลบั้ม snow rose ที่เป็นนักร้องจีน เล่นเพลง cover จนดังอีกคน เสียงร้องหวานซึ้ง มีความชัดและใส ความใสของเสียงร้องแบบนี้เป็นความใสที่เราไม่ได้ยินจากหูฟังไอโฟน ความมีน้ำมีนวลของเนื้อเสียงเป็นบุคคลิกของเครื่องเสียงไฮเอนด์ที่เรามักจะได้พบตามงานแสดงเครื่องเสียง K701 ก็ให้เสียงแนวนี้ได้อย่างง่ายดาย

IMG_0287

ถ้าพิจารณาระดับเสียงเบสย่านลึกที่ฟังชัดเจน และ เสียงสูงที่ใสและมีระดับความดังที่พอดี เราจะเรียกว่าหูฟังตัวนี้ให้คอนทราสต์เสียงได้สูงมาก เหมือนภาพถ่ายที่มีระดับของสีดำและสีขาวในภาพ ทำให้ทั้งภาพมีความสว่าง ความใสที่ยอดเยี่ยม ดนตรีที่คอนทราสต์สูง ก็ให้น้ำเสียงที่ไพเราะและกลมกล่อมในเวลาเดียวกัน

ฟังกับเพลงที่ 4 Guess you had to be there ในชุด Breaking Silent ของ Janis Ian แล้วเคลิ้มและมันส์ไปพร้อมๆกัน เสียงเล่นกีต้าร์ไฟฟ้าเบาๆตอนต้นเพลงก็ชัดและมีความรู้สึกถึงเสียงปิ๊กกีต้าร์สะกิดสาย รวมถึงเสียงกลองกระเดื่องในตอนกลางเพลงที่เหยียบดังราวกับจะทุบหัว เป็นเพลงที่ฟังได้มันส์กว่าฟังผ่านลำโพงวางหิ้งพอควรเลย

ฟังเพลง The unforgiven ของ วง Metalica เสียงร้องชัด เสียงกีต้าร์อคูสติกเป็นเม็ดๆเลย ส่วนเสียงกลองก็หนักและเป็นก้อนใหญ่ๆ เสียงกีต้าร์ไฟฟ้าที่แตกพล่าก็เป็นเนื้อเสียงที่มีตัวตนมีหางเสียงจางหายไปแบบค่อยๆจาง ทุกเสียงไม่ตีกัน ได้ยินครบทุกเครื่องดนตรี เป็นอัลบั้มเฮฟวี่เมทัลที่บันทึกเสียงได้ไฮเอนด์มากๆ

ทั้งหมดเป็นเรื่องของน้ำเสียงที่ฟังผ่านหูฟัง K701 ที่ใช้ร่วมกับแอมป์หูฟังครับ ผมลองสลับแอมป์หูฟังอย่าง Aune B1 และ แอมป์ทำเอง ก็ให้น้ำเสียงไม่ต่างกัน โดย Aune B1 เป็นแอมป์หูฟังสำหรับการพกพาที่ออกแบบดีพอใช้ได้เลย คงได้รีวิวตามกันออกมาในบทความต่อไป

สรุป

หูฟัง AKG K701 เป็นหูฟังขนาด Full Size ที่สวมใส่สบาย สามารถใส่ฟังเพลงได้นานโดยเหงื่อไม่ออก ไม่รู้สึกว่าหูร้อน K701 ให้น้ำเสียงที่ราบเรียบต่อเนื่อง ให้บาลานซ์เสียงทุ้ม กลาง แหลม ที่พอดีทุกย่านความถี่ ทำให้เราฟังเพลงแล้วได้ยินทุกเสียงในระดับที่น่าฟัง ความรวดเร็วในการตอบสนองต่อเสียงเบสและเสียงแหลมทำได้รวดเร็ว ส่งผลให้เพลงมีความชัดเจนและนุ่มนวลไปพร้อมๆกัน เมื่อเล่นเพลงที่บันทึกมาดีจะได้ยินเสียงเพลงที่กลมกล่อมสุดๆ ฟังแล้วไม่อยากปิดเลย ส่วนเพลง mp3 ไทยๆทั้งหลายบางเพลงก็บันทึกดี บางเพลงก็บันทึกแย่ เราจะได้ยินของดีของแย่ตามไฟล์ที่ได้มา แต่เพลงไทยยุคหลังที่บันทึกทำกันในยุคสิบปีล่าสุดก็ได้คุณภาพเสียงที่ดีเป็นส่วนมาก

หากใครจะหาหูฟังระดับอ้างอิง ที่ฟังเพลงเพราะ ใส่สบาย K701 คือคำตอบที่ดีที่สุดในระดับงบไม่สูงเกินไป การนำ K701 ไปใช้กับเครื่องเล่นเพลงแบบพกพาก็ให้คุณภาพพอใช้ได้ แต่หากได้ต่อกับแอมป์หูฟังที่ออกแบบมาโดยตรงก็จะให้คุณภาพเสียงที่ดียิ่งขึ้น น้ำเสียงของ K701 ที่ผ่านแอมป์หูฟังจะให้ความมันส์ความไพเราะมากยิ่งขึ้น อะไรที่ดีพอใช้จะดีขึ้นไปอีกระดับหนึ่งจากการต่อแอมป์หูฟัง

หากสนใจสั่งซื้อได้ที่นี่ https://s.shopee.co.th/30S0hqGnj1

ซื้อฟองน้ำเปลี่ยน https://shope.ee/3L4r6Y8z2o

.

ฝากเพลงนี้เอาไว้ฟังเพลินๆ คลิปใน youtube ที่ฟังสบายๆและเหมาะกับ AKG k701 ตัวนี้