ถ่ายภาพสินค้าตัวอย่างเอาไปทำอาร์ตเวิร์ค

ผมกำลังทำงานโปรโมทหน่วยงานแห่งหนึ่งอยู่ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับโรงพิมพ์เป็นหลัก จำเป็นต้องถ่ายรูปตัวอย่างงานที่เป็นบรรจุภัณฑ์หลายรูปแบบ ทางผู้สนับสนุนข้อมูลได้ให้ตัวอย่างบรรจุภัณฑ์มาให้ผมเอาไว้ใช้ประกอบการทำเอกสาร ก็เลยจำเป็นต้องถ่ายรูปเก็บไว้

เท่าที่ดูของมาเป็นกล่องใหญ่สองใบ แต่ละใบมีกล่องเล็กกล่องน้อยอยู่เต็มไปหมด ผมเห็นกล่องที่ขนมาแล้วก็ไม่อยากนับว่ามีอยู่เท่าไหร่ และก็เลื่อนวันที่จะถ่ายภาพทั้งหมดไปเรื่อยๆเพราะว่าติดธุระอย่างอื่นอยู่หลายอย่าง

ผมประเมินคร่าวๆแล้วว่างานนี้ต้องถ่ายภาพเยอะ และก็เป็นการถ่ายภาพแบบไม่มีค่าตัวเสียด้วย ก็เลยเลือกที่จะถ่ายแบบง่ายที่สุดและใช้เวลาให้น้อยที่สุด และใช้เวลาในวันหยุดสักช่วงหนึ่งถ่ายเก็บทั้งหมด ก็เลยเป็นวันนี้ วันเลือกตั้ง สก. สข. ผมไปหย่อนบัตรเลือกตั้งเสร็จแล้วก็มาเตรียมของที่จะถ่ายภาพ

ผมเซ็ทอัพกล่องและไฟสำหรับถ่ายภาพในแบบที่คุ้นเคย ผมแฟลชดวงเดียวสำหรับการถ่ายภาพครั้งนี้ โดยจัดให้ไฟส่องจากด้านข้างกล่อง ให้ฝาบนและฝาข้างของกล่องได้รับแสงจากแฟลชไปพร้อมๆกัน ซึ่งจะให้ผลของภาพค่อนข้างสวยในสายตาของผม คือแสงที่ตกกระทบวัตถุจะมีน้ำหนักบนและข้างไม่เท่ากัน ส่งผลให้ภาพดูมีมิติตื้นลึก

ผมใช้แฟลชนิคอน sb-25 ต่อกับตัวรับสัญญาณแฟลชแบบคลื่นวิทยุ หรือ ทริกเกอร์ เปิดกำลังไฟเพียง 1/8 ของกำลังไฟทั้งหมดเพื่อให้แฟลชสามารถยิงแสงได้ต่อเนื่องหลายครั้ง ถ้ายิงเต็มกำลังทั้งหมด พอยิงไปแล้วจะต้องรอชาร์จไฟจนเต็ม ซึ่งมันใช้เวลาหลายวินาที มันจะทำให้การทำงานไม่ต่อเนื่อง เพราะว่าช่างภาพมักจะกดถ่ายภาพค่อนข้างถี่ บางครั้งการรอให้ชาร์จไฟอีกเพียงห้าวินาทีก็ทำให้เสียอารมณ์การทำงานได้

กล้อง eos5d เลนส์ tamron 28-75 ค่ารูรับแสง f8 iso400 เมื่อได้แสงที่ถูกใจก็เริ่มถ่ายจริง ผมทำงานคนเดียว หยิบเอง วางเอง ถ่ายเอง เก็บของเอง ด้วยความที่ไม่อยากจะใช้เวลามากเกินไป ผมเลยเร่งการทำงานแบบค่อนข้างเร็ว ของมีอยู่กี่ชิ้นไม่ได้นับ แต่ภาพที่กดถ่ายออกมาได้มีอยู่ 298 ภาพ ซึ่งผมใช้เวลาทั้งหมดตั้งแต่ภาพแรกจนถึงภาพสุดท้้ายไปทั้งหมด 85 นาที แล้วใช้เวลาเก็บของอีกประมาณสามสิบนาที

ถ่ายภาพสตรอเบอรี่

ลูกค้าให้ทำงานติดสติ๊กเกอร์บนถังไอติม โดยจะเอาภาพสตรอเบอรี่เป็นหลัก และลูกค้าก็ได้หาภาพสตรอเบอรี่จากอินเทอเน็ตมาให้แล้ว แต่ละภาพก็เล็กเกินไป ไม่สามารถจะเอามาขยายเพื่อติดตั้งได้เลย ผมเลยเสนอว่าให้ถ่ายภาพใหม่ดีกว่า ให้เขาซื้อสตรอเบอรี่มาแล้วเดี๋ยวผมถ่ายให้ใหม่ ไม่คิดค่าถ่ายภาพ

คุยกันตอนเช้า ตอนบ่ายสตรอเบอรี่ก็มาถึงผมแล้ว แต่กว่าจะได้ถ่ายภาพจริงๆก็หลุดไปถึงช่วงเย็นเพราะตลอดวันงานยุ่งมาก ไม่สามารถเจียดเวลามาถ่ายภาพได้เลย ตอนเย็นๆค่ำๆหลังจากหมดธุระที่จะต้องพูดคุยกับลูกค้าแต่ละรายแล้ว ก็เริ่มถ่ายภาพ

การถ่ายภาพให้ฟรีโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำ แต่ผมก็เลือกที่จะทำด้วยเหตุผลสองข้อ ข้อแรกคือลูกค้าคนนี้คือลูกค้าประจำ ปีหนึ่งๆเขาจ่ายเงินค่าสิ่งพิมพ์ให้ผมเป็นแสนบาท ผมบริการเขาแค่นี้เรื่องเล็กน้อยมาก อีกเหตุผลหนึ่งก็คือ ผมมีโอกาสได้ถ่ายภาพสต๊อกเก็บไว้ ภาพสตรอเบอรี่ไม่ถูกใช้งานแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวแน่นอน จะเอาไปทำโปสการ์ดยังได้เลย

ก็เลยเป็นที่มาของภาพชุดนี้ ผมใช้เวลาถ่ายไม่นาน ตั้งกล่องไฟ ตั้งแฟลชด้วยความคุ้นเคย ตั้งแต่เริ่มหยิบอุปกรณ์จนถึงนาทีที่กดชัตเตอร์ผมใช้เวลาไม่เกินห้านาที แล้วก็ใช้เวลานั่งมองนั่งคิดอีกครึ่งชั่วโมง

มีการเปลี่ยนองค์ประกอบและเปลี่ยนค่าแสงบ้างเพื่อให้สีสันมันแตกต่างกันออกไป บางภาพผมตั้งใจเอาไปทำโปสการ์ด บางภาพตั้งใจเอาไว้ใช้โอกาสอื่นๆ แต่ภาพที่จะใช้กับงานปัจจุบันนี้ ยังเลือกไม่ได้เลย

กล่องใส่ magic mouse กลายเป็นกล่องใส่นามบัตร

magic mouse เป็นเม้าส์ของ apple ที่ออกแบบมาเป็นแบบไม่มีปุ่ม และมีมัลติทัชให้ใช้งาน ถือว่าเป็นเม้าส์ที่มีวิวัฒนาการสูงที่สุดในโลกตัวหนึ่ง หน้าตาดี สวยงามตั้งแต่กล่องใส่กันเลย และผมก็ซื้อมาใช้งานแล้วหลายเดือน

วันนี้เหลือบไปดูบนชั้นวางของ เห็นกล่องใส่ magic mouse ที่ดูดี ราคาแพง วางอยู่เฉยๆ เลยคิดออกว่าเอามาใช้งานดีกว่า เลยเอามาใส่นามบัตรซะเลย เพราะกล่องใส่นามบัตรทั่วไปมักจะเป็นกล่องใสๆอยู่แล้ว ก็เอามาใช้แทนกันไปเสีย เวลาหยิบนามบัตรแจก คนที่พบเห็นจะได้รู้สึกสนใจมากยิ่งขึ้น

พอเอามาวางในกล่องแล้วลองจับมันวางเพื่อค้ำยันให้ฝากล่องมันเปิดทิ้งไว้ ดูแล้วรูสึกว่ามันสวยดี เลยจัดการถ่ายรูปเก็บไว้เสียหน่อย แต่จะถ่ายให้สวยก็ต้องใช้อุปกรณ์ช่วยบ้าง ก็คือเอาเข้าไปถ่ายด้วยชุดไฟสำหรับถ่ายสินค้าเสียเลย ใช้ความรู้เกี่ยวกับการจัดแสงแฟลชเล็กน้อย แล้วก็ได้ภาพแบบนี้

เบื้องหลังก็คือ กล่องไฟอนาถาราคาประหยัด กับแฟลชถ่ายรูป นามบัตรที่ใส่ในกล่องก็ทำขึ้นมาใหม่เดี๋ยวนั้นเลย พิมพ์ด้วยเครื่องพิมพ์ดิจิทัล แล้วก็ตัดขอบมนรอบด้าน มันก็กลายเป็นนามบัตรหรูหรา พร้อมกล่อง magic mouse ที่หรูหรายิ่งกว่า

ห้องมืดถูกใช้เป็นสตูดิโอขนาดย่อม เพราะว่าสภาพห้องมันมีโต๊ะวาง ทำให้่ถ่ายของสะดวก มีแอร์เปิดเย็นสบายทำให้ทำงานในห้องนี้ได้นาน คราวต่อไปจะดัดแปลงกล่องไฟอนาถาให้ใหญ่ขึ้น เพื่อชีวิตที่ดีขึ้น อนาถาจะได้กลายเป็นผู้ดีมีราคา

ปล. ข้อมูลการถ่าย กล้อง Eos5d เลนส์ Tamron 28-75/2.8 แฟลช canon550 พร้อมตัวส่งสัญญาณ trigger ขณะถ่ายภาพปรับรูรับแสง f5.6 speed 1/125 iso100

ถ่ายภาพหยดน้ำด้วยแฟลช

หลายวันก่อนมีเพื่อนมาซื้อแฟลช ผมมีหลายตัว เลยแบ่งขายออกไป ก่อนจะขายก็เอามาลองว่าใช้งานได้ปกติไหม ผลก็คือปกติดี ใช้งานได้ทุกฟังค์ชั่น เพื่อนขอให้ช่วยสอนวิธีใช้นิดหน่อย คำถามท้ายๆคือ แฟลชทำงานไม่ไว ผมก็เลยสาธิตถ่ายภาพด้วยความเร็วชัตเตอร์สูงๆให้ดู คือจะบอกเพื่อนว่ามันทำได้ แต่ที่เขาไปได้ยินมาว่าความไวมันจะไม่สูงเพราะแหล่งข่าวของเขาใช้งานไม่เป็น ก็เลยสาธิตถ่ายภาพหยดน้ำให้เขาดู


ภาพแรก ความไวชัตเตอร์ 1/4000 วินาที ทุกอย่างดูเหมือนไม่ได้เคลื่อนไหว


ภาพที่สองลองใช้ความเร็วชัตเตอร์แค่ 1/200 วินาที มันก็หยุดการเคลื่อนไหวของหยดน้ำได้เหมือนกัน แต่ภาพนี้ลองปรับไวท์บาลานซ์ให้เป็นค่าทังสเตน เพื่อให้ค่าสีมันเพี้ยนไปนิดหน่อย ก็เลยได้ภาพคนละสีกับภาพแรก

flash canon ex380

หลายวันก่อนอ่านเว็บขายของ ไปเจอว่ามีคนประกาศขายแฟลชตัวหนึ่งราคาถูกน่าซื้อ เป็นรุ่นที่เก่าแล้วแต่ยังทำงานกับกล้องระบบใหม่ได้ เป็นของ canon ซึ่งออกมาสมัยปี คศ. 1998 โดยประมาณ แฟลชตัวนี้คือรุ่น ex380 เป็นแฟลชที่ออกมาเพื่อรองรับการทำงานระบบประมวลผลแฟลชที่มีชื่อว่า E-TTL ของค่าย canon

ตอนที่หัดถ่ายรูปใหม่ๆยังไม่รู้ว่าแฟลชทำงานอย่างไร และจะใช้กับงานถ่ายภาพอย่างไรก็ไม่ได้สนใจ ซื้อแฟลชราคาถูกๆ ไม่มีลูกเล่นไฮเทค ไม่รองรับการทำงานกับกล้องแบบเต็มระบบ ก็ใช้แบบแมน่วลมาตลอด เห็นคนอื่นใช้แฟลชรุ่นนี้ หรือรุ่นใหญ่กว่านี้ก็ไม่เข้าใจเขา จนมาศึกษาให้ลึกหน่อยก็พบกว่า การใช้แฟลชมันมีสิ่งที่ต้องเรียนรู้เยอะมาก ถ้ามองดูคู่มือที่แถมมาในกล่องก็จะเห็นว่า คู่มือแฟลช หนา กว่าคู่มือกล้องเสียอีก

ตอนที่เร่ิมถ่ายภาพจริงจังมากขึ้น และต้องซื้อแฟลชตัวใหญ่ใช้ก็มองไปที่ยี่ห้ออื่นๆที่สามารถใช้กับ canon ได้ ก็คือ sigma ซึ่งมีตัวที่ทำงานได้เหมือนตัวท๊อปของ canon แต่ราคาแค่ครึ่งเดียว ก็ใช้แฟลช sigma มาตลอด พอได้แฟลชที่ทำงานเต็มระบบมาใช้ ก็เลยรู้ว่า แฟลชที่ดีมันเป็นอย่างไร มันช่วยให้ถ่ายรูปได้ดีขึ้นอย่างไร และมันทำให้รับงานแบบเก็บตังได้อย่างเต็มที่ วันดีคืนดี แฟลช sigma ก็มีปัญหา ต้องส่งซ่อม แต่งานที่กำลังถ่ายอยู่ไม่สามารถยกเลิกได้ เลยต้องไปซื้อแฟลช canon มาใช้จนได้ เพราะร้านกล้องที่ใกล้ที่เกิดเหตุที่สุดไม่มี sigma ขายนั่นเอง

แฟลชรุ่นท๊อปมีปุ่มกดหลายปุ่ม มีฟังค์ชั่นซับซ้อน อ่านคู่มือ 1 วันก็ยังไม่พอจะใช้งานให้ครบในสิ่งที่แฟลชบอกเอาไว้ ในขณะที่แฟลชรุ่นเล็กก็เอารุ่นใหญ่มาตัดฟังค์ชั่นออกไปบางอย่าง ทำให้เลือกแค่สิ่งที่ต้องใช้จริงๆ และแฟลชตัวเล็กที่ว่านั่นก็คือรุ่นที่พูดถึง ex380

การมีปุ่มแต่เพียงน้อยๆทำให้ปรับอะไรไม่ค่อยได้ ซึ่งมันก็ตรงกับความต้องการใช้งานจริงๆของช่างภาพ เพราะตอนรับงานนั้นไม่ได้ใช้ลูกเล่น หรือเทคนิคพิเศษของแฟลชไฮเทคแต่อย่างใด ความไฮเทคที่จำเป็นต้องมี ก็มีให้ใช้แล้ว ส่วนลูกเล่นระดับสูงซึ่งไม่ค่อยได้ใช้ ไม่มีให้กดเลย

สิ่งที่ง่ายและชอบในแฟลชรุ่นเล็กก็คือ มันสามารถเข้าสู่โหมด Hi-speed sync ได้ด้วยการโยกสวิตซ์แค่ปุ่มเดียว แต่ถ้าต้องการใช้โหมด Hi-speed sync ในแฟลชรุ่นท๊อป จะต้องกดปุ่มสองปุ่มพร้อมๆกัน ซึ่งคนที่ไม่ได้อ่านคู่มือไม่สามารถรู้ได้เลยว่าต้องกดสองปุ่มพร้อมกัน ตรงนี้คือความเรียบง่ายที่ชอบมากๆ

พอเห็นมีคนประกาศขายในก็เลยรีบติดต่อซื้อมาทันที เพราะกล้องดิจิทัลตัวปัจจุบันที่ใช้คือรุ่น Eos5d เป็นรุ่นที่ไม่มีแฟลชในตัว ต้องต่อแฟลชเสริมภายนอก จริงๆผมก็มีแฟลชเสริมภายนอกถึงสองตัวอยู่แล้ว แต่ว่าตัวที่มีมันเป็นรุ่นท๊อป ปุ่มเยอะใช้งานลำบากกว่า เลยเลือกรุ่นเล็กมาติดกล้องแทนไปเลย ไม่ต้องคิดเยอะ

ได้ลองเทียบรุ่นเล็กกับรุ่นใหญ่แล้ว ก็ได้ภาพใกล้เคียงกัน แต่ผมรู้สึกว่า แสงทีี่ออกจากแฟลชรุ่นเล็กดูจะนุ่มนวลสวยกว่าแฟลชรุ่นใหญ่เล็กน้อย ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกัน

portrait for doctor

วันนี้ไปรับจ้างถ่ายภาพที่คลีนิคแห่งหนึ่งอยู่บนถนนสาธร คลีนิคแห่งนี้สั่งงานพิมพ์หลายอย่าง และบางอย่างก็ต้องใช้ภาพถ่าย ผมก็เลยรับถ่ายภาพด้วยเลย วันนี้ตั้งใจมาถ่ายภาพลูกค้ากำลังนั่งใช้บริการเครื่องมือตัวหนึ่ง ซึ่งต้องจัดถ่ายในห้องปฏิบัติงานของแพทย์ และมีรูปคนคู่กับเครื่องมือที่กำลังใช้งาน ถ่ายไปเกือบร้อยรูปซึ่งถือว่าเยอะมากเมื่อเทียบกับรูปที่ต้องการเพียงรูปเดียว

หลังจากเสร็จจากเครื่องมือ ก็มาถึงภาพของคุณหมอแต่ละท่าน คลีนิคต้องการใช้ภาพคุณหมอเพื่อวางในหนังสือ เป็นภาพแสดงให้เห็นหน้าตาของหมอ เลียนแบบภาพเล็กๆในหัวคอลัมภ์ที่มักจะเป็นรูปนักเขียน ผมดูภาพตัวอย่างของนิตยสารที่ลูกค้าเปิดให้ดู ก็เลยเลือกจัดแสงและถ่ายออกมาแล้วนี้ คือไปหาฉากสีเข้มไว้ก่อน แล้วจัดไฟให้มีแสงสว่างส่องมาจากด้านหลังให้มาโดนตัวแบบเล็กน้อย แสงจากด้านหน้าจะไว้ให้ยิงเข้าไปเฉียงๆ สรุปแล้วใช้ไฟสองดวง ไฟหน้ายิงผ่านร่ม ไฟด้านหลังยิงตรงเข้าที่ฉากและให้บางส่วนยิงโดนตัวแบบ ส่งสัญญาณยิงแฟรชด้วยคลื่นวิทยุ ซึ่งเป็นอุปกรณ์รับส่งที่เพิ่งได้มาจากเพื่อน งานนี้เอามาใช้เป็นครั้งแรกเลย

นอกจากภาพเดี่ยวแล้วก็ยังมีภาพหมู่ของคุณหมอด้วย เลือกแนวทางเดินในตึกจุดหนึ่ง และหน้าคลีนิคอีกจุดหนึ่ง การใช้แฟรชแบบไร้สายให้ความสะดวกยอดเยี่ยมมาก แต่ก็ทำให้ต้องพกขาตั้งไฟและแฟรชอีกสองตัว สรุปคือวันนี้ตอนเก็บของพบกว่า ผมมีเป้สะพายหลัง 1 ใบ มีกระเป๋ากล้องสะพายข้าง 1 ใบ ในมือถือขาตั้งไฟสองชุด และร่มสะท้อนแสงอีก 1 คัน

under control

วันจันทร์ต้นสัปดาห์ ผมมีนัดจะต้องไปถ่ายรูปให้ลูกค้ารายหนึ่ง นัดไว้บ่ายโมง ตอนสายๆก็มีเหตุการณ์ให้วุ่นวาย ทำให้ผมจัดของได้ช้าลง นั่นก็คือมีรถขนกระดาษมาชนประตูบ้าน ทำให้เสาประตูขาดและใช้การไม่ได้ คนขับรถก็เลยเรียกประกัน ผมต้องอยู่รอคุยกับประกัน

กำหนดการเดิมคือผมต้องแวะไปบ้านเพื่อนเพื่อไปเอากล้องถ่ายภาพมาใช้ในงานถ่ายภาพ ซึ่งจริงๆผมก็มีสำรองตัวหนึ่ง แต่ก็อยากจะใช้ตัวเดิมซึ่งใช้งานประจำ เพื่อให้การทำงานเป็นไปตามความเคยชิน ผมต้องเลื่อนเวลาออกเดินทางไปเพราะเรื่องรถชน แถมปลั๊กไฟพ่วงผมก็หยิบไปใช้งานในออฟฟิศ เลยไม่ได้ถอดออกมา ทำให้ต้องแวะห้างเพื่อซื้อของให้ครบก่อน

ทุกกำหนดการ และเรื่องที่ต้องทำก็ต้องเลื่อนออกไปอีกสองชั่วโมง ผมออกจากบ้านเที่ยง เพื่อไปเอากล้องที่บ้านเพื่อน และแวะห้างกลางทางกินข้าวกลางวัน และซื้อปลั๊กไฟ ดูเวลาอีกที ผมเลยเวลานัดไป 1 ชม. โทรไปบอกลูกค้าขอโทษกันตามมารยาท โชคดีที่ลูกค้าใจดี

การถ่ายรูปก็แสนจะเหนื่อย เพราะว่าเป็นการถ่ายที่มีหลายลักษณะ เดิมทีเข้าใจว่าจะถ่ายแค่คนอ้วนกับอาหารสองอย่าง ไปๆมาๆ ผมต้องไปถ่ายเครื่องมือแพทย์ ต้องไปถ่ายคนไข้กับพนักงานคุมเครื่อง ต้องถ่ายภาพติดบัตรให้พนักงาน ต้องถ่ายภาพคุณหมอหลายๆคนเพื่อใช้ทำโบรชัวร์ ทุกภาพที่พูดถึง ผมต้องยกไฟแฟรชไปมา ย้ายเข้า ย้ายออก ถ้าเป็นคนที่ไม่ได้คุ้นเคยกับอุปกรณ์ไฟต่างๆรับรองว่ามีสติแตกแน่นอน เพราะขนาดผมเป็นเจ้าของอุปกรณ์เองและได้ออกแบบวิธีการหยิบ วิธีการเลือกใช้ไว้ในใจแล้ว บางทียังมึนเลย

บางภาพก็ถ่ายซ่อมเก็บไว้เผื่อได้ใช้

บางภาพเป็นภาพจัดถ่ายแบบต้องใช้เวลาและความคิดเยอะ แต่ผมก็ต้องถ่ายให้เสร็จภายในเวลาไม่กี่นาที คุณภาพและองค์ประกอบก็ตามมีตามเกิด ไม่ดีเลิศ ไม่คาดหวัง

ภาพคนไข้กับพยาบาล

ภาพเครื่องมืออื่นๆ

เล่นแฟลชตัวที่สอง

การถ่ายภาพด้วยแสงแฟลชเป็นสิ่งที่เป็นยาขมกับการถ่ายภาพมานาน ยิ่งใช้แฟลชหลายตัวยิ่งเป็นปัญหา ยุคกล้องฟิล์มผ่านไป ดิจิทัลทำให้การเล่นกับแฟลชเป็นเรื่องง่าย เพราะไม่เปลืองฟิล์ม เห็นภาพทันที ทำให้การทดลองเป็นเรื่องง่ายดาย งานที่ใช้แฟลชหลายๆตัวเริ่มมีให้เห็นมากขึ้น

 

การใช้แฟลชหลายตัว หรือ บางคนเรียกว่าใช้แฟลชแยก ซึ่งอาจจะมีแค่ตัวเดียวหรือหลายตัวก็ได้ สิ่งที่ต้องมีคือขาตั้งแฟลชตัวที่มันแยกไปอยู่ไกลๆนั่นแหละ เอาแฟลชตัวแยก หรือตัวทีี่สองติดขาตั้ง ตั้งค่าให้แฟลชทำงานกระพริบตามแฟลชตัวอื่นๆ(ตัวที่ติดกล้อง)

ภาพตัวอย่างแรก ใช้กล้อง Panasonic LX3 เปิดแฟลชติดกล้องเป็นตัวสั่งการ แฟลชตัวที่สองอยู่บนขาตั้ง

ภาพตัวอย่างถ้าไม่มีแฟลชแยกที่ติดบนขาตั้ง กล้องก็จะยิ่งแฟลชไปถึงแค่ผนังด้านขวา ที่ไกลกว่านั้นแฟลชจะไปไม่ถึง พอมีแฟลชแยก เราก็จะจัดแสงได้หลากหลายยิ่งขึ้น

 

เลยลองเอาแฟลชตัวที่สองยิงเข้าด้านหลังแบบ น้องหมาเป็นนางแบบจำเป็นทำหน้าเบื่อๆ
ถ้าแสงด้านหลังมากไป ก็ปรับรูรับแสงของกล้องให้มีตัวเลขเยอะขึ้น จะได้รับแสงน้อยๆหน่อย หรือจะใช้วิธีไปตั้งแฟลชตัวที่สองให้ยิ่งกำลังไฟน้อยลงก็ได้

การยิงแสงมาจากด้านหลังจะทำให้มี”ริมไลท์” หรือ แสงขอบๆ รอบตัวแบบ แยกแบบให้ลอยเด่นจากฉากหลัง
แสงด้านหน้าแบบพอดีด้วยแฟลชติดกล้อง แสงด้านหลังตั้งให้เยอะๆไว้หน่อย ขอบขาวๆรอบๆจะได้เด่นๆ

ต่อมาลองย้ายแฟลชไปไว้ด้านซ้ายมือของคนถ่าย ให้แสงแฟลชตัวที่สองยิงเข้าแบบและยิงไปโดนผนังด้านขวาด้วย หน้าตานางแบบดูเบื่อๆพิกล  แต่ก็ต้องทนเพราะไม่กล้ากระโดดลงจากโต๊ะ

ลองเล่นแล้วสนุกดี  ต่อไปจะลองภาพแฟลชอีกหลายๆแบบ  มีเรื่องให้ลองอีกเยอะ….

จัดไฟถ่ายแบบประหยัด

ผมได้ไอเดียมาจากเว็บฝรั่งรายหนึ่งเกี่ยวกับการดัดแปลงอุปกรณ์การถ่ายภาพ เลยเอามาทำใช้งานเองบ้างได้ผลดีน่าพอใจ ใครอยากไปดูไอเดียอื่นๆตามไปอ่านเว็บของเขาเลยที่ http://www.srtobist.blogspot.com

ผมเริ่มจากเอากล่องที่เหลือใช้ขนาดใหญ่ๆหน่อย เอามาตัดผนังออกสามด้าน แล้วติดกระดาษไข หรือกระดาษลอกลายก็ได้ ตอนถ่ายก็วางกระดาษขาวพาดเข้าไปอีกทีหนึ่ง ส่วนแสงแฟลชก็ใช้แฟลชสเลฟวางไว้ด้านข้าง ถ้าวางไว้ข้างซ้าย ก็จะมีเงาทอดไปทางขวาเล็กน้อย แต่เป็นเงานุ่มๆ ทำให้ภาพดูมีมิติ

ลักษณะการจัดแสงแบบนี้เหมาะกับการถ่ายภาพสินค้าต่างๆ ผมก็เลยลองเอาของมาถ่ายหลายๆอย่าง


นาฬิกาดูโบราณ เป็นแบบใส่ถ่าน ตั้งปลุกได้ กระดิ่งด้านบนจะตีเกิดเป็นเสียงปลุกนรกแตกตื่นแน่ๆ เรือนนี้ซื้อมา 199 บาทจากโลตัส


กระปุกแอ็ปเปิ้ล ข้างในเป็นลิปมัน อันนี้สาวบริจาคมาให้เพราะเห็นว่าปากแห้ง


กล้องสีเหลืองได้แถมมาจากการซื้อปริ๊นเตอร์เมื่อหลายปีก่อน เคยลองใส่ฟิล์มถ่ายแล้ว คุณภาพโอเค ไม่มีวัดแสง แต่สามารถใช้แฟลชเสียบได้ด้านบน ถ้าใช้แฟลชทุกรูปก็จะได้ค่าแสงที่พอดี ประมาณ f8 ความไว 1/125 ตอนที่ลองถ่ายภาพ ผมถ่ายได้ประมาณ 37 รูป ไม่เสียเลย


กล้อง Holga เป็นกล้องใช้ฟิล์ม 120 ให้ภาพขนาด 6x6cm ปรับโฟกัสได้นิดหน่อย แต่ไม่รู้ว่าชัดหรือไม่ชัด เป็นกล้องที่นิยมมากสำหรับกลุ่มเล่นโลโม่ ผมเคยลองแล้ว ภาพไม่สวยเลย แต่ไม่รู้มันมีเสน่ห์อะไรทำไมถึงฮิตกันเหลือเกิน ต่อแฟลชภายนอกได้เหมือนกันครับ ไม่เคยเอาไปลองจริงจัง


อันนี้เป็นแฟลชสเลฟอีกตัวหนึ่ง ซื้อมา 350 บาท ได้ขาตั้งเล็กๆมาด้วย ใส่ถ่าน 1 ก้อน สามารถต่อกับกล้องตรงๆเพื่อให้งานเป็นแฟลชติดกล้องได้ ถอดแยกไปวางก็จะกระพิบตามแฟลชตัวอื่นๆ


กล้องโดฟครับ ซื้อกล้องแถมครีมสระผม เคยเห็นวางขายในห้าง มีเฮ้าซิ่งคลุมไว้สำหรับถ่ายใต้น้ำ ยังไม่เคยลอง แต่ในเน็ทก็เห็นหลายเว็บที่มีภาพให้ดูว่ามันให้ภาพแบบไหน ดูแล้วก็ไม่ค่อยดีมาก แต่มันน่ารักตรงที่มันเป็นกล้องสะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบก ไม่ต้องวัดแสง ไม่ต้องโฟกัส หยิบถ่ายแทบไม่ต้องคิดอะไร แต่ต้องไปลุ้นเอาว่าจะได้ภาพไหม


พอได้อุปกรณ์จัดแสง ถ่ายอะไรก็ง่าย ดอกกุหลาบปากซอย 7 บาท ซื้อมาลองถ่ายเล่นๆ แสงในห้องทำงานไม่ได้สว่างมาก เลยไม่ได้ดึงกลีบดำๆไม่สวยออก ถ้าจะถ่ายงานสินค้าเหล่านี้ควรจะพิถีพิถันเรื่องความสมบูรณ์ของสิ่งที่เอามาถ่ายอย่างที่สุด ฝุ่นแค่เพียงเม็ดเดียวมักจะทำให้ภาพกลายเป็นภาพไม่สมบูรณ์ไปทันที


ฝุ่นทำให้ภาพไม่สวย


ลองเปลี่ยนมุมวางไฟ


ทิศทางแสงทอดเงามาด้านซ้ายเมื่อวางไฟด้านขวา


วางแฟลชสองด้านเลยซ้ายและขวา


ทำให้ได้ภาพไม่มีเงาด้านข้างแล้ว แต่เหลือเงาที่พื้นเล็กน้อย


เอากล้องตัวโปรดมาถ่ายเล่นเลย