จอดรถสนามบินค้างคืนเสียค่าจอดเท่าไร

การไปทำธุระหรือไปเที่ยวต่างจังหวัดโดยการเดินทางด้วยเครื่องบินแล้วไม่อยากจ่ายค่าแท็กซี่ไปกลับสนามบินก็ต้องใช้วิธีขับรถส่วนตัวไปสนามบิน แล้วก็จอดทิ้งไว้เลย เที่ยวเสร็จกลับมา ลงเครื่องก็ขับรถตัวเองกลับบ้าน เป็นความสะดวกสำหรับคนเดินทาง โดยสมัยก่อนการจอดรถในสนามบินจะหาที่จอดยากสักหน่อย เพราะว่าคนเดินทางเยอะมาก แต่พอเราอยุ่ในยุคโควิดระบาด เที่ยวบินน้อยลง คนเดินทางน้อยลง ที่จอดรถในสนามบินก็จะมีช่องว่างให้เราเข้าไปจอดได้ค่อนข้างมาก

หากเราใช้แท็กซี่จากบ้านย่านฝั่งธนไปยังสนามบินสุวรรณภูมิ เราจะเสียค่าแท็กซี่ประมาณ 5-600 บาท ไม่รวมค่าทางด่วน ซึ่งราคาแท็กซี่มิเตอร์ และ บริการเรียกรถแบบ grab ก็ราคาแทบไม่ต่างกัน และเมื่อเที่ยวเสร็จขากลับ ก็ต้องเรียกรถจากสนามบินมายังบ้านอีกเที่ยว ค่าใช้จ่ายก็จะมีอีกประมาณ 600 บาท และยังไม่รวมอาการหงุดหงิด รอคิวนาน และ มักจะลูกเล่นของแท็กซี่มิเตอร์ที่อ้างว่าไม่อยากไปด้วย

IMG_20211020_055910

ค่าจอดรถสนามบินสุวรรณภูมิจะคิดค่าจอดค้างคืนหรือ 24 ชั่วโมงราคา 250 บาท หากเราจอดรถประมาณ 4 วัน ค่าใช้จ่ายก็ประมาณ 1000 บาท ไม่รวมค่าทางด่วนและค่าน้ำมัน ซึ่งมันก็ดูสูสีใกล้เคียงกันกับค่าแท็กซี่ไปกลับ แต่ความหงุดหงิดไม่มี และที่สำคัญ ในยุคโควิดเราก็ไม่อยากนั่งรถคนอื่นเลย ยิ่งมีเด็กเล็กที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนก็ยิ่งไม่อยากเสี่ยงนั่งรถคนอื่นเลย ดังนั้น การขับรถส่วนตัวไปจอดทิ้งไว้ที่สนามบินเลยก็เป็นทางเลือกที่ดีกว่าแท็กซี่

IMG_20211107_160027

ผมขับรถไปจอดไว้ที่สนามบินสุวรรณภูมิ วันที่ 20ตค2564 เวลาเข้าจอดประมาณ 05.55 นาที หรือเกือบหกโมงเช้า เพื่อขึ้นเครื่องไปเชียงใหม่ แล้วก็เที่ยวอยู่ถึงวันที่ 23 ตค กลับมาถึงสุวรรณภูมิอีกครั้งวันที่ 23ตค2564 เวลาเที่ยวบินลงคือ 20.00 น. กว่าจะเดินและรอรับกระเป๋า รวมถึงเดินออกมาถึงจุดจอดรถก็ใช้เวลาประมาณเกือบ 1 ชม. ผมได้ขับรถออกจากสุวรรณภูมิประมาณ เกือบ21.00 น. ตอนเอารถออกนั้นค่อนข้างลำบาก เพราะมีรถมาจอดขวางจนต้องออกแรงเข็น แล้วก็เข็นยาก เพราะรถจอดต่อกันแน่นแทบไม่มีช่องให้เข็นเลย โชคดีที่รถขวางเหล่านั้นไม่ได้เบรกหรือเข้าเกียร์ไว้ทำให้พอเข็นได้

ที่ทางออก เจ้าหน้าที่ของจุดจอดรถรับบัตรจอดรถไปสแกน แล้วก็แจ้งว่า รวมเวลาจอดรถ 3 วัน 14 ชั่วโมง คิดเป็นค่าจอด 4 วัน เท่ากับ 1000 บาท ก็ทำการจ่ายเงินไปแล้วก็ได้ใบเสร็จมา 4 ใบ ตามภาพ ขับรถกลับบ้านใช้เวลาอีก 1 ชม. ค่าทางด่วนอีกประมาณ 3 ครั้งเหมือนตอนมา จบทริป

ฟังเพลงระบบไร้สายด้วย Airport Express

จากบทความตอนที่แล้วที่ผมได้จัดหา Airport Express มาใช้งานทำระบบแลนแบบมีสายในบ้านให้เป็นไร้สาย  นอกจากความสามารถหลักของมันแล้ว ของแถมที่ได้มายังมีฟังค์ชั่นน่าใช้อีกสองอย่าง  คือมีช่องต่อ USB เอาไว้ต่อกับปริ๊นเตอร์  ทำให้เราสามารถสั่งพิมพ์งานแบบไร้สายได้เลย  และอีกฟังค์ชั่นหนึ่งก็คือการต่อลำโพงเข้ากับตัวมันเพื่อฟังเพลงโดยโปรแกรม iTune

การฟังเพลงบนเครื่องคอมพิวเตอร์เรามักจะต่อลำโพงเข้ากับเครื่องที่เราใช้งาน  หรือถ้าเป็นโน๊ตบุ๊คก็จะมีลำโพงมาให้อยู่แล้ว  คุณภาพเสียงก็จะเล็กน้อยไม่สามารถคาดหวังอะไรได้  ส่วนใหญ่เราต้องการแค่ได้ยินเท่านั้น  หากเราสามารถทำให้เสียงไปออกยังลำโพงสเตอริโอในบ้าน  หรือ ชุดเครื่องเสียงหลักที่มีคุณภาพดี  เราก็สามารถใช้คอมพิวเตอร์เพื่อเปิดเพลงฟังเพราะๆได้เลย  การเดินสายไปยังเครื่องเสียงหลักในบ้านจะเป็นเรื่องที่น่าปวดหัว  เพราะการเดินสายระโยงระยางเป็นเรื่องวุ่นวาย ไม่น่าดู

Airport Express นอกจากจะเป็นระบบแลนไร้สายแล้ว ตัวมันเองยังรับสัญญาณเพลงจากโปรแกรม iTune ได้อีกด้วย  ถ้าเราฟังเพลงด้วยโปรแกรม  iTune และเรามี Airport Express อยู่ในระบบเน็ทเวิร์คของเรา  เราก็สามารถเลือกให้  iTune ส่งสัญญาณเสียงไปออกที่ Airport Express ได้อีกช่องทางหนึ่ง  แทนที่จะออกแค่เครื่องคอมพิวเตอร์ของเรา  จะให้ออกจุดไหนจุดเดียวก็ได้  หรือออกทั้งสองจุดก็ได้

คุณภาพเสียงที่ได้จาก Airport Express มีคุณภาพดีใกล้เคียงเครื่องเล่น iPod มากๆ  และอาจจะดีกว่ายืดหยุ่นกว่าตรงที่  มันสามารถส่งสัญญาณขาออกแบบดิจิทัลได้ด้วย  กล่าวคือ  ถ้าเราต่อสายสัญญาณแบบอนาลอกเข้ากับเครื่องขยายเสียงมันก็จะทำหน้าที่ส่งสัญญาณเสียงไปตามปกติ  แต่เราสามารถเลือกสายต่อที่เป็นสายไฟเบอร์ออพติก เพื่อต่อสัญญาณดิจิทัลออกมาได้  สัญญาณดิจิทัลประเภทนี้จะต้องส่งไปเข้าตัวถอดรหัสเสียง  ซึ่งถ้าเรามีเครื่องเล่นโฮมเธียเตอร์ที่สามารถรับสัญญาณดิจิทัลได้  เราก็จะสามารถใช้โฮมเธียเตอร์ของเราถอดรหัสดิจิทัลให้เป็นอนาลอก แล้วก็ฟังเพลงได้ตามปกติ  แม้ว่าขั้นตอนดูจะยุ่งเหยิงเรื่องมาก  แต่ก็เป็นวิธีการเพิ่มคุณภาพเสียงประการหนึ่งที่ถูกออกแบบมาไว้ให้เป็นทางเลือกสำหรับคนที่ต้องการเพิ่มคุณภาพเสียงแลกกับการเดินสายเพิ่มเติมอีกเล็กน้อย  ซึ่งนักเล่นเครื่องเสียงมักจะคุ้นเคยและรู้ว่ามีเครื่องถอดรหัสเสียงดิจิทัลเป็นอนาลอกให้เลือกใช้ที่หลากหลาย ตั้งแต่ราคาหลักพัน ไปถึงหลักแสน  เราชอบแบบไหนเราก็เลือกสิ่งนั้นมาใส่เพิ่มในระบบได้

ความคุ้มค่ามีมากน้อยแค่ไหนคงไม่มีคำตอบที่ถูกต้องสำหรับทุกคน  บางคนต้องการแต่ได้ยิน  บางคนต้องการฟัง  บางคนต้องการเสพ  แต่ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้เป็นของแถมในโลกไอที ที่ apple ได้ทำเอาไว้ให้เป็นทางเลือก  เพราะคิดว่าคนออกแบบผลิตภัณฑ์ตัวนี้คงจะเคยพบกับความรู้สึกว่า  อยากฟังเพลงนี้กับเครื่องเสียงดีๆในบ้าน  แต่ไม่อยากเดินสาย  ทำอย่างไรดี….

เพิ่มระบบแลนไร้สาย ให้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ

เครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะวางไว้ในห้องทำงาน  ระบบเน็ตไร้สายอยู่ข้างนอกห้อง  ถ้าใช้โน๊ตบุ๊คก็ไม่มีปัญหา  สามารถใช้ wireless ในตัวมันเองเล่นเน็ทได้เลย  แต่คราวนี้เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ  จะซื้อแท่ง usb wireless มาใช้ ก็อาจจะใช้ได้กับเครื่องที่ลงวินโดส์เท่านั้น  แต่ผมตั้งใจว่าในห้องทำงานจะมีเครื่องที่เป็นระบบปฏิบัติการอื่นด้วย ไม่ว่าจะเป็น OSX ของแม็คอินทอช  หรือ Linux ตระกูลต่างๆ  แท่ง usb wireless อาจจะไม่สามารถทำงานได้ในระบบปฏิบัติการอื่นๆเพราะคงไม่มีไดรเวอร์ให้ใช้  การใช้งานเน็ตคงเหลือเพียงต่อผ่านสายแลนเท่านั้น

 

 

การต่อสายแลนจากห้องหนึ่ง ไปอีกห้องหนึ่งเป็นเรื่องยุ่งยากมาก  ต้องเจาะ ต้องเดินสาย  เสียเงินไม่น้อย  แถมยังเสียความสวยงามของบ้านไปอีก  อีกทางเลือกหนึ่งที่น่าจะแก้ปัญหาได้ดีก็คือ  ซื้อตัวรับส่งสัญญาณ wireless ที่มีช่องรับสายแลน  แล้วเอาตัวที่ว่านี้ไปต่อกับสายแลนในห้องทำงาน  ในส่วนของระบบไร้สายก็ให้มันไปเชื่อมต่อกับระบบไร้สายเดิมในบ้าน

 

 

ทุกอย่างที่ออกแบบไว้เป็นความสามารถที่มีอยู่ใน Airport Express ซึ่งเป็นอุปกรณ์ระบบ Wireless ตัวหนึ่งของ apple  เจ้าตัว Airport Express นี้มีหน้าที่เชื่อมต่อสายแลนแล้วแปลงให้เป็นระบบไร้สาย  ผมมีอุปกรณ์ตัวนี้อยู่ก่อนแล้ว 1 ตัว คือต่อไว้กับ Router Adls  เพื่อทำให้ในบ้านสามารถเล่นเน็ทไร้สายได้  ทำให้เครื่องแมคอินทอชที่ต่ออยู่กับทีวีสามารถใช้เน็ทได้  และพอผมเพิ่มเครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะไว้ในห้องทำงาน  ผมเลยซื้อ Airport Express เพ่ิมอีกตัวหนึ่งเพื่อทำให้คอมพิวเตอร์ในห้องทำงานที่เป็นระบบสายแลนทั้งหมดสามารถเชื่อมต่อกับเน็ทในบ้านได้  งงไหม?

 

Airport Express ยังมีข้อดีที่เด็ดกว่านี้อีก  ถือว่าเป็นของแถมที่ชักชวนให้ซื้อยิ่งกว่าความสามารถหลักของมันเสียอีก  ไว้จะมาโม้ต่ออีกทีครับ