รีวิวเลนส์ canon 24-105f4 L

IMG_20220713_162126

เลนส์ canon 24-105f4 L ตัวนี้เป็นเลนส์ซูมคุณภาพสูงจากค่าย canon ที่ทำออกมาขายหลายปีแล้ว โดยปกติเลนส์เกรดสูงของ canon จะใช้คำว่า L ติดไว้ในชื่อของเลนส์ เลนส์เกรด L จะมีคุณภาพของภาพที่คมชัด ใส และปกติจะไวแสง ส่วนมากก็จะมีรูรับแสงระดับ 2.8 หรือ น้อยกว่านี้ แต่ก็มีเลนส์ L บางตัวที่รูรับแสงแคบหรือเป็นตัวเลขที่มากกว่า 2.8 อย่างเช่นเลนส์ตัวนี้ที่มีรูรับแสง f4

IMG_3052

ความใสคือจุดเด่นของเลนส์ L และช่วงซูมที่กว้างระดับ 24-105mm ก็เป็นช่วงเลนส์ที่ได้ใช้งานบ่อยในชีวิตประจำวัน ตั้งแต่การถ่ายภาพวิวโดยการใช้ช่วงที่เป็นมุมกว้าง การถ่ายภาพทั่วไปที่ใช้ช่วงซูม กลางๆ จนถึงถ่ายภาพบุคคลที่ใช้ช่วงเลนส์ 85 -105มม. เลนส์ตัวนี้เหมาะกับสถานการณ์ส่วนใหญ่ในชีวิตประจำวัน และสถานการณ์ที่มักจะได้พบตอนท่องเที่ยว การมีระบบกันสั่นทำให้การถ่ายภาพในที่แสงน้อยไม่เป็นปัญหา แค่สภาพแสงในบ้านที่พอมองเห็น หรือแสงสว่างจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ เลนส์ตัวนี้ก็บันทึกภาพเก็บแสงได้ ต่อให้ปริมาณแสงในภาพแม้จะน้อยไปกว่าที่กล่าวมาแต่ถ้าตามองเห็นมันก็มากพอสำหรับกล้องยุคใหม่ที่ตั้งค่าความไวแสงได้สูงลิบ

การใช้เลนส์ L เพื่อทำงานระยะยาวเป็นทางเลือกที่ยอดเยี่ยมที่สุด เพราะนอกจากคุณภาพที่ดีมากแล้ว การบริการหลังการขายของ canon ก็ทำได้ดีน่าชื่นชม เลนส์เกรด L จะได้รับการดูแลในระบบศูนย์บริการที่ยาวนานมาก มีอะไหล่เอาไว้ซ่อมบำรุงไปอย่างน้อย 20 ปี บางรุ่นมีอะไหล่สต๊อคไว้ได้ถึง 29 ปี ตามข้อมูลที่พนักงานในศูนย์บริการได้เคยพูดคุยแลกเปลี่ยนกัน และต่อให้ศูนย์จะเลิกสต๊อคอะไหล่ หรือ อะไหล่หมดจากบริษัทแล้ว โลกเราก็มีอุปกรณ์ยี่ห้อ canon ให้เราซื้อมือสอง ให้เราหาอะไหล่จากเลนส์เก่าไปได้อีกยาวนาน ใช้กันได้ตั้งแต่ลูกเกิดจนเรียนจบมหาวิทยาลัยก็เป็นไปได้

IMG_0262

2014-11-29 30 ขอบฟ้า เขาใหญ่-IMG_0067

IMG_0433
16:9

รีวิว กล้อง canon eos 6d และเลนส์ ef 24-105 F4L

24-105f4L
IMG_0262

กล้องที่ดีที่สุดก็คือกล้องที่อยู่ในมือของเรา อะไรก็ได้ที่ทำให้เราได้ออกไปถ่ายภาพด้วยความมั่นใจ

การถ่ายภาพที่สนุกสนานและคล่องตัวเราจะนิยมใช้เลนส์ซูมมากกว่าเลนส์เดี่ยวหรือเลนส์ฟิกซ์ และมีความเชื่อที่บอกต่อกันมายาวนานว่าเลนส์ซูมคุณภาพต่ำกว่าเลนส์ฟิกซ์ ซึ่งมีความจริงและไม่จริงอยู่ในคำกล่าวนี้

IMG_0421

กล้องกึ่งโปร กึ่งจริงจัง รวมถึงกล้องถ่ายเล่นมักจะแถมเลนส์ซูมติดกล้องมาตัวหนึ่ง สมัยเป็นกล้องฟิล์มก็อาจจะเป็นเลนส์ 35-70 35-80 28-70 28-90 มม. รูรับแสงประมาณ f4-5.6 ซึ่งเลนส์ตัวเลขเหล่านี้เป็นเลนส์คิทติดกล้องกลุ่มราคาประหยัดมาตลอด เลนส์ซูมที่ราคาสูงขึ้นและนักถ่ายภาพนิยมอัพเกรดขึ้นไปก็จะมีเลนส์ระยะประมาณ 28-105 24-85 24-105 24-135 28-200 มม. ซึ่งเลนส์กลุ่มที่สองนี้จะมีคุณภาพสูงขึ้น รูรับแสง 3.5-4.5หรือ 5.6 หากซูมยาวๆแต่ก็ยังอยู่ในเกรดเลนส์ของมือสมัครเล่นเช่นเดิม แม้ว่าคุณภาพมันจะดีน่าใช้แล้ว แต่กลุ่มโปรก็ยังตะขิดตะขวงใจที่จะใช้ บ้างก็ว่าภาพไม่ใสเท่าเลนส์โปร รูรับแสงไม่กว้างเท่าเลนส์โปร เพราะเลนส์เกรดโปรมักจะมีรูรับแสง f2.8 เป็นส่วนใหญ่ เนื่องด้วยระดับราคาที่ไม่แพงเท่าเลนส์โปร จะทำให้คุณภาพเท่ากันก็ผิดปกติแล้ว

IMG_0252

ยังมีข้อจำกัดทางกายภาพของกล้องฟิล์มอีกประการหนึ่งคือ ระบบโฟกัสจะทำงานได้ดีมากกับเลนส์รูรับแสงกว้าง และจะทำงานได้แย่ลงเมื่อรูรับแสงของเลนส์แคบลง ดังนั้น เลนส์ f4-5.6 จะโฟกัสไม่ไวมากเท่าเลนส์ f2.8 ตรงนี้เป็นเรื่องจริงของกล้องถ่ายภาพยุคฟิล์ม และกล้องแมน่วลโฟกัสบางรุ่นก็จะปรับโฟกัสแบบ split image ไม่ได้เลยถ้าใช้กับเลนส์รูรับแสงแคบหรือเลนส์ไม่สว่าง

คราวนี้ ทางค่ายกล้องก็เล็งเห็นว่า เลนส์โปรเกรดสูง รูรับแสง f2.8 เป็นเลนส์ที่ใหญ่ หนัก ราคาแพง คุณภาพสูงมาก และนักถ่ายภาพจำนวนน้อยเท่านั้นที่เอื้อมถึง ระดับราคาของเลนส์โปรและเลนส์สมัครเล่นมีช่องว่างที่กว้างมาก ก็เลยมีแนวคิดที่จะทำเลนส์คุณภาพโปรแต่ราคาลดลงมานิดหน่อยออกมาขาย รูรับแสง 2.8 ที่หนักและแพงก็ปรับเป็น รูรับแสง f4 ที่เบาและเล็กกว่า และทำให้ราคาปรับลงมาได้เกือบครึ่งของเลนส์โปร นั่นทำให้นักถ่ายภาพกลุ่มสมัครเล่นที่อยากได้ของราคาไม่แพงเริ่มสนใจเลนส์กลุ่มที่สามนี้ และ canon ก็ปล่อยเลนส์ 24-105f4L ออกมาให้เราได้ซื้อกัน

20200209122304_IMG_0147

เลนส์ 24-105 นับว่าเป็นเลนส์ที่มีทางยาวโฟกัสครอบคลุมการใช้งานเกือบจะทุกสถานการณ์ มันถ่ายภาพวิว ภาพมุมกว้างได้มากกว่าเลนส์คิทในอดีต มันมีช่วงเทเล่ที่ใช้ถ่ายภาพบุคคลได้สมส่วนภาพไม่เพี้ยน นั่นทำให้เลนส์นี้นับได้ว่าเป็นเลนส์อเนกประสงค์จริงๆ นักถ่ายภาพสมัครเล่นก็อัพเกรดขึ้นมาใช้เป็นจำนวนมาก ช่างภาพโปรก็ซื้อไว้เป็นเลนส์สำรองได้ เพราะคุณภาพดีเพียงพอสำหรับงานโปรฯ

IMG_0257

ในอดีตยุคของฟิล์ม การใช้เลนส์โปร รูรับแสงกว้างระดับ 2.8 เป็นทางเลือกเดียวที่จะทำให้มั่นใจว่าสามารถถ่ายภาพในหลากหลายสถานการณ์ได้ เพราะฟิล์มมีค่าความไวแสงไม่มาก นั่นทำให้เลนส์ไวแสงเป็นสิ่งจำเป็น แต่ในยุคดิจิทัล ความไวแสงของกล้องสามารถเพิ่มสูงขึ้นได้อย่างน่าอัศจรรย์ ปัจจุบันเรามีกล้องที่ตั้งค่าความไวแสงระดับ iso 3200 หรือ 6400 หรือมากกว่าให้ใช้ ซึ่งหาไม่ได้ในฟิล์มถ่ายภาพ นั่นหมายความว่า ค่ารูรับแสง F2.8 สามารถถูกทดแทนด้วย F4 ได้ง่ายดาย ความแตกต่างของรูรับแสง 2.8 และ 4 ในด้านปริมาณแสงสามารถชดเชยได้ด้วยความไวแสงของกล้องที่ตั้งให้สูงขึ้นได้ ส่วนฉากหลังที่นุ่มเบลอของ 2.8 เทียบกับ 4 ก็ต่างกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น บางทีถ้าเลือกมุมกล้องดีๆเราอาจแยกไม่ออกเลยก็ได้ เลนส์ F4 จึงเป็นเลนส์ที่น่าสนใจมากสำหรับการใช้งานในปัจจุบัน

20191214161856_IMG_0124

เลนส์ ef 24-105 F4L เป็นเลนส์ที่มีความคมชัดสูงกว่าเลนส์คิทเกรดล่าง มีความใสของภาพในระดับเลนส์ L ของค่าย canon การทำงานของมอเตอร์หมุนเลนส์แบบ usm เพื่อโฟกัสภาพทำได้นิ่มนวล เงียบ เสียงเลนส์หมุนตัวเพื่อโฟกัสภาพไม่ได้ดังสร้างความน่ารำคาญ มันสมบูรณ์แบบไปทุกอย่างเหมือนเลนส์เกรดโปร แต่ราคาจับต้องได้ และภาพที่แสดงในบทความนี้ก็จะเป็นภาพที่ถ่ายด้วยเลนส์ 24-105F4L บนกล้อง Eos 6D เป็นหลัก

2014-11-29 30 ขอบฟ้า เขาใหญ่-IMG_0067

ในสภาพแสงที่ดี และลักษณะภาพที่ต้องการระยะชัด การใช้รูรับแสงแคบประมาณ f8 หรือ f11 เลนส์ส่วนใหญ่จะให้คุณภาพความคมชัดที่สูงมาก และเลนส์เกรดโปร กับ กึ่งโปรก็แทบจะคุณภาพไม่ต่างกันที่รูรับแสงกลางๆค่านี้ รวมถึงแม้เราจะมีรูรับแสงของเลนส์โปร f2.8 แต่ในทางปฏิบัติ ที่สภาพแสงมากๆ เราก็อาจไม่ได้ใช้รูรับแสงกว้างที่สุดก็ได้ กล้องส่วนมากถ่ายด้วยความไวชัตเตอร์สูงสุดได้ที่ 1/4000 วินาที ซึ่งหากเราใช้รูรับแสงกว้างที่สุดระดับ f2.8 ความไวชัตเตอร์ที่ต้องใช้ถ่ายภาพในที่แสงจัดก็อาจสูงเกิน 1/4000 วินาที และการถ่ายได้แค่ 1/4000 วินาทีก็อาจจะทำให้ภาพออกมาสว่างเกินไป ทำให้เราอาจจะต้องลดรูรับแสงลงไปเป็น f4 หรือ f5.6 เสียด้วยซ้ำ และนี่คือคำตอบของเลนส์ f4 เกรด L ของกล้อง canon ที่ออกเลนส์สเป็คนี้ออกมา เลนสมุมกว้างอย่าง 17-40F4L กับ 24-105F4L และเลนส์ 70-200F4L ให้ความคมชัดในระดับสุดยอดเทียบเท่าเลนส์โปร แต่ราคาลดลงมาเหลือแค่ครึ่งเดียว ทำให้นักถ่ายภาพที่จริงจังแต่งบน้อยสามารถซื้อหามาใช้ได้ไม่เดือดร้อนมาก

เด็กห้าคน 4jan2015-IMG_0219

การใช้เลนส์ซูมเกรดโปรจะมีข้อดีตรงที่ราคาเลนส์จะประหยัดกว่าการซื้อเลนส์ฟิกซ์ที่ครบช่วง อย่างเช่น หากเราเปรียบเทียบเลนส์อย่าง 70-200f2.8L ที่เป็นเลนส์เทเลซูมเกรดโปร คุณภาพดีมาก เทียบได้กับการที่เรามีเลนส์ 70 85 100 135 200 มม. หรือเท่ากับเลนส์ฟิกซ์ 5 ตัว ซึ่งเลนส์เดี่ยวที่คุณภาพดีเท่านี้จำนวน 4 ตัว ราคารวมกันแพงกว่าเลนส์ซูมตัวเดียวเสียอีก ดังนั้นการใช้เลนส์ซูมเกรดโปรนอกจากจะสะดวกแล้วยังได้ราคาเลนส์ทั้งระบบที่ถูกลงด้วย แน่นอนว่า คุณภาพเลนส์ฟิกซ์จะสูงมาก แต่เลนส์ซูมเกรดโปรก็ทำได้ดีใกล้เคียงกัน บางครั้งผมยังรู้สึกว่า เลนส์ซูมเกรดโปรให้คุณภาพดีทัดเทียมกับเลนส์ฟิกซ์ด้วยซ้ำไป

IMG_0049_3
IMG_0015

กล้องที่ดีที่สุดก็คือกล้องที่อยู่ในมือของเรา อะไรก็ได้ที่ทำให้เราได้ออกไปถ่ายภาพด้วยความมั่นใจ เลนส์โปรราคาครึ่งเดียวแบบเลนส์ F4 เกรด L ก็ช่วยให้เราได้ภาพคุณภาพสูงแบบมืออาชีพได้ ทั้งถ่ายแนวท่องเที่ยว แนวรับจ้าง ได้หมด เลนส์ 24-105F4L เป็นเลนส์ที่ตอบสนองการใช้งานได้คลอบคลุมเกือบทั้งหมดของโลกการถ่ายภาพ ถ้าจะพกเลนส์ตัวเดียวออกทริปที่ไม่รู้ว่าจะพบเจอสถานการณ์อะไรบ้าง ผมก็คงเลือกเลนส์ 24-105F4L ตัวนี้เป็นตัวแรก

IMG_0113

รองเท้าแตะทั้ง 7

ผมรับงานสิ่งพิมพ์ตัวหนึ่ง เพื่อนเป็นโรงงานผลิตรองเท้าฟองน้ำ ส่งไปขายในพม่า เขาต้องการทำโปสเตอร์ประชาสัมพันธ์ว่ารองเท้าที่เขาขายอยู่มีการเพิ่มสีสันอีกหลายสี จากเดิมมี 3 สี กลายเป็น 7 สีแล้วในปัจจุบัน โปสเตอร์ตัวนี้จะบอกข้อมูลเป็นภาษาไทยและอังกฤษ และจะถูกติดอยู่ในประเทศพม่า

สิ่งที่ต้องทำก็คือออกแบบโปสเตอร์ขายรองเท้าแตะ และถ่ายรูปรองเท้าแตะให้ดูน่าสนใจ เริ่มจากการถ่ายภาพต้นแบบเสียก่อน แล้วเอารองเท้าหนึ่งข้างไปออกแบบ เพื่อนให้รองเท้ามาครบทุกสี ก็เลยหยิบมาวางถ่ายหลายๆอัน ดูไปดูมาก็เป็นแพทเทิลสวยดี
shoe-IMG_0087

shoe-IMG_0089

shoe-IMG_0095

shoe-IMG_0107

shoe-IMG_0110

สังเกตภาพว่าจะดูอมสีแดงนิดๆ พื้นขาวที่เป็นฉากหลังควรจะดูเป็นสีขาวไม่ปนสีอื่น แต่ดูแล้วยังไงก็ติดสีอื่นอยู่นิดๆ นั่นเป็นเพราะกระดาษหุ้มกล่องไฟที่ผมใช้อยู่มันเริ่มเก่า เริ่มเหลือง แสงที่ตกไปในกล่องก็เลยมีสีเจืออยู่ทำให้ส่วนที่ควรขาวกลับไม่ขาว ประกอบกับตั้งกล้องในส่วนของ white balance ให้เป็น Auto เอาไว้ ทำให้กล้องแก้สีให้มั่วไปหมดเลย

shoe-IMG_0115

shoe-IMG_0139

ตัดสินใจใช้วิธีตั้งค่า white balance เป็นแบบ Custom ซึ่งเป็นเทคนิคการแก้สีในภาพถ่ายให้ถูกต้องเที่ยงตรงที่สุด วิธีการก็คือให้ถ่ายฉากหลังในกล่องไฟให้เต็มภาพ ไม่มีสินค้าอยู่ในภาพ ให้เห็นแต่แบ็คกราวน์สีขาว แล้วหลังจากนั้นก็ไปตั้งที่กล้องว่าจะใช้ Custom Whitebalance กล้องจะให้เราเลือกว่าจะเอาภาพไหนเป็นภาพตั้งต้นเพื่อปรับแต่ง white balance ให้เป็นไปตามที่ต้องการ ก็ให้เลือกภาพที่เป็นแบ็คกราวน์ล้วนๆไปเสีย กล้องจะประมวลผลแล้วแก้สีให้ภาพที่เราเลือกมีค่าสีขาวที่ไม่มีสีอื่นปน กล่าวคือให้สีขาวที่แม่นยำที่สุดแล้ว

shoe-IMG_0204

shoe-IMG_0203

shoe-IMG_0202

shoe-IMG_0201

shoe-IMG_0200

shoe-IMG_0199

shoe-IMG_0198

สุดท้ายออกมาเป็นแบบนี้

p-AW Maize Sandal Revised Ceated 14Nov14

ในตอนพิมพ์จริงก็เลยเอารองเท้าจริงมาวางเพื่อให้ช่างพิมพ์ปรับสีให้ใกล้เคียงของจริงไปซะเลย

P_20141115_133243